โฮเชยา 7 ผลจากการคดโกง

ความชั่วที่ถูกเปิดเผย
1 เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมรักษาอิสราเอล
ความบาปต่าง ๆ ของอิสราเอลจะถูกเปิดเผย
และการกระทำชั่วของสะมาเรียก็จะถูกเปิดโปง
เพราะพวกเขาทำการหลอกลวง
มีโจรเข้าไปในบ้านเรือน
และกลุ่มโจรก็ปล้นอยู่นอกบ้าน  
2 แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า
เราจำความชั่วร้ายทั้งสิ้นของพวกเขา 
บัดนี้ ความบาปของเขาอยู่รอบตัวเขา
มันอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง 

ความชั่วที่ถูกเปิดเผย
7:1-2 พวกเขาทำชั่วหนักมาก แต่พระเจ้าต้องการที่จะรักษาพวกเขา พวกเขาไม่สำนึกผิด แต่หลงทำผิดไปเรื่อย ๆ สะสมไปตลอดชีวิต
ถ้าจะมองประวัติศาสตร์ของอิสราเอล เราจะพบว่า พระเจ้าทรงเรียกพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์ครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่สนใจ
ไม่ต้องการกลับมาหาพระองค์เลย จนกว่าพวกเขาจะพบความทุกข์ยากลำบากก่อน
นี่เป็นความเย่อหยิ่ง หรือเป็นความโง่เขลากันแน่
พวกเราหวังเสมอว่า พระเจ้าจะลืมความบาปของเราอย่างที่ตรัสไว้ในเยเรมีย์ 31:34 แต่ ..บาปเหล่านั้น หากไม่ได้รับการกำจัดไป ก็จะยังอยู่ ในพระคัมภีร์โฮเชยา พระเจ้าทรงเรียกให้กลับมา (แต่บัดนี้ พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์มายังคนต่างชาติอย่างพวกเราด้วย ..นั่นคือ บาปของเราจะหมดไปได้มีทางเดียวก็คือ การวางใจในพระเยซูผู้ที่ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา )

ความเร่าร้อนเพื่อทำชั่วของอิสราเอล
3 พวกเขาทำให้กษัตริย์พอพระทัย
ด้วยความชั่วของพวกเขา
ทำให้เจ้านายพอใจด้วยคำมุสา
4 พวกเขาทุกคนทำผิดประเวณี 
เป็นเหมือนเตาอบที่ผู้อบอุ่นให้ร้อน
เขาไม่เกลี่ยถ่านให้คุ
ตั้งแต่ที่เขานวดแป้งจนถึงตอนที่แป้งฟูขึ้น 
5 ในวันของกษัตริย์ของพวกเรา
พวกเจ้านายก็ร้อนเร่าด้วยเหล้าองุ่น
มีการสมคบคิดกับพวกชอบดูหมิ่น 
6  เพราะจิตใจของพวกเขาเป็นเหมือนเตาอบ
พวกเขาชักชวนให้กษัตริย์เข้ามายังเตาอบของพวกเขา
ความโกรธของพวกเขาคุกรุ่นอยู่ทั้งคืน 
ในเวลาเช้ามันก็ลุกเป็นไฟที่ลุกโพลง 
7 พวกเขาทุกคนร้อนเหมือนอย่างเตาอบ
และก็ล้างผลาญผู้ปกครอง 
กษัตริย์ทั้งหลายของพวกเขาก็ล้มลง
ไม่มีใครสักคนที่ร้องเรียกหาเรา

ความเร่าร้อนเพื่อทำชั่วของอิสราเอล
7:3. พวกเขาทำการผิด ต่อประชาชน ต่อฝ่ายตรงข้าม ที่จะช่วยให้กษัตริย์มีอำนาจมากขึ้น  กษัตริย์ที่พระเจ้าประทานให้ แทนที่จะดำรงความยุติธรรมกลับหาประโยชน์จากประชาชน
7:4 เตาอบที่ผู้ที่ถูกอุ่นให้ร้อน .. คือ ความเร่าร้อนในใจอิสราเอลที่อยากกราบไหว้รูปเคารพ  เป็นเหมือนตัณหาที่ไม่อาจควบคุมได้
ไม่มีใครมาหาพระเจ้าเลย ไม่ร้องหาพระเจ้า ไม่ถวายเครื่องบูชาต่อพระองค์อย่างจริงจัง ถูกต้องอีกต่อไป ทุกอย่างเป็นเพียงพิธีกรรมที่ไร้ความหมาย 
7:5 ข้อ 5-7 กล่าวถึงการปลงพระชนม์กษัตริย์สี่องค์ของอิสราเอล
พวกจัดงานเลี้ยงกัน เข้าไปสุมหัวเมาด้วยกัน โดยไม่รู้ว่า อีกฝ่ายต้องการฆ่าตนเอง
7:6 ใจที่เหมือนเตาอบก็คือ แอบความโกรธเอาไว้ไม่ให้รู้ แล้วค่อยทำให้กษัตริย์ได้เข้ามาในเตาอบเพื่อการประหารในเวลาที่ความโกรธพลุ่งเต็มที่ อย่างที่เกิดขึ้นกับกษัตริย์ของอิสราเอล
7:7 กษัตริย์ถูกฆ่าสี่องค์ในราชวงศ์ทางเหนือ ถึงอย่างนั้น ผู้คนก็ปล่อยให้ผ่าน ไม่ตามหาพระเจ้าเลย

จะเห็นการเปรียบเทียบอิสราเอลกับสี่สิ่ง คือ เตาอบ แป้ง-ขนมปัง นกเขา และคันธนูคดงอ

ความเย่อหยิ่งที่ทำให้ใจบอด
8 เอฟราอิมยอมให้ตนเองไปคลุกคลีกับชาติต่าง ๆ
เอฟราอิมเป็นขนมปังที่สุกเพียงด้านเดียว
9 คนต่างชาติก็มาสูบเอากำลังของเขาไป
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกตัว
เส้นผมของเขาเริ่มหงอกแล้ว
แต่เขาไม่สังเกตเห็น 
10 ความยโสของอิสราเอลได้ปรักปรำพวกเขาเอง
ถึงเป็นอย่างนี้
พวกเขาก็ยังไม่กลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา 
และไม่แสวงหาพระองค์ 

ความเย่อหยิ่งที่ทำให้ใจบอด
7:8-9 อิสราเอลให้ชนชาติต่าง ๆ ความเชื่อในเทพอื่น เข้ามาผสมปนเปกับความเชื่อในพระยาห์เวห์แห่งอิสราเอล พวกเขาเหมือนขนมปังสุกข้างเดียว ไม่เหมาะที่จะเอามากิน
การทำเช่นนั้น ทำให้เขาหมดกำลัง ไม่มีกำลังจากพระเจ้าหลงเหลือ มัวแต่หลงระเริงกับการบูชาเทพต่างชาติเหล่านั้น  การไม่ฟังพระเจ้า ทั้งที่ พระองค์ประทานสิ่งดีให้ทำให้พวกเขาหมดแรง ดูแก่แบบไม่รู้ตัวเอาเลย 
ที่บอกว่าต่างชาติมาสูบกำลังไป นั่นคือ พวกเขาต้องคอยส่งส่วย ส่งบรรณาการให้กับประเทศที่เขาต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาทำงานเพื่อให้คนต่างชาติได้เอาไปใช้ แต่ส่วนตัวเองไม่เหลืออะไร
แม้ว่าจะกลายเป็นประเทศที่อ่อนแอ ต้องพึ่งกำลังทางทหารของชาติอื่น แต่ก็ยังโอหังเกินไป ไม่แสวงหาพระเจ้า จะเห็นว่าเมื่อโยโรโบอัมที่สองปกครอง อิสราเอลก็อ่อนแอลงไปมาก

11 เอฟราอิมจึงกลายมาเป็นเหมือน
นกเขาที่หลอกง่าย ไร้ปัญญา
พวกเขาร้องหาอียิปต์
แล้วก็ไปหาอัสซีเรีย
12 ขณะที่พวกเขาเดินทางไป
เราจะเหวี่ยงตาข่ายของเราครอบพวกเขาไว้
เราจะดึงพวกเขาลงมาเหมือนนกในอากาศ

เราจะลงวินัยพวกเขา 
ตามข่าวที่ชุมชนของเขาได้ยิน

7:10-12 ความทะนงตนของอิสราเอล ทำให้พวกเขาเป็นคนไร้ปัญญาฝ่ายวิญญาณ พวกเขาหันไปเชื่อชาติมหาอำนาจในสมัยนั้น คืออียิปต์ บางครั้งก็หันไปหาอัสซีเรีย7:2, 13, 16.
แต่พระเจ้าไม่ทรงปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ พระองค์จะทรงลงวินัยให้เขารู้ว่า ทรงเป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลที่มีสิทธิอำนาจเหนือพวกเขา

โฮเชยา 5: 13  เมื่อเอฟราอิมเป็นความเจ็บป่วยของตน และยูดาห์เห็นบาดแผลของตน เอฟราอิมก็หันไปหาอัสซีเรีย และส่งตัวแทนไปหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่(กษัตริย์ยาเรบ) ในข้อ 11 ของบทนี้ก็พูดอย่างเดียวกันแต่กษัตริย์นั้น ไม่อาจรักษา หรือบำบัดบาดแผลของเจ้าได้

ไปหาผู้ช่วยอื่น วิ่งหนีจากพระเจ้าไป
13 วิบัติแก่พวกเขา เพราะเขาหนีไปจากเรา
ความพินาศจะเกิดขึ้นกับเขา
เพราะเขาดื้อด้านต่อเรา
แม้ว่าเราต้องการไถ่เขายิ่งนัก
แต่พวกเขาก็พูดมุสาปรักปรำเรา 

 14 พวกเขาไม่ร้องทูลต่อเราจากหัวใจ
แต่กลับร้องคร่ำครวญบนเตียงนอน
พวกเขาเชือดเฉือนเนื้อตนเอง
เวลาร้องขอข้าวและเหล้าองุ่นใหม่
ถึงอย่างนั้นก็หันไปจากเรา 
15  เราฝึกฝนพวกเขา
และทำให้แขนของพวกเขาเข้มแข็ง 
แต่เขาวางแผนร้ายต่อต้านเรา 
16  พวกเขากลับมา แต่ไม่หันไปหาเบื้องบน
เป็นเหมือนคันธนูคดงอ  
ผู้นำของพวกเขาล้มลงด้วยดาบ
เพราะลิ้นของพวกเขากล่าวคำโอ้อวด
ด้วยเหตุนี้เอง
พวกเขาจะถูกเยาะหยันในแผ่นดินอียิปต์!

ปหาผู้ช่วยอื่น วิ่งหนีจากพระเจ้าไป  
7:13 อิสราเอลหนีจากพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่พระเจ้าเรียกกลับมา พระเจ้าทรงเห็นว่า ในใจของเขาดื้อต่อพระองค์เป็นที่สุด ไม่ว่าน้ำพระทัยจะดีเพื่อเขาขนาดไหน เขาก็กลับปรักปรำพระองค์
คนเรามักจะกล่าวว่า “ถ้าพระเจ้าดี ทำไมส่งคนไปลงนรก?” พูดกันอย่างนี้เสมอ ทั้ง ๆ ที่ในความจริงแล้ว เป็นเพราะพระองค์ยื่นความรอดให้ แต่พวกเขาปฏิเสธ เลือกที่จะเดินตามทางที่ตนเองตัดสินใจ
พระคัมภีร์เล่ม CJB แปลอย่างนี้ว่า นี่เราควรจะไถ่พวกเขาหรือ ในเมื่อพวกเขามุสา ปรักปรำเรา?

7:14  พวกเขาขออาหาร เหล้าองุ่นจากพระเจ้า แต่กลับทำตัวเหมือนตอนที่ไปร้องขอฝนจากบาอัลแข่งกับเอลียาห์ 1 พงศ์กษัตริย์ 18:28
 ที่ร้ายคือ เขาปรักปรำพระเจ้าเมื่อเขาพบความเดือดร้อน
โฮเชยา 11:3 3  เราเอง เป็นคนที่สอนให้เขาเดิน เราอุ้มพวกเขาไว้ในอ้อมแขนของเรา  แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า เราเป็นผู้บำบัดรักษาเขา
ที่พวกเขาพ่ายแพ้ เพราะไม่ยอมพึ่งพระเจ้า เอาแต่ทำตามใจตน
ทั้งหมด จะเห็นการเปรียบเทียบอิสราเอลกับสี่สิ่ง คือ เตาอบ แป้ง นกเขา และคันธนูคดงอ

7:15 น่าจะหมายถึงกรที่พระเจ้าทรงให้ความช่วยเหลือในการที่ฝึกฝนให้พวกเขามีความสามารถในการทำสงคราม เอเสเคียล 30:24-25 กษัตริย์ดาวิดเองกล่าวว่า พระเจ้าทรงฝึกมือของข้าให้ทำสงคราม ..สดุดี 144:1 แต่ถึงอย่างนั้นอิสราเอลกลับไร้ความกตัญญู วางแผนร้ายต่อต้านพระเจ้า
17:16 เขาไม่หาพระเจ้าเลย .. ผู้นำจึงต้องตายด้วยการถูกฆ่าตาย ไม่ใช่ตายธรรมดา พวกเขาใช้คันธนูที่กลับมาประหารผู้นำของตนเอง (กษัตริย์สี่องค์ที่ถูกลอบปลงพระชนม์ เศคาริยาห์ ชัลลูม เปคาหิยาห์ เปคาห์ ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 15)
ลิ้นที่กล่าวคำโอ้อวดนี้ มีความหมายหลายอย่าง ลิ้นพูดจาอย่างโกรธเกรี้ยว พูดอวดดี พูดไร้ยางอาย
แล้วอิสราเอลจะกลายเป็นคนที่ถูกเยาะในแผ่นดินต่างชาติ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองถือว่าเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือกเท่านั้น

พระคำเชื่อมโยง

1* โฮเชยา 5:1
2* เยเรมีย์ 14:10; 17:1
3* โฮเชยา 1:1; โรม 1:32
4* เยเรมีย์ 9:2; 23:10
5* อิสยาห์ 28:1, 7

7* อิสยาห์ 64:7
8* สดุดี 106:35
9* โฮเชยา 8:7
10* โฮเชยา 5:5; อิสยาห์ 9:13
11* โฮเชยา 11:11; อิสยาห์ 30:3; โฮเชยา 5:13; 8:9

12* เอเสเคียล 12:13; เลวีนิติ 26:14
13* มีคาห์ 6:4
14* โยบ 35:9-10; อาโมส 2:8
16* สดุดี 78:57; 73:9; โฮเชยา 8:13; 9:3

โฮเชยา 6 กลับมารู้จักพระเจ้า


กลับมาเถิด
มาเถิด ให้เรากลับมาหาองค์พระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ได้ทรงฉีกเราเป็นชิ้น
และพระองค์จะทรงรักษาเรา
พระองค์ได้ทรงฟาดฟัน
 และพระองค์จะทรงพันบาดแผลให้ 

2 สองวันต่อมา พระองค์จะทรงให้ชีวิตใหม่แก่เรา
และในวันที่สาม พระองค์จะทรงให้เราฟื้นขึ้นมา
เพื่อว่า เราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
ให้เรารู้จัก ให้เราพยายามที่จะรู้จักพระยาห์เวห์
พระองค์ทรงปรากฏอย่างแน่นอนเหมือนกับฟ้ายามเช้า พระองค์จะทรงมาหาเราดั่งสายฝน
เหมือนกับสายฝนที่โปรยลงมายังผืนดิน ในฤดูใบไม้ผลิ   



กลับมาเถิด
ก่อนหน้านี้พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่าจะมีการลงโทษพวกเขาทั้งชาติ
แต่มาบทนี้ พระเจ้าทรงเรียกให้กลับมา เรารู้ไหมว่า พระเจ้าทรงมีพระทัยที่ชอกช้ำมากเพียงใดกับคนของพระองค์? นั่นหมายถึงตัวเราด้วย

6:1-3 เป็นเหมือนคำขอร้องจากโฮเชยาเอง เขารู้ว่า การพิพากษา ความทุกข์ยาก หรือวินัยที่พระเจ้าให้กับคนของพระองค์นั้น เป็นโอกาสที่ทำให้กลับมาหาพระองค์ แม้พระเจ้าจะทรงทำอย่างแรงแต่ก็ไม่เกินที่พระองค์จะทรงบำบัดรักษา  โฮเชยาใช้คำว่า เรา ซึ่งเท่ากับเขามองว่าตนเองก็เป็นคนพวกเดียวกับประชาชนที่หลงทางไปจากพระเจ้า
พยายามรู้จักพระเจ้า ตามพระองค์ มีประสบการณ์สัมผัสพระองค์ เมื่อเรามาใกล้พระเจ้า พระเจ้าจะมาใกล้เรา (ยากอบ 4:8)
เปาโลได้กล่าวถึงการที่อิสราเอลจะกลับมาเป็นของพระเจ้าในวันสุดท้าย ในโรมบทที่ 9-10-11 

พระเจ้าทรงฉีกเราเป็นชิ้น ๆ  ทรงทำให้บาดเจ็บ  แต่จะทรงรักษา บาดแผลให้  คนของพระเจ้าที่ถูกพระเจ้าทรงลงวินัยนั้น ต้องเข้าใจว่า พระองค์ทรงรักยิ่งนัก (ฮีบรู 12)
พระเจ้าทรงสัญญาจะรื้อฟื้น ..  จะประทานชีวิตคืนมา จากคนบาปได้รับชีวิตใหม่ อิสราเอลกำลังป่วยหนักฝ่ายวิญญาณ ดูภายนอกเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ภายในนั้น เน่าเฟะ ต้องการการบำบัดรักษาจากพระเจ้า
พระเจ้าทรงเปิดเผยให้โฮเชยารู้ว่า พระองค์จะทรงชนะใจคนของพระองค์ จะทรงนำอาณาจักรที่หลงทางไปในความบาปกลับมาอีกครั้ง 

การใช้ชีวิตต่อพระพักตร์พระองค์ = การมีชีวิตที่เชื่อฟัง   การใช้ชีวิตโดยตระหนักว่า เราอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าเสมอ
สองวันต่อมา …​การบำบัดรักษาของพระเจ้านั้น รวดเร็ว!
เรามาหาพระเจ้า แล้วเราจะตามพระองค์ … และเราจะพบพระองค์ แสงสว่างของพระองค์
วันที่สาม สาม หมายถึงการเปิดเผย และชัยชนะ  เป็นชัยชนะของพระเจ้า ที่จะทรงนำอาณาจักรของพระองค์มาในโลกนี้
หากเราพยายามที่จะรู้จักพระองค์ เราจะพบพระองค์แน่นอนเหมือนกับเราพบเวลาเช้า ทุกเช้าในชีวิตของเรา เราจะได้แสงสว่างจากพระองค์
ยิ่งกว่านั้น  พระองค์เสด็จมาอย่างฝน = ฝนหมายถึงพระพร

พระเจ้าทรงคร่ำครวญถึงคนของพระองค์

เอฟราอิมเอ๋ย?  เราจะทำอย่างไรกับเจ้าดี 
ยูดาห์เอ๋ย เราจะทำอย่างไรกับเจ้าดี? 

ความจงรักภักดีของเจ้านั้น
เป็นเหมือนหมอกบาง ๆ ยามเช้า
เป็นเหมือนน้ำค้างเช้าตรู่ที่ระเหยหายไป 
5 นี่เป็นเหตุที่เราใช้เหล่าผู้เผยพระดำรัส
มาฟาดฟันพวกเขา 
เราได้สังหารพวกเขาด้วยคำจากปากของเรา 
คำพิพากษาของเรานั้นปะทะราวกับสายฟ้าแลบ

พระเจ้าทรงคร่ำครวญถึงคนของพระองค์

6:4 ในขณะที่อิสราเอลและยูดาห์ต่างปฏิบัติต่อพระเจ้าอย่างไม่เคารพ
ไม่รัก ไม่ภักดี พระเจ้ายังทรงตั้งพระทัยที่จะให้พวกเขากลับมาหาพระองค์
บทกวีนี้ ได้กล่าวว่า ความรักของพวกเขาเหมือนหมอกบาง เหมือนน้ำค้างยามเช้าที่อยู่ไม่นานแล้วหายไป เป็นภาพที่ทำให้น้ำตาไหลกับความรักมั่นคงของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ที่ต่างเข้าใจว่า ตนเองอยู่ได้โดยไม่มีพระองค์ คำปรารภของพระองค์นั้น บ่งบอกถึงความท้อแท้ของพระเจ้าที่ต้องพบเจอกับผู้คนที่ไร้ความภักดีเช่นนี้
6:5 ระยะเวลาหลายต่อหลายรัชกาลของกษัตริย์ทางเหนือและใต้ พระเจ้าทรงส่งคนของพระองค์มาเพื่อช่วยให้พวกเขาได้เข้าใจ และกลับใจมาหาพระเจ้า แต่ดูเหมือนว่า ไร้ผล พวกเขายังคงรักที่จะกราบไหว้รูปเคารพต่อไป น่าจะมีคนกลับมาหาพระเจ้าบ้าง แต่น้อยเหลือเกิน

เพราะเราต้องการความรักเมตตา ไม่ใช่เครื่องบูชา
เราต้องการความรู้ในพระเจ้ามากกว่าเครื่องเผาบูชา 

7  แต่พวกเขาเป็นเหมือนอาดัม
ที่ล่วงละเมิดพันธสัญญา
ที่นั่นพวกเขาทรยศต่อเรา 
8 กิเลอาดเป็นเมืองของคนทำชั่ว 
เต็มด้วยรอยเท้าที่เปื้อนเลือด
9 ที่ทำตัวเหมือนกองโจรคอยซุ่มทำร้ายผู้คน
ก็คือเหล่าปุโรหิตที่สังหารผู้คน
ตามถนนไปยังเมืองเชเคม
พวกเขาทำสิ่งที่โหดร้ายป่าเถื่อนนัก 
10 เราได้เห็นสิ่งที่เลวร้ายในวงศ์วานอิสราเอล
และความสำส่อนของเอฟราอิมก็อยู่ที่นั่น 
อิสราเอลทำตัวเป็นมลทิน 
11 โอ ยูดาห์ เวลาเก็บเกี่ยวถูกกำหนดไว้สำหรับเจ้าแล้ว 
เมื่อเราจะรื้อฟื้นทำให้ประชากรของเรา
กลับสู่สภาพเดิม 

6:6 พวกเขาไม่ได้มองเห็นพระเจ้าสำคัญ ไม่ให้ความเอาใจใส่ต่อคำเตือนเรื่องการลงโทษ พวกเขายังคงถวายเครื่องบูชาโดยทำแค่เป็นพิธี ไม่มีการกลับใจใหม่ สนใจพิธีกรรมมากกว่าที่จะรู้จักพระเจ้าเป็นส่วนตัว
6:7 แล้วพระเจ้าก็ทรงย้อนไปถึงอาดัมที่ละเมิดคำบัญชาของพระองค์
คำว่าพันธสัญญา בְּרִית บะรีท คือพันธสัญญา ไม่ได้มีความหมายแค่ข้อตกลง แต่ยังหมายถึงข้อตกลงที่ทำให้สองฝ่ายมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อกัน มีความเป็นเพื่อน ใกล้ชิดกัน เป็นพวกเดียวกัน อิสราเอลและอาดัมทำเหมือนกันคือ เลิกความใกล้ชิด เป็นเพื่อนที่ไว้ใจกัน
6:8 กิเลอาด เป็นเมืองคนทำชั่ว เป็นเมืองที่มีการนองเลือดไม่หยุดหย่อน คำที่ใช้คือ คนที่ทำการชั่วร้าย เน้นการทำชั่วร้ายอย่างต่อเนื่อง สื่อการมีอาชีพทำความชั่วร้าย
6:9 แม้กระทั่งคนที่เป็นปุโรหิตยังเป็นฆาตกรตามถนนด้วย
6:10 ความสำส่อนของอิสราเอลกับเทพเจ้าอื่น ๆ เป็นมลทินเพราะการไปปรนนิบัติพระอื่น
6:11 แต่พระเจ้าไม่ทรงยอมแพ้ พระองค์จะทรงรื้อฟื้นเขาให้กลับคืนสู่สภาพเดิม พระเจ้าจะทรงให้พวกเขาเป็นปุโรหิตที่ภักดีของพระองค์ที่ทำให้คนทั้งโลกได้มารู้จักพระองค์​ เหมือนอย่างที่ได้ตรัสกับโมเสส ในอพยพ 19:5-6
5 บัดนี้หากเจ้าทั้งหลายเชื่อฟังเราอย่างหมดใจและรักษาพันธสัญญาของเรา เจ้าก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ล้ำค่าของเราจากประชาชาติทั้งปวงทั่วโลก ถึงแม้ทั้งโลกนี้เป็นของเรา 6 แต่เจ้า[a]จะเป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิตและเป็นชนชาติที่บริสุทธิ์สำหรับเรา’ เจ้าจงบอกชนชาติอิสราเอลตามนี้

พระคำเชื่อมโยง

1* อิสยาห์ 1:18 ; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:39 ; เยเรมีย์ 30:17
2* 1โครินธ์ 15:4
3* อิสยาห์ 54:13; 2 ซามูเอล 23:4; สดุดี 72:6; โยบ 29:23
5* เยเรมีย์ 23:29
6* มัทธิว 9:13; 12:7; มีคาห์ 6:6-8; ยอห์น 17:3
8* โฮเชยา 12:11
9* โฮเชยา 9:1-10; เอเสเคียล 22:9; 23:27


โฮเชยา 5 การลงโทษที่ใกล้เข้ามา

อิสราเอลไม่แสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจัง
1 “เหล่าปุโรหิต จงฟังทางนี้!
วงศ์วานอิสราเอล จงตั้งใจฟัง
เหล่าราชวงศ์ จงฟังใกล้ ๆ
เพราะการลงโทษมาถึงพวกเจ้าแล้ว
เพราะพวกเจ้าเป็นกับดักที่มิสปาห์
และเป็นตาข่ายที่วางดักไว้บนภูเขาทาโบร์

ข้อ 1-7 อิสราเอลไม่แสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจัง
พระเจ้าทรงเรียกคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ ปุโรหิต หรือประชาชนทั่วไป ไม่มีใครที่พระเจ้ายกเว้น
จากบทที่ 1 เป็นต้นมา พระเจ้าทรงเตือนแล้ว เตือนอีก แต่พวกเขาก็ยังไม่ฟังพระสุรเสียงของพระองค์

มิสปาห์อยู่ในกิเลอาด อยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
ส่วนภูเขาทาโบร์ อยู่ในหุบเขายิสเรเอล ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบกาลิลี เหล่าปุโรหิตได้ชักชวนให้ประชาชนกราบไหว้เทวรูปที่นั่น
พวกเขาเป็นกับดัก มีความหมายถึง การวางแผนทำร้าย หรือ ต้นเหตุของความหายนะ

ทาโบร์เป็นภูเขาที่บาราคได้ชัยชนะ และเป็นภูเขาที่พระเยซูทรงเปลี่ยนพระกายเป็นพระองค์จริงให้ศิษย์สามคนได้เห็น  

เพราะไม่รู้จักพระเจ้า
2  เหล่ากบฏก็ออกไปสังหารผู้คนอย่างโหดร้าย 
เราจะปราบพวกเขาทุกคน (หรือเราเป็นผู้ตำหนิ)
3 เรารู้จักเอฟราอิมเป็นอย่างดี
และอิสราเอลก็ไม่ได้ซ่อนไว้จากสายตาเรา
บัดนี้ เอฟราอิมเอ๋ย เจ้าได้ทำตัวเสเพล
อิสราเอล
ก็เป็นมลทิน 
4 พฤติกรรมของพวกเขา
ไม่ปล่อยให้เขากลับไปหาพระเจ้าของพวกเขา
มีวิญญาณแห่งความสำส่อนอยู่ท่ามกลางพวกเขา
และพวกเขาไม่รู้จักองค์พระยาห์เวห์ 

ความอหังการของอิสราเอล
เป็นหลักฐานฟ้องพวกเขา
ทั้งอิสราเอลและเอฟราอิมสะดุดล้มลง
เพราะความชั่วร้ายของเขา
แม้แต่ยูดาห์ก็ล้มลงไปกับพวกเขาด้วย 


เพราะไม่รู้จักพระเจ้า
5:2 เหล่ากบฎ พวกนี้ก็คือพวกราชวงศ์ และปุโรหิต ที่โหดร้าย เที่ยวไปฆ่าประชาชนตามอำเภอใจ
กบฎ..ในภาษาฮีบรูใช้คำว่า  שֵׂט เซธ หมายถึงผู้ที่บิดเบือน หลงไปจากศีลธรรม จริยธรรม รวมถึงการหันไปจากทางแห่งความเที่ยงธรรม
5:3 พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างที่พวกเขาทำ โดยที่พวกเขาไม่ได้สำนึกเช่นนั้น กลับทำตัวเสเพล เป็นมลทิน จึงไม่เหมาะที่จะมารับใช้นมัสการพระเจ้าเลยเอฟราอิมก็คือ อิสราเอลทางเหนือ พระเจ้าทรงเรียกเขาสองชื่อสลับไปมา นี่เป็นพระดำรัสสำหรับเราในปัจจุบันด้วย เพราะเรามองดีเป็นชั่ว ชั่วเป็นดี เราหลงไปจากทางของพระเจ้า ทำตามใจตัวเองเหมือนอิสราเอล
5:4 การมีวิญญาณของหญิงโสเภณี คือกราบไหว้เทวรูปมีอำนาจยึดจิตใจพวกเขาไว้ การที่พวกเขาเอาแต่จดจ่อกระสันทางเพศทำให้เขาไม่อาจรู้จักพระเจ้าได้ นี่เป็นมุมมองจากพระเจ้าที่โฮเชยาได้สื่อให้เห็น พวกเขาทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง วิญญาณแห่งการสำส่อน คือไปตามหาศาสนา ความเชื่อต่าง ๆ และแบบไหนที่ชอบก็ยึดแบบนั้นไว้ตามใจ ใช้ชีวิตตามตัวเองเลือก ไม่ใช่ตามพระเจ้า
พวกเขาไม่กลับมาหาพระเจ้าเพราะ … ไม่รู้จักพระองค์
5:5 ความอหังการ..เป็นหลักฐาน สมัยนี้ ความอหังการปรากฎใน
โซเชียลมีเดียอย่างมากมาย เป็นหลักฐานชัดว่าใครคิดอย่างไร
ไม่ใช่แค่สะดุดล้มลง แต่พวกเขา ถูกทำลาย ถูกโยนทิ้ง ถูกกวาดไปเป็นเชลย ข้อนี้ได้ใช้บอกภาพอธิบายถึงการที่ชนชาติหนึ่ง ๆ ถูกพระเจ้าทำลายด้วยพระองค์เอง (เยเรมีย์ 6:15; ดาเนียล 11:19)
พวกเขาพากันสะดุดไปด้วยกัน ประมาณร้อยห้าสิบปีต่อมาอิสราเอลก็ถูกอัสซีเรียกวาดไปเป็นเชลย ส่วนต่อมายูดาห์ก็ถูกบาบิโลนกวาดไปดังที่โฮเชยากล่าวไว้ล่วงหน้า








ความไร้สาระของพิธีกรรม
6 แม้ว่าพวกเขานำฝูงแพะแกะ และฝูงวัวของตน
เพื่อมาแสวงหา(ความโปรดปรานจาก)พระยาห์เวห์
แต่ก็ไม่พบพระองค์
พระองค์ทรงถอยจากพวกเขาไปแล้ว 
7 เขาทรยศต่อองค์พระยาห์เวห์ 
จริงแล้ว พวกเขาได้ให้กำเนิดลูกต่างชาติ

บัดนี้ (หรือ ในไม่ช้า) เทศกาลข้างขึ้นจะกลืนกินพวกเขาไป
พร้อมกับไร่นาของพวกเขา 

ความไร้สาระของพิธีกรรม
5:6 ตรงนี้ ผู้อธิบายหลายท่านเชื่อว่า โฮเชยาพูดถึงยูดาห์ทางใต้ ​​การนำแพะแกะมาแบบนี้หมายถึงการเข้ามาถวายเครื่องสัตวบูชา แต่อย่าลืมว่า เขาไม่รู้จักพระเจ้า .. พวกเขาได้นำเอาวิธีการนมัสการบาอัลมาไว้ในพระวิหารของพระเจ้า พระเจ้าทรงออกไปจากพวกเขา น่ากลัวมาก

5:7 การทรยศต่อพระเจ้านั้น มีความหมายคือ การปฎิบัติต่อพระเจ้าอย่างไร้ความภักดี การทรยศต่อพระเกียรติของพระเจ้า อกตัญญูต่อพระองค์
พวกเขากำเนิดลูกต่างชาติ นั่นคือ ลูกหลานของพวกเขากลับกลายเป็นคนที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางพันธสัญญากับพระเจ้า

โฮเชยาประกาศการลงโทษ
8 จงเป่าแตรในกิเบอาห์
จงเป่าเขาสัตว์ในรามาห์ 
และตะโกนร้องออกศึกในเบธอาเวน
เบนยามิน จะตามเจ้าไป (จงกลัวจนตัวสั่น)
9 เอฟราอิมจะกลายเป็นที่ทิ้งร้าง
ในวันแห่งการลงโทษ
เราประกาศสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ
ท่ามกลางเผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล

โฮเชยาประกาศการลงโทษ
5:8 การเป่าแตรเขาสัตว์เป็นสัญญาณบอกภัย และเรียกให้ประชาชนเข้ามารวมตัวกันเพื่อป้องกันประเทศ เมืองทั้งสองอยู่ทางเหนือของนครเยรูซาเล็ม จะเห็นว่า ศัตรูกำลังเข้ามาใกล้พร้อมบุกอาณาจักรยูดาห์ทางใต้ พวกเขากวาดทางเหนือเรียบแล้ว ..กำลังลงมาทางใต้ ไม่มีใครถูกเก็บรักษาไว้ พวกเขาจะถูกศัตรูทำลายทั้งทางเหนือและทางใต้

5:9 พระเจ้าตรัสว่า พระองค์จะทรงลงโทษ และสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และจะเกิดตามที่ต่าง ๆ ของอิสราเอล ไม่มีส่วนไหนที่ถูกยกเว้นเลย

ผู้ที่กดขี่ข่มเหงผู้อื่นจะถูกข่มเหง
10 เหล่าผู้นำของยูดาห์
เป็นเหมือนคนที่โยกย้ายหลักเขตแดน
เราจะเทการลงโทษเหนือพวกเขาราวน้ำโถมเข้ามา
11 เอฟราอิมถูกข่มเหง
เขาถูกขยี้ยับเยินจากการลงโทษ
เพราะเขาตั้งใจที่จะติดตามสิ่งที่ไร้ค่า 

ผู้ที่กดขี่ข่มเหงผู้อื่นจะถูกข่มเหง
5:10-11 ความผิดของผู้นำยูดาห์คือ การไปเปลี่ยนเขตเสาหลักของที่ดินเพราะได้รับสินบน นี่เป็นการคดโกงในหมู่ผู้นำ พระเจ้าบอกว่า พวกเขาจะถูกลงโทษ … พวกเขาจะถูกทำลายเหมือนถูกกวาดด้วยน้ำ พระเจ้าจะทรงเทความกริ้วของพระองค์ลงมาด้วยพระองค์เอง
ส่วนเอฟราอิมก็ตามสิ่งไร้ค่า นั่นคือการตามสิ่งที่โกหก เราตามคนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่า พวกเขากำลังโกหกเราอยู่ แต่ก็ จะถูกลงโทษเช่นกัน

แผลเน่าที่ไม่มีวันหายขาด 
12 แต่เราเป็นเหมือนแมลงที่กัดกินเอฟราอิม
เป็นเหมือนความผุพังของวงศ์วานยูดาห์ 
13  เมื่อเอฟราอิมเป็นความเจ็บป่วยของตน
และยูดาห์เห็นบาดแผลของตน 
เอฟราอิมก็หันไปหาอัสซีเรีย
และส่งตัวแทนไปหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่(กษัตริย์ยาเรบ) 
แต่กษัตริย์นั้น ไม่อาจรักษา
หรือบำบัดบาดแผลของเจ้าได้
 (มีอีกนามว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือทิกลัทปิเลเสอร์ที่สาม ฉบับ 2 พงศาวดาร 28:16-21)

แผลเน่าที่ไม่มีวันหายขาด 
5:12 พวกเขาไม่ได้มองพระเจ้าเป็นที่หนึ่ง เป็นกษัตริย์เหนือชีวิต พระองค์จะทรงกัดกินพวกเขาเหมือนกับแมลงที่กินไม้ไปเรื่อย ๆ จนพังไปหมด
ถ้าพระเจ้าทรงเป็นเหมือนแมลงที่กัดกิน ความผุพังในชีวิต ชีวิตของเราจะพังไปขนาดไหน?

5:13 พอประเทศเริ่มไม่มีความมั่นคง แทนที่จะหันมาหาพระเจ้า พวกเขากลับย้อนไปหาอัสซีเรีย โดยหารู้ไม่ว่า อัสซีเรียต้องการอำนาจเหนือเขา ต้องการประโยชน์จากทรัพยากรที่พวกเขามีอยู่ กษัตริย์ยาเรบผู้นี้ น่าจะเป็นกษัตริย์ทิกลัท ปิเลเสอร์ที่สาม จาก 2 พงศ์กษัตริย์ 15:19 ; 2 พงศาวดาร 28:16-21

14 เพราะเราเป็นเหมือนสิงโตต่อเอฟราอิม
เราเป็นเหมือนสิงโตหนุ่มต่อวงศ์วานยูดาห์ 
ใช่แล้ว เราจะฉีกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วจะจากไป
เราจะคาบพวกเขาไป และไม่มีใครช่วยกู้พวกเขาได้เลย 
15 เราจะกลับไปยังที่ของเรา
จนกว่าพวกเขาจะยอมรับผิด และแสวงหาเรา
พวกเขาจะแสวงหาเราอย่างร้อนรนจริงใจ
เพราะความทุกข์ร้อนของพวกเขา 

5:14 พระเจ้าจะทรงโจมตีอิสราเอลและยูดาห์ ราวกับสิงโตที่โดดขย้ำผู้คน
การลงโทษของพระองค์ไม่เบา เจ็บปวด รวดเร็ว ตั้งตัวไม่ทัน สิงโตจะทำให้ผู้คนกระจัดกระจายออกไปด้วย
เป้าหมายของการที่พระเจ้าทรงทำกับเขาอย่างนั้น เพื่อว่าเขาจะกลับใจจริง
แสวงหาพระเจ้าจริง ต้องการพระองค์จริง ๆ

เชื่อกันว่า โฮเชยาใช้เวลาประมาณ 25  ปีในการกล่าวพระดำรัสเตือนของพระเจ้า 
คำว่า ความทุกข์ร้อนนี้ มาจากคำว่า צַר ซาร แปลว่า การบีบคั้น การเป็นศัตรู ความทุกข์ร้อน ความลำบาก มีความหมายรวมไปถึง ความแคบ ที่ ๆ เล็กอึดอัด ศัตรู!

ข้อสิบห้า ชัค มิสเลอร์ ตีความว่า สิงโตนั้นคือพระเยซู .. เราจะกลับไปยังที่ของเรา…กลับไปยังพระที่นั่งของพระบิดา คิดว่าตรงนี้เป็นข้อที่บอกถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สอง  อิสราเอลต้องกลับใจ  เลวีนิติ 26:32-42
ความทุกข์ร้อน พระเยซูตรัสในมัทธิว 24:22 และดาเนียล 12:1 จะนำอิสราเอลกลับใจ

ซาตานไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมันจึงเร่ง ทำร้ายอิสราเอลให้หมดไปจากโลกอย่างที่เราเห็นในสงครามที่อิสราเอลต้องเผชิญ ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมาอย่างชัดเจน  และอิสราเอลจะพบความทุกข์ร้อนที่ต่อเนื่อง ยาวนาน ถูกคนในโลกรุมประณาม ความอดทนของพวกเขาจะจบลงที่ไม่ไหวแล้ว ต้องหันมาหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์

พระคำเชื่อมโยง

1* โฮเชยา 6:9
2* อิสยาห์ 29:15
3* อาโมส3:2; 5:12 ; โฮเชยา 4:17
4* โฮเชยา 4:12
5* โฮเชยา 7:10

6* สุภาษิต 1:28
7* เยเรมีย์ 3:20
8* โยเอล 2:1 ; อิสยาห์ 10:30 ; โยชูวา 7:2
10* เฉลยธรรมบัญญัติ 19:14; 27:17

11* เฉลยธรรมบัญญัติ 28:33 ;มีคาห์ 6:16
12* สุภาษิต 12:4
13* เยเรมีย์ 30:12-15 ; 2 พงศ์กษัตริย์ 15:19
14* เพลงคร่ำครวญ 3:10 ; สดุดี 50:22