1 เธสะโลนิกา 4 คำขอร้องในการใช้ชีวิต

ที่สุดแล้ว พี่น้องทั้งหลาย เราทั้งขอร้องและหนุนใจท่านในพระเยซูเจ้าว่าขณะที่ท่านรับรู้จากเราว่า ควรดำเนินชีวิตอย่างไร จะทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัยอย่างไร ท่านก็ควรที่จะทำอย่างนั้นมากขึ้น
1 เธสะโลนิกา 4:1

1 โครินธ์ 15:58, ฟีลิปปี 1:27,โคโลสี 1:10

ไม่ว่าความรู้เรื่องใดก็ตามในโลก ความรู้ที่ผ่านเข้ามา เมื่อเราทุ่มเทฝึก เข้าใจ ตามหา สืบค้น เราจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ จาก ศูนย์ไปมากขึ้น ตามลำดับ 

เพราะพวกท่านรู้ถึงคำสอนสั่งที่เราให้ไว้กับท่านตามทางของพระเยซูเจ้าว่า นี่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า คือให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์ ไม่ทำผิดศีลธรรมทางเพศ ให้ทุกคนรู้จักควบคุมตนเองอย่างบริสุทธิ์และมีเกียรติ
1 เธสะโลนิกา 4:2-3

โรม 12:2, เอเฟซัส 5:27,1 โครินธ์ 6:15-20, โคโลสี 3:5

เรื่องความบริสุทธิ์ใจที่จะมีต่อพี่น้องนั้น ท่านเปาโลถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะลูกของพระเจ้าจะต้องไม่เป็นเหมือนคนในโลกที่ทำตามใจตนเอง การบังคับใจ การควบคุมตนเอง เป็นหนึ่งในผล ของพระวิญญาณ

ให้ทุกคนควบคุมร่างกายตนเองให้บริสุทธิ์และมีเกียรติ ไม่ใช่ด้วยตัณหาเร่าร้อนอย่างคนต่างชาติที่ไม่รู้จักพระเจ้า อย่าให้ใครล่วงเกิน เอาประโยชน์จากพี่น้องชายหญิงในเรื่องนี้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษคนที่ทำผิดอย่างนั้น เราได้เตือนท่านไว้ล่วงหน้าแล้ว
1 เธสะโลนิกา 4:4-6

โรม 6:19, โคโลสี 3:5, เอเฟซัส 4:17-18, 1 โครินธ์ 15:34,2 เธสะโลนิกา 1:8

สังคมคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าในโลกโบราณนั้น ผู้ชาย และชนชั้นสูงในสังคมเป็นใหญ่ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจตัวเอง พวกเขาสามารถเอาประโยชน์จากคนที่ต่ำต้อยกว่าง่าย ๆ อย่างไม่รู้สึกว่าผิดแม้แต่น้อย คำสอนคริสเตียนเป็นสิ่งที่นำความเท่าเทียมกันเข้ามา

พระเจ้ามิได้ทรงเรียกเรา ให้เป็นคนหมกมุ่นทางเพศ แต่ทรงเรียกให้เป็นคนบริสุทธิ์ คนที่ไม่รับคำสั่งนี้ ไม่ได้ปฏิเสธมนุษย์แต่เป็นการปฏิเสธพระเจ้า ผู้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ ของพระองค์แก่พวกท่าน
1 เธสะโลนิกา 4:7-8

เลวีนิติ 11:44, ฮีบรู 12:14,

เมื่อพระวิญญาณทรงเข้ามาประทับในชีวิตของใครคน ๆ นั้น ก็เป็นดั่งพระวิหารของพระองค์ แต่ในเวลาเดียวกัน ความต้องการของตนเองไม่ได้หายไป แต่เป็นโลกใหม่ที่จะต้องรู้จักควบคุมตนเองเป็นชีวิตที่ต้องตายต่อความต้องการด้านลบของตนเอง

ชีวิตพี่น้องในพระคริสต์

เราไม่ต้องเขียนเรื่องการรักพี่น้องถึงท่านอีก เพราะพระเจ้าทรงสอนให้รักกันและกัน ที่จริง ท่านก็รักพี่น้องทั่วแคว้นมาซิโดเนียอยู่แล้วแต่เราขอหนุนใจให้ท่านรักมากขึ้นกว่าเดิม
1 เธสะโลนิกา 4:9-10

เยเรมีย์ 31:33-34, ยอห์น 6:45,15:12,17, มัทธิว 22:39, 1 เธสะโลนิกา 3:12

ในเมื่อรู้แล้วว่า จะทำให้พอพระทัยพระเจ้าได้ อย่างไร ก็ขอทำให้มากขึ้น ตรงนี้ รักกันอยู่แล้ว ขอให้รักมากขึ้น

จงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะใช้ชีวิตอย่างสงบ เอาใจใส่การงานของตน ลงมือทำงานด้วยมือของตนเองเหมือนอย่างเคยเราบอกท่านไว้เพื่อท่านจะเป็นที่นับถือของคนภายนอกไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใครเลย
1 เธสะโลนิกา 4:11-12

2 เธสะโลนิกา 3:11, 1 เปโตร 4:15, กิจการ 20:35,โรม 13:13, โคโลสี 4:5

ชีวิตคริสเตียนไม่มีคำว่าพอแล้ว ดีพอ แต่จะต้องใช้ชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิม แม้จะอายุมากขึ้นก็ทำเฉื่อยชาไม่ได้ แต่ให้ ทำสิ่งที่พอพระทัยมากขึ้น ไม่มีขอบเขต ที่ว่าไม่พึ่งพาในข้อนี้คือ ไม่ทำตัวเป็นปลิงกินแรงคนอื่นเพื่อให้ตัวอยู่รอด

เรื่องการเสด็จมาครั้งที่สอง

แต่ข้าไม่อยากให้ท่านไม่รู้สถานะของผู้ที่ล่วงหลับไปเพราะท่านอาจจะเศร้าใจเหมือนคนที่ไม่มีหวัง หากเราเชื่อว่าพระเยซูสิ้นชีพและคืนชีพขึ้นมา พระเจ้าจะทรงนำคนที่ล่วงหลับในพระเยซูกลับมาพร้อมกับพระองค์
1 เธสะโลนิกา 4:13-14

1 โครินธ์ 15:20-23, เอเฟซัส 2:12

เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาอีกครั้งนั้น พระองค์จะทรงนำผู้เชื่อที่สิ้นชีวิตก่อนหน้านี้มาพร้อมกับพระองค์ด้วย วันที่พเสด็จมาจึงเป็นวันชุมนุมครั้งใหญ่ของผู้เชื่อที่สิ้นชีวิตไปนานมาแล้ว ทั้งโลกและสวรรค์จะเห็นไปพร้อม ๆ กัน วิญญาณมากมายจะมากับพระองค์

เราขอบอกท่านตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า พวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ และกำลังรอองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ไปก่อนเหล่าผู้ที่ล่วงหลับอย่างแน่นอน
1 เธสะโลนิกา 4:15

2 โครินธ์ 12:1, กาลาเทีย 1:12, 1 โครินธ์ 15:51-52, 1 เธสะโลนิกา 5:10

จากข้อนี้ไปถึงข้อสิบแปด เป็นการเรียงลำดับเหตุการณ์ในเวลาที่พระเยซูเสด็จกลับมา อะไรก็ตามที่พระเจ้าตรัสว่าจะเกิด มันจะเกิดขึ้นแน่นอน

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ พร้อมเสียงดังกึกก้อง ด้วยเสียงของอัครทูตสวรรค์ ด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนที่ตายในพระคริสต์จะคืนชีพขึ้นมาก่อน
1 เธสะโลนิกา 4:16

มัทธิว 24:30-31, 1 โครินธ์ 15:52,23,
2 เธสะโลนิกา 2:1, วิวรณ์ 14:13, 20:6

ในสมัยพระคัมภีร์ใหม่ เมื่อกษัตริย์เสด็จออก จะมีเสียงตะโกนและเสียงแตรนำหน้าพระองค์ การเสด็จกลับมาของพระเยซูจะเป็นเช่นนั้น แม้ว่าจะทรงแบบที่เราไม่ทั้งตั้งตัว พระองค์จะไม่มาเงียบ ๆ แต่จะมีเสียงสนั่นที่ทั้งโลกได้ยิน

แล้วต่อมา คนที่ยังมีชีวิตและคงอยู่ในโลกนี้จะถูกรับขึ้นไปในหมู่เมฆพร้อมกับพวกเขาเราจึงจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์ ดังนั้น จงหนุนใจกันและกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้
1 เธสะโลนิกา 4:17-18

1 โครินธ์ 15:51-53, 1 เธสะโลนิกา 5:10, ดาเนียล 7:13, กิจการ 1:9, วิวรณ์ 11:12

นี่เป็นลำดับการเสด็จมาและการรับผู้เชื่อขึ้นไป พระเจ้าทรงวางลำดับเหตุการณ์ให้เห็นว่า อะไรมาก่อนมาหลัง พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงบอกตั้งแต่ต้นจนจบมาตั้งแต่เริ่มแรก เราจึงวางใจได้ว่า เหตุการณ์จะเรียงลำดับตามนั้น