2 เธสะโลนิกา 3 ชีวิตในชุมชนผู้เชื่อ

คำอธิษฐานของท่านเปาโล

ที่สุดนี้ พี่น้องทั้งหลาย
ขอท่านอธิษฐานเผื่อเรา
เพื่อว่าพระคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว และได้รับเกียรติเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในหมู่พวกท่าน และเพื่อเราจะได้รับการช่วยกู้จากคนพาลคนชั่ว เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเชื่อ
2 เธสะโลนิกา 3:1-2

เอเฟซัส 6:19-20, 1 เธสะโลนิกา 1:8,5:25, โคโลสี 4:3,โรม 15:31,กิจการ 28:24,

การประกาศของผู้รับใช้พระเจ้าในทุกแห่งในโลกนี้ มีอุปสรรคมากมาย ต้องเผชิญกับการต่อต้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงการขู่เอาชีวิต การเผาคริสตจักร การตามฆ่าพี่น้องที่เข้ามารับเชื่อ พี่น้องผู้เชื่อใหม่ในหลายประเทศต้องหลบซ่อน นี่เป็นเหตุที่ต้องการคำอธิษฐาน เผื่อ และอย่าคิดว่าจะไม่ได้ผล เพราะพระเจ้าจะทรงตอบคำอธิษฐานที่จริงจังแน่นอน

แต่พระเจ้าทรงซื่อตรง
พระองค์จะทรงให้กำลังและปกป้องท่านจากผู้ที่ชั่วร้าย เรื่องของท่านนั้น เรามีความมั่นใจในพระเจ้าเรื่องของท่านว่าท่านกำลังทำ และจะทำสิ่งที่เราได้สั่งไว้
2 เธสะโลนิกา 3:3-4

1 โครินธ์ 1:9, 1 เธสะโลนิกา 5:24,ยอห์น 17:15, 2 โครินธ์ 7:16, ฟิเลโมน 1:21

ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อพระเจ้า แต่กระนั้น พระเจ้ายังคงซื่อตรงตามพระสัญญาของพระองค์ ท่านเปาโล จึงมั่นใจว่า พระเจ้าจะทรงให้กำลัง ปกป้องผู้เชื่อจากมารร้าย (1 โครินธ์ 10:13) คำว่ามั่นใจในภาษากรีกบ่งถึง

ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงนำใจของท่านไปสู่ความรักของพระเจ้า และความทรหดอดทนของพระคริสต์
2 เธสะโลนิกา 3:5

1 พงศาวดาร 29:18, 1 ยอห์น 4:19, เฉลยธรรมบัญญัติ 30:6,

คำอธิษฐานที่ท่านเปาโลยังคงขอต่อไปคือ ให้พี่น้องชาวเธสะโลนิกา มีทั้งความรัก และความอดทนมากอย่างพระเยซูคริสต์ เพราะจะทำให้เขาทำหน้าที่ในฐานะคนของพระเจ้าต่อไปอย่างมั่นคงไม่ว่าจะเจอความยากลำบากขนาดไหน

คำเตือนไม่ให้เป็นคนอยู่เฉย

เราขอสั่งพี่น้องทั้งหลายในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้าของเราว่าให้อยู่ห่างจากพี่น้องที่อยู่เฉย ไม่รับผิดชอบ ไม่ดำเนินชีวิตตามคำสอนที่ท่านได้รับจากเรา
2 เธสะโลนิกา 3:6

โรม 16:17, 1 โครินธ์ 5:1,1 เธสะโลนิกา 4:11,5:14

ระยะห่างเพื่อป้องกันเรื่องโควิด 19 นั้น เป็นตัวอย่างที่ดีว่า เราไม่อยู่ใกล้กันกับคนที่อาจมีเชื้อโรค เพื่อเราจะไม่ติดต่อโรคระยะห่างต้องมีกับคนที่เกียจคร้าน ไม่ทำงาน ไม่รับผิดชอบชีวิตของตนเอง และคนในครอบครัว

เพราะท่านรู้ว่า ท่านจะต้องเลียนแบบเรา เราไม่ได้อยู่เฉย ท่ามกลางพวกท่าน และเราไม่ได้กินอาหารของใครโดยไม่จ่ายตอบแทน ตรงกันข้าม เราทำงานเช้ายันค่ำ เพื่อว่าเราจะไม่เป็นภาระแก่ใครในพวกท่าน
2 เธสะโลนิกา 3:7-8

1 โครินธ์ 11:1,4:16 , ทิตัส 2:7, 1 เธสะโลนิกา 2:9, มัทธิว 6:11

คำสั่งช่วงนี้ เป็นคำสั่งสำหรับการลงมือปฏิบัติ ผู้ที่เชื่อพระเจ้าจริง ๆ จะต้องไม่เป็นคนที่เกียจคร้าน
แต่เป็นคนมีจิตใจคิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย พระเจ้าทรงให้เรามีชุมชนเพื่อช่วยเหลือกันและกัน
การมีชุมชนทำให้เราอยู่กันมาได้จนทุกวันนี้ หากเราต่างคนต่างอยู่
ไม่ทำหน้าที่ ๆ ควรทำ ไม่นานเราจะเหมือน อารยธรรมโบราณที่สูญหายตายจากไป

ที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเราไม่มีสิทธิที่จะได้รับการสนับสนุน แต่เราทำเพื่อเป็นตัวอย่างให้ท่านทำตาม จริงแล้วตอนที่เราอยู่กับท่านเราได้สั่งท่านไว้ว่า“หากใครไม่เต็มใจทำงาน ก็ไม่ต้องให้เขากิน”
2 เธสะโลนิกา 3:9-10

1 โครินธ์ 9:4-14, ยอห์น 13:15, สุภาษิต 13:4,20:4

ท่านเปาโลเป็นตัวอย่างที่ทำให้คริสเตียนได้รับใช้พระเจ้าไปด้วยการทำงานอื่นเลี้ยงตัวเองไปด้วย ไม่ได้เป็นภาระของคริสตจักร ทำให้งานของพระเจ้าก้าวหน้าไปเร็วขึ้น ท่านเปาโลชัดเจนว่า ถ้าใครไม่ทำงานก็ไม่ต้องให้กิน ชัดเจน ไม่มีข้อโต้แย้ง

เพราะเราได้ยินว่า มีบางคนในหมู่พวกท่านใช้ชีวิตไร้ความรับผิดชอบ ไม่ทำงาน แต่กลับไปยุ่งเรื่องของผู้อื่น เราขอสั่งคนอย่างนั้น ในองค์พระคริสต์เจ้าของเราให้ทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง
2 เธสะโลนิกา 3:11-12

1 เปโตร 4:15, เอเฟซัส 4:28, 1 เธสะโลนิกา 4:11,

การไม่ทำงาน ไม่หางานทำ (งานดังกล่าวจะเป็นงานอะไรก็ได้ งานบ้าน งานที่ทำงาน งานเพื่อคนอื่น)
ทำให้คนหนึ่ง ๆ มีเวลาว่างมาก และกลายเป็นต้นตอของชีวิตบาป เขากลายเป็นคนที่สร้างอันตราย
ให้กับทั้งตัวเองและคนอื่น

สำหรับพวกท่าน พี่น้องเอ๋ย อย่าเหนื่อยล้าที่จะทำการดี คนใดที่ไม่เชื่อฟังคำสอนจากจดหมายนี้ ก็ให้หมายหัวไว้ อย่าคบหาสมาคมด้วย เพื่อว่าเขาจะได้ละอาย อย่าถือว่าเขาเป็นศัตรู แต่ให้เตือนสติเขาในฐานะพี่น้อง
2 เธสะโลนิกา 3:13-15

กาลาเทีย 6:9-10, 2 โครินธ์ 4:1, มัทธิว 18:17, เลวีนิติ 19:17, ทิตัส 3:10

บางครั้งถ้าใครคนหนึ่งต้องแบกภาระคนอื่น ๆ หลายอย่าง ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง แถมยังมีเขย สะใภ้เข้ามาช่วยเพิ่มภาระ บางทีมันก็หมดแรงเหมือนกัน ท่านเปาโลหนุนใจ ให้ไม่หยุดทำความดีต่อไป ส่วนคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ก็ไม่ให้คบเป็นเพื่อนสนิท เพื่อช่วยให้เขารู้สึกละอาย จะได้กลับใจ อย่าปล่อยให้เขาทำผิดไปเรื่อย ๆ

คำลงท้ายจดหมาย

บัดนี้ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติทรงให้สันติสุขแก่ท่านทุก ๆ ด้าน ทุกเวลา ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับท่านทุกคน
ข้า เปาโล เขียนคำลงท้ายนี้ด้วยลายมือตนเอง นี่เป็นเครื่องหมายว่าเป็นจดหมาย จากข้า ทุก ๆ ฉบับ ข้าจะเขียนแบบนี้ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
อยู่กับท่านทุกคน
2 เธสะโลนิกา 3:16-18

โรม 15:33, 1 โครินธ์ 16:21, วิวรณ์ 16:14, โณม 16:20,24

เมื่อพี่น้องชาวเธสะโลนิกา ได้คำอธิษฐานของท่านเปาโล ขอสันติสุข ขอองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอ
พระคุณของพระเยซูเจ้า มายังชีวิตของพวกเขา เชื่อแน่ว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของท่าน ยังมีพี่น้องคริสเตียนจำนวนมาก ที่ชีวิตไม่ราบรื่น ต้องการคำอธิษฐานแบบนี้ แม้แต่เราทุกคนก็เช่นกัน

2 เธสะโลนิกา 2 วันที่จะมาถึง

คำแนะนำเรื่องวันเสด็จกลับมา

เรื่องการเสด็จมา ขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา และการที่เราจะถูกรวบรวมไปกับพระองค์นั้น เราขอร้องพี่น้องว่า อย่าหวั่นไหว ไม่ว่าท่านจะได้ยินคำ คำพูดหรือจดหมายที่เหมือนมาจากเราว่า วันนั้นมาถึงแล้ว อย่าให้ใครมาหลอกลวงท่านได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเพราะวันนั้น จะไม่มาถึงจนกว่าเกิดการ กบฎต่อพระเจ้า และมนุษย์บาปได้ปรากฏตัวคนนี้คือ ลูกแห่งความพินาศ
2 เธสะโลนิกา 2:1-3

มาระโก 13:21, 1 ยอห์น 4:1-2, 2 เปโตร 2:1-3, เอเฟซัส 5:6, ดาเนียล 7:25

คนอื่นหลอกเราได้ หากเราไม่รู้ว่า พระคัมภีร์บอกอะไรไว้ มีคนหลอกว่า พระเยซูจะเสด็จมา ในปีนั้น เดือนนี้ และคนก็เชื่อ ทั้ง ๆ ที่พระเยซูเองตรัสว่า ไม่มีใครรู้ว่า วันนั้นจะมาถึงเมื่อใด ดังนั้นที่สำคัญคือคือ เราต้องรู้จักพระคัมภีร์ แล้วจะไม่โดนใครหลอกได้เลย …

เขาคนนี้จะต่อต้าน และยกตนเหนือทุกสิ่งที่เรียกว่าพระ หรือสิ่งใด ๆ ที่คนนมัสการ เพื่อตนเองจะได้นั่งในพระวิหารของพระเจ้า และแสดงตัวว่าเขาเป็นพระเจ้า ท่านจำไม่ได้หรือว่า ตอนที่ข้าอยู่กับท่านข้าบอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบแล้ว
2 เธสะโลนิกา 2:4-5

เอเสเคียล 28:2, ดาเนียล 7:25,11:36 วิวรณ์ 13:6-7,

เหตุการณ์อย่างที่กล่าวมานั้น เป็นเหตุการณ์พิเศษก่อนการเสด็จมาจริง ๆ เป็นการขัดขืน ต่อต้านพระเจ้าครั้งรุนแรงที่สุด และจะรู้ ไปทั่วอย่างรวดเร็ว ชายผู้ที่ทำเรื่องนี้ ท่านเปาโลเรียกเขาว่า “มนุษย์บาป” หรือ”คนนอกกฎหมาย” เราต้องคอยสังเกตเหตุการณ์ของโลกมีการคาดเดาว่าคนนั้น คนนี้ แต่เราจะเห็นชัดว่าใครเป็นใครเมื่อเขาท้าทายพระเจ้าชัด ๆ

และท่านก็รู้ว่า อะไรได้หน่วงเหนี่ยวมันไว้ เพื่อว่ามันจะปรากฏตัวในเวลาของมัน
เพราะอำนาจนอกกฎหมายเริ่มทำงานไปแล้ว
แต่มีผู้คอยหน่วงเหนี่ยวมันอยู่ จนกว่าท่านจะออกพ้นทางไป
2 เธสะโลนิกา 2:6-7

2 เธสะโลนิกา 2:3,8, 1 ยอห์น 2:18

มนุษย์บาปผู้เป็นปฏิปักษ์พระคริสต์นั้น
ไม่ได้ทำอะไรได้ตามใจ แต่มีบุคคลหนึ่งที่ยั้งมันไว้ไม่ให้ทำอะไรตามใจชอบจนกว่าจะถึงเวลาของมัน 2 ยอห์น 2:18 มีผู้ต่อต้านเหล่านี้หลายคน พระเจ้าทรงยับยั้ง หน่วงเหนี่ยวบาปของโลกไว้ไม่ให้หนักไป
กว่านี้ด้วยพระวิญญาณของพระองค์ แม้มีคนแปลความหมายของข้อนี้หลายทาง เบื้องต้นที่เราควรเข้าใจคือว่า หากผู้ที่ หน่วงเหนี่ยวนี้ออกไปพ้นทางมารเมื่อไรโลกก็จะทุกข์ยากกว่านี้หลายเท่า

แล้วมนุษย์บาปผู้นั้นจะปรากฏตัวขึ้น และพระเยซูเจ้าจะทรงสังหารมัน ด้วยลมจากพระโอษฐ์ของพระองค์ จะทรงผลาญมันให้สิ้นสูญไปด้วยการที่พระองค์เสด็จมาปรากฏ
2 เธสะโลนิกา 2:8

ดาเนียล 7:10, อิสยาห์ 11:4, วิวรณ์ 2:16,19:15, ฮีบรู 10:27

ถึงแม้มนุษย์บาปผู้นี้มีอำนาจมาก แต่ท่านเปาโลบอกล่วงหน้าให้เราใจชื้นขึ้นว่า เขาจะถูกพระเยซูกำจัดให้สูญไปด้วยการเสด็จมาของพระองค์ เขาไม่อาจถูกทำลายด้วยผู้ใดที่เป็นมนุษย์ องค์กรใด ๆ กองทัพใด ๆ แต่ด้วยลมจากพระโอษฐ์ของพระเยซูเท่านั้น วิวรณ์ 19:19-20

ลักษณะและวิธีการของมนุษย์บาป

มนุษย์บาปนั้น มาจากซาตานพร้อมกับฤทธิ์เดชและหมายสำคัญและการอัศจรรย์ปลอม รวมถึงอุบายเล่ห์เหลี่ยมทุกอย่าง เพื่อผู้คนที่จะพินาศ เพราะพวกเขาไม่ยอมที่จะรักความจริง เพื่อว่าพวกเขาจะรอดได้
2 เธสะโลนิกา 2:9-10

ยอห์น 8:41, ฉธบ. 13:1, 2 โครินธ์ 2:15, 1 โครินธ์ 16:22

มนุษย์บาป มีอำนาจมากจากมาร วิวรณ์ 13:7 มันต่อสู้กับคนของพระเจ้า :17 มันต้องการให้คนเชื่อ ติดตาม หลงว่ามันคือผู้ช่วยโลกให้รอด ทุกอย่างที่มันทำนั้น เป็นการลวงหน้าตาย เพราะแม้คนรู้ว่ามันโกหกก็ยังเชื่อ ไม่ต่างอะไรจากการเชื่อข่าวปลอม ที่เชื่อเพราะพอใจที่จะเชื่อ

ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงส่งความหลงใหล มายังคนที่เชื่อความเท็จ เพื่อว่าทุกคนที่ไม่เชื่อความจริงแต่พอใจกับความอธรรม จะถูกพิพากษา
2 เธสะโลนิกา 2:11-12

โรม 1:28,1:32, 1 ทิโมธี 4:1, 1 โครินธ์ 13:6

ตอนแรกก็หลงเชื่อสิ่งที่มุสาก่อน สิ่งที่มนุษย์บาปได้หลอกไว้ พวกเขาก็เชื่ออย่างง่ายดาย ที่น่าสนใจในข้อนี้คือ เขามีความพอใจในความอธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้น มีความสุขกับสิ่งนั้น และอ้างสิ่งที่ผิดต่อพระเจ้า เป็นความถูกต้องทั้งหมด พระเจ้าจึงส่งความหลงใหลมาให้ และในโลกปัจจุบันเราจะเห็นเรื่องนี้ชัดเจนมาก

คำหนุนใจผู้เชื่อยุคสุดท้าย

พี่น้องที่พระเจ้าทรงรัก
เราควรที่จะขอบพระคุณสำหรับท่านเสมอเพราะพระเจ้าทรงเลือกท่านให้เป็นผลแรกของคนที่จะได้รับความรอดผ่านการชำระให้สะอาดโดยพระวิญญาณและการที่ท่านเชื่อในความจริง
2 เธสะโลนิกา 2:13

เอเฟซัส 1:4 , 1 เธสะโลนิกา 4:7, 1 เปโตร 1:2

เราจะเห็นชัดจากข้อนี้ว่าการรับความรอดประกอบด้วยชีวิตที่ได้รับการชำระจากพระเจ้าเห็นได้จากชีวิตที่เปลี่ยนไปในทางที่ดี และมีการเชื่อในข่าวประเสริฐ หากคนใดบอกว่าเขามีความเชื่อ แต่ชีวิตเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ เวลาผ่านไป เขาก็ยังไม่เปลี่ยน… แม้จะทำกิจกรรมต่าง ๆ มีการรับใช้เหมือนผู้เชื่อ หากใจยังดำ มืด ดึงดัน เท่ากับยังไม่มีการชำระจากพระวิญญาณจริง

พระองค์ทรงเรียกท่านผ่าน
พระกิตติคุณมาสู่สิ่งที่เรากล่าวมา
เพื่อว่าท่านจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์
ของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
ขอให้พี่น้องทั้งหลายยืนอย่างมั่นคง และยึดคำสอนที่เราได้สอนท่านไว้ ไม่ว่าผ่านทางคำพูดหรือจดหมาย 2 เธสะโลนิกา 2:14-15

1 เปโตร 5:10, 1 โครินธ์ 16:13, 11:2, โรม 6:17, 2 เธสะโลนิกา 3:6, ยูดา 3

พระคำข้อนี้ บอกเราว่า เราจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซู พระเจ้าทรงให้สิ่งที่มากเกินที่เราจะคาดได้ นอกจากมีชีวิตนิรันดร์ แล้ว ยังมีศักดิ์ศรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดด้วยชีวิตคริสเตียนที่เข้มแข็งคือต้องมั่นคงในพระวจนะของพระเจ้า

บัดนี้ ขอให้พระเยซูคริสต์เจ้า และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเราและทรงให้พลังใจนิรันดร์ รวมทั้งความหวังอันดีที่มาจากพระคุณ โปรดทรงให้ท่านอบอุ่นใจและทรงให้ท่านมั่นคงทั้งในการกระทำดีและคำพูดที่ดีทุกอย่าง
2 เธสะโลนิกา 2:16-17

วิวรณ์ 1:5 , ทิตัส 3:7, 1 เปโตร 1:3, 1 โครินธ์ 1:8

ท่านเปาโลอธิษฐานขอพระเจ้าเพื่อชาวเธสะโลนิกา เป็นตัวอย่างสำหรับเราที่จะอธิษฐานเผื่อผู้อื่นที่เราห่วงใย สองอย่างที่สำคัญคือ ขอพระเจ้าทรงปลอบใจ และให้พวกเขามั่นคงทั้งคำพูดและการกระทำ เป็นการขอที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ