2 เธสะโลนิกา 3 ชีวิตในชุมชนผู้เชื่อ

คำอธิษฐานของท่านเปาโล

ที่สุดนี้ พี่น้องทั้งหลาย
ขอท่านอธิษฐานเผื่อเรา
เพื่อว่าพระคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว และได้รับเกียรติเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในหมู่พวกท่าน และเพื่อเราจะได้รับการช่วยกู้จากคนพาลคนชั่ว เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเชื่อ
2 เธสะโลนิกา 3:1-2

เอเฟซัส 6:19-20, 1 เธสะโลนิกา 1:8,5:25, โคโลสี 4:3,โรม 15:31,กิจการ 28:24,

การประกาศของผู้รับใช้พระเจ้าในทุกแห่งในโลกนี้ มีอุปสรรคมากมาย ต้องเผชิญกับการต่อต้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงการขู่เอาชีวิต การเผาคริสตจักร การตามฆ่าพี่น้องที่เข้ามารับเชื่อ พี่น้องผู้เชื่อใหม่ในหลายประเทศต้องหลบซ่อน นี่เป็นเหตุที่ต้องการคำอธิษฐาน เผื่อ และอย่าคิดว่าจะไม่ได้ผล เพราะพระเจ้าจะทรงตอบคำอธิษฐานที่จริงจังแน่นอน

แต่พระเจ้าทรงซื่อตรง
พระองค์จะทรงให้กำลังและปกป้องท่านจากผู้ที่ชั่วร้าย เรื่องของท่านนั้น เรามีความมั่นใจในพระเจ้าเรื่องของท่านว่าท่านกำลังทำ และจะทำสิ่งที่เราได้สั่งไว้
2 เธสะโลนิกา 3:3-4

1 โครินธ์ 1:9, 1 เธสะโลนิกา 5:24,ยอห์น 17:15, 2 โครินธ์ 7:16, ฟิเลโมน 1:21

ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อพระเจ้า แต่กระนั้น พระเจ้ายังคงซื่อตรงตามพระสัญญาของพระองค์ ท่านเปาโล จึงมั่นใจว่า พระเจ้าจะทรงให้กำลัง ปกป้องผู้เชื่อจากมารร้าย (1 โครินธ์ 10:13) คำว่ามั่นใจในภาษากรีกบ่งถึง

ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงนำใจของท่านไปสู่ความรักของพระเจ้า และความทรหดอดทนของพระคริสต์
2 เธสะโลนิกา 3:5

1 พงศาวดาร 29:18, 1 ยอห์น 4:19, เฉลยธรรมบัญญัติ 30:6,

คำอธิษฐานที่ท่านเปาโลยังคงขอต่อไปคือ ให้พี่น้องชาวเธสะโลนิกา มีทั้งความรัก และความอดทนมากอย่างพระเยซูคริสต์ เพราะจะทำให้เขาทำหน้าที่ในฐานะคนของพระเจ้าต่อไปอย่างมั่นคงไม่ว่าจะเจอความยากลำบากขนาดไหน

คำเตือนไม่ให้เป็นคนอยู่เฉย

เราขอสั่งพี่น้องทั้งหลายในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้าของเราว่าให้อยู่ห่างจากพี่น้องที่อยู่เฉย ไม่รับผิดชอบ ไม่ดำเนินชีวิตตามคำสอนที่ท่านได้รับจากเรา
2 เธสะโลนิกา 3:6

โรม 16:17, 1 โครินธ์ 5:1,1 เธสะโลนิกา 4:11,5:14

ระยะห่างเพื่อป้องกันเรื่องโควิด 19 นั้น เป็นตัวอย่างที่ดีว่า เราไม่อยู่ใกล้กันกับคนที่อาจมีเชื้อโรค เพื่อเราจะไม่ติดต่อโรคระยะห่างต้องมีกับคนที่เกียจคร้าน ไม่ทำงาน ไม่รับผิดชอบชีวิตของตนเอง และคนในครอบครัว

เพราะท่านรู้ว่า ท่านจะต้องเลียนแบบเรา เราไม่ได้อยู่เฉย ท่ามกลางพวกท่าน และเราไม่ได้กินอาหารของใครโดยไม่จ่ายตอบแทน ตรงกันข้าม เราทำงานเช้ายันค่ำ เพื่อว่าเราจะไม่เป็นภาระแก่ใครในพวกท่าน
2 เธสะโลนิกา 3:7-8

1 โครินธ์ 11:1,4:16 , ทิตัส 2:7, 1 เธสะโลนิกา 2:9, มัทธิว 6:11

คำสั่งช่วงนี้ เป็นคำสั่งสำหรับการลงมือปฏิบัติ ผู้ที่เชื่อพระเจ้าจริง ๆ จะต้องไม่เป็นคนที่เกียจคร้าน
แต่เป็นคนมีจิตใจคิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย พระเจ้าทรงให้เรามีชุมชนเพื่อช่วยเหลือกันและกัน
การมีชุมชนทำให้เราอยู่กันมาได้จนทุกวันนี้ หากเราต่างคนต่างอยู่
ไม่ทำหน้าที่ ๆ ควรทำ ไม่นานเราจะเหมือน อารยธรรมโบราณที่สูญหายตายจากไป

ที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเราไม่มีสิทธิที่จะได้รับการสนับสนุน แต่เราทำเพื่อเป็นตัวอย่างให้ท่านทำตาม จริงแล้วตอนที่เราอยู่กับท่านเราได้สั่งท่านไว้ว่า“หากใครไม่เต็มใจทำงาน ก็ไม่ต้องให้เขากิน”
2 เธสะโลนิกา 3:9-10

1 โครินธ์ 9:4-14, ยอห์น 13:15, สุภาษิต 13:4,20:4

ท่านเปาโลเป็นตัวอย่างที่ทำให้คริสเตียนได้รับใช้พระเจ้าไปด้วยการทำงานอื่นเลี้ยงตัวเองไปด้วย ไม่ได้เป็นภาระของคริสตจักร ทำให้งานของพระเจ้าก้าวหน้าไปเร็วขึ้น ท่านเปาโลชัดเจนว่า ถ้าใครไม่ทำงานก็ไม่ต้องให้กิน ชัดเจน ไม่มีข้อโต้แย้ง

เพราะเราได้ยินว่า มีบางคนในหมู่พวกท่านใช้ชีวิตไร้ความรับผิดชอบ ไม่ทำงาน แต่กลับไปยุ่งเรื่องของผู้อื่น เราขอสั่งคนอย่างนั้น ในองค์พระคริสต์เจ้าของเราให้ทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง
2 เธสะโลนิกา 3:11-12

1 เปโตร 4:15, เอเฟซัส 4:28, 1 เธสะโลนิกา 4:11,

การไม่ทำงาน ไม่หางานทำ (งานดังกล่าวจะเป็นงานอะไรก็ได้ งานบ้าน งานที่ทำงาน งานเพื่อคนอื่น)
ทำให้คนหนึ่ง ๆ มีเวลาว่างมาก และกลายเป็นต้นตอของชีวิตบาป เขากลายเป็นคนที่สร้างอันตราย
ให้กับทั้งตัวเองและคนอื่น

สำหรับพวกท่าน พี่น้องเอ๋ย อย่าเหนื่อยล้าที่จะทำการดี คนใดที่ไม่เชื่อฟังคำสอนจากจดหมายนี้ ก็ให้หมายหัวไว้ อย่าคบหาสมาคมด้วย เพื่อว่าเขาจะได้ละอาย อย่าถือว่าเขาเป็นศัตรู แต่ให้เตือนสติเขาในฐานะพี่น้อง
2 เธสะโลนิกา 3:13-15

กาลาเทีย 6:9-10, 2 โครินธ์ 4:1, มัทธิว 18:17, เลวีนิติ 19:17, ทิตัส 3:10

บางครั้งถ้าใครคนหนึ่งต้องแบกภาระคนอื่น ๆ หลายอย่าง ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง แถมยังมีเขย สะใภ้เข้ามาช่วยเพิ่มภาระ บางทีมันก็หมดแรงเหมือนกัน ท่านเปาโลหนุนใจ ให้ไม่หยุดทำความดีต่อไป ส่วนคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ก็ไม่ให้คบเป็นเพื่อนสนิท เพื่อช่วยให้เขารู้สึกละอาย จะได้กลับใจ อย่าปล่อยให้เขาทำผิดไปเรื่อย ๆ

คำลงท้ายจดหมาย

บัดนี้ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติทรงให้สันติสุขแก่ท่านทุก ๆ ด้าน ทุกเวลา ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับท่านทุกคน
ข้า เปาโล เขียนคำลงท้ายนี้ด้วยลายมือตนเอง นี่เป็นเครื่องหมายว่าเป็นจดหมาย จากข้า ทุก ๆ ฉบับ ข้าจะเขียนแบบนี้ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
อยู่กับท่านทุกคน
2 เธสะโลนิกา 3:16-18

โรม 15:33, 1 โครินธ์ 16:21, วิวรณ์ 16:14, โณม 16:20,24

เมื่อพี่น้องชาวเธสะโลนิกา ได้คำอธิษฐานของท่านเปาโล ขอสันติสุข ขอองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอ
พระคุณของพระเยซูเจ้า มายังชีวิตของพวกเขา เชื่อแน่ว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของท่าน ยังมีพี่น้องคริสเตียนจำนวนมาก ที่ชีวิตไม่ราบรื่น ต้องการคำอธิษฐานแบบนี้ แม้แต่เราทุกคนก็เช่นกัน

2 ทิโมธี 1 จิตใจที่กล้าหาญ

เนื่องจากภาพที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือแตกต่างกัน จึงขออธิบายว่า ในแต่ละข้อแบ่งเป็นสี่ตอน คือ ข้อความในพื้นเทา เป็นข้อพระคัมภีร์ ตัวหนังสือเล็กสีส้ม เป็นพระคำที่เกี่ยวข้อง ภาพประกอบ และคำอธิบายเพิ่มเติม

คำทักทาย เริ่มต้นจดหมาย ความทรงจำดี ๆ ต่อกัน บทนี้ ทำให้เราเห็นหัวใจความห่วงใยของท่านเปาโลที่มีต่อทิโมธีชัดเจนมาก

จดหมายจากข้า เปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์ตาม
พระประสงค์ของพระเจ้า ตามพระสัญญาแห่งชีวิตซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์
ถึงทิโมธี ลูกชายที่รักของข้า
ขอให้พระคุณ พระเมตตา และสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดา และพระเยซูคริสต์ของเรา จงอยู่กับเจ้าเถิด
2 ทิโมธี 1:1-2

2 โครินธ์ 1:1 ,เอเฟซัส 1:1, โคโลสี 1:1,ทิตัส 1:2

ท่านเปาโลมองว่าตัวเองเป็นผู้สื่อสารข่าวที่นำชีวิตให้กับผู้รับสาร
ในฉบับแรกท่านเรียกทิโมธีว่า ลูกชาย
แท้ในความเชื่อ แต่ในฉบับที่สองท่านใช้คำว่า ทิโมธี ลูกชายที่รักของข้า.. รู้สึกได้เลยว่า ใกล้ชิดขึ้น สนิทมากขึ้น รักมากกว่าเดิม

ข้าขอบคุณพระเจ้าผู้ที่ข้ารับใช้ด้วยจิตสำนึกบริสุทธิ์ ตามอย่างบรรพบุรุษของข้า ข้าระลึกถึงเจ้าเสมอยามที่ข้าอธิษฐานทั้งคืนวันเมื่อคิดถึงน้ำตาของเจ้า ข้าก็อยากมาหาเจ้านัก เพื่อว่าใจข้าจะเต็มด้วยความยินดี
2 ทิโมธี 1:3-4

กิจการ 24:14, 2 ทิโมธี 4:6-17

สิ่งที่ท่านเปาโล ทำไม่ได้คือไปหาทิโมธี แต่คำอธิษฐานของท่านทรงพลังกว่าการพบปะกันเสียอีก เวลาท่านคิดถึงทิโมธี ท่านน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งในพระเจ้าที่ทรงให้มีคนอย่างทิโมธี คิดถึงเขาทีไรท่านก็ มีความชื่นชมยินดี ขอบคุณพระเจ้าที่จดหมายแห่งรักของเปาโลยังคงเกิดผลในทุกวันนี้

ข้าฯ ระลึกถึง ความเชื่อที่จริงใจของเจ้า ซึ่งแต่แรกก็มีอยู่ทั้งในคุณยายโลอีส และคุณแม่ยูนีส และข้าเชื่อว่า ตอนนี้มีอยู่ในเจ้าเช่นกัน
2 ทิโมธี 1:5

1 ทิโมธี 1:5,4:6, กิจการ 16:1

แน่ใจได้เลยว่า ขณะที่ทิโมธีกำลังรับใช้พระเจ้าอยู่ ทั้งสองต้องได้อธิษฐานเผื่อและได้ช่วยเป็นกำลังเท่าที่จะทำได้ การมีพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายที่เชื่อพระเจ้า และส่งต่อความเชื่อลงมาให้ลูกหลานจนพวกเขารู้จักพระเจ้าด้วยตัวเองจริง ๆ นับเป็นพระพรใหญ่ยิ่งสำหรับชีวิตคน ๆ หนึ่ง

หนุนใจให้กล้าหาญ

ด้วยเหตุนี้ จึงขอเตือนใจเจ้าว่า จงทำให้ของประทานซึ่งผ่านการวางมือจากข้าให้เจ้านั้น เจริญรุ่งเรืองขึ้น เพราะพระเจ้ามิได้ประทานให้เรามีใจขลาดกลัว แต่ประทานหัวใจที่เต็มด้วยฤทธิ์อำนาจ ความรัก และการบังคับตนเองให้เรา
2 ทิโมธี 1:6-7 

1 ทิโมธี 4:14,โรม 8:15,กิจการ 1:8

สิ่งที่ท่านเปาโลย้ำคือ การทำให้สิ่งนั้นเจริญขึ้น ไม่ใช่อยู่กับที่ ท่านเตือนให้จุดประกายแห่งของประทานให้ลุกเป็นไฟเสมอในตัวของเรา เราต้องมีความตั้งใจที่จะให้การรับใช้มีประสิทธิภาพ ดีขึ้น ๆ ตลอดชีวิตของเรา
พระวิญญาณเป็นผู้ประทานใจที่จะช่วยให้เราเจริญขึ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่างานจะด้อยลง … คลังปัญญา ความคิด ความเข้าใจมาจากพระองค์

ดังนั้น อย่าอายคำพยานถึงเรื่องพระผู้เป็นเจ้าของเรา อย่าอายเพราะตัวข้าที่เป็นนักโทษของพระองค์ แต่ให้แบกภาระเพื่อพระกิตติคุณร่วมกับข้า ตามฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
2 ทิโมธี 1:8

โรม 1:16, 8:28,16:25

ในสังคมอิสราเอลโบราณนั้น เป็นสังคมที่ เน้นเรื่องเกียรติกับความน่าอาย พูดง่าย ๆ คือ เสียหน้าไม่ได้ เกียรติมาก่อนสิ่งอื่นใด ทิโมธีอาจมีปัญหานี้บ้าง การประกาศพระกิตติคุณนั้น ต้องมีคนไม่พอใจ มีคนด่าว่า ท่านเปาโลเตือนให้ทิโมธีไม่อายเพราะพระกิตติคุณและการที่เกี่ยวพันกับนักโทษอย่างท่าน

แผนการแห่งความรอดของพระเจ้า

ผู้ทรงช่วยเราให้รอด และทรงเรียกเราด้วยการทรงเรียกอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นเพราะการกระทำของเรา แต่เป็นไปตามพระประสงค์และพระคุณของพระองค์เองที่ประทานให้เราในพระเยซูคริสต์ก่อนกาลเวลาจะเกิดขึ้น
2 ทิโมธี 1:9

โรม 3:20,8:28,16:25, เอเฟซัส 2:8-9, 1:3-4

พระเจ้าทรงเรียกเรา เพื่อให้เราเป็นคนบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระองค์
ทรงเรียกมาก่อนชีวิตเราจึงบริสุทธิ์ได้
และการทรงเรียกนี้เกิดขึ้นก่อนกาลเวลา เอเฟซัส 1:4 พระเจ้าทรงเรียกเราก่อนปฐมกาล โรม 16:25 พระเจ้าทรงให้เรามั่นคงได้

ท่านเปาโลมั่นใจในงานที่พระเจ้าทรงกำหนดให้

มาบัดนี้ ได้มีการสำแดงโดยการปรากฏของพระเยซูคริสต์เจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงปราบความตาย ทรงให้ชีวิตและความเป็นอมตะเป็นที่ประจักษ์ผ่านทางข่าวประเสริฐซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าได้รับการแต่งตั้งให้เทศนาให้เป็นอัครทูต และเป็นครู
2 ทิโมธี 1:10-11

เอเฟซัส 1:9,กิจการ 9:15,1 ยอห์น 1:2, 1 ทิโมธี 1:7

พระเจ้าทรงวางแผนข่าวประเสริฐไว้ตั้งแต่ก่อนมี กาลเวลา บัดนี้ พระเยซูคริสต์ทรงทำให้เราเข้าใจแผนการแห่งความรอดนั้น “แม้ว่าเรายังต้องตายฝ่ายร่างกาย แต่ฝ่ายวิญญาณนั้น เราจะไม่ตายแต่จะเป็นอมตะกับ พระเจ้าเพราะพระองค์ทรงปราบความตายแล้ว”
โรม 16: 25-26

ด้วยเหตุนี้ข้าจึงทนทุกข์อย่างที่เป็นอยู่ ถึงกระนั้นข้าก็ไม่ละอาย เพราะข้ารู้จักพระองค์ที่ข้าเชื่อ และข้ามั่นใจว่าพระองค์จะทรงรักษาสิ่งที่ข้าได้ฝากไว้กับพระองค์จนถึงวันนั้นได้
2 ทิโมธี 1:12

1 เปโตร 4:19, 1 ทิโมธี 6:20,ยูดา 1:24, โรม 1:16

ท่านเปาโลเทศนาสั่งสอนอย่างกล้าหาญและภาคภูมิใจ ทั้งที่เผชิญความลำบาก ถูกจำคุก แต่ท่านไม่ได้กลัวเนื่องจากได้ฝากชีวิตไว้กับพระเจ้าแล้ว
ท่านเชื่อพระผู้ทรงสามารถรักษาทุกสิ่งที่ท่านฝากไว้ได้แน่นอน หากไม่ฝากไว้กับพระเจ้า เก็บชีวิตของตัวเองไว้
มันคงไม่ปลอดภัย อ่านเพิ่มเติมชีวิตท่านเปาโลในกิจการ 20-28

ท่านเปาโลหนุนใจทิโมธีให้ซื่อตรงต่อความจริง

จงยึดมั่นในคำสอนที่ถูกต้องซึ่งเจ้าได้ยินจากข้าด้วยความเชื่อและความรักซึ่งมีในพระเยซูคริสต์
จงรักษาสิ่งที่ล้ำค่าซึ่งเรามอบให้เจ้าโดยพึ่งองค์พระวิญญาณ
ซึ่งประทับในเรา
2 ทิโมธี 1:13-14

ทิตัส 1:9, 2 ทิโมธี 3:14, ฟีลิปปี 4:9,1 ทิโมธี 6:20, 1 โครินธ์ 3:16

เรามีคนที่ยึดมั่นในคำสอนที่ถูกต้องแบบไร้ความรัก และบังคับให้คนอื่นยึดแบบตัวเอง แต่ท่านเปาโลให้เราตั้งมั่นในคำสอนด้วยความเชื่อและความรักที่เรามีต่อพระเยซู ความถ่อมตน ความเห็นแก่ประโยชน์คนอื่นจึงตามมา พระวิญญาณจะทรงช่วยให้เราซื่อตรงต่อพระเจ้า รักษา ทำตามได้โดยแรงของพระวิญญาณ ไม่ใช่แรงน้อย ๆ ของเราเอง

ผู้รับใช้ที่ภักดีกับคนไม่ซื่อ

เจ้ารู้อยู่ว่าคนในเอเชียได้หันหลัง จากข้า ในพวกนั้นมีฟีเจลัสและเฮอร์โมเกเนส รวมอยู่ด้วยขอพระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตาต่อครอบครัวโอเนสิโฟรัส เพราะเขาทำให้ข้าชื่นใจเสมอ เขาไม่อับอายในโซ่ตรวนของข้าเลย
2 ทิโมธี 1:15-16

2 ทิโมธี 4:16 , ฟีลิปปี 2:21, 2 ทิโมธี 4:10-11,19, ฟิเลโมน 1:7,20, ฮีบรู 6:10

เอเชียในสมัยนั้น คือเอเชียภายใต้การ
ปกครองของโรม ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในตุรกีปัจจุบัน มีสองคนที่ไม่ได้ยึดมั่น แต่เดินหันหลังให้เปาโลที่ท่านต้องออกชื่อ ก็เพื่อไม่ให้ทั้งสองนี้ไปชวนใคร แต่ขณะเดียวกันยังมีคนที่ซื่อตรง คนที่ไม่อายว่า เปาโลเป็นนักโทษ เป็นคนที่ทำให้สดชื่นเมื่อพบ

แต่เมื่อเขามาถึงโรม เขาก็ตามหาข้าอย่างร้อนใจและได้พบข้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขาได้พบพระเมตตาจากพระองค์ในวันนั้น และเจ้าก็รู้ดีว่า เขาได้รับใช้ ข้ามากแค่ไหนตอนที่เขาอยู่เมืองเอเฟซัส ขอองค์พระผู้เจ้าให้เขาได้ รับพระเมตตาในวันพิพากษาด้วย
2 ทิโมธี 1:17-18

กิจการ 28:30-31, ฮีบรู 6:10, วิวรณ์ 2:1, 1 เธสะโลนิกา 2:19

ชื่อของโอเนสิโฟรัส มีความหมายว่า ผู้ที่นำความช่วยเหลือมา เขาใช้ชีวิตอย่างซื่อตรง ภักดีต่อพระวจนะของพระเจ้า ทำโดยการรับใช้ท่านเปาโลอย่างโดดเด่น ท่านเปาโลเองได้อธิษฐานของสิ่งที่พิเศษให้กับเขา และครอบครัว นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างของคำอธิษฐานที่มีต่อผู้อื่น

1 ทิโมธี 2 อธิษฐานมีพลัง…

คอลัมน์ซ้ายสุด เป็นพระคัมภีร์ถอดความ คอลัมน์กลางเป็นภาพและพระคัมภีร์เชื่อมโยง ส่วนคอลัมน์ขวาสุดสีครามนั้น เป็นคำอธิบายเพิ่มเติม

อธิษฐานเผื่อใครหรือ?

ดังนั้นก่อนอื่นใด ข้าขอกำชับให้เจ้าได้ทูลคำร้องขอ อธิษฐาน วิงวอนเพื่อผู้อื่น และขอบคุณพระเจ้า เพื่อทุกคน เพื่อกษัตริย์ทั้งปวง และผู้มีสิทธิอำนาจทั้งหลาย เพื่อว่าพวกเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ สันติ อยู่ในทางของพระเจ้า อย่างสง่างาม
1 ทิโมธี 2:1-2

มัทธิว 6:9-10, เอสรา 6:10, โรม 13:1, เยเรมีย์ 29:7, 1 เปโตร 2:9-13

ทูลคำร้องขอ …. คือการขอจากพระเจ้าตามน้ำพระทัย
อธิษฐาน … สนทนา สื่อสาร สัมพันธ์กับพระเจ้า
วิงวอนเพื่อผู้อื่น ทูลขอเพื่อความจำเป็นของผู้อื่น
ขอบคุณพระเจ้า …เพื่อใคร…ทุกคน และผู้มีอำนาจ
ผลที่ได้คือ…..ชีวิตสงบที่เป็นเช่นนี้เพราะในโลกเรามีคริสเตียนที่ทนทุกข์เพื่อพระเจ้ามากมายจริง ๆ เราจำเป็นต้องมีผู้ปกครองที่เป็นธรรม.. ชีวิตจึงจะสงบสุขได้


การทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีและเป็นที่พอพระทัย ของพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงประสงค์ที่จะให้ทุกคนได้รับความรอด
และมารู้จักกับความจริง

1 ทิโมธี 2:3-4

ฮีบรู 13:16, โรม 12:2, 2 ทิโมธี 1:9,

การอธิษฐานเพื่อคนอื่นไม่ใช่แค่คนที่เชื่อเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เชื่อด้วย พระเจ้าทรงประสงค์ให้ทุกคนได้พบความจริง คนที่เราคิดว่า ไม่มีทางรอดได้แล้ว เราก็ยังอธิษฐานขอพระเมตตาจากพระเจ้าต่อไป เผื่อว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะทรงเมตตาเขา การอธิษฐานอย่างแรงกล้า ร้อนใจอย่างเอลียาห์จะเกิดผล (ยากอบ 5:17)

เพราะมีพระเจ้าเพียงองค์เดียว และมีคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์เพียงผู้เดียวเท่านั้น คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพเป็นมนุษย์ พระองค์ประทานชีวิตของพระองค์เองเป็นค่าไถ่ทุกคน คำยืนยันนี้เกิดขึ้นตาม เวลาอันเหมาะสม
1 ทิโมธี 2:5-6

1 โครินธ์ 8:6, กาลาเทีย 3:21, มาระโก 10:45

จากอิสราเอลโบราณที่ต้องมีปุโรหิตเป็นตัวกลางระหว่างพระเจ้ากับประชาชน แต่บัดนี้ ไม่มีตัวกลางอื่นแล้ว นอกจากพระเยซูเท่านั้น
(ฮีบรู 9:11-15) พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และทรงเป็นมนุษย์ ไม่มีใครมีลักษณะเช่นนี้เลยในจักรวาล ( โรม 8:34)
เรามีพระเจ้าองค์เดียวคือพระบิดา มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวคือพระเยซู (1 โครินธ์ 8:6)

เรื่องของชาย หญิง ในคริสตจักร

และเพราะเหตุนี้ ข้าจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศ และเป็นอัครทูต (ข้าพูดความจริง ไม่โกหก) ข้าเป็นครูสอนความเชื่อแท้จริงแก่บรรดาคนต่างชาติ ดังนั้น ข้าอยากให้ผู้ชายทุกแห่ง ได้ชูมืออันบริสุทธิ์อธิษฐาน โดยไม่โกรธขึ้งหรือโต้เถียงกัน
1 ทิโมธี 2:7-8

เอเฟซัส 3:7-8, 1 ทิโมธี 1:11, 2 ทิโมธี 1:11,

การรับแต่งตั้งเป็นผู้ประกาศข่าวดีของเปาโลนี้ มีการ ยืนยันหลายที่ เอเฟซัส 3:7-8 กาลาเทีย 1:15
ส่วนผู้ชายในที่นี้ หมายถึงผู้นำในการนมัสการ การยกมือขึ้นอธิษฐานเป็นแบบของคนยิว พวกเขาจะต้องมีชีวิต ที่สะอาด และท่านห้ามไม่ให้ พวกเขาโกรธกัน เถียงกัน สงสัยว่า นิสัยใจคอของคนที่นั่นคงจะเลือดร้อนกันไม่น้อย

ส่วนผู้หญิง ข้าขอให้แต่งกาย
สุภาพเรียบร้อย เหมาะสม
ไม่ใช่ถักผมประดับทอง ไข่มุก หรือสวมเสื้อผ้าราคาแพงแต่ประดับตัวด้วยการทำความดี ซึ่งเหมาะกับผู้หญิงที่ประกาศตัวว่าเป็นคนอยู่ในทางของพระเจ้า

1ทิโมธี 2:9-10

1 เปโตร 3:3-4

ท่านเปาโลขอให้สตรีแต่งกายแบบที่บ่งบอก จิตใจที่อ่อนสุภาพ ถ่อมตน การที่เพื่อไม่ให้ดึงสายตา ของผู้คนเมื่อเข้ามานมัสการพระเจ้า ดูเหมือนพระคำข้อนี้จะแตกต่างจากที่เราเห็นกันในคริสตจักรทุกวันนี้

ให้ผู้หญิงเรียนรู้เงียบ ๆ ยอมเชื่อฟัง ข้าไม่อนุญาตให้ผู้หญิงสั่งสอน หรือมีอำนาจเหนือผู้ชาย แต่ให้นิ่งสงบ
1 ทิโมธี 2:11-12

(โคโลสี 3:11) อธิบายเพิ่มเติม 1 ทิโมธี 2:11-12 ,1 โครินธ์ 14:34, ทิตัส 2:5

ที่ท่านเปาโลกล่าวอย่างนี้เพราะในช่วงเวลานั้นมีปัญหาในคริสตจักรเอเฟซัส คือมีกลุ่มผู้หญิงที่เข้ามาแล้วสอนเท็จในคริสตจักร ดังนั้นการที่ขอให้ผู้หญิงนิ่งและฟังคำสอนจึงน่าจะเป็นเรื่องเฉพาะของคริสตจักรที่ทิโมธีทำงานอยู่โดยตรง
ท่านเปาโล มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงที่เป็นผู้เชื่อ อย่างเช่นนางนุมฟาที่มีคริสตจักรในบ้าน (โคโลสี 4:15)เฟบี ที่เป็นผู้ดูแลงานในคริสตจักร​(โรม 16:1-2)
และท่านเองก็ใส่ใจเรื่องความเท่าเทียมกันด้วย

ด้วยว่า พระเจ้าทรงสร้างอาดัม ก่อนเอวา และอาดัมไม่ได้ถูกหลอกล่อ ผู้หญิงต่างหากที่ถูกหลอกล่อและได้ทำบาป แต่ผู้หญิงจะรอดได้ ด้วยการคลอดบุตร หากว่าเธอยังดำรงในความเชื่อ ความรัก ความบริสุทธิ์ การควบคุมตนเอง
1 ทิโมธี 2:13-15

1 โครินธ์ 11:8-9, ปฐมกาล 2:18,22, 27, 3:12-13, ทิตัส 2:12

คนที่พ่ายแพ้ต่อการล่อหลอกของมารคือเอวาจากนั้นเธอก็ทำบาปและชักชวนอาดัมให้ทำตาม และนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าจะเชื่อมโยงกับการสอนผิด เป็นไปได้ไหมที่เมื่อมีการสอนผิด พวกผู้หญิงในคริสตจักรเอเฟซัส ก็พากันคล้อยตามไปง่าย ๆ