กิจการ 21 เยรูซาเล็ม … ไปหรือไม่ไปดี?

คำเตือนระหว่างทาง

เยี่ยมยากอบ

เปาโลถูกจับในพระวิหาร

คุยกับประชาชนให้เข้าใจ

อธิบายเพิ่มเติม

คำเตือนระหว่างทาง
กิจการ 21:1-3
เราทราบจากกิจการ 20: 4 ว่าเพื่อนเดินทางของเปาโลในครั้งนี้คือ ทิโมธี ลูกา และคนอื่น ๆ โดยพวกเขาเดินทางจาก มิเลทัส (ตุรกีตะวันตกเฉียงใต้) ไปยังฝั่งฟินิเชีย เป้าหมายคือเมืองไทระที่พวกเขาตั้งใจจะเยี่ยมพี่น้องที่นั่น
กิจการ 21:4-6
เปาโลและทุกคนได้พบพี่น้องในเมืองไทระจริง และมีบางคนเตือนว่า ไม่ให้ไปเยรูซาเล็มเพราะจะถูกจับกุมตัว พวกเขาพยายามที่จะให้เปาโลเปลี่ยนใจ แต่ไม่ได้ผล เพราะวันที่เจ็ดพวกเขาก็ออกเดินทางต่อตามที่ตั้งใจไว้
เปาโลเชื่อว่าพระเจ้าทรงนำให้เขาไปเยรูซาเล็ม แต่พี่น้องเห็นจากพระเจ้าอีกมุมคือ เปาโลจะถูกจำจอง
ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความรู้นี้มาจากพระเจ้า แต่ทำไมเปาโลไม่ฟังเพื่อนที่มาห้ามไว้ เราอาจตั้งคำถามว่าเปาโลควรฟังใครกัน …
กิจการ 21:7-11
เดินทางผ่านเมืองใด ก็จะไปเยี่ยมพี่น้องเมืองนั้น และในบ้านของฟีลิป ก็พบลูกสาวที่เป็นผู้กล่าวพระคำของพระเจ้าสี่คน ซึ่งทำให้เราเห็นว่า ผู้หญิงก็ได้ทำงานรับใช้พระเจ้าเช่นกัน จำได้ไหม ฟีลิปเป็นคนที่ประกาศพระนามพระเจ้าอย่างแข็งขันในกิจการบทที่ 8
มาถึงบ้านนี้ก็มีคนมาเตือนอีกแล้วว่า อย่าไปเยรูซาเล็มเลย .. และอากาบัสก็แสดงให้เห็นราวกับเป็นการแสดงละครสดเลยว่า เปาโลจะเจออะไร .. ดูน่ากลัว น่ากังวลมาก
กิจการ 21:12-16
แต่เปาโลไม่ได้กลัวสักนิด เพราะใจเปาโลนั้นพร้อมตายเพื่อพระเจ้า แต่ขอให้ได้ทำอะไรที่เกิดประโยชน์แล้วกัน การที่มีคนมาเตือนเช่นนี้ อาจเป็นการลองใจของพระเจ้าก็เป็นได้ … ว่าเปาโลจะตัดสินใจอย่างไร แล้วที่สุด ทุกคนในคณะของเปาโลก็เดินทางไปเยรูซาเล็มจริง

เยี่ยมยากอบ
กิจการ 21:17-20ก
เราจะเห็นว่า ในเยรูซาเล็มมีโครงสร้างของผู้นำอยู่อย่างชัดเจน และเปาโลเองก็ยอมรับโครงสร้างนั้น เขาได้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในการประกาศที่ผ่านมา พบว่า พระเจ้าทรงทำการยิ่งใหญ่ในหมู่คนต่างชาติ เราจะเห็นว่าพี่น้องชาวยิวก็ดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย ในกิจการบทที่ 15 เราจะเห็นว่ามีการปรับความเข้าใจระหว่างพี่น้องชาวยิวและชาวต่างชาติที่เชื่อให้เหมาะสม
กิจการ 21:20ข-22
เปาโลมาพบข่าวลือว่า เปาโลสอนให้ผู้เชื่อต่างชาติต่อต้านพิธีของยิว ดังนั้น ยากอบซึ่งเป็นน้องชายของพระเยซูรวม ทั้งผู้อาวุโสในเยรูซาเล็มได้ขอให้เปาโลพิสูจน์ว่าเขาเป็นยิวแท้ด้วยการช่วยให้คนกลุ่มหนึ่งได้ทำตามคำปฏิญาณตนแบบพวกนาซารีน (กันดารวิถี 6:1-21)
กิจการ 21:23-25ก
เปาโลตกลงที่จะทำตามที่พวกเขาขอร้อง คือทำตามธรรมเนียมยิวด้วย จะเห็นว่า การทำตามธรรมเนียมที่ไม่ได้ผิด แต่กลับกลายเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่น้อง เป็นการทำตามสิ่งที่ท่านกล่าวในเอเฟซัส 4:1-2 ,13
กิจการ 21:25ข-26
การยินยอมของเปาโลเท่ากับทำให้คนเหล่านั้นไว้ใจเปาโล และไม่คิดจะเชื่อข่าวลือต่อไป พี่น้องในเยรูซาเล็มเข้าใจท่าที ทัศนคติจริงของท่านที่มีต่อความเชื่อในพระเจ้า


เปาโลถูกจับในพระวิหาร
กิจการ 21:27-29
พอดีเปาโลไปไหนต่อไหนกับโตรฟีมัสซึ่งเป็นชาวเมืองเอเฟซัส ทำให้คนยิวได้กระพือข่าวเพราะคิดเอาเองว่า เขาเอาคนต่างชาติเข้าไปในพระวิหาร ทำให้พระวิหารเป็นมลทิน โตรฟีมัสเป็นคนหนึ่งที่มากับทีมเปาโลที่เอาเงินถวายมาส่ง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเยรูซาเล็ม
กิจการ 21:30-31
ดังนั้นวันที่เปาโลไปพระวิหาร และกำลังออกมา พวกเขาก็คิดว่านี่ไง มาแล้ว เอาคนต่างชาติเข้าไปในวิหารได้อย่างไร พวกเขาจับเปาโลและรุมทำร้ายเขา ดีที่มีคนไปแจ้งข่าวให้ทหารโรมที่รับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อยทันทีเหมือนกัน เขาจึงสั่งคนให้ไปยังพื้นที่ทันที!
กิจการ 21:32-34ก
พวกเขาหยุดทำร้ายเปาโลเมื่อเห็นทหารเข้ามา เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะมีคนตอบคำถามคนละเรื่องกัน ขัดแย้งไปหมด
กิจการ 21:34ข-35
ถึงแม้กลุ่มชนเหล่านี้ต้องการลงประชาทัณฑ์เขา แต่เปาโลก็ยังอยากที่จะประกาศพระนามในช่วงที่ผู้คนกำลังเร่าร้อน อยากให้เขาตาย เราจะเห็นว่า กลุ่มผู้นำศาสนานี้ เป็นตัวดีที่คอยทำให้ประชาชนทำผิดตามคำสั่งของพวกเขา

คุยกับประชาชนให้เข้าใจ
กิจการ 21:37-39
ตอนแรกนายทหารเข้าใจว่าเปาโลเป็นคนอียิปต์ที่เป็นคนร้าย แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เปาโลไม่ใช่คนนั้น (คนนั้นได้ปลุกระดมคนมากมายไปที่ภูเขามะกอกเทศ และได้อ้างว่าเขาจะทำให้โรมล่มไป จึงมีคำสั่งจากโรมให้กำจัดเหล่ากบฎซึ่งโรมก็ได้สังหารผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก แต่หัวโจกหนีไปได้ พวกนี้มักจะปะปนอยู่กับคนยิวและพยายามฆ่ายิวที่เข้าข้างโรม
และเวลานี้เองเปาโลก็ขออนุญาตพูดกับประชาชน …
กิจการ 21:40-22:3
แล้วเขาก็ได้รับอนุญาตอย่างไม่คาดฝัน นี่เป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นที่เราไม่ค่อยได้เห็น ยิ่งต่อหน้าประชาชนที่กำลังโกรธแบบนี้ เปาโลน่าจะรีบเข้าไปในกองทหารก่อนเพื่อความปลอดภัย เขากลับได้มีโอกาสพูดกับประชาชนเป็นภาษาฮีบรู ทำให้ผู้คนที่เข้าใจผิดเหล่านั้นได้นิ่งฟังเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เปาโลจะได้กล่าวคำชี้แจงเรื่องชีวิตที่มาพบพระเจ้า

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 เธสะโลนิกา 2:17
2* กิจการ 27:6; 15:3
3* กิจการ 21:16’ 12:20
4* กิจการ 21:10-12
5* กิจการ 20:36,38
8* กิจการ 8:40; 21:16;
เอเฟซัส 4:11; กิจการ 6:5
9* โยเอล 2:28
10* กิจการ 11:28
11* กิจการ 20:23; 21:33; 22:25

13* กิจการ 20:24, 37
14* ลูกา 11:2; 22:42
17* กิจการ 15:4
18* กาลาเทีย 1:19; 2:9
19* โรม 15:18, 19;
กิจการ 14:27; 1:17; 20:24
20* กิจการ 15:1; 22:3
24* กิจการ 18:18
25* กิจการ 15:19,20,29
26* กิจการ 21:24; 24:18;
กันดารวิถี 6:13

27* กิจการ 20:19; 24:18; 26:21
28* กิจการ 6:13; 24:26
29* กิจการ 20:4
30* กิจการ 16:19; 26:21
31* 2 โครินธ์ 11:23
32* กิจการ 23:27; 24:7
33* กิจการ 24:7; 20:23; 21:11
36* ยอห์น 19:15
38* กิจการ 5:36
39* กิจการ 9:11; 22:3
40* กิจการ 12:17; 22:2

กิจการ 19 การต่อสู้ที่แปลกออกไป

เปาโลในเมืองเอเฟซัส

การอัศจรรย์ที่ทำให้หมอผีเปลี่ยนชีวิต

ความวุ่นวายจากกลุ่มนายช่าง

คำอธิบายเพิ่มเติม

เปาโลในเมืองเอเฟซัส
กิจการ 19:1-3
นี่เป็นการเดินทางออกไปประกาศเยี่ยมเยี่ยนครั้งที่สาม ของเปาโล และบทนี้เราได้รู้ว่า เปาโลได้อยู่ในเอเฟซัสประมาณสามปั เป็นความสุข ที่ได้กลับมายังเอเฟซัสอีก และเมื่อพบพี่น้องก็รู้สึกว่าต้องคุยกันเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพี่น้องเอเฟซัสก็ไม่เคยรู้จักเลย ซึ่งคล้ายกับอปอลโลแรก ๆ ที่รู้เรื่องของพระเจ้าแต่ยังรู้ไม่ครบถ้วน
กิจการ 19:4-7
พี่น้องเหล่านี้ฟังคำของท่าน ฟังความหมายของบัพติศมาของยอห์น และของพระเยซูว่าแตกต่างกันอย่างไร
พวกเขาจึงได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพูดภาษาต่าง ๆ มีการเผยพระคำด้วย เหมือนกับวันแรกที่พระวิญญาณทรงเติมเต็มเหล่าคนที่รอคอยพระองค์ในเยรูซาเล็ม (กิจการ 2)
กิจการ 19:8-10
ยิวที่เกลียดชังเรื่องที่เปาโลพยายามจะอธิบายให้เข้าใจก็ใช้วิธีเดิม คือ การให้ร้ายความจริง วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันมาแต่โบราณจนกระทั่งวันนี้ เวลานี้ มีคำ ๆ หนึ่งบอกว่า การโฆษณาชวนเชื่อสามารถเปลี่ยนประเทศได้ ซึ่งเป็นความจริง เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการโหมพูดสิ่งที่ต้องการซำ้แล้วซำ้เล่าจนคนได้ยินบ่อยก็เชื่อว่าเป็นจริง
เปาโลจึงแก้ไขโดยการออกไปคุยเรื่องของพระเจ้าในห้องใหญ่ของทีรัสนัส และได้ใช้ที่นั่นนานถึงสองปี ทำให้คนชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในเมือง ที่ไม่เคยเข้าไปในศาลาธรรมได้ยินเรื่องของพระเยซูด้วย

การอัศจรรย์ที่ทำให้หมอผีเปลี่ยนชีวิต
กิจการ 19:11-12
การอัศจรรย์นี้มีความหมายถึงอำนาจ ฤทธิ์เดชซึ่งมาจากคำกรีกว่า ไดนามิส การอัศจรรย์จากเปาโลเป็นการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านตัวเขา ทำแบบวิเศษมากคือ ตรงเป้าหมาย ซึ่งไม่ได้เกิดจากการวางมือเสียด้วยซ้ำ ในเมืองอื่น ๆ เราไม่ค่อยเห็นการอัศจรรย์แบบนี้ แต่สำหรับเอเฟซัสเป็นสิ่งที่เหมาะมากเพราะพวกเขาเชื่อในเรื่องอำนาจผีไม่น้อย ดูจากจดหมายของเปาโลที่เขียนมายังพี่น้องในเอเฟซัส โดยมีการอ้างถึงวิญญาณต่าง ๆ หลายครั้ง การอัศจรรย์เหล่านี้ทำให้รู้ว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าวิญญาณที่พวกเขาเชื่อถือ
กิจการ 19:13-14
และแล้ว ก็เกิดการเลียนแบบขึ้น มียิวหัวใสคิดทำตามเปาโล ทำตัวเป็นหมอผีเพื่อจะได้เงินจากครอบครัวของคนที่ถูกผีสิง แม้กระทั่งลูกชายของเสวาหัวหน้าปุโรหิตยังเลียนแบบด้วย พวกเขาช่างกล้าที่จะเอาพระนามของพระเยซูมาหาเงิน เป็นความกล้าทางมืดที่ไม่ได้หมดไปจากโลกนี้ แม้กระทั่งในหมู่ผู้เชื่อที่ไม่ค่อยเข้าใจพระคัมภีร์ หรือแค่เชื่อเผิน ก็จะโดนคนที่ไวในการหาประโยชน์เข้าตัวปอกลอกด้วยวิธีการแบบนี้ (ยิ่งในอเมริกา และในอัฟริกา จะพบสิบแปดมงกุฎสายนี้ไม่น้อย)
กิจการ 19:15-16
ที่เปาโลช่วยรักษาโรคและไล่ผีออกในพระนามพระเยซูได้ ก็เพราะพระเจ้าทรงสัญญาจะให้อำนาจนี้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ที่ออกไปในพระนาม (พระมหาบัญชาระบุชัดเจน ดูมัทธิว 28:18-20)
แต่เรื่องนี้ลูกชายของเสวาไม่ได้รู้ด้วย พวกเขาคิดว่า ใช้พระนามพระเยซู ก็เหมือนใช้มนต์ของหมอผี พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้าให้ทำอย่างนั้น พวกเขาเองไม่รู้จักพระองค์เสียด้วยซ้ำ
ที่ผีมารต้องออกจากคนที่มันสิงอยู่เวลาเปาโลไล่มันออกไป เพราะเปาโลมีอำนาจของพระเยซูอยู่ มันรู้ว่าพระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า เรื่องนี้ ผีทุกตัวรู้ดี (ดูมาระโก 3:11-12, 5:7)
“พระเยซูข้ารู้จัก เปาโลข้าเคยได้ยิน แต่พวกเจ้าเป็นใคร?” นี่เป็นคำถามของผี จริง ๆ มันไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นใคร กลุ่มวิญญาณชั่วที่สิงในคนรู้ว่าลูกชายเสวาเป็นของปลอม มันเลยใช้ให้คนที่ถูกสิง กระโจนใส่ ทำร้ายพวกเขาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน
กิจการ 19:17-18
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นที่ฮือฮาในหมู่คนยิว กรีก พวกเขาแปลกใจที่ผีเองยังรู้จักพระเยซู และจัดการกับตัวปลอมได้ ในขณะที่คนชาวโรมันชอบรูปเคารพและพระต่าง ๆ แต่คนยิวบางส่วนกลับสนใจเรื่องฝ่ายวิญญาณเพื่อที่จะหาเงินเข้ากระเป๋า มีอาชีพเป็นหมอผี และเมื่อเห็นว่า แค่ผ้าที่เคยแตะต้องตัวเปาโลมายังมีฤทธิ์ขนาดนั้น พวกเขาจึงสวมรอยใช้พระนามของพระเจ้าในทางที่ผิด เหมือนอย่างลูกชายของเสวา
เรื่องนี้ทำให้หมอผีจำนวนหนึ่งที่มีปัญญา ต้องมาจำนนต่อฤทธิ์เดชจริงของพระเจ้า
กิจการ 19:19-20
ไม่ใช่แค่กลับใจเท่านั้น แต่ยังเผาตำราแพง ๆ ทั้งหมดด้วย ทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงเปิดตาพวกเขาให้เห็นความจริงและยอมรับว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่ ถ้าไม่เห็นจริง คงไม่เผาสิ่งที่ช่วยให้ทำมาหากินคล่อง ๆ แบบนี้
เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อทำให้พระคำของพระเจ้าขยายออกไปอีก มีฤทธิ์มากขึ้นอีกในเมืองเอเฟซัสและรอบ ๆ
นี่เป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า หากยังมีสิ่งใดที่ทำให้เราไม่บริสุทธิ์ในสายพระเนตร เราต้องทำลายมันทิ้งเสีย
กิจการ 19:21-23
การที่ได้เกิดผลในเอเฟซัส ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ที่นั่นตลอดไป เปาโลมีความหวังว่าจะเยี่ยมพี่น้องคริสเตียนที่อยู่ในโรมด้วย เป็นคริสเตียนที่เชื่อด้วยการประกาศของพี่น้องท่านอื่น ๆ ด้วยการทรงนำของพระวิญญาณ เปาโลจึงเดินทางผ่านไปยังมาซิโดเนีย อาคายา โดยให้ทิโมธีกับเอรัสทัสไปล่วงหน้าก่อน แต่แล้ว ยังไม่ทันไรก็เกิดความวุ่นวายขึ้น …

ความวุ่นวายจากกลุ่มนายช่าง

กิจการ 19:24-25
นั่นคือช่างเงินที่ทำรูปเคารพเกิดรู้ตัวขึ้นมา โดยมีเดเมตริอัสเป็นหัวหน้าแกนนำ โดยเรียกช่างทองมาเพื่อแจ้งให้รู้ว่า “ทางนั้น” คือความเชื่อในพระเยซูเป็นภัยต่ออาชีพของพวกเขา
อาชีพของพวกเขาคือการทำรูปหล่อวิหารอารเทมิสที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในโลกโบราณ ใคร ๆ ก็เห็นว่าเทพีนี้ให้ความอุดมสมบูรณ์กับชีวิต ช่างเงินเหล่านี้กำลังอยู่ช่วงขาขึ้น กำลังโกยเงินทองมากมายจากการขายรูปหล่อเล็ก ๆ ให้คนเอาไปไว้บูชาตามบ้าน
ที่แปลกคือ วิหารอารเทมิสเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งที่มหัศจรรย์ของโลกโบราณด้วย
กิจการ 19:26-27
เหตุผลของ เดเม-ตริอัส ช่างน่าเชื่อถือสำหรับช่างเงินทั้งหลายที่มารวมตัวกัน พวกเขาเห็นด้วยกับเดเม-ตริอัส ในเมื่อพวกเขาขายของเหล่านี้ หากคนไปเชื่อ “ทางนั้น” ก็เท่ากับธุรกิจต้องล่มสลาย. แปลกที่คนเชื่อพระเยซู ไม่ได้มาขอให้พวกเขาสร้างรูปเคารพของพระเยซูเลย คนเชื่อพระเยซูนมัสการพระเจ้าที่มองไม่เห็น ทั้งร้องเพลงด้วยกัน อธิษฐานด้วยกัน แต่ไม่มีรูปเคารพสักรูป!
กิจการ 19:28-29
พอคนเริ่มไม่พอใจก็เริ่มจากเพื่อนร่วมงานของเปาโล คือ กายอัส และอาริสทาคัส เอาเข้าไปสำเร็จโทษในโรงละครซึ่งเป็นโรงใหญ่จุคนได้ประมาณ สองหมื่นสี่พันคน เป็นที่ ๆ ชาวเมืองจะพบกันเพื่อดูละคร และถกเถียงกันในเรื่องต่าง ๆ
กิจการ 19:30-32
เปาโลไม่ได้กลัวเลย แต่จะเข้าไปช่วยเพื่อน แต่..หัวเด็ดตีนขาด ไม่มีใครยอมให้เปาโลมีส่วนตรงนี้ พวกเขาคงต้องลากเปาโลออกไป เพราะเรื่องแบบนี้ เปาโลถนัดมาก!! ขณะนั้นเองคนก็เริ่มงุนงงว่า มาทำอะไรกันอยู่ เนื่องจากต่างคนต่างตะโกน ไม่เป็นเรื่อง
กิจการ 19:33-34
พวกยิวต้องการให้คนรู้ว่า ยิวกับเปาโลไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน แต่.. ช่างเงินช่างทองถือว่าถ้าเป็นยิวก็เป็นพวกเปาโลแน่นอน อเล็กซานเดอร์จึงไม่มีโอกาสจะพูดเลย
กิจการ 19:35-37
ผู้ว่าการเมืองเป็นคนเก่ง สามารถที่ทำให้คนที่กำลังโกรธสงบลงได้ ผู้ว่าจะไม่ยอมให้พวกเขาก่อจลาจลเพราะเดี๋ยวโรมจะเข้ามาคุมเข้มมากขึ้น ทำให้เขาทำงานไม่สะดวก จะกลายเป็นว่า โรมส่งคนมาควบคุมพวกเขาเอง อย่างนี้ ผู้ว่าก็รับไม่ได้เหมือนกัน
กิจการ 19:38-41
ใครมีเรื่องกับใคร ก็ไปฟ้องศาล อย่ามาทำให้บ้านเมืองต้องจลาจลอย่างนี้ ท่านให้ทุกคนเลิกชุมนุมได้
คนที่เข้ามาชุมนุมกันตอนนี้ก็เหนื่อยอ่อนไปตาม ๆ กัน ยังไม่ได้พักกันเลย เคยอยู่ทำงานไปกลับมาต้องโห่ร้องตะโกนสองชั่วโมง พวกเขาก็ฟังเหตุผลของผู้ว่าด้วย เป็นอันว่าเลิกรากันไป

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 โครินธ์ 1:12; 3:5-6; กิจการ 18:23
2* 1 ซามูเอล 3:7
3* กิจการ 18:25
4* มัทธิว 3:11
5* กิจการ 8:12, 16; 10:48
6* กิจการ 6:6; 8:17; 2:4; 10:46
8* กิจการ 17:2; 18:4; 1:3; 28:23
9* 2 ทิโมธี 1:15; กิจการ 9:2; 19:23; 22:4; 24:14

10* กิจการ 19:8; 20:31
11* มาระโก 16:20
12* กิจการ 5:15
13* มัทธิว 12:27; มาระโก 9:38; 1โครินธ์ 1:23; 2:2
17* ลูกา 1:65; 7:16
18* มัทธิว 3:6
20* กิจการ 6:7; 12:24

21* โรม 15:25; กิจการ 20:22; 20* โรม 1:13; 15:22-29
22* 1 ทิโมธี 1:2; โรม 16:23
23* 2 โครินธ์ 1:8; กิจการ 9:2
24* กิจการ 16:16, 19
26* อิสยาห์ 44:10-20
29* โรม 16:23; โคโลสี 4:10
33* 2 ทิโมธี 4:14; กิจการ 12:17

กิจการ 16 แลกมาด้วยความยินดี

เปาโล สิลาส กับทิโมธีน้องใหม่

นิมิตเรื่องชาวมาซิโดเนีย

บาดแผลที่นำชีวิตใหม่

เปาโล สิลาส กับทิโมธีน้องใหม่
กิจการ 16:1-3
จำได้ไหมที่เมืองลิสตรา เปาโลเคยถูกหินขว้าง ถูกลากออกมาจากเมือง เปาโลไม่ได้กลัวว่าจะถูกขว้างอีกหรือไม่ และที่นั่นได้พบกับชายคนหนึ่งที่เป็นลูกครึ่งกรีกยิว และดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่รับใช้พระเจ้าได้ แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโลกแตกของยิวในเรื่องสุหนัต ท่านจึงขอให้ทิโมธีเข้าสุหนัตเสีย เป็นการตัดไฟต้นลม
เพราะทิโมธีจะต้องเป็นผู้นำต่อไป จะได้ไม่มีเรื่องแบบนี้ทำให้คนสับสนอีก คือจริง ๆ ไม่ทำสุหนัตก็ไม่ผิด แต่การป้องกันแบบนี้ก็ไม่ผิดเช่นกัน
ทิโมธี ชื่อของเขาแปลว่า คนที่ให้เกียรติพระเจ้า … และต่อมาเราจะเห็นว่าทิโมธีเป็นผู้รับใช้ร่วมกับเปาโลที่มีความคิดเดียวใจเดียวกัน ดูฟิลิปปี……… 2 ทิโมธี 1:5 เขาเป็นลูกหลานคริสเตียน มีการเลี้ยงดูมาในทางของพระเจ้าเป็นอย่างดี
กิจการ 16:4-5
ต่อมาทั้งเปาโล สิลาสและทิโมธีก็ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียน หนุนใจ สั่งสอนพี่น้อง โดยที่ท่านได้รับรองการตัดสินใจของผู้ปกครองในกรุงเยรูซาเล็ม (ในเรื่องความเชื่อของพี่น้องต่างชาติที่ไม่ต้องมารักษากฎบัญญัติของโมเสส)
คริสตจักรได้เชื่อฟังสิ่งที่บอก และพวกเขาเข้มแข็งขึ้น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีคนเข้ามาพบพระเจ้า และเปลี่ยนชีวิตมากขึ้นทุกวัน

นิมิตเรื่องชาวมาซิโดเนีย
กิจการ 16:6-8
แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำพวกเขาไม่ให้ประกาศในแคว้นเอเชียอีกต่อไป
จึงเดินทางไปยังฟรีเจีย กาลาเทีย ..​พวกเขาเดินทางต่อไปมิเซีย และอยากไปต่อบิธิเนียด้านเหนือของแคว้นกาลาเทีย แต่พระเจ้าทรงห้ามเอาไว้ เปาโลกระวนกระวายว่านี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาอยากที่จะไปให้ทั่ว ๆ ประกาศให้ทุกเมืองในแถบนั้น
กิจการ 16:9-10
แล้วคืนหนึ่งที่เมืองโตรอัส เปาโลก็เห็นนิมิตว่ามีชายคนหนึ่งขอร้องให้ไปมาซิโดเนียซึ่งต้องข้ามทะเลไปทางตะวันตก พระเจ้าทรงปิดทางหลาย ๆ ทางเพื่อให้ทั้งสามมุ่งหน้าไปอีกที่ ซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้ เมื่อเข้าใจแบบนี้ เปาโลก็ไม่สงสัยอะไรอีก ทั้งสามเห็นพ้องต้องกัน
เมืองโตรอัสเป็นเมืองหน้าด่านของเอเชีย ที่ใกล้ชิดยุโรปมาก
กิจการ 16:11-13
นี่เป็นครั้งแรกที่พระกิตติคุณเข้าไปปลูกและเกิดผลในชายแดนยุโรป และเขาไปถึงเมืองเนอาโปลิส และไปต่อยังเมืองฟีลิปปี
แน่นอนที่เปาโลต้องการเข้าไปศาลาธรรม แต่ดูเหมือนไม่มีศาลาธรรมยิวในเมืองนั้น (เป็นธรรมเนียมในเมืองต่างชาติว่า จะต้องมีชายยิว 10 คนขึ้นไปจึงจะสร้างศาลาธรรมขึ้นมา) ที่เมืองนั้นพวกเขาไปนอกเมืองริมน้ำ ได้เจอพวกผู้หญิงที่มาชุมนุมกัน คนยิวที่อยู่ต่างประเทศมักจะออกไปอธิษฐานกับพระเจ้าริมน้ำ เหมือนในสดุดี 137:1
เอ.. ในนิมิตเห็นผู้ชาย แต่กลับมาเจอผู้หญิงที่มาชุมนุมกันอยู่ ทั้งสามต้องการไปอธิษฐานแต่กลับเจอโอกาสที่จะพูดเรื่องพระเยซู.. แม้โลกโบราณจะเป็นโลกที่ชายเป็นใหญ่ แต่เปาโลรู้อยู่แล้วว่า ในพระเจ้าทุกคนเท่ากัน ไม่มีกรีก ยิว ชายหรือหญิงที่จะโดดเด่นในสายพระเนตรของพระเจ้า
กิจการ 16:14-15
ลิเดียเป็นนักธุรกิจหญิงขายผ้าสีม่วง (เป็นผ้าที่บอกให้รู้ว่า ขายให้กับคนชั้นสูงของอาณาจักรโรม) ที่มาจากเมืองทิยาธิรา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ เธอมาพร้อมกับคนในครอบครัวด้วย และพระเจ้าทรงเปิดใจของเธอ… ตรงนี้สำคัญ.. เปาโลกล่าวพระคำ ลิเดียตั้งใจฟัง และพระเจ้าทรงเปิดใจ เธอรับเชื่อและรับบัพติศมาริมน้ำนั้นทันที แล้วยังต้อนรับผู้รับใช้ของพระเจ้าให้พักที่บ้านด้วย โดยใช้คำที่สุภาพ น่าฟัง เธอวิงวอนจนขัดไม่ได้ นี่หมายความว่า เปาโล สิลาส ทิโมธีมีที่พักพร้อมที่จะออกประกาศต่อไปในเมืองนี้
คนแรกที่รับเชื่อพระเจ้าในฟีลิปปี จึงเป็นสตรีที่มีครอบครัวใหญ่.. ขอบคุณพระเจ้า
น่าสนใจว่า ลิเดีย เป็นคนที่ทำงานกับชนชั้นสูง และเธอเองมีบ้านของตนเอง เธอไม่ใช่ทาส แต่เป็นบ้านที่มีที่ทางพอที่จะรับแขกได้ด้วย
กิจการ 16:16-18
แล้วในวันหนึ่ง ทั้งสามเดินไปยังที่อธิษฐาน ก็ได้เจอกับทาสหญิงของกลุ่มหมอดู พวกหมอดูใช้เธอทำนายอนาคต และก็เก็บเงินจากผู้คน เธอรบกวนพวกเขาด้วยการพูดความจริง แต่เป็นความจริงที่ทำให้พวกเขาดูเหมือนเป็นพวกเดียวกับหมอดู ทำราวกับว่าซาตานช่วยโฆษณา ประกาศงานของพระเจ้าแทน นี่เป็นการพูดเรื่องพระเจ้าด้วยวิญญาณที่ต่อต้านพระองค์
กิจการ 16:18b-19
ก็ทนกันมาหลายวันจนกระทั่งเปาโลไม่ทนอีกต่อไป เปาโลหันไปไล่ผีออกจากเธอ และมันก็ออกทันที ไม่มีการต่อต้านใด ๆ ทำให้นางทาสผู้นี้กลายเป็นคนปกติ เราไม่ทราบว่า เธอได้มาเชื่อพระเจ้าหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือ ไม่ได้มีฤทธิ์เหมือนเคย ไม่สามารถทำนายทายทักได้อย่างที่นายเคยใช้
ดังนั้น จะต้องกำจัดคนที่ทำให้ขาดรายได้! พวกเขาลากตัวเปาโลกับสิลาสออกมาที่ตลาด ให้ผู้นำของเมืองและชาวเมือง ได้เห็นว่า สองคนนี้เป็นตัวอันตราย

บาดแผลที่นำชีวิตใหม่
กิจการ 16:20-22
จากนั้นก็นำไปยังเจ้าหน้าที่ ฟ้องว่าทั้งสองเป็นยิวมาก่อความวุ่นวายในเมือง โดยที่มาชักชวนคนโรมให้นับถือ และรับธรรมเนียมที่ผิดกฎของโรม ซึ่งเป็นคำฟ้องเท็จ พอประชาชนได้ยินอย่างนั้นก็เข้ามารุมทำร้ายทั้งสอง
ชาวเมืองทำร้ายไม่พอ เจ้าหน้าที่สั่งถอดเสื้อ สั่งโบย โบยด้วยความโกรธที่พวกเขาตัดทางทำมาหากิน
กิจการ 16:23-24
หลังจากที่ถูกโบยอย่างทารุณ ก็สั่งเข้าคุก ห้องชั้นใน ใส่ขื่อที่เท้า .. แต่ดูเหมือนทั้งสองยังไม่สลบ
กิจการ 16:25-26
ราวเที่ยงคืน เปาโลและสิลาสกำลังอธิษฐาน ทั้งสองไม่ได้กระซิบพึมพัม แต่ส่งเสียงดังพอควรในความมืด ในความเงียบของคุก .. นักโทษคนอื่น ๆ ก็ฟังทั้งสองเพลิน ๆ อยู่ แล้วก็เกิดแผ่นดินไหวทันทีทันใด รากคุกสะเทือน
บทเพลงยามค่ำคืน ในเวลาที่เจ็บปวด ขณะที่ถูกจับ ถูกขัง … ยังมีเพลงสรรเสริญพระเจ้าจากความมืดมนของชีวิต นี่เป็นบทเรียนสำหรับพวกเรายามที่ต้องเผชิญกับความจนมุมในชีวิตเรา
กิจการ 16:26b-28
ประตูที่ปิดแน่นหนา ก็เปิดออก โซ่ตรวนแตกหักเป็นชิ้น ๆ นี่เป็นโอกาสที่นักโทษจะหนีออกจากคุก! ใครจะไม่หนีบ้าง หากเป็นอย่างนี้? คนที่เป็นทุกข์มากที่สุดคือพัศดี ถ้านักโทษหนี เขานี่แหละจะต้องรับผิดชอบ รับโทษทุกอย่าง แต่เปาโลรีบห้ามไว้ทัน อย่าทำร้ายชีวิตตนเอง …​เปาโลทราบดีว่า นี่เป็นเวลาของความรอดของชีวิตพัศดีคนนี้
กิจการ 16:29-32.
พัศดีเข้าไปตรวจในคุก ตัวสั่นด้วยความกลัวยิ่งนัก เขาถึงกับทรุดตัวลงต่อหน้าเปาโลและสิลาส ถามถึงความรอดว่า ทำอย่างไรจึงจะรอดจากบาปได้?.. ดูเหมือนเขาได้ยินสิ่งที่เปาโลอธิษฐาน หรือได้ข่าวเรื่องที่ประกาศในเมืองแล้ว และรู้เหตุผลของการถูกจับ
และเปาโลก็ตอบชัดเจนทันควันว่า ขอให้เชื่อวางใจพระเยซูจะรอดทั้งครอบครัวด้วย นี่คือเงื่อนไขได้การรับความรอดโดยไม่มีว่าต้องทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ก่อน พระคุณของพระเยซูเท่านั้นที่ทำให้รอด
แล้วประกาศเรื่องราวของพระเยซูให้พัศดีพร้อมคนอื่น ๆ โดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองใด ๆ
กิจการ 16:33
แล้วพัศดีก็พาเปาโล สิลาสไปล้างแผล เสร็จแล้วยังไม่ทันเช้า
ภายในเวลาเที่ยงคืนถึงเช้าก็มีครอบครัวใหม่ในฟิลิปปีกลับใจมาเชื่อพระเจ้า รับบัพติศมาด้วย
สิ่งที่เปาโลกล่าวก่อนหน้านี้ว่าครอบครัวจะได้รับความรอด ก็เกิดขึ้นจริง!
กิจการ 16:34-35
เรียกได้ว่าเสร็จภายในครึ่งคืน เปาโลกับสิลาสได้ไปเยี่ยมกินอาหารที่บ้านพัศดีด้วย จากนั้นก็ต้องกลับไปขังอย่างเดิม เช้าตรู่ ด้วยเหตุผลได้ไม่ได้บันทึกไว้ เจ้าหน้าที่ส่งคำสั่งมาให้ปล่อยเปาโลกับสิลาสไป …
กิจการ 16:36-37
ผู้ว่ายอมให้เปาโลกับสิลาสออกจากคุกได้ แต่เปาโลไม่ยอม เพราะว่าพวกเขาเฆี่ยนทั้งสองโดยยังไม่สอบสวน แล้วจะมาให้ออกไปง่าย ๆ ไม่ให้ใครรู้ได้อย่างไร ในเมื่อตัวเปาโลเองเป็นชาวโรม! พวกเขาต้องพาออกไปให้ใคร ๆ ได้เห็นเช่นกัน
มีกฎหมายที่จะทำโทษคนชาวโรมโดยไม่ไต่สวนก่อนไม่ได้.. ดังนั้น เท่ากับผู้ว่าการทำพลาดไปแล้ว
กิจการ 16:38-40
ในที่สุดมีการเจรจากันระหว่างสองฝ่าย ฝ่ายเมืองขอให้เปาโลออกไป ซึ่งมีการตกลงกัน เปาโลกับสิลาสกลับไปลาลิเดีย พวกเขาหนุนใจลิเดียและครอบครัว …
เปาโล สิลาส ทิโมธี และลูกา (ซึ่งเป็นผู้เขียน) ได้เข้ามาในฟีลิปปี เกิดผล สร้างกลุ่มคริสเตียน และเดินทางต่อไป (ออกจากเมืองไปกันสองคนคือ เปาโลและสิลาส)

พระคำเชื่อมโยง

1*  โรม 16:21; ฟีลิปปี 2:19; 1 เธสะโลนิกา 3:2,6,  2 ทิโมธี 1:5
2*  ฮีบรู 11:2; กิจการ 13:51; 16:40;  2 ทิโมธี 3:11,15 
3* กาลาเทีย 2:3; 5:6; 1 โครินธ์ 9:20
4* กิจการ 15:28-29; 11:30; 15:2,28
5* กิจการ 2:47; 9:31;
6* กิจการ 2:9; 18:23; 1 เปโตร 1:1
7* กิจการ 8:29; โรม 8:9; กาลาเทีย 4:6; ฟีลิปปี 1:19; 1 เปโตร 1:11
8* กิจการ 16:11; 20:5-6; 2 โครินธ์ 2:12; 2 ทิโมธี 4:13
9* กิจการ 9:10; 20:1,3; โรม 15:26
10* 2 โครินธ์ 2:12-13; กิจการ 27:1-28-16
12* กิจการ 20:6; ฟีลิปปี 1:1; 1 เธสะโลนิกา 2:2
13* กิจการ 13:14; โคโลสี 1:23


14* ลูกา 24:45; กิจการ 18:7; วิวรณ์ 1:11; เอเฟซัส 1:17-18
15* ฮีบรู 13:2; ปฐมกาล 19:3; ลูกา 24:29; กิจการ 11:14
16* เลวีนิติ 19:31; เฉลยธรรมบัญญัติ 18:11; 1 ซามูเอล 28:3,7
17* ยอห์น 14:6; 1 เปโตร 2:16; มาระโก 5:7
18*   มาระโก 16:17; ลูกา 10:17-19
19* กิจการ 8:3; 17:6-8; 19:25-26; 21:30; ยากอบ 2:6
20* ยากอบ 4:4; โรม 12:2
21* เอสเธอร์ 3:8; กิจการ 16:12
22* 2 โครินธ์ 6:5; 11:25; 1 เธสะโลนิกา 2:2
24* โยบ 13:27; 33:11; เยเรมีย์ 20:2-3; 29:26
25* 1 เธสะโลนิกา 5:16-18; ยากอบ 1:2
26* 1; กิจการ 4:31; 5:19; 12:7,10

27* กิจการ 12:19
28* 1 เธสะโลนิกา 5:15; ลูกา 23:34
29* วิวรณ์ 3:9; กิจการ 24:25
30* กิจการ 2:37; 22:10; 16:7
31* กิจการ 2:38-39; ยอห์น 3:36
32* 1 ทิโมธี 1:13-16; 1 เธสะโลนิกา 2:8
33* 1 โครินธ์ 1:16; กิจการ 16:15; 16:25
34* โรม 15:13; กิจการ2:46; 1 ยอห์น 3:18
35* กิจการ 5:40; เยเรมีย์ 5:22
36* กิจการ 15:33; ยอห์น 14:27; กิจการ 16:27
37* กิจการ 22:25-29; มัทธิว 10:16
38* กิจการ 22:29; มัทธิว 21:46
39* มัทธิว 8:34; มาระโก 5:17; มีคาห์ 7:9-10
40* 1 เธสะโลนิกา 3:2-3; กิจการ 4:23

กิจการ 13 ส่งผู้ประกาศออกไป

พระวิญญาณทรงส่งออกไป

อุปสรรคที่จัดการได้

คำเทศนาต้นแบบ

คำอธิบายเพิ่มเติม

พระวิญญาณทรงส่งออกไป
กิจการ 13:1
ที่เมืองอันทิโอก หลังจากที่ไปช่วยการบรรเทาทุกข์ในเยรูซาเล็ม เซาโล บารนาบัสก็กลับมาพร้อมกับยอห์น มาระโก ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเยรูซาเล็มจะเป็นสถานีหลักที่นำพระกิตติคุณออกไป แต่หลังจากบทนี้เราจะเห็นว่า อันทิโอก กลายเป็นเหมือนสถานีอีกแห่ง ลูกาเล่าว่ามีทั้งผู้กล่าวพระคำ(เรียกทั่วไปว่าผู้เผยพระวจนะหรือผู้พยากรณ์) และครูอาจารย์ เป็นผู้นำอยู่ แต่เรามองดี ๆ จะเห็นว่า ท่านเหล่านี้ก็เป็นผู้ประกาศด้วยจะเห็นว่าทั้งห้าคนนี้ มีพื้นเพแตกต่างกันอย่างมาก บารนาบัส เป็นยิวที่ใครๆ รู้ว่าเป็นคนพร้อมที่จะหนะนใจ สิเมโอนชื่อเป็นยิว แต่น่าจะเป็นคนจากอัฟริกา ลูซิอัส เป็นชื่อลาตินมาจากเมืองไซรีน ทางเหนือของอัฟริกา ส่วนมานาเอน เป็นชื่อกรีก(ถ้ายิว ว่ามานาเคม) เป็นคนที่เติบโตมาพร้อมกับเฮโรด เป็นเพื่อนของลูกเจ้านาย
และสุดท้ายคือเซาโล ที่เรารู้จักดีว่า เป็นฟาริสีเคร่งสุดโต่ง ที่กลับใจมาเชื่อพระเจ้า
กิจการ 13:2-3
วันหนึ่งเมื่อเขากำลังอธิษฐานพร้อมกับอดอาหารอยู่นั้น พระวิญญาณของพระเจ้าก็ตรัสชัดเจนให้บารนาบัสกับเซาโลไปทำงานที่ทรงเรียกเฉพาะ เมื่อเราอ่านต่อไป.. พบว่างานนั้น คือการประกาศกับคนต่างชาติในพื้นที่ไกลออกไป การตรัสของพระเจ้าครั้งนี้ลูกาไม่ได้บอกว่าเป็นวิธีไหน .. อาจจะผ่านผู้เผยพระคำก็เป็นได้ และพี่น้องได้เชื่อฟังพระเจ้าทันที พวกเขาอธิษฐานวางมือ ส่งเขาออกไป นับได้ว่าเป็นการส่งผู้รับใช้ออกไปทำงานต่างบ้านต่างเมือง เป็นครั้งแรกโดยคริสตจักรที่เข้มแข็ง
กิจการ 13:4-5
พวกเขาไปยังเมืองเซลูเคียเป็นแห่งแรก น่าจะมีผู้เชื่อบ้างเพราะไม่ไกลจากอันทิโอกเท่าไร จากนั้น ก็เดินทางเรือไปยังเมืองซาลามิส ซึ่งอยู่บนเกาะไซปรัส .. (บารนาบัสเติบโตมาจากที่นี่ กิจการ 4:36)
มีประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำกันประจำในศาลาธรรมยิว นั่นคือเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญพระคำเดินทางมา เขาก็จะเปิดโอกาสให้พูดกับพี่น้องผู้เชื่อ ยอห์นมาระโก เดินทางไปกับท่านทั้งสองด้วยในคราวนี้ เขาเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พระเยซูทรงทำ และได้เขียนหนังสือมาระโกในเวลาต่อมา
มิชชันนารีชุดนี้ทำหน้าที่ดีมาก เพราะออกไปประกาศทั่วเกาะ ไปแทบทุกเมือง ..

อุปสรรคที่จัดการได้
กิจการ 13:6-7
แล้วพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองปาโฟส มีผู้ตรวจการจากโรมดูแลอยู่ชื่อ เสอร์จีอัสเปาลุส ท่านทำงานให้กับโรมโดยตรง ท่านผู้นี้ส่งคนมาเชิญผู้ประกาศทั้งสามไปหา ท่านอยากรู้จักพระเจ้า อยากเข้าใจว่า พระเจ้าทรงทำอะไรในโลกนี้ แต่.. มีอุปสรรค เพราะมีบางคนไม่อยากให้ผู้ตรวจการมาเชื่อพระเจ้า จะเป็นการทำลายอาชีพการงานของเขา
ท่านผู้ตรวจการคนนี้เป็นคนฉลาดรอบรู้ เหมาะที่จะคุยกับเซาโลจริง ๆ
กิจการ 13:8-10
เอลีมาสผู้นี้เป็นคนเล่นไสยศาสตร์ ถ้าผู้ตรวจการเชื่อพระเจ้าเมื่อไร ก็จะเลิกใช้เขาแน่นอน ดังนั้น เขาจึงพยายามหาทางไม่ให้เปาโลและเพื่อนพบกับผู้ตรวจการทั้ง ๆ ที่ท่านเชิญทั้งสามไปพบ
แต่เปาโลประกอบด้วยพระวิญญาณ เห็นถึงเป้าหมายของเอลีมาสชัดเจน เปาโลไม่ได้กลัวเขาเลย แต่
จัดการกับเอลีมาสอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็ว ไม่ปล่อยให้สิ่งร้ายเกิดขึ้นก่อน
เราจะสังเกตว่า ตอนนี้คนเริ่มเรียกเซาโลว่า เปาโลแล้ว ชื่อเซาโลเป็นชื่อตอนเกิดเป็นภาษาฮีบรู พออายุได้เก้าวันจะมีชื่อเป็นภาษาของโรม ชื่อเปาโลเป็นชื่อทางการซึ่งใช้ในอาณาจักรโรม
กิจการ 13:11-12
เปาโลบอกกับเอลีมาสว่าเขาจะตามืดมัวไปสักพัก ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงทันที แต่เราไม่ทราบว่าเขาได้กลับใจหรือเปล่า เปาโลไม่ยอมให้เอลีมาสมาเป็นอุปสรรคกับความเชื่อของผู้ตรวจการ
การอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับเอลีมาส ทำให้ผู้ตรวจการเชื่อพระเจ้าง่ายขึ้นอีก คนที่เป็นเหมือนหมอผี แต่แล้วมาเจอกับคนของพระเจ้ากลับถูกทำให้ตาบอด เราไม่ทราบว่า เกิดอะไรขึ้นกับเขาอีก เขามาเชื่อพระเจ้าหรือไม่ แต่ผู้ตรวจการผู้นี้ ทั้งครอบครัวได้เชื่อในพระเจ้า โดยเราได้พบเอกสารโบราณที่กล่าวถึงท่านผู้นี้ว่า เป็นคริสเตียนทั้งครอบครัว พระเจ้าได้ทรงทำการของพระองค์ตามที่ต่าง ๆ ที่พวกเขาไปไม่หยุดยั้ง
กิจการ 13:13-14
จากนั้น เปาโล บารนาบัส ก็เดินทางจากเกาะไซปรัสมุ่งหน้าขึ้นไปแคว้น ปัมฟีเลีย โดยที่ยอห์นมาระโกได้แยกทางกลับไปเยรูซาเล็ม เมื่อถึงเมืองอันทิโอกทางเหนือซึ่งอยู่ห่างขึ้นไปประมาณ 220 กิโลเมตร ก็ได้เข้าไปในศาลาธรรมยิวเช่นเคย ดูเหมือนว่าตอนนี้ เปาโลเริ่มเป็นผู้นำในการประกาศ เพราะท่านลูกาบันทึกว่า เปาโลกับเพื่อน ๆ และเราทราบมาว่า
เปาโลไม่ค่อยพอใจกับการที่ยอห์นมาระโกทิ้งพวกเขาไป (กิจการ 15:36-41)

คำเทศนาต้นแบบ
กิจการ 13:15-16
นอกจากจะอ่านพระคัมภีร์เดิมที่กำหนดในศาลาธรรมตามธรรมเนียมยิว (พวกเขาจะเลือกอ่านจากพระคำที่โมสสเขียนก่อน แล้วตามด้วยบางส่วนของหนังสือผู้เผยพระวจนะที่เราเรียกกันว่า ผู้พยากรณ์) เปาโลยังมีโอกาสที่จะกล่าวคำหนุนใจอีกด้วย นี่เป็นโอกาสดีที่สุด
เปาโลกล่าวกับคนยิวและคนที่เกรงกลัวพระเจ้า นั่นคือ คนต่างชาติที่ขอเข้ามาเป็นเชื่อศาสนายิว
กิจการ 13:17-19
ต่อไปนี้เป็นคำเทศนาที่มีบันทึกไว้ คล้ายกับของสเทเฟน โดยที่จะมีการเล่าเรื่องราวย้อนหลังไป ถึงเหตุการณ์ในอียิปต์ การที่พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงนำคนอิสราเอลออกมา และพวกเขาได้เข้าไปอยู่ในคานาอัน เป็นเรื่องราวที่ชาวยิวมักจะเล่าสู่กันฟังเสมอมา เปาโลชี้ให้พวกเขาเห็นว่า การเริ่มต้นของพวกเขามาจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์หรือพระยาห์เวห์ที่เขาเชื่อถือ
กิจการ 13:20-22
สี่ร้อยห้าสิบปีคือ 400 ปีในอียิปต์ 40 ปีในถิ่นกันดาร และอีก 10 ปีในการครอบครองดินแดนคานาอัน
เปาโลเล่าต่อไปเมื่อพวกยิวต้องการกษัตริย์ พระองค์ก็ประทานให้ ปรากฏว่ากษัตริย์ทำให้ผู้คนหันไปจากพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงถอดซาอูลจากตำแหน่ง และมอบให้ดาวิด
กิจการ 13:22-23
กษัตริย์ดาวิดเป็นคนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย และท่านทำตามพระทัยของพระเจ้าทุกอย่าง พระเจ้าทรงสัญญาว่า บัลลังก์ของดาวิดจะอยู่ตลอดไป เปาโลชี้ว่า ดาวิดมีลูกหลานผู้หนึ่งที่สำคัญมากคือ พระเยซู
กิจการ 13:24-25
ยอห์นได้มาก่อนพระเยซูไม่นาน และเขาได้แนะนำพระเยซู พระบุตรของพระเจ้าที่อยู่ในวงศ์ของดาวิดให้ประชาชนได้รู้จัก พระองค์คือพระผู้ช่วยที่แท้จริง ซึ่งเป็นผู้ที่ผู้เผยพระคำสมัยโบราณกล่าวถึง
กิจการ 13:26-28
พระเจ้าได้ให้ชนอิสราเอลได้รู้เรื่องนี้ก่อนใคร ๆ แต่ชาวยิวทั้งหลายในเยรูซาเล็มกลับไม่ยอมรับคำของพระเจ้า ตอนนั้นเราต้องไม่ลืมว่า ยังไม่มีพระคัมภีร์ใหม่ คนยิวจะอ่านพระคำพระเจ้าคืออ่านจากพระคัมภีร์เดิม
คนที่น่าจะเชื่อในคำของพระเจ้ามากที่สุดกลับพยายามทำลายพระคำของพระองค์ด้วยการตรึงพระบุตรพระเจ้าบนไม้กางเขน ไม่ใช่ใครอื่นที่ทำร้ายพระเยซู แต่เป็นชาวยิวเอง พวกเขาหารู้ไม่ว่า พวกเขาทำให้คำพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระเยซูนั้น สำเร็จในรายละเอียดแม้กระทั่งการนำพระองค์ไปฆ่าด้วยการตรึง เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไม้กางเขน ก็เกิดเป็นจริงตามที่เขียนไว้ ลองอ่านสดุดี 22 เราจะเห็นว่า ราวกับเป็นสคริปต์ที่เขียนเอาไว้จริง ๆ
กิจการ 13:29-31
ชาวยิวได้ประหารพระเยซู และคิดว่าจบ แต่…​พระเจ้า ทรงให้พระบุตรของพระองค์คืนพระชนม์​
เรื่องราวจึงพลิกไปจากความคาดหมายของยิว
เปาโลเล่าถึงการที่พระเยซูเป็นขึ้นจากตาย และพี่น้องหลายคนได้พบพระเยซู และพวกเขาคือพยานปากเอกที่จะบอกใคร ๆ ในโลกให้รู้ นี่สำคัญมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องบอกกับคนที่เราเป็นพยานด้วย เราจะเอาเรื่องนี้ออกไปจากข่าวประเสริฐไม่ได้เลย การคืนพระชนม์ของพระเยซูทำให้เราได้มีชัยชนะเหนือความบาปและความตาย
คนที่เห็นพระเยซูได้กลายมาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่มั่นคงมากเพราะสิ่งที่เขาได้ประสบ ความเชื่อของเขาสืบเนื่องต่อมาจนถึงเราทุกวันนี้ นี่เป็นผลของการคืนพระชนม์!
กิจการ 13:32-35
ทำไมเปาโลจึงย้อนมาที่หนังสือสดุดี? เพื่อว่าจะให้เห็นถึงคำพยากรณ์ล่วงหน้าที่พระเจ้าบอกเรื่องของพระเยซูให้ยิวได้พิจารณาอย่างชัด ๆ ที่พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์เพราะพระเจ้าพระบิดาทรงกำหนดไว้เช่นนั้นแล้ว พระบุตรลงมาในโลก จะทรงถูกประหาร และจะไม่อยู่ในถ้ำเก็บศพแต่จะฟื้นขึ้นมา
กิจการ 13:36-37
เปรียบเทียบกษัตริย์ดาวิดกับพระเยซู.. ดาวิดสิ้นแล้วสิ้นเลย แต่พระบุตรพระเจ้าซึ่งตามสายเลือดก็เป็นลูกหลานของดาวิด ทรงเป็นอยู่ตลอดไป นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบอกแก่คนยิว สังเกตไหมว่า การประกาศพระนามครั้งนี้ แม้ว่าเปาโลจะพูดถึงพระคัมภีร์เดิม แต่ก็จะโยงมาถึงความจริงที่เกิดขึ้นในยุคของท่าน
เรื่องของคริสเตียนไม่ใช่แค่ข้อเขียนจากพระเจ้า แต่เป็นการกระทำเฉพาะเจาะจงของพระเจ้าตามที่พระองค์ทรงบอกไว้ล่วงหน้า
กิจการ 13:38-41
เปาโลสอนชัดเจนว่า ทั้งคนยิวและคนต่างชาติที่เชื่อพระเจ้าไม่สามารถพ้นบาปด้วยพระบัญญัติที่พระเจ้าประทานผ่านโมเสส เมื่ออ่านบัญญัติเหล่านั้น เราเห็นข้อห้าม และคำบัญชาให้ทำ แต่ไม่มีใครสามารถรักษาบัญญัติเหล่านั้นเลย แสดงว่า มนุษย์ล้มเหลว ไม่มีใครสักคนพ้นโทษบาปได้
กิจการ 13:42-43
น่าแปลกใจที่พวกเขาฟังแล้ว ก็ยังอยากฟังอีก ขอร้องให้ท่านมาพูดให้ฟัง พวกเขาตอบสนองข่าวประเสริฐของพระเยซู แต่ท่านเองก็ไม่ได้ทิ้งพวกเขา แต่ขอให้พวกเขามั่นคงในพระคุณพระเจ้า นั่นหมายความว่า ขอให้เขาได้ทำทบทวนสิ่งดี ๆ ที่พระเจ้าทรงทำให้พวกเขา มีใจขอบพระคุณซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตต่อไปแม้ในหนึ่งสัปดาห์ที่จะห่างกันไป

กิจการ 13:44-46
สะบาโตต่อมา คนเกือบทั้งเมืองมาฟังเปาโลในศาลาธรรม เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์เขย่าเมืองเลยทีเดียว สำหรับยิวเปาโลทำมากเกินไปแล้ว พวกเขาโกรธเกรี้ยว แต่ยิวจะโกรธแค่ไหน พวกเขาก็ยังกล้าปฏิบัติงานของพระเจ้าอย่างไม่กลัวเกรง แล้วบอกด้วยว่า ที่มาประกาศเรื่องพระเยซูให้ในศาลาธรรมก็เพราะต้องให้ยิวรู้ก่อน แต่หากยิวไม่สนใจ ก็จะไปประกาศกับคนต่างชาติ

กิจการ 13:47-48
เปาโลกล่าวว่า จริง ๆ แล้วพระเจ้าทรงตั้งคนยิวให้เป็นพรกับคนต่างชาติ ดังนั้นจะมียิวที่เชื่อและยิวที่ตั้งตัวเป็นศัตรู แบ่งกันเป็นสองพวกชัดเจน เปาโลกำลังเจอกับการเล่นงานของยิวเหมือนอย่างที่พระเยซูทรงเจอมาตลอดที่พระองค์รับใช้พระเจ้า สมกับที่พระเยซูตรัสว่า บ่าวไม่ใหญ่กว่านาย
ถึงอย่างนั้น ผู้บันทึกเรื่องราวนี้ ได้บอกข่าวดีกับเราว่า ทุกคนที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ก็ได้เชื่อวางใจ เมื่อเราออกไปกล่าวคำของพระเจ้า อาจมีทั้งความเฉยเมย การต่อต้าน แต่ก็จะมีการตัดสินใจติดตามพระเจ้าด้วยเช่นกัน
กิจการ 13:49-52
หลังการประกาศ มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ แต่ศัตรูสำคัญคือ พวกยิวที่หาเรื่องไม่หยุดหย่อน พวกเขาไปชวนให้คนอื่น ๆ เลิกเชื่อ เลิกนับถือเปาโลและบารนาบัส ที่ใดมีการเชื่อเกิดขึ้น มารก็ไม่หยุดนิ่ง มันพยายามทำร้ายคนของพระเจ้าโดยยืมมือคนที่ไม่ชอบเขาเป็นทุนอยู่แล้ว และครั้งนี้ พวกเขาทำได้ผล ทำให้เปาโลและบารนาบัสถึงกับต้อง สลัดผงจากเท้า เป็นเครื่องหมายแสดงว่า นี่เป็นเมืองที่ปฏิเสธพระเจ้า และผู้รับใช้ของพระองค์ก็ไม่มีอะไรจะยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว
แต่แล้วทั้งสองก็เข้าไปในอีกเมือง ไม่มีการหยุดทำงาน ทำงานโดยใบหน้าแจ่มใส ยินดีมาก ๆ

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 4:36, 15:35, 11:22-27; กาลาเทีย 2:9; เอเฟซัส 4:11
2* กาลาเทีย 1:15; กิจการ 9:15; 2 ทิโมธี 1:11; 1 โครินธ์ 12 11
3* กิจการ 6:6; 2 ทิโมธี 2:2; 1 ทิโมธี 4:14
4* กิจการ 4:36; 13:2; 11:19
5* กิจการ 13:14; 13:46; 19:8
6* มัทธิว 7:15; 1 ยอห์น 4:1; 2 เปโตร 2:1-3; 2โครินธ์ 11:13; มาระโก 10:46
7* กิจการ 19:38; 13:12; 18:12
8* 2 ทิโมธี 3:8; กิจการ 13:6-7; 9:36; 2 ทิโมธี 4:14-15
9* มีคาห์ 3:8; กิจการ4:8
10* ยอห์น 8:44; โฮเชยา 14:9; 2 โครินธ์ 11:3; มัทธิว 13:38
11* สดุดี 32:4; อพยพ 9:3; ฮีบรู 10:31; ยอห์น 9:39;โยบ 12:21
12* 2 โครินธ์ 10:4-5; กิจการ 13:7; ลูกา 4:22
13* กิจการ 15:38; 27:5; 14:24-24
14* กิจการ 17:2
15* โรม 12:8

16* กิจการ 12:17; 13:26
17* เฉลยธรรมบัญญัติ 7:6-8; กิจการ 7:2-53
18* กิจการ 7:36; ฮีบรู 3:16-19
19* เฉลยธรรมบัญญัติ 7:1; สดุดี 78:55; กิจการ 7:45
20*ผู้วินิจฉัย 2:16; 1 ซามูเอล 3:20
21* 1 ซามูเอล 10:1; 15:1
22* 1 ซามูเอล 13:13-14 ; 1 พงศ์กษัตริย์ 15:5
23* มัทธิว 1:1; สดุดี 132:11
24* กิจการ 1:22; 19:3-4
25* มัทธิว 3:11; ยอห์น 1:26-27; มาระโก 1:7
26* ลูกา 1:77 ; 1:69; อิสยาห์ 46:3
27*กิจการ 3:17; 15:21; ลูกา 24:20
28* ยอห์น 19:4; ลูกา 23:21-25
29* ลูกา 23:53; ยอห์น 19:28, 30; กิจการ 5:30
30* กิจการ 2:24, 17:31; มัทธิว 28:6
31* กิจการ 1:3; ลูกา 24:48; กิจการ 1:11
32* โรม 4:13; กิจการ 26:6; เอเสเคียล 34:23
33* สดุดี 2:7; ฮีบรู 5:5
34* โรม 6:9; อิสยาห์ 55:3; สดุดี 89:2-4


35* สดุดี 16:10; กิจการ 2:27-31
36* กิจการ2:29; 13:22; 1 พงศ์กษัตริย์ 2:10
37* กิจการ 13:30, 2:24
38* ลูกา 24:47; 2โครินธ์ 5:18-21; 1 ยอห์น 2:12
39* กาลาเทีย 2:16; โรม 10:4; โรม 8:3
40* มาลาคี 4:1
41* ฮาบากุก 1:5; 1 เปโตร 4:17; โรม 11:7
42* กิจการ 28:28; 13:14
43* กิจการ 11:23; 2 ยอห์น 1:9; 2 เปโตร 3:17-18
45* ยูดาห์ 1:10; กิจการ 18:6
46* กิจการ 28:28; 26:20
47* อิสยาห์ 49:6; 42:6
48* เอเฟซัส 1:4; โรม 11:7
49*กิจการ 12:24; ฟีลิปปี 1:13-14
50* กิจการ 14:19; 14:2; 2 ทิโมธี 3:11
51* มัทธิว 10:14; กิจการ 18:6
52* 1 เธสะโลนิกา 1:6; โรม 15:13; กิจการ 4:31