กิจการ 26 คำพยานต่อหน้าอากริปปา

คำอธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 26:1-3
นี่เป็นการแก้ต่างครั้งที่สามของเปาโล เป็นเพราะไม่มีผู้ฟ้องในศาลครั้งนี้ เฮโรด อากริปปาจึงอนุญาตให้เปาโลแก้ต่างได้เลย เปาโลจึงเริ่มต้นด้วยการกล่าวยกย่องผู้ตัดสินว่า เขาคุ้นเคยกับชาวยิว ประเพณี และกฏบัญญัติ เป็นอย่างดี ดังนั้น เขาจะตัดสินได้อย่างดีที่สุด
แต่เป้าหมายแท้จริงของเปาโลไม่ใช่การแก้ต่างให้ตัวเอง เขาต้องการให้อากริปปาได้ยินพระกิตติคุณชัด และตัดสินใจรับเชื่อพระเยซู รวมไปถึงคนอื่น ๆ ในศาลด้วย
กิจการ 26:4-8
จากคำพูดของเปาโลทำให้รู้ว่า คนฟาริสีรู้จักเปาโลเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่าเปาโลอุทิศตนให้กับกฎเกณฑ์ของฟาริสีมาตั้งแต่ต้น พูดอย่างนี้ทำให้อากริปปารู้ว่า เปาโลเป็นคนแบบไหน และแล้ว เปาโลก็เล่าหักมุมว่า การที่เขาวางใจในพระสัญญาของพระเจ้า เรื่องการคืนชีวิตขึ้นมาทำให้ชาวยิวไม่พอใจ
เรื่องที่ยิวไม่พอใจมากที่สุดคือ เรื่องการคืนพระชนม์ของพระเยซูที่เปาโลยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยนใจ และเปาโลก็เฝ้าประกาศว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ในอดีต และเขาก็มีความหวังใจในพระองค์ ไม่น่าเลยที่เหล่าธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับเรื่องนี้
กิจการ 26:9-11
แล้วเปาโลก็เล่าเรื่องราวที่เขาเคยต่อต้านพระเยซูคริสต์ให้ทุกคนได้รับฟัง สิ่งที่น่าชังมากคือ การที่บังคับให้พี่น้องทั้งปฏิเสธพระเจ้าและกล่าวคำหมิ่นประมาทพระองค์
กิจการ 26:12-15
คิดถึงภาพของผู้คนในศาลที่มารวมตัวกัน เพื่อฟังพยานของเปาโล .. พยานนี้มีพลังเปลี่ยนชีวิตแน่นอน ผู้คนมากมายได้รู้จากปากของเปาโลเองว่า เกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องฟังจากข่าวเล่าลือ
นี่เป็นครั้งที่สามซึ่งเปาโลได้มีโอกาสเป็นพยานเรื่องการกลับใจ
กิจการ 26:16-18
เปาโลได้ขยายความให้รู้เลยว่า หน้าที่ของเขาคือ การเป็นพยานถึงสิ่งที่เห็นในวันที่ตกม้า เขาบอกทุกคนให้รู้ว่า พระเจ้าจะทรงช่วยให้พ้นอันตรายจากคนยิวและคนต่างชาติ และพระองค์เองเป็นผู้ส่งเขาออกไปประกาศพระนามแก่คนต่างชาติ ซึ่งพวกเขาคือคนที่ตามืดบอด ต้องเปิดตาให้เห็นความสว่างของพระเจ้า เปาโลได้บอกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงทำอะไรให้กับคนที่มาหาพระองค์​… เขาพูดให้เห็นเป็นขั้นเป็นตอน
กิจการ 26:19-21
เปาโลเองรับว่า เมื่อพระเจ้าตรัสสั่งอะไร เขาก็ยินดีทำ และได้ออกไปประกาศเพื่อใหคนได้กลับใจ และนี่เป็นสาเหตุแท้จริงที่ยิวจับเขามาขึ้นศาล และยังพยายามที่จะลอบฆ่าด้วย
กิจการ 26:22-23
และก็มาถึงตอนที่สำคัญมาก เขาโยงไปถึงคำของผู้กล่าวพระคำในอดีต รวมถึงโมเสสที่ได้กล่าวคำพยากรณ์ไว้ล่วงหน้า ว่า พระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าทรงส่งมาจะต้องทนทุกข์ และจะสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ขึ้นมา (อ่าน อิสยาห์ 52:13-53-12) สิ่งที่เปาโลพูดนี้คือพระกิตติคุณล้วน ๆ
กิจการ 26:24-26
คนที่รับฟังต่อไปไม่ได้คือ เฟสทัสเอง เขาไม่เชื่อเรื่องการคืนชีวิตจากตาย แต่เปาโลยังยืนกรานว่า การคืนพระชนม์นั้น ใคร ๆ ก็รู้เรื่อง เป็นข่าวที่รู้กันไปทั่ว เปาโลต้องการยืนยันให้อากริปปาได้เห็นความจริงข้อนี้
เฟสทัสเป็นชาวโรม ยากมากที่เขาจะเชื่อเรื่องการคืนพระชนม์! ทั้ง ๆที่เป็นเรื่องรู้กันไปทั่วในแผ่นดิน
กิจการ 26:27-29
และแล้ว เปาโลก็หันไปถามอากริปปาซึ่งรู้เรื่องของยิวเป็นอย่างดี ดูเหมือนเขาจะเป็นยิวด้วย เปาโลถามว่า เชื่อคำที่กล่าวมานี้หรือไม่
เปาโลถามเอาตรง ๆ แต่อากริปปาเหมือนรู้ตัว ไม่ยอมให้คำของเปาโลทำให้เปลี่ยนใจเปลี่ยนชีวิต
กิจการ 26:30-32
แล้วในที่สุด ข้อสรุปคือ เปาโลไม่ผิด .. อากริปปา กับเฟสทัสน่าจะคุยกัน และตัดสินใจร่วมกัน แต่เปาโลยังมีงานที่ต้องทำ ดังนั้น เขาจึงพอใจที่จะเดินทางไปพบซีซาร์มากกว่าที่จะได้รับการปล่อยตัว

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 เปโตร 3:14-16; 4:14;
กิจการ 21:28; 24:5-6
5* กิจการ 22:3; 23:6; 24:15; ฟีลิปปี 3:5
6* กิจการ 23:6; ปฐมกาล 3:15; เฉลยธรรมบัญญัติ 18:5; สดุดี 132:11; อิสยาห์ 4:2; เอเสเคียล 34:23; กิจการ 13:32
7* ยากอบ 1:1; ลูกา 2:37; 1 เธสะโลนิกา 3:10; 1ทิโมธี 5:5; ฟีลิปปี 3:11
9* ยอห์น 16:2; 1โครินธ์ 15:9; 1 ทิโมธี 1:12-13; กิจการ 2:22; 10:38
10* กิจการ 8:1-3; 9:13; กาลาเทีย 1:13; กิจการ 9:14

12* กิจการ 9:3-8; 22:6-11; 26:12-18
16* กิจการ 22:15; เอเฟซัส 3:6-8
17* กิจการ 22:21
18* อิสยาห์ 35:5; 42:7,16; ลูกา 1:79; ยอห์น 8:12; 2 โครินธ์ 4:4; เอเฟซัส 1:18; 1 เธสะโลนิกา 5:5; 2 โครินธ์ 6:14; เอเฟซัส 4:18; 5:8; โคโลสี 1:13; เปโตร 2:9; ลูกา 1:77; เอเฟซัส 1:11; โคโลสี 1:12; กิจการ 20:3220* กิจการ 9:19-22; 11:26; มัทธิว 3:8

22* ลูกา 24:27; กิจการ 24:14; 28:23 ; โรม 3:21; ยอห์น 5:46
23* ลูกา 24:26; 1โครินธ์ 15:20,23; โคโลสี 1:18; วิวรณ์ 1:5; อิสยาห์ 42:6; 49:6; ลูกา 2:32; 2 โครินธ์ 4:424* 2 พงศ์กษัตริย์9:11; ยอห์น 10:20; 1โครินธ์ 1:23; 2:13-14; 4:10
26* กิจการ 26:329* 1โครินธ์ 7:731* กิจการ 23:9, 29; 25:25
32* กิจการ 28:18; 25:11

1 โครินธ์ 16 คำอำลาฉบับแรก

การเก็บรวบรวมเงินเพื่อพี่น้อง
1 โครินธ์ 16:1-2
เรื่องการเก็บรวบรวมเงินสำหรับวิสุทธิชนของพระเจ้านั้น ขอให้ท่านทำตามแบบที่ข้าได้สั่งคริสตจักรในกาลาเทีย ทุกวันต้นสัปดาห์ ให้ท่านแต่ละคนแยกเงินออก และสะสมไว้ตามที่ท่านมีรายได้เข้ามา เพื่อจะไม่ต้องเก็บรวบรวมเงินตอนที่ข้ามา
1 โครินธ์ 16:3-4
เวลาที่ข้ามาถึง ข้าก็จะส่งคนที่ท่านไว้ใจนำเงินถวายนี้พร้อมจดหมายไปยังกรุงเยรูซาเล็มและถ้าเห็นว่าข้าควรจะไปด้วยพวกเขาจะไปพร้อมกับข้า

แผนส่วนตัว
1 โครินธ์ 16:5-6
ข้าจะเข้ามาเยี่ยมท่านผ่านทางแคว้นมาซิโดเนีย เพราะข้าตั้งใจจะเดินทางไปทางมาซิโดเนีย บางทีข้าอาจพักอยู่กับท่าน และอาจอยู่ด้วยจนถึงสิ้นฤดูหนาวเพื่อว่าท่านอาจจะช่วยข้าในการเดินทางไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตาม
1 โครินธ์ 16:7-9
เพราะว่าข้าไม่ได้แค่ต้องการพบท่านเมื่อผ่านมา แต่หวังว่าจะได้ใช้เวลากับพวกท่าน หากพระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาต แต่ข้าจะอยู่ที่เมืองเอเฟซัสจนถึงเทศกาลเพ็นเตคอสต์เพราะมีประตูเปิดกว้างไว้ให้ข้าเพื่องานที่เกิดผล กระนั้นก็มีคนขัดขวางมากด้วย

1 โครินธ์ 16:10-11
เมื่อทิโมธีมาหาท่าน ก็ขอทำให้เขาสบายใจ เพราะเขาเป็นผู้ที่รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนข้า อย่าปล่อยให้ใครดูหมิ่นเขา ขอช่วยให้เขาเดินทางไปอย่างสันติ เพื่อเขาจะได้กลับมาหาข้าเพราะข้ากำลังคอยเขากับพี่น้องอยู่
1 โครินธ์ 16: 12
ส่วนเรื่องของอปอลโล พี่น้องของเรานั้นข้าเร่งเร้าให้เขามาเยี่ยมท่านพร้อมกับพวกพี่น้อง แต่เขาไม่ได้ต้องการที่จะไปในเวลานี้ เขาจะไปเมื่อมีโอกาส

ให้กำลังใจครั้งสุดท้าย
1 โครินธ์ 16:13-14
พวกท่าน จงเฝ้าระมัดระวังจงมั่นคงในความเชื่อ จงเป็นคนกล้าหาญ จงเข้มแข็งจงทำทุกสิ่งด้วยความรัก
1 โครินธ์ 16:15-16
พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัสเป็นผู้เชื่อกลุ่มแรก และพวกเขาได้ถวายตัวในการปรนนิบัติผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ข้าจึงขอร้องพวกท่านให้เชื่อฟังคนเช่นนี้ และต่อทุกคนที่ร่วมกันตรากตรำทำงาน
1 โครินธ์ 16:17-18
ข้ายินดีมาก ที่สเทฟานัส ฟอร์ทูนาทัสและอาคายคัสได้มาหา เพราะพวกเขาเป็นดั่งตัวแทนของท่านที่ไม่ได้มาจนครบพวกเขาทำให้ข้าและพวกท่านชื่นบานนักดังนั้นขอให้ท่านยกย่องคนเช่นนี้

ความคิดถึง และการอำลา
1 โครินธ์ 16:19-20
คริสตจักรในแคว้นเอเชีย ส่งความคิดถึงมายังท่าน อาควิลลา และปริสคา รวมถึงพี่น้องที่มาประชุมในบ้านของเขา ก็ฝากความคิดถึง มายังพวกท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ พี่น้องทุกคนส่งความคิดถึงมายังท่าน จงทักทายกันด้วยธรรมเนียมจูบอันบริสุทธิ์
1 โครินธ์ 16:21-22
คำทักทายนี้ เป็นลายมือของข้า เปาโลหากใครไม่รักองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้คนนั้นถูกสาป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมาเถิด ขอพระคุณของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกท่าน ความรักของข้าอยู่กับท่านทุกคนในพระเยซูคริสต์ อาเมน

1 โครินธ์ 16:1-2
ท่านเปาโลได้สอนพี่น้องให้เป็นผู้ที่มีน้ำใจ และสอนด้วยว่า การมีน้ำใจของพวกเขานั้น ต้องมีการวางแผน และลงมือทำอย่างเป็นระบบ การให้แก่ผู้อื่น นี้ ไม่ได้ให้จากสิ่งที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่เป็นการเตรียมให้จากรายได้ของตน นี่เป็นระเบียบของคนอิสราเอลที่มีการถวายสิบลดอยู่แล้ว จึงไม่เป็นการยากที่จะลงมือทำในหมู่คริสเตียนเป็นการให้ที่เหมาะกับแต่ละคน รายได้มากก็ให้มาก รายได้น้อยก็ลดลงมา

โครินธ์ 16:3-4
คำว่าเงินถวายนี้ ในภาษาเดิมคือ ของขวัญ เป็นคำว่า พระคุณ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเป็นการให้ที่เกิดจากความรักที่มีต่อพี่น้องที่ลำบาก เวลาที่จะส่งเงินไปยังคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็มท่านเปาโลให้พี่น้องในคริสตจักรโครินธ์ เลือกคนที่พวกเขาไว้ใจที่สุด และท่านก็จะไปกับเขาด้วย
เพื่อให้ไม่มีคำครหาเกี่ยวกับเรื่องเงินท่านเปาโลเป็นคนที่จะป้องกันปัญหาต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า นี่เป็นตัวอย่างที่ดี

1 โครินธ์ 16:5-6
ท่านเปาโลเขียนจดหมายถึงพี่น้องโครินธ์จากเมืองเอเฟซัส ซึ่งอยู่ในตุรกีปัจจุบัน ท่านเดินทางและประกาศในแถบนี้ และเป็นพื้นที่ ซึ่งท่านเกิดผล
มากจริง ๆ ท่านวางแผนที่จะเดินทางผ่านแค้วนมาซิโดเนียด้วย เป็นช่วงเวลาที่เราพบในกิจการ 19:21-22 ท่านวางแผนการเดินทางอย่างชัดเจน
จะอยู่ในเอเฟซัสพักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินทางไปทางเหนือและข้ามทะเลอีเจียนไปยุโรป แน่นอนท่านจะเยี่ยมคริสตจักรฟิลิปปี เบเรีย เธสะโลนิกาไปด้วย

1 โครินธ์ 16:7-9
ท่านเปาโลตั้งใจจะอยู่ที่เอเฟซัสจนถึงเทศกาลเพ็นเตคอสต์ ท่านคงตั้งใจมากเลยว่า จะได้ประกาศพระนามพระเยซูที่นั่นได้ตรงจุด ตรงประเด็น
ผู้คนก็จะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเทศกาลนี้ แม้จะมีคนขัดขวาง หาเรื่อง และถึงขนาดทำร้ายร่างกาย แต่ท่านเปาโลไม่ได้หวั่นสักนิด แทนที่จะเห็นวิกฤตใหญ่โต ท่านกลับมองเห็นความสำเร็จของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าความรุนแรงที่ท่านต้องเผชิญสุดยอดแห่งผู้รับใช้!

1 โครินธ์ 16:10-11
ทิโมธีเป็นผู้รับใช้รุ่นลูกของเปาโล ท่านเป็นห่วงเขาเสมอ เมื่อเราอ่านจดหมายถึงทิโมธี เราก็รู้ว่าท่านสนใจสอน ฝึก ทิโมธีอย่างเอาจริงเอาจัง
จากคำพูดนี้ เราจะเห็นว่าท่านเปาโล แม้จะเป็นคนที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา กล้าหาญ แตกต่างจากทิโมธีที่ดูเป็นคนเรียบร้อย ถ่อมตน และมีลักษณะไม่เหมือนท่านเปาโลเลย และพระเจ้าก็ทรงใช้คนที่มีบุคลิกต่งกันในงานเดียวกัน และพวกเขาก็รักกันและกันในพระองค์

1 โครินธ์ 16: 12
ท่านเปาโลไม่ได้เป็นเฉพาะผู้ที่เทศนา สั่งสอนประกาศพระนามเท่านั้น แต่ท่านเป็นคนที่ใส่ใจ ดูแล และสร้างความสัมพันธ์ ความเข้าใจดีที่มี
ต่อกันระหว่างผู้รับใช้ด้วย ท่านเป็นตัวกลางเป็นโซเชียลมีเดียทางบวกในสมัยโบราณ ท่านอยากให้พี่น้องได้พบกันและกัน ได้เรียนรู้จัก
พระเจ้า และอธิษฐาน สัมพันธ์สนิทกันและกันขอบคุณพระเจ้าสำหรับตัวอย่างนี้

1 โครินธ์ 16:13-14
แล้วในที่สุด ท่านเปาโลก็ยังเตือนสติพี่น้องให้มีความดีห้าอย่างในชีวิต ซึ่งเป็นความดีที่คนในยุคโบราณก็สนใจเช่นกัน เหล่านักปรัญชา
กรีกก็สนใจที่จะให้ผู้คนกล้าหาญ เข้มแข็ง แต่สิ่งที่คริสเตียน ผู้เชื่อในพระเจ้าแตกต่างจากคนในโลกก็คือ การมั่นคงในความเชื่อ และมี
ความรัก ให้ทำทุกสิ่งด้วยความรัก คนข้างนอก มีแรงจูงใจเรื่องเงิน อำนาจ แต่แรงจูงใจของเราแตกต่างมาก

1 โครินธ์ 16:15-16
เราอาจจะรู้สึกว่า ทำไมท่านเปาโลพูดถึงคนโน้นคนนี้มากมาย แต่หากมองลึกลงไปเราจะรู้ว่า นี่แหละคือชีวิตของคนในชุมชนของพระเจ้า
ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ทำตามใจตนเอง แต่เป็นการใช้ชีวิตร่วมกัน และปรนนิบัติรับใช้กันและกัน สิ่งที่ท่านเปาโลเตือนสติอีกอย่างนอกเหนือไปจาก
ที่เตือนมาแล้วก็คือ การที่จะเชื่อฟังผู้ที่ผ่านความเชื่อมาก่อน ให้่มีความถ่อมใจต่อกัน

1 โครินธ์ 16:17-18
ยังมีคนที่รู้จักและใกล้ชิดอีกหลายคน บุรุษทั้งสามที่มาหาเยี่ยมเยียนท่านเปาโล ก่อให้เกิดความชื่นใจที่ได้พบกัน อธิษฐานและแบ่งปันความเชื่อ
นี่อาจเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมการเยี่ยมเยียนในหมู่คริสเตียน เราจะเห็นว่า ในคริสตจักรหลายแห่งมีการเยี่ยมเยียนพี่น้องเป็นประจำ เป็น
พันธกิจที่สร้างกำลังใจให้กับทั้งสองฝ่าย และการเยี่ยมเยียนนี้ไม่ควรหยุด แม้โลกเปลี่ยนไปมาก

1 โครินธ์ 16:19-20
เวลาเราเดินทางไปไหนไกลๆ เราจะเจอแต่คนที่ไม่เชื่อเป็นประจำ แต่เวลาใดที่ได้พบคนที่เชื่อโดยไม่คาดฝัน เราจะมีความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้องกัน เพราะต่างมีพระบิดาองค์เดียวกัน เป็นความผูกพันที่พระเจ้าทรงเป็นผู้เชื่อมโยง และนี่เป็นแผนการของพระเจ้ามาตั้งแต่ต้นที่จะให้ผู้เชื่อมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

1 โครินธ์ 16:21-22
ข้อความสุดท้ายนี้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับคนที่ไม่ยอมรับ และรักติดตามพระเจ้าผู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อให้เขาได้รับความรอด อย่างไรคนที่ตัดสินใจเดินตามทางของตน ไม่ยอมต่อพระเจ้า ก็เหมือนถูกสาปอยู่แล้ว. ในขณะเดียวกันท่านเปาโลก็ขอให้พระเจ้าเสด็จมาเพื่อพระองค์จะได้รับพระเกียรติในฐานะที่ทรงเป็นพระเจ้า และท่านจบด้วยการขอพระคุณอยู่กับพี่น้องและยังยืนยันความรักที่ท่านมีต่อพวกเขา

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 11:29; กาลาเทีย 2:10
2* กิจการ 20:7
3* 2 โครินธ์ 3:1; 8:18
4* 2 โครินธ์ 8:4, 19
5* 2 โครินธ์ 19:21; 2 โครินธ์ 1:15,16
6* กิจการ 15:3; โรม 15:24; 1โครินธ์ 16:11
7* กิจการ 18:21; ยากอบ 4:15
8* เลวีนิติ 23:15-22
9* กิจการ 14:27; 2 โครินธ์ 2:12; โคโลสี 4:3; กิจการ 19:9

10* กิจการ 19:22; 2 ทิโมธี 1:2; ฟีลิปปี 2:20; 1 เธสะโลนิกา 3:2
11* 1 ทิโมธี 4:12; ทิตัส 2:15; กิจการ 15:33
12* กิจการ 18:24; 1โครินธ์ 1:12; 3:5
13* มัทธิว 24:42; 1โครินธ์ 15:1; กาลาเทีย 5:1;
ฟีลิปปี 1:27; 4:1; 1 เธสะโลนิกา 3:8; 2 เธสะโลนิกา 2:15; สดุดี 31:24; เอเฟซัส 3:16;โคโลสี 1:11
14* 1 เปโตร 4:815* 1โครินธ์ 1:16; โรม 16:5; 2 โครินธ์ 8:4

16* เอเฟซัส 5:21; 1 เธสะโลนิกา 5:12; ฮีบรู 13:17
17* 2โครินธ์ 11:9; ฟีลิปปี 2:30
18* โคโลสี 4:8; ฟีลิปปี 2:29
19* โรม 16:5
20* โรม 16:16
21* โรม 16:22; กาลาเทีย 6:11; โคโลสี 4:18; 2 เธสะโลนิกา 3:17; ฟิเลโมน 19
22* เอเฟซัส 6:24; กาลาเทีย 1:8-9; ยูดา 14-15

สุภาษิต 5 เหตุใด จึงหายนะ! ?

เอาใจใส่แล้วดีแน่
1 ลูกเอ๋ย จงใส่ใจในปัญญาของเรา
เอียงหูของเจ้าฟังความหยั่งรู้จากเรา
2 เพื่อว่าเจ้าจะได้รักษาดุลยพินิจไว้
และริมฝีปากของเจ้าจะได้รักษาความรู้

ระวังหญิงต้องห้าม
3 ริมฝีปากของหญิงต้องห้ามนั้นหวานราวน้ำผึ้งหยด..
และคำของเธอก็ลื่นไหลยิ่งกว่าน้ำมัน
4 แต่ในที่สุด เธอก็ขมดั่งบอระเพ็ด
และคมกริบยิ่งกว่าดาบสองคม
5 เท้าของเธอเดินลงไปสู่ความตาย
แต่ละก้าวย่างของเธอตรงไปสู่แดนคนตาย
6 เธอไม่ได้สนใจทางแห่งชีวิต เธอไม่ได้รู้เลยว่า
หนทางที่เดินอยู่นั้นไม่มั่นคงแม้แต่น้อย
7 บัดนี้ จงฟังเรา ลูก ๆ เอ๋ย
อย่าหันไปจากคำพูดจากปากของเรา

สิ่งที่จะพบถ้าไม่ระวังตัว
8 เจ้าจงให้ทางของเจ้าห่างจากเธอ
อย่าได้ไปใกล้ประตูบ้านของเธอ
9 เพราะเกรงว่า เจ้าจะสูญเสียพลังแห่งวัยเยาว์ให้กับผู้อื่น
และปีเดือนของเจ้าให้กับคนที่โหดร้าย
10 เกรงว่าคนแปลกหน้าจะมาแย่งความมั่งคั่งของเจ้าไป
และแรงงานของเจ้ากลับไปเป็นประโยชน์ให้กับคนต่างชาติ
11 ในบั้นปลายของชีวิตเจ้าจะคร่ำครวญ
เมื่อทั้งเนื้อหนังและร่างกายของเจ้าถูกใช้งานจนทรุดโทรม
12 และเจ้าจะกล่าวว่า “ดูสิ ข้าเคยเกลียดชังวินัย
และใจของข้าก็ดูหมิ่นคำตักเตือน
13 ข้าไม่ยอมฟังเสียงของครูบาอาจารย์
หรือเอียงหูฟังคำของพี่เลี้ยงที่สอนข้า
14 ข้าเกือบจะตกลงไปในหายนะ
ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก”

อย่าเที่ยวเล่นกับหญิงไปทั่ว
15 จงดื่มน้ำจากบ่อเก็บของเจ้าเอง
และจากน้ำที่ไหลมาจากน้ำพุของเจ้า
16 เหตุใดจึงจะปล่อยให้ธารน้ำของเจ้าไหลไปตามถนน
และสายน้ำของเจ้าไปยังสี่แยกสาธารณะ?
17 จงให้มันเป็นของเจ้าคนเดียวเท่านั้น
อย่าเอาไปแบ่งให้กับคนแปลกหน้า
18 จงให้ธารน้ำพุของเจ้าได้รับพร
และให้เจ้าได้ยินดีกับภรรยาที่ได้มาตั้งแต่ยังหนุ่ม
19 เปรียบดังกวางที่น่ารัก และเลียงผาที่น่าชื่นชม
ขอให้อ้อมอกของเธอทำให้เจ้าพอใจเสมอ
และให้เจ้าได้ดื่มด่ำกับความรักของเธอตลอดไป



พระเจ้าทรงตรวจสอบชีวิต
20 เหตุใดเจ้าจึงจะไปดื่มด่ำกับภรรยาของชายคนอื่น
หรือไปอยู่ในอ้อมกอดของคนแปลกหน้า?
21 เพราะว่าทางของมนุษย์คนหนึ่งก็อยู่ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ทรงตรวจสอบหนทางทั้งสิ้นของเขา
22 คนโหดร้ายติดกับความชั่วของตนเอง
บาปของเขาเป็นเชือกรัดเขาแน่น
23 เขาตายไปเพราะชีวิตขาดวินัย
เขาหลงทางไปเพราะความโง่อันมากมายของเขา

ข้อพระคำเชื่อมโยง

2* มาลาคี 2:7
3* สุภาษิต 2:16; สดุดี 55:21
5* สุภาษิต 7:27
18* มาลาคี 2:14
19* บทเพลงโซโลมอน 2:9

20* สุภาษิต 2:16
21* โฮเชยา 7:2
22* กันดารวิถี 32:23
23* โยบ 4:21

กิจการ 25 เฟสทัสและอากริปปา

อธิบายเพิ่มเติม

กิจการ 25:1-3
เฟสทัส เป็นผู้ว่าคนใหม่ที่เดินทางจากวังในเมืองซีซาริยาไปเยรูซาเล็ม และได้พบพวกที่ฟ้องเปาโล คนพวกนี้แค้นฝังหุ่น ไม่ยอมเลิกราที่จะกำจัดเปาโลให้สิ้นซาก พวกยิวพยายามชวนให้เขาส่งเปาโลมาศาลที่เยรูซาเล็ม ทั้งนี้เพื่อจะได้ดักฆ่าง่าย ๆ
กิจการ 25:4-6
แต่เฟสทัสไม่สนใจ เพราะอย่างไรเขาจะกลับไปอยู่แล้ว ใครอยากฟ้องก็ต้องไปฟ้องที่ซีซารียาเอาเอง และอีกไม่กี่วันต่อมา เขาก็เปิดศาล
กิจการ 25:7-9
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำผิดต่อศาสนายิว หรือต่อโรม แต่ไม่วายที่เปาโลจะถูกฟ้องอย่างไม่เป็นธรรม เป้าหมายแท้จริงของยิวคือทำลายความเชื่อพระเยซูให้สิ้นไป และครั้งนี้เฟสทัสเองเป็นคนเสนอให้กลับไปทำคดีในเมืองเยรูซาเล็ม
กิจการ 25:10-12
แต่เปาโลรู้ดีว่า พวกเขาต้องการดักฆ่าแน่นอน และเป้าหมายของเขาไม่ใช่เยรูซาเล็ม แต่เป็นโรม เขาต้องการพูดเรื่องพระเยซูกับคนจำนวนมากในศาล ดังนั้น จึงเสนอว่า ขอถวายฎีกาต่อซีซาร์ ซึ่งหมายความว่าเขาต้องเดินทางไปโรม เอาล่ะ คราวนี้เปาโลก็ต้องถูกขังแช่ไว้ก่อนอีก
กิจการ 25:13-19
แต่แล้ว มีแขกคนสำคัญเข้ามาเยี่ยมต้อนรับผู้ว่าเฟสทัสที่เข้ามารับงาน นั่นคือกษัตริย์เฮโรด อากริปปา และภรรยาของเขา ซึ่งที่จริงมีศักดิ์เป็นน้องสาวของตนเอง เขาคนนี้เป็นกษัตริย์ตระกูลเฮโรดคนสุดท้าย เฟสทัสดีใจที่เจอทั้งสอง เพราะคิดว่าจะโยนคดีนี้ออกไปจากตัว เนื่องจากว่า เฮโรดเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพระวิหารของยิว เป็นผู้แต่งตั้งปุโรหิตยิว เขาสนใจข้อกล่าวหาที่ว่า เปาโลทำให้พระวิหารเป็นมลทิน
เขารายงานเฮโรด อากริปปาว่า จริง ๆ แล้วยิวไม่พอใจที่เปาโลอ้างว่า พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย
กิจการ 25:20-22
ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าควรตัดสินอย่างไร เฟสทัสจึงยินดีที่จะให้อะกริปปาได้มีส่วนในคดีนี้
กิจการ 25:23-27
วันที่เฮโรด อากริปปามาที่ศาลปรากฏว่าเป็นเรื่องใหญ่โตหรูหรา อลังการมาก มีแขกเหรือที่สำคัญมากมาย ​แม้ว่าเฟสทัสไม่ได้บอกใคร ๆ มาก่อนว่าเขาคิดอย่างไรจริง ๆ ในวันนี้เขามีความเห็นว่า เปาโลไม่สมควรถูกลงโทษถึงตายอย่างที่ยิวต้องการ เขาเองต้องการที่จะทำรายงานการไต่สวนส่งซีซาร์พร้อมกับนักโทษ เขาหวังว่าอากริปปาจะช่วยเขาสรุปคดีนี้

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 8:40; 25:4,6,13
2* กิจการ 24:1; 25:15
3* กิจการ 23:12, 15
5* กิจการ 18:14; 25:18
7* มัทธิว 15:3; ลูกา 23:2, 10; กิจการ 24:5, 13
8* กิจการ 6:13; 24:12; 28:17
9* กิจการ 12:2; 24:27; 25:20

11* กิจการ 18:14; 23:29; 25:25; 26:31; 28:19
14* กิจการ 24:2715* กิจการ 24:1; 25:2-3
16* กิจการ 25:4,5
17* มัทธิว 27:19; กิจการ 25:6, 10
19* กิจการ 18:14, 15; 23:29
21* กิจการ 25:11, 12

22* กิจการ 9:15
23* กิจการ 9:15
24* กิจการ 25:2, 3, 7; 21:36; 22:22
25* กิจการ 23:9, 29; 26:31; 25
;11-12