สดุดี 113 เมื่อพระเจ้าทรงโน้มพระองค์ลงมา

สดุดีบทที่ 113-118 เรียกว่า สดุดีฮาเลล
ฮาเลลคือสรรเสริญ … เป็นสดุดีที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลปัสกา
เพราะได้กล่าวถึงการที่พระเจ้าทรงช่วยกู้อิสราเอลจากแผ่นดินอียิปต์

มนุษย์พยายามขึ้นไป พระเจ้าทรงโน้มพระองค์ลงมา
ภาพจากhttps://wallpaperaccess.com/james-webb#related

ความยิ่งใหญ่ของพระนาม
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์ เหล่าผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์
จงสรรเสริญ จงสรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์
2 ขอให้พระนามของพระยาห์เวห์เป็นที่สรรเสริญ
ทั้งบัดนี้และตลอดไปเป็นนิตย์
3 จากที่ดวงอาทิตย์ ขึ้น ไปจนถึงที่ดวงอาทิตย์ตกดิน
สมควรที่พระนามของพระยาห์เวห์ จะรับการสรรเสริญ

พระเจ้าผู้สูงส่ง
4 พระยาห์เวห์ทรงได้รับการยกย่องเหนือชาติต่าง ๆ
พระสิริตระการของพระองค์สูงเหนือฟ้าสวรรค์
5 จะมีใครมาเทียบเท่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้
พระองค์ผู้ประทับบนบัลลังก์สูงส่ง
6 ทรงโน้มพระองค์ลงมา
ทอดพระเนตรฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน

พระเจ้าทรงห่วงใยชาวโลกที่ทุกข์ยาก
7 พระองค์ทรงยกคนยากจนจากพื้นดิน
และทรงยกคนที่ยากไร้ขึ้นมาจากกองเถ้า
8 เพื่อว่าพวกเขาจะได้นั่งกับเจ้านาย
นั่งกับเจ้าชายแห่งชนชาติของพระองค์
9 พระองค์ทรงทำให้หญิงเป็นหมันได้อาศัยในครอบครัว
กลายเป็นมารดาที่มีความสุขของลูก ๆ
สรรเสริญพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง

1* เอเฟซัส 5:9-11; สดุดี 145:10, 135:20, 134:1

2* ดาเนียล 2:20; สดุดี 41:13, 1 พงศาวดาร 16:36; วิวรณ์ 5:13

3* มาลาคี 1:11; อิสยาห์ 49:13, 59:19; สดุดี 86:9

4* สดุดี 8:1, 99:2, 97:9; อิสยาห์ 66:1, 40:22

5* อิสยาห์ 40:25; เยเรมีย์ 10:6; เฉลยธรรมบัญญัติ 33:26; อพยพ 15:11

6* สดุดี 138:6, 11:4; อิสยาห์ 57:15, 6:2; โยบ 15:15

7* 1 ซามูเอล 2:7-8; สดุดี 107:41; ลูกา 1:52-53; ดาเนียล 12:2-3

8* โยบ 36:7; ฟีลิปปี 2:8-11; สดุดี 45:16

9* สดุดี 68:6; 1 ซามูเอล 2:5; อิสยาห์ 54:1; ปฐมกาล 30:22-23

ข้อ 1-3 ความยิ่งใหญ่ของพระนาม
ผู้เขียนสรรเสริญพระเจ้าและเน้นว่า มนุษย์จะสรรเสริญพระนามตลอดไป และทุกหนทุกแห่งในโลกที่ดวงอาทิตย์ส่องถึง จะสรรเสริญพระองค์ ข้อ1 การสรรเสริญพระนามนั้น คือการสรรเสริญตัวพระองค์เองโดยตรง สามข้อนี้ตอบคำถามว่า ใครสรรเสริญ? สรรเสริญใคร? นานเท่าไร? ที่ไหนบ้าง?

ข้อ 4-6พระเจ้าผู้สูงส่ง
พระเจ้าที่ไม่มีใครเทียบ พระองค์ผู้ทรงอยู่สูงเหนือเอกภพ ในที่ ๆ มนุษย์ไม่อาจไปถึง กลับทรงโน้มพระองค์ลงมาทอดพระเนตร สรรพสิ่งและมนุษย์ทุกคนที่พระองค์ทรงสร้าง สามข้อนี้ยืนยันว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าสูงสุด เอล เอลโยน เมื่อเราคิดถึงยานที่นำกล้องไปถ่ายภาพดาวต่าง ๆ ในอวกาศ (ลองเปิดเรื่องของ James webb telescope ดู)เรายังรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นภาพอันตระการในอวกาศ เราจึงยังนึกภาพไม่ออกเลยว่า ความยิ่งใหญ่ของพระองค์นั้น ใหญ่เพียงไหน สมองน้อย ๆ ของพวกเราจะเข้าใจพระองค์ได้อย่างไรถ้าพระองค์ไม่เปิดเผยพระองค์เองแก่เรา

ข้อ 7-9 พระเจ้าทรงห่วงใยชาวโลกที่ทุกข์ยาก
สามข้อสุดท้ายนี้ เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงห่วงใยคนที่ยากไร้ พระเจ้าไม่ได้ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใด ในการทรงเลือกของพระองค์ คนยากไร้ก็นั่งข้างเจ้านายได้ ทรงเป็นผู้อวยพระพรหญิงหมันให้มีลูก เพราะพระองค์ทรงอยู่ใกล้พวกเขา และทรงยินคำอธิษฐานของพวกเขา

สดุดี 112 ชีวิตที่มีพระเจ้าเป็นหนึ่ง

ชีวิตที่มีพระเจ้าเป็นหนึ่ง
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์
คนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ก็เป็นสุขนัก
คือคนที่ยินดีที่จะรักษาพระบัญญัติของพระองค์ 

ผลของชีวิตที่มีพระเจ้าเป็นหนึ่ง
2 วงศ์วานของเขาจะมีอำนาจบนแผ่นดิน
คนเที่ยงธรรมจะได้รับพระพร
3ครอบครัวของเขาจะมีบริบูรณ์ และมั่งคั่ง
ความเที่ยงธรรมของเขาดำรงเป็นนิตย์  
4 ในที่มืด จะมีความสว่างส่องมาให้คนเที่ยงธรรม 
ส่องมายังคนที่มีใจกรุณา สงสาร และยุติธรรม 
5 สำหรับคนที่มีน้ำใจ ให้คนอื่นยืม
และทำธุรกิจของเขาด้วยความเป็นธรรมนั้น
ชีวิตจะเป็นสุข
6 เขาจะไม่ต้องหวั่นกลัวสิ่งใด
คืนอื่น ๆ จะระลึกถึงคนที่ยุติธรรมเสมอ
7 เขาจะไม่กลัวข่าวร้าย เขามั่นคง 
เขาวางใจในพระยาห์เวห์ 
8 ใจของเขามั่นคง เขาจึงไม่ต้องก้มหัวให้กับความกลัว
เขามั่นใจว่า
ในที่สุดเขาจะได้เขาจะเป็นผู้มีชัยชนะเหนือศัตรู
 9 เขามีน้ำใจให้กับคนที่ยากไร้
ความเที่ยงธรรมของเขาจึงยืนยง
เขาจะได้รับเกียรติและคนยกย่อง

ชีวิตของคนที่มีแต่ตัวเอง
10เมื่อคนชั่วเห็นก็โกรธ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และละลายหายไป
ความปรารถนาของคนอธรรมจะสูญสิ้นไป

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 128:1, 111:10; โรม 8:6; อิสยาห์ 50:10

2* ปฐมกาล 17:7; สดุดี 37:26,102:28; สุภาษิต 20:7; กิจการ 2:39

3* สุภาษิต 15:6, 3:16; มัทธิว 6:33; อิสยาห์ 33:6

4* โยบ 11:17; โคโลสี 3:12-13; สดุดี 97:11; อิสยาห์ 58:10

5* สดุดี 37:21, 37:25-26; เอเฟซัส 5:15; สุภาษิต 2:20

6* สุภาษิต 10:7; ฮีบรู 6:10; สดุดี 125:1, 62:2

7* อิสยาห์ 26:3-4; สดุดี 57:7; สุภาษิต 1:33; 3:25-26

8* ฮีบรู 13:9; สดุดี 118:7, 91:8, 59:10

9* สดุดี 75:10, 92:10; ฮีบรู 13:16, 6:10

10* ลูกา 13:28; สุภาษิต 11:7; สดุดี 58:7-8, 37:12

ข้อ 1
จำได้ไหม บทที่แล้วข้อสุดท้ายบอกว่า ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของสติปัญญา เหล่าคนที่ทำตามก็เป็นผู้มีความเข้าใจดี   ส่วนบทนี้ ข้อที่หนึ่งอธิบายเพิ่มเติมว่า ยำเกรงพระเจ้านั้นหมายถึงอย่างไร ก็หมายถึงการที่เป็นสุข ยินดี พอใจ ในพระบัญญัติของพระเจ้ามาก ๆ นั่นเอง
ข้อ 2-3
ดูเหมือนผู้เขียนมองพระพรเป็นความสำเร็จในชีวิต มีอำนาจ มั่งคั่ง มีอย่างบริบูรณ์ ซึ่งนี่เป็นภาพมองรวม ๆ ของพระพรในพระคัมภีร์เดิม เป็นลักษณะของวัตถุมากกว่าฝ่ายวิญญาณ แต่หากเราคิดให้ดีแล้ว การมีชีวิตใกล้ชิดพระเจ้า รู้พระทัยพระองค์ มาเหนือความสำเร็จในแง่ความมั่งคั่งและอำนาจ
ข้อ 4-6
ความสว่างที่ส่องมานั้น เป็นความจำเป็นสำหรับโลกมืดที่เราอาศัยอยู่อย่างมาก พระเจ้าทรงสัญญาว่า ทางสว่าง ทางโล่งจะมาให้กับคนที่มีน้ำใจ มีความยุติธรรมต่อผู้อื่น
ข้อ 7-9
ชีวิตแบบที่ไม่ต้องก้มหัวให้ความกลัวนี้ สุดยอด ที่เป็นอย่างนี้ได้เพราะเขาวางใจพระเจ้า ไม่ได้วางใจตนเอง เขามั่นใจด้วยว่า เขาจะชนะศัตรู ที่เขามั่นคงเป็นเพราะเขามีน้ำใจกับคนยากไร้ คนที่ด้อยโอกาสกว่าเขา ศัตรูของเขาคือใครนะ
ข้อ 10
ศัตรูของเขาเห็นความเจริญที่พระเจ้าประทานให้ก็โกรธเกรี้ยวนัก และแทนที่จะเป็นผู้ชนะ พวกเขาจะละลายหายไป ไม่ได้ยืนอยู่ให้เห็นอีกต่อไป
สรุปแล้ว บุคคลที่เที่ยงธรรมผู้นี้ เขาเป็นคนอย่างไรหรือ?
เขายำเกรงพระเจ้า รักพระคำ เป็นคนมั่งคั่ง เป็นคนสร้างครอบครัว เป็นคนมีน้ำใจ สงสารคนอื่น ช่วยเหลือ เป็นคนฉลาด แข็งแรง ไม่เอาอำนาจของตนมาทำร้ายผู้อื่น เป็นที่เกลียดชังของคนอธรรม

สดุดี 111 พระราชกิจอัศจรรรย์ที่พึงใจ

สรรเสริญท่ามกลางผู้คนมากมาย
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์
ข้าจะกล่าวคำขอบพระคุณพระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดใจ
ในที่ประชุมของคนเที่ยงธรรม ในที่ชุมนุมชน

เหตุผลที่สรรเสริญพระเจ้า..มองด้วยความเชื่อ
2 พระราชกิจทั้งหลายของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่นัก
คนที่ชื่นชมในราชกิจก็จะค้นคว้า ศึกษาเรื่องเหล่านั้น 

3 พระราชกิจของพระเจ้านั้นทั้งเจิดจำรัสและยิ่งใหญ่
ความเที่ยงธรรมของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์ 

4 พระองค์ทรงทำให้ผู้คนระลึกถึงพระราชกิจของพระองค์
พระยาห์เวห์ทรงเต็มด้วยพระกรุณาและพระทัยสงสาร

5 พระองค์ประทานอาหารให้กับคนที่ยำเกรงพระองค์ 
พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดไป

6 พระองค์ทรงทำให้ประชาชนได้รู้ถึงฤทธานุภาพแห่งพระราชกิจ  โดยที่พระองค์ได้ประทานมรดกของชาติต่าง ๆ แก่พวกเขา 

7 ผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์เป็นความจริง และยุติธรรม 
ข้อบังคับทั้งสิ้นของพระองค์นั้นไว้วางใจได้

8 พระองค์ทรงจัดตั้งให้ข้อบังคับเหล่านั้นยืนยงตลอดไป 
เพื่อให้มีการปฏิบัติตามด้วยความจริงและความเที่ยงธรรม 

บทสรุปการสรรเสริญครั้งนี้
9 พระองค์ทรงไถ่ประชากรของพระองค์ 
พระองค์ทรงสั่งให้พันธสัญญาของพระองค์นั้นดำรงอยู่ตลอดไป พระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์และน่าเกรงขาม

10 ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของสติปัญญา
เหล่าคนที่ทำตามก็เป็นผู้มีความเข้าใจดี 
การสรรเสริญพระองค์ดำรงอยู่ตลอดไป 

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 138:1, 149:1; 109:30; 1 พงศาวดาร 29:10-20

2* สดุดี 143:5, 104:24; สุภาษิต 24:14; วิวรณ์ 15:3

3* สดุดี 145:4-5; วิวรณ์ 5:12-14; เอเฟซัส 3:10

4* สดุดี 103:8, 86:5; เอเฟซัส 1:6-8; โรม 5:20-21

5* สดุดี 105:8; มัทธิว 6:26-33; ดาเนียล 9:4; ลูกา 12:30

6* สดุดี 80:8, 105:27-45, 78:12-72, 44:2

7* สดุดี 19:7; วิวรณ์ 15:3-4; 2 ทิโมธี 2:13

8* มัทธิว 5:18; สดุดี 19:9; วิวรณ์ 15:3; อิสยาห์ 40:8

9* ลูกา 1:49, 1:68 ; สดุดี99:3; ทิตัส 2:14; เฉลยธรรมบัญญัติ 28:58

10* สุภาษิต 1:7,9:10 ; โยบ 28:28; ปัญญาจารย์ 12:13

สดุดีบทนี้ เน้นไปที่พระราชกิจของพระเจ้า ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องจบที่การทรงสร้างแต่อย่างเดียว แต่เป็นพระราชกิจที่ทรงกระทำเพื่อมนุษยชาติ เพื่อคนของพระองค์ เพื่อเราทุกคน พระราชกิจในประวัติศาสตร์ และในปัจจุบัน ในทุก ๆ วันที่เราเดินไปกับพระองค์ พระราชกิจนั้นยิ่งใหญ่ และส่งผลให้มนุษย์ไม่เว้นสักคน
สิบข้อนี้ เป็นข้อแห่งสติปัญญา และพระพร จริง ๆ ลองใคร่ครวญดูทีละข้อ เราจะได้อาหารฝ่ายวิญญาณที่ทำให้อิ่ม และดีต่อสุขภาพวิญญาณของเราอย่างที่เราไม่ได้คาดคิดเลย

สรรเสริญท่ามกลางผู้คนมากมาย
ข้อ 1 ผู้เขียนไม่ใช่แค่สรรเสริญพระเจ้าส่วนตัว แต่เขาขอสรรเสริญพระองค์ให้คนอื่น ๆ จำนวนมาก ได้เห็น ได้ยิน คำสรรเสริญสิ้นสุดใจนั้น จะชวนให้คนอื่นสรรเสริญพระองค์ด้วย เขาไม่ได้สรรเสริญไปตามหน้าที่ แต่เขาทำอย่างสุดหัวใจ สุดกำลัง นี่เป็นเหตุผลที่ผู้เชื่อมารวมใจกันสรรเสริญพระเจ้า เพื่อถวายพระเกียรติยิ่งใหญ่แด่พระองค์

เหตุผลที่สรรเสริญพระเจ้า มองด้วยความเชื่อ
ข้อ 2 ที่สรรเสริญเพราะพระราชกิจในการทรงสร้าง ในการเลี้ยงดู การปกป้อง และการที่ทรงสำแดงพระองค์ให้เห็นนั้น ชัดเจนมาก
ข้อ 3 พระราชกิจของพระเจ้ายิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์จะอยู่เฉย พระเจ้าทรงสร้างพวกเขามาเพื่อจะได้ค้นคว้าหาพระองค์ และมีความสุขใจจากการค้นคว้านั้น และพวกเขาก็พบว่า
ข้อ 4 พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่ตระการ มากเกินกว่าทั้งชีวิตจะค้นคว้าได้หมด สำหรับคนที่อยากรู้จักพระเจ้าแล้ว นี่เป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิต เพื่อจะได้เฝ้าดูความงามของพระเจ้า และความมหัศจรรย์ในพระราชกิจและในพระองค์เอง เมื่อพบสิ่งใหม่ ๆ ในพระองค์แล้ว ก็อยากค้นหาต่อไป และสิ่งนี้ทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อเลย ผู้คนที่ค้นพบพระองค์จะรู้ว่า พระองค์ทรงเมตตาเพียงไร
ข้อ 5 ข้อนี้โยงกลับไปถึงวันที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูอิสราเอลในถิ่นกันดาร ภาพที่เราเห็นทำให้รู้ว่า พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเราเช่นกัน พระองค์ไม่ทรงลืมพันธสัญญาของพระองค์
ข้อ 6 เราคงจำได้ว่า อิสราเอลได้เข้าไปในดินแดนแห่งพันธสัญญา และพระองค์ทรงช่วยให้พวกเขาชนะศัตรูทั้งหลาย เพื่อเขาจะได้ครอบครองแผ่นดินนั้น
ข้อ 7 สุดยอด! พระราชกิจของพระเจ้าทั้งจริง และยุติธรรม ข้อบังคับทั้งสิ้นของพระเจ้านั้น เราไว้ใจได้ว่าจะไม่สูญหาย และจะเกิดผลตามที่ทรงสัญญาไว้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลกนี้อาจทำให้เราหวั่นไหว แต่เราจะต้องมองให้ถูกมุมว่า พระเจ้าทรงมีพระดำริอย่างไรกับคนของพระองค์
ข้อ 8 ข้อบังคับของพระองค์ ในธรรมชาติ และในประวัติศาสตร์ จะก้าวต่อไปตามที่พระองค์ทรงวางแผนไว้ ไม่ว่าจะมีความพยายามที่จบ มีความพยายามที่จะเปลี่ยนข้อบังคับของพระองค์ในสังคมนี้มากเพียงไรก็ตาม
มนุษย์พยายามให้ถูกเป็นผิด และผิดเป็นถูก พยายามให้คนอื่นคิดตามตนเองโดยไม่สนใจว่า กฎเกณฑ์ที่พระเจ้าทรงวางไว้เป็นอย่างไร แต่สุดท้าย พระเจ้าจะทรงเป็นผู้ชนะ

บทสรุปการสรรเสริญครั้งนี้
ข้อ 9 ราชกิจที่ยิ่งใหญ่สุด ๆ คือ การที่พระเจ้าทรงไถ่คนของพระองค์ให้พ้นจากการเป็นทาสมาร
การที่ทรงให้อิสราเอลออกมาจากอียิปต์ เป็นภาพที่เล็งถึงการที่พระเยซูทรงไถ่เราให้พ้นจากบาป
ข้อ 10 ผู้เขียนได้สรุปว่า อยากมีปัญญา อยากเข้าใจ มีเคล็ดลับเดียวคือ การที่จะยำเกรงพระเจ้าในทุกก้าวของชีวิต แบบนั้น เราจะได้เห็นว่า พระสัญญาของพระองค์เรื่องสติปัญญานั้น พวกเราจะได้รับอย่างไร

สดุดี 110 การปกครองของพระเมสสิยาห์

Created with GIMP

บทสดุดีของดาวิด
การปกครองของพระเมสสิยาห์
1 องค์พระยาห์เวห์ตรัสกับองค์กษัตริย์ของข้าว่า
“จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้ากลายเป็นแท่นวางเท้าของเจ้า”
2 พระยาห์เวห์ทรงยื่นคทาอันทรงฤทธานุภาพของท่านจากศิโยน
ขอให้ท่านปกครองท่ามกลางศัตรูของท่าน
3 ในวันแห่งอำนาจของท่าน ชนชาติของท่านจะเต็มใจอาสาออกไปสู้
ท่านจะได้รับหยาดน้ำค้างของวัยหนุ่มจากครรภ์แห่งรุ่งอรุณ

พระเยซู : องค์ปุโรหิตนิรันดร์

4 พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแล้ว และพระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย “เจ้าเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค”
5 องค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ประทับเบื้องขวาของท่าน
พระองค์จะทรงขยี้ผู้นำทั้งหลายทั่วโลก ในวันแห่งพระพิโรธ
6 พระองค์จะทรงพิพากษาชนชาติต่าง ๆ
ทำให้ผู้คนล้มตายกองพะเนิน จะทรงขยี้หัวผู้นำทั่วทั้งโลก
7 ท่านจะดื่มน้ำจากลำธารริมทาง
ท่านจะเงยพระพักตร์ขึ้น

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* ฮีบรู 10:12-13, 1:13 ; 1 โครินธ์ 15:25; เอเฟซัส 1:20-22

2* มัทธิว 28:18-20; 1 เปโตร 1:12; 2 โครินธ์ 10:4-5, ฟีลิปปี 2:10-11, สดุดี 2:9

3* ผู้วินิจฉัย 5:2; ฮีบรู13:21; ทิตัส 2:14; 1 เธสะโลนิกา 4:7

4* ฮีบรู 7:17, 7:21, 5:6, 7:28; กันดารวิถี 23:19

5* โรม 2:5; สดุดี 16:8; วิวรณ์ 17:12-14; สดุดี 68:14

6* สดุดี 68:21; มีคาห์ 4:3; อิสยาห์ 2:4; วิวรณ์ 19:11

7* สดุดี 27:6; ผู้วินิจฉัย 7:5-6; 1 เปโตร 1:11; ฮีบรู 2:9-10

สดุดี 110 บทนี้ เป็นบทที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์พระเมสสิยาห์ องค์ผู้ทรงรับการเจิมเพื่อปกครองเป็นนิตย์

พระคัมภีร์ใหม่ ได้อ้างถึงพระคำในบทนี้มากกว่ายี่สิบครั้งทีเดียว และพระเยซูเองตรัสในมัทธิว 22:44 ,มาระโก 12:36 และลูกา 20:42-43 เพื่อพิสูจน์ความเป็นพระเจ้าของพระองค์ด้วย ข้อความที่บอกว่า พระคริสต์ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า การที่ศัตรูจะกลายเป็นแท่นรองพระบาทนั้น ก็ปรากฏหลายแห่งในพระคัมภีร์ด้วยเช่นกัน

ในข้อหนึ่ง ที่กษัตริย์ดาวิดเขียนว่า องค์พระยาห์เวห์ตรัสกับองค์กษัตริย์ของข้าว่า “จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้ากลายเป็นแท่นวางเท้าของเจ้า” ท่านไม่ได้หมายถึงตัวท่านเอง แต่กำลังหมายถึงผู้หนึ่งในวงศ์วานของท่านที่จะมาในอนาคต

ข้อสองนั้น พระยาห์เวห์ทรงยื่นคทาอันทรงฤทธานุภาพของท่านจากศิโยน ขอให้ท่านปกครองท่ามกลางศัตรูของท่าน พระยาห์เวห์ได้ทรงยื่นอำนาจปกครองให้กับพระองค์ และพระองค์จะทรงทำให้ศัตรูสยบต่อพระองค์ อ่าน ฟีลิปปี 2:10-11 ที่สะท้อนพระคำข้อนี้ จะไม่มีใครกล้าต่อต้าน ประท้วง กล่าวร้าย พระองค์อีกต่อไป

ข้อสาม ในวันแห่งอำนาจของท่าน ชนชาติของท่านจะเต็มใจอาสาออกไปสู้ ท่านจะได้รับหยาดน้ำค้างของวัยหนุ่มจากครรภ์แห่งรุ่งอรุณ
กองทัพของพระองค์พร้อมรบ ผู้เชื่อแท้จริงจะรบกับพระองค์ สนับสนุนอาณาจักรของพระองค์สุดใจ พระเมสสิยาห์จะทรงงดงามสง่าในฉลองพระองค์ที่เต็มด้วยพระสิริ ภาพของพระเยซูตรงนี้ คือองค์พระเมสสิยาห์ที่ทรงพลัง หนุ่มแน่น เข้มแข็ง เต็มด้วยความมุ่งมั่น และกำชัยชนะไว้แล้ว

ข้อสี่ พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแล้ว และพระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย “เจ้าเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค” พระเยซูมิได้เป็นปุโรหิตจากสายเลวี ทรงมาจากเชื้อสายเผ่ายูดาห์ ทรงเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ปฐมกาล 14 เล่าว่า ท่านได้ออกมาจากเมืองซาเล็มเพื่อต้อนรับอับราฮัมจากการรบ พระองค์ปรากฏให้ผู้เชื่อได้เห็นมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ก่อนที่จะมาบังเกิดเป็นมนุษย์เสียอีก

ข้อ ห้า องค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ประทับเบื้องขวาของท่าน พระองค์จะทรงขยี้ผู้นำทั้งหลายทั่วโลก ในวันแห่งพระพิโรธ
เป็นข้อที่สะท้อนข้อหนึ่งอย่างชัดเจน ตอนนี้กลายเป็นว่า พระบิดาจะประทับเบื้องขวาของพระองค์เพื่อช่วยในการรบให้พระองค์จะมีชัยเหนือทั้งโลก กษัตริย์ดาวิดเองได้มองเห็นล่วงหน้าว่า พระเมสสิยาห์จะกลับมาเพื่อปราบศัตรูทั้งสิ้นของพระองค์​ และท่านบอกเราชัดเจนว่า พระบิดาทรงอยู่ในสงครามครั้งนี้ด้วย

ข้อ หก พระองค์จะทรงพิพากษาชนชาติต่าง ๆทำให้ผู้คนล้มตายกองพะเนิน จะทรงขยี้หัวผู้นำทั่วทั้งโลก
พระองค์จะทรงแยกแกะจากแพะ (มัทธิว 25:31-46)

ข้อเจ็ด ท่านจะดื่มน้ำจากลำธารริมทาง ท่านจะเงยพระพักตร์ขึ้น
พระเมสสิยาห์องค์นี้ ทรงเป็นทั้งนักรบที่ชนะ และเป็นปุโรหิต ทรงเป็นผู้พิพากษาชนชาติต่าง ๆ ด้วย พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือทุกสิ่ง และทรงเป็นพระผู้ช่วยสำหรับทุกคนที่เชื่อ การเงยพระพักตร์ของพระองค์ เป็นภาพของผู้รบชนะเงยพระพักตร์ขึ้นมาด้วยความกล้าหาญ มุ่งมั่น แสดงถึงชัยชนะที่เบ็ดเสร็จ
มนุษย์บาปอย่างเรา จึงต้องกลับมาหาพระองค์ด้วยใจถ่อมลง ขออยู่ในร่มพระคุณด้วยเงื่อนไขของพระองค์