ม้าเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่พระเจ้าทรงสร้างมาเพื่อเรา มาเรียนรู้จักม้ากันเถอะ
สดุดี 51 คำสารภาพจากส่วนลึกในใจ
ถึงหัวหน้านักร้อง
สดุดีของดาวิด เมื่อผู้เผยพระคำนาธานเข้ามาเฝ้าหลังจากที่พระองค์เข้าหาบัทชีบา
คำร้องขอพระเจ้าทรงยกโทษ
1 โอ พระเจ้าข้า ขอทรงเมตตาข้าตามความรักมั่นคงของพระองค์
ขอทรงลบการล่วงละเมิดของข้าออกไปตามพระเมตตาที่เหลือล้น
2 ขอทรงล้างข้าจากความผิดของข้า และชำระข้าจากบาปของข้า
เห็นแล้วว่าบาปคืออะไร
3เพราะข้ารู้ถึงการล่วงละเมิดแล้ว
และบาปของข้าก็อยู่ต่อหน้าข้าเสมอ
4 ข้าได้ทำบาปต่อ พระองค์ ต่อพระองค์เพียงผู้เดียว
และได้กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตร
ดังนั้น เมื่อทรงพิพากษาตัดสิน พระองค์จึงทรงเป็นฝ่ายถูก
และทรงเที่ยงธรรมเมื่อทรงพิพากษา
5 ดูเถิด ข้าเกิดมาในโลกในความผิดบาป
และแม่ได้ก่อกำเนิดข้าในความบาป
6 ดูเถิด พระองค์ทรงยินดีในความจริงที่อยู่ข้างใน
และทรงสอนปัญญาแก่ข้าในส่วนลึกของหัวใจ
ขอพระเจ้าทรงชำระใจ วิญญาณจิต
7 ขอพระองค์ทรงชำระข้าพระองค์ด้วยต้นหุสบ และข้าจะสะอาด
ขอทรงล้างข้า และข้าจะขาวยิ่งกว่าหิมะ
8 ขอให้ข้าได้ยินความชื่นชมและความยินดี
ให้กระดูกที่พระองค์ทรงหักแล้วนั้น ได้ชื่นใจอีกครั้ง
9 ขอพระเจ้าทรงซ่อนพระพักตร์จากความบาปทั้งหลายของข้า
และขอทรงลบความผิดพลั้งทั้งสิ้นของข้าด้วย
ตั้งใจใหม่ว่าจะอยู่ในความบริสุทธิ์
10 ขอทรงสร้างใจสะอาดให้แก่ข้า
โอ พระเจ้า และขอทรงรื้อฟื้นจิตวิญญาณที่ถูกต้องภายในข้า
11 ขออย่าทรงโยนข้าออกไปจากพระพักตร์ของพระองค์
และขออย่าทรงนำพระวิญญาณออกไปจากข้า
12 ขอทรงรื้อฟืนความยินดีในความรอดของพระองค์ให้ข้าใหม่
และขอทรงโอบอุ้มข้าไว้ด้วยพระวิญญาณที่เต็มด้วยเมตตา
คำปฏิญาณใหม่ต่อพระเจ้า
13 แล้วข้าจะสอนคนล่วงละเมิดให้รู้จักทางของพระองค์
และคนบาปจะกลับมาหาพระองค์
14 ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากความผิดถึงเลือดตก
โอพระเจ้า โอพระเจ้าแห่งความรอดของข้า
และลิ้นของข้าจะร้องเพลงเสียงดังถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์
15 โอ องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเปิดริมฝีปาก
และปากของข้าจะประกาศการสรรเสริญพระองค์
16 เพราะว่าพระองค์มิได้ทรงยินดีในเครื่องบูชา
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะถวายเครื่องบูชา
พระองค์ไม่ทรงยินดีในเครื่องเผาบูชา
17 เครื่องบูชาแด่พระเจ้าคือ จิตใจที่แตกสลาย
จิตใจที่แตกสลายและแตกหักแล้ว พระเจ้าไม่ทรงดูหมิ่น
ดาวิดถวายพระพรแด่พระเจ้า
18 ขอพระองค์ทรงดีต่อศิโยน ด้วยความชื่นชมของพระองค์
ขอทรงสร้างกำแพงเยรูซาเล็ม
19 แล้วพระองค์จะทรงยินดีในเครื่องบูชาที่ถูกต้อง
ในเครื่องเผาบูชา และเครื่องเผาบูชาที่ครบถ้วน
แล้วจะมีการถวายวัวบนแท่นของพระองค์
พระคำเชื่อมโยง
1*2 ซามูเอล 12:1; สดุดี 4:1; 106:45; โคโลสี 2:14
2*ข้อ 7; อิสยาห์ 1:16 ;ฮีบรู 9:14
3* สดุดี 32:5
4* ปฐมกาล 20:6; 39:9; 2 ซามูเอล 12:13; โรม 3:4
5* โรม 5:12; 19; เอเฟซัส 2:3
6* โยบ 38:36
7* อพยพ 12:22; เลวีนิติ 14:4; ฮีบรู 9:19
8* สดุดี 35:10; 44:19; อิสยาห์ 38:13
9* เยเรมีย์ 16:17
10* 1 ซามูเอล 10:9; เยเรมีย์ 24:7; สดุดี 24:4; เพลงคร่ำครวญ 5:21
11* สดุดี 102:10; เยเรมีย์ 7:15; โรม 8:9; เอเฟซัส 4:30
12* อิสยาห์ 41:10; 61:10
13* ลูกา 22:32
14* 2 ซามูเอล 11:17; 12:9; สดุดี 24:5 35:28
15* สดุดี 63:3-5; ฮีบรู 13:15
16* สดุดี 40:6
17* สดุดี 34:18
18* สดุดี 69:35; 122:6; 147:2
19* สดุดี 4:5; มาลาคี 3:3; ฉธบ. 33:10
สดุดีบทนี้ เป็นภาพของการสารภาพบาปที่ชัดเจนที่สุดในพระคัมภีร์ หนึ่งปีผ่านไปหลังจากที่ดาวิดได้ทำบาปต่อครอบครัวของอุรีอาห์ ทั้งเอาภรรยาของเขามาเป็นของตน และทั้งสั่งให้อุรีอาห์ออกรบเป็นทัพหน้า จนต้องเสียชีวิต พระเจ้าทรงส่งผู้เผยพระคำนาธานเข้ามาเผชิญหน้ากับดาวิด ทูลให้ท่านทราบว่า ท่านทำผิดอย่างไร และเมื่อดาวิดรู้ตัว ท่านก็สารภาพบาปต่อพระเจ้าอย่างด่วนด้วยความรู้สึกที่แตกร้าวจริง ๆ เสียใจจริง ๆ ที่ได้ทำผิดต่อพระองค์ ท่านทูลขอการอภัยและพระเมตตาจากพระเจ้า
สดุดี 51:1-2 คำร้องขอพระเจ้าทรงยกโทษ
การขอให้พระเจ้าทรงอภัยความผิด ไม่ได้ขอเพราะดาวิดได้กลับใจเป็นคนดีแล้ว แต่ขอเพราะพระเจ้าทรงเมตตามากล้น เพราะว่าพระองค์ทรงรักมั่นคงแม้กับคนที่ทำผิด
สดุดี 51:3-6 เห็นแล้วว่าบาปคืออะไร
ดาวิดรู้ตัวว่าผิด มีบาปค้างคาอยู่ต่อหน้า รู้ว่าทำผิดชั่วร้ายไม่ใช่แค่ต่อบัทเชบา ครอบครัวของเธอ ต่อชาติอิสราเอล แต่ต่อพระเจ้าโดยตรงด้วย จิตสำนึกของท่านฟ้องว่าท่านทำบาปจริง ๆ และรู้ว่าสิ่งที่ทำคือความชั่วร้าย โหดเหี้ยม ท่านไม่หลบเลี่ยง ไม่แก้ตัว ไม่หาข้อโต้แย้ง ไม่โทษว่าเป็นความผิดของใคร แต่ยอมรับความผิดนั้นโดยตรง
ดาวิดรู้ตัวว่าเป็นคนบาปมาตั้งแต่แรก นั่นหมายความว่า ท่านรู้อยู่ว่าใจของท่านนั้น คดโกง เลวร้าย เลวมาก่อนที่จะทำบาปเสียอีก ดาวิดรู้ว่า สิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยคือความจริงข้างในใจ ท่านสำนึกแล้วว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านได้ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อท่านกล่าวว่าพระเจ้าทรงสอนปัญญาให้นั่นคือ เมื่อเรามีปัญญา เราจะเปิดเผย ตรงไปตรงมากับชีวิตการกระทำ ไม่แอบซ่อนความบาปไว้
สดุดี 51:7-9 ขอพระเจ้าทรงชำระใจ วิญญาณจิต
เมื่อสารภาพบาปแล้ว ท่านทูลการชำระจากพระเจ้า ขอให้ใจ ชีวิต สะอาด รับการรื้อฟื้นใหม่
เมื่อท่านกล่าวถึงต้นหุสบ ท่านกำลังเปรียบตัวเองกับคนที่เป็นโรคเรื้อน ต้องการให้ชำระด้วยต้นหุสบที่ชุ่มด้วยเลือดสัตว์ และนำมาสลัดใส่ เพื่อการชำระ (เลวีนิติ 14:6)
ท่านเป็นคนโรคเรื้อนในจิตวิญญาณต้องการให้พระเจ้าชำระ เราทุกคนก็ต้องการพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ที่ได้หลั่งบนไม้กางเขน เข้ามาชำระชีวิตเช่นกัน แล้วจิตวิญญาณจะสะอาดเอี่ยมราวกับหิมะ
เมื่อมีการทำบาปในชีวิต คน ๆ หนึ่งจะเจ็บปวดอยู่ข้างใน เป็นคนป่วยฝ่ายวิญญาณ กระดูกก็อ่อนล้า แต่เมื่อพระเจ้าทรงอภัย ความเจ็บในวิญญาณในจิตใจก็ได้รับการบำบัดรักษา ในข้อเก้า มีความหมายว่า ขอพระเจ้าทรงอภัยและอย่ามองความผิดทั้งหมดนั้นอีกต่อไป ท่านไม่ขอแค่ยกบาปแต่ขอพระเจ้าทรงลบบาปนั้นออกไปไม่ให้เหลือ ไม่ให้เห็นซากเลย
สดุดี 51:10-12 ตั้งใจใหม่ว่าจะอยู่ในความบริสุทธิ์
บาปถูกลบไปแล้ว ไม่เห็นบาปในใจแล้ว ก็ไม่ให้หยุดแค่นี้ แต่เราทุกคนต้องการเหมือนดาวิด คือ ใจสะอาดเอี่ยมที่พระเจ้าทรงสร้างให้ ใหม่
ดาวิดเป็นคนที่มองเห็นภาพของการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณที่ชัดเจน เมื่อสู้ชนะแล้วก็ต้องสร้างสิ่งใหม่ที่ดีขึ้น ท่านขอพระเจ้าให้สร้างใหม่ และรื้อฟื้นวิญญาณที่บริสุทธิ์ถูกต้อง มาแทนที่สิ่งเดิมที่หายไป คิดว่าตรงนี้สำคัญมากสำหรับเราทุกคน เมื่อพระเจ้าทรงยกโทษให้แล้ว เราก็ต้องมีพระคำของพระเจ้ามาแทนที่ความบาปเหล่านั้นในใจของเรา
ข้อ 11 ดาวิดทูลขออย่าให้มีการแยกระหว่างท่านกับพระเจ้า ขอพระเจ้าอย่าทรงนำพระวิญญาณของพระองค์ออกไปจากชีวิต เพราะสิ่งนี้น่ากลัวยิ่งนัก
ท่านได้ขอพระเจ้าคืนความมั่นใจในความรอด ตอนนี้ดาวิดรู้สึกชัดเจนแล้วว่า พระเจ้าทรงยกโทษให้ท่าน บาปของท่านจะไม่ส่งผลต่อความรอดแล้ว เพราะพระเจ้าทรงนำออกไปแล้ว ขอพระวิญญาณของพระเจ้าโอบอุ้มท่านไว้ และพระวิญญาณทรงอยู่ที่ไหน เราจะมีเสรีภาพจากบาปจริง ๆ 2 โครินธ์ 3:17
คำปฏิญาณใหม่ต่อพระเจ้า
บัดนี้ ดาวิดได้รับการรื้อฟื้นจากพระเจ้า ท่านมั่นใจว่าพระเจ้าทรงเปลี่ยนใจของท่าน และพระเจ้าก็ทรงทำเช่นนั้น ทำให้ดาวิดเองปฏิญาณตนต่อพระเจ้าว่า ท่านจะสอนคนที่ตกในความบาปอย่างท่านให้รู้จักและกลับมาหาพระเจ้าอีก ท่านจะร้องเพลง ประกาศ สรรเสริญพระเจ้าต่อหน้าคนทั้งปวง
ท่านมั่นใจว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ คือ การสำนึกผิดจริง กลับใจจริง ก้าวต่อไปใหม่จริง
ใจสลายจริง นั่นเป็นสิ่งที่ควรถวายแด่พระเจ้า ไม่ใช่ถวายเครื่องบูชาโชว์คน .. เราเห็นเยอะ คนของพระเจ้าที่ทำตัวว่ากลับใจต่อหน้าสาธารณะชน แต่เบื้องหลังของพวกเขาก็คือ ยังตกอยู่ในบาปอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ดาวิดถวายพระพรแด่พระเจ้า
ดาวิดเป็นกษัตริย์ ท่านกลับหันไปขอพระเจ้าทรงสร้างกำแพงเยรูซาเล็ม ในใจลึก ๆ ของท่าน รู้ว่า เมื่อผู้นำทำผิดนั้น กำแพงเมืองก็อ่อนแอ ขาดการปกป้องของพระเจ้า ท่านพร้อมแล้วที่จะสอนประชาชนให้กลับมาด้วยใจสำนึกผิด ท่านพร้อมแล้วที่จะกลับมาปกครองอย่างเที่ยงธรรม ไม่หลบซ่อนบาปไว้เหมือนเดิม
สุดท้าย ดาวิดได้พร้อมที่จะถวายเครื่องบูชาที่ถูกต้อง …พระเยซูตรัสว่า ผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องคือ นมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและความจริง พวกเขาเป็นคนที่พระเจ้าทรงตามหา (ยอห์น 4:23-24) หัวใจต้องถูกต้องก่อนที่จะมีการถวายเครื่องบูชา…
สดุดี 50 พระเจ้าเอง..ทรงพิพากษา
สดุดีของอาสาฟ
องค์ผู้ทรงฤทธิ์เสด็จมาพิพากษาคนของพระองค์
1 โอ องค์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้า องค์พระยาห์เวห์
พระองค์ตรัสและทรงเรียกแผ่นดินโลก
จากที่ ๆ อาทิตย์ขึ้น จนถึงที่ ๆ อาทิตย์ตก
2 พระเจ้าทรงส่องแสงออกมาจากศิโยน
เป็นความงามที่สมบูรณ์แบบ
3 พระเจ้าของเราเสด็จมา พระองค์ไม่ทรงนิ่งเงียบ
ข้างหน้าคือ ไฟที่เผาผลาญ รอบ ๆ พระองค์คือพายุกล้า
4 พระองค์ทรงเรียกสวรรค์เบื้องบน และแผ่นดินโลก
เพื่อว่าจะทรงพิพากษาคนของพระองค์
5 จงรวบรวมคนที่ซื่อตรง
คนที่ทำสัญญากับเราด้วยเครื่องบูชา
6 ฟ้าสวรรค์ประกาศความเที่ยงธรรมของพระเจ้า
เพราะพระองค์เองทรงเป็นผู้พิพากษา เซ ลาห์
คำตรัสก่อนพิพากษา เครื่องบูชาไม่ใช่สิ่งที่ทรงต้องการ
7 ประชากรของเรา จงฟัง และเราจะตรัสกับเจ้า
โอ้ อิสราเอล เราจะเป็นพยานสู้กับเจ้า
เราคือพระเจ้า พระเจ้าของเจ้า
8 เรามิได้ตำหนิเจ้าในเรื่องเครื่องบูชา
เครื่องเผาบูชานั้นมีอยู่ต่อหน้าเราเสมอ
9 เราจะไม่รับวัวหนุ่มจากบ้านของเจ้า
ไม่รับแพะจากคอกของเจ้า
10 เพราะสัตว์ป่าทุกตัวในป่าเป็นของเรา
และฝูงวัวควายบนเนินเขานับพันลูกก็เป็นของเรา
11เรารู้จักนกบนภูเขาทุกตัว
และทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในท้องนาเป็นของเรา
12 หากเราหิว เราจะไม่บอกเจ้า
เพราะทั้งโลกและทุกสิ่งในนั้นเป็นของเรา
13 เรากินเนื้อวัวหรือ? หรือว่าเราดื่มเลือดแพะ?
สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์จากการนมัสการ
14 จงถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณแด่พระเจ้า
และทำตามคำปฏิญาณต่อองค์ผู้สูงสุด
15 และจงร้องหาเราในวันแห่งความลำบาก
เราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายเกียรติเรา
พระเจ้าทรงตำหนิคนชั่ว
16 แต่พระเจ้าตรัสกับคนที่ชั่วร้ายว่า
“เจ้ามีสิทธิอะไรที่จะท่องกฎบัญญัติของเรา
หรือกล่าวพันธสัญญาของเราออกมา?
17 เพราะเจ้าเกลียดวินัย
และเจ้าเขวี้ยงคำของเราทิ้งไว้เบื้องหลัง
18 เมื่อเจ้าเห็นโจร เจ้าก็ยินดีไปกับเขา
และเจ้าเป็นพวกกับคนที่ล่วงประเวณี
19 เจ้าปล่อยให้ปากของเจ้าพูดชั่วอย่างอิสระ
และลิ้นของเจ้ามีแต่คำหลอกลวง
20 เจ้านั่งลงและกล่าวคำต่อต้านพี่น้องของเจ้า
เจ้าใส่ร้ายลูกชายของแม่เจ้าเอง
คำพิพากษาของพระเจ้า
21 เจ้าทำสิ่งเหล่านี้ และเราก็นิ่งเงียบ
เจ้าก็เลยคิดว่าเราเป็นเหมือนเจ้า
แต่บัดนี้เราขอตำหนิและวางคดีของเจ้าตรงหน้า
22 “เจ้าคนที่ลืมพระเจ้า จงรู้เอาไว้
มิฉะนั้นเราจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ และไม่มีใครที่จะช่วยเจ้าได้!
คำสัญญาต่อคนที่ขอบพระคุณ และจัดชีวิตถูกต้อง
23 คนที่ถวายคำขอบพระคุณเป็นเครื่องบูชาก็ให้เกียรติเรา
เราจะสำแดงความรอดของพระเจ้า
ให้กับคนที่จัดทางของเขาอย่างถูกต้อง
พระคำเชื่อมโยง
1*โยชูวา 22:22; สดุดี 113:3
2*เพลงคร่ำครวญ 2:15; สดุดี 48:2; 80:1; 94:1
3* อพยพ 19:16; สดุดี 21:9; 97:3; ดาเนียล 7:10
4*ฉธบ. 4:26; 31:28; 32:1; อิสยาห์ 1:2
5* อพยพ 24:7; ปฐมกาล 15:9-18
6* สดุดี 89:5; 97:6; วิวรณ์ 16:5
7* สดุดี 81:8; 49:1
8* สดุดี 40:6
9*มีคาห์ 6:6-8; ฮีบรู 10:4-6
10* โยนาห์ 4:11; เยเรมีย์ 27:5-6
11*มัทธิว 10:29
12* สดุดี 24:1
14* สดุดี 50:23; 27:6; 69:30
15*สดุดี 81:7; 107:6; เศคาริยาห์ 13:9
16* อิสยาห์ 29:13; 1:11-15; สดุดี 78:36-38
17*โรม 2:21-22; 1 พงศ์กษัตริย์ 14:9; เนหะมีย์ 9:26
18* โรม 1:32; 1 ทิโมธี 5:22
19* สดุดี 52:2
20*มัทธิว 10:21; เลวีนิติ 19:16
21*ปัญญาจารย์ 8:11; อิสยาห์ 57:11
22*สดุดี 9:17; 7:2
23* สดุดี 50:14-15; 91:16; กาลาเทีย 6:16
อาสาฟผู้เขียน เป็นนักร้องนักดนตรีในสมัยของกษัตริย์ดาวิดและโซโลมอน (1 พงศาวดาร 15:17-19)
สดุดี 50:1-6 องค์ผู้ทรงฤทธิ์เสด็จมาพิพากษาคนของพระองค์
ผู้เขียนได้เรียกพระนามของพระเจ้า ถึงสามพระนาม คือ องค์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้า และพระยาห์เวห์ สื่อให้เรารู้ว่า พระเจ้านั้นทรงฤทธิ์ ทรงดำรงนิรันดร์ ทรงเป็นพระเจ้าเหนือจักรวาลนี้ และจากศิโยน พระองค์ทรงเรียกคนของพระองค์ ทุกคนในโลก เพื่อจะพิพากษาพวกเขา ทุกคนในโลกต้องรับการพิพากษาจากพระเจ้า และคนของพระองค์นั้น เป็นพวกแรกที่พระเจ้าทรงเรียกมา
พายุกล้า ไฟป่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่พระเจ้าทรงน่ากลัวกว่านั้น เพราะเมื่อเสด็จมา ทั้งสองอย่างนี้มาพร้อมกับพระองค์
สดุดี 50:7-13 คำตรัสก่อนพิพากษา เครื่องบูชาไม่ใช่สิ่งที่ทรงต้องการ
พระเจ้ากำลังบอกคนของพระองค์ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ไม่ใช่เครื่องบูชา พิธีกรรม ทรงยืนยันว่าทุกอย่างที่มนุษย์พยายามถวายพระองค์นั้น เป็นของพระองค์อยู่ก่อนแล้ว
คนส่วนใหญ่เวลาถวายเครื่องบูชาเสร็จ ขอให้พระเจ้ายกโทษเสร็จก็รู้สึกจบ สบายใจ แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
สดุดี 50:14-15 สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์จากการนมัสการ
ในโลกที่เต็มด้วยความทุกข์ยากและปัญหา ไม่ว่าจะเกิดจากอะไร พระเจ้าทรงประสงค์ให้คนของพระองค์ เรียกร้องหาพระองค์
ขอให้พระองค์ทรงช่วยกู้ แน่นอนที่มีหลายอย่างในชีวิตที่พระเจ้าทรงให้เรามีสติปัญญาทำเองได้ แต่ในทุกเรื่องพระองค์
ทรงพอพระทัยที่จะช่วยกู้เสมอ และมนุษย์จะมีใจกตัญญูถวายพระเกียรติแด่พระองค์
พระเจ้าทรงตำหนิคนชั่วและคำพิพากษาของพระเจ้า
สิ่งที่พระเจ้าตรัสในข้อ 16-22 ไม่ได้พูดถึงคนอื่น แต่ถึงคนที่บอกว่าตัวเองเชื่อพระเจ้า แต่กลับปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามที่บรรยายไว้ ดังนั้น คนที่คิดว่า ตนเองเชื่อพระเจ้า และทำอะไรก็ได้ยังไงก็รอดตัวต้องเข้าใจใหม่ เพราะพระเจ้าทรงแจ้งให้ชัดเจนว่า อะไรเป็นอะไร ทางของคนแบบไหนจะเจออะไร
คำสัญญาต่อคนที่ขอบพระคุณ และจัดชีวิตถูกต้อง
ผู้เขียนได้ย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของการขอบพระคุณ ทุกวันเราได้ขอบพระคุณพระเจ้า ถวายพระเกียรติพระองค์ไหม
พระสัญญาที่ทรงสัญญาไว้ตรงนี้ สำคัญนัก เรามีส่วนที่จะทำให้ตนเองได้รับตามพระสัญญาด้วย…
สดุดี 49 ชีวิตและความตายของมนุษย์
ถึงหัวหน้านักร้อง สดุดีของลูกหลานโคราห์
ผู้เขียนเรียกผู้คนให้มาฟังปัญญา
1 จงฟัง ชนชาติต่าง ๆ
จงเอียงหูเข้ามา เหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในโลก
2 ทั้งคนต่ำต้อย และคนที่เป็นใหญ่.
ทั้งคนรวยและคนยากจนให้ฟังไปพร้อม ๆ กัน
3 ปากของข้าจะกล่าวสติปัญญา
คำตรึกตรองของใจข้าคือความเข้าใจ
4 ข้าจะคอยเอียงหูฟังสุภาษิต
ข้าจะไขปริศนาด้วยท่วงทำนองของพิณ
ค่าไถ่ชีวิต ราคาเท่าไร?
5 เหตุใดข้าจึงจะต้องกลัวในเวลายากลำบาก
เมื่อความบาปของคนที่โกงข้านั้น อยู่ล้อมรอบข้า
6 คนที่วางใจในความมั่งคั่ง
และโอ้อวดถึงความร่ำรวยที่ล้นเหลือ
7 ความจริงคือ ไม่มีใครสามารถไถ่ชีวิตใครได้
หรือถวายค่าของชีวิตเขาแด่พระเจ้า
8 เพราะค่าไถ่ของชีวิตเขานั้นสูงมาก
และไม่สามารถจ่ายได้เลย …
9 เพื่อที่จะให้เขามีชีวิตอยู่ตลอดไป
และไม่ต้องเจอกับหลุมศพ
ทรัพย์สินกำจัดความตายไม่ได้
10 เพราะเขาเห็นว่า แม้คนมีปัญญาก็ตาย
ทั้งคนโง่ และคนเขลาต่างก็สิ้นไป
และทิ้งทรัพย์สมบัติให้แก่ผู้อื่น
11 ความคิดในใจ (หลุมศพ)เป็นบ้านของเขาตลอดไป
เป็นที่อาศัยจนหลายชั่วอายุคน
ถึงแม้เขาเรียกแผ่นดินนั้น เป็นชื่อของเขาเอง
12 มนุษย์ในความภูมิฐานของเขาก็ยังไม่คงอยู่
เขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ต้องพินาศไป
จะไปไหนดี?
13 นี่เป็นทางของคนที่มีความมั่นใจแบบโง่ ๆ
เป็นจุดจบของคนที่หลงในความร่ำรวยของตนเอง
เซ ลาห์
14 พวกเขาถูกกำหนดให้ลงไปในแดนคนตายเหมือนกับแกะ
ผู้เลี้ยงของพวกเขาคือความตาย
และคนที่เที่ยงธรรมจะปกครองเหนือเขาในเวลาเช้า
ร่างของเขาจะถูกผลาญในแดนคนตาย ไม่มีที่ ๆจะอาศัย
15 แต่พระเจ้าทรงไถ่ชีวิตของข้าจากอำนาจแดนคนตาย
เพราะพระองค์จะทรงรับข้าไว้ เซลาห์
คำเตือนคนมั่งคั่งให้คิดได้ก่อนสายไป
16 อย่ากลัวเมื่อคนหนึ่งมั่งคั่งขึ้นมา
เมื่อบ้านของเขาใหญ่โตหรูหราขึ้นมา
17 เพราะเมื่อเขาตาย เขาจะไม่ได้เอาอะไรไปด้วย
ความโอ่อ่าของเขาจะไม่ตามเขาลงไป
18 เพราะถึงแม้ว่าเขาคิดว่า ตัวเองได้รับพรตอนที่มีชีวิตอยู่
และได้รับคำยกย่องเมื่อทำสิ่งดีเพื่อตัวเอง
19 วิญญาณของเขาจะเข้าไปรวมกับบรรพบุรุษ
ซึ่งไม่มีใครจะได้เห็นแสงสว่างอีกเลย
20 มนุษย์ในความภูมิฐานของเขาแต่ไม่มีความเข้าใจ
ก็เป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ต้องพินาศไป
พระคำเชื่อมโยง
1* สดุดี 78:1; วิวรณ์ 2:17; 2:7
2* ยากอบ 2:1-7; 1:9-11; วิวรณ์ 6:15-17
3* มัทธิว 12:35; สุภาษิต 22:20-21
4*สดุดี 78:2 ; มัทธิว 13:35; สุภาษิต 1:6
5*โรม 8:33-34; กิจการ 27:24; อาโมส 5:13
6* 1 ทิโมธี 6:17; เยเรมีย์ 9:23; สดุดี 52:7
7*มัทธิว 16:26; 20:28; 1 เปโตร 1:18
8* มัทธิว 16:26; โยบ 36:18-19
9* สดุดี 89:48; 16:10; กิจการ 13:35-37
10* ลูกา 12:20; สดุดี 39:6; ฮีบรู 9:27
11*ปฐมกาล 4:17; สดุดี 64:6; 5:9
12* ปัญญาจารย์ 3:18-21; สดุดี 49:20; 39:5
13* ลูกา 12:20; 16:27-28; 1 โครินธิ์. 3:19
14*มาลาคี 4:3; 1 โครินธ์ 6:2
15* โฮเชยา 13:14; สดุดี 73:24; 56:13
16* สดุดี 37:7; 49:5
17* 1 ทิโมธี 6:7; ลูกา 16:24
18*เฉลยธรรมบัญญัติ 29:19; ลูกา 12:19
19* โยบ 33:30
20* ปัญญาจารย์ 3:19
สดุดี 49:1-2 ผู้เขียนเรียกผู้คนให้มาฟังปัญญา
ผู้เขียนได้เชิญชวนทุกคนให้เข้ามาฟังท่านกล่าวคำแห่งปัญญา ซึ่งเนื้อหาของสดุดีบทนี้เตือนสติให้ทุกคนรู้ว่า เป็นมนุษย์ก็จะต้องตาย ท่านเตือนคนที่มั่งคั่งโดยตรง และไม่ได้พูดถึงอิสราเอลโดยเฉพาะแต่กำลังพูดกับคนทั่ว ๆ ไป เป็นสดุดีที่จะมอบปัญญาและความเข้าใจให้กับผู้ที่อ่านและฟัง แปลกที่ท่านตั้งใจจะไขปริศนาด้วยเสียงเพลง
สดุดี 49:5-9 ค่าไถ่ชีวิต ราคาเท่าไร?
ผู้เขียนกล่าวชัดเจนว่า ท่านไม่เหมือนคนที่วางใจเงินทอง เพราะท่านไม่ต้องกลัว และท่านไม่ต้องกลัวความตายด้วย คนรวยที่ท่านพูดถึงเป็นคนที่โอ้อวดความรวยของตน เชื่อมั่นว่าเงินจะตอบปัญหาทุกอย่างให้ ในขณะเดียวกันท่านก็เตือนให้รู้ว่า ไม่มีใครสามารถยื้อชีวิตตนเองให้อยู่ตลอดไปในโลกนี้ได้ ที่จริงคนที่รวยมาก ๆ ส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นชีวิตฝ่ายวิญญาณ เห็นแต่ชีวิตที่มีเงินใช้ไม่หมด
สดุดี 49:10-12 ทรัพย์สินกำจัดความตายไม่ได้
เวลาคนรวยจากไป เขาทิ้งทรัพย์สินของเขาให้คนอื่นจริง ๆ เขาไม่อาจเอาทรัพย์เหล่านั้นไปด้วยได้ ทั้ง ๆ ที่มหาเศรษฐีหลายคนรู้เรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่อาจเอาชนะความรู้สึกที่ต้องมีมาก ๆ ได้ มันเหมือนการเสพติดที่ต้องมี ต้องมี ผู้เขียนได้เปรียบเทียบว่า คนที่มั่งคั่งและไว้ใจในเงินทองก็ตายเหมือนกับสัตว์ป่าตัวหนึ่ง ซึ่งมนุษย์ไม่ควรที่จะต้องเป็นแบบนั้น เพราะมนุษย์เกิดมาคิดเป็น แต่กลับกลายเป็นคิดไม่ได้เพราะเงินเท่านั้น
สดุดี 49:13-15 จะไปไหนดี?
สองทางเลือก….จะไปอยู่ในแดนคนตาย หรือ ยังมีทางเลือกอีกทางคือ ขอพระเจ้าทรงไถ่ชีวิตจากอำนาจแดนคนตาย มีสองทางเท่านั้นสำหรับชีวิตมนุษย์ ขอบคุณพระเจ้าที่เรายังมีทางเลือก ผู้เขียนบอกเราว่า คนที่เที่ยงธรรม คือคนที่ไม่ได้วางใจในเงินทอง แต่วางใจในพระเจ้าจะมีปลายทางที่แตกต่างออกไป
ความเที่ยงธรรมที่เราจะได้รับจากพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่จะช่วยให้เราหลุดจากอำนาจแดนคนตายได้
สดุดี 49:16-20 คำเตือนคนมั่งคั่งให้คิดได้ก่อนสายไป
แปลกที่ผู้เขียนกล่าวว่าอย่ากลัวเมื่อคน ๆ หนึ่งร่ำรวยขึ้นมา ทุกวันนี้เราจะเห็นข่าวว่า คนนั้น คนนี้ เป็นชายที่รวยสุดในโลก เป็นสตรีร่ำรวยที่สุด ดูสิ คนนั้นรวยเป็นล้านชั่วข้ามคืน อย่าไปกังวลกับเรื่องเหล่านั้น เพราะว่าถ้าพวกเขารวย แต่ไร้พระเจ้า ทุกอย่างก็จะจบอย่างข้อที่ยี่สิบ จบข่าว….