1 ยอห์น 4 รักพี่น้อง..สำคัญนัก

วิญญาณแท้และวิญญาณปลอม

พี่น้องที่รัก
อย่าเชื่อวิญญาณใด ๆ แต่ให้พิสูจน์ว่า วิญญาณนั้นมาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะมีผู้เผยพระคำปลอม
มากมายที่ออกมาในโลก
1 ยอห์น 4:1

1 ยอห์น 2:22; 4:2,15; ยอห์น 1:13; 1 เธสะโลนิาก 5:21

วิธีที่ท่านจะรู้ว่าวิญญาณนั้นมาจากพระเจ้าก็คือ
ทุกวิญญาณที่ยอมรับว่า
พระเยซูคริสต์ผู้ทรงมาเป็นมนุษย์มาจากพระเจ้า

และวิญญาณใดไม่ยอมรับพระเยซูก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า และเป็นวิญญาณที่เป็นศัตรูของพระคริสต์ ซึ่งท่านเคยได้ยินว่ากำลังมา
และบัดนี้ก็มาอยู่ในโลกแล้ว
1 ยอห์น 4:2-3

1 โครินธิ์ 12:3; ยอห์น 1:14; 1 ยอห์น 4:3; 2:22; 2 ยอห์น 1:7

ลูกเล็ก ๆ เอ๋ย ท่านมีชัยชนะเหนือเขาเหล่านั้น เพราะว่า พระองค์ผู้สถิตในท่าน
ทรงเป็นใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก
พวกเขาเป็นฝ่ายโลก และก็พูดตาม แบบของโลก และโลกก็เชื่อฟังเขา
1 ยอห์น 4:4-5

โรม 8:31,37; 1 ยอห์น 5:4;
ยอห์น 8:23; 2 เปโตร 2:2-3; ยอห์น 17:14

เราเป็นฝ่ายของพระเจ้า คนที่รู้จักพระเจ้าจะฟังเรา ผู้ที่ไม่ได้มาจากพระเจ้าจะไม่ฟังเรา
ดังนั้น เราจึงรู้จักวิญญาณของความจริง
และวิญญาณที่หลอกลวง
1 ยอห์น 4:6

ยอห์น 14:17; 10:27; 8:45-50; 1 ยอห์น 4:1

รักกันและกัน

1 ยอห์น 4:20-5:1; 1 เปโตร 1:22; 1 เธสะโลนิกา 4:9-10;
2 โครินธ์ 13:11; สดุดี 86:15; เอเฟซัส 2:4

ท่านที่รัก
ให้เรารักซึ่งกันและกัน
เพราะความรักมาจากพระเจ้า
และทุกคนที่รักก็เกิดจากพระเจ้าและรู้จักพระองค์
คนที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า
เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก
1 ยอห์น 4:7-8

ความรักของพระเจ้าได้สำแดงแก่เรา
ก็โดยที่พระเจ้าทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เข้ามาในโลกเพื่อว่าเราจะได้มีชีวิตโดยพระบุตรนั้น
1 ยอห์น 4:9

ยอห์น 3:16; 6:57; 1 ยอห์น 5:11; โรม 8:32; ยอห์น 10:10

และนี่คือความรัก ไม่ใช่ว่าเรารักพระเจ้า
แต่พระองค์ทรงรักเรา
และทรงส่งพระบุตรของพระองค์มา
เพื่อเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา
1 ยอห์น 4:10

เอเฟซัส 2:4-5; โรม 5:8-10; 1 ยอห์น 2:2 ; ยอห์น 15:16

ภาพ Agnus Dei c. 1635–1640, วาดโดย Francisco de Zurbarán, Prado Museum

ท่านที่รัก
หากพระเจ้าทรงรักเรามากเช่นนั้น
เราจึงควรรักกันและกันด้วย
ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า ไม่ว่าเวลาใด
ถ้าเรารักกันและกัน พระเจ้าก็ทรงดำรงในเรา
และความรักของพระองค์ ก็สมบูรณ์อยู่ในเรา
1 ยอห์น 4:11-12

โคโลสี 3:13; ยอห์น 15:12-13; 1 ยอห์น 3:23
ยอห์น 1:18; 1 ยอห์น 2:5; 1 ทิโมธี 6:16

เพราะอย่างนี้
เราจึงรู้ว่าเราดำรงในพระองค์ และพระองค์ทรงดำรงในเรา เพราะพระองค์ประทานพระวิญญาณของพระองค์ให้แก่เรา
1 ยอห์น 4:13

เอเฟซัส 2:20-22; 1 ยอห์น 3:24

พวกเราได้เห็น
และเป็นพยานว่า
พระบิดาได้ทรงส่งพระบุตรลงมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก
คนใดยอมรับว่า
พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าก็สถิตในเขา และเขาอยู่ในพระองค์
1 ยอห์น 4:14-15

ยอห์น 4:42; 1:29; ยอห์น 15:26-27;
โรม 10:9; 1 ยอห์น 5:5; 3:24; มัทธิว 10:32

และเราได้มารู้จัก
และเชื่อในความรัก
ที่พระเจ้าทรงมีให้เรา
พระเจ้าทรงเป็นความรัก
และคนที่อยู่ในความรัก
ก็อยู่ใน พระเจ้า
และพระเจ้าสถิตในเขา
1 ยอห์น 4:16

1 ยอห์น 3:24; 3:16; สดุดี 36:7-9; อิสยาห์ 64:4

เพราะเป็นอย่างนี้ ความรักจึงสมบูรณ์
1 ยอห์น 4:17

1 ยอห์น 2:28; 3:3; 2:5; โรม 8:29

ในความรักไม่มีความกลัว แต่รักที่สมบูรณ์แบบก็จะขจัดความกลัวออกไปเพราะความกลัวนั้น เกี่ยวพันกับการลงโทษ และคนที่กลัวก็ไม่ได้รักอย่างสมบูรณ์แบบ
1 ยอห์น 4:18

2 ทิโมธี 1:7; โรม 8:15

เรารัก
เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน
ถอดความจาก 1 ยอห์น 4:19

ยอห์น 3:16; 15:16; ทิตัส 3:3-5

หากใครคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันรักพระเจ้า”
แต่ยังคงเกลียดพี่น้องของตน
คนนั้นก็พูดมุสา
คนที่ไม่รักพี่น้องที่มองเห็นได้ ไม่อาจจะรักพระเจ้าที่มองไม่เห็น
1 ยอห์น 4:20

1 ยอห์น 3:17; 2:9; 2:4; 1 เปโตร 1:8

และเราได้รับคำบัญชานี้มาจากพระองค์
นั่นคือ
คนที่รักพระเจ้าจะต้องรักพี่น้องของตนด้วย
1 ยอห์น 4:21

มัทธิว 22:37-39; เลวีนิติ 19:18; 1 เธสะโลนิกา 4:9

อธิบายเพิ่มเติม

1 ยอห์น 4:1
คำว่า พิสูจน์ ในภาษากรีก มีความหมายว่า ให้ตรวจสอบสิ่งนั้นอย่างถี่ถ้วนเพื่อดูว่าเป็นของแท้หรือไม่ มีการทดสอบ ตรวจดู วิเคราะห์หาเหตุผล และหลักฐานมายืนยัน ดังนั้น เมื่อเราได้ยินใครกล่าวพระคำของพระเจ้า เราต้องถามตัวเองด้วยว่า เขาพูดพระคำอย่างตรงไปตรงมาหรือบิดเบือนพระคำนั้นตามใจของตนเอง เพราะในโลกทุกวันนี้ มีคนตัวปลอมเยอะมาก!

1 ยอห์น 4:2-3
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเราจะเจอผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้ช่วย แต่ว่ากลับเป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์เสียเอง คนของพระเจ้าจริง จะยอมรับและประกาศว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าที่มาบังเกิด เป็นมนุษย์ ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์แต่ถ้าเป็นฝ่ายมารละก็ พวกเขาจะปฏิเสธความจริงข้อนี้ และพยายามทำให้คนหลงทางไป

1 ยอห์น 4:4-5
ผู้เชื่อในพระเจ้าจะต้องสังเกตคนสอนผิดให้เป็น แต่ไม่ต้องกลัวพวกเขา ไม่ต้องกลัวสิ่งที่เขาขู่ คนของพระเจ้าไม่มีอะไรจะต้องกลัวคนเหล่านั้น เพราะพวกเขาแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัว เห็นชัด ๆ คนที่ไม่เห็นคือคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า ไม่มีพระวิญญาณของพระองค์ในชีวิตอย่าลืมว่า พระเจ้าทรงเจิมเรา และทรงทำให้เรารู้ความจริง พระวิญญาณทรงอยู่ในเรา(2:20)

1 ยอห์น 4:6
พระคัมภีร์สอนเราชัดเจนว่าใครเป็นใคร พระเจ้าให้เราพิสูจน์คำสอนทุก ๆ คำที่ผ่านเข้ามาว่า เป็นไปตามพระคำของพระเจ้า ไม่มีการแปลความเข้าข้างตัวเอง พวกครูสอนผิด มักใช้พระคัมภีร์มาเข้าข้างตัวเอง และหาชื่อเสียง เงินทองเข้ากระเป๋าได้มากมาย พวกเขาหลอกให้ คนเชื่อ ติดตามไป ยอมขายบ้าน ยกเงินให้หมด คนสอนผิดจะเพิ่มเติมความเห็นของตนเข้าไปใน
จนท่วมพระคำของพระเจ้า

1 ยอห์น 4:7-8
รักที่อยู่บนพื้นฐานของรักของพระเจ้านั้น เป็นรักที่แน่นอน มั่นคง อดทน และไม่ยอมแพ้
ถ้าจะรักใครสักคนด้วยรักของตัวเองแล้ว มันเป็นรักที่อ่อนแอ และเข้าข้างตนเอง อดไม่ได้ที่จะเห็นแก่ตัว ถ้าเราจะลองวิเคราะห์ความรักของมนุษย์และพระเจ้าแล้ว จะเห็นความแตกต่าง ราวฟ้ากับเหว ท่านยอห์นทราบดีว่าจะรักใครก็ต้องรักด้วยความรักที่มาจากพระเจ้า
มิฉะนั้น จะเป็นรักที่อ่อนแอ

1 ยอห์น 4:9
อย่างที่พระเยซูตรัสไว้ในยอห์น 3:16
เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตร
องค์เดียวของพระองค์
” มนุษย์เราที่เกิดมา ถ้าไม่มีพระบุตรของพระเจ้า ก็เหมือนคนตายทั้งเป็น ทั้งโลกไม่รู้ว่า เราเป็นเหมือนคนตายที่เดินไปมา ทำงาน ต่อสู้ชีวิตโดยที่ตอนจบไม่ได้อะไรเลย นอกจากหลุมฝังศพ แต่พระเยซูทรงมาเพื่อให้ เราทุกคนได้ชีวิต และได้ชีวิตอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ อ่านยอห์น 10:10

1 ยอห์น 4:10
พระเยซูทรงมาเพื่อเป็นเครื่องบูชาอะไรหรือ ? พระเจ้าทรงสอนเราในพระคัมภีร์ซ้ำแล้วซ้ำอีกให้ เราเข้าใจว่า บาปนำไปสู่ความตาย ในสมัยก่อน เมื่อทำบาป ก็มีการถวายเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาปของตน ด้วยการใช้ชีวิตของสัตว์อย่างเช่น แกะ แพะ นก มาเป็นตัวแทนรับบาปของเราไป คนในสมัยก่อนก็ต้องถวายเครื่องบูชาแบบนี้ไปจนตาย เพราะเขาทำบาปเสมอ แต่เมื่อพระเยซูมาเป็นเครื่องบูชา คนที่เชื่อพระเจ้าจึงไม่ต้องทำอย่างนั้น เพราะพระเยซูทรงสิ้นชีวิตเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียวพอ

1 ยอห์น 4:11-12
การที่พี่น้องรักกันและกันนั้น รู้ไหมว่าเราได้ ความมหัศจรรย์ใดเกิดขึ้น
นั่นก็คือ พระเจ้าทรงดำรงอยู่ในหมู่พวกเรา นี่เป็นเรื่องดีที่สุดในหมู่พี่น้อง เพราะพระเจ้าสถิตที่ไหน สันติสุขก็อยู่ที่นั่น

1 ยอห์น 4:13
การที่เรารักกันอย่างจริงจง ทำให้เรารู้ว่า เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าอยู่ พระเจ้าทรงดำรงในเรา และเราก็อยู่ในพระองค์ เพราะมีความรักที่อดทนนาน มีรักที่มีคุณสมบัติเหมือน 1 โครินธ์ 13 ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากหากไม่มีพระวิญญาณของพระเจ้าในชีวิต ความรักของพระเจ้าที่มีอยู่ในเรา ทำให้เรารักอย่างที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจรักได้


1 ยอห์น 4:14-15
ท่านยอห์น เป็นศิษย์ที่พระเยซูทรงรัก เขาเป็นคนใกล้ชิดพระองค์มาก จากการที่อยู่กับพระองค์ เห็นการอัศจรรย์สำคัญมากมายที่พระเยซูทรงทำให้ประชาชน ความรักทีพระองค์ทรงมีต่อ พวกเขา ท่านเห็นการสิ้นชีพ และการคืนชีพ การเสด็จสู่สวรรค์ท่านจึงมั่นใจเต็มร้อยว่า
พระเยซูทรงเป็นพระบุตรพระเจ้าที่ถูกส่งมาแน่ และท่านย้ำให้ทราบว่า ใครก็ตามยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรพระเจ้า พระเจ้ากับเขาอยู่ในกันและกัน !

1 ยอห์น 4:16
หลายข้อที่ผ่านมา ท่านยอห์นเฝ้าบอกเราเรื่องความรัก ให้รักกันและกัน และพระเจ้าจะสถิตในเรา ไม่มีความเชื่อแบบอื่นใดในโลกที่เน้น ความรักของพระเจ้า และยืนยันว่าพระเจ้าทรง เป็นความรัก อาจมีการสอนให้เรามีความ เมตตาต่อกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่การที่จะรัก สละชีวิต เวลาให้ ไม่มีใครอยากจะสอนเรื่องนี้ สอนแค่ให้ทำความดีทั่ว ๆ ไปนั้นง่ายกว่า เพราะคนที่รักนั้น ต้องเสียสละให้ทั้งชีวิต

1 ยอห์น 4:17
“ความรักสมบูรณ์ในหมู่พวกเรา” ท่านยอห์นใช้คำที่มีความหมายว่าสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซนต์ ในวันที่พระเจ้าทรงพิพากษา เราจะเป็นว่าความรักนั้นสมบูรณ์แบบมากเพียงไร เราจะเข้าใจมากกว่าที่เข้าใจวันนี้

1 ยอห์น 4:18
เมื่อเราอยู่ในพระเจ้าผู้ทรงเป็นความรัก เราก็ไม่ต้องกลัวการพิพากษา เพราะว่า พระเยซูคริสต์ทรงรับโทษของการพิพากษานั้น แทนเราแล้ว รักที่สมบูรณ์ทำให้เราไม่ต้องกลัว ความกลัวเกี่ยวข้องกับการถูกลงโทษ นั่นคือ คนที่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในความรักของพระเจ้า มีเรื่องที่ต้องกลัวจริง ๆ การพิพากษาของพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นมาขู่ให้กลัว แต่เป็นเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในพระเจ้า

1 ยอห์น 4:19
ข้อนี้ ท่านยอห์นต้องการกล่าวว่า ที่เรารักกันและกัน ก็เพราะพระเจ้าทรงรักเราก่อน ในโลกเรานี้ เรารู้อยู่ว่าทุกคนเป็นคนบาป ย่อมเห็นแก่ตัวเอง ยากที่จะรักใคร ถึงรักก็เพื่อ ความสุขของตนเองเป็นหลัก เมื่อเรารักเป็นเพราะ พระเจ้าทรงรักเราก่อน เราจึงเข้าใจว่าเรารักคนที่ โลกไม่สนใจก็ได้ รักคนที่ไม่น่ารัก คนที่ถูก ดูหมิ่นดูแคลน แม้จะเป็นคนที่ยากจะรัก ที่ทำได้เพราะรักนั้นเป็นของพระเจ้าที่ทรงให้เราไว้

1 ยอห์น 4:20
เราอาจคิดว่า มีคนอย่างนี้ในโลกด้วยหรือ มีสิ มีมากเสียด้วย คนที่โอ้อวดว่าตนเองเป็นคนดี รักพระเจ้า รักธรรมะ รักความดี อวดว่าตนเป็นคนดีกว่าคนอื่น ๆ แต่ลับหลังแล้วกลับเอาเปรียบพี่น้อง เราเห็นคนแบบนี้อยู่มาก สำหรับท่านยอห์นแล้ว ใครก็ตามที่เกลียดพี่น้อง ไม่อาจกล่าวได้ว่าตนรักพระเจ้า ดังนั้นจากเงื่อนไขแค่นี้เราก็พิสูจน์ได้แล้วว่า ตัวเราเองเป็นอย่างไร

1 ยอห์น 4:21
พระคำข้อนี้ เป็นการสรุปบทที่ 4 ทั้งบท คนที่รักพระเจ้า ก็จะรักพี่น้องในพระคริสต์ รักคนที่มีพระบิดาองค์เดียวกัน ไม่ว่าจะมีผิวสีเหมือนกันหรือไม่ และฐานะ การศึกษาจะต่างกัน ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเราเป็นพี่น้องกัน ในครอบครัวที่ใหญ่มาก เราจึงอธิษฐานเผื่อกัน และกันทั้ง ๆ ที่บางทีไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ พระเจ้าผู้เป็นพระบิดาก็ทรงรู้จักลูกของพระองค์ ทุกคน และทรงรู้ว่าใครเป็นลูกแท้ใครเป็นลูกปลอม! E 20241202

สดุดี 35 ขอร้องพระเจ้าให้ทรงล่าศัตรู

ขอพระเจ้าทรงช่วยให้พ้นจากศัตรู. สดุดีของดาวิด
ขอที่กำบัง
1 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงต่อสู้กับเหล่าคนที่ต่อสู้ข้า
ขอทรงรบรากับคนที่รบรากับข้า
2 ขอพระองค์ทรงถือโล่และเขน
และประทับยืนเพื่อช่วยข้า
3 ขอทรงชูหอกและหยุดเหล่าคนที่ตามไล่ล่าข้า
ขอตรัสแก่วิญญาณของข้าว่า
“เราคือความรอดของเจ้า”

ขอทรงให้หายนะมาถึงศัตรู
4 ขอให้คนที่พยายามเอาชีวิตของข้านั้น
ต้องรับความอับอาย กลายเป็นคนไร้เกียรติ
ขอให้คนที่วางแผนทำลายข้า
ต้องล่าถอยและพบเจอกับความสับสน
5 ให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ลมพัดไป
และขอทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ไล่ล่าพวกเขา
6 ขอให้ทางของเขาทั้งมืดมนและลื่น
และทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ตามล่าพวกเขาไป
7 เพราะพวกเขาทำตาข่ายเตรียมดักข้าโดยไม่มีเหตุ
พวกเขาขุดหลุมพรางดักข้าโดยไม่มีเหตุ
8 ขอให้หายนะมาถึงเขาอย่างไม่คาดฝัน
ให้เขาตกลงไปในตาข่ายที่พวกเขาซ่อนเอาไว้เอง
9 แล้ววิญญาณของข้าจะยินดีในองค์พระยาห์เวห์
วิญญาณข้าจะชื่นชมในความรอดจากพระองค์
10 ทั้งกายและใจของข้าจะกล่าวว่า
มีใครเป็นเหมือนพระยาห์เวห์บ้าง
ที่ทรงช่วยคนอ่อนแอให้พ้นจากคนที่แข็งแรงกว่า
ทรงช่วยผู้ยากไร้และแร้นแค้นให้พ้นจากคนที่ปล้นพวกเขา

พยานเท็จที่มาใส่ร้ายและเยาะเย้ย
11 เกิดพยานเท็จที่โหดร้ายปรักปรำข้า
กล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่รู้เรื่อง
12 พวกเขาตอบสนองความดีด้วยความชั่ว
และวิญญาณของข้าก็หมดหวัง
13 เมื่อพวกเขาป่วย ข้าก็สวมผ้ากระสอบ
ข้าถ่อมตนลงด้วยการอดอาหาร
ข้าก้มลงอธิษฐานเผื่อ
14 ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อน พี่น้องของข้าเอง
ข้าก้มลงกับพื้นราวกับคนเศร้าโศกถึงแม่ของตนเอง
15 แต่เมื่อข้าทุกข์ร้อน พวกเขากลับรวมตัวกันแสดงความยินดี
สมคบกันเพื่อต่อต้านข้าตอนที่ข้าไม่รู้ตัว
คนที่ข้าไม่เคยรู้จัก ก็ไม่หยุดที่จะใส่ร้ายข้า
16 พวกเขาเยาะหยันข้าไม่หยุดหย่อน
เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้า
17 โอ พระผู้เป็นเจ้านาย
พระองค์จะทรงมองดูนานเท่าไร
ขอทรงช่วยข้าให้พ้นจากหายนะ
ขอทรงช่วยกู้ชีวิตอันมีค่าจากเหล่าสิงโต

คำสัญญาว่าจะสรรเสริญให้คนมากมายรู้
18 ข้าจะถวายคำขอบพระคุณในที่ประชุมใหญ่
ข้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางผู้คนมากมาย

การเยาะเย้ยที่ดาวิดรู้ว่าจะต้องเจอ
19 ขอโปรดอย่าให้คนเหล่านั้นที่มาเป็นศัตรูยิ้มเยาะข้าได้
ขออย่าให้คนที่เกลียดข้าโดยไม่มีเหตุเยาะหยันข้าได้
20 เพราะพวกเขาไม่พูดถึงสันติ
มีแต่ความพยายามที่จะสร้างเรื่องเพื่อหลอกผู้คน
21 พวกเขาเปิดปากต่อต้านข้า
กล่าวร้ายว่า “นั่นไง นั่นไง เราเห็นมากับตา”

คำร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ขอความอัปยศให้ศัตรู
22 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเห็น
ขออย่าทรงนิ่งเฉย
โอ องค์เจ้านาย ขออย่าทรงอยู่ห่างข้า
23 ขอพระองค์ทรงตื่นขึ้น ขอทรงลุกขึ้นปกป้องข้าพระองค์
พระเจ้าของข้า องค์เจ้านายของข้า ขอทรงเห็นแก่ข้าด้วย
24 ขอทรงพิสูจน์ว่าข้าไม่ผิด ตามความเที่ยงธรรมของพระองค์
โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
ขออย่าทรงให้พวกเขาเยาะหยันข้าได้
25 อย่าให้เขาคิดในใจได้ว่า อา สมใจเราแล้ว
อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า เรากลืนเขาได้แล้ว!
26 ขอให้คนที่พอใจกับความหายนะของข้า
ต้องอับอาย และสับสน
ให้พวกเขาสวมความน่าละอาย
และให้คนที่ยกยอตนเองเหนือข้า
ต้องเจอกับความอัปยศอดสู

สัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้า
27 ให้คนที่ชื่นชมกับความเที่ยงธรรมของข้า
ตะโกนด้วยความชื่นชม และยินดีนัก
ให้พวกเขากล่าวว่า “ขอยกย่องเทิดทูนพระยาห์เวห์
พระผู้ทรงพอพระทัยกับสวัสดิภาพของผู้รับใช้ของพระองค์”
28 และลิ้นของข้าจะกล่าวถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์ตลอดทั้งวัน

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 43:1; 119:154; เยเรมีย์ 51:36; อิสยาห์ 49:25

2* อิสยาห์ 42:13; อพยพ 15:3

3* สดุดี 27:2; อิสยาห์ 12:2

4* สดุดี 40:14,15; 70:2; 129:5

5*โยบ 21:18; สดุดี 83:13; อิสยาห์ 29:5

6* เยเรมีย์ 23:12; 13:16

7* สดุดี 9:15; 140:5; ยอห์น 15:25

8*สดุดี 55:23; อิสยาห์ 47:11; 1 เธสะโลนิกา 5:3

9* อิสยาห์ 16:10; สดุดี 13:5; ฟีลิปปี 3:1-3

10* สดุดี 51:8; 140:12; อพยพ 15:11;

11*สดุดี 27:12; มัทธิว 26:59-60

12* สดุดี 38:20; 109:5; เยเรมีย์ 18:20; ยอห์น 10:32

13* โยบ 30:25; สดุดี 69:10-11

14* ลูกา 19:41-42; สดุดี 38:6; 2 ซามูเอล 1:11-12, 17-27

15* มาระโก 14:65; สดุดี 7:2

16* เพลงคร่ำครวญ 2:16; โยบ 16:9; สดุดี 37:12

17* สดุดี 13:1; ฮาบากุก 1:13; สดุดี 89:46

18* ฮีบรู 2:12; โรม 15:9; สดุดี 138:4-5

19* สดุดี 69:4; 13:4; ยอห์น 15:25;

20* กิจการ 25:3; มัทธิว 12:24

21* สดุดี 40:15;22:13; 70:3

22* สดุดี 28:1; 10:1; อพยพ 3:7

23* สดุดี 44:23; 7:6; อิสยาห์ 51:9

24* สดุดี 43:1; 35:19; 26:1

25*เพลงคร่ำครวญ 2:16; สดุดี 124:3

26* สดุดี 109:29

27* โรม 12:15; สดุดี 40:16; 149:4

28* สดุดี 71:24; 145:5,21

อธิบายเพิ่มเติม

หลายคนบอกว่า สดุดีบทนี้ ยอดสุดสำหรับการอธิษฐานเมื่อเราเจอสงครามฝ่ายวิญญาณในชีวิต และจริง ๆ แล้วเป็นบทอธิษฐานเผื่อเพื่อน ๆ ของเราที่ถูกกดขี่ ข่มเหง ไม่ว่าจะจากครอบครัว ที่ทำงาน ชุมชน แม้กระทั่งรัฐบาลที่ห้ามไม่ให้เชื่อพระเยซูคริสต์

สดุดี 35:1-3 ขอที่กำบัง
ดาวิดทูลขอพระเจ้าให้ทรงออกรบแทนท่าน

สดุดี 35:4-10 ขอทรงให้หายนะมาถึงศัตรู
ดาวิดขอให้พระเจ้าทรงไล่ล่าและจัดการทำให้ศัตรูต้องละอาย คำว่าทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์นี้ มีความหมายถึงพระเยซูผู้ที่เวลานั้นยังมิได้ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เหมือนในสดุดี 34:7 ที่ว่า 7 ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ล้อมรอบ และช่วยกู้คนที่ยำเกรงพระองค์. ท่านบ่งบองชัดเจนว่า ศัตรูจะทำอย่างไรกับท่าน ท่านก็จะทำตอบเขาอย่างนั้น
แผนใด ๆ ก็ตามที่ศัตรูทำขึ้นมาเพื่อจัดการท่าน ท่านขอให้กลับไปหาพวกเขาเหมือนกัน
และถ้าพระเจ้าตอบคำอธิษฐานท่านก็สัญญาจะยินดีในพระองค์

สดุดี 35:11-17 พยานเท็จที่มาใส่ร้ายและเยาะเย้ย
ท่อนนี้ เป็นการคร่ำครวญมากกว่าจะเป็นการทูลขอ. ดาวิดอธิบายชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ท่านกล่าวถึงความดีที่ท่านทำให้ศัตรู ในทางกลับกันหากดาวิดเจอความทุกข์ พวกเขาก็จะเยาะเย้ยและทำให้สถานการณ์แย่ลง

สดุดี 35:18 คำสัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้าให้คนมากมายได้รู้
ท่านขอให้พระเจ้าอย่าทรงแค่มองดู เมื่อพระองค์ทำกิจตามคำขอ ดาวิดจะสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าคนหมู่มาก ท่านจะทำให้ทุกคนรอบข้างได้รู้ถึงการตอบคำอธิษฐานนั้น

สดุดี 35:19-21 การเยาะเย้ยที่ดาวิดรู้ว่าจะต้องเจอ
บางครั้งการเกลียดชังที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษเลย ดาวิดขอพระเจ้าอย่าให้โอกาสคนพวกนั้นเยาะเย้ย เราจะเห็นความเกลียดที่ถูกปะทุขึ้นในทางการเมืองอยู่ตลอดเวลาในโลกทุกวันนี้ เราจึงไม่แปลกใจว่า ความเกลียดนั้นอยู่ในทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหน เชื้อชาติใด คำอธิษฐานของดาวิดจึงเข้ากับโลกปัจจุบันนี้มาก

สดุดี 35:22-26 คำร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ศัตรูของดาวิดหาเรื่องใส่ร้ายได้ทุกทาง แต่ดาวิดรู้ว่า พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างว่าท่านทำผิดจริงหรือไม่ ดาวิดกล้าที่จะขอให้พระเจ้าทรงปกป้อง ท่านแน่ใจว่า ท่านไม่ได้ทำผิดอย่างที่ศัตรูให้ร้าย และศัตรูที่ให้ร้ายคนอื่นก็จะเป็นคนที่เย่อหยิ่ง ยกตัวขึ้นเสมอไป (26)

สดุดี 35:27-28 สัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้า
จบสดุดีด้วยการที่ดาวิดขอให้คนที่อยู่ฝ่ายท่านได้ถวายพระสิริแด่พระเจ้า แม้ดาวิดจะไม่ใช่คนที่ทำถูกต้องตลอดเวลา แต่ท่านก็อยู่ฝ่ายพระเจ้าเสมอ และการที่ทำผิดและหันกลับมาหาพระเจ้าก็ดีกว่าทำผิดแล้วเตลิดไปไม่กลับมา

1 ยอห์น 3 ชีวิตที่เหมาะกับการเป็นลูกของพระเจ้า

ความรักที่ทำให้เหมือนกับพระองค์

ดูเถิด
พระบิดาประทานความรักมากขนาดไหนที่ทำให้เราได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้าและเราก็เป็นดังนั้น
เหตุผลที่โลกไม่รู้จักเราก็เพราะโลกไม่รู้จักพระองค์​
1 ยอห์น 3:1

ยอห์น 1:12; กาลาเทีย 3:26; 4:5-6; 2 โครินธิ์ 6:18

เพื่อนที่รักทั้งหลาย
ตอนนี้เราเป็นลูกของพระเจ้า และในอนาคต
เราจะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่เป็นที่ประจักษ์
แต่เรารู้ว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะเห็นพระองค์
ตามที่พระองค์ทรงเป็น
1 ยอห์น 3:2

ฟีลิปปี 3:21; 2 โครินธ์ 3:18; โคโลสี 3:4; โรม 8:29


และทุกคนที่มีความหวังเช่นนี้ในพระองค์
จงชำระตนเองให้บริสุทธิ์
เหมือนอย่างที่พระองค์ ทรงบริสุทธิ์
1 ยอห์น 3:3

2 โครินธ์ 7:1; 1 ยอห์น 2:6; 2 เปโตร 3:14

บาปทำลายความสัมพันธ์

ทุกคนที่ทำบาป
เท่ากับทำผิดพระบัญญัติ
บาปเป็นสิ่งผิดพระบัญญัติ
ท่านรู้ดีอยู่ว่า พระองค์ทรงปรากฏ
เพื่อกำจัดบาปของเราให้หมดไป
ในพระองค์ ไม่มีบาปเลย
1 ยอห์น 3:4-5

1 ยอห์น 5:17; 2 โครินธ์ 12:21; โรม 3:20; 2 โครินธ์ 5:21; 1 เปโตร 3:18; 2:24

ผู้ที่อยู่ในพระองค์
ไม่ทำบาปอีกต่อไป 
ส่วนผู้ที่ตั้งใจทำบาปต่อไป 
เท่ากับว่าเขายังไม่เห็นพระองค์
และไม่รู้จักพระองค์
1 ยอห์น 3:6

3 ยอห์น 1:11; 1 ยอห์น 2:4; 3:9; 4:8; ยอห์น 15:4-7

ความแตกต่างของสองฝ่าย

ลูกที่รักทั้งหลาย
อย่ายอมให้ใครชักชวนท่านให้หลงไป
คนที่ประพฤติตามความเที่ยงธรรม
ก็เป็นคนเที่ยงธรรม เหมือนอย่างที่
พระเยซูทรงเที่ยงธรรม
1 ยอห์น 3:7

1 ยอห์น 2:29; โรม 2:13; 1 เปโตร 1:15-16

คนที่ประพฤติตามทางบาป ก็มาจากมาร เพราะมารทำบาปมาตั้งแต่ต้น
เพราะเหตุนี้ พระบุตรของพระเจ้าจึงทรงปรากฏ
เพื่อทำลายงานของมารทั้งสิ้น
1 ยอห์น 3:8

ฮีบรู 2:14; ยอห์น 8:44 โรม 16:20; ยอห์น 12:31

ทุกคนที่เป็นลูกของพระเจ้า
จะไม่ทำบาปต่อไป เพราะเมล็ดพันธ์ุของพระเจ้าอยู่ในเขา และเขาไม่อาจมีนิสัยทำบาปต่อเนื่องไปได้
เพราะเขาเป็นลูกของพระองค์
1 ยอห์น 3:9

1 ยอห์น 5:8; 2:29; ยอห์น 1:13; 1 เปโตร 1:23

ลักษณะลูกของพระเจ้ากับลูกของมาร
ก็ปรากฏชัด โดยดูจากว่า คนที่ไม่ประพฤติในความเที่ยงธรรม รวมทั้งคนที่ไม่รักพี่น้อง
คนนั้น ไม่ได้มาจากพระเจ้า
1 ยอห์น 3:10

3 ยอห์น 1:11; 1 ยอห์น 4:21; ลูกา 6:35; 1 ยอห์น 4:8; 4:6; ยอห์น 8:44

รักกันและกัน

และนี่เป็นสิ่งที่ท่านได้ยินมาตั้งแต่ต้น 
นั่นคือ เราควรรักซึ่งกันและกัน อย่าเป็นเยี่ยงคาอิน
ซึ่งเป็นคนของมาร และได้ฆ่าน้องชายของตน
เหตุใดเขาทำเช่นนั้น ? เป็นเพราะเขาทำการชั่ว
แต่ว่าน้องชายเป็นผู้เที่ยงธรรม
1ยอห์น 3:11-12

2 ยอห์น 1:5; 1 ยอห์น 4:7; 4:21; ยอห์น 15:12; 13:34-35; ฮีบรู 11:4; ปฐมกาล 4:4-15; ยูดา 1:11

พี่น้องทั้งหลาย ไม่ต้องแปลกใจหากโลกเกลียดชังท่านเรารู้ว่า เราผ่านพ้นจากความตายไปสู่ชีวิต
เพราะเรารักพี่น้องของเรา ผู้ที่ไม่รัก ก็ยังคงอยู่ในความตาย
ทุกคนที่เกลียดชังพี่น้องของตนนั้น นับได้ว่า เขาเป็นผู้ฆ่าคน และท่านรู้ว่า ฆาตกรไม่มีชีวิตนิรันดร์ในตัวเขา
1 ยอห์น 3:13-15

ยอห์น 15:18; 17:14; 2 ทิโมธี 3:12; ยากอบ 4:4; ยอห์น 13:35; 5:24; 1 ยอห์น 5:2; มัทธิว 5:21-22; สุภาษิต 26:24-26;วิวรณ์ 21:8

เรารู้จักความรักว่า เป็นอย่างไร
เพราะพระองค์ได้สละชีวิตของพระองค์เพื่อเรา
และเราควรสละชีวิตของเรา เพื่อพี่น้องด้วย
1 ยอห์น 3:16

ยอห์น 3:16; 10:11; 15:13; 1 ยอห์น4:9-11; เอเฟซัส 5:2

เวลานี้ ถ้าใครมีทรัพย์สิ่งของและเห็นพี่น้องของเขา
มีความต้องการจำเป็น แต่ยังปิดใจจากเขา
ความรักของพระเจ้า จะอยู่ในคนนั้นได้อย่างไร?
ลูกเล็ก ๆ ทั้งหลาย
เราไม่ควรรัก จากคำพูดและจากปากเท่านั้น
แต่รักกันด้วยการกระทำและความจริง
1 ยอห์น 3:17-18

เฉลยธรรมบัญญัติ 15:7; เอเสเคียล 33:31; ฮีบรู 13:6; 1 ยอห์น 4:20; ยากอบ 2:15-16; โรม 12:9

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงรู้ว่า
เรามาจากความจริง และเราจะได้มั่นใจ
ต่อพระพักตร์พระเจ้าเพราะเมื่อใจของเรากล่าวโทษตัวเอง พระเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าใจของเรา
และพระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง
1 ยอห์น 3:19-20

ยอห์น 18:37; 1 โครินธ์ 4:4-5; เยเรมีย์ 17:10; สดุดี 139:1-4; ฮีบรู 4:13

พี่น้องที่รัก
หากใจเราไม่กล่าวโทษตัวเรา เราก็มีความมั่นใจ
ต่อพระพักตร์พระเจ้า และเราจะขอสิ่งใดจากพระเจ้า เราจะได้รับจากพระองค์ เพราะเรารักษาพระบัญญัติ และทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัย
1 ยอห์น 3:21-22

1 ยอห์น 2:28; 5:14; ฮีบรู 4:16; สดุดี 34:15; 7:3-5; ยอห์น 8:29; 15:7; มาระโก 11:24

และนี่คือพระบัญญัติ

คือให้เราเชื่อในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระบุตร และให้เรารักซึ่งกันและกันตามที่พระองค์
ประทานพระบัญญัติให้เรา
1 ยอห์น 3:23

มัทธิว 22:39; ยอห์น 15:2; 13:34; 6:29;
1 ยอห์น 3:11; 4:21

คนที่รักษาพระบัญญัติก็อยู่ในพระองค์
และพระองค์ทรงอยู่ในเขา และโดยเหตุนี้ เราจึงรู้ว่า พระองค์ทรงอยู่ในเราโดยพระวิญญาณ
ที่พระองค์ประทานแก่เรา
1 ยอห์น 3:24

ยอห์น 14:21,23; 17:21; โรม 8:9, 1 โครินธ์ 3:16; 6:19; 1 ยอห์น 4:15-16; 4:7; 3:22

อธิบายเพิ่มเติม

1 ยอห์น 3:1
เมื่อคนใดมารู้จักพระเจ้า และรับเชื่อในพระนามของพระเยซูแล้ว ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นลูกของพระเจ้า เขาเป็นเหมือนคนต่างแดนในโลกนี้ โลกไม่เข้าใจว่าเขาเปลี่ยนไปได้อย่างไร พระเจ้าทรงดำเนินการเปลี่ยนเขาให้เหมือนพระเยซูมากขึ้นทุกวัน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น อัศจรรย์สำหรับทุกชีวิตที่มาพบพระเจ้า

1 ยอห์น 3:2
ท่านยอห์นกล่าวถึงสภาพจริงในปัจจุบันของผู้เชื่อ คือเราเป็นลูกของพระเจ้า แต่ในอนาคต ผู้เชื่อจะเป็นเหมือนอย่างพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงปรากฏในวันที่ทรงเสด็จมา (เงื่อนไขคือ เราดำรงอยู่ในพระองค์ตาม 1 ยอห์น 2:28)
พระเยซูเองก็ทรงปรารถนา ให้พี่น้องได้เห็นพระองค์อย่างที่ทรงเป็นอยู่ พระองค์ตรัสไว้ใน ยอห์น 17:24

1 ยอห์น 3:3
ทุกคนที่มีความหวังว่าจะเป็นเหมือนพระเยซู หน้าที่ส่วนของเราคือ มุ่งมั่น เอาใจใส่ที่จะชำระตนเองให้มีชีวิตที่บริสุทธิ์ คำว่าชำระตน เป็นคำเดียวกับท่านยอห์นใช้ในยอห์น 11:55 พูดถึงพิธีชำระตน ก่อนเทศกาลปัสกา นั่นหมายถึงว่า ก่อนที่จะพบพระองค์จริง ๆ ผู้เชื่อต้องเตรียมตัวมีชีวิตที่บริสุทธิ์ตามอย่างพระเยซู นอกจากการอ่าน พระคำยังมีอีกหลายอย่างที่ช่วยให้ชีวิตบริสุทธิ์ คิดสิ มีอะไรบ้าง

1 ยอห์น 3:4-5 บาปที่เราทำนั้น ไม่ใช่แค่ผิดพระบัญญัติ บาปเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงชัง บาปทำให้เรากับพระเจ้าต้องแยกจากกัน พระเยซูจึงทรงมาเพื่อทำลายล้างบาป เพื่อให้มนุษย์เราได้มาเฝ้าพระเจ้าได้. มาเป็นของพระองค์ได้ตามพระประสงค์แรกที่พระเจ้าทรงสร้างเรามา

1 ยอห์น 3:6
คนที่ดำรงในพระเยซูคริสต์จริง ๆ จะไม่ทำบาป หมายความว่าอย่างไร เพราะจริง ๆ เราก็เห็นว่า แม้จะเชื่อมากเท่าไร
คน ๆ หนึ่งก็ไม่ได้หยุดทำบาปอย่างสิ้นเชิง แต่คนที่อยู่ในพระองค์ ไม่มีนิสัยตั้งใจที่จะทำบาปแบบต่อเนื่องไม่หยุด พวกเขามีความตั้งใจใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์ ทัศนคติต่อบาปเปลี่ยนไป มองบาปตามความจริงว่ามันทำลายชีวิต และเขาพยายามหลีกเลี่ยงบาปทุกอย่าง เพราะเขาได้เห็น รู้จักพระเยซูแล้ว

1 ยอห์น 3:7
อย่าลืมว่า บริบทของจดหมายท่านยอห์นคือ มีคนสอนผิดมากมายที่พยายามชักจูงให้ผู้เชื่อหลงไปตามคำพูดของเขา ดังนั้น ผู้เชื่อจะต้องสังเกตว่าชีวิตของคน ๆ นั้น เป็นอย่างไร เขาประพฤติตัวปกติอย่างไร ต่อหน้าลับหลังเหมือนกันหรือไม่ แค่คำพูดดี ๆ คำที่ดูเหมือนฉลาด ก็อาจทำให้คนหลงตามไปได้ง่าย ในโลกออนไลน์ตอนนี้มีระบาดไปทั่ว

1 ยอห์น 3:8
ท่านยอห์น ทำให้เห็นชัดเหมือนข้อ 6
หากว่าคนที่มาจากมารนั้น จะทำบาปอย่างต่อเนื่อง น่าเสียดายที่พวกเขามาจากมาร แต่พระเจ้า ไม่ทรงปล่อยโลกทิ้งไว้ให้อยู่ในอำนาจมาร เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงต้องจัดการทำลายงานของมาร นั่นก็คือการบาปทั้งสิ้น โดยมีพระเยซูเป็นผู้ทำงานนั้นโดยเฉพาะ ไม่มีใครในโลกและจักรวาลที่จะทำงานนี้ได้เลย

1 ยอห์น 3:9
ในภาษาเดิมเขียนชัดว่า คนที่เป็นลูกของพระเจ้ามีเชื้อพันธุ์ หรือเมล็ดพันธ์ุของพระเจ้าอยู่ในตัวเขา ดังนั้น เขาจึงเป็นลูกของพระเจ้าจริง และจะมีชีวิตตามแบบของพระเจ้า การไม่ทำบาปต่อเนื่องเป็นผลมาจากที่พระเจ้าทรงรับเขาเป็นลูก และเขาไม่ได้เป็นลูกของมารอีกต่อไป (ยอห์น 1:12)พระลักษณะนิสัยของพระเจ้ามาอยู่ในตัวเขา

1 ยอห์น 3:10
ที่จริงแล้ว ไม่ยากที่จะแยกคนของพระเจ้ากับคนของมาร แต่ที่มันกลายเป็นยากเพราะคนของมารปลอมตัวมาเป็นคนของพระเจ้า ซึ่งในวันนี้ก็มีมากมายอย่างที่ท่านยอห์นได้เตือนเอาไว้ และคนที่ปลอมตัวนั้นก็หลอกเก่ง รู้ว่าคนอ่อนแอ ในเรื่องอะไรก็หลอกเรื่องนั้น อย่างเช่นว่าพระเจ้าจะอวยพรมากหากถวายมากเป็นต้น สิ่งที่เราสังเกตได้ว่าใครปลอมใครจริงอย่างหนึ่งคือ พวกเขามี ความรักหรือไม่

1ยอห์น 3:11-12
ที่คาอินได้ทำชั่ว ฆ่าน้องชายของตน ต้นเหตุ แรกคือ เขาเป็นคนของมาร ชีวิตจึงเต็มด้วย ความชั่ว ในปฐมกาล 4:5 เราพบว่า ต้นเหตุของการฆ่าน้องคือความเย่อหยิ่ง เกลียดชัง
ในฮีบรู11:4 บอกว่าเป็นเพราะเขาขาดความเชื่อทั้งหมดนี้ล้วนแต่มืดดำ และไร้ซึ่งความรักฆ่าน้องแล้วเขาก็ยังเก็บเรื่องนั้นไว้อีก แต่พระเจ้าทรงเห็นทั้งหมด ตอนนี้ทั้งโลกก็เห็นด้วย

1 ยอห์น 3:13-15
เราดูความเป็นไป อารมณ์ ความรู้สึกของคนในโลกวันนี้ได้ง่ายกว่าในอดีตมาก เราเห็นแล้วว่าความเกลียดชังได้ครอบครองสังคม จนกลายเป็นเรื่องปกติ ความรัก ความเมตตากลายเป็นสิ่งที่ หายากมาก เรื่องราวของความรัก ความดี
ปรากฏน้อยกว่าเรื่องของความเกลียดชัง และยิ่งถ้าใครเป็นคริสเตียนจริง ๆ แล้ว ก็เป็นที่ น่ารังเกียจของคนในโลก เพราะว่าชีวิต ของผู้เชื่อเป็นสิ่งที่พวกเขาทนไม่ได้

1 ยอห์น 3:16
คำกล่าวข้างบนนี้ บอกถึงความรักที่เสียสละ ไม่ใช่รักที่ฉันจะเอาแต่ข้างเดียว แบบเห็นแก่ตัว แล้วกล่าวแค่คำว่า “ฉันรักเธอ” (ฉันขาดเธอไม่ได้เพราะว่าเธอมีประโยชน์กับฉันเหลือเกิน)แต่ความรักที่แท้นั้นก็คือคำว่า “เสียสละ”อย่างองค์พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนนั้น สละให้ทั้ง ๆ ที่มนุษย์นั้นสุดที่จะเลว พระองค์ทรงสละชีวิตด้วยความตั้งพระทัยของพระองค์เอง!

1 ยอห์น 3:17-18
คำพูดจากปากที่ไม่มีการกระทำนั้น ง่ายราคาถูก สบายใจคนพูด แต่มันคือคำโกหกพกลม เราเจอคนอย่างนั้นมากมายในโลกเจอทุกวัน อยู่เต็มไปหมด ท่านยอห์นเองก็พบคน อย่างนั้นมากมายเช่นกัน ความรักที่แสดงออกด้วยการกระทำ ด้วยความจริง จากหัวใจนั้นเป็นทักษะที่ต้องฝึก ยิ่งทำยิ่งเก่ง
ยิ่งทำ ยิ่งเป็นธรรมชาติ กลายเป็นนิสัยส่วนตัวที่น่าชื่นชมของพระเจ้า

1 ยอห์น 3:19-20
จากข้อที่ผ่านมาบอกให้เรารักด้วยการกระทำและด้วยความจริง หากเราทำเช่นนั้นในชีวิต ประจำวัน ทำเป็นกิจวัตร เราจึงรู้ว่า เรามาจาก ความจริง หรือพูดง่าย ๆ เรามาจากพระเจ้าและในชีวิตประจำวันนั้น เวลาเราทำบาป เวลา ทำไม่ถูกต้อง ใจของเรานี่แหละจะบอกเราว่า “เฮ้ ทำไม่ถูกนะ ทำไมทำอย่างนี้? แก้ไขซะ” ใจที่อยู่ข้างพระเจ้าจะไม่สนับสนุนให้เราปล่อยบาปในชีวิตให้ลอยนวล

1 ยอห์น 3:21-22
พระคำข้อนี้ เป็นพระคำที่ให้กำลังใจกับหลายคน ที่กำลังท้อแท้ คนที่ไม่มั่นใจในการอธิษฐานเรามั่นใจได้เมื่อเราอธิษฐานจากพื้นฐานชีวิตที่รักษาพระบัญญัติแห่งรัก และทำสิ่งที่พอพระทัย การที่ใจเราถูกต้องกับพระเจ้า สารภาพบาป และเสียใจ สำนึกบาปจริง ๆ ตั้งใจที่จะไม่ทำสิ่งที่พลาดน้ำพระทัยอีก เราจึงจะมั่นใจต่อพระพักตร์พระเจ้าได้

1 ยอห์น 3:23
คำของท่านยอห์นทั้งเรียบง่ายกระชับได้ใจความ พระบัญญัติของพระเยซูนั้น มีสองอย่างที่เราต้อง รักษาตามที่พระคำข้อก่อนได้บอกไว้ เชื่อในพระเยซู และรักกันและกัน ทั้งสองจะทำให้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคตปลอดภัย ทำให้เรามั่นใจได้ และรู้ว่า พระเจ้าจะทรงฟัง คำอธิษฐานจากคนเล็กน้อยอย่างเรา ขอบคุณพระเจ้าสำหรับคำสั่งที่เรียบง่ายนี้

1 ยอห์น 3:24
การที่พระเจ้าทรงอยู่ในเราและเราอยู่ในพระองค์นั้น เป็นการอยู่ในกันและกัน มนุษย์อยู่ในพระเจ้าได้ด้วยการรักษาพระบัญญัติของพระองค์ คือการรับพระองค์เข้ามาในชีวิต และดำเนินตามน้ำพระทัยของพระองค์​ ไม่จำกัดฐานะ วัย เพศ ยิ่งทำมาตั้งแต่เด็กก็ยิ่งดี


สดุดี 34 คำสรรเสริญจากถ้ำหลบภัย

สดุดีบทนี้เขียนหัวข้อไว้ว่า เป็นสดุดีของดาวิดตอนที่ท่านหนีจากกษัตริย์ซาอูล และไปขอหลบภัย
ในเมืองกัทของชาวฟีลิสเตีย เมื่อท่านทำอาการดั่งคนบ้าต่อหน้าอาคีชกษัตริย์แห่งกัท ซึ่งรู้สึกรำคาญมากที่ดาวิดเสียสติขนาดนั้น ( 1 ซามูเอล 21:10-15)
ต่อมาท่านได้ไปหลบภัยในถ้ำอดุลลัมพร้อมกับคนที่หนีไปด้วย ประมาณ 400 คน ดูเหมือนว่าสดุดีบทนี้เขียนในถ้ำและร้องสรรเสริญพระเจ้าต่อหน้าคนที่อยู่กับท่านเวลานั้น
หากเราคิดถึงบรรยากาศของคนหนีภัยแต่ยังมีใจสรรเสริญพระเจ้าแม้ทางมืดมน มันเป็นภาพที่ยิ่งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจความรู้สึกได้จริง ๆ และควรที่เราจะเดินตามรอยของคนที่ต้องเผชิญกับการตามฆ่า แต่ยังคงกล้าหาญที่จะเชื่อพระเจ้าอย่างไม่ลดละ

ประชาชนสรรเสริญพระเจ้า
1 ข้าถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์ทุกเวลา
ปากของข้าจะกล่าวคำสรรเสริญพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง
2 วิญญาณของข้าจะอวดพระยาห์เวห์
คนที่ถ่อมตนได้ยินก็จะยินดี
3 โอ.. มายกย่องพระยาห์เวห์ด้วยกันกับข้าเถอะ
และให้เรายกชูพระนามของพระองค์ด้วยกัน
4 ข้าแสวงหาพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงตอบข้า
ทรงช่วยกู้ให้ข้าพ้นจากความกลัวทั้งสิ้น
5 ผู้ที่มองไปยังพระองค์จะสดใส
ใบหน้าของพวกเขาจะไม่ต้องอาย

คำพยานของดาวิดผู้ถูกไล่ล่า
6 ชายผู้ยากจนคนนี้ร้องทูล และพระยาห์เวห์ทรงฟังเขา
และทรงช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ยากทั้งสิ้น
7 ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ล้อมรอบ และช่วยกู้คนที่ยำเกรงพระองค์

ชวนให้มาชิมพระเจ้า
8 จงมาชิมดูแล้วจะรู้ว่า พระเจ้าทรงดีนัก
ความสุขเป็นของคนที่วางใจในพระองค์​
9 จงยำเกรงพระยาห์เวห์ วิสุทธิชนของพระองค์
เพราะคนที่ยำเกรงพระองค์จะไม่ขัดสนสิ่งใด
10 สิงโตหนุ่มยังขัดสนและหิวโหย
แต่คนที่แสวงหาพระยาห์เวห์จะไม่ขัดสนสิ่งดีใด ๆ
11 ลูกเอ๋ย จงเข้ามาฟังเรา
และเราจะสอนให้เจ้ารู้จักยำเกรงพระยาห์เวห์

เงื่อนไขของชีวิตที่ยืนนาน
12 ใครก็ตามที่ปรารถนาชีวิต และรักชีวิตดี ๆ ที่ยาวนาน
13 ก็อย่าให้ลิ้นของเจ้าพูดสิ่งชั่ว
อย่าให้ปากของเจ้ากล่าวคำหลอกลวง
14 จงหลีกเลี่ยงความชั่วและทำความดี
จงแสวงหาสันติสุขและติดตามสันติสุขนั้น

พระเจ้าทรงมองดูคนของพระองค์
15 พระเนตรของพระยาห์เวห์อยู่เหนือคนเที่ยงธรรม
และพระกรรณของพระองค์ทรงฟังเสียงร้องของพวกเขา
16 พระพักตร์ของพระยาห์เวห์ต่อต้านคนที่ทำความชั่ว
เพื่อว่าจะตัดความทรงจำถึงเขาทั้งสิ้น

กำลังใจแก่คนที่ใจสลาย
17 คนเที่ยงธรรมร้องทูล และพระยาห์เวห์ทรงฟังเสียงเขา
ทรงช่วยให้เขาให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งสิ้น
18 พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้คนใจแตกสลาย และทรงช่วยคนที่หัวใจชอกช้ำ

พระเจ้าทรงดูแลคนเที่ยงธรรม
19คนเที่ยงธรรมก็พบความทุกข์ยากหลายอย่าง
แต่พระยาห์เวห์ทรงกู้เขาให้พ้นทั้งหมด
20 พระองค์ทรงปกป้องกระดูกของเขา
ไม่มีกระดูกถูกหักสักท่อน
21 ความชั่วจะสังหารคนชั่วร้าย และคนที่เกลียดชังความเที่ยงธรรมจะถูกลงโทษ
22 พระยาห์เวห์ทรงไถ่วิญญาณของผู้รับใช้ของพระองค์
และคนที่วางใจในพระองค์จะไม่ถูกลงโทษ

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 เธสะโลนิกา 5:18, โคโลสี 3:17, สดุดี 145:2

2* 1 โครินธ์ 1:31, เยเรมีย์ 9:24

3* สดุดี 69:30, ลูกา 1:46, วิวรณ์ 19:5-6

4* สดุดี 18:6; 116:1-6

5* ฮีบรู 12:2, สดุดี 123:1-2

6* สดุดี 34:17-19; 66:16-20

7* สดุดี 91:11, ดาเนียล 6:22

8* เยเรมีย์ 31:14, สดุดี 63:5

9*ฟีลิปปี 4:19, สดุดี 23:1

10* สดุดี 84:11; 104:21

11* สุภาษิต 1:7, สดุดี 111:10; 32:8

12*เฉลยธรรมบัญญัติ 30:20; 6:2, สดุดี 4:6

13* ยากอบ 3:5-10, สดุดี 141:3

14* สดุดี 37:27, ฮีบรู 12:14

15* 1 เปโตร 3:12, สดุดี 34:17; 33:18

16* เยเรมีย์ 44:11; 17:13, สุภาษิต 10:7

17* อิสยาห์ 65:24, สดุดี 145:18-20, 34:6; 19

18* สดุดี 147:3; 145:18, อิสยาห์ 57:15

19* สดุดี 34:4; 6; 17, 1 เปโตร 4:12-13

20* ยอห์น 19:36

21*สดุดี 94:23, สุภาษิต 24:16

22* สดุดี 103:4; 71:23, วิวรณ์ 5:9

อธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 33:1-5
ดาวิดสรรเสริญพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่สภาพของท่านในเวลานั้น ไม่ได้อยู่ในความมั่นคงเลย ท่านทั้งกลัวและอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ข้อ 3 คิดถึงดาวิดที่ร่างกายทรุดโทรมจากการตรากตรำ หนีหัวซุกหัวซุน แล้วมากล่าวชวนคนทั้งหลายสรรเสริญพระเจ้า ยกชูพระนามพระเจ้าอย่างนี้ ในข้อ 4-5 ท่านบอกชัดว่าท่านแสวงหาพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงตอบเสมอ ท่านและคนที่อยู่กับท่าน จะไม่ต้องอายต่อหน้าศัตรู

สดุดี 33:6-7
ดาวิดรู้ดีว่าท่านเป็นใคร ไม่ใช่นักรบที่กล้าหาญ แต่กลับเป็นคนยากไร้ ไม่มีอะไร แต่พระเจ้ากลับทรงฟังคนเช่นนี้
ยิ่งกว่านั้น ทรงให้ทูตสวรรค์มาล้อม คนยำเกรงพระเจ้าซึ่งต้องการพระเจ้าที่สุดด้วย ดาวิดมีประสบการณ์จริงกับการช่วยเหลือของทูตสวรรค์มาหลายครั้ง ซึ่งประสบการณ์แบบนี้ มีคนของพระเจ้าในสมัยต่อมา แม้ในปัจจุบันก็ได้รับเหมือนกัน

สดุดี 33:8-11
คำว่า ยำเกรงพระเจ้า… เป็นคำที่ดาวิดเน้นมาตั้งแต่ข้อ 7 จนถึงข้อ 11 ลองทบทวนข้อความเหล่านี้ให้ดีกว่า เกิดอะไรกับคนที่ยำเกรงพระเจ้าบ้าง…. ท่านชวนให้ผู้ที่ติดตามท่านไปนั้น มาชิม และมารับรู้ว่า พระเจ้าทรงดีเพียงไหน พวกเขาต้องมามีประสบการณ์กับพระเจ้าด้วยตัวเองจึงจะรู้รสชาติ จึงจะเห็น และพวกเขาจะมีความสุขที่มาจากพระเจ้าจริง ๆ
ดาวิดพร้อมที่จะสอนความยำเกรงพระเจ้าให้กับคนที่อยู่ข้าง ๆ ท่าน เราสอนได้อย่างดาวิดไหม? …

สดุดี 33:12-14
ดาวิดพูดคำนี้ตอนที่ท่านยังหนุ่มอยู่ และเราเห็นว่า ท่านได้มีชีวิตที่ยืนนานจริง ๆ เมื่อเราเรียนรู้ชีวิตของดาวิดจะเห็นว่า สิ่งหนึ่งที่ท่านมีก็คือ เป็นคนจริง เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ยำเกรงพระเจ้า แม้ว่าในชีวิตจะพลาด แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเตือนให้ท่านไม่ปล่อยให้ความผิดนั้นลอยนวล

สดุดี 33:15-16
คำยืนยันว่า พระเจ้าทรงมองดูคนของพระองค์นี้ ดาวิดกล่าวถึงบ่อย ๆ จากสดุดีบทก่อนหน้านี้ เราจึงมั่นใจได้ว่า พระเจ้าทรงมองเราอยู่ตลอดเวลา

สดุดี 33:17-18
ขณะที่พระเจ้าทรงต่อต้านคนชั่ว พระองค์กลับทรงฟังคนเที่ยงธรรม เรื่องนี้เราดูตัวอย่างได้จากชีวิตของโมเสสในอพยพ 32-34 เราจะเห็นการโต้ตอบของพระเจ้ากับคนเที่ยงธรรมที่พระองค์ทรงรักชัดเจน
และข้อ 18 นี้ ขอบคุณพระเจ้าที่ดาวิดเขียนไว้ให้เรา เพราะในยามที่เกิดใจแตกสลาย ชอกช้ำ ผู้ที่เราต้องการที่สุดก็คือพระเจ้าเท่านั้น ในโลกของเรานี้ ผู้ที่ถูกข่มเหงน้ำใจ ถูกทำลาย ถูกใส่ร้าย ถูกล่วงละเมิดนั้นมีมากมายเหลือเกิน และต้องการพระเจ้ามากจริง ๆ เพราะมนุษย์แทบช่วยไม่ได้ และไม่ช่วยอีกด้วย

สดุดี 33:19-22
เราเห็นความแตกต่างว่าพระเจ้าทรงปฏบัติต่อคนสองแบบไม่เหมือนกันเลย คนเที่ยงธรรมที่วางใจพระเจ้า กับคนอธรรมที่มีตัวเองเป็นพระเจ้านั้น ต่างมีปลายทางไม่เหมือนกัน แต่ยังมีคนอธรรมมากมายที่คิดว่า ปลายทางของพวกเขาดีกว่า เราอย่าไปเชื่อ ขอให้เชื่อเถิดว่า พระเจ้าจะไม่ลงโทษคนที่วางใจในพระองค์