กาลาเทีย 1 ข่าวประเสริฐแท้

ทักทายพี่น้อง

เปาโล อัครทูตที่ไม่ใช่มาจากมนุษย์หรือโดยมนุษย์แต่งตั้ง แต่โดยพระเยซูคริสต์และพระเจ้าพระบิดาผู้ทรงให้พระองค์คืนชีพจากความตาย และพี่น้องที่อยู่กับข้า มายังคริสตจักรกาลาเทีย
กาลาเทีย 1:1-2

กาลาเทีย 1:11-12; 1 โครินธ์ 1:1; กิจการ 9:15-16;โรม 1:1

ท่านเปาโลเป็นห่วงคริสตจักรในกาลาเทียเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า มีคนสอนผิดไม่พอยังพยายามให้คนเลิกฟังข่าวประเสริฐที่ท่านประกาศไปก่อนหน้าไม่นานนัก คนเหล่านั้นพยายามให้พี่น้องที่เชื่อใหม่ทำตามบัญญัติเรื่องต่าง ๆ โดยบอกว่าการประพฤติตามบัญญัติจะทำให้รอด ท่านเปาโลได้ไปแถบกาลาเทียซึ่งอยู่ในเอเชียน้อยสองครั้ง (กิจการ16:6, 18:23) และท่านได้กล่าวชัดว่าท่านเป็นอัครทูตที่พระเยซูและพระบิดาทรงแต่งตั้ง

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์เจ้าของเรามายังท่าน
พระเยซูประทานพระองค์เอง เพื่อบาปของเรา เพื่อกู้เราให้พ้นจากยุคที่ชั่วร้ายนี้ ตามพระประสงค์ของพระเจ้าพระบิดาของเรา ขอถวายพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน
กาลาเทีย  1:3-5

มัทธิว 20:28; กาลาเทีย 2:20;
โรม 11:36; ยูดา 1:25

คำอธิษฐานของท่านเปาโลเพื่อพี่น้องคือ ให้พวกเขามีพระคุณและสันติสุขของพระเจ้าเต็มล้นในชีวิต
ในสามข้อสั้น ๆ ท่านได้ทำให้เราเข้าใจได้ว่า พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะช่วยกู้เราจากโลกที่ชั่วร้าย.
มีคนถามว่าทำไมพระเจ้าปล่อยให้มีความตายหรือให้มีความทุกข์ยาก
เป็นคำถามที่ต้องย้อนกลับไปดูตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลก ทรงประสงค์โลกที่สวยงาม เต็มด้วยความดีงามบรรพบุรุษคู่แรกของเราได้ทำบาป ความตายและความทุกข์ยากเข็ญความชั่วร้ายจึงเต็มโลกจนพระเจ้าทรงเสียพระทัยยิ่งนัก ปฐมกาล 6:5-6

ไม่มีข่าวประเสริฐอื่นใด

ข้าประหลาดใจที่ท่านละทิ้งพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านด้วยพระคุณของพระคริสต์อย่างรวดเร็ว และหันไปหาข่าวประเสริฐแบบอื่น ความจริงนั้นไม่มีข่าวประเสริฐอื่นใดแต่มีบางคนต้องการทั้งกวนใจท่าน และบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์
กาลาเทีย 1:6-7

2 โครินธ์ 11:4; กาลาเทีย 5:7-8
กิจการ 15:24; กาลาเทีย 5:10

หลังจากที่ท่านเปาโลกล่าวอวยพรขอให้พระคุณและสันติสุขของพระเจ้าอยู่กับพวกเขา ท่านก็เข้าเรื่องเลย ดูเหมือนว่าท่านกำลังไม่สบายใจอย่างมากที่พี่น้องคริสเตียนแถบกาลาเทียกำลังสับสน ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงถูกต้อง เมื่อมีคนเข้ามาสอนอีกแบบที่ไม่เหมือนท่าน ก็หลงเชื่อตามไปง่าย ๆ เป็นการหลงเชื่อที่อันตรายต่อชีวิตฝ่ายวิญญาณเสียด้วย ข่าวประเสริฐของพระเยซูมีแค่ไหน เราต้องเข้าใจให้ชัดเจนเพื่อว่าจะไม่หลงไปง่าย ๆ แบบพี่น้องเหล่านี้

ถึงแม้ว่าเราหรือทูตสวรรค์จะมาประกาศข่าวประเสริฐที่ ตรงข้ามกับข่าวประเสริฐที่เราประกาศ
ไปแล้วนั้น ก็ขอให้เขาถูกสาป
อย่างที่เราได้พูดมาก่อนหน้านี้ เวลานี้ข้าก็ขอพูดอีก หากมีใครคนหนึ่ง ประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านที่ตรงข้ามกับที่ท่านเคยได้รับ ขอให้เขาถูกสาป
กาลาเทีย 1:8-9

2โครินธ์ 11:13-14; วิวรณ์ 22:18-19; 1 โครินธ์​16:22; สุภาษิต 30:6; วิวรณ์ 22:18-19

ข่าวประเสริฐเรื่องการรอดพ้นบาปโดยพระเยซูคริสต์นั้น ไม่มีแบบอื่น ไม่ต้องมีตัวกลางคนอื่นการเชื่อพระเยซูคริสต์ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้รับโทษบาปของเราไปแล้วเป็นเรื่องที่ท่านเปาโลกำลังเน้นย้ำ
ในโลกนี้ มีคนมากมายพยายามจะลดความหมายสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของไม้กางเขน
ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามหาเรื่องราวมาประกอบให้ความเชื่อในพระเยซูไขว้เขว บิดเบือนไปวันนี้เราไม่ต่างกับชาวกาลาเทีย มีคนที่เอาพระคัมภีร์ไปดัดแปลงและสอนให้คนอื่นเชื่อเช่นนั้น

บัดนี้ ข้ากำลังตามหาการยอมรับของมนุษย์หรือของพระเจ้ากัน?
หรือว่าข้าต้องการเอาใจมนุษย์?
หากข้าพยายามที่จะทำให้มนุษย์พอใจ ข้าก็ไม่ใช่ทาสรับใช้ของพระคริสต์
กาลาเทีย 1:10

1 เธสะโลนิกา 2:4; กิจการ 5:29; เอเฟซัส 6:6

ถ้าท่านเปาโลพยายามเอาใจมนุษย์ ท่านจะไม่สาป คนที่สอนข่าวประเสริฐผิด ๆ ท่านจะตามน้ำไปเพื่อไม่ให้ใครรู้สึกแย่ แต่ท่านไม่อาจทำอย่างนั้นเพราะข่าวประเสริฐแท้จริง ข่าวประเสริฐที่เป็นแผนการของพระเจ้าและมีพระเยซูทรงมาทำให้สำเร็จ เป็นทางเดียวที่มนุษย์จะได้รับความรอดไม่ใช่เชื่ออะไรตามใจมนุษย์ปั้นแต่งขึ้นมา ท่านถึงกับกล่าวว่า
หากตัวท่านเองบิดเบือนข่าวประเสริฐท่านก็สมควรถูกสาป

ผู้ที่ทรงใช้ให้ไปประกาศ

พี่น้องเอ๋ย เพราะข้าอยาก
ให้ท่านทราบว่าข่าวประเสริฐ ที่ข้าประกาศไปนั้นไม่ใช่เป็นข่าวประเสริฐของมนุษย์ เพราะข้าไม่ได้รับสิ่งใดจากใครเลย และข้าไม่ได้รับคำสอนจากใคร แต่รับมาโดยการสำแดงของพระเยซูคริสต์
กาลาเทีย 1:11-12

1 โครินธ์ 11:23; เอเฟซัส 3:3-8;
กาลาเทีย 1:16; 2 โครินธ์ 12:1

ท่านเปาโลกำลังแจ้งให้ทราบว่า ข่าวประเสริฐที่ท่านเขียนในจดหมาย ที่ท่่านสอนในคริสตจักรนั้น ท่านไม่ได้เรียนมาจากโรงเรียนไหน อาจารย์ใดผู้ที่สอนท่านคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเยซูคริสต์ ท่านเปาโลเป็นคนหนึ่งที่โดดเด่นในการเป็นนักเรียนขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ท่ามกลางโลกที่เต็มด้วยคำสอนแปลก ๆ ตามความคิดของมนุษย์ ท่านเปาโลที่เก่งกาจในบทบัญญัติของโมเสส กลับไม่เรียนจากใคร แต่เรียนจากพระเจ้าโดยตรง

เพราะท่านรู้ถึงชีวิตในอดีต ตอนที่ข้าเชื่อศาสนายิวว่า ข้าได้ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้าอย่างรุนแรง และพยายามที่จะทำลายคริสตจักรด้วย
กาลาเทีย 1:13

กิจการ 8:3; 1 ทิโมธี 1:13; 1 โครินธ์ 15:9; กิจการ26:4-5

นักเรียนขององค์พระวิญญาณผู้นี้ เคยมีอดีตที่เป็นคนเชื่อศาสนายิว ถือกฎบัญญัติของโมเสสอย่างเคร่งครัด แดมยังมีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ช่วยกันตั้งขึ้นมาในช่วง 400 ปีก่อนที่พระเยซูมาบังเกิด ท่านเปาโลเองตกอยู่ภายใต้กฎเหล่านี้ ท่านมองว่า การเชื่อพระเยซูเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายศาสนายิว ดังนั้นจึงต้องกำจัดความเชื่อในพระเยซูให้สิ้นซาก

ข้ามีความเข้าใจลึกซึ้งในศาสนายิวมากกว่าคนพวกเดียวกันที่อายุเท่ากัน
ข้ากระตือรือร้นสุดโต่ง
เพื่อความเชื่อของบรรพบุรุษ
กาลาเทีย 1:14

กิจการ 26:5; 1 เปโตร 1:8; โคโลสี 2:8; ฟีลิปปี 3:4-6

เราจะเห็นชัดว่า ท่านเปาโลเป็นคนที่ไปจนสุดไม่ว่าในเรื่องอะไร เมื่อท่านข่มเหงคนของพระเจ้าท่านก็ทำอย่างสุดหัวใจ เมื่อท่านเรียนรู้บทบัญญัติของโมเสส ท่านก็มีความลึกซึ้ง มีความเข้าใจมากกว่าเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน
และยังมีแรงผลักดันที่จะให้ความเชื่อดั้งเดิมนั้นคงอยู่อย่างมั่นคงด้วย ท่านได้ให้เราได้ทราบถึงเบื้องหลังของชีวิตท่านด้วยตัวเอง นี่เป็นคำพยานของคนที่ต่อต้านพระเยซูอย่างสุด ๆ แล้วต้องมาสยบให้พระองค์

แต่เมื่อพระองค์ทรงพอพระทัย
พระเจ้าทรงเลือกข้าออกมา
จากครรภ์มารดา

ทรงเรียกข้ามาโดยพระคุณของพระองค์
กาลาเทีย 1:15

เยเรมีย์ 1:5; อิสยาห์ 49:1,5; 2 ทิโมธี 1:9

เมื่อเราได้ยินคำอธิบายนี้ เราก็ต้องย้อนไปดูว่า
พระเจ้าทรงทำอะไรก่อนทรงสร้างโลกนี้
เอเฟซัส 1:4 กล่าวว่า เพราะพระองค์ได้ทรง
เลือกเราไว้ในพระคริสต์ ตั้งแต่ก่อนที่พระองค์ทรงสร้างโลก เพื่อห้เราบริสุทธิ์ และไร้ตำหนิในสายพระเนตร… ทรงเลือกเรามานานแล้ว
และที่พระเจ้าทรงยอมให้ท่านเปาโลข่มเหงคนของพระองค์ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ล่ะ ท่านอธิบายว่าอย่างไร? ใน 1 ทิโมธี 1:16 เพื่อพวกเราจะได้เห็นว่า พระเจ้าทรงอดกลั้นแค่ไหนกับคนบาป

ทรงพอพระทัยที่จะสำแดงพระบุตรของพระองค์ในข้า
เพื่อว่าข้าจะได้ประกาศพระองค์ท่าม กลางคนต่างชาติ
ตอนนั้นข้าไม่ได้ขอคำแนะนำจากใครเลย
กาลาเทีย 1:16

มัทธิว 16:17; เอเฟซัส 3:5-10, 6:12; 3:1

พระเจ้าทรงประสงค์ให้คนได้เห็นพระเยซูคริสต์ในตัวของท่านเปาโล ในอดีตท่านเป็นคนที่มองว่าคนต่างชาติเป็นคนต่ำกว่าคนยิว เป็นคนไร้ค่าแต่แล้วพระเจ้ากลับทรงใช้ท่านให้ไปปรนนิบัติคนเหล่านั้น
นี่เป็นการพลิกการมองโลกของท่าน
หน้ามือเป็นหลังมือ อีกประการ ท่านเปาโลได้รับความหมายของข่าวประเสริฐจากพระเยซูโดยตรง ท่านจึงไม่ได้ไปขอความเห็นจากอัครทูตที่มาก่อนเลย

และข้าก็ไม่ได้ขึ้นไปเยรูซาเล็ม
เพื่อพบกับท่านอัครทูตรุ่นพี่
แต่ข้าได้ไปที่อาราเบีย แล้วจึงกลับมาที่ดามัสกัส
สามปีผ่านมา ข้าจึงขึ้นไปเยรูซาเล็มเพื่อเยี่ยมท่านเคฟาส และอยู่กับท่านอีกสิบห้าวัน และข้าไม่ได้พบอัครทูตท่านอื่นนอกจากยากอบซึ่งเป็นน้องชายขององค์พระผู้เป็นเจ้า
กาลาเทีย 1: 17-19

2 โครินธ์ 11:32-33; กิจการ 9:20-25
กิจการ 22:17-18; 9:26-29

ท่านเปาโลมิได้เรียนรู้เนื้อหาข่าวประเสริฐที่
ท่านเขียนในจดหมายฝากต่าง ๆ จากมนุษย์
เพราะสิ่งที่ท่านเขียนนั้น อธิบายแผนการของพระเจ้าอย่างชัดเจน แตกต่างจากอัครทูตท่านอื่น ๆเราจะขาดจดหมายฝากของท่านเปาโลไม่ได้เลยเพราะจดหมายเหล่านั้น ทำให้รู้ซึ้งถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า ช่วยเพิ่มความเข้าใจชีวิตของพระเยซู รวมถึงเป้าหมายของพระเจ้าต่อโลกมนุษย์

สิ่งที่ข้าเขียนถึงท่านเหล่านี้ต่อพระพักตร์ของพระเจ้า ข้าไม่ได้มุสา
แล้วข้าก็เดินทางไปแคว้นซีเรียและซีซิเลีย และข้าไม่เป็นที่รู้จักในคริสตจักรต่าง ๆ ที่อยู่ในพระคริสต์ ในแคว้นยูเดีย
กาลาเทีย 1:20-22

มัทธิว​ 13:55; มาระโก 6:3
โรม 9:1; 2 โครินธ์ 11:31
กิจการ 15:41; 9:30; 1 เธสะโลนิกา 2:14; โรม 16:7

ในช่วงเวลาแรก ๆ ที่กลับจากคนข่มเหงคริสตจักรมาเป็นคนที่ประกาศพระนามพระเยซูท่านเปาโลก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในคริสตจักรต่าง ๆ
ในยูเดียทางใต้ซึ่งมีเยรูซาเล็มเป็นศูนย์กลาง ท่านเริ่มไปประกาศสั่งสอนข่าวประเสริฐที่ท่านเรียนจากพระเจ้าโดยตรง ทางเหนือของอิสราเอลคือที่ซีเรีย และ ซีซิเลียซึ่งแคว้นนี้เป็นที่ตั้งของเมืองทารซัส บ้านเกิดของท่านเอง

พวกเขาได้ยินว่า “คนที่เคยข่มเหงพวกเรา บัดนี้ กำลังเทศนาถึงความเชื่อที่ครั้งหนึ่ง เขาพยายามทำลาย”และพวกเขาก็ถวายพระสิริแด่พระเจ้าเพราะข้า
กาลาเทีย 1:23-24

1 โครินธ์ 15:8-10; กิจการ9:13; 1 ทิโมธี
1:13-16; กิจการ 11:18; ลูกา 15:32, 15:10

จะเห็นได้จากพระคำตอนนี้ว่า ผู้ที่มีชัยชนะคือองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงอดกลั้นพระทัยต่อท่านเปาโล ในยามที่ท่านทำร้ายพระองค์ แม้ว่าพระองค์ทรงเรียกท่านเปาโลมานานพระองค์ทรงทำให้ท่านเองรู้ว่า ตัวจริงของท่านเป็นคนอย่างไร โหดร้ายต่อคนอื่นเมื่อพวกเขา ไม่เชื่อเหมือนตนเอง และเมื่อถึงเวลาอันพอเหมาะพระเจ้าก็ทรงทำให้ท่านเข้าใจว่า ความรักของพระเจ้าไม่บังคับ ขู่เข็ญเหมือนที่ท่านเคยทำและคนทั้งหลายที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตก็กลับมาสรรเสริญพระเจ้า

สดุดี 60 เราจะปฏิบัติงานอย่างกล้าหาญ

ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนอง “ดอกพลับพลึงแห่งคำพยาน”
เป็นมิคทามสำหรับสอนของดาวิดยามที่ท่านสู้กับ อารัม-นาหะราอิม และอารัม-โซบาห์ โยอาบได้กลับมาและสังหารชาวเอโดม 12,000 คนในหุบเขาเกลือ (2 ซามูเอล 8:13-14 และ 1 พงศาวดาร 18:3-4, 12-13)

ประเทศที่พ่ายแพ้
1 โอ พระเจ้า พระองค์ทรงละทิ้งเราแล้ว พระองค์ทรงทำลายที่มั่น
ของพวกเรา พระองค์ทรงพิโรธนัก
ขอทรงรื้อฟื้นพวกเราใหม่ด้วยเถิด
2 พระองค์ทรงเขย่าแผ่นดิน และแผ่นดินก็แยกเปิดออก
ขอทรงซ่อมรอยแยกนั้น เพราะมันสั่นไหว
3 พระองค์ทรงให้คนของพระองค์ต้องพบความทุกข์ยาก
พระองค์ประทานเหล้าองุ่นให้ดื่มจนเราเดินโซเซ

ธงสัญญาณ
4 พระองค์ประทานธงสัญญาณให้กับคนที่เกรงกลัวพระองค์
เพื่อว่าเขาจะหนีจากธนูโดยมุ่งไปทิศนั้น เซ ลาห์
5 ขอพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดด้วยพระหัตถ์ขวา
และขอทรงตอบข้า เพื่อว่าคนที่พระองค์ทรงรักจะได้รับการช่วยกู้

พระดำรัสของพระเจ้าเหนือประชาชาติ
6 พระเจ้าได้ตรัสในสถานนมัสการของพระองค์
​“เราจะชนะ เราจะแยกเชเคมออก
เราจะแบ่งหุบเขาเมืองสุคคทออกจากกัน
7 กิเลอาดเป็นของเรา มนัสเสห์เป็นของเรา
เอฟราอิมเป็นหมวกกันศีรษะยูดาห์เป็นคทาของเรา
8 โมอาบเป็นอ่างชำระของเรา
เราเขวี้ยงรองเท้าของเราไปยังเอโดม
เราโห่ร้องด้วยชัยชนะเหนือฟีลิสเตีย

วางใจในพระเจ้าอีกครั้ง
9 ใครจะนำเรามายังเมืองป้อม?ใครจะนำเราไปเอโดม
10 โอพระเจ้า พระองค์ไม่ได้ทอดทิ้งเราไปแล้วหรือ?
โอพระเจ้า พระองค์มิได้ดำเนินออกไปพร้อมกับกองทัพของเรา
11 ขอพระเจ้าทรงช่วยเราต่อต้านศัตรู
เพราะการช่วยเหลือของมนุษย์ก็ไร้ประโยชน์
12 เราจะปฏิบัติงานอย่างกล้าหาญเพราะพระเจ้าทรงอยู่ด้วย
พระองค์จะทรงเหยียบย่ำศัตรูของเรา

พระคำเชื่อมโยง

1* ข้อ 10; สดุดี 44:9; 2 ซามูเอล 5:20; สดุดี 80:3

2* 2 พงศาวดาร 7:14

3* สดุดี 71:20; โยบ 21:20; อิสยาห์ 57:17,22

4* อิสยาห์ 5:26; 11:12; 13:2

5* สดุดี 108:6-13; ฉธบ. 33:12; เยเรมีย์ 11:15

6* สดุดี 89:35; โยชูวา 17:7; 13:27

7* โยชูวา 13:31; ฉธบ. 33:17; สดุดี 140:7; ปฐมกาล 49:10

8* 2 ซามูเอล 8:2; มัทธิว 3:11; 2 ซามูเอล 8:1

9* 2 ซามูเอล 8:14

10* ข้อ 1 ; สดุดี 44:9

11* สดุดี 146:3

12* สดุดี 108:13; 118:15,16; 44:5; อิสยาห์ 63:3

สดุดี 60:1-3 ประเทศที่พ่ายแพ้
สดุดีบทนี้ เป็นการคร่ำครวญเพื่อประชากรของพระเจ้าในฐานะที่กำลังถูกชนต่างชาติรุกราน โจมตี. นี่เป็นบทสดุดีเพื่อสอนคนของพระเจ้าว่า เมื่อเจอกับศัตรู เมื่อพ่ายแพ้ พวกเขาควรอธิษฐานอย่างไร
ชุมชนของพระเจ้ารู้สึกว่า พระเจ้าทรงทอดทิ้งพวกเขา พระองค์ทรงโกรธพวกเขามาก และทรงทำให้โลกของเขาสะเทือน แต่ถึงจะคิดว่า พระเจ้าทรงทิ้ง แต่เขาก็ขอให้พระเจ้าทรงรื้อฟื้นพวกเขาขึ้นใหม่ ถ้าพระเจ้าทรงให้พวกเขาแพ้ พระองค์ก็ทรงเปลี่ยนสถานการณ์ได้

สดุดี 60:4-5  ธงสัญญาณ
ข้อสี่คนที่เกรงกลัวพระองค์นั้น เป็นคนที่พระเจ้าทรงรักในข้อห้า กษัตริย์ดาวิดมั่นใจในธงสัญญาณจากพระเจ้า ท่านมั่นใจในการช่วยกู้ของพระเจ้าเต็มหัวใจ ใช่ เมื่อเรารักพระเจ้า เราจะเห็นสัญญาณที่พระเจ้าทรงนำเราไปในชีวิต การเดินไปกับพระองค์จึงน่าตื่นเต้นเสมอ

สดุดี 60:6-8 พระดำรัสของพระเจ้าเหนือประชาชาติ
พระเจ้าตรัสถึงแผ่นดินต่าง ๆ ว่าเป็นของพระองค์ พื้นที่ ๆ กล่าวถึงคือ เชเคม สุคคท กิเลอาด มนัสเสห์ เอฟราอิม ยูดาห์ เหล่านี้เป็นดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญาให้อิสราเอล แผ่นดินโมอับ เอโดม ฟีลิสเตียเป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทั้งสามนี้ก็เป็นของพระเจ้าด้วย ในสมัยของกษัตริย์ดาวิด ทั้งสามแห่งนี้ตกเป็นเมืองภายใต้การปกครองของท่าน

สดุดี 60:9-12 วางใจในพระเจ้าอีกครั้ง
จากคำตอนนี้ของกษัตริย์ดาวิด เราจะเห็นว่า แม้ท่านจะรู้ว่า ในบางขณะพระเจ้าไม่ได้ทรงอยู่ข้างท่าน แต่ท่านก็ไม่ยอมที่จะปล่อยให้ความคิดนั้นทำให้เลิกวางใจพระเจ้า ท่านรู้ว่า มนุษย์ไม่ได้สามารถช่วยให้ท่านได้ชัยชนะเลย ผู้เดียวที่จะประทานชัยชนะคือ พระเจ้า

สดุดี 59 พระผู้ทรงช่วยกู้ พระกำลังและป้อมปราการ

wallpaperflare.com

ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนอง “โปรดอย่าทำลาย” เป็นมิคทามบทหนึ่งของดาวิด เมื่อกษัตริย์ซาอูลส่งคนไปเฝ้าที่บ้านดาวิดเพื่อจะสังหารท่าน

ดาวิดร้องทูลขอการช่วยกู้และการปกป้อง
1 โอ พระเจ้าของข้า ขอพระองค์ทรงกู้ข้าจากศัตรูของข้าเถิด
ขอทรงปกป้องข้าจากคนที่ลุกฮือขึ้นต่อต้านข้า
2 ขอทรงกู้ข้าจากคนที่ทำความบาปชั่ว
และทรงช่วยข้าจากคนที่กระหายเลือด
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตร พวกเขาซุ่มดักข้า
คนที่มีกำลังโจมตีข้า แต่ไม่ใช่เพราะข้าทำบาปหรือทำการกบฎ 
4 ขอพระเจ้าทรงลุกขึ้นเพื่อช่วยข้า
ขอทรงมองดูพวกเขาวิ่งไปเพื่อโจมตี ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เป็นความผิดของข้า
5 โอพระยาห์เวห์ องค์จอมทัพ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล
ขอทรงลุกขึ้นเพื่อลงโทษประชาชาติทั้งหลาย
ขออย่าทรงเมตตาต่อผู้ทรยศสักคน เซ ลาห์

ศัตรูที่โอหัง
6 พวกเขากลับมาตอนเย็น โกรธเกรี้ยวขู่คำรามอย่างสุนัข
และเที่ยวออกหากินไปรอบ ๆ เมือง
7 ดูสิ พวกเขาพ่นคำที่บาดใจจากปาก พวกเขาคิดว่า “ใครจะฟังเรา”

ความมั่นใจในพระเจ้าของดาวิด
8 แต่พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์ทรงหัวเราะเยาะพวกเขา
พระองค์ทรงเย้ยประชาชาติทั้งสิ้น
9 โอ พระองค์ผู้ทรงเป็นกำลังของข้า ข้าเฝ้าคอยพระองค์
เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นป้อมปราการของข้า
10 พระเจ้าผู้ทรงซื่อตรงจะเสด็จมาพบข้า
พระองค์จะทรงให้ข้าอยู่เหนือเหล่าปฏิปักษ์

ขอพระเจ้าทรงจัดการศัตรูเพื่อพระเกียรติ
11 ขออย่าทรงสังหารพวกเขา มิฉะนั้น ประชาชนจะลืมเสีย
ขอทรงให้พวกเขากลายเป็นคนไร้บ้าน เร่ร่อนไป
และขอทรงฉุดพวกเขาลงเสีย
โอ พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นโล่ของพวกเราทั้งหลาย
12 เพราะบาปจากปากพวกเขา และคำจากริมฝีปากของเขา
ขอให้พวกเขาติดกับดักความโอหังของตนเอง
เพราะพวกเขากล่าวคำสาปแช่งและคำมุสา
13 ขอทรงผลาญพวกเขาด้วยพระพิโรธ
ขอทรงผลาญพวกเขาจนไม่มีใครเหลือ
และคนทั้งโลกจะทราบว่า พระเจ้าทรงปกครองเหนือยาโคบ เซ ลาห์

ศัตรูที่โอหัง
14 พวกเขากลับมาตอนเย็น
ขู่คำรามเหมือนสุนัขและออกหากินรอบ ๆ เมือง
15 พวกเขาตามล่าหาอาหาร และเห่าหอนหากยังไม่อิ่ม

ร้องเพลงสรรเสริญ แม้อันตราย
16 แต่ข้าจะร้องเพลงถึงพระกำลังของพระองค์
และจะประกาศด้วยความยินดีถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า
เพราะพระองค์ทรงเป็นป้อมเข้มแข็งของข้า ทรงเป็นที่ลี้ภัยในยามลำบาก
17 ข้าร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นกำลัง
เพราะเจ้าทรงเป็นป้อมปราการของข้า
โอ พระเจ้าผู้ทรงซื่อตรงมั่นคง…

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 ซามูเอล 19:11-24; สดุดี 18:48

2* สดุดี 139:19; 55:23

3* สดุดี 56:6; 69:4; 1 ซามูเอล 24:11

4*สดุดี 35:23; อิสยาห์ 51:9

5* ยากอบ 2:13; โรม 9:6

6*สดุดี 59:14; 22:16

7*สดุดี 57:4; 10:11; สุภาษิต 15:2

8* สดุดี 2:4; 37:13

9* สดุดี 9:9; 62:2

10*สดุดี 54:7; 21:3; 1 เปโตร 5:10

11*สดุดี 3:3; วิวรณ์ 9:6

12* สุภาษิต 12:13; โฮเชยา 4:2

13*สดุดี 83:18; 7:9;

14*สดุดี 22:16; 59:6

15* โยบ 15:23; 109:10

16*เอเฟซัส 3:20 ; สดุดี 21:13

สดุดี 59:1-5 ดาวิดร้องทูลขอการช่วยกู้และการปกป้อง
ดาวิดทูลขอพระเจ้าทรงช่วยจากผู้ที่กำลังโจมตีท่าน พวกเขาคอยหาช่องเอาชีวิตของท่าน ท่านทูลว่า ท่านไม่ได้ทำผิดอะไรที่จะต้องโดนศัตรูทำร้ายเช่นนั้น
และในข้อห้า เราเห็นว่า การโจมตีนั้นไม่ได้มาถึงแค่ตัวท่าน แต่มาถึงชนชาติของพระเจ้าด้วย และดาวิดได้เรียกพระนามของพระเจ้าเรียงกันถึงสามพระนาม “พระยาห์เวห์ องค์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอล” ทั้งสามพระนามบ่งบอกความยิ่งใหญ่ที่แตกต่าง พระยาห์เวห์คือ พระเจ้าองค์นิรันดร์ องค์จอมทัพคือพระเจ้าผู้ทรงบัญชาการกองทัพแห่งสวรรค์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลคือ พระองค์ผู้ทรงครอบครองเหนืออิสราเอล ยืนยันได้ว่า ดาวิดมั่นใจในพระเจ้าจริง ๆ

สดุดี 59:6-7 ศัตรูที่โอหัง
กษัตริย์ดาวิดเปรียบศัตรูว่าเป็นเหมือนสุนัขป่า กินสิ่งที่ไม่สะอาด ที่ดุร้ายยามค่ำคืน อาวุธที่พวกเขาใช้คือคำเลวร้ายที่ออกมาจากปากอย่างโอหัง พวกเขากำลังทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกกลัว

สดุดี 59:8-10 ความมั่นใจในพระเจ้าของดาวิด
แต่ดาวิดมั่นใจว่า พระเจ้าจะทรงเยาะคนโอหังเหล่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าตนใหญ่โตขนาดไหน แต่ไม่มีใครจะสู้พระเจ้าได้ ท่านมองว่า พระเจ้าทรงเป็นทั้งกำลัง เป็นทั้งป้อมเข้มแข็ง และพระเจ้าองค์นี้จะทำให้ท่านเป็นต่อ เป็นผู้ชนะ

สดุดี 59:11-13 ขอพระเจ้าทรงจัดการศัตรูเพื่อพระเกียรติ
ดาวิดยังขอสิ่งที่แย่กว่าความตาย นั่นคือ ขอให้ศัตรูต้องเผชิญกับความหายนะ ให้พวกเขาติดกับดักความโอหัง และคำชั่วของตนเอง แล้วจากนั้นจึงขอทรงจัดการให้พวกเขาสูญไป. และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น คนทั้งหลายจะได้มั่นใจว่า พระเจ้าทรงครองเหนืออิสราเอลจริง ๆ

สดุดี 59:14-15 ศัตรูที่โอหัง
ดาวิดยังคงมองศัตรูเหล่านี้เหมือนสุนัขหิวโหย ที่ตามล่าหากินไม่หยุดหย่อน

สดุดี 59:16-17
สุดท้าย ดาวิดบอกถึงความมั่นใจในพระกำลังของพระเจ้า ท่านกล่าวซ้ำ ๆ ว่าพระเจ้าทรงเป็นกำลังและป้อมปราการ ความรู้สึกนี้ อยู่กับเราอย่างดาวิดหรือเปล่า