1 โครินธ์ 5 บาปร้าย..ที่อยู่ในคริสตจักร

1 โครินธ์ 5:1 มีเรื่องที่ข้าได้ยินมาว่า มีการประพฤติ
ผิดทางเพศท่ามกลางพวกท่าน แบบที่คนนอกยังไม่มีการทำเช่นนี้ คือการที่ลูกชายเอาภรรยาของพ่อมาเป็นของตน

1 โครินธ์ 5:2-3 แล้วพวกท่านยังหยิ่งผยองทั้งที่ควรจะโศกเศร้า และตัดขาดกับคนที่ทำเยี่ยงนี้ไปจากพวกท่านไม่ใช่หรือ?
แม้ตัวข้าไม่ได้อยู่กับพวกท่าน แต่ใจวิญญาณของข้าอยู่กับพวกท่านเสมอ ข้าจึงขอตัดสินคนที่ทำผิดเช่นนี้

1 โครินธ์ 5:4ในขณะที่ท่านร่วมประชุมกันในพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าและ ข้าก็อยู่กับท่านในฝ่ายวิญญาณพร้อมทั้งฤทธิ์เดชของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

1 โครินธ์ 5:5 พวกท่านจงมอบคนที่ทำเช่นนี้ให้ซาตานทำลายเนื้อหนังของเขาเสียเพื่อจิตวิญญาณของเขาจะได้รอดในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า

1 โครินธ์ 5:6-7 ที่ท่านโอ้อวดนั้นไม่ดีเลย ท่านรู้อยู่ว่าเชื้อยีสต์เพียงนิดเดียวก็ทำให้แป้งนวดฟูขึ้นได้ทั้งก้อน จงชำระเชื้อยีสต์เก่าเสีย
เพื่อท่านจะได้เป็นแป้งก้อนใหม่ตามที่ท่านเป็นอยู่
เพราะพระคริสต์ผู้ทรงเป็นลูกแกะปัสกาของเรา ถูกถวายเป็นเครื่องบูชาแล้ว

1 โครินธ์ 5:8 ดังนั้น ให้เรามาเข้าส่วนในเทศกาลปัสกา ด้วยขนมปังที่ไม่มีเชื้อยีสต์คือความจริงใจและความจริงไม่ใช่ด้วยเชื้อยีสต์เก่าที่มีความชั่วและความเลวร้าย

จัดระเบียบตัวเองให้ได้

1 โครินธ์ 5:9-10 ข้าเขียนจดหมายบอกท่านแล้วว่าอย่าไปคบคนที่ทำผิดทางเพศแต่ไม่ได้ห้ามคบทุกคนในโลกที่ทำผิดทางเพศ หรือเป็นคนโลภ โกงไหว้รูปเคารพ เพราะถ้าห้ามอย่างนั้นพวกท่านก็ต้องออกไปจากโลกนี้

1 โครินธ์ 5:11 แต่ตอนนี้ ข้ากำลังเขียนบอกท่านไม่ให้คบกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องในความเชื่อ แต่ยังทำผิดทางเพศ เป็นคนโลภ ไหว้รูปเคารพ ให้ร้ายคนอื่นเป็นคนขี้เมา หรือฉ้อโกงผู้อื่นแม้แต่จะกินอาหารด้วยกัน ก็อย่าเลย

1 โครินธ์ 5:12-13 ข้าไม่มีหน้าที่ไปพิพากษาคนนอกคริสตจักร แต่ท่านต้องพิพากษาคนภายในมิใช่หรือ? พระเจ้าจะทรงเป็นผู้กล่าวโทษคนนอกเองส่วนท่าน จงกำจัดคนชั่วออกไปจากพวกท่านเสีย

บาปร้ายในคริสตจักร
1 โครินธ์ 5:1
เหลือเชื่อ! ในคริสตจักรมีการทำผิดอย่างที่คนนอกไม่ได้ทำ แต่แล้ว เมื่อเราหันมาดูปัญหาในคริสตจักรทุกวันนี้ เราพบว่า สิ่งที่ท่านเปาโลกล่าวถึงยังคงเป็นจริงในทุกวันนี้หลายคนคิดว่า มาเชื่อพระเจ้าแล้วจะทำอะไรก็ได้ทำผิดอย่างไรก็ไม่เป็นไร พวกเขาคิดว่าพระเจ้าจะไม่เอาผิด คิดว่าตนเองเป็นคนอยู่เหนือคนอื่นเป็นคนที่เข้าใจทางของพระเจ้าตามใจตัวเองและเอาพระคำของพระเจ้าข้อนั้น ข้อนี้มาเข้าข้างตน 
1 โครินธ์ 5:2-3
การทำผิดทางเพศเป็นเรื่องธรรมดาของชาวโครินธ์ครั้งที่พวกเขายังไม่ได้เชื่อพระเจ้า แต่เมื่อมาเชื่อแล้วพวกเขาจะต้องละทิ้งชีวิตแบบนั้น ท่านเปาโลโกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้น และที่โกรธยิ่งกว่านั้นคือการที่คริสตจักรไม่จัดการ กลับยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นท่านเป็นห่วงคริสตจักรที่มีความรู้สึกเฉยกับบาปเช่นนั้น การที่คริสเตียนไม่รู้สึกกับบาปดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่ากลัวพอ ๆ กับคนที่ลงมือกระทำบาปนั้น
1 โครินธ์ 5:4
พระคำข้อนี้ทำให้เราเห็นถึงหัวใจของท่านเปาโลว่าห่วงใยพี่น้องเพียงไร ท่านมีใจคิดถึง อธิษฐานเผื่อ และเฝ้าเป็นห่วง สอนแม้กระทั่งผ่านการเขียนจดหมาย ซึ่ง แต่ที่สำคัญ ท่านรู้ว่า พระเจ้าทรงทำการในหมู่พวกเขาด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ ท่าน หวังใจว่าพวกเขาจะเปลี่ยนด้วยฤทธิ์ของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา ผู้รับใช้พระเจ้าจึงไม่ท้อถอยแม้ว่าเขาจะอยู่ห่างจากพี่น้อง
1 โครินธ์ 5:5
ทำไมส่งคริสเตียนที่ทำผิดไปให้ซาตานทำลาย เพื่อเขาจะได้รอด? มีความเห็นหลายอย่างจากข้อนี้ บางท่านเห็นว่าการส่งไปให้ซาตาน คือเขาจะพบกับการทนทุกข์ทางร่างกายจนเขากลับใจ ล่าสุดคือมีความคิดว่า เนื้อหนัง และวิญญาณของผู้เชื่อนั้นเป็นของชุมชนผู้เชื่อด้วย การที่ให้เขาออกไปก็เพื่อรักษาชีวิตฝ่ายวิญญาณของคนอื่นไม่ให้หลงผิดไปข้อนี้แปลความยากจริง ๆ แต่ความจริงแล้ว พระเจ้าทรงใช้ศัตรูมาดัดหลังให้กลับใจได้เสมอ เราจะเห็นมาตั้งแต่สมัยพระคัมภีร์เดิมที่พระเจ้าทรงใช้ชาติต่าง ๆ มาโจมตีอิสราเอลเพื่อให้เขากลับใจ
1 โครินธ์ 5:6-7
ความบาปของคนหนึ่งในชุมชนของพระเจ้า ก็สามารถที่ทำให้ทั้งคริสตจักรถึงกับหายนะไปได้ ดังนั้น เมื่อมีการทำบาป จะต้องจัดการกับเรื่องนั้นอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็วเอามันออกไปเพื่อจะเป็นชุมชนที่ไร้เชื้อบาป ท่านกล่าวถึงพระเยซูคริสต์ที่ทรงถูกถวายเป็นเครื่องบูชาลบบาปให้กับผู้ที่เชื่อ เราต้องเห็นแก่สิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อเรา ไม่ใช่เห็นแก่หน้าคนที่ทำบาป และยังอวดดี โอหังอยู่ในชุมชนผู้เชื่อ
1 โครินธ์ 5:8
ท่านเปาโลบอกให้พี่น้องคิดถึงเทศกาลปัสกา เป็นวันที่พระเจ้าทรงเริ่มต้นให้คนอิสราเอลในอียิปต์ใหม่ ให้พวกเขาพ้นจากการเป็นทาส การเริ่มต้นเริ่มด้วยการกินขนมปังไม่มีเชื้อ ความหมายคือ คนของพระองค์จะต้องไม่เหมือนคนของโลกต้องแยกออกจากชีวิตอย่างโลก ไม่มีความชั่วร้ายของโลกอยู่ในชีวิต วิธีเดียวที่จะไม่ให้ขนมปังมีเชื้อ คือไม่ใส่เชื้อเข้าไป วิธีเดียวที่จะไม่ให้อาหารกลายเป็นรา คือ เมื่อเกิดรา ต้องเอาราออกไปเชื้อยีสต์ที่ท่านเปาโลนำมาเป็นคำเปรียบเทียบนี้เป็นภาพที่ช่วยให้เราเห็นชัดเจนทั้งในชุมชนผู้เชื่อและในชีวิตส่วนตัว หากปล่อยไว้ ก็จะลุกลามต่อไป

จัดระเบียบตัวเองให้ได้
1 โครินธ์ 5:9-10
แต่แล้ว เมื่อมาคิดถึงความเป็นจริงในชีวิตคนเราเราพบเจอกับคนทีทำบาป คนเหล่านั้น ไม่ได้เชื่อพระเจ้า มีชีวิตตามใจของตนเอง เป็นคนหลงทางที่ผู้เชื่อจะต้องช่วยให้พวกเขาได้พบพระเจ้า เราต้องรู้พันธกิจของชีวิต เหมือนอย่างที่พระเยซูตรัสว่า เราได้มาเพื่อช่วยผู้ที่หลงหายไปให้รอด ถ้าอย่างนั้นแล้ว ท่านเปาโลหมายความว่าอย่างไร?ทำไมถึงไม่ให้คบหาสมาคม?
1 โครินธ์ 5:11
ตรงนี้ ชัดเจนแล้ว หากคนที่บอกว่าตนเองเชื่อแต่ยังมีชีวิตที่ประพฤติผิดแบบต่าง ๆ ที่กล่าวมา พี่น้องจะต้องไม่คบหาสมาคมกับคนเช่นนี้ เพราะพวกเขาเป็นเหมือนเชื้อยีสต์ หรือเชื้อราที่ทำลายชีวิตของคนที่ไปสุงสิงด้วย ท่านไม่ให้กินอาหารร่วมกับคนหน้าซื่อใจคดไม่ให้เป็นเพื่อนสนิทกับคนเหล่านี้ ท่านเปาโลได้เรียงความผิดบาปที่พี่น้องจะต้อง สังเกตให้ดี .. ท่านสอนตรงจุด กระชับ ได้ใจความ 
1 โครินธ์ 5:12-13
ผู้เชื่อไม่มีหน้าที่ไปตัดสินคนในภายนอก ผู้ที่ตัดสินคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาไม่ได้ติดตามพระเยซูคริสต์ หน้าที่เราคือ ชักชวนให้เขามาหาพระเจ้า เข้ามาสู่แผ่นดินของพระองค์ ส่วนสิ่งที่เราต้องทำในหมู่ผู้เชื่อคือ กำจัดคนที่ทำบาปร้ายแรงทั้ง ๆ ที่กล่าวว่าตนเป็นผู้เชื่อให้ออกไปจากชุมชนคนของพระเจ้า เผื่อว่าเขาจะพบว่าบาปนั้นทำร้ายเพียงใดและกลับใจมีโอกาสรอดอีกครั้ง (ดูข้อ 5)

พระคำเชื่อมโยง

1* วิวรณ์ 21:8; 2:21; โคโลสี 3:5; เอเฟซัส 5:3
2* วิวรณ์ 2:20-22; 2 โครินธ์ 12:21; 2โครินธ์ 7:7-11
3 * โคโลสี 2:5; 1 เธสะโลนิกา 2:17; 2โครินธ์ 13:2; 2 โครินธ์ 10:11
4* 2 โครินธ์ 13:3; 13:10; ยอห์น 20:3; 2 เธสะโลนิกา 3:6
5* 1 ทิโมธี 1:20; 2 เธสะโลนิกา 3:14-15; กาลาเทีย 6:1-2; ยากอบ 5:19-20

6* ยากอบ 4:16; กาลาเทีย 5:9; 1 โครินธ์ 15:33; 5:2; มัทธิว 13:33
7* 1 เปโตร 1:19-20; เอเฟซัส 4:22; โคโลสี 3:5-9 ; กิจการ 8:32-35
8* เฉลยธรรมบัญญัติ 16:3; 1 เปโตร 2:1-2; อพยพ 12:15; ลูกา 12:1; มาระโก 8:15
9* เอเฟซัส 5:11; 2 เธสะโลนิกา 3:14, 3:6

10* 1 โครินธ์ 10:27; วิวรณ์ 12:9; ยอห์น 17:15-16 ; 1 ยอห์น 5:19
11* โรม 16:17; 2 เธสะโลนิกา 3:6, 3:14 ; มัทธิว 18:7
12* 1 ทิโมธี 3:7; ลูกา 12:4; มาระโก 4:11; 1 โครินธ์ 5:3-5
13* เฉลยธรรมบัญญัติ 13:5; 17:7; 21:21; มัทธิว 18:17

กิจการ 2 อธิบายเพิ่มเติม และพระคำอ้างอิง

คำนำ

กิจการบทที่ 2 นี้ได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญมากคือ การเริ่มต้นของคริสตจักรด้วยคนจำนวน 120 คน รวมอีก 3000 คนในวันเดียว!  เมื่อเราอ่านกิจการบทนี้ ช่วงที่จะสับสนนิด ๆ คือ ช่วงที่ท่านเปโตร
เทศนา อธิบายคำพยากรณ์ของท่านโยเอล และพลิกกลับไปถึงข้อเขียนสดุดีของกษัตริย์ดาวิด เหตุการณ์ทั้งบทแบ่งเป็น
-พระวิญญาณเสด็จลงมาเหนือผู้เชื่อที่รวมใจกันอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง
-พวกเขาชาวกาลิลี พูดสรรเสริญพระเจ้าเป็นภาษาต่าง ๆ ที่เข้าใจได้
-ผู้คนที่มาจากพื้นที่ห่างไกลเยรูซาเล็ม รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรต่างแปลกใจ

-ท่านเปโตรอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นโดยอ้างถึงคำพยากรณ์ของท่านโยเอล
-จากนั้นกล่าวถึงสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดได้เขียนไว้ถึงหนึ่งในลูกหลานของท่าน
ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้เป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่
-ท่านเปโตรยืนยันว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอด
คนที่ฟังพากันกลับใจ 3000 คน

ชีวิตประจำวันของคนในคริสตจักรยุคแรก คืออัครทูตยังคงทำสิ่งมหัศจรรย์ รักษาคนป่วย
มีการพบกันในพระวิหาร พบกันในบ้าน ฟังคำสอน หักขนมปังระลึกถึงพระเยซู อธิษฐานด้วยกัน
ส่วนในชีวิตประจำวันก็คือใช้ชีวิตด้วยกัน แบ่งปันสิ่งที่มี เป็นสังคมที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย ในชีวิตประจำวันของคนยิว

พระวิญญาณเสด็จมาตามพระสัญญา

กิจการ 2:1-3
เทศกาลเพนเตคอสต์ เป็นเทศกาลที่ดึงดูดยิวจากพื้นที่ห่างไกล เทศกาลอื่น ๆ อยู่ในช่วงเวลาที่มีพายุ การเดินทางลำบาก เทศกาลนี้ฉลองกันในวันที่ห้าสิบหลังจากเทศกาลปัสกา วันที่ 16 เดือนนิสาน (ซึ่งเป็นเทศกาลที่พระเยซูสิ้นพระชนม์พอดี) เป็นการระลึกถึงการที่พระเจ้าประทานบัญญัติให้จากภูเขาซีนายและเป็นการถวายผลแรกแด่พระเจ้า ถ้าจะนับจากวันที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ พวกเขารอมาสิบวันพอดี
เมื่อพวกศิษย์มารวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พระสัญญาที่พระเยซูตรัสไว้ก็เกิดขึ้น มีเสียงพายุสนั่นจากฟ้า เสียงดังสนั่นได้บอกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาด้วยฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่ ดังก้องไปทั้งบ้านที่เขารวมกันอยู่ คำว่าวิญญาณ เป็นคำเดียวกับ ลม ลมหายใจ นี่เป็นเสียงของพระวิญญาณที่กำลังเทลงมายังศิษย์ทั้งหลาย ไม่ใช่เป็นลมที่พัดแรง แต่เป็นเสียงเหมือนพายุ

การเทลงมาของพระวิญญาณครั้งนี้ …มีคนเป็นพยานต้นเรื่องถึง 120 คน และไม่ใช่แค่เสียงพายุกล้าเท่านั้น แต่พวกเขายังเห็นเปลวไฟเล็ก ๆ เหนือทุกคน ไฟ เป็นสัญลักษณ์ของการสถิตของพระเจ้า ( ปฐมกาล 15:17, อพยพ 3:2-6, ลูกา 3:16) แต่ครั้งนี้เป็นไฟที่ประหลาด แบ่งให้กับทุกคน มัทธิว 3:11 ยอห์นผู้ให้บัพติศมาบอกว่า พระเยซูจะบัพติศมาท่านด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยไฟ…
พวกเขาได้ยิน ได้สัมผัสด้วยตา และได้กล่าวออกมาด้วยปากของพวกเขา

นี่เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ อิสราเอลไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อน สิบวันหลังจากที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์พระองค์ก็ได้ส่งพระวิญญาณผู้ทรงเต็มด้วยฤทธิ์เดชลงมายังคนของพระองค์ คนทั้งหลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน พระเจ้าองค์เดียวกัน คริสตจักรที่พระเจ้าทรงประสงค์ได้เกิดขึ้นแล้ว ตรงตามพระสัญญาของพระเยซูในมัทธิว 16:18 ที่ว่าพระองค์จะทรงสร้างคริสตจักร และประตูแห่งความตายจะเอาชนะคริสตจักรไม่ได้ และอีกครั้งใน ยอห์น 14:26 พระบิดาจะทรงส่งพระวิญญาณมาในนามของพระองค์เพื่อสอนทุกสิ่งให้ เราจะเห็นจากเหตุการณ์นี้ว่า การบัพติศมาด้วยพระวิญญาณนั้น นำให้ผู้เชื่อได้กลายเป็นพระวิหารแห่งพระวิญญาณ ที่ต้องเติมด้วยพระวิญญาณเสมอ
1** เลวีนิติ 23:15, กิจการ 1:14, โรม 15:6,
2** กิจการ 4:31, ยอห์น 3:8,
3** มัทธิว 3:11,

กิจการ 2:4-8
พอพระวิญญาณทรงเติมเต็มพวกเขา พระองค์ทรงบันดาลให้เขาพูดเป็นภาษาต่าง ๆ ตามท้องถิ่นของคนที่เข้ามาเยี่ยมกรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้น ซึ่งน่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบภาษา ทั้งชายหญิงที่อยู่ในห้องน้ันต่างพูดภาษาท้องถิ่นแตกต่างกันไป ทำให้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะให้ทั้งชายหญิงเป็นผู้กล่าวพระคำ และทรงเปิดโลกของทุกคนที่เข้ามาให้รู้ว่า พระองค์พอพระทัยให้ชนทุกชาติได้ยินข่าวประเสริฐของพระองค์ ไม่มีอุปสรรคของชาวยิว ชาวต่างชาติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

คนยิวที่ได้ยินภาษาท้องถิ่นของเขา เป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้า มาจากพื้นที่แถบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งพวกเขามักจะเดินทางเข้ามากรุงเยรูซาเล็มในช่วงเวลาเทศกาล และเทศกาลเพนเตคอสต์ ก็เป็นช่วงเวลาของปีที่เดินทางสะดวกที่สุด อากาศจะดีไม่มีอุปสรรคมากเหมือนช่วงอื่น ๆ ของปี พอได้ยินคำกล่าวยกย่องถึงราชกิจอัศจรรย์ของพระเจ้าเป็นภาษาตนดังนั้น
ก็เลยมาชุมนุมกัน ต่างได้ฟังเรื่องราวในภาษาของตน พวกเขาตั้งคำถามแรกเพราะประหลาดใจมากว่า คนกาลิลีมาพูดภาษาถิ่นของพวกเขาได้อย่างไร พวกเขาตื่นตะลึง ประหลาดใจ พิศวง
4** กิจการ 1:5, มาระโก 16:17, กิจการ 10:46, 19:6, 13:52, 1 โครินธ์ 12:10,28, 30, 13:1
5** ลูกา 2:25, กิจการ 8:2, 10:7, 13:50 
6** กิจการ 4:32, 3:1
7** กิจการ 1:11, 2:12, 14:11-12, มัทธิว 26:73. 8** –

กิจการ 2: 9-13
ตอนที่พระวิญญาณทรงลงมาเหนืออัครทูตและพี่น้องผู้เชื่อในวันเพนเตคอสต์นั้น คนที่ได้ยินพวกเขาพูดภาษาของตนต่างถามกันเป็นคำถามที่สองว่า “นี่หมายความว่าอย่างไร?”
เมื่อเราย้อนไปที่กิจการ 1:4-8 ซึ่งเป็นคำบัญชาของพระเยซูให้พวกเขารอตามพระสัญญาของพระบิดา พระองค์ตรัสว่า อีกไม่กี่วัน พวกเขาจะได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ เพื่อจะได้ออกไปเป็นพยานฝ่ายพระเยซู ตั้งแต่ในเมืองหลวง ในสะมาเรีย จนสุดปลายแผ่นดิน
จริง ๆ แล้ว นี่เป็นรูปแบบเดียวกันกับก่อนที่พระเยซูจะทำราชกิจของพระองค์ พระวิญญาณทรงลงมาเหนือพระองค์ ในครั้งที่ทรงรับบัพติศมาจากยอห์น ดังนั้น ศิษย์ของพระเยซูจะทำการของพระองค์โดยขึ้นอยู่กับพระวิญญาณเช่นกัน
“เพนเตคอสต์ มีความหมายว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมคริสตจักรของพระองค์ให้พร้อมด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณเพื่อว่าพระเจ้าจะทรงได้รับพระเกียรติสิริท่ามกลางชาติต่าง ๆ ในโลกนี้ ” อ่านเพิ่มเติม ฮาบากุก 2:14
ชาวยิวที่มาจากพื้นที่ต่าง ๆ นั้นได้ยินภาษาท้องถิ่นของเขาจากปากชาวกาลิลีที่ไม่เคยพูดภาษาของพวกเขามาก่อน คำที่พูดคือ พวกเขากล่าวถึงงานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า จะไม่ให้พวกเขาตกใจ ประหลาดใจ งุนงงได้อย่างไร
ในวันนี้เอง เป็นวันเริ่มต้นของการประกาศพระสิริของพระเจ้าไปตามชาติต่าง ๆ จนสุดปลายโลก โดยพระเจ้าทรงเริ่มให้ด้วยพระวิญญาณของพระองค์เอง
9** 1 เปโตร 1:1, กิจการ 18:2, 16:6, วิวรณ์ 1:11 10** กิจการ16:6,
11** ฮีบรู 2:4, อพยพ 15:11. 12** กิจการ 17:20,

คำเทศนาแรกของท่านเปโตร

กิจการ 2:14-16
คำเทศนาของท่านเปโตรในวันเพนเตคอสต์.
เมื่อท่านเปโตรยืนกล่าวคำปกป้องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น. ท่านยืนขึ้นพร้อมกับอัครทูตอีก 11 ท่าน
ไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว และทุกคนที่กำลังพูดภาษาต่าง ๆ ก็หยุดพูด ทุกคนกลายเป็นฟังท่านเปโตรที่กำลังพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง เป็นคำกล่าวที่ไม่ได้เตรียมมาก่อน แต่เป็นช่วงเวลาที่พระวิญญาณทรงทำการในท่านเปโตร นี่เป็นคำเทศนาแรกต่อผู้คนจำนวนมากที่กำลังจะเชื่อ และเกิดเป็นคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ในวันนั้น
การเกิดขึ้นของคริสตจักรครั้งนี้ มีพลังเหลือล้นจากพระเจ้า เหมือนระเบิดที่รุนแรง และคำเทศนาครั้งแรกนั้นก็ขยายเลื่องลือออกไปทั่วดินแดน กลายเป็นการประกาศที่นำออกไปโดยผู้คนจากที่ต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงในชีวิตคนที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่านี่เป็นการทำงานของพระเจ้า
ท่านบอกตรงๆ ว่านี่เก้าโมงเช้าเอง ใครจะไปดื่มเหล้ากัน ส่วนใหญ่แล้วคนยิวที่เคร่งครัดจะไม่กินหรือดื่มจนกว่าบ่ายสามหลังจากที่พวกเขาอธิษฐานกันเสร็จแล้ว
แล้วท่านเปโตรก็กล่าวถึงคำพยากรณ์นานกว่า 700 ปีที่ท่านโยเอลได้กล่าวไว้ นี่แสดงว่าท่านเข้าใจคำพยากรณ์นั้นเป็นอย่างดี …
14. อิสยาห์ 58:1, 15** 1 เธสะโลนิกา 5:7, 1 ซามูเอล 1:15. 16** โจเอล 2:28-32

กิจการ 2:17-18
เปโตรอธิบายเหตุการณ์ประหลาดของวันเพนเตคอสต์ให้ทุกคนได้เข้าใจ
สิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทุกคนเห็นนั้น พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าผ่านผู้เผยพระคำโจเอลมาก่อนแล้ว
ยุคสุดท้ายคือ ช่วงเวลาระหว่างพระเยซูเสด็จมาบังเกิดในโลกจนถึงวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกที
พระเจ้าจะทรงเทพระวิญญาณมาเหนือคนของพระองค์
โดยไม่จำกัดอายุ เพศ ชนชั้น และจะส่งต่อไปยังทุกชนชาติด้วยไม่เว้นใครเลย พระเยซูคริสต์ทรงทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างคนยิวกับคนต่างชาติเรียบร้อย
แต่น่าเสียดาย ยังมียิวที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้ คิดว่าพวกเขาเท่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือก เปโตรอธิบายเหตุการณ์ประหลาดของวันเพนเตคอสต์ให้ทุกคนได้เข้าใจ
สิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทุกคนเห็นนั้น พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าผ่านผู้เผยพระคำโยเอลมาก่อนแล้ว
ยุคสุดท้ายคือ ช่วงเวลาระหว่างพระเยซูเสด็จมาบังเกิดในโลกจนถึงวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกที
พระเจ้าจะทรงเทพระวิญญาณมาเหนือคนของพระองค์
โดยไม่จำกัดอายุ เพศ ชนชั้น และจะส่งต่อไปยังทุกชนชาติด้วยไม่เว้นใครเลย พระเยซูคริสต์ทรงทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างคนยิวกับคนต่างชาติเรียบร้อย
แต่น่าเสียดาย ยังมียิวที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้ ยังมียิวที่คิดว่า พวกเขาเท่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือก
17** อิสยาห์ 44:3, เอเสเคียล 11:9, เศคาริยาห์ 12:10, ยอห์น 7:38, กิจการ 10:45, กิจการ 21:9
18** กิจการ 21:4,9, 1 โครินธ์ 12:10

กิจการ 2:19-21
สิ่งที่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้า ได้สำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้วคือการที่พระเจ้าเทพระวิญญาณลงมา
แต่ยังมีคำพยากรณ์อีกที่ยังไม่สำเร็จ คือกล่าวถึงวันที่พระเจ้าจะเสด็จมา
เป็นวันที่จะเห็นหมายสำคัญเกิดขึ้นในธรรมชาติ ในท้องฟ้า ทุกดวงตาจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
และมีการเชิญชวนให้ใครก็ตามที่ร้องออกพระนามของพระเจ้าจะรับการช่วยให้รอด ไม่ได้จำกัดแค่คนยิวอีกต่อไป
19** โยเอล 2:30-31, มาลาคี 4:1-6, เศฟันยาห์ 1:14-18
20** อิสยาห์ 13:10, เอเสเคียล 32:7, มัทธิว 24:29, มาระโก 13:24,25, ลูกา 21:25
21** โรม 10:12-13, สดุดี 86:5, ฮีบรู 4:16

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระเยซูโดยตรง

กิจการ 2:22-24
เมื่อกล่าวถึงคำพยากรณ์แล้ว ท่านเปโตรหันมากล่าวถึงพระเยซู
เรื่องนี้สำคัญ เพราะขณะที่ท่านเปโตรและผู้เชื่อยืนยันว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ หรือพระผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมเพื่อนำความรอดบาปมาให้โลกนี้ ยิวส่วนใหญ่ไม่เชื่อ พวกเขาคิดว่าเขาต้องรอต่อไปความเห็นของพวกเขาคือ “ท่านเยซูผู้นี้ไม่ใช่พระเมสสิยาห์” พระเมสสิยาห์จะต้องเป็นนักรบนำพาให้พวกเขาพ้นจากอำนาจการปกครองของคนต่างชาติต่างหาก

คำเทศนาต่อไปตอนนี้ ท่านเปโตร พิสูจน์ให้คนยิวรู้ว่า คนที่พวกเขาตรึงบนไม้กางเขนนั้น เป็นพระเมสสิยาห์จริง ๆเพราะในสามปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เห็นการอัศจรรย์ สิ่งที่น่าพิศวง และหมายสำคัญที่พระเยซูทรงกระทำ ผู้ที่ฟังท่านเปโตรอยู่นั้น ก็ได้เห็นเป็นพยานอยู่แล้ว …

ท่านเปโตรยืนยันว่า พระเยซูถูกมอบไว้ให้กับพวกเขาตามที่พระเจ้าทรงวางแผนล่วงหน้า ไม่ใช่เพราะพระเยซูอ่อนแอ พ่ายแพ้คนชั่ว แต่เพราะพระเจ้าทรงกำหนดให้เป็นเช่นนั้น พระเจ้าทรงยอมให้ชาวโรมเป็นผู้ตรึงพระองค์ตามความต้องการของเหล่าผู้นำยิวทั้งหลาย
แต่แล้วพระเจ้าก็ทรงทำตามแผนของพระองค์ต่อไป โดยการให้พระเยซูคืนชีพขึ้นมา ที่พระเยซูคืนชีพเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และทรงมีอำนาจเหนือความตาย

22** ยอห์น 3:2, 5:6, 14:10-11, อิสยาห์ 50:5,กิจการ 10:38
23** มัทธิว 26:4, ลูกา 22:22, กิจการ 3:18, 4:28, 1 เปโตร 1:20, กิจการ 5:30,
24** โรม 8:11, 1 โครินธ์ 6:14, 2 โครินธ์ 4:14, เอเฟซัส 1:20, โคโลสี 2:12, 1 เธสะโลนิกา 1:10, ฮีบรู 13:20

กิจการ 2:25-32
พระคำช่วงนี้ ข้อ 25 -32 นี้ เมื่ออ่านครั้งแรกอาจจะเข้าใจยากสักนิด เพราะท่านเปโตรเองก็
กล่าวย้อนไปมา สรุปว่า กษัตริย์ดาวิด เขียนสดุดี 16:8-11 โดยกล่าวถึงผู้หนึ่งที่อยู่ข้างขวามือ ทำให้ท่านไม่กลัว ใจก็ยินดี ลิ้นก็สรรเสริญ มีความหวังใจ เพราะ พระเจ้าจะไม่ทิ้งให้อยู่ในแดนตาย ไม่ต้องเปื่อยเน่า จะคืนชีพขึ้นมา ผู้นั้นกษัตริย์ดาวิดเรียกว่า “องค์บริสุทธิ์” ซึ่งเป็นหนึ่งในวงศ์วานของท่านเป็นลูกหลานของท่านที่ยิ่งใหญ่กว่าท่านมากมายนัก
ดาวิดเองไม่ได้เห็นว่า องค์บริสุทธิ์เป็นใคร แต่คำของท่านเป็นคำพยากรณ์ล่วงหน้ากว่าพันปี!

25** สดุดี 16:8-11, 62:6, 109:31, อิสยาห์ 41:13. 26** สดุดี 16:9, 71:23, 30:11.     27** กิจการ 13:30-37, วิวรณ์ 1:18,    28** สดุดี 16:11, 21:6.   29** กิจการ 13:36.   30** สดุดี 132:11, 89:3-4, เยเรมีย์ 33:14-15   31** สดุดี 16:10, กิจการ  13:15 32** กิจการ 2:24, กิจการ 1:8, 3:15

กิจการ 2:33-36
พระเยซูผู้ที่คืนชีพมานั้น ตอนนี้ ได้ไปอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าบนสวรรค์แล้ว
และพระองค์เคยสัญญาจะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์
พระองค์ก็ทรงทำให้เห็นต่อหน้าต่อตาในวันนี้
เปโตรย้ำอีกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงตั้งให้พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์
(คือเป็นทั้งเจ้านาย และพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์)
33** กิจการ 5:31, ฮีบรู 10:12, ยอห์น 14:26, กิจการ 2:1-11,17 , 10:45. 34** สดุดี 68:18, 110:1, มัทธิว 22:42-45 35** โรม 16:20 36** โรม 14:8-12, 2 โครินธ์ 5:10

คำเชิญให้เชื่อพระเยซู

กิจการ 2:37-41
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำการในจิตใจของผู้คนที่ยืนตรงนั้น (ยอห์น 16:8-11) พวกเขารู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจมาก ๆ พร้อม ๆ กัน เหตุคือพวกเขาปฏิเสธพระเยซู!
เมื่อได้ยินเรื่องการสิ้นชีพ คืนชีพ พระวิญญาณทรงช่วยให้เขาสำนึกถึงบาปในชีวิต
และทรงช่วยให้พวกเขาไม่ต่อต้านอีกต่อไป แต่ยอมรับความจริงที่ได้ยินจากท่านเปโตร และพวกเขาอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไร ในเมื่อได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้ว
เปโตรบอกทันทีให้พวกเขาเปลี่ยนความคิด ให้เขากลับใจ ซึ่งหมายความว่า ให้เปลี่ยนการดำเนินชีวิตแบบเดิมที่เป็นชีวิตบาป หันหลังให้ทางนั้น หันมาหาพระเจ้า วางใจในพระเยซู และการหันจากบาปนั้นจะทำได้สำเร็จเพราะพระเจ้าทรงช่วยเราและอย่างที่สองท่านให้พวกเขารับบัพติศมา เพื่อสื่อให้ผู้อื่นรู้ว่า ตนตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทางของพระเจ้า จะเชื่อวางใจพระเยซู
จากนั้นพวกเขาจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระเจ้า
ท่านเปโตรย้ำว่า พระเจ้าทรงเรียกทั้งพวกเขา และลูกหลานของพวกเขาที่กำลังจะเกิดมาด้วย รวมไปถึงชนชาติต่าง ๆ ที่พระเจ้าจะทรงเรียกไม่ว่าจะเป็นใครอยู่ในศาสนาอะไร
ท่านเองเตือนพวกเขาให้ช่วยตนเองให้พ้นจากความหลงผิดของคนที่ได้ตรึงพระเยซูบนไม้กางเขน
และในหมู่คนเหล่านั้น มีคนที่ยอมรับคำของเปโตร และรับเชื่อ 3000คนในวันเดียว!
นี่คือวันที่คริสตจักรเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
37** ลูกา 3:10,  กิจการ 22:10 38** ลูกา 24:47, กิจการ22:16, 10:48 39** โยเอล 2:28,32, เอเฟซัส 2:13, 4:4, โรม 8:30. 40**  ฟีลิปปี 2:15, ฉธบ. 32:5. 41** กิจการ 4:4, 13:48, 16:31-34

ชีวิตของคริสตจักรแรก

กิจการ 2:42-43
ผู้เชื่อจากคน 120 คน กลายเป็น 3120 คนในวันเดียว เชื่อแล้วอยู่เฉยหรือ? เปล่าเลย
อัครทูตช่วยสอนพวกเขา มีการพบปะกันเพื่อคุยกันเรื่องของชีวิตใหม่
มีการหักขนมปังคือ การระลึกถึงพระเยซูคริสต์ มีการอธิษฐานเผื่อกันและกัน
ส่วนอัครทูตยังทำการอัศจรรย์ หมายสำคัญต่าง ๆ เพื่อช่วยคนป่วย คนมีปัญหาชีวิต
ความยำเกรงพระเจ้าอยู่ในบรรยากาศนั้น การอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้ว่า
พระเยซูที่ทรงทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญนั้น ยังคงทำการของพระองค์ไม่หยุดยั้ง
ผ่านผู้ที่เชื่อในพระองค์​
42** กิจการ 1:14, ฮีบรู 10:25, 1 ยอห์น 1:3
43** กิจการ 2:22, 9:40, 5:15-16

กิจการ 2:44-45
บัดนี้พวกเขามีพระวิญญาณอยู่ในชีวิต เป็นพระคริสต์ที่ทรงคืนชีพอยู่ในพวกเขา
จึงเกิดความแตกต่างอย่างชัดเจน ทุกคนมีหัวใจคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง อยู่กันเป็นชุมชน ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในเยรูซาเล็ม
ความรักในหมู่พี่น้องเกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการบังคับ แต่มาจากความเข้าใจในความรักของพระเยซู เกิดจากหัวใจที่เปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
ผู้เขียนได้บันทึกการมีน้ำใจที่เสียสละอย่างที่พวกเขาไม่เคยเป็นมาก่อน
คนที่เคยตระหนี่ถี่เหนียวก็เปลี่ยนแปลงไป เป็นการเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคม
เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นอย่างนี้ไปได้
44** กิจการ 4:32,34,37, 5:2. 45**  อิสยาห์ 58:7, 1 ยอห์น 3:17, 1 ทิโมธี 6:18-19

กิจการ 2:46-47
พวกเขากลายเป็นกลุ่มชนที่คนอื่นต้องจับตามอง การไปประชุมที่พระวิหารก็ง่ายสำหรับ
ให้พวกเขารวมตัวกันมากฟังพระคำไปพร้อม ๆ กัน การรวมตัวในบ้านก็ช่วยให้มีโอกาส
ถามสิ่งที่สงสัย ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ได้มีการอธิษฐานเผื่อกันอย่างใกล้ชิด
พวกเขาได้สรรเสริญพระเจ้าและเป็นที่ชื่นใจของคนอื่น ๆ ด้วย แถมยังมีคนเข้ามาเชื่อ
ทุก ๆ วันอีก … อย่างนี้พวกฟาริสีจะว่าอย่างไร? รัฐบาลโรมจะทนไหม?
46**  กิจการ 1:14, ลูกา 24:30,53, 2:42, 20:7, 1 โครินธ์ 10:16
47**. กิจการ 5:14, 16:5, 1 โครินธ์ 1:18