2 ทิโมธี 2 คำแนะนำแก่ศิษยาภิบาลหนุ่ม

ทำงานหนักเพื่อพระเจ้า

ดังนั้น ลูกชายของข้าเอ๋ย จงเข้มแข็งในพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์และสิ่งซึ่งเจ้าได้ยินจากข้าท่ามกลางพยานหลายคน ก็ให้เจ้าส่งต่อให้กับคนที่ซื่อตรงซึ่งเป็นคนที่สอนคนอื่นได้ด้วย
2 ทิโมธี 2:1-2

1 ทิโมธี 1:2, เอเฟซัส 6:10, สดุดี 40:10, 78:4

อย่างแรกคือ ท่านเปาโลขอให้เข้มแข็งในพระคุณของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่เข้มแข็งด้วยกำลังของตนเอง อย่างที่สองคือ การส่งต่อพระคำของพระเจ้าให้กับคนที่จะส่งต่อไปให้คนรุ่นต่อไป

เจ้าจะต้องอดทนต่อความยากลำบากเหมือนว่าเจ้าเป็นทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครที่เข้าไปพัวพันในสงครามจะวุ่นวายอยู่กับ เรื่องของชีวิตนี้ เพราะเขาจะต้องพยายามทำให้ผู้บังคับบัญชาของเขาพอใจ
2 ทิโมธี 2:3-4

2 ทิโมธี 4:5, 1 ทิโมธี 1:18,มัทธิว 16:24

คนที่เป็นทหารที่ค่อย ๆ ได้รับการเลื่อนขั้นตามลำดับรู้ดีว่า การเป็นทหารที่ซื่อตรงต่อผู้บังคับบัญชานั้นต้องควบคุมตนเอง เอาชนะตนเองขนาดไหน ต้องทิ้งตัวตนและหลาย ๆ อย่างในชีวิต หากผู้เชื่อไม่ได้มีความอดทนต่อความลำบาก ก็ยากที่จะทำอะไรสำเร็จเพื่อพระเจ้าได้ …

และเช่นกัน หากคนใดแข่งขันกีฬา เขาจะไม่ได้รับมงกุฎ ยกเว้นเสียแต่ว่าเขาแข่งตามกติกา เกษตรกรที่ทำงานหนัก สมควรเป็นคนแรกที่ได้รับ
ส่วนแบ่งจากพืชผลที่ได้มา
2 ทิโมธี 2:5-6

1 โครินธ์ 9:10,24,25, เอเฟซัส 6:12, ฮีบรู 6:7

คนของพระเจ้าจะดำเนินชีวิตตามกติกาของพระเจ้าเหมือนนักกีฬา ประเด็นคือ นักกีฬาต้องทำตามกติกา ทำตามใจตัวไม่ได้ ส่วนเกษตรกร ก็ไม่ใช่คนทำอะไรหยิบโหย่ง เขาทำงานหนักมาก พระเจ้าไม่มีที่ให้กับคนเกียจคร้าน

จงไตร่ตรองใคร่ครวญถึงสิ่งที่ข้ากล่าวมา ขอพระผู้เป็นเจ้าประทานความเข้าใจทุกสิ่งให้แก่เจ้า
2 ทิโมธี 2:7

สุภาษิต 2:6

ผู้รับใช้ของพระเจ้าเป็นเหมือนทั้ง
ทหาร-ถ้าไม่สู้ก็ไม่เห็นชัยชนะ
นักกีฬา-ถ้าหยุดแข่งก็ไม่มีเหรียญเกษตรกร-ถ้าเกียจคร้านก็ ไม่ได้พืชผล

ยึดมั่นในความจริง

จงจำไว้ว่า พระเยซูคริสต์ซึ่ง
ทรงเป็นผู้สืบเชื้อสายของดาวิด ได้ทรงคืนชีพจากความตาย
นี่เป็นข่าวประเสริฐที่ข้าประกาศ ข้าทนทุกข์ก็เพื่อข่าวประเสริฐนี้ ข้าถึงกับถูกล่ามโซ่ราวกับโจร แต่พระคำของพระเจ้าไม่มีใครล่ามโซ่เอาไว้ได้
2 ทิโมธี 2:8-9

1 โครินธ์ 15:20, มัทธิว 1:1, โรม 2:16,ฟีลิปปี 1:7,13, 2 ทิโมธี 4:17

การคึนชึพของพระเยซูนั้น เป็นสาระสำคัญยิ่งของความเชื่อ พระองค์ทรงอยู่กับทิโมธี และทิโมธีจะต้องยึดข่าวประเสริฐนี้ไว้ คำว่า โจร.. ในที่นี้ แรงมาก คริสเตียนถูกมองว่าเป็นอาชญากรในโลกโบราณ

ดังนั้นข้าจึงอดทนต่อทุกสิ่ง
เพื่อเห็นแก่คนที่ถูกเลือกไว้
เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับความรอดในพระเยซูคริสต์พร้อมกับพระสิริรุ่งโรจน์นิรันดร์
2 ทิโมธี 2:10

เอเฟซัส 3:13, โคโลสี 1:24, 1 โครินธ์ 13:7, 2 โครินธ์ 1:6, 1 เปโตร 5:10

ท่านเปาโลยินดีอดทน เผชิญต่อทุกสิ่งตราบใดที่พระกิตติคุณเผยแผ่ออกไป
ดูคนที่เคยข่มเหงพระคำของพระเจ้ามาเวลานี้ กลายเป็นคนที่ส่งเสริม ประกาศ พร้อมพลีชีวิตเพื่อคำที่เขาเคยข่มเหง

ข้อความนี้เป็นคำสัตย์จริง
เพราะหากว่าเราตายกับพระองค์
เราจะได้มีชีวิตกับพระองค์
ถ้าเรายืนหยัดอดทน
เราจะได้ครองกับพระองค์

2 ทิโมธี 2:11-12a

1 ทิโมธี 1:15, 1 เธสะโลนิกา 5:10, โรม 6:8, วิวรณ์ 20:4, 2 เธสะโลนิกา 1:4-5, โรม 8:17,

การตายกับพระองค์นั้น มีความหมายสองทาง คือบัพติศมาและการถูกข่มเหงเพื่อพระนาม .. ซึ่งในช่วงเวลานั้นเกิดการข่มเหงเป็นอย่างมาก
ความอดทนเป็นสิ่งที่โดดเด่นของผู้ที่เป็นคริสเตียนสมัยนั้น! ที่เป็นเช่นนั้นเพราะความหวังอันมีชีวิตเช่นนี้

หากเราไม่รับพระองค์
พระองค์จะทรงไม่รับเราเช่นกัน หากเราไร้ความจงรักภักดี
พระองค์ยังคงซื่อตรง
เพราะพระองค์ไม่อาจ
ปฏิเสธความเป็นพระองค์เอง
2 ทิโมธี 2:12b-13

ฮีบรู 10:36, มัทธิว 10:33 ,โรม 3:3, 1 โครินธ์ 1:9, กันดารวิถี 23:19, ทิตัส 1:2

และหากเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ก็จะไม่รับเรา การไม่รับพระองค์นี้เป็นได้ทั้งจากการกระทำและคำพูดของเรา
แต่ไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไร พระเจ้ายังทรงซื่อตรงต่อทุก ๆ คำที่พระองค์ตรัสไว้

เอาใจใส่สิ่งที่สำคัญ

เตือนสติคนของพระเจ้าเรื่องนี้ด้วย และกำชับพวกเขาต่อพระพักตร์
พระเจ้าไม่ให้โต้เถียงกันในเรื่องคำ ซึ่งไม่เป็นผลดี มีแต่จะทำลายคนที่ฟัง
2 ทิโมธี 2 :14

1 ทิโมธี 5:21,6:4,6:13, ทิตัส 3:9,

สิ่งที่ท่านกล่าวมาทั้งหมด ไม่ให้เก็บไว้คนเดียว แต่ให้ทิโมธีเตือนคนอื่นด้วยและให้หยุดการโต้เถียงเอาชนะกัน ที่ทำให้คนฟังหายนะ

จงขยันหมั่นเพียรเต็มที่ เพื่อพระเจ้าจะทรงรับรองยอมรับเจ้าเป็นคนทำงานที่ไม่ต้องอาย จัดการดูแลคำแห่งความจริงอย่างถูกต้อง
2 ทิโมธี 2 :15

ฟีลิปปี 1:20, 1 ยอห์น 2:28

คำเตือนของท่านเปาโลชัดเจนมากที่จะให้ทิโมธี ทำงานแบบที่พระเจ้าจะทรงชมเขาในวันสุดท้าย มีการใช้ความจริงของพระเจ้าอย่างตรงไปตรงมาเหมือนช่างอิฐที่ก่ออิฐอย่างงดงามไม่คดเคี้ยว คนทำงาน (ergaten)ในที่นี้ หมายถึงการงานที่ใช้แรงงานเป็นหลัก

จงหลีกเลี่ยงคำพูด ไร้สาระโง่เขลา มันยิ่งนำไปสู่ความตกต่ำไร้พระเจ้า คำพูดเหล่านั้นจะแพร่กระจายไปเหมือนเนื้อตายเน่า พวกนั้นรวมถึงฮีเมเนอัสกับฟีเลทัสด้วย เป็นคนที่หลงไปจากความจริงโดยกล่าวว่า การฟื้นคืนชีพเกิดขึ้นไปแล้ว เป็นการ ทำลายความเชื่อของพี่น้องบางคน
2 ทิโมธี 2:16-18

ทิตัส 3:9, 1 ทิโมธี 6:20, 1:20, 1 โครินธ์ 15:12,

คำที่ดูเหมือนฉลาดแต่โง่ในทางพระเจ้านี้ ทำให้คนมากมายหลงทางไป เป็นไปได้ที่คริสเตียนที่ภักดี แต่กลับไม่เข้าใจทางของพระเจ้าก็อาจหลงไปด้วย

แต่รากฐานอันมั่นคงของพระเจ้า
ยังคงอยู่ โดยมีการประทับตราว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบว่าใครเป็นของพระองค์”
และ “ให้ทุกคนที่ออกพระนามของ
องค์พระผู้เป็นเจ้าละทิ้งความชั่ว”
2 ทิโมธี 2:19

กันดารวิถี 16:5, เนหะมีย์ 1:7, ยอห์น 10:14,27, ลูกา 13:27, 1 โครินธ์ 8:3,
อิสยาห์ 26:13,อิสยาห์ 52:11

แม้มีผู้เชื่อที่หลงไป แต่คริสตจักรของพระเจ้าจะดำรงอยู่ มั่นคง ศิลามุมเอกจะเป็นรากฐานมั่นคง อิสยาห์ 27:16
การประทับตรานั้นบ่งว่า เขาเป็นของพระเจ้า เขามีความมั่นคงปลอดภัย และเขาเป็นของแท้

ดำเนินชีวิตที่พระเจ้าจะทรงใช้ได้

ในบ้านใหญ่หลังหนึ่งไม่ได้มีแค่ภาชนะทองและเงิน แต่ยังมีไม้และดินด้วย บ้างก็ใช้ในงานมีเกียรติ บ้างก็ใช้ในงานธรรมดา ดังนั้น หากใครชำระตัวเองจากสิ่งที่ไร้เกียรติ เขาก็จะเป็นภาชนะที่ใช้ในงานมีเกียรติ ถูกแยกไว้เป็นของบริสุทธิ์ มีประโยชน์สำหรับเจ้าบ้าน พร้อมสำหรับงานที่ดีทุกอย่าง
2 ทิโมธี 2:20-21

1 ทิโมธี 3:15, โรม 9:21, สุภาษิต 25:4, อิสยาห์ 52:11, 2 ทิโมธี 3:17,ทิตัส 3:1,1 ทิโมธี 5:10

ตอนนี้ท่านเปาโลกำลังหมายถึงคริสเตียนที่รับใช้พระเจ้าอย่างซื่อตรง
มีความมั่นคงในการติดตามพระเจ้า กับคนที่บอกว่าเชื่อพระเจ้าแต่ไม่ถวายเกียรติพระเจ้า สอนผิด หากคนใดหลีกเลี่ยงจากสิ่งไร้เกียรติ พระเจ้าก็จะทรงใช้เขาได้ในบ้านหลังใหญ่ ซึ่งน่าจะหมายถึงคริสตจักรของพระเจ้านั่นเอง

ดังนั้นให้หลีกหนีจากความเร่าร้อนของคนหนุ่ม และตามติดความชอบธรรม ความเชื่อ ความรักและสันติ พร้อมไปกับคนที่ร้องเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจใสสะอาด
2 ทิโมธี 2:22

1 ทิโมธี 6:11,4:12, กิจการ 7:59,9:14,
1 ทิโมธี 1:5

กล่าวโดยสรุป ท่านเปาโลขอให้ทิโมธีหลีกหนี วิ่งออกจากหัวใจคนหนุ่มที่เร่าร้อนเรื่องต่าง ๆในทางตรงข้ามเขาจะต้องวิ่งหาการประพฤติถูกต้อง ความเชื่อ รักพี่น้อง รักสันติ พร้อมๆ ไปกับพี่น้องในคริสตจักร

อย่าไปยุ่งกับการโต้แย้งที่โง่เขลาไร้สาระ เจ้าก็รู้ว่ามันยิ่งก่อให้เกิดการทุ่มเถียงกันเพิ่มขึ้นอีก ผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนช่างทะเลาะ แต่ต้องมีน้ำใจดีต่อทุกคนมีทักษะการสอน อดทนเมื่อคนอื่นทำผิดต่อเขา
2 ทิโมธี 2:23-24

1 ทิโมธี 6:4, 1 ทิโมธี 3:3, 1 เธสะโลนิกา 2:7, 1 ทิโมธี 3:2

ยิ่งกว่านั้น ต้องหลีกหนีจากการโต้เถียงให้ได้ ปฏิเสธไม่เข้าสู่การตอบโต้ เราจะเห็นว่าโลกข้างนอกก็มีการโต้เถียงการต่อต้านกันมากมายอยู่แล้ว
ต้องไม่ให้พฤติกรรมแบบนั้นเข้ามาในคริสตจักรชัดเจนว่าคนของพระเจ้าต้องมีลักษณะอย่างไร น้ำใจดี อดทน ไม่ช่างทะเลาะ

และแก้ไขความผิดของฝ่ายตรงข้ามอย่างอ่อนสุภาพ เผื่อว่าพระเจ้าจะทรงให้เขากลับใจ ทำให้เขารู้ความจริง และเขาจะได้กลับมามีสติ และหนีจากกับดักมารที่พยายามจับเขาเป็นเชลยเพื่อให้ทำตามใจของมัน 2 ทิโมธี 2:25-26

กาลาเทีย 6:1, ทิตัส 3:2, 1 ทิโมธี 6:11, 1 เปโตร 3:15, ดาเนียล 4:27, กิจการ 8:22

คนของพระเจ้าจะต้องสอนเป็น อดทน และน้ำใจดี เราหลายคนอาจขาดสิ่งเหล่านี้ แต่สร้างได้ ต้องไม่ลืมว่า เวลาเตือนสติคนอื่น เรากำลังช่วยให้เขาพ้นกับดักมารที่หลอกล่อให้คนตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ

2 ทิโมธี 1 จิตใจที่กล้าหาญ

เนื่องจากภาพที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือแตกต่างกัน จึงขออธิบายว่า ในแต่ละข้อแบ่งเป็นสี่ตอน คือ ข้อความในพื้นเทา เป็นข้อพระคัมภีร์ ตัวหนังสือเล็กสีส้ม เป็นพระคำที่เกี่ยวข้อง ภาพประกอบ และคำอธิบายเพิ่มเติม

คำทักทาย เริ่มต้นจดหมาย ความทรงจำดี ๆ ต่อกัน บทนี้ ทำให้เราเห็นหัวใจความห่วงใยของท่านเปาโลที่มีต่อทิโมธีชัดเจนมาก

จดหมายจากข้า เปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์ตาม
พระประสงค์ของพระเจ้า ตามพระสัญญาแห่งชีวิตซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์
ถึงทิโมธี ลูกชายที่รักของข้า
ขอให้พระคุณ พระเมตตา และสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดา และพระเยซูคริสต์ของเรา จงอยู่กับเจ้าเถิด
2 ทิโมธี 1:1-2

2 โครินธ์ 1:1 ,เอเฟซัส 1:1, โคโลสี 1:1,ทิตัส 1:2

ท่านเปาโลมองว่าตัวเองเป็นผู้สื่อสารข่าวที่นำชีวิตให้กับผู้รับสาร
ในฉบับแรกท่านเรียกทิโมธีว่า ลูกชาย
แท้ในความเชื่อ แต่ในฉบับที่สองท่านใช้คำว่า ทิโมธี ลูกชายที่รักของข้า.. รู้สึกได้เลยว่า ใกล้ชิดขึ้น สนิทมากขึ้น รักมากกว่าเดิม

ข้าขอบคุณพระเจ้าผู้ที่ข้ารับใช้ด้วยจิตสำนึกบริสุทธิ์ ตามอย่างบรรพบุรุษของข้า ข้าระลึกถึงเจ้าเสมอยามที่ข้าอธิษฐานทั้งคืนวันเมื่อคิดถึงน้ำตาของเจ้า ข้าก็อยากมาหาเจ้านัก เพื่อว่าใจข้าจะเต็มด้วยความยินดี
2 ทิโมธี 1:3-4

กิจการ 24:14, 2 ทิโมธี 4:6-17

สิ่งที่ท่านเปาโล ทำไม่ได้คือไปหาทิโมธี แต่คำอธิษฐานของท่านทรงพลังกว่าการพบปะกันเสียอีก เวลาท่านคิดถึงทิโมธี ท่านน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งในพระเจ้าที่ทรงให้มีคนอย่างทิโมธี คิดถึงเขาทีไรท่านก็ มีความชื่นชมยินดี ขอบคุณพระเจ้าที่จดหมายแห่งรักของเปาโลยังคงเกิดผลในทุกวันนี้

ข้าฯ ระลึกถึง ความเชื่อที่จริงใจของเจ้า ซึ่งแต่แรกก็มีอยู่ทั้งในคุณยายโลอีส และคุณแม่ยูนีส และข้าเชื่อว่า ตอนนี้มีอยู่ในเจ้าเช่นกัน
2 ทิโมธี 1:5

1 ทิโมธี 1:5,4:6, กิจการ 16:1

แน่ใจได้เลยว่า ขณะที่ทิโมธีกำลังรับใช้พระเจ้าอยู่ ทั้งสองต้องได้อธิษฐานเผื่อและได้ช่วยเป็นกำลังเท่าที่จะทำได้ การมีพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายที่เชื่อพระเจ้า และส่งต่อความเชื่อลงมาให้ลูกหลานจนพวกเขารู้จักพระเจ้าด้วยตัวเองจริง ๆ นับเป็นพระพรใหญ่ยิ่งสำหรับชีวิตคน ๆ หนึ่ง

หนุนใจให้กล้าหาญ

ด้วยเหตุนี้ จึงขอเตือนใจเจ้าว่า จงทำให้ของประทานซึ่งผ่านการวางมือจากข้าให้เจ้านั้น เจริญรุ่งเรืองขึ้น เพราะพระเจ้ามิได้ประทานให้เรามีใจขลาดกลัว แต่ประทานหัวใจที่เต็มด้วยฤทธิ์อำนาจ ความรัก และการบังคับตนเองให้เรา
2 ทิโมธี 1:6-7 

1 ทิโมธี 4:14,โรม 8:15,กิจการ 1:8

สิ่งที่ท่านเปาโลย้ำคือ การทำให้สิ่งนั้นเจริญขึ้น ไม่ใช่อยู่กับที่ ท่านเตือนให้จุดประกายแห่งของประทานให้ลุกเป็นไฟเสมอในตัวของเรา เราต้องมีความตั้งใจที่จะให้การรับใช้มีประสิทธิภาพ ดีขึ้น ๆ ตลอดชีวิตของเรา
พระวิญญาณเป็นผู้ประทานใจที่จะช่วยให้เราเจริญขึ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่างานจะด้อยลง … คลังปัญญา ความคิด ความเข้าใจมาจากพระองค์

ดังนั้น อย่าอายคำพยานถึงเรื่องพระผู้เป็นเจ้าของเรา อย่าอายเพราะตัวข้าที่เป็นนักโทษของพระองค์ แต่ให้แบกภาระเพื่อพระกิตติคุณร่วมกับข้า ตามฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
2 ทิโมธี 1:8

โรม 1:16, 8:28,16:25

ในสังคมอิสราเอลโบราณนั้น เป็นสังคมที่ เน้นเรื่องเกียรติกับความน่าอาย พูดง่าย ๆ คือ เสียหน้าไม่ได้ เกียรติมาก่อนสิ่งอื่นใด ทิโมธีอาจมีปัญหานี้บ้าง การประกาศพระกิตติคุณนั้น ต้องมีคนไม่พอใจ มีคนด่าว่า ท่านเปาโลเตือนให้ทิโมธีไม่อายเพราะพระกิตติคุณและการที่เกี่ยวพันกับนักโทษอย่างท่าน

แผนการแห่งความรอดของพระเจ้า

ผู้ทรงช่วยเราให้รอด และทรงเรียกเราด้วยการทรงเรียกอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นเพราะการกระทำของเรา แต่เป็นไปตามพระประสงค์และพระคุณของพระองค์เองที่ประทานให้เราในพระเยซูคริสต์ก่อนกาลเวลาจะเกิดขึ้น
2 ทิโมธี 1:9

โรม 3:20,8:28,16:25, เอเฟซัส 2:8-9, 1:3-4

พระเจ้าทรงเรียกเรา เพื่อให้เราเป็นคนบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระองค์
ทรงเรียกมาก่อนชีวิตเราจึงบริสุทธิ์ได้
และการทรงเรียกนี้เกิดขึ้นก่อนกาลเวลา เอเฟซัส 1:4 พระเจ้าทรงเรียกเราก่อนปฐมกาล โรม 16:25 พระเจ้าทรงให้เรามั่นคงได้

ท่านเปาโลมั่นใจในงานที่พระเจ้าทรงกำหนดให้

มาบัดนี้ ได้มีการสำแดงโดยการปรากฏของพระเยซูคริสต์เจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงปราบความตาย ทรงให้ชีวิตและความเป็นอมตะเป็นที่ประจักษ์ผ่านทางข่าวประเสริฐซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าได้รับการแต่งตั้งให้เทศนาให้เป็นอัครทูต และเป็นครู
2 ทิโมธี 1:10-11

เอเฟซัส 1:9,กิจการ 9:15,1 ยอห์น 1:2, 1 ทิโมธี 1:7

พระเจ้าทรงวางแผนข่าวประเสริฐไว้ตั้งแต่ก่อนมี กาลเวลา บัดนี้ พระเยซูคริสต์ทรงทำให้เราเข้าใจแผนการแห่งความรอดนั้น “แม้ว่าเรายังต้องตายฝ่ายร่างกาย แต่ฝ่ายวิญญาณนั้น เราจะไม่ตายแต่จะเป็นอมตะกับ พระเจ้าเพราะพระองค์ทรงปราบความตายแล้ว”
โรม 16: 25-26

ด้วยเหตุนี้ข้าจึงทนทุกข์อย่างที่เป็นอยู่ ถึงกระนั้นข้าก็ไม่ละอาย เพราะข้ารู้จักพระองค์ที่ข้าเชื่อ และข้ามั่นใจว่าพระองค์จะทรงรักษาสิ่งที่ข้าได้ฝากไว้กับพระองค์จนถึงวันนั้นได้
2 ทิโมธี 1:12

1 เปโตร 4:19, 1 ทิโมธี 6:20,ยูดา 1:24, โรม 1:16

ท่านเปาโลเทศนาสั่งสอนอย่างกล้าหาญและภาคภูมิใจ ทั้งที่เผชิญความลำบาก ถูกจำคุก แต่ท่านไม่ได้กลัวเนื่องจากได้ฝากชีวิตไว้กับพระเจ้าแล้ว
ท่านเชื่อพระผู้ทรงสามารถรักษาทุกสิ่งที่ท่านฝากไว้ได้แน่นอน หากไม่ฝากไว้กับพระเจ้า เก็บชีวิตของตัวเองไว้
มันคงไม่ปลอดภัย อ่านเพิ่มเติมชีวิตท่านเปาโลในกิจการ 20-28

ท่านเปาโลหนุนใจทิโมธีให้ซื่อตรงต่อความจริง

จงยึดมั่นในคำสอนที่ถูกต้องซึ่งเจ้าได้ยินจากข้าด้วยความเชื่อและความรักซึ่งมีในพระเยซูคริสต์
จงรักษาสิ่งที่ล้ำค่าซึ่งเรามอบให้เจ้าโดยพึ่งองค์พระวิญญาณ
ซึ่งประทับในเรา
2 ทิโมธี 1:13-14

ทิตัส 1:9, 2 ทิโมธี 3:14, ฟีลิปปี 4:9,1 ทิโมธี 6:20, 1 โครินธ์ 3:16

เรามีคนที่ยึดมั่นในคำสอนที่ถูกต้องแบบไร้ความรัก และบังคับให้คนอื่นยึดแบบตัวเอง แต่ท่านเปาโลให้เราตั้งมั่นในคำสอนด้วยความเชื่อและความรักที่เรามีต่อพระเยซู ความถ่อมตน ความเห็นแก่ประโยชน์คนอื่นจึงตามมา พระวิญญาณจะทรงช่วยให้เราซื่อตรงต่อพระเจ้า รักษา ทำตามได้โดยแรงของพระวิญญาณ ไม่ใช่แรงน้อย ๆ ของเราเอง

ผู้รับใช้ที่ภักดีกับคนไม่ซื่อ

เจ้ารู้อยู่ว่าคนในเอเชียได้หันหลัง จากข้า ในพวกนั้นมีฟีเจลัสและเฮอร์โมเกเนส รวมอยู่ด้วยขอพระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตาต่อครอบครัวโอเนสิโฟรัส เพราะเขาทำให้ข้าชื่นใจเสมอ เขาไม่อับอายในโซ่ตรวนของข้าเลย
2 ทิโมธี 1:15-16

2 ทิโมธี 4:16 , ฟีลิปปี 2:21, 2 ทิโมธี 4:10-11,19, ฟิเลโมน 1:7,20, ฮีบรู 6:10

เอเชียในสมัยนั้น คือเอเชียภายใต้การ
ปกครองของโรม ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในตุรกีปัจจุบัน มีสองคนที่ไม่ได้ยึดมั่น แต่เดินหันหลังให้เปาโลที่ท่านต้องออกชื่อ ก็เพื่อไม่ให้ทั้งสองนี้ไปชวนใคร แต่ขณะเดียวกันยังมีคนที่ซื่อตรง คนที่ไม่อายว่า เปาโลเป็นนักโทษ เป็นคนที่ทำให้สดชื่นเมื่อพบ

แต่เมื่อเขามาถึงโรม เขาก็ตามหาข้าอย่างร้อนใจและได้พบข้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขาได้พบพระเมตตาจากพระองค์ในวันนั้น และเจ้าก็รู้ดีว่า เขาได้รับใช้ ข้ามากแค่ไหนตอนที่เขาอยู่เมืองเอเฟซัส ขอองค์พระผู้เจ้าให้เขาได้ รับพระเมตตาในวันพิพากษาด้วย
2 ทิโมธี 1:17-18

กิจการ 28:30-31, ฮีบรู 6:10, วิวรณ์ 2:1, 1 เธสะโลนิกา 2:19

ชื่อของโอเนสิโฟรัส มีความหมายว่า ผู้ที่นำความช่วยเหลือมา เขาใช้ชีวิตอย่างซื่อตรง ภักดีต่อพระวจนะของพระเจ้า ทำโดยการรับใช้ท่านเปาโลอย่างโดดเด่น ท่านเปาโลเองได้อธิษฐานของสิ่งที่พิเศษให้กับเขา และครอบครัว นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างของคำอธิษฐานที่มีต่อผู้อื่น

1 ทิโมธี 6 การมองโลก ชีวิต เงิน ความสัมพันธ์

คอลัมน์ซ้ายเป็นพระคำ อ่านต่อลงไปได้ เมื่อต้องการ พระคำเชื่อมโยง ดูคอลัมน์ กลาง และคำอธิบายเพิ่มเติมในคอลัมน์ขวามือสุด

ให้ทุกคนที่เป็นทาส ถือว่านายของตนเป็นที่เคารพ เพื่อว่าจะไม่มีใครอาจมากล่าวหาพระนามของพระเจ้าและคำสอนของเราได้
1 ทิโมธี 6:1

1 เปโตร 2:18, อิสยาห์ 52:5, โรม 2:24, ทิตัส 2:5

โลกโบราณ มีนาย-ทาสอยู่กันมาเนิ่นนาน ไม่ได้ หมายความว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ตั้งระบบนี้ แต่ ในสังคมดั้งเดิมนั้น ความสัมพันธ์นายกับบ่าว ถ้าดีก็จะเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เอาใจใส่ กัน แต่ถ้าร้าย ก็จะกลายเป็นนายที่โหดเหี้ยม และกดขี่ทาสของตน ท่านเปาโลต้องการให้ผู้เชื่อที่เป็นทาสนั้นให้เกียรติ เจ้านายของตน การใช้ชีวิตของผู้เชื่อจะต้อง เดินตามพระเยซูคริสต์ 

ส่วนคนที่มีนายซึ่งมีความเชื่อก็ต้อง ไม่ขาดความเคารพนาย เพราะ
ได้เป็นพี่น้องกันแล้ว
ควรรับใช้เขาให้ดียิ่งขึ้น เพราะพวกเขาเป็นผู้มีความเชื่อ เป็นที่รักของพระเจ้า
จงสอนและกำชับในเรื่องเหล่านี้
1 ทิโมธี 6:2

ฟิเลโมน 16, 1 ทิโมธี 4:11,13, 5:7

ให้เรามองพระคำข้อนี้ ในบริบทโลกปัจจุบัน นอกจากลูกจ้างคริสเตียนจะต้องปฏิบัติต่อนายที่ไม่เชื่ออย่างดีแล้ว เขาต้องให้เกียรติและรับใช้นายที่เป็นพี่น้องคริสเตียนอย่างดี เพราะนายผู้นั้นเป็นที่รักของพระเจ้าในเอเฟซัส 6:7

ถ้าใครสอนเท็จ ไม่เห็นด้วยกับคำสอนที่แท้ของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา และคำสอนในทางของพระเจ้า คนนั้นก็คือคนพองตัว หยิ่งยโส ไม่เข้าใจอะไรเลย เขาเร่าร้อนที่จะโต้แย้ง และการทุ่มเถียงในเรื่องคำ ซึ่งก่อให้เกิดการอิจฉา การวิวาท การกล่าวร้าย การไม่ไว้วางใจกัน
1 ทิโมธี 6:3-4

1 ทิโมธี 1:3, 1:10, ทิตัส 1:1,
1 ทิโมธี 3:6, 2 ทิโมธี 3:4,
1 โครินธ์ 8:2, 2 ทิโมธี 2:23,14

คนที่ไม่เห็นด้วยกับพระคำ และคำสอนของ พระเยซูคริสต์นั้น เป็นคนที่ต้องอยู่ห่าง ๆ เข้าไว้ ไม่ว่าในยุคโบราณหรือปัจจุบัน คนพวกนี้มี นิสัยแบบที่ท่านเปาโลเขียนไว้ 

เป็นการโต้เถียงของคนที่มีความคิดทราม ไม่มีความจริง คิดว่า จะเอาทางของพระเจ้าเป็นช่องทางหาผลประโยชน์ คนอย่างนั้น เราต้องอยู่ห่าง ๆ

1 ทิโมธี 6:5

2 ทิโมธี 3:8, เอเฟซัส 4:22, ทิตัส 1:15, 11, 2 เปโตร 2:3

คนแบบนี้ ไม่ได้หายาก แต่หาง่ายมาก เราแค่ต้องระวังให้ดี

ความจริงแล้ว การใช้ชีวิตในทางของ พระเจ้า พร้อมกับมีความพึงพอใจ ถือว่าได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะว่าเราไม่ได้นำอะไรเข้ามา ในโลก และเราก็ไม่สามารถเอาอะไร ออกไปได้ถ้าเรามีอาหาร เสื้อผ้า เราก็พึงใจได้แล้ว 1 ทิโมธี 6:6-8

1 ทิโมธี 4:8, สดุดี 37:16,
สุภาษิต 15:16, 16:8, ฟีลิปปี 4:11, ฮีบรู 13:5, โยบ 1:21, สดุดี 49:17, สุภาษิต 30:8

 แต่ละคนมีความพึงพอใจไม่เท่ากัน บางคนแค่ นี้ก็พอแล้ว บางคนต้องมีมากกว่านั้นหน่อย บางคนก้าวไปถึงกับต้องรวยไม่เลิก​… สรุปคือ ทางของพระเจ้า +เพียงพอ = สุขใจ สุขใจจริงนะถ้าอยู่ในสภาพนี้ได้ อธิบายเเพิ่มเติม 1 ทิโมธี 6:6-8

ส่วนคนที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ใต้ การหลอกล่อ ติดกับดักของความ อยากได้ที่ไร้สาระและเป็นภัยที่ทำให้ ตนเองต้องหายนะและพินาศ เพราะการรักเงินเป็นต้นเหตุของ ความบาปชั่วทั้งสิ้น การโลภเงินทำให้บางคนหลุดไปจากความเชื่อ และชีวิตทุกข์ระทมยิ่งนัก
1 ทิโมธี 6:9-10

สุภาษิต 15:27, 23:4,28:20, มัทธิว 13:22, 1 ทิโมธี 1:19

ความหายนะในชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อเรายากจน แต่มันเกิดขึ้นเมื่อคน ๆ หนึ่งกลายเป็นปีศาจ กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวสุดขีด เพราะรักเงิน การรักเงินทำให้คนทำชั่วได้สารพัด

แต่เจ้าผู้เป็นคนของพระเจ้า ให้หนีจาก สิ่งเหล่านี้ ให้ติดตามความถูกต้องชอบธรรม ความดีของพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความทรหดอดทนและความอ่อนโยน จงต่อสู้สุดกำลัง ความเชื่อ ยึดมั่นในชีวิตนิรันดร์ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกให้เจ้ามารับ เมื่อเจ้าประกาศตนรับเชื่อต่อหน้า พยานหลายคน
1 ทิโมธี 6:11-12

2 ทิโมธี 3:17, 2:22, สุภาษิต 15:9 , 1 ทิโมธี 1:18, 1 โครินธ์ 9:25, ฟีลิปปี 3:12, 1 เปโตร 5:10 ,2 โครินธ์ 9:13

ทิโมธีได้ชื่อว่า เป็นคนของพระเจ้า เขาต้อง ทำสามอย่างคือ หนี ตามหา ต่อสู้… เขาต้องหนี คำสอนเท็จ การโต้แย้งที่สร้าง ความอิจฉา การวิวาท ใส่ร้าย และการรักเงินเขาต้องตามหา ความถูกต้อง ทางของพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทน ความอ่อนโยน เขาต้องต่อสู้สุดกำลังความเชื่อ เพื่อชีวิต นิรันดร์ที่พระเจ้าทรงเลือกให้เขารับ

ข้าขอกำชับเจ้าต่อพระพักตร์ของพระเจ้า ผู้ประทานชีวิตแก่ทุกสิ่ง และต่อพระพักตร์พระเยซู ผู้ทรงเป็นพยานอย่างหนักแน่นต่อหน้าปอนทัสปีลาต ให้เจ้ารักษาคำสั่งนี้ โดยไม่มีตำหนิ และให้พ้นจากคำติเตียนจนกว่า พระเยซูคริสต์เจ้าจะทรงปรากฏ
1 ทิโมธี 6:13-14

1 ทิโมธี 5:21, มัทธิว 27:11, ยอห์น 18:37, วิวรณ์ 1:5 ,3:14, 2 เธสะโลนิกา 2:8

ตอนที่พระเยซูทรงอยู่ต่อหน้าปีลาตนั้น ปีลาต ไม่สามารถเอาผิดอะไรได้เลย พระองค์ทรงเป็น พยานให้พระองค์เองอย่างไร้ตำหนิ และเมื่อถูก ถามว่าทรงเป็นกษัตริย์ของยิวหรือ พระองค์ก็ ทรงตอบว่า เป็นอย่างที่ท่านพูด (มัทธิว 27:11)ท่านเปาโลขอให้ทิโมธีทำตามอย่างพระเยซู เป็นคนที่ไร้ความด่างพร้อย

ซึ่งพระเจ้าจะทรงสำแดงในเวลาอันเหมาะสม พระองค์ผู้สมควรรับการสรรเสริญ ทรงอำนาจครอบครองสูงสุด เพียงพระองค์เดียว ทรงเป็นจอมราชา จอมเจ้านาย พระองค์ผู้เดียวทรงเป็น อมตะ ประทับในความสว่างที่เราไปไม่ถึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครเคยเห็นและเห็นไม่ได้ ขอพระเกียรติและอาณาจักรนิรันดร์ เป็นของพระองค์สืบไปเป็นนิตย์ อาเมน
1 ทิโมธี 6:15-16

1 ทิโมธี 2:6,1:11, 1:17, วิวรณ์ 17:14, สดุดี 104:2, โยบ 37:23, ยอห์น 1:18

เป็นข้อ สั้น ๆ ที่บอกเราถึงพระลักษณะที่ชัดเจน สง่างามยิ่งนัก การที่ทรงครอบครองเหนือกษัตริย์ใด ๆ ทรงมีฤทธิ์เหนือความตาย ทำให้เรามีความมั่นใจ ในการอธิษฐานเผื่อผู้ปกครองทั้งหลายในโลกถึงแม้พวกเขาดูใหญ่โต แต่พระเจ้าของเราทรงใหญ่กว่านั้น ทรงอยู่ในสว่างที่เราไปไม่ถึง ถึงไม่ได้เพราะเราคงต้องไหม้เป็นจุณไปทันที สว่างของพระองค์ทรงพลังยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ เสียอีก ข้อนี้เป็นภาพของพระเจ้าผู้สง่างามโอ่อ่าตระการ พระเจ้าของเรา ! 1 ทิโมธี 6:15-16

ส่วนพวกที่ร่ำรวยในยุคนี้ ก็เตือนให้พวกเขาอย่าเย่อหยิ่ง หรือวางความหวังไว้กับความมั่งคั่ง ที่ไม่แน่นอน แต่ให้หวังใจในพระเจ้า ผู้ประทานทุกสิ่งที่เราชื่นชม
1 ทิโมธี 6:17

2 ทิโมธี 4:10,ทิตัส 2:12,โรม 11:20,12:3, สุภาษิต 23:5

 คนรวยบางคนเจอความทุกข์ใจที่เงินทองช่วย ไม่ได้ เขาจึงกลับมาหาพระเจ้าและรู้ความจริง แต่มีคนที่รวยอยู่แล้ว แล้วไม่เคยจนตรอก จึงไม่มีประสบการณ์การพึ่งพระเจ้า คิดว่าเงิน เป็นคำตอบของทุกสิ่ง แต่ท่านเปาโลเตือนสติว่า อย่าพึ่งสิ่งเหล่านั้นอย่าเย่อหยิ่ง ให้วางใจในพระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งให้เรา ต้องตระหนักว่า ต้นตอของทุกสิ่งมาจากพระองค์

จงกำชับพวกเขาให้ทำดี ให้รวยในการกระทำดี มีน้ำใจกว้างขวาง พร้อมที่จะแบ่งปัน
การทำเช่นนี้ เป็นการสะสมทรัพย์ไว้ เพื่อเป็นรากฐานที่ดีสำหรับอนาคต เพื่อว่าเขาจะยึดมั่นในสิ่งที่เป็นชีวิตแท้
1 ทิโมธี 6:18-19

ลูกา 12:2, ทิตัส 3:8,14,โรม 12:13,มัทธิว 6:19

ท่านเปาโลกำลังสอนคนรวยให้รวยแบบมี มุมมองนิรันดร์ จัดการกับโลกนี้ให้ดี เพื่อ โลกหน้าจะได้ดีด้วย ใจที่ยินดีจะให้นั้นมันแปลก ไม่หวง ไม่ห้าม ไม่คิด ว่าจะหมด พร้อมให้ ใครเป็นอย่างนี้ก็จะปลอด รอดพ้นจากสภาพวัตถุนิยม ทำให้เราไม่คิด พึ่งพาความมั่งคั่งของตน การเป็นคนที่ให้

ทิโมธีเอ๋ย จงรักษาสิ่งที่มอบหมายไว้ให้เจ้า ให้หนีจากการพูดคุยที่ไร้สาระ และการโต้แย้งที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นความรู้ บางคนได้รับเอาความรู้แบบนี้ไว้ จึงหลงไปจากความเชื่อ ขอพระคุณดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด 1 ทิโมธี 6:20-21

2 ทิโมธี 3:5, 4:4 ,2:16 ทิตัส 4:4, โคโลสี 4:18

คิดว่าต้องใช้ความคิดของพวกเขาเราจึงจะ ประสบความสำเร็จ ยังมีความคิดของพวก ที่ทำนายอนาคต พวกที่วิพากษ์สังคม นักข่าว หลายคนอาจตามความคิดเหล่านั้นไป แต่ท่านเปาโลเตือนเรามานานกว่าสองพันปี มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทิโมธีกับเราจะต้องรักษาพระคำที่เปาโลสอนไว้ และหลีกหนีจากคำพูดไร้สาระให้มากที่สุด แล้วจะปลอดภัย อธิบาย 1 ทิโมธี 6:20-21

1 ทิโมธี 5 การปฏิบัติต่อพี่น้อง

อย่าตำหนิผู้อาวุโสอย่างเกรี้ยวกราด แต่จงเตือนเขาเหมือนว่าเขาเป็นพ่อของเจ้า จงปฏิบัติต่อชายหนุ่มที่อ่อนกว่าเจ้าเหมือนเป็นน้องชาย ปฏิบัติต่อสตรีสูงวัยเหมือนเธอเป็นมารดา และหญิงสาวที่อ่อนกว่าเหมือนเป็นน้องสาวด้วยใจบริสุทธิ์ จงให้เกียรติแก่หญิงม่ายไร้ที่พึ่ง
1 ทิโมธี 5:1-3

เลวีนิติ 19:32, 1 เปโตร 5:5-6

คำว่าเตือนที่ท่านเปาโลใช้ มีความหมายว่าว่า ช่วยหนุน กำลังเขาคนนั้นให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนแม่ม่ายแทบจะไม่มีทางหา รายได้เลย ต้องพึ่งพาครอบครัว คำสอนของท่านเปาโลช่วยให้ แม่ม่ายยากจนมีคนดูแลเอาใจใส่ นอกจากนั้น ผู้รับใช้อย่างทิโมธีจะ ต้องไม่ใช้วาจาล่วงล้ำ หรือหยอกเล่นหญิงสาวอย่างไม่สมควร

ถ้าหญิงม่ายคนใดมีลูกหลาน ก็ให้ลูกหลานได้เรียนรู้การทำหน้าที่ในทางของพระเจ้า โดยให้ดูแลเอาใจใส่ครอบครัวตนเองเป็นการตอบแทนคุณของพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พระเจ้าทรงพอพระทัยกับการกระทำเช่นนี้
1 ทิโมธี 5:4

ปฐมกาล 45:10,มัทธิว 15:4-6

นี่เป็นการสร้างสังคมแห่งการเอื้อเฟื้อ การดูแลผู้ที่อ่อนแอกว่า ต่างจากสังคมคนนอกที่คนแข็งแรงเอาเปรียบคนที่อ่อนแอ เด็กกำพร้า หญิงม่ายต่าง ตกอยู่ในความยากแค้นแสนสาหัสเป็นส่วนใหญ่ และการตอบแทนคุณของผู้มีพระคุณเป็นเรื่องสำคัญใน หมู่คนที่เชื่อพระเจ้า

หญิงม่ายที่ขัดสนจริง ๆ และอยู่ลำพังคนเดียวมีความหวังในพระเจ้า เธออธิษฐานและขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าทั้งวันและคืน แต่หญิงม่ายที่ปล่อยตัวนั้น ก็เหมือนกับตายทั้งเป็นจงกำชับพวกเธอในเรื่องเหล่านี้ เพื่อว่าพวกเธอจะไม่ถูกใครตำหนิ
1 ทิโมธี 5:5-7

กิจการ 26:7, ยากอบ 5:5

แม่ม่ายที่ชราแล้ว เป็นคนที่ ต้องพึ่งพระเจ้ามาก จึงใช้เวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตกับการ อธิษฐานให้พระเจ้าทรงช่วยเหลือ ในคริสตจักรเราพบว่า ม่ายเหล่านี้แหละที่เป็นคนมีความเชื่อ และเป็นพลังการอธิษฐานของคริสตจักรแต่ยังมีแม่ม่ายสาวที่ยังสนุกเพลิดเพลิน ซึ่งการใช้ชีวิตโดยไม่ระวังเท่ากับตายทั้งเป็น

ถ้าใครไม่ยอมเลี้ยงดูญาติพี่น้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในครอบครัวเท่ากับคนนั้นปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก
1 ทิโมธี 5:8

อิสยาห์ 58:7, 2 ทิโมธี 3:5, มัทธิว 18:17

หากผู้เชื่อไม่ดูแลคนในครอบครัว เท่ากับเขาล้มเหลวในความเชื่อของเขา ในโลกทุกวันนี้ เราเห็นพ่อแม่มากมายที่ไม่ดูแลครอบครัว แต่หลงทำบาป ทำตามใจตัวเอง ครอบครัวเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ที่จะให้เป็นจุด เริ่มต้นของความรัก

การลงทะเบียนเพื่อช่วยเหลือ หญิงม่ายนั้น จะทำได้เมื่อเธอ
อายุเกินหกสิบปี และมีสามีเดียว และเธอต้องมีชื่อเสียงดี เป็นที่รู้กันว่า เธอเอาใจใส่เลี้ยงดูลูก มีน้ำใจรับรองแขก ล้างเท้าคนของพระเจ้า ช่วยเหลือคนทุกข์ยาก และทุ่มเททำดี
1 ทิโมธี 5:9-10

กิจการ 9:39, 1 เปโตร 2:12

ระบบการช่วยเหลือพี่น้องในชุมชนคริสเตียนนั้น นับว่า ก้าวหน้ามาก มีการลงชื่อแม่ม่ายที่มีอายุเกิน 60 ปี เพื่อเป็นหลักประกันว่า คริสตจักรจะต้องช่วยดูแลคน เหล่านี้ต่อไป น้ำใจของพระเจ้าที่มีต่อคนชรานั้น มากมายเหลือล้น จากพระคำข้อนี้เราเห็นว่า คนที่ได้ลงทะเบียนก็ต้องเป็น คนที่มีประโยชน์ต่อสังคม ต่อผู้อื่นมาก่อน

แต่อย่าลงทะเบียนให้หญิงม่ายสาว เพราะเมื่อไรที่ความอยากของพวกเธอชักจูงให้ห่างพระคริสต์ พวกเธออาจจะอยากแต่งงานอีกครั้ง เธอจึงมีโทษ เพราะไปละเมิดคำปฏิญาณเดิม
1 ทิโมธี 5:11-12

2 เปโตร 2:18, ยากอบ 5:5

จากคำพูดของท่าน เปาโล ดูเหมือนว่า บางคนไปแต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อหรือการแต่งงานเกิดจากความไม่สามารถรักษาตัว
ให้บริสุทธิ์ตัวเธอเองก็จะถูกคนอื่นตำหนิติเตียน ท่านเปาโลไม่ได้ต้องการให้คริสตจักรปฏิเสธพวกเธอ แต่ให้ระวัง ทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมกับทุกคน
ท่านไม่ได้ห้ามแต่งงานใหม่ จากข้อถัดไปเราจะเห็น ความคิดของท่าน

นอกจากนั้นบางคนยังเกียจคร้าน สันหลังยาว เที่ยวไปตามบ้าน มีนิสัยนินทาว่าร้าย ยุ่งเรื่องคนอื่น พูดเรื่องที่ไม่ควรพูด ดังนั้นข้าจึงอยากให้ม่ายสาวมีสามี มีลูกชาย
ลูกสาว ได้ดูแลบ้านเพื่อไม่ให้ศัตรูมีช่องทางใส่ร้ายได้ และมีบางคนก็ได้ติดตามซาตานไปแล้ว
1 ทิโมธี 5:13-15

1 เปโตร 4:17, สุภาษิต 20:19,ทิตัส 2:5,ยูดา 1:4-5

การที่ม่ายสาวจะแต่งงาน มีครอบครัว มีลูก เท่ากับ
ท่านเปาโลกำลังเสนองานให้พวกเธอได้ทำตลอดชีวิตเลยทีเดียว ยังมีผู้หญิงที่ปล่อยตัวและตามความต้องการของตนเองทำให้ตัวเองพินาศไปก็มาก
เพื่อไม่ให้กลายเป็นคนเกียจคร้าน แม้คนอาวุโสก็ต้อง หาอะไรทำด้วย

สตรีผู้เชื่อคนใดที่มีญาติเป็นหญิงม่าย ก็ให้ช่วยเลี้ยงดูพวกเธอเพื่อไม่ให้เป็นภาระของคริสตจักร คริสตจักรจะได้
ไปสงเคราะห์หญิงม่ายไร้ที่พึ่งจริงๆ
1 ทิโมธี 5:16

1 ทิโมธี 5:3-5, 8

นี่ดูเหมือนเป็นภาระที่หนักของคริสตจักร แต่.. พระเจ้า
ไม่ได้ทรงคิดอย่างนั้น พระเจ้าทรงพอพระทัย
ที่คนของพระองค์จะให้เวลาและ ช่วยเหลือคนทุกข์ยากจริง ๆ ทรงบอกไว้ว่า
ที่ทำแก่คนเล็กน้อยคนหนึ่ง ก็เหมือนทำให้แก่พระองค์ด้วย

ผู้ปกครองทั้งหลายที่ดูแลเอาใจใส่อย่างดีนั้น ควรได้รับเกียรติสองเท่าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ใส่ใจพระคำทั้งเทศนาและสอน พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัวขณะที่มันนวดข้าวอยู่” และ “คนทำงานก็สมควรได้รับค่าจ้างของตน”
1 ทิโมธี 5:17-18

ฉธบ.25:4, ลูกา 10:7, 1 โครินธ์ 9:7-10

ท่านเปาโลบ่งบอกเราชัดว่า ผู้ปกครองนั้นควร เทศนาสั่งสอนได้ ผู้ปกครองที่ทั้งหนุนใจและสอน เพื่อให้คนไม่ตกในคำสอนผิด เพื่อทำให้ชีวิต ของพี่น้องดีขึ้นควรได้รับเกียรติมาก
อธิบายเพิ่มเติม 1 ทิโมธี 5:17-18

อย่ายอมรับข้อกล่าวหาผู้ปกครอง นอกจากจะมีพยานสองหรือสามคน ส่วนคนที่ยังทำบาปอยู่ ก็ต้องถูกตำหนิ ตักเตือนต่อหน้าทุกคน
เพื่อคนที่เหลือจะได้เกรงกลัว
1 ทิโมธี 5:19-20

ฉธบ. 17:6,19:15, มัทธิว 18:16, ทิตัส 1:13

พระเยซูทรงกล่าวไว้ในเรื่องนี้ มัทธิว 18:15-17อย่างแรกต้องไม่เชื่อข่าวลือใด ๆ แต่ต้องพิสูจน์ให้รู้ว่า ข้อกล่าวหาเป็นจริงหรือไม่ ถ้ามีพยาน รู้เห็นและเป็นพยาน ก็ต้องดูด้วยว่า พยานนั้น เชื่อถือได้หรือไม่ และหากข้อกล่าวหาเป็นจริง ก็ต้องตักเตือนกันตามตรง ต่อหน้าชุมชนผู้เชื่อ

ข้ากำชับเจ้าเรื่องนี้ ต่อพระพักตร์พระเจ้า พระเยซูคริสต์ และเหล่าทูตสวรรค์ ที่ทรงเลือกไว้ว่า ให้รักษาระเบียบต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร ไม่ลำเอียง
1 ทิโมธี 5:21

ฉธบ.1:17, 2 ทิโมธี 4:1, ยากอบ 2:1-4

ท่านเปาโลกับท่านยากอบ (ยากอบ 2) พูดเรื่องเดียวกัน คือ ไม่ให้ลำเอียง เพราะความ ลำเอียงนี้สามารถต่อยอดไปเป็นปัญหาเรื้อรังทั้งในครอบครัว ในโรงเรียน ที่ทำงาน ในชุมชนทุกแห่ง ความรักของพระเจ้านั้นก็ไม่มีลำเอียง

อย่าด่วนวางมือแต่งตั้งใคร อย่ามีส่วนในบาปของคนอื่น
จงรักษาตัวให้บริสุทธิ์ อย่าดื่มแค่น้ำ แต่ดื่มเหล้าองุ่นบ้าง เพื่อเป็นประโยชน์กับกระเพาะ
และโรคที่เจ้าเป็นอยู่
1 ทิโมธี 5:22-23

เอเฟซัส 5:6-7, สดุดี 1:1, เอเฟซัส 5:11, สดุดี 104:15,

การแต่งตั้งใครคนหนึ่งให้ทำงานรับใช้พระเจ้าอย่างไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนนั้น เป็นสิ่งที่ท่าน เปาโลห้ามไว้
ท่านเปาโลบอกให้ทิโมธีดื่มเหล้าองุ่นบ้างอาจ เป็นเพราะว่ามันช่วยรักษาบางโรคได้ และตัวมันเองก็เป็นสิ่งที่ไม่มีเชื้อโรคเหมือนกับน้ำในสมัยก่อนที่ไม่ได้ถูกสุขอนามัย ท่านไม่ได้สนับ สนุนการดื่มเหล้าในแง่บันเทิง

บาปของบางคนนั้นชัดเจน
นำไปสู่การตัดสินลงโทษตัวเขา บาปของบางคนตามเขาไปภายหลัง การดีก็เห็นได้ชัดเจนเช่นกัน ถึงแม้บางเวลาจะไม่ชัดเจน แต่จะถูกปิดไว้ตลอดก็ไม่ได้
1 ทิโมธี 5:24-25

กาลาเทีย 5:19-21, ลูกา 11:33, สุภาษิต 10:9

ผู้ปกครองคริสตจักรนั้น หากมีความบาปที่ชัดเจน ทำให้เขาต้องหลุดจาก หน้าที่ซึ่งรับทำอยู่ การพิพากษา หรือการตัดสินโทษก็มาจากคริสตจักรเอง แม้่มีบางคนที่ปิดบังบาปของตนเอาไว้ แต่อีกไม่นานคนอื่นจะรับรู้และเขาก็จะถูกตัดสินเช่นกัน
1 ทิโมธี 5:24-25