สดุดี 40 คำขอบพระคุณ และคำร้องทูลขอความช่วยเหลือ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
ผลดีของการรอคอยพระเจ้า
1 ข้าวางใจในพระยาห์เวห์อย่างสุดใจ
แล้วพระองค์ทรงหันมาหาข้า
ทรงฟังเสียงข้าร้องทูลขอความช่วยเหลือ
2 พระองค์ทรงฉุดข้าขึ้นมาจากหลุมร้าง จากโคลนตม
และทรงวางเท้าข้าไว้บนศิลา ทำให้ย่างก้าวของข้ามั่นคง
3 พระองค์ประทานบทเพลงใหม่ให้แก่ข้า
เป็นเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา
หลายคนจะเห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงทำ
เพื่อพวกเขาจะเกรงกลัว และวางใจในพระยาห์เวห์

ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้
4 ผู้ที่วางใจในพระยาห์เวห์นั้นมีความสุขมากเท่าใด
และเขาไม่ขอความช่วยเหลือจากคนยะโสหรือคนมุสา
5 โอพระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
พระองค์ทรงทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย
ทรงมีแผนการเพื่อชีวิตของเรา
ไม่มีใครเทียบกับพระองค์ได้เลย
ข้าต้องการประกาศ และกล่าวถึงพระราชกิจนั้น
ซึ่งมีมากมายเกินกว่าที่ข้าจะเล่าได้

คำสัญญาจะทำตามน้ำพระทัย
6 สำหรับพระองค์ เครื่องบูชา หรือของถวาย
ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
พระองค์ทรงทำให้ข้าเข้าใจชัดเจนว่า
พระองค์ไม่ได้ทรงเรียกร้องเครื่องเผาบูชา
หรือเครื่องบูชาไถ่บาป
7 แล้วข้ากล่าวว่า “ดูสิ ข้ามาแล้ว
ในหนังสือม้วนนั้น มีบันทึกเรื่องราวเกี่ยวข้องกับข้า”
8 ข้าปรารถนาทำตามน้ำพระทัย พระเจ้าของข้า
พระบัญญัติของพระองค์ก็ประทับอยู่ในใจของข้า

สิ่งที่กษัตริย์ดาวิดจะประกาศออกไป
9 ข้าประกาศเรื่องความเที่ยงธรรมของพระองค์ในที่ประชุมใหญ่
ดูเถิด ข้าจะไม่รั้งริมฝีปากของข้าเลย
โอพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงทราบว่าเป็นจริง
10 ข้ามิได้ซ่อนความเที่ยงธรรมของพระองค์ไว้ในใจของข้า
ข้าได้ประกาศความซื่อตรงและการช่วยกู้จากพระองค์ออกไป
ข้ามิได้ปกปิดความรักมั่นคงและความจริงจากที่ชุมนุมใหญ่

คำร้องทูล
11 โอ พระยาห์เวห์
ขออย่าทรงรั้งความสงสารของพระองค์ไปจากข้า
ความรักมั่นคงและความจริงของพระองค์
จะปกป้องรักษาข้าไว้เสมอ
12 มีความยากลำบากนับไม่ถ้วนล้อมรอบข้าอยู่
บาปของข้าก็ไล่ทัน ข้าจึงมองไม่เห็น
บาปนั้น มีมากกว่าเส้นผมบนศีรษะ
ทั้งกำลังความกล้าหาญก็หนีข้าไป
13 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงโปรดยินดีที่จะช่วยกู้ข้า
โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงรีบมาช่วยข้าด้วย
14 ขอให้คนที่พยายามเอาชีวิตของข้านั้น
ต้องเจอกับความสับสนและความอับอาย
ขอให้คนที่ต้องการทำร้ายข้าต้องล่าถอยและพบความอดสู
15 ให้คนที่กล่าวกับข้าว่า สมน้ำหน้า สมน้ำหน้า
ต้องตกใจกลัวพร้อมกับอับอายอย่างยิ่ง
16 ให้ทุกคนที่แสวงหาพระองค์ได้ยินดีและเปรมปรีดิ์ในพระองค์
ให้ทุกคนที่รักความรอดของพระองค์กล่าวเสมอว่า
“พระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่นัก”

ขอพระเจ้าทรงคิดถึงข้า
17 ข้านั้นทั้งถูกข่มเหงและขัดสน
พระยาห์เวห์ทรงคิดถึงข้า
พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วย และผู้ช่วยกู้ของข้า
โอ พระเจ้าของข้า ขออย่าทรงเนิ่นช้าเลย

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 25:5; 27:14; 37:7

2* สดุดี 37:23; 27:5; 71:20

3* สดุดี 103:1-5; 33:3; 52:6

4* เยเรมีย์ 17:7-8; สดุดี 125:5; 118:8-9

5* เยเรมีย์ 29:11; สดุดี 139:17-18

6* อิสยาห์ 1:11; ฮีบรู 10:5-12; 1 ซามูเอล 15:22

7* ฮีบรู 10:7-9; ลูกา 24:44; ยอห์น 5:39

8* โรม 7:22; ยอห์น 4:34; สดุดี 119:47

9* สดุดี 119:3; 22:25; ฮีบรู 2:12

10* โรม 1:16-17; กิจการ 20:26-27; 20:20-21; วิวรณ์ 22:17

11*สดุดี 57:3; 43:3; 61:7 สุภาษิต 20:28;

12* สดุดี 38:4; 73:26; 69:4

13* สดุดี 70:1-5; 38:22

14* สดุดี 35:4; 71:13; 35:26

15* สดุดี 35:21,25

16* สดุดี 35:27; 68:3; กิจการ 19:17

17* สดุดี 70:5; อิสยาห์ 41:17; 1 เปโตร 5:7

สดุดี 40:1-3 ผลดีของการรอคอยพระเจ้า
เฝ้ารอพระเจ้า ร้องขอความช่วยเหลือ …. ทำแบบนี้ อาจรอนานหลายวัน หลายเดือน หรือรอสั้น ๆ แล้วแต่สถานการณ์ แต่ผลก็คือ พระเจ้าทรงยิน ทรงฟังคำร้องทูล และฉุดเราขึ้นมาจากปัญหาที่พัวพัน ความทุกข์ยาก และตั้งเราให้มั่นคง
จากนั้น พระเจ้าก็ประทานเพลงใหม่ให้ อาจเป็นเพลงเดิมที่เคยร้อง แต่ประสบการณ์ทำให้เราซาบซึ้งในพระองค์มาก จนมันกลายเป็นเพลงใหม่สำหรับพระเจ้า และไม่ร้องคนเดียวแต่ ร้องให้คนอื่นได้รับรู้ถึงการช่วยเหลือของพระเจ้า …​นี่เป็นเหมือนสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราหันมาหาพระเจ้าในยามจนตรอก

สดุดี 40:4-5 ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้
เมื่อเราวางใจพระเจ้า เราก็ไม่ต้องไปง้อคนที่เย่อหยิ่ง อวดตัว คนรวย คนเหล่านั้น เราไม่ต้องไปสยบให้ เมื่อเราทบทวนสิ่งที่พระเจ้าทรงทำอย่างอัศจรรย์ ตั้งแต่การทรงสร้างสารพัดสิ่งในจักรวาล และการอัศจรรย์ทั้งสิ้นที่ทรงทำให้ผู้คนในพระคัมภีร์ และในโลกปัจจุบัน ใช่แล้ว มีมากมาย เล่าไม่หมดแน่นอน ต้องใช้เวลาถึงนิรันดร์ทีเดียว เมื่อเราคิดถึงสิ่งอัศจรรย์เหล่านั้น ก็ต้องตามด้วยการประกาศให้คนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย

สดุดี 40:6-8 คำสัญญาจะทำตามน้ำพระทัย
สิ่งที่ดาวิดมี และเป็นจุดแข็งของท่านก็คือ ท่านทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกว่า บุรุษที่เดินตามน้ำพระทัย พระเจ้าทรงต้องการให้เรามีพระดำรัส พระดำริในหัวใจของเราเหมือนในข้อที่ 8 ได้กล่าวไว้ การที่ท่านกล่าววถึงหนังสือม้วน น่าจะเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเมื่อท่านขึ้นเป็นกษัตรย์นั่นเอง

สดุดี 40: 9- 10 สิ่งที่กษัตริย์ดาวิดจะประกาศออกไป
กษัตริย์ดาวิดได้ทำสิ่งที่เหมาะสมสำหรับการเป็นกษัตริย์คือ ได้ประกาศความดีของพระเจ้าท่ามกลางประชาชนของท่าน และเมื่อกษัตริย์ประกาศเช่นนั้น ย่อมมีสิทธิอำนาจมาก และคนทั้งกลายก็จะทำตามที่ท่านประกาศ เชื่อตามที่ท่านบอก

สดุดี 40:11-15 คำร้องทูล
ดูเหมือนกษัตริย์ดาวิดตระหนักว่า การที่ท่านถูกคนล่าเอาชีวิต มีความลำบากมากมาย เป็นเพราะบาปของท่านเอง ท่านมองว่า ตนเองเป็นสาเหตุของความยุ่งยากเหล่านี้ ไม่ได้โทษคนอื่นแต่ประการใด ถึงกระนั้น ก็ขอพระเจ้าที่จะทรงมาช่วย ขอพระองค์ทรงยินดีจะช่วย

ขอพระเจ้าทรงคิดถึงข้า
พระคัมภีร์ข้อนี้ เป็นที่ปลอบประโลมใจสำหรับทุกคนที่ถูกข่มเหง ไร้ที่พึ่ง และขัดสน พระเจ้าจะประทานให้พวกเขาตามที่ทูลขอ พวกเขาเป็นคนที่ยินดีในพระเจ้า และรู้ว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ที่สุด

2 ยอห์น 1 ต้อนรับด้วยความจริง

ทักทายสตรีที่พระเจ้าทรงเลือก

จดหมายฉบับนี้ มาจากข้าซึ่งเป็นผู้ปกครองอาวุโส เขียนถึงสตรีที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ และลูกหลานของเธอที่ข้ารักในความจริง และไม่ใช่ตัวข้าเท่านั้น แต่คนทั้งหลายที่รู้จักความจริงก็รักด้วย
2 ยอห์น 1:1

1 ยอห์น 3:18; 1 ทิโมธี 2:4; ยอห์น 8:32;
โคโลสี 1:5

เพราะความจริงอยู่ในเรา
และจะอยู่กับเรา
ไปชั่วนิรันดร์
2 ยอห์น 1:2

1 ยอห์น 1:8; 2:14;2:17; 2 เปโตร 1:12

พระคุณ พระเมตตา และสันติสุข จากพระเจ้าองค์พระบิดา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระบุตรของพระบิดา จะอยู่กับเราในความจริงและในความรัก
2 ยอห์น 1:3

1 ทิโมธี 1:2; โรม 1:7; 1 ยอห์น 4:10

เดินตามคำบัญชาพระคริสต์

ข้ายินดีมากที่พบว่าลูกหลานของท่านบางคน เดินในความจริงตามที่พระบิดาทรงบัญชาไว้
2 ยอห์น 1:4

3 ยอห์น 1:3-4; เอเฟซัส 5:8; 5:2

และบัดนี้ สตรีทั้งหลาย
ข้ามิได้เขียนบัญญัติใหม่มาถึงท่าน แต่เป็นบัญญัติที่เรามีมาตั้งแต่ต้น คือ ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน
2 ยอห์น 1:5

1 ยอห์น 3:11; 1 เธสะโลนิกา 4:9

และความรักนี้คือ เราเดินตามพระบัญญัติของพระองค์ที่ท่านได้ยินมาแต่แรกเริ่ม พระบัญญัตินั้นคือให้ท่าน ดำเนินชีวิตด้วยความรัก
2 ยอห์น 1:6

1 ยอห์น 2:5; 5:3; 1 ยอห์น 2:24; ยอห์น 15:4

ระวังคนหลอกลวง

เพราะมีคนล่อลวงมากมายออกไปในโลก คือคนที่ไม่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ คนเหล่านี้เป็นคนหลอกลวง เป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ ท่านจงระวังให้ดี จะไม่สูญเสียสิ่งที่ท่านได้มุ่งมั่นทำมา แต่เพื่อท่านจะได้รับรางวัลเต็มขนาด
2 ยอห์น 1: 7-8

1 ยอห์น 2:19; 4:1-2; 2:22
มาระโก 13:9; กาลาเทีย 3:4

คนใดที่ก้าวเกินไปกว่านั้นและไม่ยึดอยู่ในคำสอนของพระคริสต์ ก็ไม่มีพระเจ้า
แต่คนที่ยึดมั่นอยู่ในคำสอนนั้นก็มีทั้งพระบิดาและพระบุตร
2 ยอห์น 1:9

ยอห์น 7:16; 8:31

และหากใครมาหาท่านโดยไม่นำคำสอนนี้มา
อย่ารับเขาไว้ในบ้าน ​ อย่าทักทายยินดีต้อนรับเขา เพราะใครก็ตามที่ทักทายเขาเท่ากับมีส่วนในความชั่วร้ายของเขาด้วย
2 ยอห์น 1:10-11

ทิตัส 3:10; โรม 16:17; 1 ทิโมธี 5:22; เอเฟซัส 5:11

คำส่งท้าย

ยังมีอีกหลายสิ่งที่จะพูดกับท่าน แต่ข้าไม่ต้องการเขียนด้วยปากกาและหมึกเพราะข้าต้องการที่จะพูดกับท่านตัวต่อตัว เพื่อว่าความยินดีของเราจะได้เต็มบริบูรณ์ ลูก ๆ ของน้องสาวของท่านที่พระเจ้าทรงเลือก ฝากความคิดถึงมาด้วย
2 ยอห์น 1:12-13

3 ยอห์น 13; 14; ยอห์น 17:13; 1 เปโตร 5:13; ยอห์น 16:12

อธิบายเพิ่มเติม

2 ยอห์น 1:1
ผู้ที่รู้จักความจริง ก็รักคนที่มีความจริง คือมีพระเยซูคริสต์อยู่ในชีวิต ท่านยอห์นเน้นเรื่องความจริงอย่างมาก ในก่อนสุดท้ายบทที่แล้ว ท่านกล่าวถึงพระเยซูผู้ทรงเป็นจริง สิ่งที่ผู้พันหัวใจคริสเตียนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว กันนั้นคือ องค์พระเยซูผู้ทรงเป็นความจริง

2 ยอห์น 1:2
มีคำที่พระเยซูเคยตรัสไว้ในยอห์น 14:16-17 พระองค์จะทูลขอพระบิดา ให้ประทานที่ปรึกษา เพื่อจะอยู่กับศิษย์ของพระองค์ตลอดไป คือองค์พระวิญญาณที่จะอยู่ในพวกเขา
ดังนั้นความจริงที่ท่านยอห์นกล่าวถึงก็คือการที่พระวิญญาณแห่งความจริงจะเข้ามาสถิตในผู้ที่เชื่ออย่างถาวร นี่เป็นสิ่งที่คนนอกความเชื่อไม่อาจมีได้

2 ยอห์น 1:3
ท่านยอห์นไม่ได้แค่ขอให้ผู้อ่านรับสิ่งดี ๆ จากพระเจ้า แต่ท่านเขียนราวกับว่า สิ่งดี ๆ เหล่านั้นจะอยู่กับพี่น้องที่อ่านจดหมายของท่าน
รู้ไหมว่า หากไม่มีความจริง และความรักจากพระบิดาและพระบุตรแล้ว เราก็จะมีพระคุณ พระเมตตา สันติสุขในชีวิตไม่ได้เลย พระเยซูเคยตรัสว่า สันติสุขที่เราให้แก่เจ้า ไม่เหมือนโลกให้ เป็นสันติในใจที่ต่างกันมากจากความสุขของโลกนี้

2 ยอห์น 1:4
มีลูกหลานบางคนเดินตามทางของพระเจ้าทำให้เรารู้ว่า บางคนอาจไม่เดินตามทางที่พระเจ้าทรงบัญชา ชีวิตที่เดินในความจริงของพระเจ้านั้น ไม่ใช่ชีวิตที่อยู่เฉย ๆ แต่เป็นชีวิตที่แสดงออกมาเป็นการกระทำอย่างชัดเจนว่าพวกเขาทำตามที่พระเจ้าพระบิดาทรงบัญชาไว้ เราจะเห็นว่าคนเชื่อจริงและเชื่อแค่ปากนั้น แตกต่างกันมากขนาดไหน

2 ยอห์น 1:5
ท่านยอห์นชัดเจนว่าต้องการ ย้ำเตือนให้พี่น้องรักกันและกัน
ชีวิตที่เต็มด้วยรักซึ่งกันและกัน จะทำให้สังคมนั้น ๆ มีความสุขและช่วยกันแก้ปัญหา ไม่สร้างปัญหาให้กันและกัน ยิ่งยุคของเรานี้ เรายิ่งต้องการความรักมากขึ้นอีก เพราะความเกลียดมีท่วมท้นในสังคม และยังมีความพยายามสร้างความเกลียดชังทุกวัน

2 ยอห์น 1:6
พระบัญญัติแห่งรักที่ท่านยอห์นกล่าวถึง เป็นบัญญัติที่มีไว้ให้เราเชื่อฟัง ไม่ใช่วางตั้งไว้เฉย ๆ เป็นบัญญัติที่ เราต้องลงมือรักคนอื่นไม่ใช่รอความรักจากคนอื่น รักแค่ปากก็ไม่ได้ ต้องลงมือ และเมื่อเราเห็นคนอื่นรักเรา ก็อย่าลืมรักตอบ

2 ยอห์น 1: 7-8
คนที่ไม่ยอมรับว่า พระเยซูคริสต์ หรือพระเมสสิยาห์
ได้เสด็จจากสวรรค์ลงมาในร่างของมนุษย์ ท่านยอห์นกล่าวว่า พวกเขาเป็นคนลวงโลก เราจึงต้องระวัง พิสูจน์ทุกอาจารย์ที่สอนพระคัมภีร์ โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จักมาก่อนอย่าหลงเชื่อทันทีเพียงเขาหยิบข้อพระคัมภีร์มาพูดให้ดูน่าเชื่อถือ เพื่อเราจะไม่หลงทางไป

2 ยอห์น 1:9
ชัดเจน..ไม่ให้เปลี่ยนคำสอนของพระเยซูไปตามใจของตนเอง คนไหนล้ำยุคคิดเกินเลย คนไหนคิดเอาเอง เท่ากับพวกเขาไม่มีพระเจ้าในเรื่องของพระเยซู พระองค์คือผู้ใดพระองค์ทรงทำอะไรเพื่อเรา และจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น เราต้องเดินตามคำของพระเยซู ไม่ใช่วาดภาพนิมิตขึ้นมาเอง เราต้องระวังการเปิดเผยใหม่ ๆ ที่แต่งขึ้นมาแต่อ้างว่ารับมาจากพระเจ้า

2 ยอห์น 1:10-11
สมัยก่อนนั้น อัครทูตมักจะเดินทางไปเยี่ยมตามคริสตจักรต่าง ๆ และท่านจะได้รับการต้อนรับจากสมาชิกที่เต็มใจต้อนรับท่านแต่ในเวลาเดียวกัน จะมีครูสอนผิดที่พยายามออกไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อปอกลอกผู้เชื่อที่ ไม่รู้ประสีประสา ต้อนรับพวกเขาโดยคิดว่า เป็นอาจารย์แท้ สอนเรื่องพระเจ้าแท้ ท่านยอห์นจึงเตือนสติพี่น้องไว้ให้ระวังตัว เพื่อจะไม่หลงไป และไม่มีส่วนในความชั่วนั้น

2 ยอห์น 1: 12-13
ขอบคุณพระเจ้าที่ท่านยอห์นเขียนจดหมายนี้ เพราะเมื่อท่านพบกับพี่น้องและพูดกันต่อหน้าก็จะไม่มีบันทึกมาให้พวกเราอ่านจนทุกวันนี้
แต่การที่พวกเขาได้พบกัน ก็ทำให้พวกเขามีความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งในเวลานั้น จากคำของท่านทำให้เรารู้ว่า พี่น้องในคริสตจักรที่ท่านกำลังใช้เวลาอยู่ด้วยนั้น ฝากความคิดถึงมาด้วย (เหมือนคำว่าคริสตจักรแม่ คริสตจักรลูก ทำนองนั้น) E 20241130

สดุดี 39 ขอพระเจ้าทรงอภัยและเมตตา

ถึงหัวหน้านักร้อง ถึงเยดูธูน เพลงสดุดีของดาวิด

เจ็บปวดรวดร้าว และนิ่งเงียบ
1 ข้ากล่าวว่า “ข้าจะเฝ้าระวังทางของข้า
เพื่อจะไม่ทำผิดด้วยลิ้นของข้า
ข้าจะครอบปากของข้าไว้ขณะที่คนชั่วอยู่ต่อหน้าข้า
2 ข้าพูดไม่ออก และเงียบไป
ข้าหลีกเลี่ยงแม้กระทั่งสิ่งดี ๆ
ความทุกข์ใจของข้าก็เพิ่มขึ้น
3 ใจของข้าร้อนรุ่มอยู่ข้างใน
ขณะที่ข้าครุ่นคิด ไฟก็ลุกโหมขึ้น
ข้าจึงพูดขึ้นด้วยลิ้นว่า

เอ่ยคำแห่งปัญญา
4 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงให้ข้ารู้จุดจบของข้า
และจำนวนวันเวลาของชีวิตข้า
ให้ข้ารู้ว่าข้ามีชีวิตสั้นเพียงไร
5 จริง ๆ แล้ว พระองค์ทรงทำให้วันเวลาของข้าสั้นนัก
อายุของข้าเท่ากับศูนย์ต่อพระพักตร์พระองค์
ขอทรงให้ข้ารู้ว่า ชีวิตนั้นเปราะบางเพียงไร
6 ที่จริง มนุษย์ก็เดินทางชีวิตราวกับเงา
พวกเขาใช้ชีวิตวุ่นไปเหมือนลมหายใจ
สะสมทรัพย์สมบัติไว้โดยไม่รู้ว่า ใครจะรวบมันไป

วางใจพระเจ้าที่พระองค์ทรงลงวินัย
7 และบัดนี้ โอ้ องค์เจ้านาย ข้ารอคอยอะไรอยู่?
ความหวังของข้าอยู่ในพระองค์
8 ขอทรงช่วยข้าให้พ้นจากการล่วงละเมิดทั้งสิ้น
ขออย่าให้ข้ากลายเป็นขี้ปากของคนโง่
9 ข้าจำต้องเงียบ ไม่อาจเปิดปากพูดอะไรได้
เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ทำให้เป็นอย่างนี้
10 ขอทรงเอาความทรมานออกไปจากข้า
ข้าเกือบจะตายไปเพราะแรงจากพระหัตถ์ของพระองค์
11 พระองค์ทรงลงวินัยแก่มนุษย์ด้วยการลงโทษบาป
ทรงเผาผลาญสิ่งที่เขาเห็นว่างดงาม มีค่า มีค่าไปเสีย
ที่จริง มนุษย์ทุกคนเป็นเพียงลมหายใจ เซ ลาห์

อธิษฐานขอการรื้อฟื้นและกำลังใหม่
12 ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้า โอ พระยาห์เวห์
ขอทรงเปิดพระกรรณฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ขออย่าทรงเฉยต่อน้ำตาของข้า
เพราะข้าเป็นคนต่างถิ่น เป็นคนแปลกหน้าต่อพระองค์
เหมือนกับบรรพบุรุษทั้งหมด
13 ขอทรงหันพระพักตร์ไปจากข้า เพื่อข้าจะยิ้มได้อีก
ก่อนที่ข้าจะจากไป และไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป

พระคัมภีร์เชื่อมโยง

1* โยบ 2:10; สดุดี 34:13; ยากอบ 3:5-12

2* สดุดี 38:13

3*เยเรมีย์ 20:9

4* สดุดี 90:12; 119:84

5* สดุดี 62:9; ปัญญาจารย์ 6:12

6* ลูกา 12:20-21; ปัญญาจารย์ 2:26

7* สดุดี 38:15

8* สดุดี 44:13; 79:4; 119:22

9* สดุดี 39:2; 2 ซามูเอล 16:10; โยบ 2:10

10* โยบ 9:34; 13:21

11* โยบ 13:28; สดุดี 90:7; อิสยาห์ 50:9;

12* ปฐมกาล 47:9; เลวีนิติ 25:23; 1 พงศาวดาร 29:15; สดุดี 119:19

13* โยบ 7:19; 10:20,21; 14:6; สดุดี 102:24

เยดูธูน เป็นหนึ่งในนักดนตรีที่กษัตริย์ดาวิดแต่งตั้งให้นำที่ประชุมอิสราเอลนมัสการ

สดุดี 39:1-3 เจ็บปวดรวดร้าว และนิ่งเงียบ
สดุดีบทนี้จะกล่าวถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจาก การตีของพระเจ้า กษัตริย์ดาวิดกล่าวถึง แรงจากพระหัตถ์ของพระองค์ในข้อ 10 เมื่อเราอ่านสดุดีบทนี้ เราต้องเข้าใจว่า เป็นคำเขียนของคนที่กำลังทุกข์ใจอย่างหนักเพราะตนเองทำบาป และพระเจ้าทรงลงโทษอยู่
ข้อ 1-3 เป็นการบอกชัดว่าจะไม่พูดอะไร ดูเหมือนว่ามีคนที่เป็นศัตรูอยู่รอบข้างท่าน จะพูดอะไรออกไปมีแต่จะเสีย และในเมื่อใจของท่านทนต่อไปไม่ไหว ท่านจึงพูด ทูลต่อพระเจ้า

สดุดี 39:4-6 เอ่ยคำแห่งปัญญา
เมื่อคนเรามีความทุกข์ เจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ความคิดถึงความตายก็เด่นชัดขึ้นมา ​กษัตริย์ดาวิดเริ่มมองเห็นว่า เวลาของชีวิตเราสั้นมาก เปราะบาง ตายง่าย วุ่นวายกับการหาเงิน สะสมให้มากที่สุด และตายไปแล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนใช้ทรัพย์ที่เขาสะสมมา กษัตริย์ดาวิดขอให้ท่านรู้จุดจบ คนที่อยู่ใกล้พระเจ้าอย่างดาวิดมักไม่รู้สึกกลัวความตาย

สดุดี 39:7-11 วางใจพระเจ้าที่พระองค์ทรงลงวินัย
กษัตริย์ดาวิด กล่าวอย่างชัดเจนว่า ความหวังของท่านอยู่ในพระเจ้า บาปที่ท่านล่วงละเมิดต่อพระองค์ นั้น มีพระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยได้. ท่านรู้สึกเหมือนจะตายเมื่อพระเจ้าทรงลงโทษท่าน
ท่านมั่นใจว่า ที่เป็นอย่างนี้ ที่สถานการณ์ย่ำแย่ขนาดนี้ เป็นเพราะว่าพระเจ้าทรงลงวินัยท่าน ความทุกข์ครั้งนี้ไม่ได้มาจากศัตรู แต่มาจากองค์พระเจ้าโดยตรง เราเคยรู้สึกเหมือนกันอย่างนี้ใช่ไหม?

สดุดี 39:12-13 อธิษฐานขอการรื้อฟื้นและกำลังใหม่
คำอธิษฐานต่อไปนี้ เหมือนย้อนแย้งกันไปมา ขอพระเจ้าฟังคำอธิษฐาน แต่ก็บอกว่าข้าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพระองค์ การเป็นคนแปลกหน้าหมายเป็นสดุดีที่จบด้วยการขอให้พระเจ้าหันพระพักตร์ไป เพราะว่า หากพระองค์ยังทรงลงโทษอยู่ ก็คงไม่ไหวแน่นอน
เป็นสดุดีที่เศร้าจริง ๆ …. แต่ถึงกระนั้น กษัตริย์ยังหวังในพระเจ้าองค์เดียว ไม่หวังในอื่นใดเลย

สดุดี 38 ขอพระเจ้าทรงเมตตา สำนึกผิดแล้ว

Study of King David (adapted), Julia Margaret Cameron, 1866. Wikimedia

เพลงสดุดีของดาวิด เพื่อการระลึกถึง
ความเจ็บปวดที่ลงลึกมาก
1 โอ พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงติเตือนข้าด้วยพระพิโรธ
ขออย่าทรงลงวินัยข้าด้วยความกริ้ว
2 เพราะลูกศรของพระองค์จมลงไปในเนื้อของข้า
พระหัตถ์ก็กดทับข้าอย่างหนัก

ความผิดของข้าท่วมท้น
3 ไม่เหลือสุขภาพที่ปกติในร่างกายของข้า
เพราะความกริ้วของพระองค์
ไม่มีความแข็งแรงในกระดูกเพราะบาปของข้าเอง
4 เพราะความผิดของข้านั้นท่วมท้นตัว
เป็นภาระหนักที่หนักเกินจะแบกไหว
5 บาดแผลของข้าก็เน่าเหม็น
และเน่าเปื่อยไปเพราะความโง่เขลาของข้าเอง

ความเจ็บปวดและสับสนของข้า
6 ข้าเศร้าหมอง ค้อมหลังลง
ข้าคร่ำครวญอยู่ทั้งวัน
7 เอวของข้าเจ็บ ปวดแสบยิ่งนัก
ไม่มีส่วนใหนในร่างกายที่ยังคงสภาพดีเลย
8 ข้าอ่อนแรงเจ็บปวด แตกร้าวอย่างสาหัส
คร่ำครวญเพราะความกระวนกระวายในหัวใจ

ขออยู่ต่อพระพักตร์ในความทุกข์นี้
9 โอพระเจ้าข้า ข้าปรารถนาเพียงอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
เสียงถอนหายใจของข้าก็ไม่ได้ซ่อนจากพระองค์
10 ใจของข้าเต้นระส่ำ กำลังก็หายไป
ดวงตาของข้านั้น แทบมองอะไรไม่เห็น

ความเห็นของคนที่เคยรักและเพื่อน
11 คนที่ข้ารัก เและเพื่อนก็ยืนมองลงมา
ญาติพี่น้องก็ยืนอยู่ห่างไกลจากโรคภัยนี้
12 คนที่จ้องเอาชีวิต ก็เตรียมกับดักไว้ให้ข้า
คนที่พยายามทำให้ข้าเจ็บก็ขู่จะทำลาย
พวกเขาคิดแผนชั่วร้ายทั้งวี่ทั้งวัน
13 แต่ข้าไม่ได้ยิน ราวกับว่าเป็นคนหูหนวก
ข้าไม่เปิดปากพูด ราวกับว่าข้าเป็นคนใบ้
14 ข้าเป็นเหมือนคนที่ไม่อาจได้ยิน
และปากก็ไม่ตอบอะไร

ข้ายังหวังใจในพระเจ้าแม้อยู่ต่อหน้าศัตรู
15 โอ พระยาห์เวห์ ข้าหวังใจในพระองค์
พระองค์จะทรงตอบ โอ พระเจ้าของข้า
16 เพราะข้ากล่าวว่า “ขออย่าให้พวกเขายินดีเพราะข้า
เมื่อข้าลื่นล้ม คนเหล่านั้นก็จะทับถมข้าต่อไปอีก”
17 ข้ากำลังจะล้ม
และความเจ็บปวดก็อยู่กับข้าตลอดเวลา
18 ดังนั้นข้าจึงสารภาพบาปผิดของข้า
ข้าเป็นทุกข์นักเพราะบาปของข้า
19 แต่ศัตรูของข้าก็ตื่นตัวและมีกำลังมาก
คนเกลียดข้าโดยไม่มีเหตุก็เพิ่มขึ้น
20 พวกเขาเป็นคนที่ตอบความดีด้วยความชั่ว
พวกเขาโจมตีและพยายามเอาชีวิตข้า
เป็นเพราะข้าเดินตามทางที่ดี

โอพระเจ้าโปรดรีบมาช่วยข้า
21 ขออย่าทรงทอดทิ้งข้า โอ พระยาห์เวห์
ขออย่าทรงอยู่ห่างไกลข้า โอ พระเจ้าของข้า
22 ขอทรงรีบมาช่วยข้าด้วยเถิด
โอ องค์เจ้านาย พระผู้ช่วยให้รอดของข้า …

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 6:1; ฮีบรู 12:5-11

2*สดุดี 32:4; โยบ 6:4; สดุดี 64:7

3*สดุดี 6:2; 51:8; อิสยาห์ 1:5-6

4* สดุดี 40:12; เอสรา 9:6; 1 เปโตร 2:24

5* อิสยาห์ 1:5-6; เยเรมีย์ 8:22; สดุดี 69:5

6* สดุดี 35:14; 42:9; โยบ 30:28

7* สดุดี 102:3; กิจการ 12:23

8* สดุดี 32:3;
โยบ 3:24

9* สดุดี 102:5; 10:17

10* สดุดี 6:6-7; 88:9; 69:3

11* สดุดี 31:11; โยบ 19:13-17

12* สดุดี 35:20; 140:5

13* สดุดี 39:9; อิสยาห์ 53:7

14* มาระโก 15:3-5

15* สดุดี 17:6; 39:7; 138:3

16*สดุดี 94:18; 35:24-26

17* สดุดี 35:15;38:6; มีคาห์ 4:6-7

18* สดุดี 32:5; สุภาษิต 28:13

19*สดุดี 35:19; ยอห์ร 15:18-25

20* สดุดี 35:12; 1 ยอห์น 3:12; เยเรมีย์ 18:20

21* สดุดี 22:24; 22:19; 35:21-22

22* สดุดี 40:13; 27:1; อิสยาห์ 12:2

เป็นสดุดีบอกถึงการสำนึกผิด รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง กษัตริย์ดาวิดได้กลับมาหาพระเจ้า เพื่อขอพระเมตตาจากพระองค์

สดุดี 38: 1-2 ความเจ็บปวดที่ลงลึกมาก
กษัตริย์ดาวิดได้ทำผิดต่อพระเจ้า และท่านรับรสชาติของความเจ็บปวดที่ได้รับจากความไม่พอพระทัยของพระเจ้า แทนที่ท่านจะหนีห่างจากพระองค์ ท่านกลับเข้ามาทูลอ้อนวอนขอความกรุณา ทั้ง ๆ ที่ท่านรู้ว่าพระเจ้าทรงกริ้วแค่ไหนกับการที่ท่านทำบาป

สดุดี 38:3-4 ความผิดของข้าท่วมท้น
เราเห็นจากสิ่งที่เขียนลงมาว่า สุขภาพ ร่างกายของกษัตริย์ดาวิดนั้นทรุดโทรมลงไปมาก มีบาดแผลที่เน่า ท่านใช้คำว่า เน่าเหม็น เน่าเปื่อย แสดงว่า ตกอยู่ในสภาพที่ยับเยินจริง ๆ และก็ตกในสภาพนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ท่านมั่นใจจริง ๆ ว่า ที่เกิดเหตุเช่นนี้เป็นเพราะท่านได้ทำบาปต่อพระเจ้า ข้อสี่บอกว่าความผิดท่วมตัว เราเคยรู้สึกอย่างนี้ใช่ไหม ไม่ได้ต่างอะไรจากดาวิดเลย ตอนนี้ท่านเจ็บปวดมากทั้งใจและกาย

สดุดี 38:6-8 ความเจ็บปวดและสับสนของข้า
เรามาดูต่อไปว่า เกิดอะไรขึ้น ท่านเจ็บปวด ค้อมตัวลงเพื่อบรรเทาความเจ็บนั้น เจ็บทั้งร่างกายโดยเฉพาะที่เอวของท่าน คำว่าเอวนี้ ในความหมายของคนยิวคือ อารมณ์ ท่านกำลังปั่นป่วนในใจ กษัตริย์ดาวิดไม่ใช่แค่คร่ำครวญ ร้องครางเพราะเจ็บทางกาย ในข้อ 8 เราเห็นว่า ท่านเจ็บที่ใจมาก มีความกังวล ทุกข์ร้อนข้างในผสมไปกับร่างกายที่มีแต่บาดแผล และการลงวินัยจากพระเจ้า ( ข้อ 1)

สดุดี 38:9-10 ขออยู่ต่อพระพักตร์ในความทุกข์นี้
ในขณะที่เจ็บปวดสุดจะทน กษัตริย์ดาวิดได้ทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป จากคนอื่น ๆ ที่ไม่มีพระเจ้า แตกต่างไปจากคนที่ต้องช่วยตัวเองโดยไม่มีพระองค์
ท่านกล่าวว่า ข้าขอเพียงอยู่ต่อพระพักตร์ แม้จะมองแทบไม่เห็น แม้ไม่มีกำลัง ก็ขออยู่ต่อพระพักตร์ ให้คำอธิษฐานของท่านตอนนี้เป็นคำอธิษฐานของเราเมื่อเราพบความทุกข์ใจอย่างหนัก และหาทางออกไม่ได้

สดุดี 38:11-14 ความเห็นของคนที่เคยรักและเพื่อน
ในขณะที่ท่านขออยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า คนที่ท่านรัก เพื่อน ญาติ ก็อยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้ โรคนี้เป็นโรคอะไรที่ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้? มีความเห็นแตกต่างกันไป บางท่านให้ความเห็นว่าเป็นโรคเรื้อน หรือโรคผิวหนังที่ร้ายแรง บ้างก็ว่าเป็นโรคเกี่ยวกับไต เราไม่ทราบแน่ชัด แต่ในขณะที่พวกเขามองอยู่ห่าง ๆนั้นเอง ศัตรูก็คิดแผนชั่วที่จะทำร้าย แถมมาขู่ให้กลัว แต่กษัตริย์ดาวิดยามนี้ ท่านไม่สู้ แต่ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน และนิ่งเสีย ท่านกำลังรอคอยพระเจ้าอยู่

สดุดี 38:15-20. ข้ายังหวังใจในพระเจ้าแม้อยู่ต่อหน้าศัตรู
สิ่งที่เราเห็นในข้อ 15-20 นี้ คือ กษัตริย์ดาวิดขณะนี้ไม่ได้เป็นนักรบที่เก่งกล้า ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่ใคร ๆ ก็จะกลัว แต่ท่านกำลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ท่านกำลังจะล้ม มีแต่ความเจ็บปวด แต่ท่านมั่นใจอย่างหนึ่งคือ จะหวังใจในพระเจ้าไม่ว่าสถานการณ์จะมาในรูปไหน ดูว่าศัตรูจะเป็นต่อ อยู่เหนือมากเพียงใด ท่านยังคงยึดพระเจ้าไว้อย่างมั่นคง นี่เป็นตัวอย่างของชีวิตเรายามมืดจริง ๆ

สดุดี 38: 21-22 โอพระเจ้าโปรดรีบมาช่วยข้า
ดูสิว่า เมื่อคร่ำครวญจนพอแล้ว กษัตริย์ดาวิดก็หันกลับมาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า และท่านได้ร้องทูลอย่างที่น่าแปลกใจ ท่านกล่าวถึงพระเจ้าในพระลักษณะ ในพระนามแตกต่างกันไป
พระยาห์เวห์ หมายถึงองค์พระเจ้านิรันดร์ ผู้ทรงไม่ขึ้นกับใคร ทรงอยู่ด้วยพระองค์เอง
พระเจ้าของข้า หมายถึง พระเจ้าผู้เป็นเจ้าเหนือหัวของกษัตริย์ดาวิด
องค์เจ้านาย คือพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้านายที่เป็นผู้บัญชา และในขณะเดียวกันทรงเป็นผู้ดูแลผู้ที่อยู่ใต้อารักขาของพระองค์
พระผู้ช่วยให้รอด นั่นคือ กษัตริย์ดาวิดมั่นใจอย่างยิ่งว่า พระเจ้าของท่านองค์นี้จะทรงช่วยกู้ให้รอดจากเหตุการณ์ที่ต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกายใจตามที่ได้คร่ำครวญมา