ก่อนเทศกาล…ไม่เชื่อ
ระหว่างเทศกาล โต้แย้ง
หลังเทศกาล แตกคอ
คำอธิบายเพิ่มเติม
คำแนะนำของน้องชายที่ไม่เชื่อ
1-5 ระหว่างบทที่ 6 กับ 7 นั้น ระยะเวลาห่างกันนานหลายเดือน เพราะเรื่องในบทที่ 6 เกิดในช่วงเทศกาลปัสกา(เมษายน)แต่ในบทที่7 เป็นเทศกาลอยู่เพิง (กันยายนหรือ ตุลาคม) และในช่วงนี้ พวกยิวก็คิดไว้แล้วว่าจะกำจัดพระองค์ให้ได้
คำว่า “งาน” เออร์กอน .. 2041 การลงแรงทำงาน อาชีพ การกระทำงาน หนัก ความสำเร็จในงาน รับจ้าง ออกแรง น้องชายพระเยซูกำลังหมายถึงงานที่พระเยซูทรงทำอย่างมหัศจรรย์ ด้วยฤทธิ์เดช
เทศกาลอยู่เพิง เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนจะอยู่ในเพิงใบไม้เพื่อระลึกถึงความซื่อตรงของพระเจ้า ระหว่างที่อิสราเอลเดินทางในถิ่นกันดาร และเป็นช่วงที่เขาขอบพระคุณสำหรับการเก็บเกี่ยวด้วย (เลวีนิติ 23:39-41
ชื่อของน้องชายร่วมมารดาของพระเยซูที่มัทธิวกล่าวถึง 13:55 คือ ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาส
ยากอบกับยูดาส เป็นผู้ที่ต่อมาได้เชื่อและรับใช้อย่างซื่อสัตย์ เป็นผู้เขียนจดหมายฝาก ยากอบและยูดา พวกเขากลับใจเชื่อพระเยซูว่าทรงเป็นพระเมสสิยาห์ หรือพระคริสต์ หลังจากที่เห็นพระองค์ทรงคืนชีพ กิจการ 1:14, 1 โครินธ์ 15:7
1 ยอห์น 5:18, 7:19,25, 8:37,40 คำว่ายิวในที่นี้ หมายถึงผู้ที่มีอำนาจทางศาสนา
2 เลวีนิติ 23:34, 42-43 3 มัทธิว 12:46 5 สดุดี 69:8, มาระโก 3:21
น้องกับพี่ อยู่คนละโลก
6-10 “เวลาของเรา” พระเยซูน่าจะหมายถึงการตรึงบนไม้กางเขน แต่น้อง ๆ ของพระองค์ไม่ได้เข้าใจตามนั้น คิดว่าเป็นเวลาที่จะต้องไปเทศกาล ไปให้ใคร ๆ รู้จัก
โลกไม่อาจชังน้อง ๆ ของพระเยซูเพราะเป็นพวกเดียวกัน เวลานั้นพวกเขายังไม่เชื่อวางใจพระองค์ คนที่ติดตามพระเยซูจริง ๆ จะรู้ว่า โลกไม่ชอบคนของพระองค์นั้น ความรู้สึกเป็นอย่างไร
ในภาษากรีก เป็นประโยคปัจจุบัน พระเยซูกำลังตรัสว่า ตอนนี้ เรายังไม่ไป .. และจะไม่ไปตามวิธีที่น้อง ๆ แนะนำด้วย พระองค์ทรงมีวาระ ความมุ่งหมายของพระองค์ตามพระทัยพระบิดาอยู่แล้ว
น้องชายของพระเยซูชวนให้พระเยซูไปเปิดตัว แต่พระองค์กลับเดินทางไปเยรูซาเล็มเงียบ ๆ ตามเวลาของพระองค์
6 ยอห์น 2:4, 8:20 7 ยอห์น 15:19, 3:19 8 ยอห์น8:20
ผู้คนต่างรอหาพระเยซู
11-13 ยิวที่ตามหาพระเยซูเป็นพวกที่ต้องการกำจัดพระองค์ น่าจะเป็นกลุ่มที่รุนแรงไม่น้อยเพราะประชาชนต่างซุบซิบถึงพระเยซู ไม่มีใครกล้าพูดเปิดเผยเลย พวกยิว จงเกลียดจงชังพระเยซูจนเห็นได้ชัด
11 ยอห์น 11:56 12 ยอห์น 9:16, 10:19, ลูกา7:16 13 ยอห์น 9:22, 12:42,19:38
ไม่ยอมรับ แต่ก็ยอมรับ
14-16 น่าจะใกล้เวลาของพระเยซูแล้ว เพราะระหว่างเทศกาลนั้นเอง พระเยซูก็ทรงเริ่มต้นสอนประชาชนในลานพระวิหารอย่างเปิดเผย คำสอนของพระองค์นั้นพวกยิวเองยังยอมรับว่า อยู่ในระดับสูงมาก เนื้อหา การสื่อและการอธิบายทำให้พวกเขาเองทึ่งไม่น้อย
พวกเขาไม่ต้องสงสัยนานว่า พระเยซูเรียนมาจากไหน ในเมื่อไม่ได้เข้าเรียนแบบพวกเขา พระองค์ทรงตอบชัดเจน ว่าสิ่งที่พระองค์ตรัส มาจากพระบิดาโดยตรง ในขณะที่พวกธรรมาจารย์ ฟาริสีทั้งหลาย เรียนรู้กันตามประเพณีสืบต่อกันมา พระเยซูทรงเรียนจากพระบิดาเจ้า เหนือกว่าพวกเขาด้วยประการทั้งปวง
จริง ๆ แล้ว ศิษย์ของพระองค์ก็ไม่ได้ผ่านโรงเรียนแบบฟาริสี แต่พวกเขาได้เรียนจากพระเยซู
14 มาระโก 6:34 15 มัทธิว13:54 16 ยอห์น 3:11,
17-18 พวกยิวคิดว่าตัวเองรู้จักพระเจ้าด้วยการเรียนพระคัมภีร์ จดจำและนำมาอภิปรายกัน
แต่การรู้จักพระเจ้าที่พระเยซูบอกนั้น คือ คนที่ตั้งใจทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าต่างหากที่รู้จักพระองค์จริง คนเหล่านั้นจะรู้ความจริง และจะเชื่อว่าพระเยซูสอนคำที่มาจากเบื้องบน ดู 6:44 ไม่มีใครมาหาพระเยซูได้นอกจากพระบิดาทรงส่งมาให้ 6:29 งานของพระเจ้าคือให้เชื่อผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา
17 ยอห์น 3:21, 8:43 18 ยอห์น 5:41, 8:50, 2 โครินธ์ 5:21
ทรงชี้แจงให้ฟาริสีมองเห็นตัวเอง
19-24 ตอนนี้อาจเข้าใจยากนิดหนึ่งเพราะข้อความดูซับซ้อน เรื่องของเรื่องคือ ยิวเองไม่ได้รักษาบัญญัติของโมเสสจริงจัง เพราะเขาถือว่าเด็กอายุแปดวันก็ต้องให้สุหนัต ไม่ว่าวันนั้นจะไปตกอยู่วันสะบาโตหรือไม่ แต่พวกเขากับคาดคั้นไม่ยอมให้พระเยซูรักษาโรคในวันสะบาโต ดู ๆ ไป ก็น่าจะเป็นแค่ข้อแก้ตัว พวกเขาต้องการหาเหตุกล่าวโทษพระองค์
19 เฉลยธรรมบัญญัติ 33:4, มัทธิว 12:14 20 ยอห์น 8:48,52 22 เลวีนิติ 12:3, ปฐมกาล 17:9-14, 23 ยอห์น 5:8,9,16 24 สุภาษิต 24:23
ความเห็นที่แตกต่าง ความรู้ที่ไม่ถูกต้องเรื่องพระผู้ช่วยให้รอดที่จะมา
25-27 ไป ๆ มา ๆ คนก็เริ่มสงสัยว่า จริง ๆ แล้วถึงแม้พวกยิวจะต่อต้านพระเยซูมากเพียงใด ลึก ๆ พวกเขาอาจจะเชื่อแล้วว่า พระองค์คือ พระคริสต์ หรือ พระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอดที่พระเจ้าทรงส่งมาจริง ๆ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดของผู้คนต่อเนื่องกันมาว่า พวกเขาจะไม่รู้ถิ่นกำเนิดของผู้ที่เป็นพระเมสสิยาห์ แต่ใน มีคาห์ 5:2 พระเจ้าตรัสก่อนหน้าแล้วว่า พระเมสสิยาห์จะเกิดที่เมืองเบธเลเฮม พวกเขาคิดกันว่าพระเยซูมาจากนาซาเร็ธก็ต้องเกิดที่นั่นด้วย … พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพระองค์เลย
25 มัทธิว 21:38, 26:4, ลูกา 22:2, ยอห์น 5:18, 8:37,40 26 ยอห์น 7:48, 27 มัทธิว 13:55, มาระโก 6:3, ลูกา 4:22
28 -31 ทุกอย่างที่พวกเขาพูดกัน พระเยซูทรงทราบหมด สิ่งที่ตรัสในตอนนี้ว่า พวกเขารู้จักพระองค์ น่าจะเป็นคำกระทบกระเทียบพวกเขามากกว่า เรื่องนี้สำคัญมาก พระเยซูจึงตรัสด้วยเสียงอันดัง ไม่ว่าใครจะคิดว่าพระองค์เป็นใครมาจากไหน ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า พระเจ้าที่ส่งพระองค์มานั้น ทรงเป็นจริง คนยิวคิดว่า พวกเขารู้จักพระเจ้าพระบิดา แต่ความจริงแล้ว พวกเขากลับต่อต้านพระองค์ และพระบุตรที่ทรงส่งมา
ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาของพระเยซู ก็ไม่มีใครจะจับพระองค์ไปได้ หลายครั้งแล้วที่เป็นเช่นนี้ หลายคน เชื่อ… ตอนนี้คนเริ่มแตกคอ มีความเห็นไม่เหมือนกัน ปรากฏว่าจำนวนไม่น้อยที่หันมาเชื่อพระองค์ พวกเขาเห็นว่า พระเมสสิยาห์ที่เขาคิดว่าจริงมา ก็ไม่มีทางจะทำการอัศจรรย์ได้มากกว่าพระเยซู
28 ยอห์น 8:14,5:43,โรม 3:4, ยอห์น 1:18, 8:55 29 มัทธิว 11:27, ยอห์น 8:55,17:25 30 มาระโก 11:18, มัทธิว 21:46, ยอห์น 7:32,44, 8:20, 10:39 31 มัทธิว 12:23
ความพยายามจับกุมพระเยซู
32-36 ความจริงแล้ว ฟาริสีกับปุโรหิตใหญ่ไม่ถูกคอกันมานานมาก แต่ครั้งนี้พวกเขามีศัตรูคนเดียวกัน จึงส่งเจ้าหน้าที่ของพระวิหารออกไปเพื่อจะจับพระเยซู. ที่ ๆ พวกเขาไปไม่ได้ก็คือ ที่ ๆ พระองค์จะเสด็จไปหาพระบิดาหลังจากที่พระองค์คืนชีพแล้ว
33 ยอห์น 13:33, มาระโก 16:19, ลูกา 24:51, กิจการ 1:9, ฮีบรู 9:24, 1 เปโตร 3:22 34 โฮเชยา 5:6, มัทธิว 5:20, 1 โครินธ์ 6:9, 15:50, วิวรณ์ 21:27 35 สดุดี 147:2, อิสยาห์ 11:12, 56:8, เศฟันยาห์ 3:10, ยากอบ 1:1, 1 เปโตร 1:1
คำเชิญที่ยิ่งใหญ่สำหรับทุกคน
37-39. เทศกาลอยู่เพิงครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเป็นเทศกาลปัสกา ซึ่งเป็นเทศกาลที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงอยู่ลานพระวิหาร และตรัสหลังจากที่มีการเทน้ำออกมาเพื่อระลึกถึงการที่พระเจ้าประทานน้ำให้ในถิ่นกันดาร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เน้นกันในเทศกาล
พระเยซูทรงเรียกให้คนมาหาพระองค์และดื่ม ทรงเรียกทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครที่กระหาย. พระองค์ทรงหมายความว่า ใครก็ตาม ขอให้มา และเชื่อพระองค์ พระองค์ทรงสัญญาจะให้เขามีน้ำแห่งชีวิตไหลออกมาจากใจ. ท่านยอห์นได้บันทึกไว้ให้เราเข้าใจว่า เมื่อพระเยซู สิ้นชีพและคืนชีพแล้ว คนที่เชื่อจะได้รับพระวิญญาณของพระองค์อย่างแน่นอน
37 เลวีนิติ 23:36, กันดารวิถี 29:35, เนหะมีย์ 8:18, อิสยาห์ 55:1 39 ยอห์น 12:16, 13:31, 17:5
ประชาชนฉงน ผู้นำศาสนาไม่ยอมรับ
40-44 มีคนที่แน่ใจในความจริงที่พระเยซูตรัส เขาเชื่อว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ (พระเมสสิยาห์)แน่นอน ตรงนี้ทำให้เรารู้ว่าคนไม่น้อยไม่รู้สถานที่บังเกิดของพระเยซู พวกเขาคิดว่า พระองค์มาจากกาลิลีทางเหนือ มีคนที่แน่ใจว่า พระเยซูคือพระเมสสิยาห์ หรือพระคริสต์ แต่ก็ยังมีคนไม่รู้และค้านแบบไม่รู้ไปดื้อ ๆ อย่างนั้น เห็นได้ชัดว่า พระเยซูทรงทำให้คนต้องคิด ต้องชั่งน้ำหนัก ให้เหตุผล และทำให้คนแตกคอกันจากสิ่งที่พวกเขาเห็นตรงหน้า
40 เฉลยธรรมบัญญัติ 18:15,18 41 ยอห์น 4:42,6:69 42 สดุดี 132:11, เยเรมีย์ 23:5, มีคาห์ 5:2, ,มัทธิว 2:5, ลูกา 2:4, 1 ซามูเอล 16:1,4 43 ยอห์น 7:12 44 ยอห์น7:30
45-49 การจับกุมพระเยซูไม่สำเร็จ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะยังไม่ถึงเวลาของพระองค์ ยามพระวิหารเองก็เห็นว่า พระเยซูตรัสไม่เหมือนใครเลย ทำให้ฟาริสีเองหงุดหงิดมากขึ้น ภาพนี้เราเลยเห็นชัดเจนว่า เหล่าธรรมาจารย์และฟาริสีต่างมีความเย่อหยิ่ง ไม่ยอมรับความจริงที่พระเยซูตรัสเลย
46 มัทธิว 13:54,56, ลูกา 4:22
คนที่เป็นฝ่ายพระเยซู
50-51 คราวนี้นิโคเดมัสออกตัวให้ใคร ๆ รู้ว่า เขาปกป้องพระเยซูอยู่ เขาเปิดเผยตัวแล้วว่า เขาเป็นฝ่ายพระองค์ เขาพยายามชี้แจงเหตุผลที่ถูกต้องตามธรรมเนียม แต่ไม่มีใครฟัง52 จากข้อนี้ เราเห็นเลยว่า ฟาริสี ก็ไม่ได้รู้จริงนัก เขาก็ไม่รู้ด้วยว่า จริงแล้ว พระเยซูทรงเกิดที่เบธเลเฮม เขาไม่รู้ว่าโยนาห์และนาฮูม มาจากกาลิลี พวกเขาพูดอะไรก็ได้ที่คิดว่าจะทำให้ตนชนะ น่าอายจริงที่เรื่องนี้ถูกบันทึกมานานเข้าปีที่สองพันกว่า
50 ยอห์น 3:1-2, 19:39 51 เฉลยธรรมบัญญัติ 1:16-17,19:15 52 อิสยาห์ 9:1-2, ,มัทธิว 4:15,