กิจการ 12 นักโทษที่หายไป!

อธิษฐานแล้ว …คำตอบก็มา

จุดจบเฮโรด

อธิษฐาน แล้วคำตอบก็มา
กิจการ 12:1-3
ชื่อเฮโรดเป็นเหมือนชื่อตำแหน่ง วงศ์ของเฮโรด เราจึงเจอเฮโรดหลายคนในพระคัมภีร์ ต้องดูดี ๆ ว่า เป็นคนไหน ส่วนคนนี้ นามว่าเฮโรด อะกริปปาที่หนึ่ง สืบเชื้อสายจากวงศ์ฮาสโมเนียนซึ่งมีเชื้อสายยิว เป็นเฮโรดที่เชื่อในศาสนายิว ดังนั้นเขาจึงพยายามเอาใจยิวให้มาก เขาได้จับยากอบพี่ชายของยอห์น แล้วประหารเสีย คนต่อไปที่เขาจะกำจัดคือ เปโตร และก็จับมาได้เสียด้วย เพราะอัครทูตไม่ได้อยู่หลบ ๆ ซ่อน ๆ แต่พวกเขาประกาศพระนามอย่างกล้าหาญ
น่าจะเป็นประมาณปี ค.ศ. 43-44 ที่เฮโรดผู้นี้เริ่มก่อกวน และตามข่มเหงคนของพระเจ้า เขาสนใจคนที่เป็นผู้นำ และมักจะทำงานร่วมกับพวกสภาแซนฮีดรินสะดูสี ส่วนพวกฟาริสีก็ไม่ได้ตามติดที่จะทำร้ายคริสเตียนนัก ดูกิจการ 5:33-39
กิจการ 12:4-5
เฮโรดตั้งใจว่า จบเทศกาลไร้เชื้อเมื่อไรค่อยจัดการปลิดชีวิตเปโตร โดยเป็นเทศกาลปัสกาด้วย (ซึ่งเป็นงานที่ระลึกถึงการที่พระเจ้าทรงปลดปล่อยพวกเขาจากการเป็นทาสอียิปต์) เฮโรดตั้งใจจะนำตัวเปโตรสอบสวนแล้วค่อยประหาร แต่ต้องรอให้เทศกาลจบเสียก่อนไม่อย่างนั้นผู้คนอาจลุกฮือขึ้นมาได้ เราคงจำได้ว่า พวกปุโรหิตจับพระเยซูมา แต่ก็จะไม่ทำอะไรในช่วงเทศกาล เพราะกลัวประชาชนลุกฮือ (มาระโก 14:2)
แต่พี่น้องไม่ได้อยู่เฉย พวกเขาไม่ได้ไปเดินขบวนประท้วง แต่พวกเขาร่วมใจกันอธิษฐานเพื่อเปโตรอย่างจริงจัง เขาไม่ต้องการให้เสียไปอีกคนหลังจากที่เสียยากอบไปแล้ว
กิจการ 12:6-7
พี่น้องอธิษฐานอย่างร้อนรนนอกคุก แต่เปโตรก็สามารถหลับได้อย่างเป็นสุขข้าง ๆ ทหารที่มาคุม ดูเขาไม่เดือดเนื้อร้อนใจสักเท่าไร น่าจะเป็นเพราะครั้งที่พระเยซูตรัสกับเขาที่ริมทะเลสาปกาลิลีว่า เมื่อเจ้าแก่ก็จะ
มีคนพาเจ้าไป.. ซึ่งทำให้เขารู้ว่า ครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นวันตายของเขา (ยอห์น 21:18)
พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาให้นำเขาออกไป สิ่งแรกที่มหัศจรรย์คือ ทูตมา อย่างที่สองคือโซ่หลุดออก
กิจการ 12:8-10
ทูตสวรรค์สั่งให้เขาสวมเสื้อให้ครบครันทั้งรองเท้าและตามออกไป ตัวเปโตรเองก็ออกไปกับทูต แต่เวลานั้นเขาคิดว่าเขาฝันไป เป็นฝันที่มีความสุขเสียด้วย … ก็เดินผ่านทหารยามโดยไม่ได้มีใครมาจับไปล่ามโซ่อีก ดีจริง ๆ ฝันนี้
เมื่อเขาออกมาที่ถนน ทูตก็หายไป คราวนี้ เปโตรต้องจัดการตัวเองต่อแล้ว ไม่มีทูตมาช่วยพาไปอีก
กิจการ 12:11-12
พออยู่คนเดียว เขารู้สึกตัวและรู้ว่า นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝัน จึงตัดสินใจไปหาพี่น้องที่บ้านของยอห์น มาระโก ความพยายามของเฮโรดที่จะทำลายคริสตจักร ต้องชะงักลงตรงนี้ เปโตรเข้าใจแล้วว่า พระเจ้าทรงอยู่กับคริสตจักร ทรงทำการร่วมกับพวกเขา
บ้านของมารีย์ซึ่งเป็นมารดาม่ายของยอห์นมาระโกน่าจะใหญ่พอสมควร เพราะต้อนรับพี่น้องให้มาอธิษฐานด้วยกันได้ และคงเป็นที่ ๆ เขานัดพบกันเสมอ เพราะเปโตรมั่นใจว่า จะพบพี่น้องที่นั่น ยอห์น มาระโกผู้นี้เป็นคนเดียวที่มีสองชื่อต่อกัน ยอห์นเป็นชื่อภาษายิว มาระโกเป็นชื่อที่ใช้ในโรม ต่อมาเขาได้รับใช้ร่วมกับบารนาบัส และเป็นผู้ที่เขียนพระกิตติคุณมาระโก
กิจการ 12:13-15
เมื่อเปโตรมาเคาะประตู มีสาวใช้มาตอบรับแต่แทนที่จะเปิดให้ กลับรีบวิ่งไปบอกพี่น้องว่าเปโตรออกมาจากคุก ทั้ง ๆที่ตั้งหน้าตั้งตาอธิษฐาน แต่เมื่อพระเจ้าตอบอย่างรวดเร็ว เหลือเชื่อขนาดนี้ ทำให้พวกเขาไม่แน่ใจหาว่า โรดา สาวใช้เสียสติไปเสียอีก ช่างย้อนแย้งเสียจริง
กิจการ 12:16-17
เปโตรไม่หยุดเคาะจนมีคนมาเปิดประตู และพบว่า เป็นเปโตรตัวจริง ..มันเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อสำหรับพวกเขา แต่เปโตรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟัง พี่น้องจึงเข้าใจว่า พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานอย่างไร
เปโตรกำชับพวกเขาให้แจ้งเรื่องนี้กับยากอบ ซึ่งเป็นน้องชายของพระเยซู เขาไม่ได้เชื่อพระองค์ตอนที่ยังอยู่บ้านเดียวกัน แต่ต่อมา ได้เชื่อและกลายเป็นผู้นำคนสำคัญสำหรับคริสตจักรยุคแรก เขาจะต้องเป็นคนที่ทุกคนรู้จักดีในเยรูซาเล็ม
และไม่อยู่อธิษฐานกับพวกเขา แต่เดินทางไปที่อื่น เขาคงมีแผนอะไรในใจ และเพื่อไม่ให้พี่น้องต้องลำบากหากเฮโรดตามมาเจอ
กิจการ 12:18-19
เสรีภาพของเปโตรเป็นความชื่นชมยินดีของพี่น้องคริสเตียน แต่กลับกลายเป็นว่าทหารยามทั้งหมดต้องถูกประหาร เป็นโทษฐานปล่อยนักโทษออกมา จากนั้น เฮโรดก็เลยลาไปพักผ่อนเพราะแผนล่มไปเสียแล้ว อยู่ก็เหนื่อยเปล่า

จุดจบเฮโรด
กิจการ 12:20
และในช่วงนั้นเองเจ้าเมืองไทระและเจ้าเมืองไซดอนเข้ามาขอเป็นไมตรีด้วย ซึ่งเฮโรดตอบตกลง เป็นโอกาสที่เขาจะได้มีอำนาจมากขึ้น และมีผลประโยชน์อื่น ๆ มากขึ้นด้วย

กิจการ 12:21-23
ในวันที่เฮโรดจะทำสัมพันธไมตรีนั้นเอง เมื่อเขาพูดออกมา ประชาชนก็ร้องสรรเสริญเขาว่า เสียงของเฮโรดเป็นเสียงของพระ ซึ่งทำให้เขายิ่งภูมิใจตัวเอง .. ชายผู้ที่พยายามทำลายอาณาจักรของพระเจ้า ตอนนี้กำลังได้รับการเชิดชู แต่ในทันใดนั้นเอง มีทูตของพระเจ้าลงมาที่ผู้คนกำลังประชุมกันอยู่ เขาล้มลง และมีหนอนโผล่ออกมาจากตัวเขา เขาตายในอีกห้าวันต่อมา
ลูกามองว่าเหตุการณ์นี้ เป็นการพิพากษาของพระเจ้าต่อเฮโรดที่ยอมให้ประชาชนยกชูว่าเขาเป็นพระเจ้า
ไปรับเกียรติที่เป็นของพระเจ้าเพียงผู้เดียว อีกอย่างในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปได้ไหมที่ พระเจ้าทรงทำให้เห็นว่า พระองค์ทรงหวงคนของพระองค์ และพระองค์จะทรงจัดการกับศัตรูที่พยายามทำลายคนของพระองค์ ทรงทำให้พี่น้องคริสเตียนได้รู้ว่า พระเจ้าทรงเอาจริงกับการขยายแผ่นดินของพระองค์ ทรงทำให้ยิวที่เกลียดชังคริสเตียนต้องระวังตัวมากขึ้น

กิจการ 12:24-25

พระวจนะของพระเจ้ายังคงเผยแผ่อีกต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ถึงแม้เฮโรดและยิวพยายามทำลายงานของพระเจ้า แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้เท่าพระองค์ ความรอดจากพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากยอมรับและยังคงสืบต่อมาจนทุกวันนี้ คนทั้งโลกได้รู้จักพระเจ้า
และเราได้เห็นว่า ยอห์นมาระโก เข้ามาร่วมในการรับใช้พระเจ้าในอันทิโอกนี้ด้วย


พระคำเชื่อมโยง

2* มัทธิว 4:21;20:23
3* อพยพ 12:15; 23:15
4* ยอห์น 21:18
7* กิจการ 5:19
9* สดุดี 126:1; กิจการ 10:3, 17; 11:5

10* กิจการ 5:19; 16:26
11* สดุดี 34:7; โยบ 5:19
12* กิจการ 4:32; 13:5, 13; 15:37; 12:5
15* มัทธิว 18:10
17* กิจการ 13:16; 19:33;21:40

20* มัทธิว 11:21; เอเสเคียล 27:17
23* 2 ซามูเอล 24:16,17; สดุดี 115:1
24* กิจการ 6:7; 19:20
25* กิจการ 11:30; 13:5,13; 12:12; 15:37

ยอห์น 20 ทรงฟื้นขึ้นมาแล้ว

ยอห์นบันทึกเรื่องราวการคืนพระชนม์ ถ้ำเก็บศพที่ว่างเปล่า พระเยซูทรงพบมารีย์และศิษย์ในห้องที่พวกเขาชุมนุมกันอยู่สองครั้ง

ถ้ำเก็บศพที่ไม่มีศพ

พระเยซูทรงพบมารีย์มักดาลา

พระเยซูทรงพบศิษย์

พระเยซูทรงพบโธมัส


คำอธิบายเพิ่มเติม ยอห์น 20
ถ้ำเก็บศพที่ไม่มีศพ
ยอห์น 20:1-2
เช้าวันต้นสัปดาห์คือเช้าวันอาทิตย์ ขณะที่ยังมืดมาก มารีย์ และเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน พากันไปยังถ้ำเก็บศพพระเยซู เพื่อนำเครื่องหอมไปชโลมพระศพอีก (ลูกา 24:1)
มารีย์คิดอย่างเดียวว่า มีคนมาขโมยพระศพไป แทนที่จะคิดว่า พระองค์ทรงฟื้นคืนชีพอย่างที่ทรงเคยบอกไว้ ดูเหมือนว่า เรื่องการคืนพระชนม์ไม่ได้อยู่ในหัวของเธอเลย เธอรีบกลับไปบอกข่าวพระศพหายไปกับอัครทูตสองท่าน เธอให้ข่าวผิด ๆ ว่า มีคนเอาพระองค์ไป
การคืนพระชนม์ในวันต้นสัปดาห์ ทำให้คริสเตียนได้เริ่มต้น มาประชุมนมัสการกันในวันนั้น และทำติดต่อกันมาจนทุกวันนี้
ยอห์น 20:3-5
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทั้งสองก็รีบไปดูสถานที่เกิดเหตุเลย ยอห์นเข้าไปหน้าถ้ำก่อน เห็นแถบผ้าวางอยู่แม้ยอห์นจะเข้าไปเห็นก่อน แต่คนที่แซงเข้าไปในถ้ำคือเปโตร เราจะเห็นนิสัยที่พุ่งของเปโตรได้ชัดเจนเลย น่าแปลกที่ศิษย์คนอื่นไม่ได้สนใจจะวิ่งมาดูเหมือนสองคนนี้
ยอห์น 20:6-10
หลักฐานว่า พระศพไม่อยู่ก็คือ พระองค์หายไป มีผ้าพันพระศพวางไว้ ผ้าพันพระเศียรพับวางไว้ต่างหากด้วย แม้ตอนนั้นยังนึกไม่ออก ไม่เข้าใจว่า พระเยซูจะต้องคืนชีพ เขาก็เชื่อสิ่งที่ตาเห็น คนยิวในสมัยนั้น จะเก็บศพโดยใช้ผ้าพันศีรษะกับผ้าพันร่างกายคนละผืน
พระเยซูทรงพบมารีย์มักดาลา
ยอห์น 20:11-13
มารีย์ยังไม่ไปไหน แต่ร้องไห้เสียใจไม่เห็นพระศพ แต่ขณะนั้นเอง เธอก็ก้มลงไปมองในถ้ำ ก็เห็นทูตสวรรค์นั่งอยู่ทางด้านพระเศียรกับด้านพระบาท ท่านทั้งสองถามมารีย์ ว่าร้องไห้ทำไม? เพื่อเป็นการเตือนสติเธอ และมารีย์ก็ตอบซื่อ ๆ ว่า พระเยซูถูกคนเอาไป เธอเข้าใจผิดแต่ก็มั่นใจเหลือเกิน
ยอห์น 20:14-15
แต่ขณะกำลังคุยกับทูตสวรรค์ ซึ่งเวลานั้นเธอก็คงไม่รู้ว่าเป็นทูตสวรรค์ เธอหันกลับมาเจอบุรุษคนหนึ่ง เธอคิดว่าเป็นคนสวน ความที่อยากได้พระศพคืน เธอจึงถามเขาว่า พระศพอยู่ที่ไหน จะได้รับไป… เธอกล่าวคำที่ยังเป็นข่าวปลอมอยู่ คือ คิดว่ามีคนเอาพระศพไป ทั้ง ๆ ที่เธอไม่สามารถจะจัดการกับศพได้ (หากว่ามีจริง เพราะเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง) แต่เธอก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ศพคืน
ยอห์น 20:16-17
แต่เวลานั้นเอง พระเยซูตรัสเรียกว่า มารีย์เอ๋ย เท่านั้นแหละเธอก็ร้องออกมาว่า รับโบนี ซึ่งแปลว่าอาจารย์ ตาของเธอเปิดออก เห็นพระเยซูแล้ว เห็นเพราะเธอได้ยินเสียงเรียกของพระองค์
ตอนนี้ เธอรู้แล้วว่า พระเยซูคืนพระชนม์ แต่ยังตกใจมาก พระเยซูห้ามไม่ให้เธอรั้งพระองค์ไว้ แต่ทรงสั่งให้เธอไปบอกพี่น้องว่า พระเยซูกำลังจะไปหาพระบิดา พระเจ้าทั้ง..​ของพระองค์ และของพวกเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่พระเยซูทรงเรียกศิษย์ว่า พี่น้อง (แต่ก่อนทรงเรียกว่า ผู้รับใช้ เรียกว่าเพื่อน) และทรงบอกด้วยว่า พระบิดาเป็นของพระองค์และของเขา เท่ากับพระองค์ทรงรับพวกเขาเป็นพี่น้องของพระองค์ด้วย …​
พระเยซูทรงพบศิษย์
ยอห์น 20: 18-19ก
แล้วมารีย์ก็ทำตามคำสั่งพระเยซู ทุกอย่าง คืนวันนั้นเอง ศิษย์มารวมตัวกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน พวกเขาต้องมาคุยกันให้รู้เรื่อง พระเยซูฟื้นขึ้นมา แต่พระองค์อยู่ที่ไหนกันล่ะ? พวกเขายังกลัวเหล่าผู้นำยิวอยู่ จึงปิดประตูแน่นหนา เวลานั้นต้องมีข่าวออกมาแล้วว่า พระศพหายไป และคนที่น่าจะถูกกล่าวหาว่า ขโมยพระศพก็คือพวกศิษย์นั่นเอง ในเวลานั้น โทษของการขโมยศพคือประหารชีวิต
เราลองคิดดูว่า ในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันแรกที่ทรงคืนพระชนม์นั้น จะโกลาหลเพียงใด ข่าวจะแพร่สะพัดออกไปทั่ว ใคร ๆ ก็ต้องการคำอธิบาย มีมารีย์ เพื่อน ๆ เปโตร และยอห์นที่เป็นผู้เห็นว่า ไม่มีพระศพจริง ๆ ในเช้ามืดวันนั้น แต่มีคนเดียวที่ได้พูดกับพระองค์คือมารีย์ คำของมารีย์จะมีความน่าเชื่อถือเพียงใด?
ยอห์น 20:19ข-21
แต่ถึงปิดประตูแล้ว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!! พระเยซูทรงมาหาพวกเขา ด้วยความที่ยังมีความกลัว กังวลใจ เป็นทุกข์ พระเยซูตรัสให้สันติสุขอยู่กับเขา ทรงให้เขาดูพระหัตถ์ และสีข้าง ซึ่งพวกเขาก็ต้องได้ยินจากยอห์นมาแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์บ้าง พระเยซูตรัสให้เขามีสันติสุขถึงสองครั้ง และตรัสว่าสิ่งสำคัญยิ่งคือ พระองค์จะส่งพวกเขาออกไปแบบที่พระบิดาทรงส่งพระองค์มา
พระเยซูไม่ได้ตำหนิพวกเขาเลย และเวลานี้ พระองค์มาหาเขาด้วยวิธีแปลกมา เข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อ ลั่นกลอนไว้อย่างดี
ยอห์น 20:22-23
จำได้ไหม พระเยซูตรัสเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์มาหลายครั้ง แต่พวกเขายังไม่เข้าใจ พระองค์ตรัสสั่งให้เขารับพระวิญญาณของพระองค์ และทรงกำชับให้เขายกโทษให้ผู้อื่น … ใช่แล้ว อย่างที่พระองค์ทรงทำบนไม้กางเขน!
พระเยซูทรงพบโธมัส
ยอห์น 20:24-25
หลังจากนั้น เมื่อพระเยซูไม่อยู่กับเขาแล้ว โธมัสก็เข้ามารวมกลุ่ม .. ทุกคนเห็นองค์พระเยซู แต่เขาไม่เห็น ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาจะไม่เชื่อ ถ้าไม่เห็นรอยตะปูและรอยแทงที่สีข้าง ขอเอานิ้วแหย่เข้าไปด้วย …​
มีคนอย่างโธมัสในโลกมากมาย ต้องขอเห็นหน่อย ต้องขอแตะด้วย ต้องใช้ประสาทสัมผัสเพื่อให้เกิดความเชื่อ แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงต่อว่าเขาเลย … พระองค์ทรงตอบสิ่งที่อยู่ในใจของโธมัส
ยอห์น 20:26
ต่อมาอีกสัปดาห์ อีกครั้งที่ประตูลงกลอนแน่น แต่พระเยซูก็มาอยู่ท่ามกลางพวกเขา ตรัสให้พวกเขามีสันติสุขอีก คราวนี้ โธมัสอยู่กับพวกเขา เอ พระเยซูทรงหายไปไหนนะ ไม่มาเลย แต่พระองค์กลับมาพบพวกเขาอีกในหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง
ยอห์น 20:27-29
คราวนี้ พระองค์ยื่นพระหัตถ์ให้โธมัสเอามือแยงเข้าไปในสีข้างของพระองค์ด้วย พอโธมัสได้ทำอย่างนั้น เขาก็ร้องว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า” เขาไม่สงสัยการคืนพระชนม์อีกต่อไป ที่ทรงคืนพระชนม์มาให้เขาเห็นครั้งนี้ พิสูจน์แล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแท้จริง พระเยซูทรงมีร่างใหม่เมื่อทรงคืนพระชนม์ แต่กลับทรงเก็บรอยแผลสำคัญนั้นไว้
ด้วยความสงสัยของโธมัสนี่เองที่ทำให้เราได้พระพรกัน เพราะเมื่อเราเชื่อพระเยซูทั้งที่ไม่เห็นพระองค์ เราจึงมีความสุขมาก
ยอห์น 20:30-31
พระเยซูทรงทำหมายสำคัญมากมายที่เล็งถึงการเป็นพระเมสสิยาห์ องค์ผู้ถูกเจิม แต่ยอห์นไม่ได้บันทึกเอาไว้ เขาได้ให้เหตุผลที่เขียนเรื่องราวทั้งหมด ก็เพื่อผู้อ่านจะได้เชื่อว่า
​​​พระเยซูคือผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และจะได้ชีวิตนิรันดร์ ในพระนามของพระองค์
อย่างหนึ่งที่เราต้องเข้าใจคือ พระนามของพระเจ้ามีความหมายไม่ใช่แค่ชื่อ แต่พระนามเป็นตัวแทนของพระองค์ทั้งหมด การมีชีวิตในพระนาม ก็คือ การมีชีวิตในพระเจ้าองค์นี้ ผู้ทรงนามพระเยซู
บางทีเราเชื่อพระเยซูมานาน และไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องเข้าใจ รู้จัก สัมพันธ์สนิทกับพระองค์ต่างไปจากที่เคยแล้ว อย่าบอกแค่ว่า ฉันเป็นคริสเตียน แต่ลองตามพระเยซูจริง ๆ แล้วจะรู้ว่า การตามพระองค์นั้น เปลี่ยนชีวิตเราขนาดไหน

ข้อพระคำเชื่อมโยง
1*มัทธิว 28:1-8;27:60,66; 28:2
2* ยอห์น 21:23,24; 13:23; 19:26; 21:7,24
3* ลูกา 24:12
5* ยอห์น 19:40
7* ยอห์น 11:44
8* ยอห์น 21:23,24
9* สดุดี 16:10

11* มาระโก 16:5
14* มัทธิว 28:9 ยอห์น 21:4
16* ยอห์น 10:3
17* ฮีบรู 4:14, 2:11; มาระโก 16:19;
ยอห์น 16:28; 17:11; กิจการ 1:9
เอเฟซัส 1:17
18* ลูกา 24:10,23
19* ลูกา 24:36; ยอห์น 9:22; 19:38; 16:6; 14:27; 16:33
20* กิจการ 1:3; ยอห์น 16:20,22

21* ยอห์น 17:18-19
22* ยอห์น 16:20-22
23* มัทธิว 16:19; 18:18
24* ยอห์น 11:16
27* 1 ยอห์น 1:1; มาระโก 16:14
29* 1 เปโตร 1:8
30* ยอห์น 21:25
31* ลูกา 1:4; 1 ยอห์น 5:13; ลูกา2:11; ยอห์น 3:15-16; 5:24