คำอธิบายเพิ่มเติมและพระคำเชื่อมโยง กิจการ 4

การสอบสวนเปโตรและยอห์น

กิจการ 4:1-4
พอชายที่เป็นอัมพาตเดินได้ เปโตรก็ฉวยโอกาสที่จะประกาศพระนามพระเยซูทันที ไม่มีการรีรอ ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นเอง ปุโรหิต ผู้ดูแลพระวิหาร และพวกสะดูสีที่ไม่เชื่อการคืนชีพก็เข้ามาขัดจังหวะ ต่อหน้าต่อตาคนหลายพัน จิตใจของฝ่ายตรงข้ามทั้งโกรธ ทั้งรู้สึกแพ้ ทั้งเป็นกังวล พวกเขารับไม่ได้ที่อัครทูตสอนประชาชนเรื่องการคืนชีพของพระเยซู จึงสั่งจับเปโตรและยอห์นไว้ในคุกเพื่อจะสอบสวนในวันรุ่งขึ้น แต่ในวันนั้นมีคนที่ฟังเชื่อเพิ่มอีก นี่เป็นระเบิดทางการเมืองศาสนาทีเดียว ดูจากยกนี้ อัครทูตชนะคนมากมายแล้วแม้ว่าพวกเขาไม่เก่งธรรมบัญญัติอย่างพวกผู้นำเหล่านั้น พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด


1* มัทธิว 22:23
2* กิจการ 17:18, 3:15
3* ลูกา 21;12
4* กิจการ 2:41

กิจการ 4:5-7
พวกสะดูสีเป็นปุโรหิตชั้นสูงอันนาส กับคายาฟาสก็เป็นสะดูสีด้วย (กิจการ 5:17) ตอนที่พระเยซูทรงทำการของพระองค์ ฟาริสีถือพระองค์เป็นศัตรู แต่พอมาถึงกิจการ สะดูสีจะเป็นผู้ที่ตามราวีคริสเตียนมาโดยตลอด เราจะเห็นว่า การสอบสวนนี้มีผู้นำที่มีอิทธิพลมาร่วมด้วยอีกหลายคน เรียกได้ว่ามาเป็นขโยงเลยทีเดียว ดูน่ากลัว…
แต่คำถามของพวกเขานี่สิ เข้าทางเปโตรเลย เป็นคำถามที่เปโตร
อยากตอบจริง ๆการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในนามของใครก็ตาม สำหรับคนยิวแล้วพวกเขาเคร่งครัดว่า เท่ากับคน ๆ นั้น เป็นผู้กระทำเอง คล้าย ๆ กับเอกสารมอบอำนาจในปัจจุบัน

5*
6* ลูกา 3:2, ยอห์น 18:13,24, มัทธิว 26:3
7* มัทธิว 21:23,
8* มัทธิว 10:20
9* กิจการ 3:7-8

กิจการ 4:8-12
ตอนนั้นเอง พระวิญญาณได้เสด็จมาประทับในตัวเปโตรอย่างพิเศษ เขาจึงกล้าหาญ เต็มด้วยสติปัญญาอย่างที่ปกติไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราจะเห็นว่า การทำการของพระเจ้านั้น บางครั้งก็มีความพิเศษในการเจิม ของพระองค์ดังตัวอย่างในเรื่องตอนนี้จากชายขี้ขลาดในวันที่พระเยซูทรงถูกสอบสวน วันที่เขาปฏิเสธ
พระเยซู เขากลับกลายเป็นอีกคนที่จะพูดเรื่องของพระองค์อย่างไม่หวาดหวั่น

10* กิจการ 3:6, 2:24
11* สดุดี 118:22
12* กิจการ 13:26, 28:28, ยอห์น 4:22 ฮีบรู 2:3, ยูดา 3, 1 ทิโมธี 2:5, กาลาเทีย 1:7 กิจการ 10:43,

กิจการ 4:13-17
ในสมัยของพระเยซูนั้น ชายยิวจะได้เรียนอ่านเขียนกันในศาลาธรรมซึ่งมีกระจัดกระจายทั่วไป แต่ที่ว่าเขาไม่ได้เรียนสูงนั้นก็คึอ พวกเขาไม่ได้เรียนที่จะเป็นธรรมจารย์ อาจารย์สอนธรรมบัญญัติเหมือนพวกฟาริสี สะดูสี
แต่เมื่อพวกเขารู้ว่า อัครทูตอยู่กับพระเยซูมาสามปี ก็พอจะเดาได้ว่า ต้องมีความเข้าใจ อย่างพระเยซู แต่ที่เหนือกว่านั้นคือ พวกเขาทำการอัศจรรย์อย่างพระองค์ด้วย!
ยิวพวกนี้อยู่ในสภาสูงมีตำแหน่งในพระวิหาร มีตำแหน่งที่มีอำนาจ แต่พวกเขาต้องมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรดีกับอัครทูตเหล่านี้ เพราะพวกเขาเสียความนิยมจากประชาชนไม่ได้ไม่คุ้มเอามาก ๆ พวกเขาตัดสินใจสั่งไม่ให้อัครทูตพูดถึงพระนามพระเยซูกิจการ

13* ยอห์น 7:15
14* กิจการ 3:11, ลูกา 21:15
15*
16* ยอห์น 11:47, 12:19, กิจการ 3:9,10
17* กิจการ 5:28, 40

4:18-22
แต่แล้ว พวกเขาต้องประหลาดใจที่อัครทูตไม่ได้แสดงว่า กลัวพวกเขาเลย
กลับมีความตั้งใจที่จะประกาศพระนามต่อไปตามคำบัญชาของพระเยซูศัตรูของพระเจ้าตอนนี้จนตรอก ไม่รู้จะทำอย่างไร จำต้องปล่อยอัครทูตไปก่อน เพราะประชาชนที่ เห็นเหตุการณ์ต่างตระหนักว่า การหายโรคเป็นเรื่องจริง พระเจ้าทรงทำการจริง พวกเขาจะไปต่อต้านตอนนี้ ไม่ดีแน่

18*
19* กิจการ 5:29
20* อาโมส 3:8, ยอห์น 15:27, 1 โครินธ์ 9:16, กิจการ 22:15, 1 ยอห์น 1:1,3
21* กิจการ 5:13, 26, มัทธิว 21:26,46, มาระโก 11:32, ลูกา 20:6, 19, 22:2 กิจการ 3:7,8
22

ถึงห้ามก็ไม่หวั่น

กิจการ 4:23-26
ถ้าเป็นสมัยใหม่ ถือว่าถูกจำกัดเสรีภาพในการนับถือ ในการพูดอย่างอิสระ ดังนั้นอาจจะต้องมีการรวมพลเดินขบวนอย่างที่เกิดขึ้นทุก ๆ วันในโลก
แต่พวกเขาไม่ได้คิดไปสู้อย่างนั้น พวกเขาหันไปอธิษฐานต่อพระเจ้าสูงสุด พวกเขานึกถึงพระธรรมสดุดี 2 ที่กล่าวถึงการต่อต้านพระเจ้าและผู้ที่พระองค์ทรงเจิมคือ พระคริสต์ (หรือพระเมสสิยาห์ พระมาชิอัค.. ตามภาษาฮีบรู) พวกเขาอธิษฐานด้วยการใช้คำที่อยู่ในสดุดีบทนั้นตรง ๆ พวกเขามองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเรื่องที่มีการพยากรณ์ไว้ล่วงหน้ามาแล้ว อย่างหนึ่งที่เราเห็นคือ พวกเขารู้จักพระคัมภีร์เป็นอย่างดี 

23
24* ดู กิจการ 1:14, อพยพ 20:11, 2 พงศาวดาร 2:12, เนหะมีย์ 9:6
สดุดี 102:25, 124:8, 134:3, 146:6
25* สดุดี 2:1-2,
26* กิจการ 10:38, ลูกา 4:18, ฮีบรู 1:9, ดาเนียล 9:24, วิวรณ์ 11:15

กิจการ 4:27-29
ในคำอธิษฐานนั้น พวกเขามีความเข้าใจว่า คนทั้งหลายที่ต่อต้านพระเจ้าก็ทำไม
ตามแผนการที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้โดยพวกเขาไม่รู้ตัว พวกเขาขอพระเจ้าเมตตา และขอทรงให้พวกเขากล้าหาญ ทั้งที่รู้ว่าความกล้าหาญที่จะพูดเรื่องของพระเจ้านั้น จะทำให้เกิดการข่มเหงมากขึ้น และการข่มเหงสมัยก่อนนั้น รุนแรง ถึงชีวิตในคำอธิษฐานกล่าวถึงผู้รับใช้บริสุทธิ์ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม

27* ดูข้อ 30,26, ลูกา 23:7-11,มัทธิว 27:2,19, 26:3
28* อิสยาห์ 46:10, กิจการ 2:23
29* 2 พงศ์กษัตริย์ 19:16, กิจการ 4:13,31, 9:27,29,13:46, เอเฟซัส 6:19

กิจการ 4:30-31
พวกเขายังขอให้พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์แบบยิ่งใหญ่ แล้วในวันนั้น สิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาอธิษฐานจบ สถานที่นั้นสั่นอย่างรุนแรงเหมือนกับแผ่นดินไหว พระเจ้าทรงยินเสียงของพวกเขา และทรงตอบด้วยเสียง ความสั่นสะเทือนในธรรมชาติให้ทุกคนได้สัมผัส แบบนี้ก็ยิ่งเชื่อ ยิ่งกล้า เพราะว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ตามที่เขาทูลต่อพระองค์จริง ๆ

30* สดุดี 138:7, สุภาษิต 31:20, อิสยาห์ 1:25, เศฟันยาห์ 1:4, กิจการ 3:6
31* กิจการ 2:2,4, 16:26, สดุดี 77:18, ฟีลิปปี 1:14

กิจการ 4:32-37
นี่คือภาพความเป็นอยู่ของคริสเตียนในยุคแรก เป็นชีวิตของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พร้อมที่จะให้กับคนที่ขัดสนเพื่อว่าทุกคนจะมีกินพอ ๆ กัน ไม่ใช่รวยล้ำ กับขอทาน พวกเขาใช้ชีวิตแบบนี้คือ คนที่มีมากกว่าจะแบ่งให้กับคนที่มีน้อยกว่า อัครทูตเป็นผู้ช่วยดูแลให้มีการแจกจ่ายกันอย่างทั่วถึง

32* 2 พงศาวดาร 30:12, เอเสเคียล 11:9, ฟีลิปปี 1:27, กิจการ 2:44
33* กิจการ 1:8,22, 11:23
34* 2 พงศาวดาร 8:14-15, กิจการ 2:45
35* กิจการ 4:37, 5:2, 6:1
36* มาระโก 3:17
37* กิจการ 4:35

สดุดี 30 ทรงฉุดข้าขึ้นมาจากหลุม

เพลงสดุดีของดาวิด บทเพลงในพิธีถวายพระวิหาร

ความยินดีหลังจากความทุกข์ยากเพราะความกริ้วของพระเจ้า
1 โอ พระยาห์เวห์ ข้ายกย่องพระองค์
เพราะพระองค์ทรงยกชูข้าขึ้น
ไม่ให้เหล่าศัตรูเยาะหยันข้าได้
2 โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า ข้าร้องทูลขอความช่วยเหลือ
และพระองค์ทรงรักษาข้าให้หายป่วย
3 โอ พระยาห์เวห์ทรงนำวิญญาณของข้าขึ้นมาจากหลุมความตาย
พระองค์ทรงทำให้ข้ามีชีวิต เพื่อว่าข้าจะไม่กลับไปสู่หลุมนั้นอีก
4 โอ วิสุทธิชนของพระเจ้า
จงขอบพระคุณและระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์
5 เพราะพระองค์ทรงกริ้วเพียงชั่วครู
แต่ความโปรดปรานของพระองค์สืบเนื่องชั่วชีวิต
การร้องไห้อาจยาวนานหนึ่งคืน
แต่ความยินดีจะมาในเวลาเช้า

คำกล่าวที่ดูแปลก
6ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองของข้า ข้ากล่าวว่า “ข้าจะไม่หวั่นไหว”
7 ด้วยความโปรดปรานของพระองค์
พระยาห์เวห์ทรงทำให้ข้าเป็นดั่งภูเขาที่มั่นคง
เมื่อใดที่ทรงซ่อนพระพักตร์ ข้าก็ลำบาก

คำอธิษฐานในยามลำบาก
8 โอ พระยาห์เวห์ ข้าร้องหาพระองค์
ข้าเทคำคร่ำครวญของข้าไปที่พระยาห์เวห์
9 เมื่อข้าต้องลงไปยังหลุมความตาย
จะมีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น?
ผงดินจะสรรเสริญพระองค์หรือ?
แล้วมันจะประกาศความจริงของพระองค์หรือ?
10 โอ พระยาห์เวห์ โปรดสดับฟัง และเมตตาข้าด้วย
พระยาห์เวห์จะทรงเป็นพระผู้ช่วยของข้า

ความทุกข์ที่กลายเป็นความยินดี
11 พระองค์ทรงทำให้ความเศร้าโศกของข้ากลายเป็นการเต้นรำ
พระองค์ทรงถอดเสื้อกระสอบของข้าออก
ทรงคาดเอวข้าด้วยความชื่นชมยินดี
12 ในที่สุด จิตวิญญาณของข้าจะสรรเสริญพระองค์
และไม่นิ่งเงียบ
โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
ข้าจะถวายคำขอบพระคุณต่อพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์

พระคำเชื่อมโยง

1* 2 ซามูเอล 5:11, 1 พงศาวดาร 22:1,สดุดี 107:32,25:2,35:19,24, 13:4

2* สดุดี 88:13, 6:2,

3* สดุดี 16:10, 28:1

4* สดุดี 50:5, 97:12, 1 พงศาวดาร 16:4

5* สดุดี 103:9, โยบ 33:26, สดุดี63:3, 126:5

6* โยบ 29:18, สุภาษิต 1:32, สดุดี 10:6

7* 2 ซามูเอล 5:9, สดุดี 104:29, ซามูเอล 24:10

8* สดุดี 142:1

9* สดุดี 6:5

10* สดุดี 27:7

11* อพยพ 15:20, เยเรมีย์
31:4,13

12* สดุดี 16:9

คำอธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 31:1-5
ความยินดีหลังความทุกข์ยาก
จากคำที่ดาวิดกล่าว ดูเหมือนว่าท่านป่วยเกือบตาย และพระเจ้าทรงฉุดท่านขึ้น ให้หายป่วย และไม่มีศัตรูคนใดมาเยาะเย้ยได้เลย. ท่านมีความรู้สึกว่า ป่วยครั้งนี้เป็นมาจากความผิดบาปของท่านเอง
เมื่อท่านสารภาพบาปและทูลขอความช่วยเหลือของพระเจ้า พระองค์ก็ทรงตอบคำอธิษฐาน

สดุดี 30:6-7
คำกล่าวที่ดูแปลก
ในยามที่รุ่งเรือง ดาวิดกล่าวว่า ข้าจะไม่หวั่นไหว … เป็นคำพูดที่ไม่เหมือนดาวิดในบทอื่น ๆ สักเท่าไร
ดูเหมือนจะมีความมั่นใจในความมั่นคง แต่แล้วในข้อต่อมากลับสารภาพว่า
ความมั่นคงในชีวิตนั้นมาจากพระเจ้าเท่านั้น เมื่อไรที่พระเจ้าทรงซ่อนพระพักตร์ ไม่ฟังเสียงของท่าน
ท่านก็จะลำบากแน่นอน. นี่เป็นสิ่งที่ดาวิดมั่นใจมาก

สดุดี 30:8-10
กษัตริย์ดาวิดร้องหาพระเจ้า และอ้างเหตุผลต่าง ๆ ขอให้พระองค์ทรงฟังคำทูล ท่านรู้แน่ว่าหากท่านหนีจากเหตุการณ์นี้ไปได้ ท่านก็จะสรรเสริญพระเจ้า ท่านอ้างว่า ถ้าตายไปตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ใครล่ะ จะสรรเสริญพระเจ้า ข้อ 8-10 นี้เป็นช่วงเวลาของการไม่แน่ใจ ไม่มั่นคง

สดุดี 30:11-12
เมื่อพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของท่าน ดาวิดได้เขียนแสดงความรู้สึกว่าจากความหนักใจอันใหญ่หลวง มันได้กลายเป็นความสุข ชื่นชมยินดีอย่างที่สุด ท่านสัญญาว่าจะขอบพระคุณพระเจ้าตลอดไป
และวันนี้พวกเรายังได้ใช้สดุดีของท่านเป็นสื่อในการขอบคุณพระเจ้าไม่หยุดอีกด้วย


สดุดี 29 พระสุรเสียงในธรรมชาติ

ถ้าจะให้ถึงใจ ตามไปดูที่นี่. https://www.youtube.com/watch?v=LB0Yl_ygjIw

เพลงสดุดีของดาวิด

ขอถวายพระสิริ
1 ถวายแด่พระยาห์เวห์ โอ ท่านผู้มีฤทธิ์ *
ถวายแด่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงพระสิริและทรงพลัง
2 ถวายพระสิริที่สมควรแด่พระนามของพระยาห์เวห์
นมัสการพระยาห์เวห์ในความบริสุทธิ์ที่งามสง่าของ
พระองค์
( *บุตรทั้งหลายของพระเจ้า)
พระสุรเสียงในธรรมชาติ!
3 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ อยู่เหนือห้วงน้ำ
พระเจ้าผู้ทรงพระสิริ เปล่งพระสุรเสียงดั่งฟ้าคำราม
พระยาห์เวห์ ทรงอยู่เหนือน้ำมากหลาย
4 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทรงฤทธานุภาพ
พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์เต็มด้วยพระเกียรติสูงส่ง
5 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์โค่นล้มต้นสนซีดาร์
ใช่แล้ว พระยาห์เวห์ทรงหักป่าสนแห่งเลบานอนเป็นท่อน ๆ
6 พระองค์ทรงทำให้ทิวเขาแห่งเลบานอนกระโดดเหมือนลูกวัว
พระองค์ทรงทำให้ภูเขาเฮอร์โมน (สิริออน) กระโจนราวกับ
ลูกวัวป่า
7 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทำให้เปลวไฟโหมกระพือขึ้น
8 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทำให้ถิ่นกันดารสั่นสะเทือน
พระยาห์เวห์ทรงเขย่าถิ่นกันดารแห่งคาเดช
9 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์โค่นต้นโอ๊ค*
และทำให้ป่าราบเรียบเป็นหน้ากลอง
และในพระวิหารของพระองค์ ทุกคนร้องเสียงดังว่า
“พระสิริรุ่งโรจน์!”
(  * หรือ ทำให้กวางตัวเมียตกลูก)
10 พระยาห์เวห์ประทับบนบัลลังก์เหนือน้ำท่วมนั้น
ใช่แล้ว พระยาห์เวห์ประทับเป็นองค์ราชานิรันดร์

พระยาห์เวห์เหนือประชากรของพระองค์
11 พระยาห์เวห์จะประทานกำลังให้กับคนของพระองค์
พระยาห์เวห์ประทานสันติสุขให้เป็นพระพร
แก่ประชากรของพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 96:7-9,

2* สดุดี 110:3, 1 พงศาวดาร 16:29, อพยพ 28:2

3* สดุดี 18:11, 17, 32:6 โยบ 37:4,5

4* สดุดี 68:33, เอเสเคียล 10:5

5*สดุดี 104:16, ผู้วินิจฉัย 9:15

6* สดุดี 114:4,6, ฉธบ. 3:9, กันดารวิถี 23:22

7* สดุดี 77:18,144:5-6

8* กันดารวิถี 13:26, ฮีบรู 12:26

9* โยบ 39:1-3,

10* ปฐมกาล 6:17, สดุดี 10:16

11* สดุดี 68:35, อิสยาห์ 40:29, ฟีลิปปี 4:7

อธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 29:1-2
คำว่าถวายแด่พระเจ้านี้ ในภาษาเดิมว่า ให้ … เป็นเหมือนคำสั่งว่าให้แด่พระเจ้า คำของดาวิด มีลักษณะเป็นบทกวี มีคำซ้ำ ย้ำความคิดแรกว่า เราควรทำอะไร
สดุดีเริ่มต้นที่ชวนให้ผู้คนเข้ามาถวายชีวิต คำสรรเสริญ ถวายพระสิริแด่พระเจ้า ชวนให้ถวายถึงสามครั้ง
เมื่อถวายแล้ว จบด้วยชวนให้นมัสการพระเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์ ไม่ใช่บริสุทธิ์อย่างเดียว แต่ทั้งงดงาม สง่า เต็มด้วยสง่าราศี
คำว่าท่านผู้มีฤทธิ์ บางเล่มแปลว่า ผู้มีชีวิตในฟ้าสวรรค์ เหมือนว่าเป็นทูตสวรรค์ บางเล่มว่า บุตรของพระเจ้า แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาควรที่จะมองไปที่พระเจ้าซึ่งทรงฤทธิ์กว่าเขามากมายนัก

สดุดี 10 :3-10
พระสุรเสียงในธรรมชาติ!
ข้อสามนี้กล่าวถึงพระสุรเสียงกับน้ำ ถ้าเราดูในข้อ 5 6 เราจะเห็นว่า ผู้เขียนได้กล่าวถึงสภาพภูมิศาสตร์ในแผ่นดินอิสราเอลโบราณ ห้วงน้ำดังกล่าวที่ใหญ่โตที่สุด จะเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยังมีทะเลสาบกาลิลี และทะเลตายด้วย เขาคิดถึงพายุที่เกิดขึ้นในท้องน้ำที่เขาประสบมา เขาเห็นพระเจ้าในธรรมชาติอย่างชัดเจนมาก

ข้อสี่ ชวนให้เราตระหนักว่า การแสดงออกของพระเจ้าในธรรมชาตินั้น ยิ่งใหญ่ทรงพลัง และน่าคร้ามกลัวเพียงใด เมื่อเราเห็นพายุ ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำราม เราน่าจะนึกถึงพระเจ้าว่า พระองค์ทรงอยู่ในพายุนั้น …

ข้อห้าถึงเก้า อ่านดี ๆ ทำให้เรานึกถึงภัยธรรมชาติที่มาจากพายุ จากแผ่นดินไหว แม้ซีดาร์แห่งเลบานอนที่ได้ชื่อว่าเป็นไม้แกร่งที่สุดยังพ่ายแพ้พระองค์ ภูเขาสะเทือนเลื่อนลั่นด้วยฤทธิ์แห่งพระสุรเสียงของพระองค์
กษัตริย์ดาวิดผู้เขียนสดุดี ตระหนักว่า แม้เสียงจากธรรมชาติอันน่ากลัวจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่า
ถึงแม้มนุษย์ที่เชื่อในพระเจ้าจะต้องพบเจอกับมรสุมขนาดไหน แต่การยกย่องพระเจ้าก็ไม่ได้หายไปจากชีวิตของเขา

ข้อสิบ ที่ว่าพระเจ้าประทับเหนือน้ำท่วม มีความหมายถึงน้ำท่วมใหญ่ครั้งที่โนอาห์สร้างเรือ (ปฐมกาล 6,7) กษัตริย์ดาวิดสรุปว่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ของโลกที่วิบัติขนาดไหน พระเจ้ายังทรงครองเป็นนิรันดร์

สดุดี 29:11
พระยาห์เวห์เหนือประชากรของพระองค์
จากประโยคแรกที่ผู้เขียนชวนให้คนถวายแด่พระเจ้า ในข้อสุดท้ายนี้กลับกลายเป็นพระเจ้าเป็นผู้ให้แก่อิสราเอล พระเจ้าจะประทานการปกป้องเมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับสิ่งร้ายรอบตัว ท่ามกลางความยากเข็ญ พระองค์คือผู้ประทานสันติสุขที่ไม่เหมือนความสุขของโลกให้กับคนของพระองค์​ คนของพระเจ้าจะได้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ จากพระเจ้า แถมสันติสุขอีกด้วย

บรรณานุกรม
biblehub.com
enduringword.com
net bible.org