เปาโล สิลาส กับทิโมธีน้องใหม่
นิมิตเรื่องชาวมาซิโดเนีย
บาดแผลที่นำชีวิตใหม่
เปาโล สิลาส กับทิโมธีน้องใหม่
กิจการ 16:1-3
จำได้ไหมที่เมืองลิสตรา เปาโลเคยถูกหินขว้าง ถูกลากออกมาจากเมือง เปาโลไม่ได้กลัวว่าจะถูกขว้างอีกหรือไม่ และที่นั่นได้พบกับชายคนหนึ่งที่เป็นลูกครึ่งกรีกยิว และดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่รับใช้พระเจ้าได้ แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโลกแตกของยิวในเรื่องสุหนัต ท่านจึงขอให้ทิโมธีเข้าสุหนัตเสีย เป็นการตัดไฟต้นลม
เพราะทิโมธีจะต้องเป็นผู้นำต่อไป จะได้ไม่มีเรื่องแบบนี้ทำให้คนสับสนอีก คือจริง ๆ ไม่ทำสุหนัตก็ไม่ผิด แต่การป้องกันแบบนี้ก็ไม่ผิดเช่นกัน
ทิโมธี ชื่อของเขาแปลว่า คนที่ให้เกียรติพระเจ้า … และต่อมาเราจะเห็นว่าทิโมธีเป็นผู้รับใช้ร่วมกับเปาโลที่มีความคิดเดียวใจเดียวกัน ดูฟิลิปปี……… 2 ทิโมธี 1:5 เขาเป็นลูกหลานคริสเตียน มีการเลี้ยงดูมาในทางของพระเจ้าเป็นอย่างดี
กิจการ 16:4-5
ต่อมาทั้งเปาโล สิลาสและทิโมธีก็ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียน หนุนใจ สั่งสอนพี่น้อง โดยที่ท่านได้รับรองการตัดสินใจของผู้ปกครองในกรุงเยรูซาเล็ม (ในเรื่องความเชื่อของพี่น้องต่างชาติที่ไม่ต้องมารักษากฎบัญญัติของโมเสส)
คริสตจักรได้เชื่อฟังสิ่งที่บอก และพวกเขาเข้มแข็งขึ้น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีคนเข้ามาพบพระเจ้า และเปลี่ยนชีวิตมากขึ้นทุกวัน
นิมิตเรื่องชาวมาซิโดเนีย
กิจการ 16:6-8
แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำพวกเขาไม่ให้ประกาศในแคว้นเอเชียอีกต่อไป
จึงเดินทางไปยังฟรีเจีย กาลาเทีย ..พวกเขาเดินทางต่อไปมิเซีย และอยากไปต่อบิธิเนียด้านเหนือของแคว้นกาลาเทีย แต่พระเจ้าทรงห้ามเอาไว้ เปาโลกระวนกระวายว่านี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาอยากที่จะไปให้ทั่ว ๆ ประกาศให้ทุกเมืองในแถบนั้น
กิจการ 16:9-10
แล้วคืนหนึ่งที่เมืองโตรอัส เปาโลก็เห็นนิมิตว่ามีชายคนหนึ่งขอร้องให้ไปมาซิโดเนียซึ่งต้องข้ามทะเลไปทางตะวันตก พระเจ้าทรงปิดทางหลาย ๆ ทางเพื่อให้ทั้งสามมุ่งหน้าไปอีกที่ ซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้ เมื่อเข้าใจแบบนี้ เปาโลก็ไม่สงสัยอะไรอีก ทั้งสามเห็นพ้องต้องกัน
เมืองโตรอัสเป็นเมืองหน้าด่านของเอเชีย ที่ใกล้ชิดยุโรปมาก
กิจการ 16:11-13
นี่เป็นครั้งแรกที่พระกิตติคุณเข้าไปปลูกและเกิดผลในชายแดนยุโรป และเขาไปถึงเมืองเนอาโปลิส และไปต่อยังเมืองฟีลิปปี
แน่นอนที่เปาโลต้องการเข้าไปศาลาธรรม แต่ดูเหมือนไม่มีศาลาธรรมยิวในเมืองนั้น (เป็นธรรมเนียมในเมืองต่างชาติว่า จะต้องมีชายยิว 10 คนขึ้นไปจึงจะสร้างศาลาธรรมขึ้นมา) ที่เมืองนั้นพวกเขาไปนอกเมืองริมน้ำ ได้เจอพวกผู้หญิงที่มาชุมนุมกัน คนยิวที่อยู่ต่างประเทศมักจะออกไปอธิษฐานกับพระเจ้าริมน้ำ เหมือนในสดุดี 137:1
เอ.. ในนิมิตเห็นผู้ชาย แต่กลับมาเจอผู้หญิงที่มาชุมนุมกันอยู่ ทั้งสามต้องการไปอธิษฐานแต่กลับเจอโอกาสที่จะพูดเรื่องพระเยซู.. แม้โลกโบราณจะเป็นโลกที่ชายเป็นใหญ่ แต่เปาโลรู้อยู่แล้วว่า ในพระเจ้าทุกคนเท่ากัน ไม่มีกรีก ยิว ชายหรือหญิงที่จะโดดเด่นในสายพระเนตรของพระเจ้า
กิจการ 16:14-15
ลิเดียเป็นนักธุรกิจหญิงขายผ้าสีม่วง (เป็นผ้าที่บอกให้รู้ว่า ขายให้กับคนชั้นสูงของอาณาจักรโรม) ที่มาจากเมืองทิยาธิรา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ เธอมาพร้อมกับคนในครอบครัวด้วย และพระเจ้าทรงเปิดใจของเธอ… ตรงนี้สำคัญ.. เปาโลกล่าวพระคำ ลิเดียตั้งใจฟัง และพระเจ้าทรงเปิดใจ เธอรับเชื่อและรับบัพติศมาริมน้ำนั้นทันที แล้วยังต้อนรับผู้รับใช้ของพระเจ้าให้พักที่บ้านด้วย โดยใช้คำที่สุภาพ น่าฟัง เธอวิงวอนจนขัดไม่ได้ นี่หมายความว่า เปาโล สิลาส ทิโมธีมีที่พักพร้อมที่จะออกประกาศต่อไปในเมืองนี้
คนแรกที่รับเชื่อพระเจ้าในฟีลิปปี จึงเป็นสตรีที่มีครอบครัวใหญ่.. ขอบคุณพระเจ้า
น่าสนใจว่า ลิเดีย เป็นคนที่ทำงานกับชนชั้นสูง และเธอเองมีบ้านของตนเอง เธอไม่ใช่ทาส แต่เป็นบ้านที่มีที่ทางพอที่จะรับแขกได้ด้วย
กิจการ 16:16-18
แล้วในวันหนึ่ง ทั้งสามเดินไปยังที่อธิษฐาน ก็ได้เจอกับทาสหญิงของกลุ่มหมอดู พวกหมอดูใช้เธอทำนายอนาคต และก็เก็บเงินจากผู้คน เธอรบกวนพวกเขาด้วยการพูดความจริง แต่เป็นความจริงที่ทำให้พวกเขาดูเหมือนเป็นพวกเดียวกับหมอดู ทำราวกับว่าซาตานช่วยโฆษณา ประกาศงานของพระเจ้าแทน นี่เป็นการพูดเรื่องพระเจ้าด้วยวิญญาณที่ต่อต้านพระองค์
กิจการ 16:18b-19
ก็ทนกันมาหลายวันจนกระทั่งเปาโลไม่ทนอีกต่อไป เปาโลหันไปไล่ผีออกจากเธอ และมันก็ออกทันที ไม่มีการต่อต้านใด ๆ ทำให้นางทาสผู้นี้กลายเป็นคนปกติ เราไม่ทราบว่า เธอได้มาเชื่อพระเจ้าหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือ ไม่ได้มีฤทธิ์เหมือนเคย ไม่สามารถทำนายทายทักได้อย่างที่นายเคยใช้
ดังนั้น จะต้องกำจัดคนที่ทำให้ขาดรายได้! พวกเขาลากตัวเปาโลกับสิลาสออกมาที่ตลาด ให้ผู้นำของเมืองและชาวเมือง ได้เห็นว่า สองคนนี้เป็นตัวอันตราย
บาดแผลที่นำชีวิตใหม่
กิจการ 16:20-22
จากนั้นก็นำไปยังเจ้าหน้าที่ ฟ้องว่าทั้งสองเป็นยิวมาก่อความวุ่นวายในเมือง โดยที่มาชักชวนคนโรมให้นับถือ และรับธรรมเนียมที่ผิดกฎของโรม ซึ่งเป็นคำฟ้องเท็จ พอประชาชนได้ยินอย่างนั้นก็เข้ามารุมทำร้ายทั้งสอง
ชาวเมืองทำร้ายไม่พอ เจ้าหน้าที่สั่งถอดเสื้อ สั่งโบย โบยด้วยความโกรธที่พวกเขาตัดทางทำมาหากิน
กิจการ 16:23-24
หลังจากที่ถูกโบยอย่างทารุณ ก็สั่งเข้าคุก ห้องชั้นใน ใส่ขื่อที่เท้า .. แต่ดูเหมือนทั้งสองยังไม่สลบ
กิจการ 16:25-26
ราวเที่ยงคืน เปาโลและสิลาสกำลังอธิษฐาน ทั้งสองไม่ได้กระซิบพึมพัม แต่ส่งเสียงดังพอควรในความมืด ในความเงียบของคุก .. นักโทษคนอื่น ๆ ก็ฟังทั้งสองเพลิน ๆ อยู่ แล้วก็เกิดแผ่นดินไหวทันทีทันใด รากคุกสะเทือน
บทเพลงยามค่ำคืน ในเวลาที่เจ็บปวด ขณะที่ถูกจับ ถูกขัง … ยังมีเพลงสรรเสริญพระเจ้าจากความมืดมนของชีวิต นี่เป็นบทเรียนสำหรับพวกเรายามที่ต้องเผชิญกับความจนมุมในชีวิตเรา
กิจการ 16:26b-28
ประตูที่ปิดแน่นหนา ก็เปิดออก โซ่ตรวนแตกหักเป็นชิ้น ๆ นี่เป็นโอกาสที่นักโทษจะหนีออกจากคุก! ใครจะไม่หนีบ้าง หากเป็นอย่างนี้? คนที่เป็นทุกข์มากที่สุดคือพัศดี ถ้านักโทษหนี เขานี่แหละจะต้องรับผิดชอบ รับโทษทุกอย่าง แต่เปาโลรีบห้ามไว้ทัน อย่าทำร้ายชีวิตตนเอง …เปาโลทราบดีว่า นี่เป็นเวลาของความรอดของชีวิตพัศดีคนนี้
กิจการ 16:29-32.
พัศดีเข้าไปตรวจในคุก ตัวสั่นด้วยความกลัวยิ่งนัก เขาถึงกับทรุดตัวลงต่อหน้าเปาโลและสิลาส ถามถึงความรอดว่า ทำอย่างไรจึงจะรอดจากบาปได้?.. ดูเหมือนเขาได้ยินสิ่งที่เปาโลอธิษฐาน หรือได้ข่าวเรื่องที่ประกาศในเมืองแล้ว และรู้เหตุผลของการถูกจับ
และเปาโลก็ตอบชัดเจนทันควันว่า ขอให้เชื่อวางใจพระเยซูจะรอดทั้งครอบครัวด้วย นี่คือเงื่อนไขได้การรับความรอดโดยไม่มีว่าต้องทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ก่อน พระคุณของพระเยซูเท่านั้นที่ทำให้รอด
แล้วประกาศเรื่องราวของพระเยซูให้พัศดีพร้อมคนอื่น ๆ โดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองใด ๆ
กิจการ 16:33
แล้วพัศดีก็พาเปาโล สิลาสไปล้างแผล เสร็จแล้วยังไม่ทันเช้า
ภายในเวลาเที่ยงคืนถึงเช้าก็มีครอบครัวใหม่ในฟิลิปปีกลับใจมาเชื่อพระเจ้า รับบัพติศมาด้วย
สิ่งที่เปาโลกล่าวก่อนหน้านี้ว่าครอบครัวจะได้รับความรอด ก็เกิดขึ้นจริง!
กิจการ 16:34-35
เรียกได้ว่าเสร็จภายในครึ่งคืน เปาโลกับสิลาสได้ไปเยี่ยมกินอาหารที่บ้านพัศดีด้วย จากนั้นก็ต้องกลับไปขังอย่างเดิม เช้าตรู่ ด้วยเหตุผลได้ไม่ได้บันทึกไว้ เจ้าหน้าที่ส่งคำสั่งมาให้ปล่อยเปาโลกับสิลาสไป …
กิจการ 16:36-37
ผู้ว่ายอมให้เปาโลกับสิลาสออกจากคุกได้ แต่เปาโลไม่ยอม เพราะว่าพวกเขาเฆี่ยนทั้งสองโดยยังไม่สอบสวน แล้วจะมาให้ออกไปง่าย ๆ ไม่ให้ใครรู้ได้อย่างไร ในเมื่อตัวเปาโลเองเป็นชาวโรม! พวกเขาต้องพาออกไปให้ใคร ๆ ได้เห็นเช่นกัน
มีกฎหมายที่จะทำโทษคนชาวโรมโดยไม่ไต่สวนก่อนไม่ได้.. ดังนั้น เท่ากับผู้ว่าการทำพลาดไปแล้ว
กิจการ 16:38-40
ในที่สุดมีการเจรจากันระหว่างสองฝ่าย ฝ่ายเมืองขอให้เปาโลออกไป ซึ่งมีการตกลงกัน เปาโลกับสิลาสกลับไปลาลิเดีย พวกเขาหนุนใจลิเดียและครอบครัว …
เปาโล สิลาส ทิโมธี และลูกา (ซึ่งเป็นผู้เขียน) ได้เข้ามาในฟีลิปปี เกิดผล สร้างกลุ่มคริสเตียน และเดินทางต่อไป (ออกจากเมืองไปกันสองคนคือ เปาโลและสิลาส)
พระคำเชื่อมโยง
1* โรม 16:21; ฟีลิปปี 2:19; 1 เธสะโลนิกา 3:2,6, 2 ทิโมธี 1:5
2* ฮีบรู 11:2; กิจการ 13:51; 16:40; 2 ทิโมธี 3:11,15
3* กาลาเทีย 2:3; 5:6; 1 โครินธ์ 9:20
4* กิจการ 15:28-29; 11:30; 15:2,28
5* กิจการ 2:47; 9:31;
6* กิจการ 2:9; 18:23; 1 เปโตร 1:1
7* กิจการ 8:29; โรม 8:9; กาลาเทีย 4:6; ฟีลิปปี 1:19; 1 เปโตร 1:11
8* กิจการ 16:11; 20:5-6; 2 โครินธ์ 2:12; 2 ทิโมธี 4:13
9* กิจการ 9:10; 20:1,3; โรม 15:26
10* 2 โครินธ์ 2:12-13; กิจการ 27:1-28-16
12* กิจการ 20:6; ฟีลิปปี 1:1; 1 เธสะโลนิกา 2:2
13* กิจการ 13:14; โคโลสี 1:23
14* ลูกา 24:45; กิจการ 18:7; วิวรณ์ 1:11; เอเฟซัส 1:17-18
15* ฮีบรู 13:2; ปฐมกาล 19:3; ลูกา 24:29; กิจการ 11:14
16* เลวีนิติ 19:31; เฉลยธรรมบัญญัติ 18:11; 1 ซามูเอล 28:3,7
17* ยอห์น 14:6; 1 เปโตร 2:16; มาระโก 5:7
18* มาระโก 16:17; ลูกา 10:17-19
19* กิจการ 8:3; 17:6-8; 19:25-26; 21:30; ยากอบ 2:6
20* ยากอบ 4:4; โรม 12:2
21* เอสเธอร์ 3:8; กิจการ 16:12
22* 2 โครินธ์ 6:5; 11:25; 1 เธสะโลนิกา 2:2
24* โยบ 13:27; 33:11; เยเรมีย์ 20:2-3; 29:26
25* 1 เธสะโลนิกา 5:16-18; ยากอบ 1:2
26* 1; กิจการ 4:31; 5:19; 12:7,10
27* กิจการ 12:19
28* 1 เธสะโลนิกา 5:15; ลูกา 23:34
29* วิวรณ์ 3:9; กิจการ 24:25
30* กิจการ 2:37; 22:10; 16:7
31* กิจการ 2:38-39; ยอห์น 3:36
32* 1 ทิโมธี 1:13-16; 1 เธสะโลนิกา 2:8
33* 1 โครินธ์ 1:16; กิจการ 16:15; 16:25
34* โรม 15:13; กิจการ2:46; 1 ยอห์น 3:18
35* กิจการ 5:40; เยเรมีย์ 5:22
36* กิจการ 15:33; ยอห์น 14:27; กิจการ 16:27
37* กิจการ 22:25-29; มัทธิว 10:16
38* กิจการ 22:29; มัทธิว 21:46
39* มัทธิว 8:34; มาระโก 5:17; มีคาห์ 7:9-10
40* 1 เธสะโลนิกา 3:2-3; กิจการ 4:23