ยอห์น 15 ต้องเข้าสนิทในพระเยซู

คำเปรียบเรื่องต้นองุ่นแท้

ต้นกับกิ่งก้านต้องติดสนิทกัน

ผลของการติดหรือไม่ติดกับต้น

ความรักและการเชื่อฟัง เป็นของคู่กัน

ความรักที่เราต้องเลียนแบบ

พระเจ้าทรงเลือกเราให้เกิดผล ให้รักกันและกัน

เพราะศิษย์เป็นของพระองค์ โลกจึงเกลียดชัง

โลกไม่รับเราเพราะพระเยซู

พระวิญญาณทรงเป็นพยาน

คำอธิบายเพิ่มเติมและพระคำเชื่อมโยง ยอห์น 15

คำเปรียบเรื่องต้นองุ่นแท้ ข้อ 1-3
หลังจากที่ทรงปลอบใจว่าไม่ให้เหล่าศิษย์ของพระองค์ต้องกังวลใจ ทุกข์ใจ พวกเขาก็ออกมาจากที่นั่น แล้วพระเยซูทรงเปรียบเทียบว่า พระองค์คือ ต้นองุ่นแท้ พระบิดาทรงดูแล เหล่าศิษย์คือ กิ่งก้านของต้นองุ่นนี้ ส่วนผู้ดูแลองุ่นก็คือ พระบิดา เราจึงเห็นความสัมพันธ์ที่ขาดกันไม่ได้ในคำเปรียบนี้
การเกิดผลในชีวิตขึ้นอยู่กับการที่พระเจ้าทรงลิดผลที่ติดกับต้น เป็นการทำงานของพระบิดา พระบุตร และผู้เชื่อ การเข้าสนิทกับพระเยซู มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด รู้จักพระองค์เป็นอย่างดี เดินตามพระองค์เป็นเคล็ดลับสำคัญที่คน ๆ หนึ่งจะเกิดผล ตอนที่อยู่ในห้องอาหารนั้น พระเยซูก็ตรัสให้พวกเขาเข้าสนิทกับพระองค์แล้ว (ดู 14:20-24) ที่น่าเสียดายมากคือ กิ่งที่ไม่เกิดผลจะถูกตัดทิ้ง

1* เยเรมีย์ 2:21; 1 โครินธ์  3:9]
2* ดูข้อ 6; มัทธิว 3:10; 7:19; โรม 11:17; 2 เปโตร 1:8; มัทธิว 15:13; โรม 11:22;มัทธิว 13:12
3* ยอห์น 13:10 ; ยอห์น 17:17; เอเฟซัส  5:26

ต้นกับกิ่งก้านต้องติดสนิทกัน ข้อ 4-5
เรื่องนี้ชัดเจน ง่ายมาก หากไม่ติดกับต้น ก็จะเฉาตายไปเอง ติดกับต้น ก็จะเกิดผลมาก พระเยซูทรงบอกเราว่า การอยู่ในพระองค์นั้น ทำให้เราเกิดผล ทำให้เราสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพราะจริง ๆ แล้วคือพระเจ้าที่อยู่ในเราทรงทำให้
ข้อสังเกตสภาพของกิ่งก้านคือ กิ่งที่ไม่เกิดผล กิ่งที่เกิดผล กิ่งที่เกิดผลมากขึ้น และกิ่งที่เกิดผลมากมาย

4* ดูข้อ 5-7; 1 ยอห์น 2:6; ฟีลิปปี1:11; โคโลสี 1:23 ; ยอห์น 6:56;  3:15
5* โรม 6:5; ดูข้อ16; โคโลสี 1:6, 10

ผลของการติดหรือไม่ติดกับต้น ข้อ 6-8
และยังมีสภาพของกิ่งที่ถูกโยนทิ้ง แห้งเหี่ยว ถูกมัดรวม โยนลงเป็นกอง และเผาไฟด้วย พระเยซูทรงพูดถึงผู้เชื่อที่ไม่ติดสนิทกับพระองค์ บางทีเราคิดว่า เชื่อแล้วก็โอเคแล้ว รอดแน่ แต่คำตรงนี้ฟังแล้วดูจะไม่ใช่อย่างที่คิด
คนที่อยู่ในพระเจ้า ก็จะขอสิ่งที่ไม่ได้ขัดหรือผิดต่อน้ำพระทัยพระเจ้า เขาจะได้รับสิ่งที่ทูลขอ เขาจะเกิดผลมาก ทำให้ใคร ๆ รู้ว่า นี่คือคนติดตามพระเยซูจริง ๆ

6* ดูข้อ 2 ; มัทธิว 13:40-42; เอเสเคียล15:4
7* ยอห์น 8:31; 14:13
8* อิสยาห์ 61:3; มัทธิว 5:16; 2 Cor. 9:13; Phil. 1:11และข้อ 5

ความรักและการเชื่อฟังเป็นของคู่กัน ข้อ 9-11
ความเป็นจริงของการอยู่ในพระเยซูคือ การทำตามคำบัญชาของพระองค์ด้วยความรัก โดยทำตามแบบอย่างของพระเยซูที่ทรงทำตามพระบิดาสุดพระทัย
ความรักของโลกนี้ แตกต่างจากรักที่พระเจ้ารักเรา ดังนั้น หากไม่มีตัวอย่างของรัก พวกเราอาจเข้าใจผิดไปได้ รักที่พระเยซูหมายถึงไม่ใช่รักด้วยอารมณ์ ไม่ใช่รักลึกซึ้งลี้ลับ แต่เป็นความรักที่มีความเชื่อฟังแบบที่ว่ายอมตายเลยทีเดียว

9* ยอห์น 5:20
10* ยอห์น 14:15, 23; 8:55; 17:4; Phil. 2:8; ยอห์น 10:18
11* 2 Cor. 2:3; ยอห์น 3:29; 16:24; 17:13; 1 ยอห์น 1:4; 2 ยอห์น 12


ความรักที่เราต้องเลียนแบบ ข้อ 12-15
ที่จริง พระเยซูพูดคำนี้มาแล้วในห้องอาหาร และทรงย้ำอีกครั้งหนึ่ง รักที่ยิ่งใหญ่สุดคือเพื่อนตายแทนได้ และอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า พวกเขาจะได้เห็นว่า พระองค์นี่แหละ ทรงตายแทนพวกเขาจริง ๆ (ซึ่งในเวลานั้นพวกเขาก็ยังไม่เข้าใจ)
ทรงย้ำว่าพวกเขาคือเพื่อนของพระองค์ ไม่ใช่เป็นทาสรับใช้ ทรงรู้ว่า ในอนาคตต่อไป พวกเขาจะได้ทำตามคำสั่งสุดท้ายแน่นอน อีกอย่างที่ถือว่าเป็นเพื่อนเพราะพระองค์ทรงได้ยินอย่างไรจากพระบิดา ก็ทรงบอกพวกเขาโดยไม่ปิดบัง เว้นแต่พวกเขาจะไม่เข้าใจเอง
**คำว่าคนรับใช้ ในที่นี้มีความหมายถึง ทาส

12* ยอห์น 13:34
13* โรม 5:7, 8; เอเฟซัส 5:2; ยอห์น 10:11
14* ลูกา 12:4; ดูข้อ 10; มัทธิว 12:50]
15* ดูข้อ 20; ยอห์น 13:7, 12; 3:32; 8:26, 40; 16:13 ;17:26; ปฐมกาล18:17; 1 โครินธ์ 2:16; 13:9, 10

พระเจ้าทรงเลือกให้เราเกิดผล ให้รักกันและกัน 16-17
พระเจ้าได้ทรงเลือกศิษย์แต่ละคนให้ไปเกิดผลที่ยั่งยืน พวกเขาเป็นคนที่ได้อยู่กับพระเยซูอย่างใกล้ชิด ได้สังเกตเห็น ได้ทำงานร่วมกับพระองค์มาโดยตลอด เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเปิดเผยสิ่งที่คนอื่นไม่มีโอกาสได้เห็น เป็นผู้ที่มีความเข้าใจลึกซึ้งอย่างที่คนอื่นไม่เข้าใจ
พระองค์ทรงย้ำอีกว่า ให้รักกันและกัน ….

16* ยอห์น 13:18; 2 ยอห์น 8; ดูข้อ 7; ยอห์น 14:13
17* ดูข้อ 12

เพราะศิษย์เป็นของพระองค์ โลกจึงเกลียดชัง ข้อ 18-20
จากพระคำตอนนี้ เราจะเห็นว่า พระเยซูทรงเห็นล่วงหน้าว่าพวกเขาจะเจอการข่มเหงจากโลกนี้ แม้ว่าพระองค์จะทรงทำคุณให้พวกเขา แต่ก็ยังมีคนที่เลือกจะเกลียดพระองค์ทุกยุคทุกสมัย เมื่อไม่พอใจพระเยซู ก็ไม่พอใจคนของพระองค์ไปด้วย แต่หากคนของพระองค์รู้แน่ว่า เขาเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก เขาจะมั่นคงไม่ว่าจะพบเจอหนักเพียงไร
การที่พระเยซูเสด็จมาในโลก และเป็นพยานเรื่องของพระเจ้ากับผู้คน ทรงชักชวนพวกเขาให้กลับใจ พวกเขาเห็นการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ของพระเยซู แต่ยังปฏิเสธพระองค์ ยิวทุกคนจึงไม่มีข้อแก้ตัวอีกแล้ว


18* ยอห์น 7:7; 1 ยอห์น 3:13; ยอห์น 15:23, 24
19* 1 ยอห์น 4:5; 17:14, 16; ลูกา 6:26; กาลาเทีย 1:4; ยากอบ 4:4
20* ยอห์น 13:16; มัทธิว 10:24; ดูข้อ15; ยอห์น 16:33; 1 โครินธ์ 4:12; 2 โครินธ์ 4:9; 1 เธสะโลนิกา 2:15; 2 ทิโมธี 3:12; เอเสเคียล 3:7; ยอห์น 8:51

โลกไม่ยอมรับเราเพราะพระเยซู ข้อ 21-25
ศิษย์ทุกคนที่พระเยซูตรัสด้วยในคืนวันนั้น ต่างพบกับการข่มเหงอย่างรุนแรงจนถึงตายเกือบทุกคน ..ยกเว้นท่านยอห์นที่ถูกเนรเทศไปเกาะปัทมอส
ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือเป็นไปตามสดุดี 69:4 ที่บอกว่า เขาได้ชังเราโดยไม่มีสาเหตุ
สรุปคือพระเยซูตรัสว่า หากเขาชังพระองค์ เขาจะชังพระบิดา และคนของพระองค์ตามไปด้วย

21* ยอห์น 16:3; มัทธิว 10:22; 24:9; วิวรณ์ 2:3; กิจการ 5:41; 1 เปโตร 4:14, 16; กิจการ 3:17
22* มัทธิว 11:22, 24; ลูกา12:47, 48; ยอห์น 9:41
23* ยอห์น 5:23
24* ยอห์น 3:2; 7:31; 9:32; มัทธิว 9:33; ยอห์น 10:32, 37;ยอห์น 14:9
25* ยอห์น 10:34; 12:38


พระวิญญาณทรงเป็นพยาน ข้อ 26-27
พระดำรัสของพระเยซูตอนนี้ทำให้เราเห็นว่า พระวิญญาณทรงอยู่กับผู้เชื่อเสมอ ในอนาคต พวกเขาจะเจอกับการข่มเหงที่กำลังมนุษย์ไม่อาจทนได้ พวกเขาต้องการพลังแห่งพระวิญญาณที่จะสู้สิ่งร้ายเหล่านั้น
พระวิญญาณจะทรงเป็นพยานให้ผู้เชื่อได้รับรู้ถึงพระเยซูคริสต์ และจะทรงหนุนกำลังพวกเขาให้เป็นพยานเพื่อพระองค์ด้วย

26* ยอห์น 14:16, 17, 26; 1 โครินธ์12:3; 1 ยอห์น 5:7
27* ยอห์น 19:35; 21:24; 1 ยอห์น 1:2; 4:14; [3 ยอห์น 12]; ลูกา 24:48; กิจการ 4:20