การสอบสวนเปโตรและยอห์น





ถึงห้ามก็ไม่หวั่น



ชีวิตคริสตจักรยุคแรก



อ่านพระคัมภีร์ มีคำอธิบายสั้นๆ และพระคำเชื่อมโยง
























คำนำ
กิจการบทที่ 2 นี้ได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญมากคือ การเริ่มต้นของคริสตจักรด้วยคนจำนวน 120 คน รวมอีก 3000 คนในวันเดียว!  เมื่อเราอ่านกิจการบทนี้ ช่วงที่จะสับสนนิด ๆ คือ ช่วงที่ท่านเปโตร
 เทศนา อธิบายคำพยากรณ์ของท่านโยเอล และพลิกกลับไปถึงข้อเขียนสดุดีของกษัตริย์ดาวิด  เหตุการณ์ทั้งบทแบ่งเป็น 
 -พระวิญญาณเสด็จลงมาเหนือผู้เชื่อที่รวมใจกันอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง
 -พวกเขาชาวกาลิลี พูดสรรเสริญพระเจ้าเป็นภาษาต่าง ๆ ที่เข้าใจได้
 -ผู้คนที่มาจากพื้นที่ห่างไกลเยรูซาเล็ม รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรต่างแปลกใจ
 
-ท่านเปโตรอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นโดยอ้างถึงคำพยากรณ์ของท่านโยเอล
 -จากนั้นกล่าวถึงสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดได้เขียนไว้ถึงหนึ่งในลูกหลานของท่าน
   ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้เป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่
 -ท่านเปโตรยืนยันว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอด
 คนที่ฟังพากันกลับใจ 3000 คน
– ชีวิตประจำวันของคนในคริสตจักรยุคแรก  คืออัครทูตยังคงทำสิ่งมหัศจรรย์ รักษาคนป่วย 
 มีการพบกันในพระวิหาร พบกันในบ้าน ฟังคำสอน หักขนมปังระลึกถึงพระเยซู  อธิษฐานด้วยกัน
 ส่วนในชีวิตประจำวันก็คือใช้ชีวิตด้วยกัน แบ่งปันสิ่งที่มี เป็นสังคมที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย ในชีวิตประจำวันของคนยิว 
กิจการ 2:1-3
เทศกาลเพนเตคอสต์  เป็นเทศกาลที่ดึงดูดยิวจากพื้นที่ห่างไกล  เทศกาลอื่น ๆ อยู่ในช่วงเวลาที่มีพายุ การเดินทางลำบาก  เทศกาลนี้ฉลองกันในวันที่ห้าสิบหลังจากเทศกาลปัสกา วันที่ 16 เดือนนิสาน (ซึ่งเป็นเทศกาลที่พระเยซูสิ้นพระชนม์พอดี)  เป็นการระลึกถึงการที่พระเจ้าประทานบัญญัติให้จากภูเขาซีนายและเป็นการถวายผลแรกแด่พระเจ้า ถ้าจะนับจากวันที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ พวกเขารอมาสิบวันพอดี  
 เมื่อพวกศิษย์มารวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พระสัญญาที่พระเยซูตรัสไว้ก็เกิดขึ้น  มีเสียงพายุสนั่นจากฟ้า    เสียงดังสนั่นได้บอกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาด้วยฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่  ดังก้องไปทั้งบ้านที่เขารวมกันอยู่  คำว่าวิญญาณ เป็นคำเดียวกับ ลม ลมหายใจ นี่เป็นเสียงของพระวิญญาณที่กำลังเทลงมายังศิษย์ทั้งหลาย   ไม่ใช่เป็นลมที่พัดแรง แต่เป็นเสียงเหมือนพายุ 
การเทลงมาของพระวิญญาณครั้งนี้ …มีคนเป็นพยานต้นเรื่องถึง 120 คน และไม่ใช่แค่เสียงพายุกล้าเท่านั้น แต่พวกเขายังเห็นเปลวไฟเล็ก ๆ เหนือทุกคน  ไฟ เป็นสัญลักษณ์ของการสถิตของพระเจ้า       ( ปฐมกาล 15:17, อพยพ 3:2-6, ลูกา 3:16)    แต่ครั้งนี้เป็นไฟที่ประหลาด แบ่งให้กับทุกคน  มัทธิว 3:11 ยอห์นผู้ให้บัพติศมาบอกว่า พระเยซูจะบัพติศมาท่านด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยไฟ… 
 พวกเขาได้ยิน ได้สัมผัสด้วยตา และได้กล่าวออกมาด้วยปากของพวกเขา  
 
นี่เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ อิสราเอลไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อน สิบวันหลังจากที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์พระองค์ก็ได้ส่งพระวิญญาณผู้ทรงเต็มด้วยฤทธิ์เดชลงมายังคนของพระองค์ คนทั้งหลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน พระเจ้าองค์เดียวกัน คริสตจักรที่พระเจ้าทรงประสงค์ได้เกิดขึ้นแล้ว ตรงตามพระสัญญาของพระเยซูในมัทธิว 16:18 ที่ว่าพระองค์จะทรงสร้างคริสตจักร และประตูแห่งความตายจะเอาชนะคริสตจักรไม่ได้  และอีกครั้งใน ยอห์น 14:26 พระบิดาจะทรงส่งพระวิญญาณมาในนามของพระองค์เพื่อสอนทุกสิ่งให้      เราจะเห็นจากเหตุการณ์นี้ว่า การบัพติศมาด้วยพระวิญญาณนั้น นำให้ผู้เชื่อได้กลายเป็นพระวิหารแห่งพระวิญญาณ ที่ต้องเติมด้วยพระวิญญาณเสมอ
1** เลวีนิติ 23:15,  กิจการ 1:14, โรม 15:6, 
2** กิจการ 4:31, ยอห์น 3:8,  
3** มัทธิว 3:11, 
กิจการ 2:4-8
พอพระวิญญาณทรงเติมเต็มพวกเขา  พระองค์ทรงบันดาลให้เขาพูดเป็นภาษาต่าง ๆ  ตามท้องถิ่นของคนที่เข้ามาเยี่ยมกรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้น  ซึ่งน่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบภาษา   ทั้งชายหญิงที่อยู่ในห้องน้ันต่างพูดภาษาท้องถิ่นแตกต่างกันไป  ทำให้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะให้ทั้งชายหญิงเป็นผู้กล่าวพระคำ และทรงเปิดโลกของทุกคนที่เข้ามาให้รู้ว่า พระองค์พอพระทัยให้ชนทุกชาติได้ยินข่าวประเสริฐของพระองค์  ไม่มีอุปสรรคของชาวยิว ชาวต่างชาติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  
 
คนยิวที่ได้ยินภาษาท้องถิ่นของเขา เป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้า มาจากพื้นที่แถบเมดิเตอร์เรเนียน   ซึ่งพวกเขามักจะเดินทางเข้ามากรุงเยรูซาเล็มในช่วงเวลาเทศกาล และเทศกาลเพนเตคอสต์  ก็เป็นช่วงเวลาของปีที่เดินทางสะดวกที่สุด อากาศจะดีไม่มีอุปสรรคมากเหมือนช่วงอื่น ๆ ของปี พอได้ยินคำกล่าวยกย่องถึงราชกิจอัศจรรย์ของพระเจ้าเป็นภาษาตนดังนั้น 
 ก็เลยมาชุมนุมกัน   ต่างได้ฟังเรื่องราวในภาษาของตน  พวกเขาตั้งคำถามแรกเพราะประหลาดใจมากว่า คนกาลิลีมาพูดภาษาถิ่นของพวกเขาได้อย่างไร  พวกเขาตื่นตะลึง  ประหลาดใจ    พิศวง
4** กิจการ 1:5, มาระโก 16:17, กิจการ 10:46, 19:6, 13:52, 1 โครินธ์ 12:10,28, 30, 13:1
5** ลูกา 2:25, กิจการ 8:2, 10:7, 13:50 
6** กิจการ 4:32, 3:1
7** กิจการ 1:11, 2:12, 14:11-12, มัทธิว 26:73.        8** –
กิจการ 2: 9-13
ตอนที่พระวิญญาณทรงลงมาเหนืออัครทูตและพี่น้องผู้เชื่อในวันเพนเตคอสต์นั้น  คนที่ได้ยินพวกเขาพูดภาษาของตนต่างถามกันเป็นคำถามที่สองว่า  “นี่หมายความว่าอย่างไร?”
เมื่อเราย้อนไปที่กิจการ 1:4-8 ซึ่งเป็นคำบัญชาของพระเยซูให้พวกเขารอตามพระสัญญาของพระบิดา  พระองค์ตรัสว่า อีกไม่กี่วัน พวกเขาจะได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ  เพื่อจะได้ออกไปเป็นพยานฝ่ายพระเยซู ตั้งแต่ในเมืองหลวง ในสะมาเรีย จนสุดปลายแผ่นดิน  
 จริง ๆ แล้ว นี่เป็นรูปแบบเดียวกันกับก่อนที่พระเยซูจะทำราชกิจของพระองค์  พระวิญญาณทรงลงมาเหนือพระองค์ ในครั้งที่ทรงรับบัพติศมาจากยอห์น  ดังนั้น ศิษย์ของพระเยซูจะทำการของพระองค์โดยขึ้นอยู่กับพระวิญญาณเช่นกัน
  “เพนเตคอสต์ มีความหมายว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมคริสตจักรของพระองค์ให้พร้อมด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณเพื่อว่าพระเจ้าจะทรงได้รับพระเกียรติสิริท่ามกลางชาติต่าง ๆ ในโลกนี้ ”   อ่านเพิ่มเติม ฮาบากุก 2:14
 ชาวยิวที่มาจากพื้นที่ต่าง ๆ นั้นได้ยินภาษาท้องถิ่นของเขาจากปากชาวกาลิลีที่ไม่เคยพูดภาษาของพวกเขามาก่อน คำที่พูดคือ พวกเขากล่าวถึงงานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า  จะไม่ให้พวกเขาตกใจ ประหลาดใจ งุนงงได้อย่างไร 
ในวันนี้เอง เป็นวันเริ่มต้นของการประกาศพระสิริของพระเจ้าไปตามชาติต่าง ๆ จนสุดปลายโลก โดยพระเจ้าทรงเริ่มให้ด้วยพระวิญญาณของพระองค์เอง  
9** 1 เปโตร 1:1, กิจการ 18:2, 16:6, วิวรณ์ 1:11            10** กิจการ16:6,       
 11** ฮีบรู 2:4, อพยพ 15:11.         12** กิจการ 17:20,
กิจการ 2:14-16
 คำเทศนาของท่านเปโตรในวันเพนเตคอสต์.  
 เมื่อท่านเปโตรยืนกล่าวคำปกป้องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.    ท่านยืนขึ้นพร้อมกับอัครทูตอีก 11  ท่าน 
 ไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว และทุกคนที่กำลังพูดภาษาต่าง ๆ ก็หยุดพูด ทุกคนกลายเป็นฟังท่านเปโตรที่กำลังพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง   เป็นคำกล่าวที่ไม่ได้เตรียมมาก่อน   แต่เป็นช่วงเวลาที่พระวิญญาณทรงทำการในท่านเปโตร นี่เป็นคำเทศนาแรกต่อผู้คนจำนวนมากที่กำลังจะเชื่อ  และเกิดเป็นคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ในวันนั้น 
การเกิดขึ้นของคริสตจักรครั้งนี้ มีพลังเหลือล้นจากพระเจ้า เหมือนระเบิดที่รุนแรง  และคำเทศนาครั้งแรกนั้นก็ขยายเลื่องลือออกไปทั่วดินแดน กลายเป็นการประกาศที่นำออกไปโดยผู้คนจากที่ต่าง ๆ   การเปลี่ยนแปลงในชีวิตคนที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่านี่เป็นการทำงานของพระเจ้า
 ท่านบอกตรงๆ ว่านี่เก้าโมงเช้าเอง ใครจะไปดื่มเหล้ากัน ส่วนใหญ่แล้วคนยิวที่เคร่งครัดจะไม่กินหรือดื่มจนกว่าบ่ายสามหลังจากที่พวกเขาอธิษฐานกันเสร็จแล้ว 
แล้วท่านเปโตรก็กล่าวถึงคำพยากรณ์นานกว่า 700 ปีที่ท่านโยเอลได้กล่าวไว้ นี่แสดงว่าท่านเข้าใจคำพยากรณ์นั้นเป็นอย่างดี …
14. อิสยาห์ 58:1,    15** 1 เธสะโลนิกา 5:7, 1 ซามูเอล 1:15.    16** โจเอล 2:28-32
กิจการ 2:17-18
เปโตรอธิบายเหตุการณ์ประหลาดของวันเพนเตคอสต์ให้ทุกคนได้เข้าใจ 
 สิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทุกคนเห็นนั้น พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าผ่านผู้เผยพระคำโจเอลมาก่อนแล้ว
 ยุคสุดท้ายคือ ช่วงเวลาระหว่างพระเยซูเสด็จมาบังเกิดในโลกจนถึงวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกที
 พระเจ้าจะทรงเทพระวิญญาณมาเหนือคนของพระองค์ 
 โดยไม่จำกัดอายุ เพศ ชนชั้น และจะส่งต่อไปยังทุกชนชาติด้วยไม่เว้นใครเลย  พระเยซูคริสต์ทรงทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างคนยิวกับคนต่างชาติเรียบร้อย
 แต่น่าเสียดาย ยังมียิวที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้  คิดว่าพวกเขาเท่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือก   เปโตรอธิบายเหตุการณ์ประหลาดของวันเพนเตคอสต์ให้ทุกคนได้เข้าใจ 
 สิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทุกคนเห็นนั้น พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าผ่านผู้เผยพระคำโยเอลมาก่อนแล้ว
 ยุคสุดท้ายคือ ช่วงเวลาระหว่างพระเยซูเสด็จมาบังเกิดในโลกจนถึงวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกที
 พระเจ้าจะทรงเทพระวิญญาณมาเหนือคนของพระองค์ 
 โดยไม่จำกัดอายุ เพศ ชนชั้น และจะส่งต่อไปยังทุกชนชาติด้วยไม่เว้นใครเลย  พระเยซูคริสต์ทรงทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างคนยิวกับคนต่างชาติเรียบร้อย
 แต่น่าเสียดาย ยังมียิวที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้ ยังมียิวที่คิดว่า พวกเขาเท่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือก 
17** อิสยาห์ 44:3, เอเสเคียล 11:9, เศคาริยาห์ 12:10, ยอห์น 7:38, กิจการ 10:45, กิจการ 21:9
 18** กิจการ 21:4,9, 1 โครินธ์ 12:10  
กิจการ 2:19-21
สิ่งที่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้า ได้สำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้วคือการที่พระเจ้าเทพระวิญญาณลงมา  
 แต่ยังมีคำพยากรณ์อีกที่ยังไม่สำเร็จ คือกล่าวถึงวันที่พระเจ้าจะเสด็จมา 
 เป็นวันที่จะเห็นหมายสำคัญเกิดขึ้นในธรรมชาติ ในท้องฟ้า ทุกดวงตาจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น   
 และมีการเชิญชวนให้ใครก็ตามที่ร้องออกพระนามของพระเจ้าจะรับการช่วยให้รอด ไม่ได้จำกัดแค่คนยิวอีกต่อไป 
19** โยเอล 2:30-31, มาลาคี 4:1-6, เศฟันยาห์ 1:14-18
20** อิสยาห์ 13:10, เอเสเคียล 32:7, มัทธิว 24:29, มาระโก 13:24,25, ลูกา 21:25
21** โรม 10:12-13, สดุดี 86:5, ฮีบรู 4:16
กิจการ 2:22-24
เมื่อกล่าวถึงคำพยากรณ์แล้ว ท่านเปโตรหันมากล่าวถึงพระเยซู
เรื่องนี้สำคัญ เพราะขณะที่ท่านเปโตรและผู้เชื่อยืนยันว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ หรือพระผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมเพื่อนำความรอดบาปมาให้โลกนี้  ยิวส่วนใหญ่ไม่เชื่อ พวกเขาคิดว่าเขาต้องรอต่อไปความเห็นของพวกเขาคือ   “ท่านเยซูผู้นี้ไม่ใช่พระเมสสิยาห์”  พระเมสสิยาห์จะต้องเป็นนักรบนำพาให้พวกเขาพ้นจากอำนาจการปกครองของคนต่างชาติต่างหาก 
 
คำเทศนาต่อไปตอนนี้  ท่านเปโตร พิสูจน์ให้คนยิวรู้ว่า คนที่พวกเขาตรึงบนไม้กางเขนนั้น เป็นพระเมสสิยาห์จริง ๆเพราะในสามปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เห็นการอัศจรรย์ สิ่งที่น่าพิศวง และหมายสำคัญที่พระเยซูทรงกระทำ  ผู้ที่ฟังท่านเปโตรอยู่นั้น ก็ได้เห็นเป็นพยานอยู่แล้ว … 
ท่านเปโตรยืนยันว่า พระเยซูถูกมอบไว้ให้กับพวกเขาตามที่พระเจ้าทรงวางแผนล่วงหน้า ไม่ใช่เพราะพระเยซูอ่อนแอ พ่ายแพ้คนชั่ว แต่เพราะพระเจ้าทรงกำหนดให้เป็นเช่นนั้น   พระเจ้าทรงยอมให้ชาวโรมเป็นผู้ตรึงพระองค์ตามความต้องการของเหล่าผู้นำยิวทั้งหลาย 
 แต่แล้วพระเจ้าก็ทรงทำตามแผนของพระองค์ต่อไป โดยการให้พระเยซูคืนชีพขึ้นมา ที่พระเยซูคืนชีพเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และทรงมีอำนาจเหนือความตาย  
22** ยอห์น 3:2, 5:6, 14:10-11, อิสยาห์ 50:5,กิจการ 10:38
23** มัทธิว 26:4, ลูกา 22:22, กิจการ 3:18, 4:28, 1 เปโตร 1:20, กิจการ 5:30,
24** โรม 8:11, 1 โครินธ์ 6:14, 2 โครินธ์ 4:14, เอเฟซัส 1:20, โคโลสี 2:12, 1 เธสะโลนิกา 1:10, ฮีบรู 13:20
กิจการ 2:25-32
พระคำช่วงนี้ ข้อ 25 -32 นี้ เมื่ออ่านครั้งแรกอาจจะเข้าใจยากสักนิด เพราะท่านเปโตรเองก็
 กล่าวย้อนไปมา  สรุปว่า   กษัตริย์ดาวิด เขียนสดุดี  16:8-11  โดยกล่าวถึงผู้หนึ่งที่อยู่ข้างขวามือ ทำให้ท่านไม่กลัว ใจก็ยินดี ลิ้นก็สรรเสริญ  มีความหวังใจ เพราะ   พระเจ้าจะไม่ทิ้งให้อยู่ในแดนตาย  ไม่ต้องเปื่อยเน่า จะคืนชีพขึ้นมา  ผู้นั้นกษัตริย์ดาวิดเรียกว่า “องค์บริสุทธิ์”   ซึ่งเป็นหนึ่งในวงศ์วานของท่านเป็นลูกหลานของท่านที่ยิ่งใหญ่กว่าท่านมากมายนัก  
ดาวิดเองไม่ได้เห็นว่า องค์บริสุทธิ์เป็นใคร แต่คำของท่านเป็นคำพยากรณ์ล่วงหน้ากว่าพันปี! 
25** สดุดี 16:8-11, 62:6, 109:31, อิสยาห์ 41:13.      26** สดุดี 16:9, 71:23, 30:11.                27** กิจการ 13:30-37, วิวรณ์ 1:18,    28** สดุดี 16:11, 21:6.   29** กิจการ 13:36.   30** สดุดี 132:11, 89:3-4, เยเรมีย์ 33:14-15   31** สดุดี 16:10, กิจการ  13:15       32** กิจการ 2:24, กิจการ 1:8, 3:15
กิจการ 2:33-36
พระเยซูผู้ที่คืนชีพมานั้น ตอนนี้ ได้ไปอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าบนสวรรค์แล้ว 
 และพระองค์เคยสัญญาจะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์
 พระองค์ก็ทรงทำให้เห็นต่อหน้าต่อตาในวันนี้  
 เปโตรย้ำอีกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงตั้งให้พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์  
 (คือเป็นทั้งเจ้านาย และพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์)
33** กิจการ 5:31, ฮีบรู 10:12, ยอห์น 14:26, กิจการ 2:1-11,17 , 10:45.    34** สดุดี 68:18, 110:1, มัทธิว 22:42-45       35** โรม 16:20   36** โรม 14:8-12, 2 โครินธ์ 5:10
กิจการ 2:37-41
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำการในจิตใจของผู้คนที่ยืนตรงนั้น  (ยอห์น 16:8-11) พวกเขารู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจมาก ๆ พร้อม ๆ กัน  เหตุคือพวกเขาปฏิเสธพระเยซู!
 เมื่อได้ยินเรื่องการสิ้นชีพ คืนชีพ  พระวิญญาณทรงช่วยให้เขาสำนึกถึงบาปในชีวิต
 และทรงช่วยให้พวกเขาไม่ต่อต้านอีกต่อไป แต่ยอมรับความจริงที่ได้ยินจากท่านเปโตร  และพวกเขาอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไร ในเมื่อได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้ว 
 เปโตรบอกทันทีให้พวกเขาเปลี่ยนความคิด ให้เขากลับใจ ซึ่งหมายความว่า ให้เปลี่ยนการดำเนินชีวิตแบบเดิมที่เป็นชีวิตบาป หันหลังให้ทางนั้น  หันมาหาพระเจ้า   วางใจในพระเยซู และการหันจากบาปนั้นจะทำได้สำเร็จเพราะพระเจ้าทรงช่วยเราและอย่างที่สองท่านให้พวกเขารับบัพติศมา เพื่อสื่อให้ผู้อื่นรู้ว่า ตนตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทางของพระเจ้า จะเชื่อวางใจพระเยซู
 จากนั้นพวกเขาจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระเจ้า
 ท่านเปโตรย้ำว่า พระเจ้าทรงเรียกทั้งพวกเขา และลูกหลานของพวกเขาที่กำลังจะเกิดมาด้วย รวมไปถึงชนชาติต่าง ๆ ที่พระเจ้าจะทรงเรียกไม่ว่าจะเป็นใครอยู่ในศาสนาอะไร
 ท่านเองเตือนพวกเขาให้ช่วยตนเองให้พ้นจากความหลงผิดของคนที่ได้ตรึงพระเยซูบนไม้กางเขน
 และในหมู่คนเหล่านั้น มีคนที่ยอมรับคำของเปโตร และรับเชื่อ 3000คนในวันเดียว! 
 นี่คือวันที่คริสตจักรเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
37** ลูกา 3:10,  กิจการ 22:10     38** ลูกา 24:47, กิจการ22:16, 10:48     39** โยเอล 2:28,32, เอเฟซัส 2:13, 4:4, โรม 8:30.   40**  ฟีลิปปี 2:15, ฉธบ. 32:5. 41** กิจการ 4:4, 13:48, 16:31-34
กิจการ 2:42-43
ผู้เชื่อจากคน 120 คน กลายเป็น 3120 คนในวันเดียว  เชื่อแล้วอยู่เฉยหรือ?  เปล่าเลย 
 อัครทูตช่วยสอนพวกเขา มีการพบปะกันเพื่อคุยกันเรื่องของชีวิตใหม่ 
 มีการหักขนมปังคือ การระลึกถึงพระเยซูคริสต์ มีการอธิษฐานเผื่อกันและกัน 
 ส่วนอัครทูตยังทำการอัศจรรย์  หมายสำคัญต่าง ๆ เพื่อช่วยคนป่วย คนมีปัญหาชีวิต
 ความยำเกรงพระเจ้าอยู่ในบรรยากาศนั้น  การอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้ว่า 
 พระเยซูที่ทรงทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญนั้น ยังคงทำการของพระองค์ไม่หยุดยั้ง
 ผ่านผู้ที่เชื่อในพระองค์
42** กิจการ 1:14, ฮีบรู 10:25, 1 ยอห์น 1:3 
 43** กิจการ 2:22, 9:40, 5:15-16
กิจการ 2:44-45
บัดนี้พวกเขามีพระวิญญาณอยู่ในชีวิต เป็นพระคริสต์ที่ทรงคืนชีพอยู่ในพวกเขา 
 จึงเกิดความแตกต่างอย่างชัดเจน  ทุกคนมีหัวใจคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง อยู่กันเป็นชุมชน   ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในเยรูซาเล็ม 
 ความรักในหมู่พี่น้องเกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการบังคับ แต่มาจากความเข้าใจในความรักของพระเยซู เกิดจากหัวใจที่เปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
 ผู้เขียนได้บันทึกการมีน้ำใจที่เสียสละอย่างที่พวกเขาไม่เคยเป็นมาก่อน
 คนที่เคยตระหนี่ถี่เหนียวก็เปลี่ยนแปลงไป   เป็นการเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคม
 เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นอย่างนี้ไปได้    
44** กิจการ 4:32,34,37, 5:2.    45**  อิสยาห์ 58:7, 1 ยอห์น 3:17, 1 ทิโมธี 6:18-19
กิจการ 2:46-47
พวกเขากลายเป็นกลุ่มชนที่คนอื่นต้องจับตามอง การไปประชุมที่พระวิหารก็ง่ายสำหรับ
 ให้พวกเขารวมตัวกันมากฟังพระคำไปพร้อม ๆ กัน การรวมตัวในบ้านก็ช่วยให้มีโอกาส
 ถามสิ่งที่สงสัย  ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ได้มีการอธิษฐานเผื่อกันอย่างใกล้ชิด 
 พวกเขาได้สรรเสริญพระเจ้าและเป็นที่ชื่นใจของคนอื่น ๆ ด้วย แถมยังมีคนเข้ามาเชื่อ
 ทุก ๆ วันอีก … อย่างนี้พวกฟาริสีจะว่าอย่างไร?   รัฐบาลโรมจะทนไหม? 
46**  กิจการ 1:14, ลูกา 24:30,53, 2:42, 20:7, 1 โครินธ์ 10:16
47**. กิจการ 5:14, 16:5, 1 โครินธ์ 1:18