ฟีลิปปี 3 ทุกอย่างเพื่อพระคริสต์

1 เธสะโลนิกา 5:16
กาลาเทีย 5:15
สดุดี 119:115
โรม 2:28

ท่านเปาโลไม่เบื่อเลยที่จะบอกให้พี่น้องยินดีในพระเจ้า คนที่ไร้อิสรภาพ ไปไหนไม่ได้ มีทหารเฝ้าตลอดเวลา กลับยินดีเสมอ ดูเหมือนว่า เป็นทักษะที่ฝึกได้ เราต้องฝึกที่จะยินดีในพระเจ้าไม่หยุด ท่านเปาโลหมายความให้พี่น้องยินดีต่อเนื่อง..ไม่ว่าสถานการณ์รอบตัวจะเป็นอย่างไร
แล้วท่านก็ให้เขาระมัดระวังคนสอนผิดที่อ้างว่าต้องผ่านพิธีกรรมนี้ ต้องทำสิ่งนั้น ต้องเดินตามพวกเขา เพื่อว่าจะได้ไปสวรรค์ คนที่บอกว่าต้องดีเอง

เฉลยธรรมบัญญัติ 30:6
โรม 7:6
2 โครินธ์ 5:16,
11:18,22,23

ท่านบอกชัดเจนว่า เราต้องไม่เชื่อในความดีของเราเอง ไม่ว่าพื้นเพของเราจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่เกี่ยว แม้ในชีวิตเราต้องทำสิ่งดี ทำดีมาก ๆ แต่การดีนั้น ไม่ได้ทำให้เราเหนือคนอื่น ทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนควรอวดพระเยซู ไม่ใช่อวดตนเอง

2 โครินธ์ 11:22
โรม 11:1
กิจก่ี 23:6, 8:3,22:3-4

จะว่าไปแล้ว ท่านเปาโลนั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนเรียกได้ว่า เป็นคนดี เพียบพร้อมด้วยชาติตระกูล ความรู้สูง มีความกระตือรือร้นมาก ทำตามธรรมบัญญัติแบบไม่มีที่ติได้เลย ท่านเปาโลไม่ได้อวดตัว ตอนนี้ท่านเพียงบอกว่า ถึงจะเป็นคนสมบูรณ์แบบอย่างนี้ มันก็ไม่มีความหมายอะไร

ลูกา 14:26,33
มัทธิว 16:26
ยอห์น 17:3
กิจการ 20:24
โรม 8:18

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะท่านรู้ดีว่า สิ่งเหล่านั้นไร้สาระ เมื่อท่านได้มาพบพระเยซูบนถนนไปเมืองดามัสกัสครั้งนั้น ชีวิตก็เปลี่ยนไป การมองโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สิ่งเดิม ๆ ที่เคยภาคภูมิใจ เคยใช้เป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิต ท่านกลับมองว่ามันด้อยค่าไปแล้ว ด้อยค่าจริง ๆ ไม่น่าสนใจอีกต่อไป ต้องทิ้งไป พระเยซูต่างหากที่มีค่าสูงสุดในชีวิต

โคโลสี 2:2-3
1 โครินธ์ 2:2
2 โครินธ์ 5:21
โรม 8:1

ท่านเปาโลเห็นว่าทุกสิ่งที่ท่านเคยให้ความสำคัญ เป็นเหมือนมูลสัตว์ (ภาษากรีกสื่อว่าเป็นเช่นนั้น ) สกปรก เหม็น สิ่งที่เคยเป็นเกียรติก็ไม่ใช่อีกต่อไป ความดีที่เคยภูมิใจกลายเป็นขี้ริ้ว การมองโลกใหม่ของท่านเปาโลคือ ความดีของพระคริสต์เท่านั้น การมีพระคริสต์เท่านั้น เชื่อในพระองค์เท่านั้นจึงจะเป็นของดีที่แท้จริง

กาลาเทีย 2:20
2 ทิโมธี 2:11-12
ยอห์น 11:24

แม้ว่าท่านเปาโลจะรู้พระคัมภีร์เดิมจนทะลุปรุโปร่ง แต่​มาวันนี้ เมื่อพบพระคริสต์
หัวใจของท่านก็มุ่งมั่นจะรู้จักพระองค์ให้ดีขึ้น มากขึ้น ใกล้ชิดขึ้น ไม่เคยมีวันที่รู้จักพอแล้ว ท่านหาพระองค์แล้วหาพระองค์อีก กลายเป็นชีวิตที่เฝ้าหาพระเจ้า ทั้งรู้จักส่วนตัว ทั้งรู้จักฤทธิ์เดชแห่งการคืนชีพ ทั้งรู้จักความเจ็บปวดและความตายของพระองค์ ท่านไม่สนใจว่าจะทนทุกข์เท่าไรเพราะรู้ว่าพระคริสต์ทรงทนทุกข์มากกว่านั้น

วิ่งสู่เส้นชัย

1 ทิโมธี 6:11-12
2 เปโตร 1:5-8
2 โครินธ์ 7:1
ลูกา 9:62
ฮีบรู 12:1-2

ผู้ที่จะชนะในการแข่งขัน จะต้องไม่พอใจสภาพของตน ต้องทำให้ดีขึ้นเสมอ เขาต้องมีสมาธิในการฝึกฝน ต้องแน่วแน่ว่าจะได้ชัยชนะอย่างไร ต้องอุทิศตน และมีโค้ชที่ดี ทัศคติของท่านชัดเจนมาก
การลืมสิ่งที่ผ่านมาคือ ไม่ยอมให้มันมาเป็นอุปสรรคของการก้าวต่อไป เราจะต้องไม่เป็นแค่คนดูการแข่งขัน แต่เราจะต้องเอาตัวลงไปแข่งเหมือนอย่างท่านเปาโล

1 โครินธ์ 9:24
1 เปโตร 5:10
วิวรณ์ 3:21
กาลาเทีย 5:10
ยากอบ 1:4-5
1 โครินธ์ 15:51-52
1 เธสะโลนิกา 4:15-17

เป้าหมายนั้น กรีกว่า สโกโพส เป็นจุดที่นักกีฬามุ่งหัวใจสายตาไปที่นั่น ท่านเปาโลรู้ว่าเมื่อไปถึงเป้าหมายท่านจะพบพระคริสต์ ท่านจะพบพระองค์ต่อหน้าต่อตา เราต้องวิ่งสุดกำลังเหมือนท่านเพื่อรางวัล ซึ่งหมายความถึงได้รับเมื่อถึงเป้าหมาย ไม่ได้ก่อนหน้านั้น รางวัลนั้นน่าจะเป็นรางวัลที่พระเจ้าประทานเมื่อเราไปเฝ้าพระองค์ที่บัลลังก์พิพากษา ดังนั้นเราต้องรู้ว่า เวลานี้เรากำลังวิ่งแข่งในลู่วิ่งแห่งชีวิตอยู่
คนที่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด เป็นคนที่โตแล้ว และเราไม่จำเป็นต้องไปเริ่มต้นที่จุดแรก แต่เราอยู่ตรงไหน ก็เริ่มติดตามพระเจ้าต่อไปจากตรงนั้นเลย

เราเป็นประชากรอาณาจักรสวรรค์

ฟีลิปปี 4:9
1 โครินธ์ 4:16
เอเฟซัส 4:17
โรม 16:18
2 เปโตร 2:3

สิ่งสำคัญยิ่งคือการรู้จักพระเจ้าให้มากขึ้น ลึกซึ้ง ใกล้ชิดขึ้นตามที่ท่านเปาโลสอน
แต่แล้วท่านเปาโลก็มากล่าวถึงคนที่ไม่ได้ทำตามอย่างท่าน และแถมทำตัวต่อต้านพระเจ้าด้วย ในสังคมตอนนั้น ยังมีคนสนับสนุนการใช้ชีวิตไร้กฎ เอาแต่หาความสนุกใส่ตัว พวกนี้แตกต่างจากคนในข้อ 2 ที่เคร่งครัดจนเกินเลย มีคนไม่น้อย พวกเขาใช้ชีวิต และพูดตรงข้ามกับไม้กางเขน สนใจปากท้อง อวดสิ่งที่ไม่ควรอวด หมกมุ่นในทางโลก พระของเขาคือตัวเอง สิ่งที่ตนอยากกินอยากได้

เอเฟซัส 2:19
โคโลสี 3:1-4
1 ยอห์น 3:2
เอเฟซัส 1:19-20
ยอห์น 11:24-26

เรารอคอย หมายถึงตั้งอกตั้งใจคอย การที่เรารอคอยการเสด็จมาของพระเจ้านั้น ตอนนี้เราแน่วแน่รอ หรือว่าคิดว่ามาเมื่อไรก็เมื่อนั้น … แรงจูงใจสำคัญของเราคือ เมื่อพระเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงเห็นเราพร้อมรับพระองค์
และวันนั้น ร่างกายของเราจะเปลี่ยนแปลงใหม่ จากร่างกายที่ตายได้เป็นร่างกายที่เป็นอมตะ