2 โครินธ์ 8 ให้โปร่งใส

2 โครินธ์ 8:1-2
พี่น้องทั้งหลาย เวลานี้ เราอยากให้ท่านรู้ถึงพระคุณของพระเจ้าที่ประทานให้คริสตจักรทั้งหลายในแคว้น มาซิโดเนีย
ขณะที่พวกเขากำลังเผชิญกับความทุกข์สาหัส แต่ความยินดี และความยากจนข้นแค้นอย่างที่สุดนั้น กลับกลายเป็นความเอื้อเฟื้อให้กับคนอื่นอย่างมาก


2 โครินธ์ 8:3-5
ข้ายืนยันว่า พวกเขาได้ถวายตามความสามารถ ที่จริง เกินความสามารถด้วยความเต็มใจ พวกเขาเฝ้าขอร้องเรา ที่จะได้มีส่วนในการช่วยเหลือคนของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้ทำอย่างที่เราคาด แต่กลับ
ถวายตัวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วจึงทุ่มเทกับเราตามพระประสงค์

2 โครินธ์ 8:6-7
เหตุนี้ เราจึงขอให้ทิตัสไปช่วยท่าน เพื่อทำสิ่งดีนี้จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เพราะเขาเป็นผู้ที่เริ่มงานนี้ ดังนั้น ในเมื่อท่านเพียบพร้อมไปด้วยความเชื่อ ความสามารถในการพูด ความรู้ ความกระตือรือร้น และความรักที่มีต่อเรา ก็ขอให้ท่านเต็มด้วยพระคุณในการให้เช่นกัน
2 โครินธ์ 8:8
ข้าไม่ได้ออกคำสั่ง แต่เพียงต้องการพิสูจน์ความรักของท่านว่าจริงใจหรือไม่เมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นของคนอื่น

2 โครินธ์ 8:9
เพราะว่า พวกท่านต่างรู้ถึงพระคุณของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า แม้พระองค์ทรงมั่งคั่ง แต่ทรงยอมเป็นคนยากจนเพื่อเห็นแก่ท่านเพื่อพวกท่านจะได้กลายเป็นคนมั่งคั่งเนื่องจากความยากจนของพระองค์

2 โครินธ์ 8:10-11
เรื่องนี้ ข้ามีความเห็นที่เป็นประโยชน์กับท่านว่า ปีที่แล้วท่านเป็นคนกลุ่มแรกที่ลงมือทำการนี้ ทั้งยังมีน้ำใจที่จะทำด้วย
บัดนี้ ท่านควรทำให้สำเร็จ ในเมื่อมีใจพร้อม ท่านก็จะได้ทำให้สำเร็จตามความสามารถของท่าน
2 โครินธ์ 8:12
เพราะหากมีน้ำใจพร้อมอยู่แล้วพระเจ้าจะทรงรับเท่าที่เขามีอยู่ ไม่ใช่ตามที่เขาไม่มี

2 โครินธ์ 8:13-14
เพราะข้าไม่ได้หมายความว่า คนอื่นจะงานเบาลง ส่วนท่านมีภาระหนักขึ้น แต่เป็นเรื่องของการเอื้อเฟื้อต่อกัน การที่ท่านมีเกินพอในเวลานี้ ท่านควรจะไปช่วยคนที่ต้องการและเมื่อเขามีเกินพอเขาจะได้ช่วยท่านเมื่อท่านขัดสน
2 โครินธ์ 8:15
ตามที่มีบันทึกว่า “คนที่เก็บไว้มากก็ไม่มีเหลือส่วนคนที่เก็บได้น้อยก็ไม่ขัดสน”

2 โครินธ์ 8:16-18
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงทำให้ใจทิตัสมีพลังใจห่วงใยท่านเหมือนที่เรามีต่อท่านเพราะไม่เพียงแต่เขาตอบรับคำขอร้องจากเราเท่านั้น แต่เขาไปหาท่านด้วยใจกระตือรือร้นของเขาเอง และเราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงในการประกาศข่าวประเสริฐตามคริสตจักรไปกับเขาด้วย
2 โครินธ์ 8:19
ไม่เพียงเท่านั้น แต่เขาได้รับการแต่งตั้งจากคริสตจักรต่าง ๆ เพื่อให้เดินทางไปกับเรา เป็นผู้ร่วมงานในขณะที่เราทำการแห่งพระคุณนี้ เพื่อถวายพระเกียรติสิริแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และเพื่อแสดงถึงความปรารถนาดีของเรา

2 โครินธ์ 8:20-21
เราจำเป็นต้องระมัดระวังตัวไม่ให้ใครติเตียนได้ ในเรื่องของเงินถวาย
มากมายที่รับมาเพื่อจัดการส่งต่อ
นั้นเพราะเรามีเป้าหมายที่จะเป็นคนซื่อตรงไม่ใช่ในสายพระเนตรพระเจ้าเท่านั้นแต่ในสายตาของมนุษย์ด้วย
2 โครินธ์ 8:22
และเราให้พี่น้องคนหนึ่งมากับเขาทั้งสองคนนี้ เราได้ทดสอบบ่อย ๆ ว่า
เขากระตือรือร้นในหลาย ๆ เรื่องและตอนนี้เขายิ่งเอาจริงเอาจังมากขึ้น
เพราะเขามั่นใจในพวกท่านมาก
2 โครินธ์ 8:23-24
ส่วนทิตัสเอง เขาเป็นคู่หู เพื่อนร่วมงานของข้าเพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลายส่วนพี่น้องทั้งสองนั้นเป็นผู้สื่อสารจากคริสตจักรทั้งหลายเพื่อพระเกียรติของพระคริสต์ ดังนั้น จงแสดงความรักของท่าน และความภูมิใจของเราที่มีต่อท่านแก่พวกเขา เพื่อคริสตจักรต่าง ๆ จะได้เห็น

2 โครินธ์ 8:1-2
ข่าวประเสริฐจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่พบพระเจ้าจริง ๆ แต่ก่อนนี้ พี่น้องในเยรูซาเล็มได้ส่งคนของพระเจ้าออกไปประกาศในมาซิโดเนีย
พวกเขาเป็นคนยากจนมาก แต่เมื่อพวกเขาพบพระเจ้าจริง ๆ แล้ว เขาก็กลับเป็นคนใจกว้าง สนใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่แค่สนใจเรื่องของตนเองนี่ทำให้รู้ว่า พวกเขากลับใจใหม่จริง เมื่อรู้ว่าพี่น้องในเยรูซาเล็มกำลังลำบากพวกเขาก็ยินดีจะช่วยเหลือ

2 โครินธ์ 8:3-5
สิ่งที่พี่น้องมาซิโดเนีย คือพี่น้องในเมืองฟีลิปปีเมืองเธสะโลนิกา และเบเรีย ทำคือ  ถวายตามความสามารถ ถวายเกินความสามารถ
ถวายด้วยความเต็มใจ และสิ่งที่ท่านเปาโลคาดไม่ถึงคือ การที่พวกเขาถวายชีวิตให้กับพระเจ้าก่อนที่จะมีการถวายดังกล่าวเท่ากับพวกเขารู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในการถวาย

2 โครินธ์ 8:6-7
ก่อนหน้านี้ ทิตัสเองได้ชักชวนให้พี่น้องโครินธ์ได้ถวายเพื่อช่วยพี่น้องในเยรูซาเล็มที่กำลังลำบาก การถวายครั้งนี้ของพวกเขา เหมาะสมยิ่งเพราะพวกเขามีทั้งความเชื่อความรู้ การพูดดี กระตือรือร้นและที่สำคัญ พวกเขารักท่านเปาโลด้วย ถ้ามีทุกอย่างแบบนี้ ก็จะเป็นการให้ที่ดีมาก จากข้อความตอนนี้ เราเห็นได้ชัดว่า พี่น้องชาวโครินธ์มีฐานะหน้าที่การงานดีพอสมควร ถึงแม้จะไม่ทุกคนก็ตาม

2 โครินธ์ 8:8
การชวนให้ถวายครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการบังคับใจพี่น้อง แต่เป็นการสนับสนุนให้เกิดความรักและเอาใจใส่กันระหว่างคริสตจักรต่างเมือง อันที่จริง
สิ่งที่เกิดขึ้นนับได้ว่า เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคริสตจักรในปัจจุบันด้วย ที่จะมีการช่วยเหลือกันและกันอย่างจริงจัง ไม่ได้เกิดเพราะเป็นหน้าที่ ๆ
ต้องทำแต่เกิดจากหัวใจที่เป็นห่วง และเข้าใจว่าการทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ลูกของพระเจ้าจะทำเพื่อกัน

2 โครินธ์ 8:9
พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของทั้งจักรวาลได้เสด็จลงมาเป็นมนุษย์ เติบโตในบ้านของชายหญิงที่เป็นชาวบ้านธรรมดา พระองค์ทรงมีอำนาจสูงสุด
ปัญญาสูงสุด ฤทธิ์เดชทั้งสิ้นเป็นของพระองค์แต่เมื่อทรงมาเป็นคนเดินดิน พระองค์ก็ทรงใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป พระองค์ทรงถ่อมพระองค์เป็นที่สุด
แล้วพระองค์ก็ทรงสิ้นพระชนม์เยี่ยงอาชญากรทั้งหมดนี้ เพื่อจะให้คนที่เชื่อในพระองค์ได้เป็นลูกของพระเจ้า ได้ครอบครองและเป็นผู้มั่งคั่งกับพระองค์

ถอดความจาก 2 โครินธ์ 8:10-11
สิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับพี่น้องโครินธ์คือ การให้ของพวกเขาเป็นเรื่องที่จะทำให้พระเจ้าทรงให้ตอบแทนแก่พวกเขานอกจากจะเป็นในชีวิตนี้ อย่างที่ฟีลิปปี 4:17 กล่าวไว้ ก็ยังจะเกิดผลดีในวันของพระเจ้าด้วย พระเจ้าจะทรงให้รางวัลกับคนที่ใส่ใจคนยากจน คนลำบาก อีกอย่างการที่เริ่มต้นสิ่งดีอะไรแล้วทำให้สำเร็จก็เป็นเรื่องที่ต้องทำ นั่นเป็นนิสัยของคนที่จะประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต

2 โครินธ์ 8:12
นี่ทำให้เรานึกถึงหญิงม่ายที่ถวายเงินเพียงเล็กน้อยแต่พระเยซูกลับทรงมองว่า เธอเป็นคนที่ให้มากที่สุด (มาระโก 12:41-44) ดูเหมือนว่าจำนวนที่
ให้นั้น สัมพันธ์กับความสามารถที่จะให้ หากไม่มีแต่พยายามไปหยิบยืมเพื่อให้มีถวาย หรือเพื่อทำตามเทรนด์ ก็คงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ และในทางของพระเจ้า พระคัมภีร์ก็บอกชัดว่า ให้น้อยที่สุดประมาณเท่าไรจึงจะดี นั่นคือ สิบลดหนึ่ง แต่ถ้ามากกว่านั้น ประโยชน์จะเกิดกับคนถวายเอง

2 โครินธ์ 8:13-14
ในการมีชีวิตกับพระเจ้า ไม่ได้หมายความว่าจะจนเสมอไป หรือรวยเสมอไป แต่การอยู่ในชุมชนนั้นเป็นเรื่องของการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันอย่างชัดเจนพระเจ้าไม่ได้ให้เรารวยหรือจนเพื่อตนเอง แต่เมื่อเรามีที่จะเผื่อแผ่ ก็ให้ทำเป็นนิสัยเพื่อว่า เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็จะไม่รู้สึกลำบากใจ หนักใจหรือไม่กล้าเพราะทำอยู่แล้วเป็นประจำ และได้ประสบการณ์การให้ การรับจากพี่น้องเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต

2 โครินธ์ 8:15
ช่วงเวลาที่ท่านเปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้อยู่พี่น้องในเมืองต่าง ๆ เผชิญกับความยากลำบากที่แตกต่างกันไป บางที่เป็นเรื่องของคนสอนผิด
บางที่เป็นเรื่องความอดอยาก บางที่ก็เป็นเรื่องของบาปที่เกิดขึ้นในหมู่พี่น้อง บ้างก็ถูกข่มเหง แต่สำหรับเรื่องฐานะ ความเป็นอยู่แล้ว หลักการ
ของพระเจ้าคือ ทุกคนมีอย่างเพียงพอ ทำให้ใช้ชีวิตไปได้อย่างไม่ลำบากเกินไป ที่เพียงพอได้เพราะแบ่งปันกัน

2 โครินธ์ 8:16-18
ทิตัสเต็มใจที่จะเดินทางไปรับเงินถวายเพื่อพี่น้องที่เดือดร้อนในเยรูซาเล็ม ไม่ต้องให้ใครใช้ไป แต่เขาอาสาที่จะทำเรื่องนี้ แต่ว่าเพื่อความปลอดภัยในเครดิตของทิตัสเองท่านเปาโลได้ให้อีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงดี เป็นที่วางใจของพี่น้องไปกับทิตัสด้วย คนนี้ไม่ได้ถูกออกชื่อ แต่เป็นคนที่ไว้ใจได้จริง เราไม่ทราบว่าเป็นใครแต่สิ่งสำคัญคือ ความรอบคอบในการทำงานเรื่องการเงินของท่านเปาโลเอง

 2 โครินธ์ 8:19
พี่น้องท่านนี้ ไม่ได้เป็นคนที่มาจากไหนก็ไม่รู้แต่เป็นคนที่ใคร ๆ ในคริสตจักรรู้จักดี และยังมีความเชื่อถือในตัวเขาจนถึงกับช่วยกันแต่งตั้ง
ให้เขาเดินทางไปกับทิตัส ถือเงินไปยังกรุงเยรูซาเล็มเราจะเห็นถึงความชัดเจนในการเลือกผู้รับใช้ให้ถูกที่ถูกงานของท่านเปาโล การเลือกคนถูก
กับงาน เป็นสิ่งที่แสดงถึงความตั้งใจดี และผลงานที่ออกมาก็จะถวายพระเกียรติด้วย 

2 โครินธ์ 8:20-21
การระวังตัวที่จะให้การทำงานโปร่งใส เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำอย่างซื่อตรง และตรวจสอบได้ทั้งในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตาของมนุษย์
ท่านเปาโลบอกเราว่า เงินถวายมีเป็นจำนวนมากแสดงว่า พี่น้องชาวมาซิโดเนียได้ถวายอย่างเต็มใจเพื่อพี่น้องในเยรูซาเล็ม คนที่ทำงานระหว่างทางทุกคนจะต้องไว้ใจได้และไม่ทำให้งานของพระเจ้าเสียชื่อเสียง ทั้งในสมัยโบราณ ทั้งในสมัยนี้

2 โครินธ์ 8:22
ดูเหมือนว่า สองคนยังไม่เป็นที่สบายใจในสายตาของท่านเปาโล ท่านยังให้พี่น้องอีกคนมากับทั้งสองด้วย นับได้ว่า ท่านระมัดระวังและรอบคอบจริง ๆกับเรื่องนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของการดูแลเรื่องเงินถวายในคริสตจักร ให้ไปถูกที่ ให้ถึงครบจำนวนให้เป็นที่ชื่นชม ไม่มีใครครหาได้ เราอาจไม่คาดว่าท่านเปาโลจะจริงจังในเรื่องการเงินถึงเพียงนี้ แต่ท่านยังมีเรื่องที่จะคุยต่อไปอีก เราต้องติดตามกันต่อไป

2 โครินธ์ 8:23-24
เอาล่ะ ทีนี้ เราเห็นว่า ท่านเปาโลได้ให้ความรับผิดชอบต่อทั้งผู้รับใช้ซึ่งเป็นตัวแทนของท่าน และกับพี่น้องในคริสตจักรด้วย ทั้งสองฝ่ายต่างต้องให้เกียรติกันและกัน ร่วมมือกันเพื่องานของพระเจ้า การทำงานด้วยกันนั้น ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจและการนับถือกันและกัน ตัดทิ้งเรื่องใครเก่งกว่า ใครดีกว่าออกไป ต้องไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนั้น ท่านบอกให้พี่น้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะถ้าเราย้อนกลับไปดู 1 โครินธ์เราจะเห็นว่า น่าเป็นห่วงเหมือนกัน

พระคำเชื่อมโยง

2* มาระโก 12:44
4* โรม 15:25-26
5* โรม 12:1-2; เอเฟซัส 6:6
6* 2 โครินธ์ 8:17; 12:18
7* 1 โครินธ์ 1:5; 12:13; 2 โครินธ์ 9:8

8* 1 โครินธ์ 7:6
9* ฟีลิปปี 2:6-7; โรม 9:23
10* 1 โครินธ์ 7:25, 40; ฮีบรู 13:16;
2 โครินธ์ 9:2
12* มาระโก 12:43-44
15* อพยพ 16:18

18* 2 โครินธ์ 12:1819* 1 โครินธ์ 16:3,4 ; 2 โครินธ์ 4:15
21* โรม 12:17
23* 2 โครินธ์ 7:13-14; ฟีลิปปี 2:25
24* 2 โครินธ์ 7:4, 14; 9:2


2 โครินธ์ 7 เสียใจให้ถูกวิธี

2 โครินธ์ 7:1
ท่านที่รักทั้งหลาย เมื่อเราได้รับพระสัญญาอย่างนี้ ก็ขอให้เราชำระตัวเองให้ไร้สิ่งที่เป็นมลทินทุกอย่างของร่างกายและวิญญาณ
ให้ชีวิตบริสุทธิ์ด้วยความยำเกรงพระเจ้า

2 โครินธ์ 7:2-3
เปิดห้องหัวใจรับเราเถิด เราไม่ได้ทำผิดต่อใคร เราไม่ได้คดโกงใคร
และมิได้เอาเปรียบใครเลย ข้าไม่ได้พูดอย่างนี้เพื่อกล่าวโทษใคร
เพราะข้าพูดมาก่อนแล้วว่า พวกท่านอยู่ในใจของเราไม่ว่าจะอยู่หรือจะตายด้วยกันกับท่าน

2 โครินธ์ 7:4
ข้าพูดกับท่านด้วยความมั่นใจในตัวท่านเป็นอย่างมาก ข้าภูมิใจในตัวท่านมากและข้ามีกำลังใจเต็มที่ และมีความยินดีในความลำบากทั้งสิ้น
2 โครินธ์ 7:5
เมื่อเรามายังแคว้นมาซิโดเนียนั้นร่างกายเราไม่ได้พักเลย เราพบกับความลำบากรอบด้าน ต่อสู้ภายนอกและมีความกลัวอยู่ข้างใน

2 โครินธ์ 7:6-7
แต่พระเจ้าผู้ทรงปลอบใจคนที่ท้อใจได้ทรงปลอบใจเรา โดยให้ทิตัสมาหาเราไม่เฉพาะการมาของเขาเท่านั้น แต่เขายังได้รับการหนุนใจจากพวกท่านเขาเล่าว่าท่านอาลัย และห่วงใยข้าเป็นเหตุให้ข้ามีความสุขมากขึ้น

2 โครินธ์ 7:8
แม้ว่าจดหมายฉบับแรกของข้าทำให้ท่านเศร้าใจ ข้าก็ไม่เสียใจ ​
(แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะไม่สบายใจเพราะเห็นว่า จดหมายฉบับนั้น
ทำให้ท่านเป็นทุกข์เพียงชั่วขณะหนึ่ง)
2 โครินธ์ 7:9
วลานี้ข้ายินดีเป็นเพราะท่านเสียใจจนถึงได้กลับใจ เพราะว่าท่านได้เสียใจตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ท่านจึงไม่ได้รับผลเสียใด ๆ จากเราเลย

2 โครินธ์ 7:10
เพราะความเสียใจตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ก่อให้เกิดการกลับใจ
ซึ่งนำไปสู่ความรอด และไม่ทำให้เศร้าใจแต่ความเสียใจอย่างโลกนั้น
นำไปสู่ความตาย
2 โครินธ์ 7:11
ดูสิ ความเสียใจตามน้ำพระทัยพระเจ้าเช่นนี้ทำให้ท่านเกิดความแน่วแน่เอาจริงเอาจังขนาดไหน และทำให้ท่านพยายามพิสูจน์ตนเอง เกิดความไม่พอใจ ความเกรงกลัวความเร่าร้อน ความห่วงใย มุ่งที่จะให้เกิดความยุติธรรม ท่านได้พิสูจน์ตัวเองรอบด้านว่า ท่านไม่มีความผิดในเรื่องเหล่านี้

2 โครินธ์ 7:12
แม้ข้าเขียนจดหมายครั้งนั้นถึงท่านไม่ใช่เพื่อคนที่ทำผิด หรือเพื่อคนที่ต้องมาทนทุกข์เพราะการกระทำของเขา แต่เพื่อท่านเองจะได้มองเห็นชัดว่าท่านจริงจังต่อเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแค่ไหน
2 โครินธ์ 7:13-14
ดังนั้น เราจึงได้รับการหนุนน้ำใจ ยิ่งกว่านั้น เรายังดีใจมากขึ้น เพราะเห็นว่า ทิตัสเป็นสุขนัก เพราะท่านทำให้เขาใจสงบ เวลาที่ข้าอวดเรื่องของท่านกับทิตัส ข้าไม่ต้องอายเลย ทุกสิ่งที่เราได้บอกท่านเป็นความจริงอย่างไร สิ่งที่เราอวดกับทิตัสก็เป็นความจริงอย่างนั้น
2 โครินธ์ 7:15-16
เมื่อเขานึกถึงการที่พวกท่านเชื่อฟังและการที่พวกท่านทุกคนต้อนรับเขาด้วยความเกรงกลัวตัวสั่นเขาจึงรักท่านมากขึ้น ข้ายินดีเพราะข้ามั่นใจในพวกท่านได้อย่างเต็มที่

2 โครินธ์ 7:1
จากประโยคข้อสุดท้ายของบทที่ 6 คือ พระเจ้าทรงให้ผู้เชื่อแยกตัวออก ไม่ใช้ชีวิตอย่างคนในโลก เพื่อว่าพวกเขาจะได้มาเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นพระสัญญาโดยตรงจากพระเจ้า อิสยาห์ 52:11, 2 ซามูเอล 7:14, โรม 8:14 ท่านเปาโลหนุนใจให้พี่น้องชำระตัวเองจากทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตสกปรก .. น่าสนใจที่ท่านกล่าวถึงทั้งทางร่างกาย และวิญญาณ ไม่ใช่ทางวิญญาณแต่อย่างเดียว

2 โครินธ์ 7:2-3
ท่านเปาโลกลับไปพูดเหมือนใน 6:11-13 เราไม่ทราบว่าใครให้ร้ายว่าท่านคดโกงเงินใคร หรือมีการใส่ร้ายว่าท่านเอาเปรียบคนโน้นคนนี้ เพื่อ
ประโยชน์ของตนเอง ท่านไม่ได้กล่าวว่าใครเป็นคนต้นเรื่อง แต่ท่านกำลังปกป้องตนเองว่า ไม่ได้ทำผิดอย่างที่คนพวกนั้นกล่าวหาตอนนี้พี่น้องเปิดใจแล้วยังเราไม่รู้ แต่ท่านเปาโลเองมีชีวิตที่พร้อมตายเพื่อพี่น้องอยู่แล้ว .. พวกเขาควรมองเห็นชีวิตที่ทุ่มเทของท่าน 

2 โครินธ์ 7:4
อ่านจดหมายมาตั้งแต่ต้น เราจะรู้สึกถึงความทุกข์ใจ ที่ท่านปรารถนาให้พี่น้องเดินไปกับพระเจ้าอย่างถูกต้อง ท่านเปาโลเฝ้าสอน เฝ้าเตือนพี่น้องจริงจังมาก แต่พอมาถึงประโยคนี้ เราเริ่มเห็นว่าท่านมีกำลังในการปรนนิบัติพี่น้อง แม้ว่าจะมีศัตรูคอยว่าร้าย พูดลับหลัง พยายามทำให้ท่านไม่ได้รับความเชื่อถือ พยายามทำลายความเชื่อใจกันท่านยินดีในความยากลำบากเพื่อพี่น้องจริง ๆ และอารมณ์ของจดหมายเริ่มเปลี่ยนเป็นความยินดี

2 โครินธ์ 7:5
ท่านเริ่มเล่าให้พี่น้องรู้ว่า ท่านพบเจออะไรบ้างเมื่อท่านมายังคริสตจักรนี้ ในบทที่ 2:12-13 ท่านกล่าวว่าท่านทุกข์ใจมาก ๆ เพราะว่า ไม่พบ
ทิตัสที่เมืองโตรอัส และพยายามหาว่าเขาอยู่ที่ไหนจะเห็นว่า ท่านต้องต่อสู้กับคนที่ไม่เชื่อ และกับคนที่เชื่อด้วย และใครจะคิดบ้างว่า คนกล้าอย่างท่านเปาโลจะกล่าวเปิดใจว่า ท่านมีความกลัวอยู่ข้างในท่านคงจะกังวัลใจว่า ทิตัสปลอดภัยหรือเปล่า เขาจะเผชิญกับความยากลำบากอย่างไร

2 โครินธ์ 7:6-7
ตอนแรกท่านเปาโลเป็นกังวลมากที่ไม่พบทิตัสในแคว้นมาซิโดเนีย การเดินทางสมัยก่อนไม่ใช่นึกจะไปก็ขึ้นเครื่องบิน หรือขึ้นรถไป โทรศัพท์ก็ไม่มีการที่จะพบเพื่อนสักคนก็ต้องรอ ว่าเมื่อไรเขาจะมาถึง เพื่อนอยู่ที่ไหน ปลอดภัยหรือไม่ ถ้าไม่มีการติดต่อด้วยจดหมาย หรือม้าเร็วก็ต้องรออย่างเดียวแต่ท่านบอกว่า พระเจ้าทรงปลอบใจท่านด้วยการให้ทิตัสมาเจอกับท่านจนได้ และยังส่งข่าวดี ๆ ของพี่น้องในโครินธ์ให้ด้วย

2 โครินธ์ 7:8
ใช่แล้ว จดหมายฉบับแรกของท่านเปาโลนั้นพูดตรง ไม่อ้อมค้อม ตรงประเด็นทุกเรื่อง ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไปตามนั้น ท่านเองรู้ดีว่า การเตือน
สติเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก และหากพี่น้องกลับใจเมื่อได้อ่านจดหมายแล้ว นับว่าเป็นสิ่งดีที่สุด ได้ผลตามที่ท่านต้องการ คำว่า เป็นทุกข์ชั่วขณะก็คือ
ทุกคนที่อ่านและรู้สึกผิด ก็จะไม่สบายใจ เป็นทุกข์ใจอยู่แล้ว แต่หากได้มีโอกาสกลับตัว นั่นก็ช่วยให้ทั้งชุมชนคริสเตียนได้เติบโตขึ้น

2 โครินธ์ 7:9
การเสียใจตามน้ำพระทัยของพระเจ้าคืออะไร? เมื่อมีการทำผิดเกิดขึ้น เมื่อมีการเสียใจอาจเป็นไปได้หลายแบบ เสียใจแล้วโทษคนโน้นคนนี้ว่าตนเองไม่ได้ผิด อย่างเช่นที่อาดัมทำผิดแล้วโทษเอวา ซึ่งเป็นนิสัยที่เราทุกคนก็ได้รับกันมาเต็ม ๆ หรือเสียใจแล้วไม่หาทางออก หนีปัญหาด้วยวิธี
ต่าง ๆ ไม่พูดถึง ไม่แก้ไข ไม่เปลี่ยนตัวเอง หรือถึงขนาดทำลายชีวิตตัวเอง การเสียใจตามน้ำพระทัยก่อให้เกิดการกลับใจใหม่.. ดีที่สุด

2 โครินธ์ 7:10
บางครั้งดูเหมือนว่า คำพูดของท่านเปาโลนั้น ตรงกับใจท่านและใจคนฟังจนกระทั่งเหมือนไม่มีความเกรงใจ ท่านเตือนสติอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกว่า ท่านกระแทกมากเกินไปท่านเปาโลเองก็รู้ว่า จดหมายฉบับแรกของท่านนั้นอาจทำให้คนรู้สึกแย่ ไม่สบายใจ แต่เมื่อทราบจากทิตัสว่า มีการกลับใจขึ้นในหมู่พี่น้อง และพวกเขายังรักและคิดถึงท่าน ท่านเปาโลจึงชี้แจงให้เขาเห็นว่าการเสียใจมีแบบทั้งบวกและทั้งทางลบ

2 โครินธ์ 7:11
ความเสียใจอย่างถูกต้อง ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าก่อให้เกิดการกลับใจไปสู่ความรอด สิ่งที่ท่านเปาโลพูดในตอนนี้ดูงง นิด ๆ แต่เมื่อเกิดการกลับใจจริงสิ่งเหล่านี้จะตามมาคือ ความแน่วแน่ในทางของพระเจ้า พยายามพิสูจน์ว่าตนได้หลุดจากทางบาปแล้ว ไม่พอใจต่อการที่ตนเองเคยโง่ไปทำบาปเกิดความยำเกรงพระเจ้า เพื่อจะไม่ตกในบาปเดิมอีก หัวใจที่ต้องการหลุดจากบาปจริง ๆ และพิสูจน์ออกมาเป็นการกระทำ

2 โครินธ์ 7:12
ที่ท่านเขียนจดหมายเตือนสติพี่น้องชาวโครินธ์เรื่องบาปคือบาป ถ้าทำผิดก็ต้องเปลี่ยนตัวเองกลับใจ แต่ที่ท่านเขียนครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการย้ำเรื่อง
เดิม ๆ เป้าหมายของท่านคือ ตัวพี่น้องเองจะได้มองเห็นตัวเองว่า เป็นอย่างไร เดินอย่างไรกับพระเจ้า กลับใจจริงไหม ชีวิตกับชุมชนพี่น้อง
คริสเตียนเป็นอย่างไร

2 โครินธ์ 7:13-14
การสื่อสารกับพี่น้องอย่างตรงไปตรงมาด้วยความรัก บนพื้นฐานแห่งพระวจนะ ทำให้ท่านเปาโลได้รับผลกลับมาเป็นที่น่าพอใจ ผู้รับใช้ของพระเจ้าคือทิตัส ก็ได้รับการหนุนใจ มีความสดชื่นที่ได้จากพี่น้อง สิ่งที่เคยบอกกับทิตัสว่าพี่น้องจะกลับใจเมื่ออ่านจดหมายก็เป็นจริง

2 โครินธ์ 7:15-16
ทิตัสเองได้รายงานความเป็นไป การกลับใจของพี่น้องหลังจากที่ได้อ่านจดหมายฉบับแรกนั้นทำให้ท่านเปาโลสบายใจขึ้น และทิตัสเองก็รู้สึก
รัก ห่วงใยพี่น้องมากขึ้นด้วย ท่านเปาโลแสดงความมั่นใจว่า พี่น้องชาวโครินธ์กลับใจจริง ๆ จากการตอบสนองของทิตัสเอง
ท่านรู้แล้วว่า จดหมายของท่านไม่เสียเปล่า ไม่ได้พูดล่องลอยไปตามลม แต่เกิดผลขึ้นจริง ๆ ในชีวิตของพี่น้อง

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 ยอห์น 3:3
2* กิจการ 20:33
3* 2 โครินธ์ 6:11-12
4* 2 โครินธ์ 3:12; 1 โครินธ์ 1:4;
ฟีลิปปี 2:17

5* 2 โครินธ์ 2:13; 4:8;
เฉลยธรรมบัญญัติ 32:25
6* 2 โครินธ์ 1:3-4; 2:13; 7:13
8* 2 โครินธ์ 2:2,4
10* มัทธิว 26:75; สุภาษิต 17:22

11* เอเฟซัส 5:11; 2 โครินธ์ 2:5-11
12* 2 โครินธ์ 2:4
13* โรม 15:3215* 2 โครินธ์ 2:9
16* 2 เธสะโลนิกา 3:4

2 โครินธ์ 6 อาวุธของท่านเปาโล

2 โครินธ์ 6:1
ในฐานะที่เราทำงานกับพระเจ้า เราจึงขอร้องท่านว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าเปล่า ๆ อย่างไร้ประโยชน์
2 โครินธ์ 6:2
เพราะพระองค์ตรัสว่า“ในเวลาที่โปรดปราน เราฟังเสียงเจ้า
ในวันแห่งความรอด เราได้ช่วยเจ้าไว้”
บัดนี้ เป็นเวลาแห่งความโปรดปราน บัดนี้ เป็นวันแห่งความรอด

2 โครินธ์ 6:3-5
เราไม่ได้วางสิ่งกีดขวางบนทางของใครเพื่อว่า การรับใช้นี้จะไม่ถูกตำหนิติเตียนเราอยู่ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าให้เห็นในทุกด้าน โดยเราอดทนเป็นอย่างยิ่งกับความยากลำบาก และความขัดสนและในวิบัติต่าง ๆ กับการถูกโบยตี ถูกจำจอง กับเหตุวุ่นวาย กับการตรากตรำทำงาน การอดนอน ความหิวโหย

2 โครินธ์ 6:6-7
โดยความบริสุทธิ์ ​โดยความรู้ ความอดทนความเมตตา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยรักแท้ โดยคำแห่งความจริง โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า โดยใช้อาวุธแห่งความชอบธรรม ทั้งมือขวาและมือซ้าย
2 โครินธ์ 6:8
ทั้งเวลาที่มีเกียรติและไร้เกียรติ เวลาที่ถูกดูหมิ่น และถูกยกย่อง
ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหลอกลวงแต่ก็ยังเป็นคนจริงที่ซื่อตรง

2 โครินธ์ 6:9-10
ทั้งในเวลาที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ยังเป็นคนที่ใครๆ รู้จักดี
เป็นเหมือนคนตายแล้วแต่ดูเถิด เรายังมีชีวิตอยู่
เป็นคนที่ถูกลงทัณฑ์ แต่ยังไม่สิ้นใจ ทั้งที่โศกเศร้า 
แต่เรายังยินดีเสมอ ทั้งยากจน แต่ทำให้คนมากมายมั่งคั่ง ทั้งเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย แต่กลับมีทุกสิ่ง

2 โครินธ์ 6:11-13
โอ ชาวโครินธ์เอ๋ย เราได้เปิดใจกว้าง และกล่าวแก่ท่านอย่างไม่มีอะไรปิดบังเราไม่ได้ปิดใจของเราต่อท่าน ท่านต่างหากที่ใจปิด ขอท่านตอบเราในแบบเดียวกัน ข้าพูดในฐานะที่ท่านเป็นลูกของข้าว่า จงเปิดใจให้กว้างเถิด


2 โครินธ์ 6:14
อย่าเทียมแอกร่วมกับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า เพราะว่าความชอบธรรมจะมีส่วนอะไรกับความอธรรม? และความสว่างจะมีสัมพันธ์สนิทกับความมืดได้อย่างไร?
2 โครินธ์ 6:15
พระคริสต์กับเบลีอัล จะตกลงใจร่วมกันได้อย่างไร
หรือผู้ที่เชื่อพระเจ้าจะมีส่วนใด ๆกับคนที่ไม่เชื่อได้หรือ?

2 โครินธ์ 6:16
พระวิหารของพระเจ้าจะมีข้อตกลงใดกับรูปเคารพ? เพราะว่าเราเป็นพระวิหารของพระเจ้า ดังที่พระเจ้าได้ตรัสว่า“เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา และเดินไปในหมู่พวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา”
2 โครินธ์ 6:17-18
“ดังนั้น จงออกมาจากคนเหล่านั้นแยกตัวออกจากพวกเขา อย่าแตะต้องสิ่งที่ไม่สะอาด แล้วเราจะต้อนรับเจ้าไว้”
“เราจะเป็นพ่อของเจ้า และเจ้าจะเป็นลูกชายลูกสาวของเรา”
พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้กล่าวไว้ 

2 โครินธ์ 6:1
พระคัมภีร์บางเล่มแปลว่า อย่าสักแต่รับพระคุณของพระเจ้า เราคิดดูสิในประเทศของเรานั้นการข่มเหงในเรื่องพระเจ้ามีน้อยที่อื่น ๆ เรายังมี
โอกาสเข้าไปประกาศในโรงเรียน ในสถานที่กักกันในที่ต่าง ๆ ได้ ในขณะที่หลายประเทศทำไม่ได้ เรามีเสรีภาพในการรับใช้พระเจ้า เป็นพระเมตตาที่ทรงให้เรารับใช้พระองค์ ท่านเปาโลรับใช้พระเจ้าสุดตัว สุดหัวใจ รับพระคุณมาเพื่อเชื่อ เพื่อรับใช้ท่านเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ได้รับพระคุณเปล่า ๆ

2 โครินธ์ 6:2
ท่านเปาโลกล่าวถึงอิสยาห์ 49:8 เพื่อให้เห็นว่าเวลานี้ บัดนี้ เป็นเวลาที่เราต้องเอาจริงเอาจังกับความเชื่อของเรา รับใช้พระเจ้าด้วยพระคุณของ
พระองค์ ไม่ใช่ด้วยกำลังหรือความเร่าร้อนใจของตนเอง จากคำของอิสยาห์ เราประเมินได้ว่า เวลาแห่งความโปรดปราน และเวลาแห่งความรอดมีที่สิ้นสุด เราจึงต้องพิจารณาตัวเองว่า ใช้ชีวิตอย่างไรอยู่ในเวลานี้ เผื่อว่า วันแห่งโอกาสรับใช้มันอาจจะหมดไปเมื่อไรก็ไม่รู้

2 โครินธ์ 6:3-4
ในการรับใช้ของท่านเปาโลนั้น ท่านพยายามที่สุดเพื่อไม่ให้ใครเข้าใจผิด สะดุดไป เต็มใจที่จะทำงานหนัก และเผชิญกับอุปสรรคนา ๆ ที่เกิดขึ้นตามทางขออย่าให้การรับใช้ของตัวท่านเป็นที่ตำหนิในสายตาของพี่น้อง (ถึงแม้มีคนคอยให้ร้ายป้ายสี พูดจาถากถางจากครูสอนผิด และแม้พี่น้องในโครินธ์เอง)ท่านยืนอยู่อย่างถูกต้องกับพระเจ้า แม้จะโดนใส่ร้าย การรับใช้ของท่านไม่มีตำหนิตามที่คนใส่ร้าย ท่านแน่ใจว่าถูกต้องกับพระเจ้าเสมอ

2 โครินธ์ 6:5
ถ้าเราตั้งใจอ่านหนังสือกิจการตอนชีวิตของท่านเปาโล เราจะเห็นว่า ท่านต้องเผชิญกับศัตรูทั้งที่เป็นคนยิวและคนต่างชาติ ซึ่งต่างก็มีวิธีการที่จะข่มขู่ ข่มเหงท่านในวิธีที่โหดร้าย ท่านเปาโลเองรู้อยู่แล้วว่า ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เริ่มต้นรับใช้ท่านเองก็เคยข่มเหงผู้เชื่อมาก่อน สิ่งที่ท่านต้องมีคือ ความอดทนเป็นอย่างมาก ซึ่งได้มาจากพลังแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า

2 โครินธ์ 6:6-7
แล้วท่านเปาโลใช้อะไรเป็นเครื่องมือในการสู้กับความทุกข์ยากลำบากเหล่านั้น? น่าสนใจที่ท่านมีเครื่องมือหลายอย่างที่นำมาช่วยให้ผ่านวิกฤติ และทำให้ท่านอดทนสู้จนมีชัยชนะ ความอดทนที่ท่านมีนั้นไม่ใช่ความอดทนแบบนิ่งเฉยแต่เป็นการสู้ผ่านไปโดยไม่ยอมแพ้ นับดูแล้วเครื่องมือของท่านมีแปดประการที่เราเองก็ต้องมีเช่นกัน …​พระคำข้อนี้คือเคล็ดลับของชัยชนะในชีวิตแห่งการรับใช้

2 โครินธ์ 6:8
ท่านเปาโลรับใช้พระเจ้าโดยไม่ได้สนใจว่า จะหยุดเมื่อมีคนต่อว่า ดูหมิ่น ถูกกล่าวหาต่าง ๆ ท่านรู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ตัดสิน ท่านมีชีวิตอยู่โดยความมั่นใจในสิ่งที่มองไม่เห็นซึ่งดำรงอยู่นิรันดร์ ความมั่นคงในการรับใช้นี้ เป็นตัวอย่างของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า ไม่ต้องไปห่วงหาเวที หรือความนิยมจากผู้คน แต่เฝ้าประกาศความจริงของพระเจ้าอย่างไม่หยุดยั้ง

2 โครินธ์ 6:9-10
ความย้อนแย้งในการรับใช้ของท่านเปาโลเป็นตัวอย่างของเราว่า จะต้องมั่นคงในการทรงเรียกของพระเจ้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดีหรือร้ายใน
สายตาของมนุษย์ก็ไม่ใช่ข้อที่นำมาตัดสิน ท่านมองทุกอย่างกลับด้านกับพี่น้องชาวโครินธิ์ซึ่งคอยตัดสินการทำงานของท่านตลอดเวลา ท่านมองเห็นด้วยว่า สิ่งที่ดูเหมือนร้าย แต่อีกด้านดูดีจริง ๆ ด้านที่มองเห็นเป็นแบบหนึ่ง แต่ด้านที่มองไม่เห็นเป็นอีกแบบ

2 โครินธ์ 6:11-13
ถ้าเป็นสมัยใหม่ ก็ต้องเรียกว่า กรอบความคิดที่ไม่ยอมเปลี่ยน พวกเขาไม่ได้รักท่านเปาโลพอที่จะเปิดใจหรือเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิดให้เข้ากันได้กับท่าน ท่านขอร้องพวกเขาแบบตรงไปตรงมาให้พวกเขาเปิดใจ การอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนของพระเจ้า เป็นคริสตจักรเป็นอวัยวะเดียวกันในพระคริสต์นั้น ทั้งสองฝ่ายต้องเปิดใจ เข้าใจกัน และยอมรับกันเพื่อจะเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนพระคริสต์มากขึ้นทุกวัน 

2 โครินธ์ 6:14
แม้ว่าเราจะใช้พระคัมภีร์ข้อนี้ มาพูดถึงการที่ว่าคริสเตียนไม่ควรแต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อ พื้นฐาน คำของท่านเปาโลนี้อยู่ที่เฉลยธรรมบัญญัติ 22:9เป็นคำสั่งห้ามไม่ให้สัตว์สองชนิดเข้ามาเทียมแอกเดียวกัน อย่าเอาสองสิ่งที่ไม่ควรคู่กันมาอยู่ด้วยกัน พี่น้องชาวโครินธ์คบคนที่ไม่เชื่อ ทำให้พวกเขาไม่อาจคืนดีกับท่านได้ พวกเขามีกรอบความคิดของคนไม่เชื่ออยู่ … เวลาเราทำงานทั่วไป เราก็จะเจอความคิดแบบของโลกที่ไม่ใช่ทางพระเจ้าเสมอ

2 โครินธ์ 6:15​
สิ่งที่พี่น้องโครินธ์ทำคือ พวกเขายอมรับความอธรรมได้ ยอมรับความคิดที่ผิดต่อพระเจ้าได้ ในโลกทุกวันนี้ มีความคิดที่ผิดต่อพระดำริของพระเจ้ามากมาย เป็นความคิดที่ต่อต้านพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนเพศ การทำแท้งเสรี การเหยียดเชื้อชาติ เรานึกว่า เราต้องรักทุกคน และรับทุกคนอย่างที่เขาเป็น ต้องรับความชั่วของมนุษย์ได้โดยไม่ต่อต้าน เราก็เลยไปยอมรับความคิดที่ผิดเพี้ยนคิดว่าไม่เป็นไร นี่อันตรายมาก!

 2 โครินธ์ 6:16
พี่น้องชาวโครินธ์ ได้เข้าไปมีส่วนในเรื่องของการไหว้รูปเคารพของชาวเมือง พวกเขายังมีปัญหาเรื่องนี้ อย่างที่ท่านเปาโลเขียนไว้ใน 1 โครินธ์
8-10 การเข้าสนิทเป็นเพื่อนกับผู้ที่ไหว้รูปเคารพจนยอมรับความคิดการกระทำของพวกเขาว่าไม่เป็นไรนั้น มีอิทธิพลต่อความคิดของคนของ
พระเจ้าอย่างแน่นอน เราเป็นวิหารของพระเจ้าพระเจ้าดำเนินท่ามกลางเรา เราเป็นคนของพระเจ้าจึงอย่าสยบให้มาร

2 โครินธ์ 6:17-18
ถ้าจะติดตามพระเจ้า ก็ต้องเลิกชีวิตบาปสารพัดเราไม่อาจคืนดีกับพระเจ้าได้ทั้ง ๆ ที่มีชีวิตบาป พระเจ้าทรงหวงคนของพระองค์ ไม่ให้เข้าไปพัวพัน
กับรูปเคารพซึ่งมาในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เป็นรูปปั้นอย่างสมัยก่อน พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ คือพระองค์ผู้ที่พระหัตถ์อยู่เหนือทุกสิ่งในโลก เป็นคำที่มักใช้ในวิวรณ์ พระองค์พอพระทัยที่จะเป็นพ่อของทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์ จึงมีพระคำที่บอกว่า ทรงรับเราเป็นบุตร ยอห์น 1:12

พระคำเชื่อมโยง

1* 1โครินธ์ 3:9; 2 โครินธ์ 5:20
2* อิสยาห์ 49:8
3* โรม 14:13
4* 1โครินธ์ 4:1
5* 2 โครินธ์ 11:23

7* 2 โครินธ์ 7:14; 1 โครินธ์ 2:4;
2 โครินธ์ 10:4
9* 2 โครินธ์ 4:2; 5:11; 1 โครินธ์ 4:9, 11; สดุดี 118:18
10* 2 โครินธ์ 8:9
11* 2 โครินธ์ 7:3

12* 2 โครินธ์ 12:15
13* 1 โครินธ์ 4:14
14* 1 โครินธ์ 5:9; เอเฟซัส 5:6, 7, 11
16* 1โครินธ์ 3:16-17; 6:19; เอเสเคียล 37:26-2717* อิสยาห์ 52:11
18* 2 ซามูเอล 7:14; โรม 8:14


2 โครินธ์ 5 คนที่ถูกสร้างใหม่

2 โครินธ์ 5:1
เพราะเรารู้ว่า ถ้าเต็นท์ซึ่งเป็นกายดินของเราถูกทำลายไป เราก็จะได้ที่อยู่อาศัยจากพระเจ้า ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ และดำรงอย่างยั่งยืนในสวรรค์
2 โครินธ์ 5:2-3
เพราะกายดินของเราโหยหาต้องการสวมใส่ที่อยู่อาศัยซึ่งมาจากสวรรค์ยิ่งนักเพราะเมื่อสวมใส่แล้ว จะไม่มีใครเห็นว่าเราเปลือยกายอยู่


2 โครินธ์ 5:4
ขณะที่เราอยู่ในเรือนกายนี้เราก็โหยหา เรามีภาระหนัก ซึ่งไม่ใช่เป็น
เพราะเราต้องการจะอยู่ตัวเปล่าเปลือย แต่เราต้องการจะสวมใส่กายใหม่ เพื่อว่าชีวิตอมตะจะกลืนกินกายที่ต้องตาย
2 โครินธ์ 5:5
พระเจ้าทรงเป็นผู้เตรียมเราเพื่อการนี้และพระองค์ประทานพระวิญญาณเป็นประกันแก่เรา

2 โครินธ์ 5:6-7
ดังนั้น เราจึงมั่นใจเสมอ และตระหนักว่าขณะที่เราอยู่ในร่างกายนี้ เท่ากับเราอยู่ห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อไม่ใช่ด้วยการเห็นด้วยตา
2 โครินธ์ 5:8-9
และเรามั่นใจและอยากที่จะจากร่างกายนี้ เพื่อไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่าดังนั้น เราตั้งเป้าไว้ว่า ไม่ว่าเราจะอาศัยในร่างกายนี้ก็ดี หรือจากไปก็ดีเราก็จะทำตนเป็นที่พอพระทัย


2 โครินธ์ 5:10
เพราะว่า เราทุกคนจะต้องไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อว่าแต่ละคนจะได้รับการตอบแทนตามการกระทำในร่างกายนี้ไม่ว่าจะดีหรือไร้สาระ
2 โครินธ์ 5:11
ดังนั้น เพราะเรายำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า เราจึงชักชวนคนอื่น ๆ เราเป็นอย่างไรนั้น ก็เป็นที่ปรากฏชัดต่อพระเจ้า และข้าหวังว่า จะปรากฏชัดในมโนธรรมของท่านด้วย

2 โครินธ์ 5:12
เราไม่ได้ยกตัวเองกับท่านทั้งหลายอีกแต่จะให้ท่านมีเหตุที่จะอวดพวกเราได้เพื่อพวกท่านจะสามารถตอบโต้เหล่า คนที่มักอวดถึงสิ่งที่มองเห็นภายนอก แต่ไม่ได้อวดสิ่งที่อยู่ในจิตใจ
2 โครินธ์ 5:13
ถ้าเราเป็นเหมือนคนที่ควบคุมตนเองไม่ได้ก็เป็นไปเพื่อพระเจ้าแต่หากเราเป็นเหมือนคนปกติก็เพื่อประโยชน์ของท่าน

2 โครินธ์ 5: 14
เพราะความรักของพระคริสต์ควบคุมเราอยู่ เพราะเราได้สรุปว่า เนื่องจากผู้หนึ่งได้ตายเพื่อทุกคน ดังนั้นทุกคนจึงตายแล้ว
2 โครินธ์ 5:15
พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อทุกคน ดังนั้น ทุกคนที่มีชีวิตจึงจะไม่อยู่เพื่อ
ตนเองอีกต่อไป แต่อยู่เพื่อพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ขึ้นมาเพื่อพวกเขา

2 โครินธ์ 5:16
ดังนั้น จากนี้ไปเราจะไม่ออกความเห็นเรื่องคนใดตามแนวคิดของโลก แม้ว่าเมื่อก่อนเราเคยออกความเห็นเรื่องพระคริสต์ตามแนวคิดโลกก็จริงแต่มาวันนี้ เราไม่มีความเห็นเรื่องพระองค์ อย่างนั้นอีกแล้ว
2 โครินธ์ 5:17
ดังนั้น ถ้าคนใดอยู่ในพระคริสต์คนนั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว
สิ่งเก่า ๆ ก็ล่วงไปและมีสิ่งใหม่เข้ามาแทนที่

2 โครินธ์ 5:18-19
สิ่งเหล่านี้เกิดมาจากพระเจ้า ผู้ทรงให้เราคืนดีกับพระองค์ โดยทางพระเยซูคริสต์ และประทานพันธกิจเรื่องการคืนดีนี้แก่เรา คือพระเจ้าทรงให้โลกคืนดีกับพระองค์ในพระคริสต์ พระองค์ไม่ทรงถือโทษใน
ความผิดของพวกเขา และทรงมอบเรื่องของการคืนดีนี้ให้เราประกาศ

อธิบายเพิ่มเติม


2 โครินธ์ 5:1
​เต็นท์เป็นที่อาศัยชั่วคราว ดังนั้นเต็นท์ซึ่งเป็นกายดินของเราซึ่งมีความหมายถึงร่างกายมนุษย์ที่ต้องตาย ส่วนที่อยู่อาศัยจากพระเจ้านั้น ก็คือร่างกายใหม่ที่ฟื้นคืนมาจากตาย นี่เป็นเรื่องยิ่งกว่าหนังไซไฟที่ใคร ๆ จะคิด แต่เป็นเรื่องจริงจึงมหัศจรรย์มากคนที่เร่ร่อนในสมัยก่อนจะใช้เต็นท์เป็นส่วนใหญ่ ร่างใหม่ที่เราจะได้จากพระเจ้านั้น เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่จะไม่มีวันเสื่อมสลาย หรือตายไปอย่างที่เป็นอยู่ในโลกนี้
2 โครินธ์ 5:2-3
ตัวท่านเปาโลเองอยากที่จะออกจากกายดินนี้ ไม่เหมือนพวกเราที่อยากอยู่ในกายดินนี้นานเท่าที่
จะทำได้ เพราะไม่ได้เชื่อว่าจะมีกายที่เป็นอมตะจากพระเจ้าที่เตรียมไว้ให้เราไว้ ความหวังในกายใหม่ของเรานั้น คือร่างกายที่ฟื้นคืนจากตาย ไม่ใช่เป็นกายวิญญาณเท่านั้น แต่เป็นกายอย่างพระเยซูที่ทรงฟื้นคืนมา 1 ยอห์น 3:2
บอกว่า เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เหมือนพระเยซู!
2 โครินธ์ 5:4
เราโหยหาที่จะสวมใส่กายใหม่ นั่นคือเวลานี้ท่านเปาโลมีความปรารถนาที่จะได้รับกายที่มีศักดิ์ศรี อยู่กับพระคริสต์ ท่านเปาโลกำลังบอกว่า กายนี้ของท่านเทียบไม่ได้กับกายใหม่สักนิดตัวเปล่าเปลือยที่ว่าน่าจะหมายถึงสภาพปัจจุบันของผู้เชื่อที่วิญญาณจิตอยู่ใกล้ชิดพระเจ้า แต่ร่างกาย
ยังไม่ได้รับการฟื้นคืนชีพขึ้นมา ซึ่งเป็นกายที่เหนือกว่ากายที่ต้องตายมากนัก
2 โครินธ์ 5:5
การที่ผู้เชื่อจะได้ไปอยู่กับพระเจ้าในแผ่นดินสวรรค์เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าเอง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่มนุษย์จะคิดขึ้นมาและทำเองได้ พระเจ้าทรง
กำหนดให้ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกจะได้เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ (โรม 8:29) เพราะพวกเขาเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือกมอบให้พระเยซูด้วยพระองค์เอง (ยอห์น 6:37) หลักประกันว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นคือพระเจ้าทรงให้พระวิญญาณประทับในร่างกายของผู้เชื่อ
2 โครินธ์ 5:6-7
แม้ว่าเราจะมีพระวิญญาณอยู่ในชีวิตของเรา แต่การที่อยู่ในโลกนี้ เท่ากับเราอยู่ห่างจากความเต็มบริบูรณ์ซึ่งมีอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าในแผ่นดิน
สวรรค์ ท่านเปาโลมีความรู้สึกว่า ตอนที่ท่านอยู่ในโลก เทียบไม่ได้กับการอยู่เบื้องพระพักตร์ความเชื่อ ความหวังใจที่จะอยู่กับพระเจ้านี้ เป็น
สิ่งที่ยังมองไม่เห็นด้วยตา ต้องใช้ความเชื่อแบบที่ไม่เห็นแต่เชื่อ (ฮีบรู 11:1) เชื่อในคำสัญญาของพระเจ้าที่มีให้ไว้ (2 โครินธ์ 4:18, 5:1)
2 โครินธ์ 5:8-9
ในเมื่อสวรรค์นั้นเป็นที่ ๆ ดีกว่าโลกเป็นไหน ๆ ท่านเปาโลจึงอยากที่จะไปอยู่ที่นั่นกับพระเจ้ามากกว่าเป้าหมายของท่านจึงแตกต่างไปจากคนในโลกนี้คนละขั้วเลย.. ดังนั้น วิธีการของท่านที่เชื่อว่าจะทำให้ท่านได้สมปรารถนาคือ การทำตัวเองให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าในทุก ๆ ด้าน
ทุก ๆ แห่งที่อยู่ และนี่ควรเป็นเป้าหมายของเราทุกคนเช่นกัน เป็นเหมือนทาสที่ต้องการทำให้นายพอใจทุกอย่าง (ทิตัส 2:9)
2 โครินธ์ 5:10
ที่สุดของชีวิตคือเราจะต้องให้การกับพระเจ้าในการกระทำทุกอย่างของเรา ไม่ว่าคนจะเห็นหรือไม่ ถึงเวลานั้นก็ไม่มีการปกปิดแล้ว ที่บัลลังก์นั้น
เป็นบัลลังก์แห่งการพิพากษาซึ่งพระเจ้าจะทรงดูว่าใครทำอะไร จะมีรางวัลอะไรให้ ไม่ได้เป็นเรื่องของบาปเพราะว่า บาปของเรานั้น พระเยซูทรงกำจัดให้แล้วที่ไม้กางเขน แต่เป็นเรื่องของการกระทำหลังจากที่เราเชื่อในพระเจ้า เราต้องถามตัวเองว่า ได้ใช้ชีวิตในการที่จะทำสิ่งที่มีคุณค่านิรันดร์บ้างหรือไม่
2 โครินธ์ 5:11
เพราะความยำเกรงพระเจ้า ทำให้ท่านเปาโลตั้งใจใช้ชีวิตเป็นที่พอน้ำพระทัยพระเจ้า และเพิ่มรางวัลให้กับตนเองในวันของพระองค์ ท่านจึงชักชวนพี่น้องให้คิดอย่างนี้ ให้พวกเขาระวังที่จะเชื่อและทำในสิ่งที่ถูกต้องสถานภาพฝ่ายวิญญาณหรือมโนธรรมของท่านเปาโลนั้น คือความจริงใจ จริงจัง และถูกต้องท่านหวังว่าสิ่งที่พระเจ้าทรงเห็นชอบ จะเป็นที่เห็นชอบของพี่น้องด้วย
2 โครินธ์ 5:12
เหล่าคนที่ต่อต้านท่านเปาโลในคริสตจักรโครินธ์ พวกที่พยายามกวน ปลุกปั่นให้คริสตจักรสั่นคลอน พวกที่สอนผิด ต้องใช้การโอ้อวดภายนอกเพื่อให้คนเชื่อถือ อวดความดี อวดว่าตนเองเป็นคนเที่ยงธรรมเหนือผู้อื่น หากเรากลับไปอ่าน 4:2 เราจะเห็นว่า ท่านเปาโลได้บอกชัดเจนว่า ท่าน
รับใช้พระเจ้าอย่างไร ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่บิดเบือนแต่กล่าวพระคำของพระเจ้าอย่างตรงไปตรงมาตามพระประสงค์ของพระเจ้า
2 โครินธ์ 5: 14
ความรักพระคริสต์เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตของท่านเปาโล ความจริงที่ว่า “พระคริสต์ได้ตายเพื่อรับโทษบาปแทนเรา พระองค์ทรงเป็นผู้รับการแช่งสาปแทนเรา”(กาลาเทีย 3:13) นี้ เป็นพลังที่ทำให้ท่านเปาโลเองถวายชีวิตให้กับพระเจ้าทั้งหมดทุกคนที่เชื่อในพระเยซูเท่ากับพวกเขาได้ตาย
เหมือนกับพระองค์ไปแล้วด้วย พระเจ้าทรงถือว่าชีวิตเก่าของพวกเขาจบไปแล้ว พวกเขาพ้นโทษแล้ว
2 โครินธ์ 5:13
การควบคุมตัวเองไม่ได้ในภาษาเดิมว่า “บ้าไปแล้ว”หรือ“เสียสติ” ท่านเปาโลกำลังบอกว่า ท่านทุ่มเทให้กับความจริงอย่างสุดตัว ท่านถูกคนที่ต่อต้านกล่าวหาว่าบ้า เสียสติ เป็นอย่างนั้นก็ได้เพราะท่านทำเพื่อพระเจ้า แต่หากท่านควบคุมตนเองได้ก็คือ ไม่ทำตัวสุดโต่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านทำเพื่อเห็นแก่พี่น้อง จะได้เกิดความเข้าใจในขณะที่ท่านแก้ต่างให้ตนเอง และสอนความจริงให้กับพวกเขา
2 โครินธ์ 5:15
ด้วยชีวิตใหม่ที่ได้รับมา ผู้เชื่อจึงไม่มีชีวิตเพื่อตัวเองอย่างที่เคยอีกต่อไป เนื่องจากชีวิตเดิมนั้นผ่านไปแล้ว ชีวิตบาปไม่มีอีกต่อไป พวกเขาจึงเป็นอิสระจากโทษบาปที่รอทุกคนที่ยังบาปอยู่ อำนาจบาปที่เคยมีเหนือชีวิตคน ๆ หนึ่ง (จากปฐมกาล 3:1-7) ถูกทำลายไปสิ้นเมื่อเขามาเชื่อวางใจพระเยซู (โรม 6:1-14) พวกเขาเป็นเหมือนท่านเปาโลคือ มีความรักของพระคริสต์ควบคุมชีวิต
2 โครินธ์ 5:16
จำได้ไหมว่า เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นหนุ่มแน่นเป็นฟาริสีสุดโต่ง ท่านเปาโลมองว่า การที่มาเชื่อพระเยซู เป็นสิ่งที่กัดกร่อนความมั่นคงของศาสนา
ยิวโดยตรง และสิ่งที่ทำคือ พยายามทำลายผู้เชื่อให้สิ้นซากไปเลย แต่เมื่อท่านมาพบพระเยซูด้วยตนเองจริง ๆ แล้ว เป้าหมายก็เปลี่ยนไป เป็นความต้องการให้ยิวทุกคนได้รอดพ้นบาป (โรม 10:1,9:1-3) การมองคนเปลี่ยนจากภายนอกเป็นการมองไปข้างในชีวิต
2 โครินธ์ 5:18-19
การคืนดี…เป็นราชกิจสำคัญที่พระเจ้าทรงให้พระเยซูลงมาทำในโลกนี้ ท่านเปาโลเองได้รับประสบการณ์ในการคืนดีนี้ชัดเจนมาก เมื่อท่านได้คืนดีกับพระเยซูคริสต์ สยบต่อไม้กางเขนของพระเยซู เลิกชีวิตที่เข่นฆ่าผู้อื่น แล้วกลับกลายเป็นผู้ที่อธิบายความหมายของไม้กางเขนให้ชาวโลกเข้าใจท่านบอกว่านี่เป็นการคืนดีกับพระเจ้า ทุกคนที่เชื่อพระเยซูคริสต์จะพ้นโทษบาป พ้นอำนาจบาปพบแล้ว เชื่อแล้ว ก็บอกต่อให้ทุกคนได้รู้
2 โครินธ์ 5:17
ท่านเปาโลมองภาพใหม่ จากคริสเตียนที่ต้องถูกกำจัด เป็นคนที่พระเจ้าทรงสร้างใหม่ พวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ถ้าจะดูจากชีวิตท่านเปาโล
จะเห็นชัดมาก คนเดิม เป้าหมายเดิมไม่อยู่ต่อไปท่านรับการสร้างใจใหม่จากพระเจ้า สิ่งเก่า ๆแนวคิดเก่า ความเชื่อเก่าหายไปหมด ไม่ตกค้าง
ให้รำคาญเป็นอุปสรรคอีกต่อไป นี่เป็นผลแห่งพระวิญญาณ (ดู 2 โครินธ์ 3:3, 3:6, 3:18)

พระคำเชื่อมโยง

1* โยบ 4:19; มาระโก 14:58
2* โรม 8:23
3* วิวรณ์ 3:18
4* 1โครินธ์ 15:53
5* โรม 8:23
7* ฮีบรู 11:1
8* ฟีลิปปี 1:23

10* โรม 2:16; 14:10, 12; เอเฟซัส 6:8
11* ฮีบรู 10:31; 12:29
12* 2 โครินธ์ 3:1; 1:14
13* 2 โครินธ์11:1; 16; 12:11
14* โรม 5:15; 6:6
15* โรม 6:11
16* 2 โครินธ์ 10:3; มัทธิว 12:50

17* ยอห์น 6:63; โรม 8:9; อิสยาห์ 43:18; 65:17; โรม 6:3-10
18* โรม 5:10
19* โรม 3:24
20* เอเฟซัส 6:20
21* อิสยาห์ 53:6, 9; โรม 1:17; 3:21