1 ยอห์น 1 ความสว่าง ความรักและชีวิต

ที่มาจากปฐมกาล ที่ได้ยิน ได้เห็น ได้ดู และสัมผัส

(นี่เป็นสิ่งที่เราประกาศแก่ท่าน)
สิ่งที่มาจากปฐมกาล
สิ่งที่เราได้ยิน
สิ่งที่เราได้เห็นด้วยตา
สิ่งที่เราได้พินิจดูและได้สัมผัสด้วยมือของเรา
เกี่ยวข้องกับพระคำแห่งชีวิต
1 ยอห์น 1:1

ยอห์น 1:1, 4, 14, 2 เปโตร 1:16, ลูกา 24:39,

ชีวิตนั้นได้ปรากฏ
และเราได้เห็นชีวิตนั้น
เราเป็นพยาน และประกาศกับท่าน
ถึงชีวิตนิรันดร์ที่อยู่กับพระบิดา
และสำแดงให้แก่เรา
1 ยอห์น 1:2

ยอห์น 1:4, โรม 16:26, ยอห์น 21:24, ยอห์น 1:1,18, 16:28

สิ่งที่เราเห็น และได้ยินเราประกาศแก่ท่าน เพื่อว่าท่านจะได้มีสัมพันธ์สนิทกับเราและเรามีสัมพันธ์สนิทกับพระบิดา
และกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์
เราเขียนสิ่งเหล่านี้เพื่อว่า ความยินดีของเราจะสมบูรณ์พร้อม
1 ยอห์น 1:3-4

1 โครินธ์ 1:9, ยอห์น 17:21, 3, 15:11, 16:24

สัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าและพี่น้อง

และนี่เป็นสาระของข่าว ที่เราได้ยินจากพระองค์
และประกาศแก่ท่าน นั่นคือ พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง
และในพระองค์ไม่มีความมืดเลย
1 ยอห์น 1:5

1 ยอห์น 3:11, 1 ทิโมธี 6:16,ยอห์น 8:12, 1:9,
สดุดี 27:1

หากเราพูดว่า เรามีความสัมพันธ์กับพระองค์  แต่เรายังคงเดินในความมืดเท่ากับเราพูดเท็จ
และไม่ได้ประพฤติตามความจริง
1 ยอห์น 1:6

1 ยอห์น 2:9-11, 1 ยอห์น 4:20, ยากอบ 2:14

แต่หากว่าเราเดินในความสว่าง
เหมือนที่พระองค์ทรงดำเนินในความสว่าง
เราก็มีสัมพันธ์สนิทต่อกันและกัน
และพระโลหิตของพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า
ก็ชำระเราให้สะอาดพ้นจากบาปทั้งสิ้น
1 ยอห์น 1:7

อิสยาห์ 2:5, 1 โครินธ์ 6:11, เอเฟซัส 5:8


หากเรากล่าวว่า เราไม่มีความผิดบาป
เราก็กำลังหลอกตนเอง
และความจริงไม่ได้อยู่ในเรา
1 ยอห์น 1:8

ยากอบ 3:2, โรม 3:23, ปัญญาจารย์ 7:20


แต่หากว่าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อตรงและเที่ยงธรรมจะทรงอภัยบาปให้เรา และชำระเราจากความอธรรมทั้งสิ้น
1 ยอห์น 1:9

สุภาษิต 28:13, โรม 13:24-26, สดุดี 51:2



หากเราพูดว่า เราไม่เคยทำบาปเท่ากับเรากล่าวหาว่า พระองค์ทรงมุสา และพระดำรัสของพระองค์ไม่ได้อยู่ในเรา
1 ยอห์น 1:10

1 ยอห์น 5:10, สดุดี 130:3

อธิบายเพิ่มเติม

1 ยอห์น 1:1
พอเราเห็นพระคำตอนนี้ เราก็นึกถึงพระกิตติคุณ
ยอห์นทันที (ในฉบับกรีก ไม่มีประโยคแรกแต่ใส่ไว้ให้เข้าใจง่ายว่าท่านยอห์นหมายถึงอะไร นี่เป็นประโยคเดียวที่ยาวมากเพราะหนึ่งประโยคนี้ยาวไปถึงข้อ 4 ) อ่านให้ดี สิ่งที่ท่านยอห์นกล่าวถึงคือ ข่าวสารเรื่องของพระเยซูนั่นเอง พระองค์ทรงมาจากปฐมกาล แต่เป็นพระเจ้า และอาจารย์ที่รักของท่านยอห์น เป็นผู้ที่ท่านได้อยู่ใกล้ชิดมาก ๆ

1 ยอห์น 1:2
“ชีวิตนิรันดร์ที่อยู่กับพระบิดา”ที่ท่านยอห์นกล่าว
ถึง ก็คือ พระเยซูคริสต์ก่อนที่พระองค์จะมาบังเกิดในโลกนี้ ยอห์น 1:4 และยังโยงกับยอห์น 3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ นั่นคือ พระบุตรพระเจ้าลงมาในโลกและทรงรับสภาพความเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ในองค์ ๆ เดียว และคนจำนวนมากได้สัมผัสกับพระองค์จริง ๆ

1 ยอห์น 1:3-4
เวลานี้ท่านยอห์นเองได้บอกว่า เหตุผลที่ท่านเขียน
จดหมายฉบับนี้ก็เพื่อจะได้มีความยินดีอย่างเต็มเปี่ยม สมบูรณ์แบบ พระเจ้าผู้ที่เรามองไม่เห็นทรงสำแดงพระองค์ผ่านพระเยซู ซึ่งทำให้ผู้คน ได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส ได้มีสัมพันธ์สนิทกับพระองค์จริง ๆ พระเยซูทรงเป็นผู้ที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เป็นผู้ที่พลิกโฉมของสังคมโลกโบราณ ผู้คนที่มาเชื่อพระองค์ เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อพี่น้องร่วมสังคม แทนเกลียดด้วยความรัก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

1 ยอห์น 1:5
สาระของข่าวที่ได้ยินจากพระองค์นั้นก็คือ เรื่องของข่าวประเสริฐนั่นเองข้อต่อ ๆ ไปเราจะทราบว่า อะไรคือสาระนั้น. สิ่งที่ท่านยอห์นพูดนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ท่านคิดขึ้น มาเองตามใจ แต่ท่านได้ยินมาจากพระเยซูเอง และ ก็ตรงกับสิ่งที่พระเยซู ตรัสในยอห์น 8 และ 9 ดวงอาทิตย์ยังมีจุดมืดที่ดับ แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว ไม่มีอะไรเช่นนั้นอยู่ในพระองค์

1 ยอห์น 1:6 พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง คนของพระองค์จึง
ต้องเป็นสว่างด้วย พระเยซูตรัสว่า ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราใช้ชีวิตโดยไม่มีความมืดแฝงอยู่ เป็นชีวิตที่โปร่งใส ไม่มีการแอบหมกบาปไว้ หากเรามั่นใจว่า เรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้วเราต้องไร้บาปที่ไม่ได้สารภาพพระเยซูทรงชำระเราแล้วด้วยพระโลหิตของพระองค์ เพื่อให้เรามีสัมพันธ์สนิทที่แท้จริง

1 ยอห์น 1:7
ความสว่าง เป็นสัญลักษณ์บอกถึงพระลักษณะของพระเจ้า: ทรงงามเลิศตระการ พระสิริรุ่งโรจน์ ยังรวมไปถึงความบริสุทธิ์ ความจริงในพระองค์ และพระลักษณะที่ทรงสื่อสารกับมนุษย์อยู่เสมอ พลังที่ประทานให้มนุษย์ และสิทธิในการออกพระบัญชา การอยู่ในความสว่างของพระเจ้า ทำให้เรามีสัมพันธ์สนิทต่อกันและต่อพระเจ้าโดยที่ทุกคนได้รับการชำระโดยพระโลหิตแล้ว 

1 ยอห์น 1:8
คำว่า “ฉันไม่ได้ทำผิด” ในเรื่องนั้นเรื่องนี้ยังพอรับได้ว่าเป็นจริง แต่ที่บอกว่า ฉันไม่มีบาปนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกล้าพูดคำนี้ การพูด เช่นนี้ไม่ใช่แค่หลอกตัวเอง แต่เท่ากับโกหกด้วย เชื่อหรือไม่ว่า ยิ่งเราเข้าใกล้พระเจ้ามากเท่าไร เรายิ่งรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้า และ ความสกปรกในชีวิตของเรามากเท่านั้น ท่านอิสยาห์เองได้อธิบายชัดเลยใน
อิสยาห์ 6:1-5

1 ยอห์น 1:9
พระคำข้อนี้ เป็นข้อที่คริสเตียนทุกคนจำได้เพราะถึงแม้เราเข้ามาอยู่ในพระเจ้าแล้ว แต่เรายังต้องการพระเจ้าทุก ๆ วัน ในชีวิตที่ดำเนินไปแต่ละวันนั้น มีโอกาสทำผิด ไม่ตรงตามเป้าหมายที่พระเจ้าทรงประสงค์อยู่เสมอ การสารภาพแปลว่า ประณามบาปในแบบที่พระเจ้าจะทรงกล่าวถึงมัน เรายอมรับความบาปนั้น ไม่ดื้อรั้น เป็นการแต่รู้ว่า บาปเป็นสิ่งที่ต้านพระเจ้าไม่ใช่แค่ผิดหรือพลาด

1 ยอห์น 1:10
ข้อ 6 เราบอกว่าเราสนิทกับพระเจ้า แต่ยังเดินในความมืด ข้อ 8 เราว่า เราไม่มีความผิดบาป ข้อนี้เป็นการกล่าวว่าสิ่งที่เราเคยทำมานั้น ไม่ใช่บาป
เราจะเห็นความสัมพันธ์ของข้อ 5-6, 7-8, 9-10
เมื่อเราอ่านและพิจารณาให้ดี ข้อหลังเป็นการ ปฏิเสธความจริงที่ข้อก่อนหน้าได้กล่าวไว้ พระคัมภีร์ในหนึ่งยอห์นห้าข้อสุดท้ายนับเป็นพื้นฐานการใช้ชีวิตคริสเตียนที่สำคัญมาก เราต้องใช้ชีวิตในความสว่าง สนิทกับพระเจ้า! E 2024 12 02

สดุดี 26 อธิษฐานขอพระเจ้าทรงตรวจสอบและทรงไถ่

สดุดีของดาวิด

ขอพระเจ้าทรงตัดสิน ตรวจสอบชีวิต
1 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าพระองค์​
เพราะข้าดำเนินชีวิตในความเที่ยงตรง
ข้าวางใจในองค์พระยาห์เวห์ ข้าจึงไม่หวั่นไหว
2 โอ พระยาห์เวห์​ ขอทรงตรวจสอบข้า และพิสูจน์ข้า
ขอทรงทดสอบความคิดและจิตใจส่วนลึกของข้า
3 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์อยู่ตรงหน้าข้า
และข้าได้เดินในความจริงของพระองค์
ยืนยันว่าไม่คบคนชั่ว
4 ข้าไม่นั่งกับหมู่คนหลอกลวง
จะไม่เดินคู่ไปกับคนหน้าไหว้หลังหลอก
5 ข้าเกลียดชังชุมนุมคนทำชั่ว
และจะไม่นั่งกับคนโหดร้าย
ข้ารักพระนิเวศของพระเจ้า
6 ข้าจะล้างมือแสดงความบริสุทธิ์
และเดินรอบแท่นบูชาของพระองค์ โอ พระยาห์เวห์
7 เพื่อจะเปล่งเสียงขึ้นขอบคุณพระองค์
และเล่าถึงราชกิจอันน่าพิศวงของพระองค์
8 โอ พระยาห์เวห์ ข้ารักพระนิเวศของพระองค์
และสถานที่ซึ่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ปรากฏอยู่
อธิษฐานขอความรอดพ้น
9 ขออย่าทรงลากวิญญาณของข้าไปพร้อมกับคนบาป
หรือปลิดชีวิตของข้าไปพร้อมกับคนที่กระหายเลือด
10 คนที่มือเป็นแผนชั่วร้าย และมือขวาเต็มด้วยสินบน
11 แต่สำหรับข้า ข้าจะเดินในความเที่ยงตรง
ขอทรงไถ่ข้าและทรงเมตตาข้าด้วย
มั่นใจในพระยาห์เวห์
12 เท้าของข้ายืนมั่นคงอยู่บนพื้นราบ
ข้าจะถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์
ในที่ประชุมใหญ่

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 7:8, 2 พงศ์กษัตริย์ 20:3, สุภาษิต 20:7, สดุดี 13:5, 28:7

2* สดุดี 17:3, 139:23

3* 2 พงศ์กษัตริย์ 20:3, สดุดี 86:11

4* สดุดี 1:1, เยเรมีย์ 15:17

5* สดุดี 31:6, 139:21, 101:3-8

6* สดุดี 43:4, อพยพ 30:19-20

7* สดุดี 9:1, 145:5

8* สดุดี 27:4,84:1-4, 10

9* วิวรณ์ 22:14-15, สดุดี 139:19

10* ฉธบ. 16:19, สดุดี 52:2, 1 ซามูเอล 8:3

11* สดุดี 26:1, 1 เปโตร 1:18-19

12* สดุดี 40:2, 27:11

อธิบายเพิ่มเติม สดุดี 26

สดุดี 26:1-3
สดุดี 26-28 เป็นสดุดีที่เราจะเห็นว่า กษัตริย์ดาวิดได้กล่าวถึงการได้ชมความงามของพระนิเวศอย่างชัดเจน ข้อ 1-3 ท่านได้ทูลขอพระเจ้าทรงแก้ต่างให้ เหมือนว่ามีคนมากล่าวโทษท่าน ท่านได้บอกความในใจชัดเจนว่า จะไม่หวั่นไหว หรือจะไม่สะดุดล้มเพราะวางใจพระเจ้าจริง ๆ ท่านรู้ว่า พระเจ้าของท่านยิ่งใหญ่เพียงใด ท่านจึงมั่นคงได้ไม่ว่าศัตรูจะมาไม้ไหน ในชีวิตของเราก็เช่นกัน อย่าให้ได้มีใครมากล่าวหาความผิดของเราได้ หากเรามีชีวิตอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าจริง ๆ พระองค์ทรงตรวจสอบเราอยู่แล้วทุก ๆ วัน
คำทูลขอของท่านนั้น กล้ามาก ขอให้พระเจ้าทรงตรวจสอบทุกซอกมุมของหัวใจ เรารู้อยู่ว่าใจของเรานั้น เป็นตัวหลอกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ดังนั้น เมื่อพระเจ้าทรงตรวจสอบ เราจะเจ็บ จำ และตามด้วยการกลับใจ ..

สดุดี 26:4-5
ที่กษัตริย์ดาวิดมั่นใจให้พระเจ้าทรงตรวจสอบ เพราะท่านไม่ได้คบคนชั่ว ไม่ได้ยอมให้คนชั่วมาเป็นที่ปรึกษาในการปกครอง ในชีวิตของท่าน.. ท่านไม่อยู่ในหมู่คนที่หน้าไหว้หลังหลอก คนชั่วร้าย คนที่กินสินบน เหล่านั้นไม่มีทางที่จะได้มีส่วนใด ๆ ในอาณาจักรที่ท่านปกครองอยู่เลย

สดุดี 26:6-8
ยิ่งกว่านั้น ท่านรักพระนิเวศของพระเจ้าสุดหัวใจ ที่ ๆ คนของพระองค์มารวมตัวนมัสการพระองค์
ณ ที่นั่น พระสิริของพระเจ้าปรากฏอย่างชัดเจน บางทีเราไม่เข้าใจว่า แม้ในคริสตจักรเล็ก ๆ ที่มีแต่คนชราที่ซื่อตรงต่อพระเจ้ามานมัสการด้วยกัน คือ พระสิริอันงดงามของพระเจ้าฉายแสงในที่เล็ก ๆ นั้น

สดุดี 26:9-11
แล้วกษัตริย์ดาวิดก็อธิษฐานขอความรอดจากพระเจ้า ขอพระเจ้าอย่าทรงกริ้วและปลิดชีวิตของท่านไปพร้อม ๆ กับคนบาปชั่ว ท่านขอให้พระเจ้าเว้นท่านไว้จากหายนะ และท่านก็ทูลขอให้พระเจ้าทรงกู้จากการโจมตีของคนชั่วอีกครั้ง

สดุดี 26:12
แสดงความมั่นใจอย่างยิ่งว่า ได้ยืนอยู่ในที่ ๆ มั่นคง นั่นคือบนพันธสัญญาของพระเจ้าที่ซื่อตรง ท่านสัญญาว่าจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าในที่ประชุมใหญ่ เชื่อว่า นั่นคือการที่ ท่านได้นมัสการพระเจ้าร่วมกับประชาชนของพระองค์ ใช่แล้วท่านจะนมัสการพระเจ้าในฐานะผู้ที่มีชัยชนะในที่ ๆ คนรวมกันมากมาย

สดุดี 25 ทูลขอพระเจ้าหลายอย่าง

credit:pxfuel

สดุดีของดาวิด

คำขออย่าให้ต้องอับอาย
1 โอ พระยาห์เวห์ ข้ายกชีวิตจิตใจของข้าขึ้นไปหาพระองค์
2 พระเจ้าของข้า ข้าวางใจในพระองค์
ขออย่าทรงให้ข้าต้องอับอาย
ขออย่าทรงให้ศัตรูชนะข้าเลย
3 แท้จริงแล้ว คนที่รอคอยพระองค์จะไม่ต้องอับอาย
ขอให้คนที่อับอายคือคนที่ทรยศโดยไม่มีเหตุ

ขอพระเจ้าทรงสอน ทรงนำ ขอทรงลืม และขอทรงจำ
4 ขอทรงแสดงทางของพระองค์ให้ข้าเห็น
ขอทรงสอนวิถีของพระองค์แก่ข้าด้วยเถิด
5 ขอทรงนำข้าไปในทางแห่งความจริงของพระองค์
และโปรดสอนข้า
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้า
ข้ารอคอยพระองค์ทั้งวัน
6 โอพระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกถึงพระเมตตาที่อ่อนโยน
และความรักมั่นคงของพระองค์ 
เพราะทั้งสองนี้มีมาตั้งแต่อดีตกาล
7 ขออย่าทรงระลึกถึงบาปและการล่วงละเมิดเมื่อข้ายังเยาว์
ขอทรงระลึกถึงข้าตามความดีของพระองค์

หนทางของพระเจ้าต่อคนที่ถ่อมตน
8 พระยาห์เวห์ทรงดีและเที่ยงตรง 
ดังนั้นจึงทรงสอนทางนั้นแก่คนบาป
9 พระองค์ทรงนำคนที่ถ่อมตนไปในทางเที่ยงธรรม
ทรงสอนหนทางของพระองค์แก่พวกเขา
10 หนทางทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์
คือทั้งความรักมั่นคงและความจริงจะที่มีแก่
คนที่รักษาพันธสัญญาของพระองค์
11 โอ พระยาห์เวห์ เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ 
ขอทรงอภัยบาปผิดของข้า เพราะบาปนั้นใหญ่หลวง

สิ่งดีที่พระเจ้าประทานแก่คนที่ยำเกรงพระองค์
12 ใครเป็นคนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์?
พระองค์จะทรงสอนทางที่พระองค์ทรงเลือกแก่คน ๆ นั้น
13 เขาจะได้ใช้ชีวิตในความสมบูรณ์ และลูกหลานของเขา
จะได้แผ่นดินเป็นมรดก
14 พระยาห์เวห์ทรงเผยคำปรึกษาที่ลึกล้ำให้แก่คนที่ยำเกรง
พระองค์
และทรงทำให้พันธสัญญาของพระองค์กระจ่างแจ้งแก่เขา
15 ดวงตาของข้าจะมองมายังพระยาห์เวห์เสมอ
เพราะพระองค์จะทรงฉุดให้เท้าของข้าพ้นจากกับดัก
ตาข่าย

คำขอพระเจ้าทรงช่วยปกป้อง
16 ขอทรงหันมามองข้า และเมตตาต่อข้า
เพราะข้าทั้งโดดเดี่ยวและทุกข์ใจยิ่งนัก
17 ความโศกซึมเศร้าในใจมีมากขึ้น
ขอทรงนำข้าออกมาจากความกดดันนี้
18 ขอทรงมองมายังความทุกข์โศกและความเจ็บปวด
และขอทรงอภัยบาปของข้าทั้งสิ้น
19 ขอทรงดูเถิดว่า ศัตรูของข้ามีมากเพียงใด
พวกเขาทั้งเกลียดชัง และโกรธเกรี้ยวข้ายิ่งนัก
20 ขอทรงปกปักรักษาวิญญาณของข้า และช่วยกู้ข้าด้วย
ขออย่าทรงให้ข้าต้องอับอาย เพราะข้าวางใจในพระองค์
21 ขอให้ความชื่อสัตย์ และความเที่ยงตรงรักษาข้าให้
ปลอดภัย เพราะข้ารอคอยพระองค์อยู่
22โอพระเจ้า ขอทรงไถ่อิสราเอล
ให้พ้นจากความทุกข์ยากทั้งสิ้นของพวกเขา

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 86:4,143:8

2* สดุดี 34:8, 13:4, 41:44

3*เพลงคร่ำครวญ 3:25, อิสยาห์ 40:31

4* อพยพ 13:13,33:13, สดุดี 5:8, 27:11, 86:11,119:27,143:8

5* สุภาษิต 8:34, ยอห์น 16:13, อิสยาห์ 49:10

6* สดุดี 103:17, 106:1, โคโลสี 3:12, ลูกา 1:50

7* โยบ 13:26, เยเรมีย์ 3:25, สดุดี 51:1, อิสยาห์ 43:25

8* ยากอบ 1:5, เอเฟซัส 1:17-18, สดุดี 92:15

9*สุภาษิต 3:5-6, สดุดี 23:3, มัทธิว 5:5

10*ยากอบ 5:11, ฮีบรู 12:14

11* สดุดี 31:3, 79:9, 109:21, 143:11

12* สดุดี 25:8, 37:23,

13*สุภาษิต 19:23, สดุดี 37:11, 69:36

14* ยอห์น 7:17, ยอห์น 15:15

15* สดุดี 141:8, 31:4, 123:2

16*สดุดี 69:16, 143:4

17* 2 โครินธ์ 4:8-9, สดุดี 107:6

18* 2 ซามูเอล 16:12, สดุดี 31:7

19* ลูกา 22:2, สดุดี 143:3

20*สดุดี 121:7, 71:1-2

21* สดุดี 41:12, กิจการ 24:16,

22* สดุดี 130:8

อธิบายเพิ่มเติม สดุดี 25


สดุดีบทนี้ ได้สื่อถึงความรู้สึกในใจของกษัตริย์ดาวิดอย่างชัดเจน. เป็นสดุดีที่เริ่มต้นแต่ละข้อด้วยตัวอักษรที่ และในเมื่อเราเป็นผู้เชื่อในพระเจ้า สดุดีบท 25 ก็ได้สอนเราว่า เมื่อเจอวิกฤต เราควรเข้ามาหาพระเจ้าอย่างไร ชาร์ลส เสปอร์เจียนกล่าวว่า เราได้เห็นความขัดแย้งในใจ การสำนึกในความผิดที่ทำต่อพระเจ้า การกลับใจ และความทุกข์ กดดันในใจ ทุกสิ่งได้ปรากฏชัดเป็นคำคร่ำครวญ

ข้อ 1-3 คำขอร้องอย่าให้ต้องอาย
การยกชีวิตจิตใจของข้าขึ้นไปหาพระองค์ในข้อหนึ่งหมายคือการที่เขาจะวางใจพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน ใจของกษัตริย์ดาวิดรอคอยพระองค์. การรอคอยพระเจ้าไม่ใช่นั่งเฉย ๆ แต่เป็นการที่
หัวใจของท่านรอคอยคำตอบ
คนที่ทรยศโดยไม่มีเหตุ มีความหมายได้สองอย่างคือ ทรยศโดยไม่มีสาเหตุที่จะทำ กับการทรยศแล้วไม่ได้ผลกลับมาอย่างที่ต้องการ. ไร้ผล (ฮีบรู>เรคาม>ไร้ผล)

ข้อ 4-7. ขอพระเจ้าทรงสอน ทรงนำ ขอทรงลืม และขอทรงจำ
ทางของพระเจ้าที่จะทรงสอนให้เป็นทางเดินชีวิตที่ถูกต้อง (ข้อ 8-10) เป็นทางแห่งความจริง (เรื่องนี้สำคัญเพราะคนในโลกเดินในทางเท็จ เชื่อพระที่เท็จ เชื่อสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า)
ท่านกล้าที่จะขอให้พระเจ้าทรงจำสิ่งดี ๆ ของพระองค์ แต่ลืมความบาปของท่านไป

ข้อ 8-11 หนทางของพระเจ้าต่อคนที่ถ่อมตน
สิ่งหนึ่งที่กษัตริย์ดาวิดตระหนักเสมอคือ พระเจ้าทรงดีและเที่ยงตรงยิ่งนัก
อย่างไร ๆ พระองค์ทรงดีต่อคนบาปด้วย ทรงสอนทางที่ดีแก่เขา
25:10,14 พันธสัญญา. (ฮีบรู> ซาฆาร์> พันธสัญญา ) เป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่าย โดยมีเงื่อนไขที่ยอมรับกัน พระเจ้าทรงใช้คำนี้บ่อย ๆ เพื่อบอกถึงความสัมพันธ์ของพระองค์ที่ทรงมีต่ออิสราเอล

ข้อ 12-15 สิ่งดีที่พระเจ้าประทานแก่คนที่ยำเกรงพระองค์
คนที่ยำเกรงพระเจ้า>
1. พระเจ้าสอนทางที่ดีให้เขา เขาจะมีชีวิตสมบูรณ์ ลูกหลานจะรับแผ่นดินเป็นมรดก
2. จะได้รับคำปรึกษาที่ล้ำลึกจากพระองค์ ใคร ๆ ก็อยากได้ แต่มีให้กับคนที่ยำเกรงเท่านั้น
3. จะเข้าใจพันธสัญญาลึกซึ้ง …เป็นผลดีมาก ๆ กับชีวิต
4. พระเจ้าจะทรงช่วยให้พ้นกับดักของศัตรูในทุกด้าน

ข้อ 16-22 คำขอพระเจ้าทรงช่วยปกป้อง
เราจะเห็นว่า ข้อ1-7 และข้อ 16-22 เป็นคำอธิษฐานที่คล้ายกัน ความรู้สึกของกษัตริย์ดาวิดเวลานั้น แม้จะอยู่ในตำแหน่งสูงคือ โดดเดี่ยว เป็นทุกข์ กังวล กดดันมากที่มีศัตรูมาอยู่ล้อมรอบ
25:20 ปกปักรักษา คือ คอยปกป้อง (ฮีบรู> ชามาร์>ดูแล ปกป้อง ยาม เฝ้าประตู ) แปลว่า ทำรั้วล้อมรอบบางอย่าง หรือ ตั้งยามเฝ้า กษัตรย์ดาวิดขอพระเจ้าทรงป้องกันท่านไว้รอบด้าน
แต่ในยามที่อันตรายนี้ ท่านไม่ลืมที่จะขอพระเจ้าทรงยกโทษบาปที่เกิดขึ้นในใจ หรือในการกระทำ
ที่ขอพระองค์ล้อมรอบ ปกป้องไว้เพราะศัตรูมีมากเหลือเกิน
จบด้วยคำอธิษฐานของกษัตริย์เพื่อทุกคนในชาติคือ ขอพระเจ้าทรงไถ่อิสราเอลจากความเดือดร้อนทุกอย่าง. พอเห็นคำในข้อ 22 แล้ว ทำให้รู้สึกว่า บางทีกษัตริย์ดาวิดกำลังอธิษฐานอ้อนวอนเผื่ออิสราเอลทั้งประเทศมาตั้งแต่ข้อแรกแล้วก็เป็นได้