1 โครินธ์ 15 การคืนพระชนม์..สำคัญมาก!

การคืนพระชนม์ของพระเยซู
1 โครินธ์ 15:1-2
พี่น้องเอ๋ย บัดนี้ ข้าได้ฟื้นความทรงจำของท่านถึงข่าวประเสริฐที่ข้าเคยประกาศแก่พวกท่าน ซึ่งท่านได้รับไว้ และได้ยืนมั่นอยู่ในข่าวนั้น และท่านได้รับความรอดโดยข่าวประเสริฐ หากท่านยึดมั่นในคำที่ข้าได้ประกาศไป ไม่เช่นนั้นแล้วความเชื่อของท่านจะไร้ประโยชน์
1 โครินธ์ 15:3-4
เพราะว่า ข้าได้มอบสิ่งที่ข้าได้รับมาซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด นั่นคือ พระคริสต์ได้ทรงสิ้นชีวิตเพราะบาปของเราตามที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ ทรงถูกฝังไว้ และวันที่สามทรงถูกทำให้คืนพระชนม์ขึ้นมาตามที่พระคัมภีร์บันทึกไว้

การปรากฏพระองค์ที่เห็นกันชัดเจน
1 โครินธ์ 15:5-6
ทรงปรากฏพระองค์แก่เคฟาสและแก่อัครทูต ทั้งสิบสองคน
หลังจากนั้น พระองค์ทรงปรากฏแก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคน ในเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนมากยังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้ แม้ว่าจะมีบางคนล่วงหลับไป

1 โครินธ์ 15:7-9
ต่อมาจากนั้น พระองค์ได้ทรงปรากฏต่อยากอบและอัครทูตทั้งหมด ท้ายสุดยังทรงปรากฏต่อข้าพเจ้า เหมือนทารกซึ่งคลอดก่อนกำหนด เพราะข้าเป็นคนเล็กน้อยสุดในกลุ่มอัครทูต และไม่สมควรจะให้ใครเรียกว่าเป็นอัครทูต เพราะข้าได้ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้า
1 โครินธ์ 15:10
แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ข้าจึงได้เป็นอยู่อย่างที่เห็นนี้ พระคุณที่ประทานแก่ข้าไม่ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้ามข้าทำงานตรากตรำมากกว่าพวกเขาทั้งหมด แม้ว่าไม่ใช่เป็นด้วยตัวข้าเองแต่เป็นพระคุณที่อยู่ในข้าที่ทำให้
1 โครินธ์ 15:11
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวข้าหรือพวกเขาก็ดี เราต่างประกาศแบบนี้และท่านก็เชื่อตามคำที่ได้ประกาศ

พระเยซูผู้คืนพระชนม์เป็นความหวังเดียวของเรา
1 โครินธ์ 15:12-13
ก็เราได้ประกาศว่า พระคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์แล้ว เหตุใดพวกท่านบางคนจึงพูดว่า ไม่มีการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย? ถ้าไม่มีการเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว เท่ากับพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์

1 โครินธ์ 15:14-15
และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์เท่ากับการประกาศของเรานั้นไร้ค่า และความเชื่อของท่านก็ไร้ค่าด้วย ยิ่งกว่านั้น ผู้คนจะมองว่าเราเป็นพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเราเป็นพยานว่าพระองค์ได้ทรงทำให้พระคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์ แต่ถ้าคนตายไม่ได้ฟื้นคืนมาจริงแล้ว เท่ากับพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์

1 โครินธ์ 15:16-17
เพราะถ้าเหล่าคนตาย ไม่ได้ฟื้นคืนชีวิต เท่ากับพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์ด้วยและถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์ ความเชื่อของท่านก็ไร้ค่า เท่ากับท่านยังคงตกอยู่ในความบาปของตนเอง
1 โครินธ์ 15:18-19
และเมื่อเป็นอย่างนั้น เหล่าคนที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วยสิ ถ้าเรามีความหวังในพระคริสต์แค่ช่วงชีวิตในโลกนี้ เราก็เป็นคนที่น่าเวทนาที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง

ศัตรูตัวสุดท้ายที่ถูกทำลาย
1 โครินธ์ 15:20-21
แต่บัดนี้ พระคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์แล้ว ทรงเป็นผลแรกของ
เหล่าคนที่ล่วงหลับไปเพราะเมื่อความตายเกิดขึ้นโดยมนุษย์คนเดียว การฟื้นจากความตาย ก็เกิดขึ้นจากมนุษย์คนเดียวเช่นกัน
1 โครินธ์ 15:22-23
เพราะทุกคนตายสืบเนื่องจากอาดัมฉันใดทุกคนก็จะได้รับชีวิตเพราะการสืบเนื่องจากพระคริสต์ฉันนั้น แต่ว่าจะเรียงตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรกต่อจากนั้นก็คือ คนที่เป็นของพระคริสต์ในเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา


1 โครินธ์ 15:24-25
แล้วต่อมาคือเวลาสิ้นยุค เมื่อพระองค์ทรงถวายอาณาจักรแด่พระเจ้าพระบิดาหลังจากที่ทรงทำลายเหล่าผู้มีสิทธิปกครอง ผู้มีสิทธิอำนาจและอานุภาพทั้งหลายเพราะพระคริสต์ จะต้องทรงครอบครองจนกว่าพระองค์จะทำลายศัตรูทั้งหมดให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์
1 โครินธ์ 15:26-27
ศัตรูตัวสุดท้ายที่จะต้องถูกทำลายคือความตาย เพราะ “พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้พระบาทของพระองค์แล้ว”แต่เมื่อมีการกล่าวว่า “ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์” นั้น ก็เป็นที่รู้ชัดเจนว่า เป็นการยกเว้นพระเจ้าผู้ทรงกำราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจพระคริสต์

1 โครินธ์ 15:28
เมื่อทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของพระองค์แล้วพระบุตรเองก็จะทรงเข้ามาอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้าผู้ทรงกำราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงเป็นใหญ่เหนือสรรพสิ่ง

ผลของการปฏิเสธความจริงเรื่องการคืนจากตาย
1 โครินธ์ 15:29
ถ้าไม่มีการฟื้นขึ้นมาจากตายแล้วเหล่าคนที่รับบัพติศมาเพื่อคนตายจะทำอย่างไร? และทำไมจึงมีการให้รับบัพติศมาเพื่อคนตาย?
1 โครินธ์ 15:30-31
ทำไมเราจึงต้องเสี่ยงอันตรายทุกชั่วโมง? พี่น้องเอ๋ย ข้าเองเผชิญกับความตายอยู่ทุกวัน ข้ายืนยันด้วยความภูมิใจใน
ตัวท่าน ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

1 โครินธ์ 15:32
พูดตามเหตุผลของมนุษย์ ข้าจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าข้าต้องต่อสู้กับสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซัส หากไม่มีการฟื้นขึ้นจากตาย “ให้เรากินและดื่มเถิดเพราะว่าพรุ่งนี้เราก็จะตาย”
1 โครินธ์ 15:33-34
อย่าหลงผิดไป “การคบคนชั่วเป็นการทำให้นิสัยดี เสียไป”จงมีสติ … อย่าทำบาปอีก เพราะว่ามีบางคนไม่รู้จักพระเจ้า ที่ข้าพูดเช่นนี้เพื่อทำให้ท่านรู้จักละอายใจ

ร่างกายที่เต็มด้วยศักดิ์ศรี
1 โครินธ์ 15:35-36
แต่จะมีคนถามว่า “คนตายนั้นจะฟื้นคืนชีวิตมาได้อย่างไร? และพวกเขาจะมีร่างกายแบบไหน?” โอ เจ้าคนเขลา สิ่งที่ท่านหว่านนั้น กว่าจะงอก มีชีวิตขึ้นมาได้ มันต้องตายเสียก่อน
1 โครินธ์ 15:37-38
สิ่งที่ท่านหว่านไม่ได้หว่านเป็นรูปร่างต้นลงไป ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลีหรือพืชอย่างอื่น ท่านหว่านแค่เป็นเมล็ดเท่านั้นพระเจ้าทรงให้แต่ละต้นมีรูปร่างตามที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ประทานรูปร่างของต้นตามชนิดของมัน

1 โครินธ์ 15:39-40
ร่างกายนั้น ไม่เหมือนกันทั้งหมดร่างมนุษย์ก็อย่างหนึ่ง สัตว์ก็อีกอย่างนกก็อีกอย่าง ปลาก็อีกอย่าง ดังนั้นมีร่างกายสำหรับสวรรค์และมีร่างกายสำหรับโลก ความงาม
สง่าของร่างกายสวรรค์ก็อย่างหนึ่งความงามสง่าของโลกก็อีกอย่าง
1 โครินธ์ 15:41
ความงามสง่าของดวงอาทิตย์ก็อย่างหนึ่ง ดวงจันทร์ก็อีกอย่าง ดวงดาวก็อีกอย่าง ที่จริงแล้วความงามสง่าของดาวแต่ละดวงนั้นก็แตกต่างกัน

1 โครินธ์ 15:42-44
ร่างกายที่ถูกหว่านลงไปนั้นเน่าไปได้แต่ร่างกายที่เป็นขึ้นมานั้นไม่เน่าเปื่อย. สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้น ไม่มีเกียรติแต่เมื่อฟื้นคืนชีวิตก็มีเกียรติศักดิ์ศรี
สิ่งที่ถูกหว่านนั้นอ่อนกำลัง แต่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาก็มีพลัง สิ่งที่ถูกหว่านลงไปเป็นกายมนุษย์ แต่สิ่งที่คืนชีวิตขึ้นมาเป็นกายวิญญาณถ้ามีกายมนุษย์ก็มีกายวิญญาณด้วย

อาดัมแรกกับอาดัมที่สอง
1 โครินธ์ 15:45-46
ดังที่มีเขียนไว้ว่า “อาดัม มนุษย์คนแรกมาเป็นผู้มีชีวิต”
กายแรกนั้น ไม่ใช่กายวิญญาณ แต่เป็นกายมนุษย์แล้วหลังจากนั้นจึงเป็นกายวิญญาณ
1 โครินธ์ 15:47-49
มนุษย์คนแรกมาจากผงคลีดิน และเป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์ มนุษย์ดินผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินคนอื่น ๆ ก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์ผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์คนอื่น ๆ ก็เป็นอย่างนั้นและที่เรามีลักษณะของมนุษย์ดิน เราก็จะมีลักษณะที่เหมือนมนุษย์สวรรค์เช่นกัน

ชัยชนะสุดท้ายของเรา
1 โครินธ์ 15:50
พี่น้องทั้งหลาย ข้าขอบอกว่า เนื้อและเลือดไม่อาจมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้าได้ หรือสิ่งที่เน่าผุพังก็ไม่อาจมี
ส่วนในสิ่งที่ไม่ผุพัง
1 โครินธ์ 15:51-52
ดูเถิด ข้ากำลังจะบอกเรื่องล้ำลึกให้เราจะไม่ล่วงหลับไปทุกคน แต่เราทุกคนจะถูกเปลี่ยนใหม่ในชั่วขณะ ในพริบตาเมื่อมีการเป่าแตรครั้งสุดท้าย เมื่อมีเสียงแตร คนตายก็จะฟื้นคืนชีวิตไม่เน่าไปแล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนใหม่

ความตายพ่ายแพ้
1 โครินธ์ 15:53-54
เพราะสิ่งที่เน่าผุพัง ต้องสวมด้วยสิ่งที่ไม่เน่า และสภาพที่ตายนี้ต้องสวมด้วยสภาพที่ไม่ตาย เมื่อสิ่งที่เน่าผุพังสวมด้วยสิ่งที่ไม่เน่าและสภาพที่ตายสวมด้วยสภาพที่ไม่ตาย เมื่อนั้นพระคำที่บันทึกไว้จะสำเร็จเป็นจริงว่า “ความตายพ่ายแพ้ถูกกลืนหายไปด้วยชัยชนะ”

1 โครินธ์ 15:55-57
โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน?
โอ ความตาย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?
บาป เป็นเหล็กในของความตาย บัญญัติเป็นอำนาจของบาปแต่ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะแก่เหล่าผ่านทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
1 โครินธ์ 15:58
ดังนั้น พี่น้องที่รักของข้า จงมั่นคงไม่หวั่นไหว จงทำงานของพระเจ้าอย่างเต็มกำลังทุกเวลา ท่านทั้งหลายจงรู้ว่าการลงแรงในการรับใช้ของท่านจะไม่เสียเปล่า

อธิบายเพิ่มเติม

การคืนพระชนม์ของพระเยซู
1 โครินธ์ 15:1-2
และแล้วท่านเปาโลก็ย้อนกลับไปยังสิ่งที่สำคัญยิ่งคือ ข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศไปแล้ว และพี่น้อง ก็ได้ใช้ชีวิตติดตามข่าวนั้น ข่าวประเสริฐทำให้พี่น้องมีจุดยืนที่ชัดเจน มั่นคง จากคำเขียนของท่านทำให้เรารู้ว่า มีบางคนไม่ได้ยึดมั่นในคำที่ท่านสอน และทำให้ชีวิตของเขาขาดความเชื่อ
ข่าวประเสริฐไม่มีประโยชน์สำหรับชีวิตของคนแบบนั้นเลย
1 โครินธ์ 15:3-4
พระคำข้อนี้เป็นข่าวประเสริฐแบบย่อสุด สั้น ได้ใจความ เรียบง่าย ไม่คดเคี้ยวไปมา สมควรที่ เราจะจำไว้ให้ได้ต่อจากยอห์น 3:16 เป็นคำที่
บอกถึงแก่นของความเชื่อคริสเตียน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการสิ้นพระชนม์ การถูกเก็บในถ้ำเก็บศพ และการคืนพระชนม์เกิดขึ้นตามที่พระคัมภีร์
ได้เขียนล่วงหน้าไว้แล้ว ไม่ใช่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้น แต่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าให้รู้ว่า พระเยซูองค์นี้คือ พระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอดของโลก

การปรากฏพระองค์ที่เห็นกันชัดเจน
1 โครินธ์ 15:5-6
การคืนพระชนม์ของพระเยซูนั้น มิได้เป็นเรื่องเล่ามาเป็นตำนาน แต่พระองค์ทรงพิสูจน์ว่า ทรงคืนพระชนม์จริง เพราะทรงได้พบกับพี่น้องทั้งที่ใกล้ชิดและพี่น้องคนอื่น ๆ หลายร้อยคนให้เห็นเป็นประจักษ์พยานเพื่อพวกเขาจะได้เล่าคำพยานจากชีวิตจริงด้วยความมั่นใจว่า พระเยซูทรงคืน
พระชนม์มาแล้ว ด้วยว่ามีคนที่พยายามจะบิดเบือนการคืนพระชนม์มาโดยตลอดแม้กระทั่งทุกวันนี้
1 โครินธ์ 15:7-9
พระเจ้าพระบิดามิได้ทรงปล่อยให้เรื่องนี้ขาดพยานบุคคล พระเยซูผู้คืนพระชนม์จึงได้ปรากฏพระองค์ และสนทนากับอัครทูต น้องของพระองค์เองเช่นท่านยากอบ ซึ่งได้กลับใจมาเชื่อทีหลัง (ยากอบไม่ได้เชื่อพระเยซูในตอนที่ท่านยังอยู่ในครอบครัวเดียวกันกับพระเยซู)ในที่สุด พระเยซูทรงปรากฏพระองค์แก่ท่านเปาโลบนถนนสู่เมืองดามัสกัสด้วย (กิจการ 9:3-20)
1 โครินธ์ 15:10
ท่านเปาโลได้พบกับพระเยซูหลังจากอัครทูตและคนอื่น ๆ นานมาก ถึงกระนั้นท่านเองรู้ชัดว่า พระเจ้าทรงตั้งให้ท่านรับใช้พระองค์จริง ๆ ท่านได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระคุณของพระเจ้าจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ได้เป็นคนเดิมที่ข่มเหงคริสตจักรอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นคนที่สร้าง
คริสตจักรและดูแล สร้างเสริมพระกายพระคริสต์ และเป็นคนที่ถูกข่มเหงจากพวกยิวอย่างรุนแรง
1 โครินธ์ 15:11
จะเป็นท่านเปาโลหรืออัครทูตท่านอื่น ๆ ต่างก็มีเนื้อหาข่าวประเสริฐเดียวกัน และเรียกร้องให้ผู้ฟังเชื่อและเชื่อฟังทำตาม คำที่ท่านบอกว่า
เราต่างประกาศแบบนี้ คำเดิมมีความหมายว่าเราประกาศแบบนี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้หยุด การประกาศดังกล่าวได้พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง
ชีวิตมาจากพระเจ้า ผู้ฟังได้รับการเปลี่ยนชีวิตโดยพระคุณของพระเจ้า ทรงเปลี่ยนความคิด การกระทำของเราให้สอดคล้องกับพระทัยพระองค์

พระเยซูผู้คืนพระชนม์เป็นความหวังเดียวของเรา
1 โครินธ์ 15:12-13
เริ่มมีปัญหาแล้ว มีความคิดต่างออกไปจากข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศไป มีพี่น้องบางคนเชื่อว่า ในอนาคต จะไม่มีการฟื้นจากตายทั้ง ๆ ที่พระเยซู
ทรงคืนพระชนม์มาให้เห็นกับตา บางคนอาจคิดว่าพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ แต่คนอื่น ๆ จะไม่ฟื้นคืนชีวิต คนที่รับอิทธิพลกรีกรู้สึกว่า ถ้าจะเชื่อเรื่องการฟื้นจากตายของพี่น้องดูจะมากไป จึงตัดสินใจไม่เชื่อเสียดีกว่า แต่ท่านเปาโลไม่ยอม เพราะถ้าไม่เชื่อ เท่ากับไม่เชื่อเรื่องการคืนพระชนม์เช่นกัน
1 โครินธ์ 15:14-15
รู้ไหมว่า ความเชื่อของคริสเตียนนั้นเท่ากับศูนย์ หากพระเยซูคริสต์ไม่ได้คืนพระชนม์ เท่ากับเราติดตามคำบอกเล่าที่ไร้ค่า สิ่งที่ท่านเปาโลและอัครทูตประกาศ กลับกลายเป็นเรื่องโกหก ท่านกลายเป็นพยานเท็จเท่ากับไม่มีพระคริสต์ที่ฟื้นคืนพระชนม์ ตอนนี้ท่านกำลังจะสู้กับความเชื่อที่ทำลายตัวเองของพี่น้องในโครินธ์
1 โครินธ์ 15:16-17
การคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ เป็นหลักประกันว่า เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์ หากพระองค์ไม่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา เท่ากับพระองค์ไม่สามารถช่วยเราให้รอดได้ ดังนั้น การคืนพระชนม์ของพระเยซูจึงบอกเราว่า ความตายไม่มีอำนาจเหนือพระองค์ ทรงชนะความตายแล้ว และพระองค์ทรงถวายชีวิตของพระองค์เป็นเครื่องบูชา ทรงจ่ายค่าจ้างของความบาปให้ผู้เชื่อทุกคนแล้ว และเราไม่อยู่ในบาปของเราอีกต่อไป บาปจึงไม่มีอำนาจเหนือเราอีก
1 โครินธ์ 15:18-19
เคยมีคนถามว่า ทำไมพระเยซูต้องคืนพระชนม์ขึ้นมาด้วย? เราจะเชื่อพระองค์เหมือนอย่างเชื่อเหล่าศาสดาในศาสนาอื่นไม่ได้หรือ? ไม่ได้เลย เพราะหากพระเยซูไม่คืนพระชนม์ เท่ากับพระองค์ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พวกเราก็น่าเวทนาที่สุด ความจริงเรื่องการคืน-พระชนม์จึงสำคัญยิ่งต่อเรา พระเจ้าทรงสัญญาชีวิตหลังความตายให้เราด้วย ชีวิตของเราไม่ได้จบอยู่เพียงแค่โลกนี้

ศัตรูตัวสุดท้ายที่ถูกทำลาย
1 โครินธ์ 15:20-21
โดยไม่ต้องพิสูจน์ด้วยเหตุผลใด ๆ อีก (อย่างในข้อที่บอกว่า พระองค์ทรงปรากฏแก่คนเป็นจำนวนมากและแก่อัครทูต และแก่ท่านเปาโลเอง)
ท่านจึงประกาศว่า พระเยซูทรงคืนพระชนม์ขึ้นมาแล้ว ความบาปที่อาดัมทำ ส่งผลให้มนุษยชาติต้องตายฉันใด การคืนพระชนม์ของพระเยซู ก็จะ
ทำให้ผู้เชื่อที่ตกในความบาป ซึ่งเหมือนคนตายแล้วได้ฟื้นชีวิตฝ่ายวิญญาณขึ้นมา และหากเขาตายไป วันหนึ่งพระเจ้าจะทรงให้เขาได้ชีวิตคืนมาด้วย
1 โครินธ์ 15:22-23
อาดัมเป็นคนต้นของมนุษยชาติที่ทำให้คนทั้งโลกตกอยู่ในความตายเนื่องจากบาป พระเยซูคริสต์ทรงเป็นดั่งอาดัมคนที่สอง ซึ่งก็เป็นคนต้นของ
มนุษยชาติเช่นกัน และพระองค์ทรงทำให้ทุกคนที่อยู่ภายใต้พระองค์ได้มีการคืนชีวิตขึ้นมาแม้ว่าทุกคนจะได้คืนชีพ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะคืนชีพ
มาเพื่อได้ชีวิต เพราะคนที่ไม่เชื่อจะคืนชีวิตขึ้นมาเพื่อรับโทษ และยังมีชีวิตต่อไปในบึงไฟ อ่าน ยอห์น 5:29 และ โรม 5:12-13
1 โครินธ์ 15:24-25
สุดท้ายของวาระโลกเราก็คือ พระเจ้าจะทรงให้ทุกสิ่งในเอกภพมาสยบใต้พระคริสต์ (เอเฟซัส 1:10) พระเยซูจะทรงทำลายศัตรูทั้งสิ้นของพระบิดา ศัตรูที่พยายามจะเป็นหนึ่งเหนือพระองค์จะถูกพระบุตรทำลายสิ้น และพระบุตรได้ทรงปลดอำนาจของศัตรูจากการที่ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน การต่อสู้ยังคงมีต่อไป แต่ผู้ชนะศึกครั้งนี้ทรงปรากฏพระองค์ให้เห็นชัดแล้ว (โคโลสี 2:15)
1 โครินธ์ 15:26-27
ท่านเปาโลทำให้เราเข้าใจชัดเจนว่า ความตายคือ​​ศัตรู ทำไมล่ะ? เพราะมันทำให้เราไม่ได้มีชีวิตนิรันดร์อยู่กับพระเจ้า หากพระเยซูไม่ชนะความ
ตายโดยการฟื้นคืนพระชนม์ เท่ากับความตายชนะ แต่.. มันไม่ชนะ ผู้ชนะคือพระเยซูคริสต์ ความตายเป็นศัตรูของมนุษยชาติ และพระเยซู
เสด็จมาเพื่อทำลายความตายนั้นโดยการสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ขึ้นมา และพระองค์จะทรงให้ผู้เชื่อในพระองค์ทุกคนฟื้นคืนชีวิตด้วย
1 โครินธ์ 15:28
ในขณะที่ศัตรูต้องการเป็นใหญ่เหนือพระเจ้า แต่พระบุตรของพระองค์ผู้ทรงมีชัยชนะเหนือทุกสิ่งในเอกภพ กลับทรงเข้ามาอยู่ใต้พระดำริของพระบิดา นี่เป็นพระประสงค์ของพระบุตร จนกระทั่งพระองค์ทรงปราบศัตรูร้ายคือความตายแล้ว พระบุตรผู้มีความสัมพันธ์นิรันดร์กับพระบิดา ทรงประสงค์ที่จะอยู่ใต้พระบิดา โดยยกพระบิดาสูงส่ง สูงสุด

ผลของการปฏิเสธความจริงเรื่องการคืนจากตาย
1 โครินธ์ 15:29
พี่น้องชาวโครินธ์มีพิธีที่ทำบัพติศมาให้กับคนตายทั้ง ๆ ที่บอกว่าไม่เชื่อในการคืนชีพ นับเป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับความเชื่อ เป็นพิธีของคนไม่
เชื่อพระเจ้า (ที่เขาทำพิธีบัพติศมาให้คนตายเพราะเชื่อว่าคนเหล่านี้จะคืนชีวิตขึ้นมา) ท่านเปาโลไม่ได้เห็นด้วยกับพิธีนี้ แต่ท่านชี้ให้เห็นว่า
คริสเตียนชาวโครินธ์ขัดแย้งในตัวเองคนที่ตายไปนั้น ไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว! (ลูกา 16:19-31)
1 โครินธ์ 15:30-31
ท่านเปาโลยอมเสี่ยงชีวิตไม่ว่าจะไปประกาศที่ใด ท่านเผชิญอันตราย ความเป็นความตายอยู่ทุกวัน เป็นเพราะว่า ท่านเชื่อว่า พระเยซูทรงคืน
พระชนม์ และการคืนพระชนม์นั้น ทำให้ท่านและพี่น้องผู้เชื่อจะได้ฟื้นจากตายในวันที่ พระเยซูเสด็จกลับมาอีกที และความมั่นใจนี้ คือพื้นฐานความเชื่อของพวกเรา พระเยซูทรงพระชนม์ และสัมพันธ์กับเราทุกเวลา
1 โครินธ์ 15:32
การที่ท่านเปาโลเผชิญความยากลำบากต่าง ๆ ในการประกาศพระนามพระเยซูคริสต์อย่างเต็มใจ เพราะท่านรู้ว่า ท่านไม่ต้องกังวลใจไป ยังไงถึง
ตายไปแล้ว วันหนึ่งจะฟื้นขึ้นมาอีกแน่ ไม่ใช่ตายแล้วตายเลย ท่านกล่าวถึงเหตุการณ์ในเมืองเอเฟซัส (กิจการ 19:21-41) คนที่ไม่มีความหวังใจในพระสัญญาของพระเจ้าก็ไม่ต้องสนใจการใช้ชีวิตเพราะมันไม่มีค่าอะไรนัก แค่กิน ดื่ม แล้วก็ตาย จบกัน
1 โครินธ์ 15:33-34
การที่ท่านเปาโลต้องใช้เวลามากในการให้เหตุผลว่าคริสเตียนควรมั่นใจในการคืนชีวิตเพื่อจะได้อยู่กับพระจ้าเป็นนิตย์ก็เพราะ พี่น้องในโครินธ์ไปคบคนที่ไม่เชื่อ คบคนที่เชื่อพระเจ้าแบบตามใจตัวเองเรื่องไหนชอบก็เชื่อ เรื่องไหนไม่ถูกใจก็ไม่เชื่อ การคบสนิทสนมกับคนเหล่านั้นทำให้ความเชื่อคริสเตียนอันหนักแน่นกลายเป็นอ้อลู่ลมคำเตือนของท่านยังเหมาะกับเราทุกวันนี้ด้วย

ร่างกายที่เต็มด้วยศักดิ์ศรี
1 โครินธ์ 15:35-36
คำถามที่เกิดขึ้นทำให้ท่านเปาโลต้องใช้คำว่า เจ้าคนโง่ กับคนที่ถาม และเป็นคำที่รุนแรงมากแล้วท่านก็ให้เหตุผลว่า สิ่งใดก็ตามที่จะงอกขึ้น
มาใหม่ได้นั้น มันต้องตายก่อน คำตอบชัดเจนคือมันต้องเน่าไปเสียแล้วจึงทำปฏิกริยาต่าง ๆทางชีวเคมี กับดิน อากาศ แล้วต้นใหม่ก็งอกขึ้นมา
ก่อนที่คริสเตียนจะได้คืนชีวิตขึ้นมา ก็ต้องตายเสียก่อน ด้วยวิธีการอย่างไร พระเจ้าเท่านั้น ทรงทราบ
1 โครินธ์ 15:37-38
ท่านเปาโลเปรียบเทียบร่างกายของคนเราว่าเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ ซึ่งจงอกขึ้นมาตามชนิดของมัน เมื่อใดที่เราฝังผู้เชื่อในพระเจ้าก็เป็นคล้ายกัน
เรากำลังฝังร่างเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกขึ้น ฟื้นขึ้นมาใหม่เป็นร่างที่คืนชีพ! เราไม่ทราบว่า พระเจ้าจะทรงให้ร่างที่ฟื้นของเรานั้น เป็นอย่างไร
ขบวนการและปลายทางเป็นเรื่องของพระองค์ที่จะทรงทำอย่างเหนือธรรมชาติที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
1 โครินธ์ 15:39-40
จากข้อนี้ทำให้ราเข้าใจมากขึ้นตามการอธิบายของท่านเปาโลว่า ในบรรดาสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมานั้น (แม้ร่างของทุกร่างเมื่อตาย
กลายเป็นดิน หรือถูกเผาเป็นเถ้า และมีส่วนประกอบของแร่ธาตุต่าง ๆที่เหมือนกัน) แต่พระองค์ทรงให้ความแตกต่างของรูปร่างอย่างเห็นได้ชัดว่า คน นก ปลา ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ร่างของสวรรค์ ก็แตกต่างจากร่างที่ใช้ในโลกนี้ด้วย
1 โครินธ์ 15:41
สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างให้นั้น ต่างมีเอกลักษณ์มีความงามในตัวของมันเอง ธรรมชาติเป็นอย่างนั้น และนี่คือความมหัศจรรย์ที่พระเจ้าประทาน
ให้กับสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง นี่เองทำให้เรารู้ว่า ความงามสง่าของร่างกาย มนุษย์ สัตว์ พืช ก็มีความแตกต่างกันไปด้วย เพราะพระเจ้าของเราทรงปัญญาเลิศล้ำ พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งความหลากหลายในธรรมชาติ
1 โครินธ์ 15:42
แล้วสิ่งมหัศจรรย์กว่าความงามสง่าของสิ่งต่าง ๆก็คือ ร่างที่เปื่อยเน่าไปแล้ว จะกลับคืนฟื้นใหม่โดยที่ไม่เน่าเปื่อยอีกต่อไป ร่างกายที่เติบโตและ
มีการเปลี่ยนแปลงจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากคนที่แข็งแรงกลายเป็นคนหลังโกง เดินเชื่องช้า ร่างที่ขึ้นมาใหม่นั้นจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
มันจะไม่มีการแก่ลงไป ไม่ทรุดโทรมไปแต่เป็นร่างที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา
1 โครินธ์ 15:43-44
อุปมาเรื่องเมล็ดนี้ ทำให้รู้ว่าร่างกายของมนุษย์นั้น เป็นสรีระแบบที่ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน และต้องตาย คำว่าหว่านนี้หมายถึงร่างบาปที่ถูกฝังดิน สำหรับผู้เชื่อแล้วเมื่อร่างนี้ตายไป สิ่งที่จะคืนชีพขึ้นมานั้นเป็นร่างที่แตกต่างออกไป ไม่เป็นเหมือนร่างกายที่อยู่ในดิน ท่านเปาโลกล่าวว่า ร่างที่ฟื้นคืนมาใหม่นั้นเป็นร่างที่เป็นกายวิญญาณ ไม่ใช่กายเดิมมีเกียรติศักดิ์ศรี ต่างจากร่างเดิมที่เน่าเปื่อยไป

อาดัมแรกกับอาดัมที่สอง
1 โครินธ์ 15:45-46
ร่างที่ฟื้นคืนชีวิตมาใหม่ของผู้เชื่อนั้น ไม่เหมือนร่างของอาดัมที่เป็นกายมนุษย์อีกต่อไป เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาอีกครั้งนั้น เราจะถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นกายวิญญาณและไม่ตายอีกเลย ร่างใหม่นี้ไม่มีการอ่อนล้า หมดเรี่ยวแรงเหมือนกายมนุษย์ของเราในวันนี้ แต่เป็นกายที่ไม่มีอะไรจะทำร้ายได้ โรคต่าง ๆ ไม่อาจมาวอแวเวลาก็ไม่ทำให้ชราลง
1 โครินธ์ 15:47-49
ร่างเดิมแบบอาดัมนั้นมาจากผงคลีดินจริง ๆ ดูง่าย ๆ ว่าเมื่อฝังไป มันก็กลายเป็นดินชัดเจน แต่พระเยซูทรงมาจากสวรรค์ และพระองค์จะทรง
เปลี่ยนกายดินของเราให้เป็นกายสวรรค์ ซึ่งอย่างน้อยเราก็รู้บ้างว่าร่างแบบนั้นเป็นอย่างไร เมื่อพระเยซูคืนพระชนม์นั้น ดูเหมือนว่า กำแพงห้อง ประตูที่ปิดก็ไม่อาจกั้นพระองค์ให้เข้ามาในห้องได้ แล้วการเดินทางของพระองค์ ก็ไม่น่าจะเหมือนคนทั่วไป ลองไปอ่านเรื่องราวหลังคืนพระชนม์

ชัยชนะสุดท้ายของเรา
1 โครินธ์ 15:49-50
ทุกคนในกายมนุษย์ต้องตายไป ร่างแบบนี้ ชีวิตจิตใจที่ไม่ได้เป็นของพระเจ้า จะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในที่ ๆ มีแต่ผู้ที่รับการไถ่ พ้นจากบาป ซึ่งเป็น
อาณาจักรที่พระเจ้าทรงเตรียมให้กับคนที่รักและติดตามพระองค์
1 โครินธ์ 15:51-52
ข้อความนี้ เป็นเหมือนข้อสรุปของทั้งหมดในจดหมายถึงชาวโครินธ์ฉบับแรก เราหวังใจว่า ชีวิตร่างกายเราทุกคนจะได้รับการเปลี่ยนแปลง ในวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกครั้งนั้น ผู้เชื่อในพระเจ้าจะคืนชีพขึ้นมาอะไรที่เกิดขึ้นกับพระเยซูก็จะเกิดขึ้นกับผู้ที่เชื่อในพระองค์ด้วย เมื่อพระองค์ชนะความตาย เราก็จะชนะด้วย วันที่พระองค์เสด็จมานั้น ยังจะมีผู้เชื่อที่ยังไม่ได้เสียชีวิตไดัรับการเปลี่ยนเช่นกัน

ความตายพ่ายแพ้
1 โครินธ์ 15:53-54
ในอนาคต ร่างกายที่ต้องยอมต่อความตาย ต่อการเน่าเปื่อยนั้น จะไม่มีอีกต่อไป สิ่งที่มาแทนที่คือร่างกายอมตะที่มีเกียรติจากพระเจ้า เป็นร่างที่จะอยู่กับพระองค์ตลอดไปไม่จบสิ้นคำของท่านเปาโลนี้เอามาจากอิสยาห์ 25:8 ว่า“พระองค์จะทรงกลืนความตายเสียเป็นนิตย์” นี่เป็นขบวนการเปลี่ยนร่างเนื้อหนังให้เป็นร่างวิญญาณเพื่อว่าจะได้มีส่วนในอาณาจักรพระเจ้า
1 โครินธ์ 15:55-57
ความตายเป็นเหมือนแมลงที่เข้ามาต่อย ปล่อยเหล็กในเอาไว้ เหล็กในนั้นคือบาปที่ติดตัวมนุษย์ทุกคนอยู่ บัญญัติเป็นอำนาจของบาป บัญญัติ
ช่วยบอกให้เรารู้ว่า ไม่มีคนไหนเชื่อฟังพระเจ้าได้เต็มร้อย ธรรมชาติของมนุษย์คือ ทำบาปอยู่ร่ำไป เราทุกคนจึงสมควรที่จะต้องตายไป (โรม 6:23) โดยไม่มีการคืนชีพอีก แต่ขอบคุณพระเจ้าที่พระคำข้อนี้ย้ำว่า เราได้ชัยชนะความตายโดยพระเยซูคริสต์
1 โครินธ์ 15:58
และด้วยความเชื่อมั่นที่ว่า พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทำให้เรารับใช้พระองค์อย่างเต็มกำลัง ความท้อแท้ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่อาจเปรียบได้กับคำสัญญาที่ว่า การรับใช้ไม่มีเสียเปล่า. เราจึงยังยืนมั่น ไม่ยอมหวั่นไหว และในชีวิตให้ได้รับใช้พระเจ้าอยู่เสมอ ไม่ว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยใน
สายตาของมนุษย์หรือไม่ การงานของพระเจ้าที่ลงมือทำไปนั้น พระเจ้าทรงประกันว่าจะยั่งยืนไปถึงนิรันดรกาล

พระคำเชื่อมโยง

1* กาลาเทีย 1:11; โรม 5:2; 11:20
2* โรม 1:16; กาลาเทีย 3:4
3* 1โครินธ์ 11:2, 23; กาลาเทีย 1:12; สดุดี 22:15
4* สดุดี 16:9-11; 68:18; 110:1 อิสยาห์ 53:10 ลูกา 24:26; กิจการ 2:25
5* ลูกา 24:34; มัทธิว 28:17
7* กิจการ 1:3-4
8* กิจการ9:3-8; 22:6-11; 26:12-18
9* เอเฟซัส 3:7-8; กิจการ 8:3
10* อเฟซัส 3:7-8; ฟีลิปปี 2:13
13* 1เธสะโลนิกา 4:1415* กิจการ 2:24
17* โรม 4:25
18* โยบ 14:12
19* 2 ทิโมธี 3:12
20* 1 เปโตร 1:3; กิจการ 26:23
21* โรม 5:12; 6:23; ยอห์น 11:25

22* ยอห์น 5:28-29
23* 1 เธสะโลนิกา 4:15-17
24* ดาเนียล 2:44; 7:14,27
25* สดุดี 110:1; กิจการ 2
:34-35
26* 2 ทิโมธี 1:10; วิวรณ์ 20:14
27* สดุดี 8:6
28* ฟีลิปปี 3:2; 1โครินธ์ 3:23; 11:3; 12:6
30* 2โครินธ์ 11:26
31* 1 เธสะโลนิกา 2:19; โรม 8:36
32* 2 โครินธ์ 1:8; อิสยาห์ 22:13; 56:12
33* 1โครินธ์ 5:6
34* โรม 13:11; 1 เธสะโลนิกา 4:5; 1โครินธ์ 6:5
35* เอเสเคียล 37:336* ยอห์น 12:2442* ดาเนียล 12:343* ฟีลิปปี 3:21

45* ปฐมกาล 2:7; โรม 5:14; ยอห์น 5:21; 6:57
47* ยอห์น 3:31; ปฐมกาล 2:7; 3:19; ยอห์น 3:13
48* ฟีลิปปี 3:20
49* ปฐมกาล 5:3; โรม 8:29
50* ยอห์น 3:3,5
51* 1เธสะโลนิกา 4:15; ฟีลิปปี 3:21
52* มัทธิว 24:31
53* 2โครินธ์ 5:4
54* อิสยาห์ 25:8
55* โฮเชยา 13:4
56* โรม 3:20; 4:15; 7:8
57* โรม 7:25; 1ยอห์น 5:4
58* 2 เปโตร 3:14; 1โครินธ์ 3:8