กิจการ 25 เฟสทัสและอากริปปา

อธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 25:1-3
เฟสทัส เป็นผู้ว่าคนใหม่ที่เดินทางจากวังในเมืองซีซาริยาไปเยรูซาเล็ม และได้พบพวกที่ฟ้องเปาโล คนพวกนี้แค้นฝังหุ่น ไม่ยอมเลิกราที่จะกำจัดเปาโลให้สิ้นซาก พวกยิวพยายามชวนให้เขาส่งเปาโลมาศาลที่เยรูซาเล็ม ทั้งนี้เพื่อจะได้ดักฆ่าง่าย ๆ
กิจการ 25:4-6
แต่เฟสทัสไม่สนใจ เพราะอย่างไรเขาจะกลับไปอยู่แล้ว ใครอยากฟ้องก็ต้องไปฟ้องที่ซีซารียาเอาเอง และอีกไม่กี่วันต่อมา เขาก็เปิดศาล
กิจการ 25:7-9
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำผิดต่อศาสนายิว หรือต่อโรม แต่ไม่วายที่เปาโลจะถูกฟ้องอย่างไม่เป็นธรรม เป้าหมายแท้จริงของยิวคือทำลายความเชื่อพระเยซูให้สิ้นไป และครั้งนี้เฟสทัสเองเป็นคนเสนอให้กลับไปทำคดีในเมืองเยรูซาเล็ม
กิจการ 25:10-12
แต่เปาโลรู้ดีว่า พวกเขาต้องการดักฆ่าแน่นอน และเป้าหมายของเขาไม่ใช่เยรูซาเล็ม แต่เป็นโรม เขาต้องการพูดเรื่องพระเยซูกับคนจำนวนมากในศาล ดังนั้น จึงเสนอว่า ขอถวายฎีกาต่อซีซาร์ ซึ่งหมายความว่าเขาต้องเดินทางไปโรม เอาล่ะ คราวนี้เปาโลก็ต้องถูกขังแช่ไว้ก่อนอีก
กิจการ 25:13-19
แต่แล้ว มีแขกคนสำคัญเข้ามาเยี่ยมต้อนรับผู้ว่าเฟสทัสที่เข้ามารับงาน นั่นคือกษัตริย์เฮโรด อากริปปา และภรรยาของเขา ซึ่งที่จริงมีศักดิ์เป็นน้องสาวของตนเอง เขาคนนี้เป็นกษัตริย์ตระกูลเฮโรดคนสุดท้าย เฟสทัสดีใจที่เจอทั้งสอง เพราะคิดว่าจะโยนคดีนี้ออกไปจากตัว เนื่องจากว่า เฮโรดเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพระวิหารของยิว เป็นผู้แต่งตั้งปุโรหิตยิว เขาสนใจข้อกล่าวหาที่ว่า เปาโลทำให้พระวิหารเป็นมลทิน
เขารายงานเฮโรด อากริปปาว่า จริง ๆ แล้วยิวไม่พอใจที่เปาโลอ้างว่า พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย
กิจการ 25:20-22
ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าควรตัดสินอย่างไร เฟสทัสจึงยินดีที่จะให้อะกริปปาได้มีส่วนในคดีนี้
กิจการ 25:23-27
วันที่เฮโรด อากริปปามาที่ศาลปรากฏว่าเป็นเรื่องใหญ่โตหรูหรา อลังการมาก มีแขกเหรือที่สำคัญมากมาย ​แม้ว่าเฟสทัสไม่ได้บอกใคร ๆ มาก่อนว่าเขาคิดอย่างไรจริง ๆ ในวันนี้เขามีความเห็นว่า เปาโลไม่สมควรถูกลงโทษถึงตายอย่างที่ยิวต้องการ เขาเองต้องการที่จะทำรายงานการไต่สวนส่งซีซาร์พร้อมกับนักโทษ เขาหวังว่าอากริปปาจะช่วยเขาสรุปคดีนี้

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 8:40; 25:4,6,13
2* กิจการ 24:1; 25:15
3* กิจการ 23:12, 15
5* กิจการ 18:14; 25:18
7* มัทธิว 15:3; ลูกา 23:2, 10; กิจการ 24:5, 13
8* กิจการ 6:13; 24:12; 28:17
9* กิจการ 12:2; 24:27; 25:20

11* กิจการ 18:14; 23:29; 25:25; 26:31; 28:19
14* กิจการ 24:2715* กิจการ 24:1; 25:2-3
16* กิจการ 25:4,5
17* มัทธิว 27:19; กิจการ 25:6, 10
19* กิจการ 18:14, 15; 23:29
21* กิจการ 25:11, 12

22* กิจการ 9:15
23* กิจการ 9:15
24* กิจการ 25:2, 3, 7; 21:36; 22:22
25* กิจการ 23:9, 29; 26:31; 25
;11-12

1 โครินธ์ 15 การคืนพระชนม์..สำคัญมาก!

การคืนพระชนม์ของพระเยซู
1 โครินธ์ 15:1-2
พี่น้องเอ๋ย บัดนี้ ข้าได้ฟื้นความทรงจำของท่านถึงข่าวประเสริฐที่ข้าเคยประกาศแก่พวกท่าน ซึ่งท่านได้รับไว้ และได้ยืนมั่นอยู่ในข่าวนั้น และท่านได้รับความรอดโดยข่าวประเสริฐ หากท่านยึดมั่นในคำที่ข้าได้ประกาศไป ไม่เช่นนั้นแล้วความเชื่อของท่านจะไร้ประโยชน์
1 โครินธ์ 15:3-4
เพราะว่า ข้าได้มอบสิ่งที่ข้าได้รับมาซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด นั่นคือ พระคริสต์ได้ทรงสิ้นชีวิตเพราะบาปของเราตามที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ ทรงถูกฝังไว้ และวันที่สามทรงถูกทำให้คืนพระชนม์ขึ้นมาตามที่พระคัมภีร์บันทึกไว้

การปรากฏพระองค์ที่เห็นกันชัดเจน
1 โครินธ์ 15:5-6
ทรงปรากฏพระองค์แก่เคฟาสและแก่อัครทูต ทั้งสิบสองคน
หลังจากนั้น พระองค์ทรงปรากฏแก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคน ในเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนมากยังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้ แม้ว่าจะมีบางคนล่วงหลับไป

1 โครินธ์ 15:7-9
ต่อมาจากนั้น พระองค์ได้ทรงปรากฏต่อยากอบและอัครทูตทั้งหมด ท้ายสุดยังทรงปรากฏต่อข้าพเจ้า เหมือนทารกซึ่งคลอดก่อนกำหนด เพราะข้าเป็นคนเล็กน้อยสุดในกลุ่มอัครทูต และไม่สมควรจะให้ใครเรียกว่าเป็นอัครทูต เพราะข้าได้ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้า
1 โครินธ์ 15:10
แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ข้าจึงได้เป็นอยู่อย่างที่เห็นนี้ พระคุณที่ประทานแก่ข้าไม่ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้ามข้าทำงานตรากตรำมากกว่าพวกเขาทั้งหมด แม้ว่าไม่ใช่เป็นด้วยตัวข้าเองแต่เป็นพระคุณที่อยู่ในข้าที่ทำให้
1 โครินธ์ 15:11
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวข้าหรือพวกเขาก็ดี เราต่างประกาศแบบนี้และท่านก็เชื่อตามคำที่ได้ประกาศ

พระเยซูผู้คืนพระชนม์เป็นความหวังเดียวของเรา
1 โครินธ์ 15:12-13
ก็เราได้ประกาศว่า พระคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์แล้ว เหตุใดพวกท่านบางคนจึงพูดว่า ไม่มีการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย? ถ้าไม่มีการเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว เท่ากับพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์

1 โครินธ์ 15:14-15
และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์เท่ากับการประกาศของเรานั้นไร้ค่า และความเชื่อของท่านก็ไร้ค่าด้วย ยิ่งกว่านั้น ผู้คนจะมองว่าเราเป็นพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเราเป็นพยานว่าพระองค์ได้ทรงทำให้พระคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์ แต่ถ้าคนตายไม่ได้ฟื้นคืนมาจริงแล้ว เท่ากับพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์

1 โครินธ์ 15:16-17
เพราะถ้าเหล่าคนตาย ไม่ได้ฟื้นคืนชีวิต เท่ากับพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์ด้วยและถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์ ความเชื่อของท่านก็ไร้ค่า เท่ากับท่านยังคงตกอยู่ในความบาปของตนเอง
1 โครินธ์ 15:18-19
และเมื่อเป็นอย่างนั้น เหล่าคนที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วยสิ ถ้าเรามีความหวังในพระคริสต์แค่ช่วงชีวิตในโลกนี้ เราก็เป็นคนที่น่าเวทนาที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง

ศัตรูตัวสุดท้ายที่ถูกทำลาย
1 โครินธ์ 15:20-21
แต่บัดนี้ พระคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์แล้ว ทรงเป็นผลแรกของ
เหล่าคนที่ล่วงหลับไปเพราะเมื่อความตายเกิดขึ้นโดยมนุษย์คนเดียว การฟื้นจากความตาย ก็เกิดขึ้นจากมนุษย์คนเดียวเช่นกัน
1 โครินธ์ 15:22-23
เพราะทุกคนตายสืบเนื่องจากอาดัมฉันใดทุกคนก็จะได้รับชีวิตเพราะการสืบเนื่องจากพระคริสต์ฉันนั้น แต่ว่าจะเรียงตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรกต่อจากนั้นก็คือ คนที่เป็นของพระคริสต์ในเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา


1 โครินธ์ 15:24-25
แล้วต่อมาคือเวลาสิ้นยุค เมื่อพระองค์ทรงถวายอาณาจักรแด่พระเจ้าพระบิดาหลังจากที่ทรงทำลายเหล่าผู้มีสิทธิปกครอง ผู้มีสิทธิอำนาจและอานุภาพทั้งหลายเพราะพระคริสต์ จะต้องทรงครอบครองจนกว่าพระองค์จะทำลายศัตรูทั้งหมดให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์
1 โครินธ์ 15:26-27
ศัตรูตัวสุดท้ายที่จะต้องถูกทำลายคือความตาย เพราะ “พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้พระบาทของพระองค์แล้ว”แต่เมื่อมีการกล่าวว่า “ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์” นั้น ก็เป็นที่รู้ชัดเจนว่า เป็นการยกเว้นพระเจ้าผู้ทรงกำราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจพระคริสต์

1 โครินธ์ 15:28
เมื่อทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของพระองค์แล้วพระบุตรเองก็จะทรงเข้ามาอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้าผู้ทรงกำราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงเป็นใหญ่เหนือสรรพสิ่ง

ผลของการปฏิเสธความจริงเรื่องการคืนจากตาย
1 โครินธ์ 15:29
ถ้าไม่มีการฟื้นขึ้นมาจากตายแล้วเหล่าคนที่รับบัพติศมาเพื่อคนตายจะทำอย่างไร? และทำไมจึงมีการให้รับบัพติศมาเพื่อคนตาย?
1 โครินธ์ 15:30-31
ทำไมเราจึงต้องเสี่ยงอันตรายทุกชั่วโมง? พี่น้องเอ๋ย ข้าเองเผชิญกับความตายอยู่ทุกวัน ข้ายืนยันด้วยความภูมิใจใน
ตัวท่าน ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

1 โครินธ์ 15:32
พูดตามเหตุผลของมนุษย์ ข้าจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าข้าต้องต่อสู้กับสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซัส หากไม่มีการฟื้นขึ้นจากตาย “ให้เรากินและดื่มเถิดเพราะว่าพรุ่งนี้เราก็จะตาย”
1 โครินธ์ 15:33-34
อย่าหลงผิดไป “การคบคนชั่วเป็นการทำให้นิสัยดี เสียไป”จงมีสติ … อย่าทำบาปอีก เพราะว่ามีบางคนไม่รู้จักพระเจ้า ที่ข้าพูดเช่นนี้เพื่อทำให้ท่านรู้จักละอายใจ

ร่างกายที่เต็มด้วยศักดิ์ศรี
1 โครินธ์ 15:35-36
แต่จะมีคนถามว่า “คนตายนั้นจะฟื้นคืนชีวิตมาได้อย่างไร? และพวกเขาจะมีร่างกายแบบไหน?” โอ เจ้าคนเขลา สิ่งที่ท่านหว่านนั้น กว่าจะงอก มีชีวิตขึ้นมาได้ มันต้องตายเสียก่อน
1 โครินธ์ 15:37-38
สิ่งที่ท่านหว่านไม่ได้หว่านเป็นรูปร่างต้นลงไป ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลีหรือพืชอย่างอื่น ท่านหว่านแค่เป็นเมล็ดเท่านั้นพระเจ้าทรงให้แต่ละต้นมีรูปร่างตามที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ประทานรูปร่างของต้นตามชนิดของมัน

1 โครินธ์ 15:39-40
ร่างกายนั้น ไม่เหมือนกันทั้งหมดร่างมนุษย์ก็อย่างหนึ่ง สัตว์ก็อีกอย่างนกก็อีกอย่าง ปลาก็อีกอย่าง ดังนั้นมีร่างกายสำหรับสวรรค์และมีร่างกายสำหรับโลก ความงาม
สง่าของร่างกายสวรรค์ก็อย่างหนึ่งความงามสง่าของโลกก็อีกอย่าง
1 โครินธ์ 15:41
ความงามสง่าของดวงอาทิตย์ก็อย่างหนึ่ง ดวงจันทร์ก็อีกอย่าง ดวงดาวก็อีกอย่าง ที่จริงแล้วความงามสง่าของดาวแต่ละดวงนั้นก็แตกต่างกัน

1 โครินธ์ 15:42-44
ร่างกายที่ถูกหว่านลงไปนั้นเน่าไปได้แต่ร่างกายที่เป็นขึ้นมานั้นไม่เน่าเปื่อย. สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้น ไม่มีเกียรติแต่เมื่อฟื้นคืนชีวิตก็มีเกียรติศักดิ์ศรี
สิ่งที่ถูกหว่านนั้นอ่อนกำลัง แต่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาก็มีพลัง สิ่งที่ถูกหว่านลงไปเป็นกายมนุษย์ แต่สิ่งที่คืนชีวิตขึ้นมาเป็นกายวิญญาณถ้ามีกายมนุษย์ก็มีกายวิญญาณด้วย

อาดัมแรกกับอาดัมที่สอง
1 โครินธ์ 15:45-46
ดังที่มีเขียนไว้ว่า “อาดัม มนุษย์คนแรกมาเป็นผู้มีชีวิต”
กายแรกนั้น ไม่ใช่กายวิญญาณ แต่เป็นกายมนุษย์แล้วหลังจากนั้นจึงเป็นกายวิญญาณ
1 โครินธ์ 15:47-49
มนุษย์คนแรกมาจากผงคลีดิน และเป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์ มนุษย์ดินผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินคนอื่น ๆ ก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์ผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์คนอื่น ๆ ก็เป็นอย่างนั้นและที่เรามีลักษณะของมนุษย์ดิน เราก็จะมีลักษณะที่เหมือนมนุษย์สวรรค์เช่นกัน

ชัยชนะสุดท้ายของเรา
1 โครินธ์ 15:50
พี่น้องทั้งหลาย ข้าขอบอกว่า เนื้อและเลือดไม่อาจมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้าได้ หรือสิ่งที่เน่าผุพังก็ไม่อาจมี
ส่วนในสิ่งที่ไม่ผุพัง
1 โครินธ์ 15:51-52
ดูเถิด ข้ากำลังจะบอกเรื่องล้ำลึกให้เราจะไม่ล่วงหลับไปทุกคน แต่เราทุกคนจะถูกเปลี่ยนใหม่ในชั่วขณะ ในพริบตาเมื่อมีการเป่าแตรครั้งสุดท้าย เมื่อมีเสียงแตร คนตายก็จะฟื้นคืนชีวิตไม่เน่าไปแล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนใหม่

ความตายพ่ายแพ้
1 โครินธ์ 15:53-54
เพราะสิ่งที่เน่าผุพัง ต้องสวมด้วยสิ่งที่ไม่เน่า และสภาพที่ตายนี้ต้องสวมด้วยสภาพที่ไม่ตาย เมื่อสิ่งที่เน่าผุพังสวมด้วยสิ่งที่ไม่เน่าและสภาพที่ตายสวมด้วยสภาพที่ไม่ตาย เมื่อนั้นพระคำที่บันทึกไว้จะสำเร็จเป็นจริงว่า “ความตายพ่ายแพ้ถูกกลืนหายไปด้วยชัยชนะ”

1 โครินธ์ 15:55-57
โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน?
โอ ความตาย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?
บาป เป็นเหล็กในของความตาย บัญญัติเป็นอำนาจของบาปแต่ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะแก่เหล่าผ่านทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
1 โครินธ์ 15:58
ดังนั้น พี่น้องที่รักของข้า จงมั่นคงไม่หวั่นไหว จงทำงานของพระเจ้าอย่างเต็มกำลังทุกเวลา ท่านทั้งหลายจงรู้ว่าการลงแรงในการรับใช้ของท่านจะไม่เสียเปล่า

อธิบายเพิ่มเติม

การคืนพระชนม์ของพระเยซู
1 โครินธ์ 15:1-2
และแล้วท่านเปาโลก็ย้อนกลับไปยังสิ่งที่สำคัญยิ่งคือ ข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศไปแล้ว และพี่น้อง ก็ได้ใช้ชีวิตติดตามข่าวนั้น ข่าวประเสริฐทำให้พี่น้องมีจุดยืนที่ชัดเจน มั่นคง จากคำเขียนของท่านทำให้เรารู้ว่า มีบางคนไม่ได้ยึดมั่นในคำที่ท่านสอน และทำให้ชีวิตของเขาขาดความเชื่อ
ข่าวประเสริฐไม่มีประโยชน์สำหรับชีวิตของคนแบบนั้นเลย
1 โครินธ์ 15:3-4
พระคำข้อนี้เป็นข่าวประเสริฐแบบย่อสุด สั้น ได้ใจความ เรียบง่าย ไม่คดเคี้ยวไปมา สมควรที่ เราจะจำไว้ให้ได้ต่อจากยอห์น 3:16 เป็นคำที่
บอกถึงแก่นของความเชื่อคริสเตียน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการสิ้นพระชนม์ การถูกเก็บในถ้ำเก็บศพ และการคืนพระชนม์เกิดขึ้นตามที่พระคัมภีร์
ได้เขียนล่วงหน้าไว้แล้ว ไม่ใช่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้น แต่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าให้รู้ว่า พระเยซูองค์นี้คือ พระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอดของโลก

การปรากฏพระองค์ที่เห็นกันชัดเจน
1 โครินธ์ 15:5-6
การคืนพระชนม์ของพระเยซูนั้น มิได้เป็นเรื่องเล่ามาเป็นตำนาน แต่พระองค์ทรงพิสูจน์ว่า ทรงคืนพระชนม์จริง เพราะทรงได้พบกับพี่น้องทั้งที่ใกล้ชิดและพี่น้องคนอื่น ๆ หลายร้อยคนให้เห็นเป็นประจักษ์พยานเพื่อพวกเขาจะได้เล่าคำพยานจากชีวิตจริงด้วยความมั่นใจว่า พระเยซูทรงคืน
พระชนม์มาแล้ว ด้วยว่ามีคนที่พยายามจะบิดเบือนการคืนพระชนม์มาโดยตลอดแม้กระทั่งทุกวันนี้
1 โครินธ์ 15:7-9
พระเจ้าพระบิดามิได้ทรงปล่อยให้เรื่องนี้ขาดพยานบุคคล พระเยซูผู้คืนพระชนม์จึงได้ปรากฏพระองค์ และสนทนากับอัครทูต น้องของพระองค์เองเช่นท่านยากอบ ซึ่งได้กลับใจมาเชื่อทีหลัง (ยากอบไม่ได้เชื่อพระเยซูในตอนที่ท่านยังอยู่ในครอบครัวเดียวกันกับพระเยซู)ในที่สุด พระเยซูทรงปรากฏพระองค์แก่ท่านเปาโลบนถนนสู่เมืองดามัสกัสด้วย (กิจการ 9:3-20)
1 โครินธ์ 15:10
ท่านเปาโลได้พบกับพระเยซูหลังจากอัครทูตและคนอื่น ๆ นานมาก ถึงกระนั้นท่านเองรู้ชัดว่า พระเจ้าทรงตั้งให้ท่านรับใช้พระองค์จริง ๆ ท่านได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระคุณของพระเจ้าจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ได้เป็นคนเดิมที่ข่มเหงคริสตจักรอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นคนที่สร้าง
คริสตจักรและดูแล สร้างเสริมพระกายพระคริสต์ และเป็นคนที่ถูกข่มเหงจากพวกยิวอย่างรุนแรง
1 โครินธ์ 15:11
จะเป็นท่านเปาโลหรืออัครทูตท่านอื่น ๆ ต่างก็มีเนื้อหาข่าวประเสริฐเดียวกัน และเรียกร้องให้ผู้ฟังเชื่อและเชื่อฟังทำตาม คำที่ท่านบอกว่า
เราต่างประกาศแบบนี้ คำเดิมมีความหมายว่าเราประกาศแบบนี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้หยุด การประกาศดังกล่าวได้พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง
ชีวิตมาจากพระเจ้า ผู้ฟังได้รับการเปลี่ยนชีวิตโดยพระคุณของพระเจ้า ทรงเปลี่ยนความคิด การกระทำของเราให้สอดคล้องกับพระทัยพระองค์

พระเยซูผู้คืนพระชนม์เป็นความหวังเดียวของเรา
1 โครินธ์ 15:12-13
เริ่มมีปัญหาแล้ว มีความคิดต่างออกไปจากข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศไป มีพี่น้องบางคนเชื่อว่า ในอนาคต จะไม่มีการฟื้นจากตายทั้ง ๆ ที่พระเยซู
ทรงคืนพระชนม์มาให้เห็นกับตา บางคนอาจคิดว่าพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ แต่คนอื่น ๆ จะไม่ฟื้นคืนชีวิต คนที่รับอิทธิพลกรีกรู้สึกว่า ถ้าจะเชื่อเรื่องการฟื้นจากตายของพี่น้องดูจะมากไป จึงตัดสินใจไม่เชื่อเสียดีกว่า แต่ท่านเปาโลไม่ยอม เพราะถ้าไม่เชื่อ เท่ากับไม่เชื่อเรื่องการคืนพระชนม์เช่นกัน
1 โครินธ์ 15:14-15
รู้ไหมว่า ความเชื่อของคริสเตียนนั้นเท่ากับศูนย์ หากพระเยซูคริสต์ไม่ได้คืนพระชนม์ เท่ากับเราติดตามคำบอกเล่าที่ไร้ค่า สิ่งที่ท่านเปาโลและอัครทูตประกาศ กลับกลายเป็นเรื่องโกหก ท่านกลายเป็นพยานเท็จเท่ากับไม่มีพระคริสต์ที่ฟื้นคืนพระชนม์ ตอนนี้ท่านกำลังจะสู้กับความเชื่อที่ทำลายตัวเองของพี่น้องในโครินธ์
1 โครินธ์ 15:16-17
การคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ เป็นหลักประกันว่า เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์ หากพระองค์ไม่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา เท่ากับพระองค์ไม่สามารถช่วยเราให้รอดได้ ดังนั้น การคืนพระชนม์ของพระเยซูจึงบอกเราว่า ความตายไม่มีอำนาจเหนือพระองค์ ทรงชนะความตายแล้ว และพระองค์ทรงถวายชีวิตของพระองค์เป็นเครื่องบูชา ทรงจ่ายค่าจ้างของความบาปให้ผู้เชื่อทุกคนแล้ว และเราไม่อยู่ในบาปของเราอีกต่อไป บาปจึงไม่มีอำนาจเหนือเราอีก
1 โครินธ์ 15:18-19
เคยมีคนถามว่า ทำไมพระเยซูต้องคืนพระชนม์ขึ้นมาด้วย? เราจะเชื่อพระองค์เหมือนอย่างเชื่อเหล่าศาสดาในศาสนาอื่นไม่ได้หรือ? ไม่ได้เลย เพราะหากพระเยซูไม่คืนพระชนม์ เท่ากับพระองค์ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พวกเราก็น่าเวทนาที่สุด ความจริงเรื่องการคืน-พระชนม์จึงสำคัญยิ่งต่อเรา พระเจ้าทรงสัญญาชีวิตหลังความตายให้เราด้วย ชีวิตของเราไม่ได้จบอยู่เพียงแค่โลกนี้

ศัตรูตัวสุดท้ายที่ถูกทำลาย
1 โครินธ์ 15:20-21
โดยไม่ต้องพิสูจน์ด้วยเหตุผลใด ๆ อีก (อย่างในข้อที่บอกว่า พระองค์ทรงปรากฏแก่คนเป็นจำนวนมากและแก่อัครทูต และแก่ท่านเปาโลเอง)
ท่านจึงประกาศว่า พระเยซูทรงคืนพระชนม์ขึ้นมาแล้ว ความบาปที่อาดัมทำ ส่งผลให้มนุษยชาติต้องตายฉันใด การคืนพระชนม์ของพระเยซู ก็จะ
ทำให้ผู้เชื่อที่ตกในความบาป ซึ่งเหมือนคนตายแล้วได้ฟื้นชีวิตฝ่ายวิญญาณขึ้นมา และหากเขาตายไป วันหนึ่งพระเจ้าจะทรงให้เขาได้ชีวิตคืนมาด้วย
1 โครินธ์ 15:22-23
อาดัมเป็นคนต้นของมนุษยชาติที่ทำให้คนทั้งโลกตกอยู่ในความตายเนื่องจากบาป พระเยซูคริสต์ทรงเป็นดั่งอาดัมคนที่สอง ซึ่งก็เป็นคนต้นของ
มนุษยชาติเช่นกัน และพระองค์ทรงทำให้ทุกคนที่อยู่ภายใต้พระองค์ได้มีการคืนชีวิตขึ้นมาแม้ว่าทุกคนจะได้คืนชีพ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะคืนชีพ
มาเพื่อได้ชีวิต เพราะคนที่ไม่เชื่อจะคืนชีวิตขึ้นมาเพื่อรับโทษ และยังมีชีวิตต่อไปในบึงไฟ อ่าน ยอห์น 5:29 และ โรม 5:12-13
1 โครินธ์ 15:24-25
สุดท้ายของวาระโลกเราก็คือ พระเจ้าจะทรงให้ทุกสิ่งในเอกภพมาสยบใต้พระคริสต์ (เอเฟซัส 1:10) พระเยซูจะทรงทำลายศัตรูทั้งสิ้นของพระบิดา ศัตรูที่พยายามจะเป็นหนึ่งเหนือพระองค์จะถูกพระบุตรทำลายสิ้น และพระบุตรได้ทรงปลดอำนาจของศัตรูจากการที่ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน การต่อสู้ยังคงมีต่อไป แต่ผู้ชนะศึกครั้งนี้ทรงปรากฏพระองค์ให้เห็นชัดแล้ว (โคโลสี 2:15)
1 โครินธ์ 15:26-27
ท่านเปาโลทำให้เราเข้าใจชัดเจนว่า ความตายคือ​​ศัตรู ทำไมล่ะ? เพราะมันทำให้เราไม่ได้มีชีวิตนิรันดร์อยู่กับพระเจ้า หากพระเยซูไม่ชนะความ
ตายโดยการฟื้นคืนพระชนม์ เท่ากับความตายชนะ แต่.. มันไม่ชนะ ผู้ชนะคือพระเยซูคริสต์ ความตายเป็นศัตรูของมนุษยชาติ และพระเยซู
เสด็จมาเพื่อทำลายความตายนั้นโดยการสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ขึ้นมา และพระองค์จะทรงให้ผู้เชื่อในพระองค์ทุกคนฟื้นคืนชีวิตด้วย
1 โครินธ์ 15:28
ในขณะที่ศัตรูต้องการเป็นใหญ่เหนือพระเจ้า แต่พระบุตรของพระองค์ผู้ทรงมีชัยชนะเหนือทุกสิ่งในเอกภพ กลับทรงเข้ามาอยู่ใต้พระดำริของพระบิดา นี่เป็นพระประสงค์ของพระบุตร จนกระทั่งพระองค์ทรงปราบศัตรูร้ายคือความตายแล้ว พระบุตรผู้มีความสัมพันธ์นิรันดร์กับพระบิดา ทรงประสงค์ที่จะอยู่ใต้พระบิดา โดยยกพระบิดาสูงส่ง สูงสุด

ผลของการปฏิเสธความจริงเรื่องการคืนจากตาย
1 โครินธ์ 15:29
พี่น้องชาวโครินธ์มีพิธีที่ทำบัพติศมาให้กับคนตายทั้ง ๆ ที่บอกว่าไม่เชื่อในการคืนชีพ นับเป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับความเชื่อ เป็นพิธีของคนไม่
เชื่อพระเจ้า (ที่เขาทำพิธีบัพติศมาให้คนตายเพราะเชื่อว่าคนเหล่านี้จะคืนชีวิตขึ้นมา) ท่านเปาโลไม่ได้เห็นด้วยกับพิธีนี้ แต่ท่านชี้ให้เห็นว่า
คริสเตียนชาวโครินธ์ขัดแย้งในตัวเองคนที่ตายไปนั้น ไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว! (ลูกา 16:19-31)
1 โครินธ์ 15:30-31
ท่านเปาโลยอมเสี่ยงชีวิตไม่ว่าจะไปประกาศที่ใด ท่านเผชิญอันตราย ความเป็นความตายอยู่ทุกวัน เป็นเพราะว่า ท่านเชื่อว่า พระเยซูทรงคืน
พระชนม์ และการคืนพระชนม์นั้น ทำให้ท่านและพี่น้องผู้เชื่อจะได้ฟื้นจากตายในวันที่ พระเยซูเสด็จกลับมาอีกที และความมั่นใจนี้ คือพื้นฐานความเชื่อของพวกเรา พระเยซูทรงพระชนม์ และสัมพันธ์กับเราทุกเวลา
1 โครินธ์ 15:32
การที่ท่านเปาโลเผชิญความยากลำบากต่าง ๆ ในการประกาศพระนามพระเยซูคริสต์อย่างเต็มใจ เพราะท่านรู้ว่า ท่านไม่ต้องกังวลใจไป ยังไงถึง
ตายไปแล้ว วันหนึ่งจะฟื้นขึ้นมาอีกแน่ ไม่ใช่ตายแล้วตายเลย ท่านกล่าวถึงเหตุการณ์ในเมืองเอเฟซัส (กิจการ 19:21-41) คนที่ไม่มีความหวังใจในพระสัญญาของพระเจ้าก็ไม่ต้องสนใจการใช้ชีวิตเพราะมันไม่มีค่าอะไรนัก แค่กิน ดื่ม แล้วก็ตาย จบกัน
1 โครินธ์ 15:33-34
การที่ท่านเปาโลต้องใช้เวลามากในการให้เหตุผลว่าคริสเตียนควรมั่นใจในการคืนชีวิตเพื่อจะได้อยู่กับพระจ้าเป็นนิตย์ก็เพราะ พี่น้องในโครินธ์ไปคบคนที่ไม่เชื่อ คบคนที่เชื่อพระเจ้าแบบตามใจตัวเองเรื่องไหนชอบก็เชื่อ เรื่องไหนไม่ถูกใจก็ไม่เชื่อ การคบสนิทสนมกับคนเหล่านั้นทำให้ความเชื่อคริสเตียนอันหนักแน่นกลายเป็นอ้อลู่ลมคำเตือนของท่านยังเหมาะกับเราทุกวันนี้ด้วย

ร่างกายที่เต็มด้วยศักดิ์ศรี
1 โครินธ์ 15:35-36
คำถามที่เกิดขึ้นทำให้ท่านเปาโลต้องใช้คำว่า เจ้าคนโง่ กับคนที่ถาม และเป็นคำที่รุนแรงมากแล้วท่านก็ให้เหตุผลว่า สิ่งใดก็ตามที่จะงอกขึ้น
มาใหม่ได้นั้น มันต้องตายก่อน คำตอบชัดเจนคือมันต้องเน่าไปเสียแล้วจึงทำปฏิกริยาต่าง ๆทางชีวเคมี กับดิน อากาศ แล้วต้นใหม่ก็งอกขึ้นมา
ก่อนที่คริสเตียนจะได้คืนชีวิตขึ้นมา ก็ต้องตายเสียก่อน ด้วยวิธีการอย่างไร พระเจ้าเท่านั้น ทรงทราบ
1 โครินธ์ 15:37-38
ท่านเปาโลเปรียบเทียบร่างกายของคนเราว่าเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ ซึ่งจงอกขึ้นมาตามชนิดของมัน เมื่อใดที่เราฝังผู้เชื่อในพระเจ้าก็เป็นคล้ายกัน
เรากำลังฝังร่างเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกขึ้น ฟื้นขึ้นมาใหม่เป็นร่างที่คืนชีพ! เราไม่ทราบว่า พระเจ้าจะทรงให้ร่างที่ฟื้นของเรานั้น เป็นอย่างไร
ขบวนการและปลายทางเป็นเรื่องของพระองค์ที่จะทรงทำอย่างเหนือธรรมชาติที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
1 โครินธ์ 15:39-40
จากข้อนี้ทำให้ราเข้าใจมากขึ้นตามการอธิบายของท่านเปาโลว่า ในบรรดาสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมานั้น (แม้ร่างของทุกร่างเมื่อตาย
กลายเป็นดิน หรือถูกเผาเป็นเถ้า และมีส่วนประกอบของแร่ธาตุต่าง ๆที่เหมือนกัน) แต่พระองค์ทรงให้ความแตกต่างของรูปร่างอย่างเห็นได้ชัดว่า คน นก ปลา ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ร่างของสวรรค์ ก็แตกต่างจากร่างที่ใช้ในโลกนี้ด้วย
1 โครินธ์ 15:41
สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างให้นั้น ต่างมีเอกลักษณ์มีความงามในตัวของมันเอง ธรรมชาติเป็นอย่างนั้น และนี่คือความมหัศจรรย์ที่พระเจ้าประทาน
ให้กับสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง นี่เองทำให้เรารู้ว่า ความงามสง่าของร่างกาย มนุษย์ สัตว์ พืช ก็มีความแตกต่างกันไปด้วย เพราะพระเจ้าของเราทรงปัญญาเลิศล้ำ พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งความหลากหลายในธรรมชาติ
1 โครินธ์ 15:42
แล้วสิ่งมหัศจรรย์กว่าความงามสง่าของสิ่งต่าง ๆก็คือ ร่างที่เปื่อยเน่าไปแล้ว จะกลับคืนฟื้นใหม่โดยที่ไม่เน่าเปื่อยอีกต่อไป ร่างกายที่เติบโตและ
มีการเปลี่ยนแปลงจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากคนที่แข็งแรงกลายเป็นคนหลังโกง เดินเชื่องช้า ร่างที่ขึ้นมาใหม่นั้นจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
มันจะไม่มีการแก่ลงไป ไม่ทรุดโทรมไปแต่เป็นร่างที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา
1 โครินธ์ 15:43-44
อุปมาเรื่องเมล็ดนี้ ทำให้รู้ว่าร่างกายของมนุษย์นั้น เป็นสรีระแบบที่ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน และต้องตาย คำว่าหว่านนี้หมายถึงร่างบาปที่ถูกฝังดิน สำหรับผู้เชื่อแล้วเมื่อร่างนี้ตายไป สิ่งที่จะคืนชีพขึ้นมานั้นเป็นร่างที่แตกต่างออกไป ไม่เป็นเหมือนร่างกายที่อยู่ในดิน ท่านเปาโลกล่าวว่า ร่างที่ฟื้นคืนมาใหม่นั้นเป็นร่างที่เป็นกายวิญญาณ ไม่ใช่กายเดิมมีเกียรติศักดิ์ศรี ต่างจากร่างเดิมที่เน่าเปื่อยไป

อาดัมแรกกับอาดัมที่สอง
1 โครินธ์ 15:45-46
ร่างที่ฟื้นคืนชีวิตมาใหม่ของผู้เชื่อนั้น ไม่เหมือนร่างของอาดัมที่เป็นกายมนุษย์อีกต่อไป เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาอีกครั้งนั้น เราจะถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นกายวิญญาณและไม่ตายอีกเลย ร่างใหม่นี้ไม่มีการอ่อนล้า หมดเรี่ยวแรงเหมือนกายมนุษย์ของเราในวันนี้ แต่เป็นกายที่ไม่มีอะไรจะทำร้ายได้ โรคต่าง ๆ ไม่อาจมาวอแวเวลาก็ไม่ทำให้ชราลง
1 โครินธ์ 15:47-49
ร่างเดิมแบบอาดัมนั้นมาจากผงคลีดินจริง ๆ ดูง่าย ๆ ว่าเมื่อฝังไป มันก็กลายเป็นดินชัดเจน แต่พระเยซูทรงมาจากสวรรค์ และพระองค์จะทรง
เปลี่ยนกายดินของเราให้เป็นกายสวรรค์ ซึ่งอย่างน้อยเราก็รู้บ้างว่าร่างแบบนั้นเป็นอย่างไร เมื่อพระเยซูคืนพระชนม์นั้น ดูเหมือนว่า กำแพงห้อง ประตูที่ปิดก็ไม่อาจกั้นพระองค์ให้เข้ามาในห้องได้ แล้วการเดินทางของพระองค์ ก็ไม่น่าจะเหมือนคนทั่วไป ลองไปอ่านเรื่องราวหลังคืนพระชนม์

ชัยชนะสุดท้ายของเรา
1 โครินธ์ 15:49-50
ทุกคนในกายมนุษย์ต้องตายไป ร่างแบบนี้ ชีวิตจิตใจที่ไม่ได้เป็นของพระเจ้า จะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในที่ ๆ มีแต่ผู้ที่รับการไถ่ พ้นจากบาป ซึ่งเป็น
อาณาจักรที่พระเจ้าทรงเตรียมให้กับคนที่รักและติดตามพระองค์
1 โครินธ์ 15:51-52
ข้อความนี้ เป็นเหมือนข้อสรุปของทั้งหมดในจดหมายถึงชาวโครินธ์ฉบับแรก เราหวังใจว่า ชีวิตร่างกายเราทุกคนจะได้รับการเปลี่ยนแปลง ในวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกครั้งนั้น ผู้เชื่อในพระเจ้าจะคืนชีพขึ้นมาอะไรที่เกิดขึ้นกับพระเยซูก็จะเกิดขึ้นกับผู้ที่เชื่อในพระองค์ด้วย เมื่อพระองค์ชนะความตาย เราก็จะชนะด้วย วันที่พระองค์เสด็จมานั้น ยังจะมีผู้เชื่อที่ยังไม่ได้เสียชีวิตไดัรับการเปลี่ยนเช่นกัน

ความตายพ่ายแพ้
1 โครินธ์ 15:53-54
ในอนาคต ร่างกายที่ต้องยอมต่อความตาย ต่อการเน่าเปื่อยนั้น จะไม่มีอีกต่อไป สิ่งที่มาแทนที่คือร่างกายอมตะที่มีเกียรติจากพระเจ้า เป็นร่างที่จะอยู่กับพระองค์ตลอดไปไม่จบสิ้นคำของท่านเปาโลนี้เอามาจากอิสยาห์ 25:8 ว่า“พระองค์จะทรงกลืนความตายเสียเป็นนิตย์” นี่เป็นขบวนการเปลี่ยนร่างเนื้อหนังให้เป็นร่างวิญญาณเพื่อว่าจะได้มีส่วนในอาณาจักรพระเจ้า
1 โครินธ์ 15:55-57
ความตายเป็นเหมือนแมลงที่เข้ามาต่อย ปล่อยเหล็กในเอาไว้ เหล็กในนั้นคือบาปที่ติดตัวมนุษย์ทุกคนอยู่ บัญญัติเป็นอำนาจของบาป บัญญัติ
ช่วยบอกให้เรารู้ว่า ไม่มีคนไหนเชื่อฟังพระเจ้าได้เต็มร้อย ธรรมชาติของมนุษย์คือ ทำบาปอยู่ร่ำไป เราทุกคนจึงสมควรที่จะต้องตายไป (โรม 6:23) โดยไม่มีการคืนชีพอีก แต่ขอบคุณพระเจ้าที่พระคำข้อนี้ย้ำว่า เราได้ชัยชนะความตายโดยพระเยซูคริสต์
1 โครินธ์ 15:58
และด้วยความเชื่อมั่นที่ว่า พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทำให้เรารับใช้พระองค์อย่างเต็มกำลัง ความท้อแท้ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่อาจเปรียบได้กับคำสัญญาที่ว่า การรับใช้ไม่มีเสียเปล่า. เราจึงยังยืนมั่น ไม่ยอมหวั่นไหว และในชีวิตให้ได้รับใช้พระเจ้าอยู่เสมอ ไม่ว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยใน
สายตาของมนุษย์หรือไม่ การงานของพระเจ้าที่ลงมือทำไปนั้น พระเจ้าทรงประกันว่าจะยั่งยืนไปถึงนิรันดรกาล

พระคำเชื่อมโยง

1* กาลาเทีย 1:11; โรม 5:2; 11:20
2* โรม 1:16; กาลาเทีย 3:4
3* 1โครินธ์ 11:2, 23; กาลาเทีย 1:12; สดุดี 22:15
4* สดุดี 16:9-11; 68:18; 110:1 อิสยาห์ 53:10 ลูกา 24:26; กิจการ 2:25
5* ลูกา 24:34; มัทธิว 28:17
7* กิจการ 1:3-4
8* กิจการ9:3-8; 22:6-11; 26:12-18
9* เอเฟซัส 3:7-8; กิจการ 8:3
10* อเฟซัส 3:7-8; ฟีลิปปี 2:13
13* 1เธสะโลนิกา 4:1415* กิจการ 2:24
17* โรม 4:25
18* โยบ 14:12
19* 2 ทิโมธี 3:12
20* 1 เปโตร 1:3; กิจการ 26:23
21* โรม 5:12; 6:23; ยอห์น 11:25

22* ยอห์น 5:28-29
23* 1 เธสะโลนิกา 4:15-17
24* ดาเนียล 2:44; 7:14,27
25* สดุดี 110:1; กิจการ 2
:34-35
26* 2 ทิโมธี 1:10; วิวรณ์ 20:14
27* สดุดี 8:6
28* ฟีลิปปี 3:2; 1โครินธ์ 3:23; 11:3; 12:6
30* 2โครินธ์ 11:26
31* 1 เธสะโลนิกา 2:19; โรม 8:36
32* 2 โครินธ์ 1:8; อิสยาห์ 22:13; 56:12
33* 1โครินธ์ 5:6
34* โรม 13:11; 1 เธสะโลนิกา 4:5; 1โครินธ์ 6:5
35* เอเสเคียล 37:336* ยอห์น 12:2442* ดาเนียล 12:343* ฟีลิปปี 3:21

45* ปฐมกาล 2:7; โรม 5:14; ยอห์น 5:21; 6:57
47* ยอห์น 3:31; ปฐมกาล 2:7; 3:19; ยอห์น 3:13
48* ฟีลิปปี 3:20
49* ปฐมกาล 5:3; โรม 8:29
50* ยอห์น 3:3,5
51* 1เธสะโลนิกา 4:15; ฟีลิปปี 3:21
52* มัทธิว 24:31
53* 2โครินธ์ 5:4
54* อิสยาห์ 25:8
55* โฮเชยา 13:4
56* โรม 3:20; 4:15; 7:8
57* โรม 7:25; 1ยอห์น 5:4
58* 2 เปโตร 3:14; 1โครินธ์ 3:8


กิจการ 24 ณ ศาลเฟลิกซ์

คำอธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 24:1-8
เราจะเห็นขบวนการฟ้องศาลของโรมชัดเจน ปุโรหิตเป็นโจกท์ นำโดยทนายความ ที่ชื่อเทอร์ทูลลัส
ก่อนอื่นใด เขากล่าวคำเยินยอเฟลิกซ์ เพื่อทำให้บรรยากาศนั้นดูดี ผู้ว่าได้รับเกียรติไปในตัว
เทอร์ทูลลัส อ้างว่าเปาโลปลุกปั่นยิวทั่วทุกหนแห่ง และทำให้วิหารเป็นมลทิน เรื่องแรกนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการปกครองท้องถิ่น เป็นการคุกคามการปกครองของโรม เรื่องที่สองไม่สำคัญในสายตาของเฟลิกซ์
ทนายความยังกล่าวหานายพันลีเชียสอีกต่อด้วย
กิจการ 24:9-12
เปาโลพูดคำชมเชยเฟลิกซ์ก่อน แต่ไม่มากเกินไป แค่บอกว่าเฟลิกซ์ทำคดีมามากมายให้กับคนยิว และยินดีที่จะแก้คดีต่อหน้าผู้พิพากษาคนนี้ แล้วจากนั้นก็ทบทวนการฟ้องของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา เหมือน ๆ กับที่ทำมาก่อนในกิจการ 22:1
เปาโลกล่าวถึงเวลาที่อยู่ในเยรูซาเล็มสิบสองวัน แต่ความจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถฟ้องเขาได้ว่าได้ปลุกระดมผู้คนที่ไหนก็ตาม
กิจการ 24:13-15
แม้พวกยิวไม่อาจฟ้องเปาโล แต่เปาโลก็ยอมรับว่า ตนเชื่อใน “ทางนั้น” (ซึ่งมีความหมายถึงผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์) ช่วงแรก ๆ ศาสนายิวหรือยูดาห์ ถือว่าเป็นนิกายหนึ่งในพวกเขา พอพระกิตติคุณแผ่ไปถึงคนต่างชาติมากขึ้น ความรู้สึกเช่นนั้นก็เลือนไป เพราะยิวไม่ชอบหน้าคนต่างชาติเอามาก ๆ แต่เปาโลนั้นมองชัดว่า พระเจ้าพระบิดาของคริสเตียนหรือของยิวนั้นคือพระเจ้าองค์เดียวกัน มีอย่างเดียวที่เปาโลไม่ได้เชื่อเหมือนกับสะดูสีคือเรื่องการคืนชีวิตจากความตายและต้องมารับผลดีผลชั่วในชีวิตของตน
กิจการ 24:16-21
ที่จริงแล้วเปาโลมาเยรูซาเล็มเพื่อส่งเงินให้กับพี่น้องเพื่อช่วยคนที่ยากจน เรารู้เรื่องนี้ได้จากหนังสือ 2 โครินธ์ 8:1-9:15 เปาโลได้แจ้งว่า เขาระวังตัวที่จะประพฤติตนอย่างถูกต้อง และก็มาชำระตัวในพระวิหารของยิวด้วย ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีความวุ่นวายอะไรเลย แต่คนที่หาเรื่องคือยิวจากแคว้นเอเชีย ยิวไม่พอใจที่เปาโลสอนเรื่องการคืนชีวิตจากความตาย แค่นั้น.. เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องขึ้นศาล
กิจการ 24:22-24
ความจริง เฟลิกซ์รู้เรื่องคริสเตียนดี ผู้อธิบายพระคัมภีร์เชื่อว่า เขาได้รู้เรื่องนี้จาก ดรูสิลลาภรรยาของเขา ซึ่งเป็นชาวยิว และในฐานะที่เป็นผู้ตัดสินคดีมานาน ย่อมมีคดีประเภทนี้มาถึงมืออย่างแน่นอน เขาพอจะมองเห็นว่า ทนายความนั้นเจ้าเล่ห์ และไม่พูดความจริงทั้งหมด เขาจึงคิดว่า ควรจะรอนายพันลีเชียสมารายงานเองดีกว่า เขาจึงสั่งขังเปาโลเอาไว้ก่อน โดยกำชับให้ดูแลอย่างดี
ต่อมาอีกไม่นาน ทั้งเฟลิกซ์กับภรรยา ขอฟังเรื่องทางนั้นจากเปาโลโดยตรง… แต่…
กิจการ 24:25-27
เฟลิกซ์เกิดกลัวขึ้นมาว่า ตนเองจะเปลี่ยนความคิด แต่ที่จริงเขาก็มีวาระซ่อนเร้น นั่นคือ ต้องการได้สินบนจากเปาโล สิ่งที่เขาทำให้ได้ประโยชน์กับตัวเองมากที่สุดคือ การขังลืมเปาโลเพื่อเอาใจพวกยิว

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 21:27; 23:2, 30, 35; 25:2
5* 1 เปโตร 2:12, 15
6* กิจการ 21:28; ยอห์น 18:31
7* กิจการ 21:33; 23:10
8* กิจการ 23:30
11* กิจการ 21:15, 18, 26-27; 24:17

12* กิจการ 25:8; 28:17
14* กิจการ 9:2; 24:22; 2 ทิโมธี 1:315* กิจการ 23:6; 26:6-7; 28:20; ดาเนียล 12:2
16* กิจการ 23:1
17* โรม 15:25-28
18* กิจการ 21:27; 26:21; 21:26

19* กิจการ 23:30; 25:16
21* กิจการ 23:6; 24:15; 28:20
22* กิจการ 9:2; 18:26; 19:9,23; 22:4; 23:26; 24:7
26* อพยพ 23:8
27* กิจการ 12:3; 23:35; 25:9,14


สดุดี 119 พระดำรัสที่รัก…

คำนำสำหรับบทที่ 119 สดุดีบทนี้ ใช้การเล่นเหมือนกลอักษร คือ ทุกอักษรที่เริ่มต้นประโยคจะเป็น อักษรตัวเดียวกันในหนึ่งย่อหน้าซึ่งจะยาวแปดข้อ มีอักษรอยู่ 22 ตัวในภาษฮีบรู จึงได้มาเป็น 176 ข้อ

ถ้าอ่านเผิน ๆ ดูเหมือนพูดเรื่องเดียวกันซ้ำ ๆ  แต่หากสังเกตให้ดีจะเห็นคำอธิษฐาน คำสรรเสริญ  บอกความรู้สึก อุทิศตัวเชื่อฟัง มีการทูลอ้อนวอน  แนะนำว่าควรทำอย่างไรกับพระคำ  ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของพระคำของพระเจ้า เช่น ช่วยสร้างปัญญา ทำให้เราหลีกหนีจากบาป เป็นทางแห่งพระพร  
หัวข้อที่สำคัญมากคือ คำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าในแง่มุมต่าง ๆ ผู้เขียนใช้คำที่แตกต่างกันเพื่อ ให้เราทราบว่า ท่านกำลังต้องการสื่อในมุมใด คำที่ใช้จึงมี
พระบัญญัติ คำพยาน คำประกาศิต กฎ คำตัดสิน    พระดำรัส  พระวาจา และพันธบัญชา (พระบัญชาของพระเจ้าเป็นพันธสัญญาระหว่างพระองค์กับคนของพระองค์) 
 

1 อาเลฟ

ที่มาของพระพร
1 ความสุขเป็นของคนทั้งหลายที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ตำหนิ
คือคนที่เดินใน พระบัญญัติ ของพระยาห์เวห์
2 ความสุขเป็นคนทั้งหลายที่รักษา คำพยาน ของพระองค์
คนที่แสวงหาพระองค์อย่างสิ้นสุดใจ
3 คนที่ไม่ทำความผิดใดๆ
แต่เดินในหนทางของพระองค์
4 พระองค์ทรงบัญชาให้ถือรักษา
คำประกาศิตของพระองค์อย่างเต็มที่
5 โอ ขอให้ข้าทุ่มเทใจ
เพื่อรักษากฎ ของพระองค์
6 เพื่อว่าจะไม่ต้องอับอาย
เมื่อข้าจับจ้องอยู่ที่ พันธบัญชา ของพระองค์
7 ข้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยใจมั่นคง
เวลาที่ข้าเรียนคำตัดสินอันเที่ยงธรรมของพระองค์
8 ข้าจะรักษากฎ ของพระองค์
ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าไปอย่างสิ้นเชิง

2 เบธ

เข้ามาเพื่อชีวิตที่บริสุทธิ์​ ชีวิตที่บริสุทธิ์​
9 คนหนุ่มจะรักษาทางของเขาให้บริสุทธิ์อย่างไร? ก็โดยการทำตามพระวาจาของพระองค์
10 ข้าแสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจ ขออย่าให้ข้าพลัดหลงไปจากพันธบัญชา ของพระองค์
11 ข้าได้สะสมพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อว่าข้าจะไม่ทำบาปต่อพระองค์
12 ขอถวายพระพรแด่พระองค์
โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนกฎระเบียบของพระองค์แก่ข้า
13 ด้วยปากของข้า ข้าประกาศ คำตัดสิน ทั้งสิ้น จากพระโอษฐ์ของพระองค์
14 ข้ายินดีใน คำพยาน ของพระองค์
เท่ากับที่ยินดีในความมั่งคั่งทั้งมวล
15 ข้าจะตรึกตรองในคำประกาศิตของพระองค์ และจับจ้องอยู่ที่หนทางของพระองค์
16 ข้าจะยินดีในกฎ ของพระองค์
ข้าจะไม่ลืม พระวาจา ของพระองค์

3 กิเมล

คำทูลขอหลายประการ
17ขอพระองค์ทรงเมตตาจัดการกับผู้รับใช้ของพระองค์เพื่อข้าจะมีชีวิตและรักษาพระวาจาของพระองค์
18 ขอทรงเปิดตาข้า เพื่อข้าจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ออกมาจากพระบัญญัติของพระองค์
19 ข้าเป็นคนเร่ร่อนในแผ่นดินโลก
ขออย่าทรงซ่อน พันธบัญชา ไว้จากข้าเลย
20 วิญญาณของข้าเร่าร้อนปรารถนาคำตัดสินของพระองค์ไม่หยุดหย่อน
21 พระองค์ทรงกำราบคนโอหัง คนที่ถูกสาป คนที่หลงไปจาก พันธบัญชา ของพระองค์
22 ขอทรงเอาการดูหมิ่น เหยียดหยามออกไปจากชีวิตข้า เพราะข้ารักษาคำพยานของพระองค์
23 แม้ว่าผู้ปกครอง นั่งลงวางแผน ทำลายข้า ผู้รับใช้ของพระองค์ก็ยังคงไตร่ตรองกฎของพระองค์
24 คำพยานของพระองค์เป็นความยินดีของข้าเพราะเหล่านั้นเป็นที่ปรึกษาของข้า

4 ดาเลท

ความเข้าใจที่กว้างขึ้น
25 วิญญาณของข้าเกาะติดผงธุลี
ขอประทานชีวิตแก่ข้าตามพระวาจาของพระองค์
26เมื่อข้าทูลต่อพระองค์ถึงหนทางของข้า
พระองค์ก็ทรงตอบข้า ขอทรงสอนข้อบังคับของพระองค์ให้ข้าด้วย
27 ขอทรงทำให้ข้าเข้าใจถึงทางแห่งประกาศิตของพระองค์ และข้าจะทบทวนตรึกตรองถึงราชกิจอัศจรรย์ของพระองค์
28 วิญญาณของข้าละลายไปเพราะความทุกข์ ขอประทานกำลังเพิ่มให้ตามพระวาจาของพระองค์
29 ขอทรงให้หนทางเท็จนั้นห่างไกลจากข้า
และขอทรงเมตตาสอนพระบัญญัติของพระองค์แก่ข้า
30 ข้าได้เลือกหนทางแห่งความซื่อตรง
และวางคำตัดสินของพระองค์ไว้ต่อหน้า
31 ข้าเกาะติดอยู่กับคำพยานของพระองค์
โอพระยาห์เวห์ ขออย่า ให้ข้าต้องอับอาย
32 ข้าจะวิ่งในทางแห่ง พันธบัญชาของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงทำให้ข้ามีความเข้าใจกว้างขวางขึ้น

5 เฮ

ขอพระเจ้าทรงนำทางชีวิต
33 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนทางแห่งกฎของพระองค์แก่ข้า
และข้าจะรักษาไว้จนสุดปลายชีวิต
34 ขอให้ข้ามีความเข้าใจเพื่อข้าจะรักษาพระบัญญัติ ของพระองค์และกระทำตามอย่างสุดใจ
35 ขอทรงนำข้าไปในทางของ พันธบัญชา ของพระองค์เพราะข้ายินดีในทางนั้น
36 ขอทรงช่วยให้ใจของข้าโน้มเอียงไปหาคำพยานของพระองค์และไม่เที่ยวหาประโยชน์เข้าตัว
37 ขอทรงหันดวงตาของข้าออกจากการมองดูสิ่งที่ไร้คุณค่าและขอประทานชีวิตให้อยู่ในทางของพระองค์
38 ขอทรงยืนยันพระดำรัสต่อผู้รับใช้ของพระองค์เพื่อว่าเราจะได้ยำเกรงพระองค์
39 ขอทรงนำการตำหนิว่ากล่าวที่ข้าหวั่นนั้นออกไปเพราะ คำตัดสินของพระองค์นั้นดีนัก
40 ดูเถิด ข้าปรารถนาคำประกาศิตของพระองค์ ขอประทานชีวิตแก่ข้าในความเที่ยงธรรมของพระองค์

6 วาฟ

ข้าไม่อายคำพยานของพระองค์
41 โอพระยาห์เวห์ ขอให้ความรักมั่นคงของพระองค์มายังข้า
ขอให้ข้าได้รับความรอดตามพระดำรัส
42 แล้วข้าจะตอบคนที่เย้ยหยันข้า
เพราะข้าวางใจในพระวาจาของพระองค์
43 ขออย่าทรงเอาพระวาจาแห่งความจริงออกไปจากปากของข้า เพราะความหวังของข้านั้นอยู่ใน คำตัดสินของพระองค์
44 ข้าจะรักษาพระบัญญัติ ของพระองค์เสมอตลอดไปเป็นนิตย์
45 และข้าจะเดินไปในหนทางกว้างขวาง
เพราะข้าได้เฝ้าแสวงหาประกาศิตของพระองค์
46 ข้าจะกล่าวถึง คำพยาน ของพระองค์
ต่อหน้าผู้นำทั้งหลายโดยไม่อายเลย
47 เพราะข้าจะยินดีในพันธบัญชา ของพระองค์ ซึ่งเป็นที่รักของข้า
48ข้าจะยกมือขึ้นต่อ พันธบัญชา ของพระองค์ ซึ่งเป็นที่รักของข้า
และข้าจะใคร่ครวญถึงกฎระเบียบของพระองค์

7 ซายิน

กฎของพระองค์คือบทเพลงของข้า
49ขอพระองค์ทรงระลึกถึงพระวาจาที่ทรงมีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นพระดำรัสที่ทำให้ข้ามีความหวังใจ
50 พระดำรัสของพระองค์ให้ชีวิตแก่ข้า
คำนี้เป็นการปลอบใจของข้ายามทุกข์เข็ญ
51 คนที่โอหัง เย้ยหยันข้ายิ่งนัก
แต่ข้าไม่หันไปจาก พระบัญญัติ ของพระองค์
52 เมื่อข้าคิดถึง คำตัดสินของพระองค์ตั้งแต่นานมา
ข้าก็ได้รับการปลอบใจ
53 ข้าโกรธนัก เมื่อเห็นคนชั่วละทิ้ง พระบัญญัติ ของพระองค์
54 กฎของพระองค์ มาเป็นบทเพลงของข้า
ในบ้านที่ข้าพักพิงชั่วครู่ชั่วยาม
55 ยามค่ำ ข้าระลึกถึงพระนามของพระองค์ โอพระยาห์เวห์
และข้าก็รักษา พระบัญญัติ ของพระองค์
56 ข้าได้รักษาประกาศิต ของพระองค์ตลอดมา ข้าจึงได้รับพระพรดังกล่าว

8 เฆท

พระเจ้าทรงเป็นทุกสิ่งในชีวิต
57 พระยาห์เวห์ทรงเป็นทุกสิ่งในชีวิตข้า
ข้าสัญญาว่า จะรักษาพระวาจาของพระองค์
58 ข้าทูลขอความโปรดปรานด้วยสิ้นสุดใจ
ขอทรงกรุณาแก่ข้าตามพระดำรัสของพระองค์
59 เมื่อข้าคิดถึงหนทางของข้า ข้าก็หันเท้าของข้าไปยัง คำพยาน ของพระองค์
60 ข้ารักษา พันธบัญชา ของพระองค์อย่างเร่งด่วน ไม่รีรอ
61 แม้ว่าบ่วงของคนชั่วร้ายดักข้า
ข้าก็จะไม่ลืม พระบัญญัติ ของพระองค์
62 ยามเที่ยงคืน ข้าตื่นขึ้นมาเพื่อสรรเสริญพระองค์
เพราะ คำตัดสิน อันเที่ยงธรรมของพระองค์
63 ข้าเป็นเพื่อนกับทุกคนที่ยำเกรงพระองค์
ทุกคนที่รักษาประกาศิตของพระองค์
64 โอ พระยาห์เวห์ แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์
ขอทรงสอนกฎของพระองค์แก่ข้าด้วยเถิด

9 เทท

ประโยชน์ของความทุกข์ยาก
65 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงดีต่อผู้รับใช้ของพระองค์
ตามพระวาจาของพระองค์​
66 ขอทรงสอนให้ข้าพระองค์มีการพินิจพิเคราะห์ที่ดีและมีความรู้
เพราะข้าพระองค์เชื่อวางใจใน พันธบัญชา ของพระองค์
67 แต่ก่อนข้านั้นต้องทุกข์ยากและหลงไปจากพระองค์
แต่บัดนี้ข้ารักษาพระดำรัสของพระองค์
68 พระองค์ทรงดี และทรงทำสิ่งดี
ขอทรงสอนกฎ ของพระองค์แก่ข้าด้วย
69 คนที่จิตใจโอหังให้ร้ายข้าด้วยคำมุสา
แต่ข้าจะรักษา ประกาศิตของพระองค์ไว้อย่างสุดใจ
70 จิตใจของพวกเขาไร้ความรู้สึกราวกับไขมัน
แต่ข้ายินดีในพระบัญญัติของพระองค์
71เป็นการดีที่ข้าต้องทุกข์ยาก

10 โยธ

พันธบัญชาที่ข้าต้องเรียนรู้
73 พระหัตถ์ของพระองค์ทรงสร้างและปั้นตัวข้าขึ้นมา ขอทรงให้ความเข้าใจแก่ข้าเพื่อข้าจะได้เรียนรู้ พันธบัญชา ของพระองค์
74 คนที่ยำเกรงพระองค์ได้เห็นข้า ก็รู้สึกยินดีเพราะข้าหวังใจในพระวาจาของพระองค์
75 โอพระยาห์เวห์ ข้ารู้ว่า คำตัดสินของพระองค์นั้นเที่ยงธรรม พระองค์ทรงทำให้ข้าทุกข์ยากด้วยความซื่อตรงของพระองค์
76 ขอทรงให้ความรักมั่นคงของพระองค์ปลอบโยนข้า ตามพระดำรัสที่มีต่อผู้รับใช้ของพระองค์
77 ขอให้พระเมตตามายังข้า เพื่อว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ เพราะว่า พระบัญญัติของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้า
78 ขอให้คนใจโอหังต้องอับอาย
เพราะว่าพวกเขาได้กล่าวร้ายข้าด้วยคำมุสา
ส่วนข้าจะใคร่ครวญประกาศิตของพระองค์
79 ขอให้คนที่ยำเกรงพระองค์ หันกลับมาหาข้าด้วย เพื่อว่าพวกเขาจะได้รู้จักคำพยานของพระองค์
80 ขอให้ใจของข้าไร้ตำหนิในเรื่องกฎของพระองค์เพื่อข้าจะไม่ต้องรู้สึกละอาย

11 คาฟ

ยามที่อ่อนล้านัก..
81จิตวิญญาณของข้าเหนื่อยล้า รอคอยความรอดของพระองค์ ข้าหวังใจในพระวาจาของพระองค์
82 ดวงตาของข้าอ่อนล้าเฝ้าหาพระดำรัสของพระองค์ เมื่อไรพระองค์จะทรงปลอบโยนข้า?
83 เพราะข้าเองนั้น ได้กลายเป็นเหมือนถุงหนังเหล้าองุ่นที่อยู่ในควัน
ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังไม่ลืมกฎของพระองค์
84 ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องอึด อดทนนานอีกเพียงไหน เมื่อไรนะที่พระองค์จะทรงกล่าวคำตัดสินคนที่ข่มเหงข้า
85 คนใจโอหังได้ขุดหลุมดักข้า
พวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิตตามพระบัญญัติของพระองค์
86 พันธบัญชา ของพระองค์แน่นอนเป็นจริง
ขอทรงช่วยข้าด้วย เพราะพวกเขาข่มเหงข้าด้วยความเท็จ
87 พวกเขาเกือบจะทำให้ข้าสิ้นไปจากแผ่นดินโลกแล้ว แต่ข้าไม่ได้ละทิ้งประกาศิตของพระองค์
88 ขอทรงรักษาชีวิตข้าไว้ด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะข้าจะรักษาคำพยานจากพระโอษฐ์ของพระองค์

12 ลาเมด

พระเจ้าทรงซื่อตรงทุกชั่วอายุ
89 โอพระยาห์เวห์ พระวาจาของพระองค์ดำรงในสวรรค์อยู่เป็นนิตย์
90 ความซื่อตรงของพระองค์ดำรงทุกชั่วอายุคน
พระองค์ทรงสถาปนาแผ่นดินโลก และมันก็ดำรงอยู่
91 สิ่งเหล่านี้ดำรงมาจนทุกวันนี้ โดยคำตัดสินของพระองค์
เพราะทุกสิ่งเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
92 หากพระบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นที่ยินดีของข้าแล้ว
ข้าคงพินาศอยู่ในความทุกข์ยาก
93 ข้าจะไม่ลืมประกาศิตของพระองค์
เพราะพระองค์ประทานชีวิตให้กับข้าด้วยคำนั้น
94 ข้าเป็นของพระองค์ ขอทรงช่วยข้า
เพราะข้าแสวงหาประกาศิตของพระองค์
95 คนชั่วร้ายซุ่มตัวดักทำลายข้า
แต่ข้าใคร่ครวญคำพยานของพระองค์
96 ข้าได้เห็นข้อจำกัดของความเพียบพร้อมทั้งสิ้นแต่
พันธบัญชา ของพระองค์นั้นไร้ขอบเขต

13 เมม

ข้ารักพระบัญญัติจริง ๆ
97 โอ ข้ารักพระบัญญัติของพระองค์ยิ่งนัก
เป็นคำที่ข้าไตร่ตรองทบทวนตลอดทั้งวัน
98 พันธบัญชา ของพระองค์ทำให้ข้ามีปัญญากว่าศัตรูของข้า
เพราะเป็นสิ่งที่อยู่กับตัวข้าเสมอ
99 ข้ามีความเข้าใจเกินกว่าครูอาจารย์ของข้า
เพราะข้าใคร่ครวญคำพยานของพระองค์
100 ข้าเข้าใจมากกว่าผู้สูงอายุทั้งหลาย
เพราะข้ารักษาประกาศิตของพระองค์
101 ข้ายับยั้งไม่ให้เท้าก้าวเข้าไปสู่ทางชั่วทั้งหลาย
เพื่อว่าจะได้ทำตามพระวาจาของพระองค์
102 ข้าไม่หันไปจากคำตัดสินของพระองค์
เพราะว่าพระองค์ทรงสอนข้าด้วยพระองค์เอง
103 พระดำรัสของพระองค์นั้นหวานชื่น ยิ่งกว่าน้ำผึ้งในปากของข้า
104 โดยประกาศิตของพระองค์ ทำให้ข้ามีความเข้าใจ
ดังนั้นข้าจึงเกลียดชังทางแห่งความเท็จทั้งสิ้น

14 นูน

ความสว่างส่องทางชีวิต
105 พระวาจาของพระองค์เป็นตะเกียงสำหรับเท้าของข้า
เป็นแสงสว่างแก่ทางของข้า
106 ข้าได้ปฏิญาณ และยืนยันว่า
จะรักษาคำตัดสินอันเที่ยงธรรมของพระองค์ไว้
107 ข้าพบความทุกข์ยากแสนเข็ญ โอพระยาห์เวห์
ขอโปรดให้ข้ามีชีวิตตามพระวาจาของพระองค์เถิด
108 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงรับเครื่องบูชาแห่งการสรรเสริญ
ที่ถวายด้วยความตั้งใจ
และขอทรงสอนคำตัดสินของพระองค์แก่ข้า
109  ชีวิตของข้าตกอยู่ในอันตรายไม่หยุด
แต่ข้าไม่ลืมพระบัญญัติของพระองค์
110 คนชั่วร้ายได้วางกับดักไว้
แต่ข้าจะไม่หลงทางไปจากประกาศิตของพระองค์ 
111 คำพยานของพระองค์เป็นมรดกของข้าตลอดไป
เพราะคำนั้นเป็นความยินดีในใจข้า 
112 ข้าน้อมใจของข้าเพื่อทำตามกฎของพระองค์
ตลอดไป

15 ซาเมค

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรู
113 ข้าชังคนสองใจ แต่ข้ารักพระบัญญัติของพระองค์ 
114พระองค์ทรงเป็นที่กำบังและโล่ของข้า 
ข้าหวังใจในพระวาจาของพระองค์ 
115 คนชั่ว จงออกห่างข้าไป
เพื่อว่าข้าจะได้รักษา พันธบัญชา ของพระเจ้าของข้า
116 ขอพระองค์ทรงค้ำชูข้าตามพระดำรัสเพื่อข้าจะมีชีวิตอยู่
และขออย่าให้ข้าต้องอายเพราะความหวังของข้า 
117 ขอทรงประคองข้าขึ้นมา เพื่อว่าข้าจะปลอดภัย
และนับถือกฎของพระองค์เสมอ
118 พระองค์ทรงไล่คนที่หลงไปจากกฎ
ของพระองค์ เล่ห์เหลี่ยมของพวกเขานั้นไร้ผล
119 พระองค์จะทรงทิ้งคนชั่วร้ายของโลก
เหมือนทิ้งขี้แร่ ดังนั้น ข้ารักคำพยานของพระองค์
120 เนื้อหนังของข้าสั่นเทาด้วยความยำเกรงพระองค์
และข้ากลัวคำตัดสินของพระองค์ 

16 อายิน

คำรับรองของพระเจ้า
121 ข้าได้ทำตามคำตัดสินที่เที่ยงตรง
ขออย่าทรงทิ้งข้าไว้กับคนที่บีบคั้นข้าเลย
122 ขอพระองค์ทรงรับรองว่า ข้าจะปลอดภัย
ขออย่าทรงยอมให้คนโอหังบีบคั้นข้า
123 ดวงตาของข้าหิวหาความรอดของพระองค์
และคอยให้พระดำรัสอันเที่ยงธรรมของพระองค์บรรลุผล
124 ขอทรงทำกับผู้รับใช้ของพระองค์ตามความรักมั่นคง
และขอทรงสอนกฎของพระองค์แก่ข้า
125 ข้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
ขอโปรดประทานความเข้าใจให้ด้วย
เพื่อข้าจะรู้จักคำพยานของพระองค์
126 นี่เป็นเวลาที่พระเจ้าทรงทำราชกิจ
เพราะมีการฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระองค์
127 ดังนั้นข้ารัก พันธบัญชา ของพระองค์
มากกว่าทองคำ มากกว่าทองคำบริสุทธิ์
128 ดังนั้น ข้าจึงมองเห็นว่าประกาศิตของพระองค์ถูกต้องทั้งสิ้น
ข้าเกลียดชังทุกเส้นทางที่ปลอมขึ้นมา

17 เพ

ความมหัศจรรย์แห่งพระวาจา
129 คำพยานของพระองค์นั้นมหัศจรรย์
จิตใจของข้าจึงรักษาเอาไว้
130 การเปิดเผยพระวาจาของพระองค์
ให้ความกระจ่าง ทำให้คนรู้น้อยเข้าใจ
131ข้าโหยหา พันธบัญชา ของพระองค์จนเหนื่อยหอบปากอ้า
132 ขอทรงหันมาหาข้า และเมตตาข้าด้วย
ตามคำตัดสินที่ทรงทำแก่คนที่รักพระนามของพระองค์
133 ขอทรงช่วยให้ย่างเท่าของข้ามั่นคงตามพระดำรัสของพระองค์
และอย่าให้มีความชั่วใด ๆ มาครอบงำข้าไว้
134 ขอทรงไถ่ข้าจากการบีบบังคับของมนุษย์
เพื่อว่าข้าจะได้รักษาประกาศิตของพระองค์
135 ขอทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ฉายแสงลงมายังตัวข้า
และขอทรงสอนระเบียบของพระองค์ให้ด้วย
136 ข้าร่ำไห้ หลั่งน้ำตาเป็นสาย
เพราะผู้คนไม่รักษาพระบัญญัติของพระองค์

18 ซาเด

ยินดีเพราะพันธบัญชาของพระองค์
137 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเที่ยงธรรม และคำตัดสินของพระองค์ก็เที่ยงตรง
138 พระองค์ทรงสถาปนาคำพยานของพระองค์ในความเที่ยงตรง และความซื่อตรงทั้งสิ้น
139 ข้าเร่าร้อนใจยิ่งนักเพราะศัตรูของข้าลืมพระวาจาของพระองค์​
140 พระดำรัสของพระองค์ได้รับการพิสูจน์แล้ว
และผู้รับใช้ของพระองค์รักคำนั้น
141ข้าเป็นคนต่ำต้อยและถูกเหยียดหยาม
แต่ข้าไม่ลืมประกาศิตของพระองค์
142 ความชอบธรรมของพระองค์ เที่ยงธรรมตลอดไป
และพระบัญญัติของพระองค์เป็นจริง
143 ความยากลำบากและความทุกข์โศกมายังชีวิตของข้า
แต่ข้ายินดีใน พันธบัญชา ของพระองค์
144 คำพยานของพระองค์นั้นเที่ยงธรรมตลอดไป
ขอประทานความเข้าใจแก่ข้าเพื่อข้าจะมีชีวิตอยู่

19 โคฟ

คำอธิษฐานอย่างสุดใจ
145 โอ พระยาห์เวห์ ข้าร้องทูลอย่างสุดใจ
ขอทรงโปรดตอบข้า ข้ารักษากฎของพระองค์
146 ข้าร้องหาพระองค์ ขอทรงช่วยให้รอด
เพื่อว่าข้าจะได้พินิจคำพยานของพระองค์
147 ข้าตื่นก่อนตะวันขึ้น และร้องขอความช่วยเหลือ
ข้าหวังใจในพระวาจาของพระองค์
148 ตาของข้าเปิดอยู่ทุกเวลายามค่ำ
เพื่อว่าข้าจะได้ใคร่ครวญพระดำรัสของพระองค์
149 ขอทรงฟังเสียงของข้าตามความรักมั่นคงของพระองค์
โอ พระยาห์เวห์ ขอประทานชีวิตแก่ข้า
ตามคำตัดสินของพระองค์
150 คนที่ต้องการข่มเหงข้านั้นเข้ามาใกล้ด้วยการมุ่งร้าย
พวกเขาอยู่ห่างจากพระบัญญัติของพระองค์
151 โอพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงอยู่ใกล้
และ พันธบัญชา ทั้งสิ้นของพระองค์ก็เป็นจริง
152 ข้ารู้มานานแล้วจากคำพยานของพระองค์ว่า
พระองค์ทรงตั้งคำนั้นไว้ให้อยู่เป็นนิรันดร์

20 เรช

ขอพระเจ้าทรงช่วยกู้
153 ขอทอดพระเนตรดูความทุกข์ยากของข้า
และขอทรงช่วยกู้ข้าให้พ้น
เพราะข้าไม่ได้ลืมพระบัญญัติของพระองค์
154 ขอทรงสู้คดีให้ข้า และขอทรงไถ่ข้า
ขอประทานคืนชีวิตให้ตามพระดำรัสของพระองค์
155 ความรอดนั้นอยู่ห่างจากคนชั่วร้าย
เพราะพวกเขาไม่ได้ตามหากฎของพระองค์
156 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเต็มด้วยพระเมตตา
ขอประทานชีวิตแก่ข้าตามคำตัดสิน ของพระองค์
157 คนที่มาข่มเหงและศัตรูของข้ามีมากมายนัก
แต่ข้าจะไม่หันไปจากคำพยานของพระองค์
158 ข้ามองดูคนไร้ความเชื่อด้วยความชัง
เพราะพวกเขาไม่รักษา พระดำรัสของพระองค์
159 ขอพระองค์ทรงพิจารณาว่า
ข้ารักประกาศิตของพระองค์มากเพียงไร
ขอประทานชีวิตแก่ข้าตามความรักมั่นคงของพระองค์
160 ความจริงคือแก่นแท้ของพระวาจาของพระองค์
และคำตัดสินอันเที่ยงธรรมของพระองค์นั้นดำรงเป็นนิตย์

21
ชินหรือซีน

ข้าจะไม่สะดุด เพราะมนุษย์คนใด
161 เหล่าผู้ปกครองข่มเหงข้าอย่างไร้สาเหตุ
แต่ใจของข้านั้น ยืนอย่างยำเกรงต่อพระวาจาของพระองค์
162 ข้ายินดีในพระดำรัสของพระองค์
ราวกับคนที่ได้เจอของที่ถูกริบมาเป็นอันมาก
163 ข้าจงเกลียดจงชังความเท็จ
แต่ข้ารักพระบัญญัติของพระองค์
164 ข้าสรรเสริญพระองค์วันละเจ็ดครั้ง
เพราะคำตัดสินอันเที่ยงตรงของพระองค์
165 คนที่รักพระบัญญัติของพระองค์นั้นจะมีสันติสุขยิ่งใหญ่
ไม่มีสิ่งใดทำให้เขาสะดุดล้มได้
166 โอ พระยาห์เวห์ ข้าหวังใจในความรอดของพระองค์
และข้าทำตาม พันธบัญชา ของพระองค์
167 วิญญาณของข้ารักษาคำพยานของพระองค์ไว้
และข้ารักคำนั้นอย่างท่วมท้น
168 ข้ารักษาประกาศิตและคำพยานของพระองค์
เพราะหนทางของข้าอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์

22 ทาฟ

ข้าหลงทาง ขอทรงตามหาข้าด้วย
169 โอ พระยาห์เวห์ ขอให้เสียงร้องทูลของข้ามาถึงพระพักตร์พระองค์
ขอทรงโปรดให้ข้ามีความเข้าใจแจ่มแจ้งตามพระวาจาของพระองค์
170 ขอให้คำร้องขอไปถึงพระองค์
ขอทรงช่วยกู้ข้าตามพระดำรัสสัญญา
171 ริมฝีปากของข้าจะกล่าวคำสรรเสริญ
เพราะพระองค์ทรงสอนกฎของพระองค์แก่ข้า
172 ลิ้นของข้าจะร้องพระดำรัสของพระองค์
เพราะ พันธบัญชา ของพระองค์ทุกข้อเที่ยงธรรมทั้งสิ้น
173 ขอให้พระกรของพระองค์พร้อมที่จะช่วยข้า
เพราะข้าได้เลือกเดินตามประกาศิตของพระองค์
174 ข้าปราถนาความรอดของพระองค์ โอ พระยาห์เวห์
และพระบัญญัติของพระองค์เป็นความยินดีของข้า
175 ขอให้จิตวิญญาณของข้ามีชีวิตและสรรเสริญพระองค์
และขอให้ คำตัดสินของพระองค์ ช่วยข้าไว้
176 ข้าหลงทางไป เหมือนแกะหลง
ขอพระองค์ทรงตามหาผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย
เพราะข้าไม่ลืม พันธบัญชา ของพระองค์