สดุดี 66 พระราชกิจอันน่าเกรงขาม

The Children of Israel Crossing the Red Sea 
Frédéric Schopin (1804–1880)

ถึงหัวหน้านักร้องบทเพลงสดุดี

ร้องเพลงเทิดพระเกียรติ
1 โอแผ่นดินโลกทั้งสิ้นจงโห่ร้องด้วยความชื่นบานถวายแด่พระเจ้า 2จงร้องเพลงถึงพระสิริตระการแห่งพระนาม
จงกล่าวคำยกย่องสรรเสริญพระองค์ 
3 จงทูลพระเจ้าว่าพระราชกิจของพระองค์น่าครั่นคร้ามยิ่ง
ฤทธิ์เดชของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่

จนศัตรูทั้งหลายต้องสยบต่อพระพักตร์ด้วยความเกรงกลัวตัวสั่น 
4 คนทั้งโลกจะเข้ามานมัสการพระองค์
เขาทั้งหลายร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
ร้องเพลงสดุดียกย่องพระนามของพระองค์”  เซ ลาห์ 

พิจารณาพระราชกิจ
5 มาเถิดพวกเรามาดูราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำ
ราชกิจอันน่าเกรงขามซึ่งพระองค์ทรงทำท่ามกลางมนุษย์ 

6 พระองค์ทรงเปลี่ยนท้องทะเลให้กลายเป็นพื้นดินแห้ง
ให้เหล่าบรรพบุรุษของเราเดินข้ามไป
พวกเราได้ยินดีเพราะพระองค์ ณ ที่นั้น 
7 พระองค์ทรงปกครองด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ตลอดกาล
ทรงเฝ้าดูประชาชาติทั้งหลาย

อย่าให้เหล่าคนที่ต่อต้านพระองค์ยกย่องตนเองเลย เซ ลาห์ 

ยังมีเหตุที่ทำให้ต้องสรรเสริญต่อไป
8 โอชนชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญองค์พระเจ้าของเรา 
ให้เสียงที่เราสรรเสริญพระองค์ได้ยินไปทั่ว 
9 พระองค์ทรงให้เรามีชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางคนที่มีชีวิต
และไม่ทรงปล่อยให้เท้าของเราพลาด
10 โอพระเจ้าพระองค์ทรงทดสอบพวกเราทั้งหลาย
พระองค์ทรงหลอมเราดั่งทรงหลอมเงิน 
11พระองค์ทรงนำเราเข้ามาในข่าย 
ทรงวางภาระหนักอึ้งบนหลังของพวกเรา
12 ทรงให้พลม้าควบม้าเหยียบย่ำหัวของพวกเรา
พวกเราต้องลุยน้ำลุยไฟ
และแล้วพระองค์ทรงนำเราทั้งหลายมายังแผ่นดินอุดมสมบูรณ์


ถวายเครื่องบูชาและปฏิญาณตน
13 ข้าจะมายังพระวิหารพร้อมกับเครื่องเผาบูชา
และทำตามสิ่งที่ได้ปฏิญาณไว้ต่อพระองค์ 
14 ตามที่ข้าได้กล่าวออกมาเป็นคำสัญญา
ยามที่มีความทุกข์ยากลำบาก
15 ข้าจะถวายสัตว์อ้วนพีทั้งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา
พร้อมกับแกะผู้ ข้าจะถวายเครื่องบูชาด้วยวัวผู้และแพะผู้   เซ ลาห์

จะเล่าถึงพระราชกิจ
16 ทุกคนที่ยำเกรงพระเจ้า
จงมา และฟังเถิดว่า พระเจ้าทรงกระทำสิ่งใดเพื่อข้าบ้าง 
17 ปากของข้าจะร้องต่อพระองค์​
และลิ้นของข้าจะกล่าวคำสรรเสริญพระองค์ 
18 หากข้าได้สะสมความชั่วไว้ในใจ
พระยาห์เวห์จะไม่ทรงฟัง 
19 แต่พระเจ้าทรงฟังข้าอย่างแน่นอน
พระองค์ได้ทรงฟังเสียงร้องทูลของข้า 
20 ข้าจะสรรเสริญพระเจ้า
พระองค์ไม่ได้ปฏิเสธคำร้องทูลของข้าเลย
พระองค์ไม่ได้ยับยั้งความรักมั่นคงของพระองค์จากข้า

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 100:1, 98:4,81:1 1 พงศาวดาร 16:23-24; อิสยาห์ 24:16

2* อิสยาห์ 6:3; สดุดี 105:2-3; วิวรณ์ 5:13; วิวรณ์ 4:8-11

3* สดุดี 18:44, 65:5, 81:15; 47:2; เยเรมีย์ 10:10

4*สดุดี 22:27, 117:1; วิวรณ์ 15:4; มาลาคี 1:11; ดาเนียล 7:14

5*สดุดี 126:1-3, 111:2, 106;22, 99:3, 66:16

6* โยชูวา 3:16; 3:14; สดุดี 136:13-14, 78:13

7*สดุดี 11:4; ดาเนียล 5:20-28; สดุดี 140:8; มัทธิว 28:18

8*เยเรมีย์ 33:11; สดุดี 98:4,66:2, 47:1

9* สดุดี 121:3, 112:6, 125:3; โคโลสี 3:3-4; กิจการ 17:28

10* อิสยาห์ 48:10; สุภาษิต 17:3; สดุดี 17:3; 1 เปโตร 1:6-7

11* เพลงคร่ำครวญ 1:13; มัทธิว 6:13; โฮเชยา 7:12; เอเสเคียล 12:13

12* อิสยาห์ 43:1-2; 1 เธสะโลนิกา 3:3-4; อิสยาห์ 51:23; วิวรณ์ 7:14-17; สดุดี 40:2-3

13* ปัญญาจารย์ 5:4; ฮีบรู 13:15; โยนาห์ 2:9; สดุดี 118:19

14* สดุดี 18:6; 2 ซามูเอล 22:7; 1 ซามูเอล 1:11; ผู้วินิจฉัย 11:35-36

15* เยเรมีย์ 41:5; สดุดี 51:19; 1 พงศาวดาร 16:1-3; 2 ซามูเอล 6:13

16* สดุดี 34:11, 71:18; มาลาคี 3:16;

17* สดุดี 34:6, 30:1, 145:1, 116:12

18* ยอห์น 9:31; สุภาษิต 28:9, 15:29, 15:8; อิสยาห์ 1:15

19*สดุดี 116:1-2; ฮีบรู 5:7; เพลงคร่ำครวญ 3:55-56

20* สดุดี 88:12-13, 68:35,22:24 ; 2 ซามูเอล 7:14-15

สดุดี 66:1-4 ร้องเพลงเทิดพระเกียรติ
นี่เป็นบทที่เชิญชวนให้คนของพระเจ้าเข้ามานมัสการพระองค์ หลังจากที่พระองค์ทรงช่วยให้พวกเขาได้พ้นจากการข่มเหงของศัตรูภายนอก
ผู้เขียนได้ชวนให้ทั้งโลกมาร้องเพลงถวายพระเจ้า ถวายแด่พระนามของพระองค์ พระนามของพระเจ้านั้น มีหลายพระนามที่เราเรียก เอลเอลโยน พระเจ้าสูงสุด อะโดนาย พระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้านาย พระยาห์เวห์ พระเจ้าองค์นิรันดร์ แต่ละพระนามบ่งบอกความยิ่งใหญ่ในด้านต่าง ๆ ของพระองค์ ศัตรูของพระองค์จะต้องตัวสั่นต่อพระพักตร์
บทเพลงบทนี้ เราอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับบทเพลงนี้นัก แต่หากว่าเราลองเป็นคนชาวยูเครนซึ่งกำลังถูกรัสเซียโจมตี สดุดีบทนี้ คือคำอธิษฐานที่ออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจเลย

สดุดึ 66:5-7 พิจารณาพระราชกิจ
พระเจ้าทรงทำกิจยิ่งใหญ่มากมายท่ามกลางมนุษย์ ต่อหน้าต่อตาโดยที่เรามองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติรอบข้างของเราบ่งบอกว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เพียงใด สายตาที่มองไม่เห็นก็จะไม่เห็น แต่คนที่มองไปแล้วเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ชีวิตก็จะได้รับการเติมเต็มอย่างที่คนอื่นไม่ได้รับ
ผู้เขียนได้กล่าวถึงวันที่พระเจ้าทรงทำให้ทะเลเป็นดินแห้ง ในช่วงเวลาที่ทรงนำพวกเขาออกจากอียิปต์
เขาเตือนด้วยว่า อย่าให้คนที่ต่อต้านพระองค์ คิดเกินไปกว่าที่ควร อย่ายกย่องตนเองไปกว่าพระเจ้าเพราะอันตรายมาก

สดุดี 66:8-12 ยังมีเหตุให้สรรเสริญต่อไป
ใช่แล้ว ขอให้เสียงที่คนของพระเจ้าสรรเสริญพระองค์นั้นได้ยินไปทั่วทุกแห่ง ทุกบ้าน ทุกที่ทำงาน ทุกเมือง ความทุกข์ยากหลายอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการหลอมเราให้กลายเป็นชีวิตที่บริสุทธิ์สะอาดขึ้น เราจึงไม่ต้องโวยวาย ถามหาความยุติธรรม แต่เรียนรู้จากสิ่งที่พระเจ้าให้เกิดขึ้น แล้วสุดท้ายพายุเหล่านั้นจะสงบ พระเจ้าจะทรงนำมายังที่ ๆ สมบูรณ์

สดุดี 66:13-15 ถวายเครื่องบูชาและปฏิญาณตน
ดูเหมือนว่า ดาวิดเคยสัญญากับพระเจ้าในยามทุกข์ยากว่า เมื่อพระเจ้าทรงช่วยกู้ท่าน ท่านจะถวายเครื่องเผาบูชาเป็นแกะ แพะ วัว ทั้งหมดเป็นตัวผู้ที่อ้วน แข็งแรง ทำไมท่านจึงทำอย่างนั้น? แน่นอนที่ท่านคิดว่า เมื่อพระเจ้าทรงกู้ชีวิตจากศัตรูเช่นนี้ สิ่งที่ถวายแด่พระองค์ต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้

สดุดี 66:16-20 จะเล่าถึงพระราชกิจ
ไม่ใช่แค่ถวายเครื่องบูชา แต่ดาวิดทรงเรียกให้ประชาชนของท่านมาฟังคำพยานว่า พระเจ้าทรงช่วยอย่างไรบ้าง ท่านบอกให้พวกเขารู้ว่า พระเจ้าจะไม่ฟังคนที่สะสมความชั่วไว้ และในเมื่อท่านไม่ได้ทำเช่นนั้น พระเจ้าจึงไม่ทรงปฏิเสธคำร้องทูลของท่าน นี่เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราทุกคน