สดุดี 33 แด่พระเจ้าผู้ทรงเต็มด้วยรักมั่นคง

การแบ่งเป็นหัวข้อนี้ เพื่อให้การอ่านสะดวกขึ้น ท่านอาจจะแบ่งหัวข้อแตกต่างออกไป การทำเช่นนี้จะทำให้ได้เข้าใจ เห็นชัดว่า ผู้เขียนกำลังคิดถึงอะไร และเขาเปลี่ยนหัวเรื่องที่เขาคิดตอนไหน

สดุดี 33
ชวนให้ร้องเพลงถวายพระเจ้า
1 จงร้องเพลงด้วยความยินดี โอ เหล่าคนที่เที่ยงธรรม
คำสรรเสริญจากคนเที่ยงตรงก็งดงาม
2 จงสรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วยเสียงพิณ
ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณสิบสาย
3 จงร้องเพลงใหม่ถวายพระองค์
เล่นดนตรีอย่างเชี่ยวชาญพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างชื่นชม
พระลักษณะของพระเจ้า
4 เพราะพระดำรัสของพระยาห์เวห์นั้นถูกต้อง
ทรงทำราชกิจทั้งสิ้นด้วยความซื่อตรง
5 พระองค์ทรงรักความเที่ยงธรรมและความยุติธรรม 
แผ่นดินโลกเต็มด้วยความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์
จักรวาลที่พระองค์ทรงสร้าง
6 ฟ้าสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพระดำรัสของพระยาห์เวห์
และดวงดาวทั้งหลายเกิดขึ้นมาโดยลมจากพระโอษฐ์
7 พระองค์ทรงรวบรวมน้ำทะเลเป็นมวลน้ำใหญ่
ทรงเก็บห้วงน้ำลึกไว้ให้อยู่ในคลัง
8 ทั้งโลกเอ๋ย จงเกรงกลัวตัวสั่นต่อพระยาห์เวห์ 
ผู้ที่อาศัยในโลกทั้งสิ้น จงยืนตะลึงเพราะพระองค์
9 เมื่อพระเจ้าตรัส โลกก็เกิดขึ้น 
เมื่อพระองค์ทรงบัญชา โลกก็มั่นคง
ใครจะตั้งตัวต่อต้านพระองค์?
10 พระยาห์เวห์ทรงทำให้การสมคบคิดของชาติต่าง ๆ ไร้ผล
พระองค์ทรงทำให้แผนการของมนุษย์ล้มเหลวไป
11 คำปรึกษาของพระยาห์เวห์ดำรงนิรันดร์ 
แผนการในน้ำพระทัยของพระองค์ มีต่อชนทุกชั่วอายุ
12 ความสุขเป็นของชาติที่พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา  ประชากรที่พระองค์ทรงเลือกให้เป็นมรดกของพระองค์
พระเจ้าทรงมองดูมนุษย์เสมอ
13 พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรมาจากสวรรค์
ทรงมองดูลูกหลานของมนุษย์
14 จากที่ประทับของพระองค์
ทรงมองดูผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกอย่างพินิจพิเคราะห์
15 พระองค์เท่านั้นเป็นผู้สร้างใจให้พวกเขา
พระองค์ทรงพิจารณาการงานของพวกเขา
ใครล่ะ จะทำให้ชนะได้จริง ๆ?
16 กษัตริย์มิได้รอดโดยกองทัพใหญ่โต
ผู้ที่แข็งแรงมิได้รับการช่วยกู้ด้วยกำลังมากมายของเขา
17 ที่จะหวังให้ม้าศึกช่วยให้ชัยชนะ ก็ไร้ประโยชน์
มันไม่อาจช่วยใครด้วยกำลังมหาศาลของมัน
18 ดูเถิด พระเนตรของพระเจ้าอยู่เหนือคนที่ยำเกรงพระองค์
อยู่เหนือคนที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์
19 เพื่อให้พระองค์ทรงช่วยกู้เขาจากความตาย
และทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้ในยามกันดาร
เราตั้งใจรอคอยพระเจ้าของเรา
20 วิญญาณของเรารอคอยพระยาห์เวห์
ทรงเป็นพระผู้ช่วยและโล่กำบังของเรา
21 จิตใจของเรายินดีในพระองค์
เพราะเราวางใจในพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์
22 โอ พระยาห์เวห์.
ขอให้ความรักมั่นคงของพระองค์อยู่เหนือพวกเรา
ตามที่เราหวังใจในพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 32:11; 97:12; 147:1

2* สดุดี 150:3-6, 144:9

3* อิสยาห์ 42:10, สดุดี 96:1

4* สดุดี 12:6, ทิตัส 1:2

5*ฮีบรู 11:3, 2 เปโตร 3:5, โยบ 33:4

6* ฮีบรู 11:3, 2. เปโตร 3:5, โยบ 33:4

7* อพยพ 15:8

8* วิวรณ์ 15:4; 14:6-7, สดุดี 96:9-10

9* สดุดี 33:6, ปฐมกาล 1:3

10* อิสยาห์ 8:10; 19:3

11* โยบ 23:13,
สุภาษิต 19:21

12* สดุดี 144:15, 1 เปโตร 2:9

13* สดุดี 11:4, โยบ 28:24

14* 1 พงศ์กษัตริย์ 8:39, 1 ทิโมธี 6:16

15* เยเรมีย์ 32:19, สดุดี 44:21

16* สดุดี 44:3, เยเรมีย์ 9:23

17* สุภาษิต 21:31, สดุดี 20:7

18* 1 เปโตร 3:12, โยบ 36:7

19* สุภาษิต 10:3, สดุดี 91:10

20* สดุดี 130:5-6, อิสยาห์ 40:31

21* สดุดี 13:5, วิวรณ์ 4:8

22* สดุดี 119:49

อธิบายเพิ่มเติม

ชวนให้ร้องเพลงถวายพระเจ้า
สดุดี 33:1-3
ตอนนี้เป็นเวลาที่ดาวิดกำลังกล่าวกับคนที่ภักดีต่อพระเจ้า ท่านมองเห็นว่า เมื่อคนเที่ยงธรรมสรรเสริญพระเจ้านั้น ภาพออกมางดงาม น่าชมจริง ๆ เพราะพวกเขาสรรเสริญอย่างจริงใจ ไม่มีการหลอกลวง รู้สึกชื่นชมในพระเจ้าอย่างไรก็กล่าวออกมาอย่างนั้น ท่านชวนให้ร้องเพลงและเล่นดนตรี ร้องเพลงใหม่อยู่เสมอ การสรรเสริญของท่านในเวลานี้ ออกเสียงดังจริง ๆ ไม่มีออมเสียงไว้เลย

พระลักษณะของพระเจ้า
สดุดี 33:4-5
เราจะเห็นว่า สมควรที่เราจะสรรเสริญพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงเที่ยงตรง ซื่อตรง ยุติธรรม นี่เป็นพระลักษณะส่วนตัวของพระเจ้าที่เห็นได้ชัด มองไปรอบ ๆ เราจะเห็นความรักมั่นคงของพระเจ้าเต็มไปหมด แม้อยู่ในความยากลำบากเราก็สัมผัสความรักของพระองค์ได้. …

จักรวาลที่พระองค์ทรงสร้าง
สดุดี 33:6-9
ดาวิดอดไม่ได้ที่จะคิดถึงการทรงสร้างของพระเจ้า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ในการทรงสร้าง เป็นเหตุให้มนุษย์ต้องหวาดหวั่นต่อพระองค์ ท่านชวนให้เรายืนตะลึงต่อพระองค์เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง
เราจึงควรขอบพระคุณในราชกิจที่ทรงทำให้แก่เรา อย่ามองธรรมชาติแบบเฉย ๆ อีกต่อไป แต่ให้เรามองแล้วสรรเสริญพระองค์ยินดีในพระองค์ไม่หยุดยั้ง

ใครจะตั้งตัวต่อต้านพระองค์?
สดุดี 33:10-12
พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหนือการรวมตัวของชาติต่าง ๆ ที่พยายามสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตนเอง เราเห็นองค์กรระหว่างประเทศมากมายเกิดขึ้น และองค์กรเหล่านี้ได้ทำกิจกรรมที่ดูเหมือนดี แต่เป็นการต่อต้านพระเจ้าหลายประการที่มองผ่าน ๆ แล้วจะไม่เห็นว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่
เราอยากเห็นชาติที่ให้พระเจ้ามาเป็นที่หนึ่ง แต่ยิ่งมองไปในโลก ก็ยิ่งเห็นชาติที่พยายามทำลายความเชื่อในพระเจ้า ดาวิดเองเป็นกษัตริย์ ท่านรู้ดีว่าหากท่านนำประชากรของท่านให้หันมารับพระเจ้าสุดหัวใจ ประชากรของพระเจ้าจะมีความสุขอย่างที่ทุกชาติต้องอิจฉษ

พระเจ้าทรงมองดูมนุษย์เสมอ
สดุดี 33:13-15
ดาวิดได้เตือนทุกคนว่า พระเจ้าทรงมองดูอยู่ ทรงมองในฐานะชาติ และทรงมองในฐานะบุคคลเป็นส่วนตัว เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงมองครอบครัว ที่ทำงาน คริสตจักร และชุมชนต่าง ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อพระเจ้าทรงมองมา พระองค์ทรงพอพระทัยสิ่งที่เราทำไหม?

ใครล่ะ จะทำให้ชนะได้จริง ๆ?
สดุดี 33:16-19
กษัตริย์ดาวิดเป็นนักรบ ดังนั้นสิ่งที่ท่านกล่าวเป็นความจริง ท่านรู้ชัดว่า กำลังของกองทัพหรือนักรบที่กล้าหาญเข้มแข็งไม่ได้ช่วยอะไร แต่ ผู้ที่ช่วยให้มีชัยชนะคือพระเจ้า ..​นี่เป็นความมั่นใจของเราเช่นกันว่าสติปัญญาหรือกำลังของเราไม่ได้ช่วยเราได้เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงช่วยในทุก ๆ สถานการณ์

เราตั้งใจรอคอยพระเจ้าของเรา
สดุดี 33:20-22
กษัตริย์ดาวิดได้กล่าวถึงพระเจ้าในด้านต่าง ๆ มากมาย ถึงเวลาที่ท่านจะรอคอยพระเจ้าองค์ที่ท่านสรรเสริญบูชา ท่านมองว่าพระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยและโล่ปกป้อง ท่านยินดีในพระเจ้า วางใจพระองค์
จบด้วยการอธิษฐานขอให้รักมั่นคงของพระองค์อยู่เหนือประชากรของพระองค์. เป็นคำอธิษฐานที่เหมาะสำหรับคนที่เป็นกษัตริย์ปกครองประชากรของพระเจ้า เพราะท่านรู้ว่า พระเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ปกป้องแท้จริง หาใช่ท่านเองไม่

กิจการ 6 แต่งตั้งผู้รับใช้ดูแลพี่น้อง

จับกุมสเทเฟน

คำอธิบายและพระคำเชื่อมโยง
แต่งตั้งผู้รับใช้ดูแลพี่น้อง

กิจการ 6:1-4
ตอนที่เริ่มต้นคริสตจักรนั้น มียิวที่มาจากต่างประเทศ เข้ามาอาศัยในเยรูซาเล็ม เป็นพวกที่ใช้ภาษากรีกเป็นหลัก
และก็มียิวท้องที่ซึ่งใช้ภาษาอาราเมคสื่อสาร จึงมียิวสองพวกที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ที่คริสตจักรดูแลแม่ม่ายก็เพ1ราะพวกเธอไม่มีใครที่จะช่วยให้สภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น นี่เป็นลักษณะของคนยิวอยู่แล้วที่จะมีการดูแลแม่ม่ายและลูกกำพร้า

และเมื่อปัญหาเกิดขึ้น อัครทูตก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย พวกเขาหาทางที่จะแก้ปัญหาด้วยการเลือกคนที่ มีสติปัญญา และเต็มด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามาช่วยทำงานด้านสังคม ดูแลความเป็นอยู่ทั่วไป. ในขณะที่อัครทูตจะใช้เวลากับการสอนพระวจนะ ซึ่งเป็นงานหลักของคริสตจักร เพราะถ้าพี่น้องไม่มีความเข้าใจในพระคำของพระเจ้าพวกเขาก็จะไม่แข็งแรง เราจึงเห็นว่าคริสตจักรทำงานทั้งสองอย่างไม่ได้ละทิ้ง ด้านใดด้านหนึ่ง และก็ได้เลือกคนทำงานให้เหมาะสมด้วย ในสมัยใหม่นี้ น่าจะเรียกผู้รับใช้แบบนี้ว่ามัคนายก 
1* กิจการ 2:41; 4:4; 9:29; 11:20; 4:35; 11:292 อพยพ 18:17. 3* 1 ทิโมธี 3:7-13 4* กิจการ 2:42

กิจการ 6:5-7
เมื่อพวกเขาเลือกคนเข้ามา ท่านลูกาก็บันทึกให้ทราบด้วยว่า มีใครบ้าง แต่ดูเหมือนสเทเฟนจะเป็นคนที่โดดเด่นกว่าทุก ๆ คน เขาน่าจะเป็นผู้นำคนกลุ่มนี้ เราอาจคิดว่าทำไมท่านลูกาจึงต้องบอกชื่อคนเหล่านี้รู้ไหมเพราะอะไร?

เพราะว่าทุกคนมีชื่อเป็นกรีกหมดทั้ง ๆ ที่เป็นคนยิว พวกเขาคือกรีกที่เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามา น่าสนใจคือ ทุกคนในกลุ่มไม่ว่าจะเป็นยิวพูดอาราเมค หรือยิวพูดกรีกเห็นด้วยและมีการอธิษฐานวางมือให้พวกเขาได้ทำงานด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้าพวกเขาไม่ได้เห็นว่างานนี้เป็นงานเล็ก ๆ แต่มีความสำคัญมากเช่นกัน
5* กิจการ 6:3; 11:24; 8:5; 26; 21:8; วิวรณ์ 2:6, 15 6* กิจการ 1:24; 2 ทิโมธี 1:6. 7* กิจการ 12:24, ยอห์น 12:42

กิจการ 6:8-11
แม้ว่าสเทเฟนไม่ได้เป็นอัครทูต แต่เป็นผู้ที่ดูแลความเป็นอยู่ของแม่ม่ายซึ่งมีอยู่มากมายพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่ถูกเลือกเข้ามาทำงาน เขากลับเป็นคนที่ทำการอัศจรรย์ ทำหมายสำคัญซึ่งมีความหมายถึงการอัศจรรย์ ที่ชี้ไปถึงพระเมสสิยาห์ คือพระเยซูคริสต์ ที่เขาทำได้เพราะชีวิตของเขาเต็มด้วยพระคุณและฤทธิ์เดชของพระวิญญาณในตัวเขา 

และเมื่อมีคนมาโต้แย้ง พวกนั้นก็ไม่อาจชนะข้อโต้แย้งได้ เพราะสเทเฟนมีทั้งสติปัญญา และพระวิญญาณทรงกล่าวผ่านเขา น่าตื่นเต้นจริง ๆ ที่ใครคนหนึ่งจะมีปัญญาพร้อมพระวิญญาณเช่นนี้ ให้สังเกตอย่างหนึ่งคือ ยิวที่มาจากแคว้่นซิลีเซีย เป็นบ้านเกิดของท่านเปาโลด้วย มีบางคนให้ความเห็นว่าเรื่องเหล่านี้ ท่านลูกาน่าจะได้ยินมาจากท่านเปาโลอีกที แล้วศัตรูก็หาทางอื่นที่จะกำจัดสเทเฟนให้พ้นทาง เป็นวิธีเดิม ๆ ที่พวกเขาใช้กับพระเยซู และอัครทูต
8* กิจการ 2:43; 5:12; 8:15; 14:310* ลูกา 21:15. 11* 1 พงศ์กษัตริย์ 21:10,13

จับกุมสเทเฟน

กิจการ 6:12-15
มีการยุยง ปลุกปั่นประชาชนและผู้ใหญ่ให้จับตัวสเทเฟนมา และพวกเขาก็ทำสำเร็จ จะเห็นว่าจากการคุยกันธรรมดา กลายเป็นการโต้แย้ง จากนั้นก็กลายเป็นการให้ร้าย และความ รุนแรงจนถึงชีวิต  

พวกเขาพยายามให้คนยิวคิดว่าสิ่งที่สเทเฟนพูดและทำนั้น เป็นการทำลาย ความเชื่อในศาสนายิว ทำลายวัฒนธรรม กฎบัญญัติของโมเสส แต่ในวันนั้นทุกคนกลับมองสเทเฟนเห็นเขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์! เป็นไปได้อย่างไร ชายคนที่พวกเขาจับตัวมา กลับนิ่งสงบ เป็นสุข และหน้าตามีราศีขนาดนั้น พวกเขาเข้าใจไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
14* กิจการ10:38, 25:8

กิจการ 6 คำอธิบายเพิ่มเติมและพระคำเชื่อมโยง

แต่งตั้งผู้รับใช้ดูแลพี่น้อง

กิจการ 6:1-4
ตอนที่เริ่มต้นคริสตจักรนั้น มียิวที่มาจากต่างประเทศ เข้ามาอาศัยในเยรูซาเล็ม เป็นพวกที่ใช้ภาษากรีกเป็นหลัก
และก็มียิวท้องที่ซึ่งใช้ภาษาอาราเมคสื่อสาร จึงมียิวสองพวกที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ที่คริสตจักรดูแลแม่ม่ายก็เพราะพวกเธอไม่มีใครที่จะช่วยให้สภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น นี่เป็นลักษณะของคนยิวอยู่แล้วที่จะมีการดูแลแม่ม่ายและลูกกำพร้า

และเมื่อปัญหาเกิดขึ้น อัครทูตก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย พวกเขาหาทางที่จะแก้ปัญหาด้วยการเลือกคนที่ มีสติปัญญา และเต็มด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามาช่วยทำงานด้านสังคม ดูแลความเป็นอยู่ทั่วไป. ในขณะที่อัครทูตจะใช้เวลากับการสอนพระวจนะ ซึ่งเป็นงานหลักของคริสตจักร เพราะถ้าพี่น้องไม่มีความเข้าใจในพระคำของพระเจ้าพวกเขาก็จะไม่แข็งแรง เราจึงเห็นว่าคริสตจักรทำงานทั้งสองอย่างไม่ได้ละทิ้ง ด้านใดด้านหนึ่ง และก็ได้เลือกคนทำงานให้เหมาะสมด้วย ในสมัยใหม่นี้ น่าจะเรียกผู้รับใช้แบบนี้ว่ามัคนายก
1* กิจการ 2:41; 4:4; 9:29; 11:20; 4:35; 11:292 อพยพ 18:17. 3* 1 ทิโมธี 3:7-13 4* กิจการ 2:42

กิจการ 6:5-7
เมื่อพวกเขาเลือกคนเข้ามา ท่านลูกาก็บันทึกให้ทราบด้วยว่า มีใครบ้าง แต่ดูเหมือนสเทเฟนจะเป็นคนที่โดดเด่นกว่าทุก ๆ คน เขาน่าจะเป็นผู้นำคนกลุ่มนี้ เราอาจคิดว่าทำไมท่านลูกาจึงต้องบอกชื่อคนเหล่านี้รู้ไหมเพราะอะไร?

เพราะว่าทุกคนมีชื่อเป็นกรีกหมดทั้ง ๆ ที่เป็นคนยิว พวกเขาคือกรีกที่เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามา น่าสนใจคือ ทุกคนในกลุ่มไม่ว่าจะเป็นยิวพูดอาราเมค หรือยิวพูดกรีกเห็นด้วยและมีการอธิษฐานวางมือให้พวกเขาได้ทำงานด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้าพวกเขาไม่ได้เห็นว่างานนี้เป็นงานเล็ก ๆ แต่มีความสำคัญมากเช่นกัน
5* กิจการ 6:3; 11:24; 8:5; 26; 21:8; วิวรณ์ 2:6, 15 6* กิจการ 1:24; 2 ทิโมธี 1:6. 7* กิจการ 12:24, ยอห์น 12:42

กิจการ 6:8-11
แม้ว่าสเทเฟนไม่ได้เป็นอัครทูต แต่เป็นผู้ที่ดูแลความเป็นอยู่ของแม่ม่ายซึ่งมีอยู่มากมายพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่ถูกเลือกเข้ามาทำงาน เขากลับเป็นคนที่ทำการอัศจรรย์ ทำหมายสำคัญซึ่งมีความหมายถึงการอัศจรรย์ ที่ชี้ไปถึงพระเมสสิยาห์ คือพระเยซูคริสต์ ที่เขาทำได้เพราะชีวิตของเขาเต็มด้วยพระคุณและฤทธิ์เดชของพระวิญญาณในตัวเขา

และเมื่อมีคนมาโต้แย้ง พวกนั้นก็ไม่อาจชนะข้อโต้แย้งได้ เพราะสเทเฟนมีทั้งสติปัญญา และพระวิญญาณทรงกล่าวผ่านเขา น่าตื่นเต้นจริง ๆ ที่ใครคนหนึ่งจะมีปัญญาพร้อมพระวิญญาณเช่นนี้ ให้สังเกตอย่างหนึ่งคือ ยิวที่มาจากแคว้่นซิลีเซีย เป็นบ้านเกิดของท่านเปาโลด้วย มีบางคนให้ความเห็นว่าเรื่องเหล่านี้ ท่านลูกาน่าจะได้ยินมาจากท่านเปาโลอีกที แล้วศัตรูก็หาทางอื่นที่จะกำจัดสเทเฟนให้พ้นทาง เป็นวิธีเดิม ๆ ที่พวกเขาใช้กับพระเยซู และอัครทูต
8* กิจการ 2:43; 5:12; 8:15; 14:310* ลูกา 21:15. 11* 1 พงศ์กษัตริย์ 21:10,13

จับกุมสเทเฟน

กิจการ 6:12-15
มีการยุยง ปลุกปั่นประชาชนและผู้ใหญ่ให้จับตัวสเทเฟนมา และพวกเขาก็ทำสำเร็จ จะเห็นว่าจากการคุยกันธรรมดา กลายเป็นการโต้แย้ง จากนั้นก็กลายเป็นการให้ร้าย และความ รุนแรงจนถึงชีวิต

พวกเขาพยายามให้คนยิวคิดว่าสิ่งที่สเทเฟนพูดและทำนั้น เป็นการทำลาย ความเชื่อในศาสนายิว ทำลายวัฒนธรรม กฎบัญญัติของโมเสส แต่ในวันนั้นทุกคนกลับมองสเทเฟนเห็นเขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์! เป็นไปได้อย่างไร ชายคนที่พวกเขาจับตัวมา กลับนิ่งสงบ เป็นสุข และหน้าตามีราศีขนาดนั้น พวกเขาเข้าใจไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
14* กิจการ10:38, 25:8

สดุดี 32 อย่าให้มีบาปที่ไม่สารภาพ

ภาพจาก pixels.com ถ่ายโดย Hilary Halliwell

มัสคิลบทหนึ่ง ของดาวิด
ผู้ที่พระเจ้าทรงอภัย ก็เป็นสุขเหลือเกิน
1 คนที่พระเจ้าทรงอภัยการล่วงละเมิดก็เป็นสุข
คนที่ความบาปถูกลบไปแล้ว ก็เป็นสุข
2 คนที่พระยาห์เวห์ไม่ทรงถือโทษบาปก็เป็นสุข
คนที่ไม่มีจิตใจที่ล่อลวงก็เป็นสุข

บาปที่ค้างคา ทำลายชีวิต
3 เพราะเมื่อข้านิ่งเฉยอยู่ กระดูกก็ผุเปราะไป
ข้าร้องโหยหวนคร่ำครวญทั้งวัน
4 พระหัตถ์ของพระองค์หนักอยู่เหนือข้าทั้งวันและคืน
กำลังของข้าก็เหือดหายไปราวกับไอร้อนในฤดูร้อน
5 ข้ายอมรับบาปของข้าต่อพระองค์
และไม่ได้ปกปิดความผิดเอาไว้
ข้ากล่าวว่า “ข้าจะสารภาพความผิดบาปต่อพระยาห์เวห์”
และพระองค์ก็ทรงอภัยบาปชั่วของข้า เซ ลาห์

ป้องกันหายนะที่จะมาถึงชีวิต
6 ดังนั้น ให้ทุกคนที่อยู่ในทางของพระเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์
ในเวลาที่จะพบพระองค์ได้
แน่ที่เดียว มวลน้ำใหญ่จะไม่ท่วมถึงเขา …
7 พระองค์ทรงเป็นที่ซ่อนตัวของข้า
พระองค์ทรงรักษาข้าให้พ้นจากความทุกข์ลำบาก
พระองค์ทรงโอบล้อมข้าไว้ด้วยเสียงแห่งการช่วยกู้ เซ ลาห์

พระเจ้าทรงเป็นผู้สอนตามทางชีวิต
8 เราจะสั่งสอนและชี้นำเจ้าไปในทางที่เจ้าควรจะเดินไป
เราจะให้คำปรึกษาพร้อมกับจับตาดูเจ้า
9 อย่าเป็นเหมือนม้าหรือลาที่ไม่มีความเข้าใจ
ที่ต้องถูกบังคับด้วยสายรั้งและบังเหียน
มิฉะนั้นจะไม่ยอมเชื่อฟัง

ความยินดีในพระเจ้าของคนเที่ยงธรรม
10 คนชั่วพบความทุกข์ใจหลายอย่าง
แต่ความรักมั่นคงอยู่ล้อมรอบคนที่วางใจในพระยาห์เวห์
11จงชื่นชมในพระยาห์เวห์ และยินดีเถิด เหล่าคนเที่ยงธรรมเอ๋ย
และร้องตะโกนด้วยความยินดี เหล่าคนที่มีใจเที่ยงตรง!

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 85:2,103:3

2* 2 โครินธ์ 5:19, ยอห์น 1:47

3* สดุดี 38:3,8

4* 1 ซามูเอล 5:6,11, 39:10-11

5* สุภาษิต 28:13,

6* 1 ทิโมธี 1:16, อิสยาห์ 55:6,

7* สดุดี 9:9, อพยพ 15:1

8* สุภาษิต 3:5-6, สดุดี 33:18

9* สุภาษิต 26:3,

10* โรม 2:9, สุภาษิต 16:20

11*สดุดี 64:10, 68:3, 97:12

คำอธิบายเพิ่มเติม สดุดี 32

คนที่…​ก็เป็นสุข เป็นสดุดีที่เริ่มต้นคล้ายสดุดีบทที่ 1

สดุดี 32:1-2
ผู้ที่พระเจ้าทรงอภัย ก็เป็นสุขเหลือเกิน
สดุดีบทที่ 32 นี้ หากเราได้ใคร่ครวญ เดินตาม และมีความเข้าใจถึงการทรงอยู่ด้วยของพระเจ้าในชีวิต ใช้เวลากับบทนี้นาน ๆ ให้คำซึมซาบเข้าไปในหัวใจ ชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลง อย่าปล่อยสดุดีบทนี้ไปเฉย ๆ แต่ให้กลับมาเพื่อเราจะได้รู้จักที่จะสะท้อนชีวิต การกระทำ พฤติกรรมของเราและทำให้ถูกต้องต่อพระเจ้า เชื่อกันว่า ข้อความทั้งหมดที่เขียนเป็นความรู้สึกของดาวิดหลังจากที่ท่านสำนึกผิดกลับใจจากบาปที่ท่านทำต่อครอบครัวของอุรียาห์ (2 ซามูเอล 11)
อ่านสองข้อนี้ให้ดีแล้วถามตัวเองว่า เราได้รับการอภัยบาปแล้ว พระเจ้าไม่ทรงถือโทษเราแล้ว แน่ใจไหมว่าเป็นอย่างนั้น

สดุดี 32:3-5
บาปที่ค้างคา ทำลายชีวิต
การนิ่งเฉย คือความดื้อเงียบ ไม่ยอมที่จะรับว่าตนเองทำผิด คิดว่าทิ้งบาปไว้มืด ๆ ไม่มีใครเห็นก็จบกัน แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว ไม่มีอะไรปิดบังไว้จากพระองค์ได้เลย และคนที่พระองค์ทรงรักพระองค์จะลงวินัยกับเขาอย่างแน่นอน ที่ว่าพระเจ้าตีสอน แล้วพูดกันพร่ำเพรื่อ รู้ไหมว่า คนที่ถูกตีสอนคือคนที่พระเจ้าทรงรัก ทรงให้เขาเจ็บเพื่อเขาจะไม่ทำลายชีวิตของตนเอง
จากคำของดาวิดเราจะเห็นว่า ไม่ใช่แค่สำนึก หรือมโนธรรม หรือใจที่ฟ้องตนเอง (อ่าน 1 ยอห์น 3:16-24) แต่พระหัตถ์ของพระเจ้าต่างหากที่หนักอยู่เหนือใจของท่าน
อย่าลืม… ไม่ว่าเราทำบาปต่อใคร ทำเรื่องอะไร ในที่สุดทุกอย่างมาตกที่เป็นการทำบาปต่อองค์พระเจ้าโดยตรง
แต่ถึงแม้ว่าบาปหนักเพียงไร เมื่อดาวิดตัดสินใจว่าท่านจะสารภาพบาป สำนึกผิด พระเจ้าก็ทรงซื่อตรงที่จะอภัยบาปให้ท่าน

สดุดี 32:6-7
ป้องกันหายนะที่จะมาถึงชีวิต
ดาวิดชวนให้ทุกคนอธิษฐานต่อพระเจ้าก่อนที่จะถึงเวลาแห่งความลำบาก มวลน้ำใหญ่นี้ หมายถึงความทุกข์ยาก ปัญหาต่าง ๆ อะไรก็ตามที่เกินมือของเราจะจัดการได้ ดาวิดตระหนักว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่ช่วยกู้ท่าน และการโอบล้อมของพระเจ้าที่ท่านกล่าวถึง รู้สึกไหมว่า ปลอดภัยจริง ๆ

สดุดี 32:8-9
พระเจ้าทรงเป็นผู้สอนตามทางชีวิต
แล้วพระเจ้าก็ตรัสในใจของดาวิดว่า พระองค์จะทรงสอนและนำทางที่ควรจะไป ซึ่งเราหาได้จากพระคัมภีร์ ไม่จำเป็นต้องไปรอฟังเสียงของพระเจ้าด้วยวิธีต่าง ๆ ที่ใคร ๆ แนะนำ เริ่มจากพระคำของพระองค์ แล้วความใกล้ชิดนั้นจะทำให้เราได้ยินเสียงของพระเจ้าได้ง่ายขึ้น พระเจ้าตรัสชัดเจนว่าอย่าดื้อ อย่าขาดความเข้าใจ อย่ามีตัวเองมากจนไม่ได้ยินเสียงของพระองค์ หากดื้อมาก และพระเจ้ารักมากพระองค์อาจต้องใส่บังเหียนให้กับเรา เราคงไม่อยากได้แบบนั้น

สดุดี 32:10-11
ความยินดีในพระเจ้าของคนเที่ยงธรรม
สดุดีบทนี้จบด้วยความยินดี เพราะผู้เขียนได้ผ่านการตรวจสอบจากพระเจ้า ผ่านการสำนึกผิด การสารภาพบาปต่อพระองค์ และเขาก็พบว่า พระเจ้าทรงดีจริง ๆ เพราะทรงคืนความรักมั่นคงให้ ทรงโอบล้อมชีวิตของเขาให้ปลอดภัย เขาจึงสามารถร้องเพลงสรรเสริญพระองค์จากหัวใจจริง