สดุดี 55 มอบความทุกข์ใจของท่านไว้กับพระเจ้า

 ถึงหัวหน้านักร้องพร้อมเครื่องสาย
มัสคิลบทหนึ่งของดาวิด


ความทุกข์ใจ และความกลัวของดาวิด
1โอพระเจ้า ขอพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของข้า
และขออย่าทรงซ่อนพระองค์จากคำข้าร้องทูลขอพระกรุณา
2  ขอทรงฟัง และตอบข้าด้วย
ข้าร้องทูลไม่หยุดพัก ข้าคร่ำครวญ
3 เพราะเสียงของศัตรู เพราะการข่มเหงของคนชั่วร้าย
เพราะพวกเขาโยนความยากเข็ญใส่ข้า
พวกเขาโกรธเกรี้ยวและเต็มด้วยความชัง
4  ใจของข้าขมเป็นทุกข์อยู่ข้างใน
ความกลัวตายครอบงำใจข้า
5  ความกลัว ความประหวั่นพรั่นพรึงเข้ามาในใจข้า
และความหวาดกลัวท่วมทับข้า
6 และข้ากล่าวว่า “โอ ข้าอยากมีปีกเหมือนนกพิราบ
เพื่อข้าจะได้บินไปไกลและพักสงบ
7 ใช่แล้ว ข้าจะเร่ร่อนไปไกลแสนไกล
และจะอาศัยในที่กันดาร เซ ลาห์
8 ข้าจะรีบไปหาที่พักพิงให้พ้นจากลมแรงกล้า
พายุลูกใหญ่นี้”

ดาวิดโกรธที่มีความรุนแรง การข่มเหง หายนะในชุมชน
9  โอพระผู้เป็นเจ้า ขอทรงทำลาย ขอทรงฉีกลิ้นของพวกเขา
เพราะข้าเห็นความรุนแรงและการต่อสู้ในเมือง
10 พวกเขาเดินรอบกำแพงเมืองทั้งวันทั้งคืน
ภายในเมืองนั้นเต็มด้วยความชั่วร้ายและความวุ่นวาย
11 ความหายนะอยู่ในนั้น
การกดขี่และการหลอกลวงไม่ได้ห่างไปจากที่ชุมชน

มิตรที่กลายเป็นศัตรู
12 ไม่ใช่ศัตรูที่กำลังเหยียดหยามข้า ซึ่งข้ายังทนได้
ไม่ใช่ปฏิปักษ์ที่ใช้วาจาข่มข้า ซึ่งข้าจะซ่อนตัวได้
13  แต่กลับเป็นท่าน คนที่ทัดเทียมกับข้า
คนที่เคยเป็นสหาย เป็นเพื่อนที่คุ้นเคย
14 เราเคยพูดคุยกันอย่างชื่นมื่นในพระนิเวศของพระเจ้า
เราพากันเดินพร้อมกับฝูงชน
15 ขอให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความตาย
ให้เขาลงไปยังแดนคนตายทั้งเป็น
เพราะความชั่วนั้นสิงอยู่ในที่อาศัยของพวกเขา
ทั้งในใจของพวกเขาด้วย

ดาวิดมั่นใจว่า พระเจ้าทรงฟัง
16 แต่ข้าร้องหาพระเจ้า
และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าให้รอด
17 ยามเย็น ยามเช้า และเที่ยงวัน ข้าร้องทูลคร่ำครวญ
และพระองค์ทรงยินเสียงของข้า
18 พระองค์ทรงไถ่วิญญาณของข้าให้ปลอดภัย
จากการสู้รบที่ข้าเผชิญ เพราะหลายคนกำลังต่อต้านข้าอยู่
19  พระเจ้าจะทรงฟัง และทรงสยบพวกเขา
พระองค์ผู้ประทับบนบัลลังก์มาตั้งแต่โบราณกาล.
เพราะพวกเขาไม่เปลี่ยน และไม่เกรงกลัวพระเจ้า เซ ลาห์​
20 เพื่อนของข้าได้ยื่นมือออกไปทำร้ายเพื่อนของเขา
เขาละเมิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้
21 คำพูดของเขานุ่มนวลเหมือนเนย
แต่ใจของเขาเต็มด้วยสงคราม
คำพูดของเขาอ่อนโยนกว่าน้ำมัน
แต่มันกลับกลายเป็นดาบที่ชักออกมา

คำขอสุดท้าย
22 จงมอบภาระใจของท่านไว้กับพระเจ้า
และพระองค์จะทรงโอบอุ้มท่านไว้
พระองค์จะไม่ทรงยอมให้คนเที่ยงธรรมต้องสั่นคลอน
23  แต่พระองค์ โอพระเจ้า
จะทรงโยนพวกเขาลงไปในหลุมแห่งความพินาศ
คนเหล่านั้นที่กระหายเลือด เต็มด้วยความคดโกง
จะไม่มีชีวิตยืนอยู่ถึงครึ่งหนึ่งของที่ควร
แต่ข้าจะวางใจในพระองค์

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1*1*สดุดี 86:6; 61:1; 27:9

2* สดุดี 64:1; 66:19

3* 2 ซามูเอล 16:7-8; มัทธิว 26:19

4*สดุดี 116:3; ฮีบรู 5:7

5*โยบ 21:6; สดุดี 119:120;

6*สดุดี 11:1

7*เยเรมีย์ 9:2; 37:12

8*อิสยาห์ 17:12-13

9*มัทธิว 23:37-38

10*สดุดี 59:14-15

11*สดุดี 10:7; เยเรมีย์ 5:26-27

12*สดุดี 41;9; ยอห์น 13:18

13* 2 ซามูเอล 15:12; มีคาห์ 7:5

14* สดุดี 42:4; เอเสเคียล 33:31

15*สดุดี 42:4

16*สดุดี 64:7; กิจการ 1:18-20

17*สดุดี 109:4; 91:15

18*เอเฟซัส 6:18; สดุดี 141:2

19* 1 ยอห์น 4:4; สดุดี 118:10-12

20*เฉลยธรรมบัญญัติ 33:27; เศฟันยาห์ 1:12

21*สดุดี 109:5

22*สุภาษิต 5:3-4; สดุดี 57:4

23*สดุดี 37:5; 1 เปโตร 5:7

คำนำ
เมื่อเราถูกศัตรูทำร้าย และเราต้องต่อสู้ เราก็ยังเข้าใจสถานการณ์ แต่เมื่อเพื่อนของเรากลายเป็นคนทรยศต่อมิตรภาพที่เคยมีต่อกัน… มันเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใด ในสดุดีบทนี้เราพบว่า ดาวิดไม่ได้ตั้งใจที่จะแก้แค้นด้วยตัวเอง แต่กลับมาขอพระเจ้าให้โยนศัตรูสู่ความพินาศเลย … ศัตรูที่ไม่เกรงกลัวพระเจ้า ไม่เปลี่ยนชีวิต และจากบทนี้ ทำให้เราได้เห็นว่า เมื่อถึงยุคของพระคุณพระเยซู พระเจ้ากลับทรงให้เราอธิษฐานเผื่อศัตรู และอวยพรแก่ผู้ที่แช่งด่า ใส่ร้าย … เพราะว่า หากศัตรูคนใดยังไม่สิ้นลมหายใจ พวกเขายังมีโอกาสที่รับพระคุณของพระเจ้าเหมือนอย่างที่ท่านเปาโลกล่าวว่า “พระเยซูคริสต์ได้เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอด ข้าเป็นคนบาปร้ายสุดในบรรดาคนบาปนั้น”. 1 ทิโมธี 1:15

สดุดี 55:1-8 ความทุกข์ใจ และความกลัวของดาวิด
ดาวิดทูลขอพระเจ้าทรงเงี่ยพระกรรณฟังคำคร่ำครวญเนื่องจากศัตรูกำลังโจมตีด้วยความโกรธเกลียด
เป็นภาพของชายคนหนึ่งที่คร่ำครวญเสียงดังต่อพระเจ้า เวลานี้ท่านกลัวมาก กลัวตาย จนอยากจะหนีไปให้ไกลมากๆ ดาวิดเป็นนักรบที่กล้าหาญ แต่ทำไมเวลานี้ท่านจึงกลัวขนาดหนัก มองเห็นศึกครั้งนี้เป็นพายุลูกใหญ่ และเมื่ออ่านไป ๆ ก็ดูเหมือนว่า ท่านไม่อาจสู้ศึกด้วยตัวเองได้ ท่านต้องการหนีมากกว่าสู้! หนีไปอยู่ในที่กันดารยังดีกว่าอยู่ในเมืองที่มีการต่อสู้

สดุดี 55:9-11 ดาวิดโกรธที่มีความรุนแรง การข่มเหง หายนะในชุมชน
ศัตรูเดินข่มขู่ประชาชนรอบเมือง รอบแล้วรอบเล่า เกิดความวุ่นวายในเมืองอย่างหนัก เป็นภาพของการก่อการกบฎจากศัตรูที่ดาวิดไม่อาจทำอะไรได้ ทั้งเมืองเต็มด้วยความรุนแรง การต่อสู้ ความชั่วร้าย ความวุ่นวาย หายนะ การกดขี่และหลอกลวง ประชาชนก็กำลังเผชิญกับความตายเพราะศัตรูนั้นโหดร้ายมาก

สดุดี 55:12-15 มิตรที่กลายเป็นศัตรู
และเราก็มาพบว่า ศัตรูของท่านนั้น เป็นคนที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน เป็นเพื่อนสนิท คุยกัน พากันนำฝูงชนไป นมัสการอยู่ในพระวิหารด้วยกัน นี่เอง เป็นเหตุให้ดาวิดไม่อาจต่อสู้ ฆ่าฟันเขาได้ มันเป็นการต่อสู้ที่สู้ด้วยตัวเองไม่ได้เลย แล้วท่านก็อธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงแก้แค้นแทนในข้อ 15 ท่านพบว่า คนที่เคยเป็นมิตรผู้นี้ กลับมีความเกลียดชัง และความแค้นฝังในบ้านของพวกเขา ท่านขอพระเจ้าให้พวกเขาเจอกับความตายทั้งเป็น เรียกว่า เจอหายนะแบบไม่รู้ตัวเลย

สดุดี 55:16-21 ดาวิดมั่นใจว่า พระเจ้าทรงฟัง
พระเจ้าผู้ที่ดาวิดกำลังร้องทูลคือ พระเจ้าผู้ทรงครอบครองมาแต่โบราณ พระองค์ทรงอยู่มาก่อนและจะอยู่ตลอดไป ท่านร้องหาพระเจ้าเช้ากลางวันเย็น ขอพระเจ้าทรงทำให้ท่านปลอดภัยจากสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ สิ่งที่ท่านทูลคือพวกเขาไม่ได้เกรงกลัวพระองค์ พวกเขาเป็นคนประเภทวาจาปราศรัย แต่ใจเชือดคอ เป็นคนที่ละเมิดคำสัญญาโดยไม่รู้สึกผิดอะไรเลย
เราเห็นดาวิดกล่าวถึงศัตรูผู้นี้ราวกับท่านกำลังอยู่ในศาล

สดุดี 55:22-23 คำขอสุดท้าย
ในคำทูลของดาวิด มีคำกล่าวถึงพระเจ้า ศัตรู คำแสดงความเชื่อ และคำร้องทูลสลับกันไป ใช่แล้ว ในคำอธิษฐานของเราก็เช่นกัน มีทั้งทูลคดีความ ทูลเรื่องราว และบอกถึงความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ ทูลขอให้ประสบผลตามที่ใจปรารถนา ในที่สุดท่านก็ขอให้พระเจ้าทรงจัดการกับคนที่ไม่เกรงกลัวพระองค์ด้วยการโยนพวกเขาลงในหลุมแห่งความพินาศ …

สดุดี 35 ขอร้องพระเจ้าให้ทรงล่าศัตรู

ขอพระเจ้าทรงช่วยให้พ้นจากศัตรู. สดุดีของดาวิด
ขอที่กำบัง
1 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงต่อสู้กับเหล่าคนที่ต่อสู้ข้า
ขอทรงรบรากับคนที่รบรากับข้า
2 ขอพระองค์ทรงถือโล่และเขน
และประทับยืนเพื่อช่วยข้า
3 ขอทรงชูหอกและหยุดเหล่าคนที่ตามไล่ล่าข้า
ขอตรัสแก่วิญญาณของข้าว่า
“เราคือความรอดของเจ้า”

ขอทรงให้หายนะมาถึงศัตรู
4 ขอให้คนที่พยายามเอาชีวิตของข้านั้น
ต้องรับความอับอาย กลายเป็นคนไร้เกียรติ
ขอให้คนที่วางแผนทำลายข้า
ต้องล่าถอยและพบเจอกับความสับสน
5 ให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ลมพัดไป
และขอทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ไล่ล่าพวกเขา
6 ขอให้ทางของเขาทั้งมืดมนและลื่น
และทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ตามล่าพวกเขาไป
7 เพราะพวกเขาทำตาข่ายเตรียมดักข้าโดยไม่มีเหตุ
พวกเขาขุดหลุมพรางดักข้าโดยไม่มีเหตุ
8 ขอให้หายนะมาถึงเขาอย่างไม่คาดฝัน
ให้เขาตกลงไปในตาข่ายที่พวกเขาซ่อนเอาไว้เอง
9 แล้ววิญญาณของข้าจะยินดีในองค์พระยาห์เวห์
วิญญาณข้าจะชื่นชมในความรอดจากพระองค์
10 ทั้งกายและใจของข้าจะกล่าวว่า
มีใครเป็นเหมือนพระยาห์เวห์บ้าง
ที่ทรงช่วยคนอ่อนแอให้พ้นจากคนที่แข็งแรงกว่า
ทรงช่วยผู้ยากไร้และแร้นแค้นให้พ้นจากคนที่ปล้นพวกเขา

พยานเท็จที่มาใส่ร้ายและเยาะเย้ย
11 เกิดพยานเท็จที่โหดร้ายปรักปรำข้า
กล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่รู้เรื่อง
12 พวกเขาตอบสนองความดีด้วยความชั่ว
และวิญญาณของข้าก็หมดหวัง
13 เมื่อพวกเขาป่วย ข้าก็สวมผ้ากระสอบ
ข้าถ่อมตนลงด้วยการอดอาหาร
ข้าก้มลงอธิษฐานเผื่อ
14 ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อน พี่น้องของข้าเอง
ข้าก้มลงกับพื้นราวกับคนเศร้าโศกถึงแม่ของตนเอง
15 แต่เมื่อข้าทุกข์ร้อน พวกเขากลับรวมตัวกันแสดงความยินดี
สมคบกันเพื่อต่อต้านข้าตอนที่ข้าไม่รู้ตัว
คนที่ข้าไม่เคยรู้จัก ก็ไม่หยุดที่จะใส่ร้ายข้า
16 พวกเขาเยาะหยันข้าไม่หยุดหย่อน
เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้า
17 โอ พระผู้เป็นเจ้านาย
พระองค์จะทรงมองดูนานเท่าไร
ขอทรงช่วยข้าให้พ้นจากหายนะ
ขอทรงช่วยกู้ชีวิตอันมีค่าจากเหล่าสิงโต

คำสัญญาว่าจะสรรเสริญให้คนมากมายรู้
18 ข้าจะถวายคำขอบพระคุณในที่ประชุมใหญ่
ข้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางผู้คนมากมาย

การเยาะเย้ยที่ดาวิดรู้ว่าจะต้องเจอ
19 ขอโปรดอย่าให้คนเหล่านั้นที่มาเป็นศัตรูยิ้มเยาะข้าได้
ขออย่าให้คนที่เกลียดข้าโดยไม่มีเหตุเยาะหยันข้าได้
20 เพราะพวกเขาไม่พูดถึงสันติ
มีแต่ความพยายามที่จะสร้างเรื่องเพื่อหลอกผู้คน
21 พวกเขาเปิดปากต่อต้านข้า
กล่าวร้ายว่า “นั่นไง นั่นไง เราเห็นมากับตา”

คำร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ขอความอัปยศให้ศัตรู
22 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเห็น
ขออย่าทรงนิ่งเฉย
โอ องค์เจ้านาย ขออย่าทรงอยู่ห่างข้า
23 ขอพระองค์ทรงตื่นขึ้น ขอทรงลุกขึ้นปกป้องข้าพระองค์
พระเจ้าของข้า องค์เจ้านายของข้า ขอทรงเห็นแก่ข้าด้วย
24 ขอทรงพิสูจน์ว่าข้าไม่ผิด ตามความเที่ยงธรรมของพระองค์
โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
ขออย่าทรงให้พวกเขาเยาะหยันข้าได้
25 อย่าให้เขาคิดในใจได้ว่า อา สมใจเราแล้ว
อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า เรากลืนเขาได้แล้ว!
26 ขอให้คนที่พอใจกับความหายนะของข้า
ต้องอับอาย และสับสน
ให้พวกเขาสวมความน่าละอาย
และให้คนที่ยกยอตนเองเหนือข้า
ต้องเจอกับความอัปยศอดสู

สัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้า
27 ให้คนที่ชื่นชมกับความเที่ยงธรรมของข้า
ตะโกนด้วยความชื่นชม และยินดีนัก
ให้พวกเขากล่าวว่า “ขอยกย่องเทิดทูนพระยาห์เวห์
พระผู้ทรงพอพระทัยกับสวัสดิภาพของผู้รับใช้ของพระองค์”
28 และลิ้นของข้าจะกล่าวถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์ตลอดทั้งวัน

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 43:1; 119:154; เยเรมีย์ 51:36; อิสยาห์ 49:25

2* อิสยาห์ 42:13; อพยพ 15:3

3* สดุดี 27:2; อิสยาห์ 12:2

4* สดุดี 40:14,15; 70:2; 129:5

5*โยบ 21:18; สดุดี 83:13; อิสยาห์ 29:5

6* เยเรมีย์ 23:12; 13:16

7* สดุดี 9:15; 140:5; ยอห์น 15:25

8*สดุดี 55:23; อิสยาห์ 47:11; 1 เธสะโลนิกา 5:3

9* อิสยาห์ 16:10; สดุดี 13:5; ฟีลิปปี 3:1-3

10* สดุดี 51:8; 140:12; อพยพ 15:11;

11*สดุดี 27:12; มัทธิว 26:59-60

12* สดุดี 38:20; 109:5; เยเรมีย์ 18:20; ยอห์น 10:32

13* โยบ 30:25; สดุดี 69:10-11

14* ลูกา 19:41-42; สดุดี 38:6; 2 ซามูเอล 1:11-12, 17-27

15* มาระโก 14:65; สดุดี 7:2

16* เพลงคร่ำครวญ 2:16; โยบ 16:9; สดุดี 37:12

17* สดุดี 13:1; ฮาบากุก 1:13; สดุดี 89:46

18* ฮีบรู 2:12; โรม 15:9; สดุดี 138:4-5

19* สดุดี 69:4; 13:4; ยอห์น 15:25;

20* กิจการ 25:3; มัทธิว 12:24

21* สดุดี 40:15;22:13; 70:3

22* สดุดี 28:1; 10:1; อพยพ 3:7

23* สดุดี 44:23; 7:6; อิสยาห์ 51:9

24* สดุดี 43:1; 35:19; 26:1

25*เพลงคร่ำครวญ 2:16; สดุดี 124:3

26* สดุดี 109:29

27* โรม 12:15; สดุดี 40:16; 149:4

28* สดุดี 71:24; 145:5,21

อธิบายเพิ่มเติม

หลายคนบอกว่า สดุดีบทนี้ ยอดสุดสำหรับการอธิษฐานเมื่อเราเจอสงครามฝ่ายวิญญาณในชีวิต และจริง ๆ แล้วเป็นบทอธิษฐานเผื่อเพื่อน ๆ ของเราที่ถูกกดขี่ ข่มเหง ไม่ว่าจะจากครอบครัว ที่ทำงาน ชุมชน แม้กระทั่งรัฐบาลที่ห้ามไม่ให้เชื่อพระเยซูคริสต์

สดุดี 35:1-3 ขอที่กำบัง
ดาวิดทูลขอพระเจ้าให้ทรงออกรบแทนท่าน

สดุดี 35:4-10 ขอทรงให้หายนะมาถึงศัตรู
ดาวิดขอให้พระเจ้าทรงไล่ล่าและจัดการทำให้ศัตรูต้องละอาย คำว่าทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์นี้ มีความหมายถึงพระเยซูผู้ที่เวลานั้นยังมิได้ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เหมือนในสดุดี 34:7 ที่ว่า 7 ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ล้อมรอบ และช่วยกู้คนที่ยำเกรงพระองค์. ท่านบ่งบองชัดเจนว่า ศัตรูจะทำอย่างไรกับท่าน ท่านก็จะทำตอบเขาอย่างนั้น
แผนใด ๆ ก็ตามที่ศัตรูทำขึ้นมาเพื่อจัดการท่าน ท่านขอให้กลับไปหาพวกเขาเหมือนกัน
และถ้าพระเจ้าตอบคำอธิษฐานท่านก็สัญญาจะยินดีในพระองค์

สดุดี 35:11-17 พยานเท็จที่มาใส่ร้ายและเยาะเย้ย
ท่อนนี้ เป็นการคร่ำครวญมากกว่าจะเป็นการทูลขอ. ดาวิดอธิบายชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ท่านกล่าวถึงความดีที่ท่านทำให้ศัตรู ในทางกลับกันหากดาวิดเจอความทุกข์ พวกเขาก็จะเยาะเย้ยและทำให้สถานการณ์แย่ลง

สดุดี 35:18 คำสัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้าให้คนมากมายได้รู้
ท่านขอให้พระเจ้าอย่าทรงแค่มองดู เมื่อพระองค์ทำกิจตามคำขอ ดาวิดจะสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าคนหมู่มาก ท่านจะทำให้ทุกคนรอบข้างได้รู้ถึงการตอบคำอธิษฐานนั้น

สดุดี 35:19-21 การเยาะเย้ยที่ดาวิดรู้ว่าจะต้องเจอ
บางครั้งการเกลียดชังที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษเลย ดาวิดขอพระเจ้าอย่าให้โอกาสคนพวกนั้นเยาะเย้ย เราจะเห็นความเกลียดที่ถูกปะทุขึ้นในทางการเมืองอยู่ตลอดเวลาในโลกทุกวันนี้ เราจึงไม่แปลกใจว่า ความเกลียดนั้นอยู่ในทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหน เชื้อชาติใด คำอธิษฐานของดาวิดจึงเข้ากับโลกปัจจุบันนี้มาก

สดุดี 35:22-26 คำร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ศัตรูของดาวิดหาเรื่องใส่ร้ายได้ทุกทาง แต่ดาวิดรู้ว่า พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างว่าท่านทำผิดจริงหรือไม่ ดาวิดกล้าที่จะขอให้พระเจ้าทรงปกป้อง ท่านแน่ใจว่า ท่านไม่ได้ทำผิดอย่างที่ศัตรูให้ร้าย และศัตรูที่ให้ร้ายคนอื่นก็จะเป็นคนที่เย่อหยิ่ง ยกตัวขึ้นเสมอไป (26)

สดุดี 35:27-28 สัญญาว่าจะสรรเสริญพระเจ้า
จบสดุดีด้วยการที่ดาวิดขอให้คนที่อยู่ฝ่ายท่านได้ถวายพระสิริแด่พระเจ้า แม้ดาวิดจะไม่ใช่คนที่ทำถูกต้องตลอดเวลา แต่ท่านก็อยู่ฝ่ายพระเจ้าเสมอ และการที่ทำผิดและหันกลับมาหาพระเจ้าก็ดีกว่าทำผิดแล้วเตลิดไปไม่กลับมา