งานรับใช้ในเธสะโลนิกา
พี่น้องทั้งหลาย ท่านเองรู้อยู่ว่า การที่เรามาหาท่านนั้น ไม่ได้เปล่าประโยชน์ แต่ถึงแม้ว่า เราได้ทนทุกข์ และถูกกระทำอย่างน่าอับอายในฟีลิปปี ตามที่ท่านรู้มา เราก็ยังกล้าหาญในพระเจ้าที่จะกล่าวพระกิตติคุณแก่ท่านทั้งที่ถูกขัดขวางอย่างมาก
1 เธสะโลนิกา 2:1-2
ฟีลิปปี 2:16 กิจการ 14:5,16:19-24,17:1-9
ตอนที่อยู่เมืองฟีลิปปี ท่านเปาโลและสิลาส ถูกจับขังคุก แต่ทั้งสองก็ยังยินดีในพระเจ้าทั้งที่ถูกล่าม ร้องเพลงจนคุกสะเทือน และพระเจ้าให้เกิดแผ่น ดินไหว ในคืนนั้น ท่านทั้งสองได้โอกาสเป็นพยาน ทำให้ครอบครัวนายคุกได้มาพบพระเจ้า ดูเหมือนท่านเปาโลกับความทุกข์ การขัดขวางเป็นของคู่กันไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน
เพราะคำชักชวนของเราไม่ได้มาจากความผิดพลาดหรือใจไม่สะอาด หรือความคิดหลอกลวง แต่เมื่อพระเจ้าทรงเห็นดีที่ให้เราประกาศข่าวประเสริฐ เราจึงพูด ไม่ใช่เพื่อให้พอใจมนุษย์ แต่เพื่อให้พอพระทัยพระเจ้า ผู้ทรงตรวจสอบใจเรา
1 เธสะโลนิกา 2:3-4
2 โครินธ์ 4:2, 2 เปโตร 1 :16
ท่านเปาโลแจ้งให้ชัดเจนว่า การรับใช้ของท่านนั้น ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด ใจสกปรก หรือตั้งใจหลอกลวงใคร ในเมืองต่าง ๆ ที่ไปประกาศนั้น จะมีหลาย หลายกลุ่มที่หลอกเอาเงินของ ผู้หลงเชื่อติดตาม
อย่างที่ท่านรู้ เราไม่ได้มาพร้อมกับคำประจบสอพลอ หรือมาเพราะโลภ พระเจ้าทรงเป็นพยาน เราไม่แสวงหา เกียรติจากมนุษย์ ไม่ว่าจากท่าน หรือจากผู้อื่น
แม้ว่าในฐานะอัครทูต เราอาจขอร้องจากพวกท่านได้
1 เธสะโลนิกา 2:5-6
กิจการ 20:33, 2 โครินธ์ 12:17, ฟิเลโมน 1:8-9
สังเกตคนจริงของพระเจ้า พวกเขาไม่ประจบ พวกเขาจะพูดตรงไปตรงมา ทำให้คนไม่ชอบพวกเขาไม่มีสองมาตรฐาน ทำให้พวกเขาอยู่ยาก คนที่ มีอิทธิพลจะไม่ชอบคนแบบนี้
เพราะเขารู้ตัวดีว่า เขาอยู่ในฐานะทาสของพระเยซู
แต่เราอ่อนโยนท่ามกลางพวกท่าน ดังแม่ที่ดูแลลูกของตน เราเป็นห่วงท่านมาก เราจึงเป็นสุขที่จะแบ่งให้ ไม่เฉพาะข่าวประเสริฐเท่านั้น แต่ทั้งชีวิตของเราด้วย เพราะท่านเป็นที่รักของเรายิ่งนัก
1 เธสะโลนิกา 2:7-8
อิสยาห์ 16:13
ท่านเปาโลเปรียบตัวเองราวกับแม่ที่ดูแลลูก แม่มีแต่จะให้ ปกป้อง ดูแล เอาใจใส่ เลี้ยงดู
ที่สุดของที่สุดคือ ท่านพร้อม ที่จะให้ชีวิตเพื่อพี่น้องเหล่านี้ เพราะท่านรัก!
เพราะท่านยังจำการลงแรงทำงาน และความยากลำบากของเรา เราทำงานทั้งกลางคืนและกลางวัน เพื่อว่าจะไม่เป็นภาระแก่พวกท่าน ขณะที่เราประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้าแก่ท่าน
1 เธสะโลนิกา 2:9
2 โครินธิ์ 11:9 , กิจการ 18:3
แม้ว่าผู้ที่สอน ควรจะได้รับการดูแลจากผู้ที่รับการสอน (1 โครินธ์ 9:14) แต่ท่านเปาโลและผู้ช่วยทุกคน ได้ทำงาน เลี้ยงตัวเอง แตกต่างจากผู้สอนผิดที่มีอยู่ ดาษดื่นในสังคมนั้น งาน กลางคืนและกลางวันที่ท่านหมายถึง งานเย็บกระโจม และงานหนังอื่น ๆ (ฟีลิปปี 4;16, 2 โครินธ์ 11:7-11)
ท่านเป็นพยานของเรา และพระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วยว่า เราได้ปฏิบัติต่อท่านผู้มีความเชื่ออย่างทุ่มเท ชอบธรรม และไร้ตำหนิอย่างไร ท่านก็รู้ว่า เราปฏิบัติต่อท่านทั้งเหมือนอย่างพ่อปฏิบัติกับลูก ๆ ของเขา
1 เธสะโลนิกา 2:10-11
1 เธสะโลนิกา 1:5,1 เปโตร 5:3
ข้อนี้ท่านปฏิบัติต่อเขาเหมือนพ่อที่ทำกับลูก ๆ พ่อเป็นผู้ต้องเตรียมลูกให้พร้อมที่จะเผชิญชีวิตให้เติบโต ในพระคัมภีร์เดิม อธิบายเปรียบเทียบว่า พระเจ้าทรงเป็นเช่นนั้น
(สดุดี 103:13, อิสยาห์ 66:13)
เราหนุนใจ ปลอบใจและสั่งให้ท่านทุกคน เดินไปอย่างสมควรต่อพระเจ้าผู้ทรงเรียกท่านเข้ามาในอาณาจักรและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์
1 เธสะโลนิกา 2:12
1 ยอห์น 2:6, 1 ยอห์น 1:6-7
ในแง่หนึ่งอาณาจักรของพระเจ้า อยู่ในตัวเราแล้ว โรม 14:17 แต่ยังมีอาณาจักรที่สมบูรณ์แบบ
รอเราอยู่ด้วย กิจการ 17:7 ชีวิตคริสเตียนทุกคน เป็นชีวิตที่ได้พระพรจากพระเจ้าแล้ว ได้แล้ว แต่ยังไม่ครบ!
การกลับใจใหม่ของชาวเมือง
เราขอบพระคุณพระเจ้าเสมอเพราะเรื่องนี้ นั่นคือเมื่อท่านรับพระคำของพระเจ้าซึ่งได้ยินจากเรา ท่านไม่ได้รับในฐานะที่เป็นข่าวสารจากมนุษย์ แต่รับ ตามความเป็นจริง คือเป็นพระคำจากพระเจ้า ซึ่งทำราชกิจอย่างได้ผลในผู้เชื่อ
1 เธสะโลนิกา 2:13
ฮีบรู 4:12, โรม 10:17 , 1 เปโตร 1:23
เมื่อพี่น้องรับคำของพระเจ้านั้น เขาไม่ได้รับเพราะ เป็นคำอ้างอิง คำคมที่น่าสนใจ หรือเป็นข่าวสารที่น่าตื่นเต้น แต่รับ เพราะรู้ในใจว่า สิ่งที่ท่านเปาโล กล่าวเป็นความจริง เป็นคำที่มาจากพระเจ้า และเมื่อพวกเขารับแล้ว พระคำอันทรงพลังก็ เปลี่ยน แปลงชีวิตของพวกเขาจริง ๆ เห็นได้พิสูจน์ได้ มีคนเป็นพยานได้
เพราะพี่น้อง ได้มาเป็นผู้เลียนแบบ บรรดาคริสตจักรของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ซึ่งอยู่ในยูเดีย เนื่องจากว่าท่านได้ทนทุกข์อย่างเดียวกัน คือจากคนชาติเดียวกับท่าน เหมือนกับพวกเขาที่ถูกยิวข่มเหง
1 เธสะโลนิกา 2:14
1 เธสะโลนิกา 3:4 , 2 เธสะโลนิกา 1:4
พี่น้องชาวเธสะโลนิกา มารับพระเยซูคริสต์ เขาก็ถูกคนชาติเดียวกันข่มเหง
เหมือนกับผู้เชื่อในยูเดียที่ถูกชาวยิวข่มเหง เป็นเรื่องไม่แปลกเลยที่คนเชื่อพระเจ้าจะถูก ข่มเหงไม่ว่าอยู่ในครอบครัวใด หรือ ชาติใด ยุคใด
ผู้ซึ่งทั้งประหารพระเยซูคริสต์เจ้า ทั้ง ผู้เผยพระคำของพวกเขาและได้กดขี่เรา พวกเขาทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย และยังเป็นศัตรูกับคนทั้งหลายพวกเขาห้ามไม่ให้เราพูดกับคนต่างชาติพราะกลัวว่า เขาเหล่านั้นจะรอด ผลก็คือ พวกเขาทำจนหมดขอบเขตบาปของเขา และพระพิโรธก็มาถึงพวกเขาในที่สุด
1 เธสะโลนิกา 2:15-16
มัทธิว 5:12, กิจการ 2:23,
ทั้งพระเยซูและผู้เชื่ออื่น ๆ ก็ถูกทำร้ายมาก่อนทั้งนั้นยิวไม่ต้องการให้คนมาเชื่อพระเจ้า นี่เป็นบาปใหญ่ มาก ไม่เชื่อเองแล้ว ยังขัดขวางความรอดของผู้อื่นจริง ๆ แล้ว พระเจ้าทรงให้ยิวมีหน้าที่เป็นพระพรแก่คนทั่วโลก (ปฐมกาล 12) แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น
อยากพบพี่น้องอีก
แต่เรา ถูกแยกออกจากพี่น้องไม่นาน แค่ตัวไปแต่หัวใจยังอยู่กับท่าน เราปราถนาที่จะพบหน้าพวกท่านมากขึ้น
เพราะเรา คือเปาโลอยากมาหาท่านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ซาตานได้ขัดขวางเราไว้
1 เธสะโลนิกา 2:17-18
โคโลสี 2:5 , 1 โครินธ์ 5:3, เศคาริยาห์ 3:1-2, วิวรณ์ 2:10
ท่านเปาโลกับเพื่อน ๆ จำเป็นต้องออกจากเมือง เธสะโลนิกาโดยไม่เต็มใจ ท่านใช้คำว่า ถูกแยก ออกไป ก็คือ มีการบังคับให้ต้องไป แต่แม้ว่าอยากจะกลับมาอีก ทุกครั้งมีการขัดขวางจากมาร (โรม 15:22, กาลาเทีย 5:7)
เพราะใครเล่า เป็นความหวังหรือความยินดี หรือมงกุฎที่เราจะนำมาอวดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เพราะท่านเป็นเกียรติและความยินดีของเรา
1 เธสะโลนิกา 2:19-20
ฟีลิปปี 4:1, 2 โครินธ์ 1:14
ท่านไม่อาจลืมพวกเขาเพราะพวกเขา เป็นทั้งความหวัง ความยินดี เป็นมงกุฎ เป็น เกียรติที่จะนำพวกเขามาถวายพระเจ้าได้มงกุฎดังกล่าวเป็นรางวัลที่ยืนยงเป็นนิตย์(1 โครินธ์ 9:25) เรามีมงกุฎนี้หรือเปล่า?