ฟีลิปปี 2 ถ่อมตนอย่างองค์พระคริสต์
รากฐานของความเป็นหนึ่งเดียวกัน
โคโลสี 3:12
1 ยอห์น 4:12
2 โครินธ์ 13:14
สดุดี 133:1
ที่คริสเตียนควรฟังกันและกัน เพราะว่าทั้งพระเยซูและอัครทูตต่างเน้นเรื่องการถ่อมตน พระเยซูเองทรงทำเป็นตัวอย่างให้เห็น สี่อย่างที่สำคัญคือ ในพระเจ้า เราต่างหนุนใจกัน ปลอบใจกัน สนิทกับพระวิญญาณ รักและเห็นใจกัน การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันช่วยให้ทั้งชุมชนคริสเตียนอยู่อย่างเป็นสุข
กาลาเทีย 5:26
โรม 12:10
ฟีลิปปี 4:2
โรม 15:1
คนทั่วไปส่วนใหญ่เอาตัวเองมาก่อน ใส่ใจเกียรติ ศักดิ์ศรีของตนเอง แต่ท่านเปาโลกลับสอนตรงข้ามคือ ให้คนอื่นมาก่อนตน และยังต้องคิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย ให้สิ่งดี ๆ กับคนอื่น นี้เป็นพระคำที่มาจากคำสอนของพระเยซูที่ว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
2 โครินธ์ 8:9
อิสยาห์ 42:1
1 เปโตร 2:21
ท่านเปาโลกล่าวย้อนไปถึงตอนที่พระเยซูยังอยู่ในสวรรค์กับพระบิดา ว่าพระองค์ทรงคิดอย่างไร พระองค์ทรงยอมเปลี่ยนจากฐานะพระเจ้า มาเป็นฐานะพระเจ้า-มนุษย์ ยิ่งกว่านั้นทรงมารับสภาพเป็นมนุษย์ที่เป็นทาส!
มัทธิว 26:39
ฮีบรู 5:8,2:9
กิจการ 2:23
เอเฟซัส 1:21
เมื่อเราอ่านพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม เราจะเห็นว่า พระเยซูทรงเป็นผู้รับใช้คนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นใคร ทรงพร้อมที่จะรักษาโรคให้ สั่งสอน อวยพร ยกโทษ มัทธิว 20:28 บอกชัดว่าพระองค์มาเพื่อรับใช้และมอบชีวิตของพระองค์เป็นค่าไถ่คนมากมาย ผู้ที่จำนนต่อพระเจ้าจะไม่หลีกเลี่ยงชีวิตที่ต้องเสียสละ พระองค์ถูกกระทำจนสิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือมนุษย์ แต่แล้ว พระเจ้าทรงมอบเกียรติยิ่งใหญ่เมื่อทรงคืนชีพจากความตาย พระนามของพระองค์เป็นนามที่อยู่เหนือนามทั้งหลายในเอกภพ
อิสยาห์ 45:23-25
ยอห์น 13:13
โรม 14:11
พระเจ้าทรงยกให้พระเยซูอยู่เหนือสรรพสิ่งในสวรรค์ ในโลกและใต้โลก (ซึ่งหมายถึงคนที่หลงหายไป) ทุกคนจะต้องสยบต่อพระองค์ ถ้าเรายอมต่อพระองค์ในวันนี้ เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์ แต่หากปฏิเสธพระองค์ ก็จะต้องไปยอมสยบต่อพระองค์ในวันที่ทรงพิพากษา ซึ่ง..สายเกินไปที่จะได้ความรอด
ฟีลิปปี 1:5-6, 4:15, ยอห์น 6:27, เอเฟซัส 6:5, 1:5, ฮีบรู 13:20,21
แต่การที่เราจะใช้ชีวิตอย่างที่ท่านเปาโลบอกมานั้น เราต้องการพลังจากข้างใน
เป็นพระเจ้าที่ทรงทำการในชีวิตของเรา การที่ผู้เชื่อจะทำตัวสมกับที่ได้รับความรอดอย่างที่ท่านเปาโลกล่าว มีความหมายว่า ทำให้สำเร็จครบถ้วนจนถึงรอดร้อยเปอร์เซ็นต์ เราต้องทำให้ถึงเป้าหมาย พระเจ้าทรงมีแผนการให้เราทุกคน แตกต่างกันไปในรายละเอียด และนี่คือสิ่งที่น่าตื่นเต้น เราแต่ละคนจึงต้องติดตามพระเจ้าด้วยตัวของเราเอง และเติบโตอย่างที่พระองค์ทรงวางแผนไว้
1 เปโตร 4:9
โรม 14:1
มัทธิว 5:15
ท่านเปาโลบอกชัดว่า ลูกของพระเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่บ่น ด่า ให้ร้าย คดโกง บิดเบือน หากเรายอมให้พระเจ้าทำราชกิจของพระองค์ในชีวิต ไม่ต่อต้าน แต่ร่วมมือกับพระองค์ งานของพระองค์ในชีวิตเราก็ราบรื่นขึ้น ไม่ต้องเสียเวลากับการเรียนรู้อะไรนาน ๆ ทั้งที่ไม่จำเป็น การเชื่อและเชื่อฟังเป็นปัจจัยที่ช่วยให้คนของพระเจ้าเติบโตเร็วและแข็งแรง
2 โครินธ์ 1:14
กาลาเทีย 2:2
2 ทิโมธี 4:6
โรม 15:16
ความยินดีที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความยินดีในปัจจุบัน แม้เปาโลจะต้องสละชีวิต (ท่านเห็นแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นเพราะท่านถูกจองจำในโรม และท่านอาจจะโดนลงโทษ ) แต่เมื่อพี่น้องยึดมั่น ทำตามพระคำของพระเจ้า เปาโลก็เป็นสุขว่า ไม่เสียแรงเปล่า อ่านมาถึงตอนนี้ พอจะเห็นว่า ผู้ที่รับใช้อย่างเสียสละนั้นคือคนที่มีใจที่ยอมต่อพระเจ้า และเขามีความสุขได้แม้อยู่ท่ามกลางความทุกข์ยาก
โรม 16:21
2 ทิโมธี 3:10
ตัวอย่างจากทิโมธี เขาค่อย ๆ เพิ่มหัวใจทั้งรับใช้และเสียสละมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่รับใช้พระเจ้า กลายเป็นคนที่มีหัวใจแบบพระคริสต์ รับใช้พี่น้องอย่างจริงใจ เอาใจใส่ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ในขณะเดียวกันท่านเปาโลก็พูดถึงคนที่เอาแต่ประโยชน์ของตนเองด้วย มีผู้เชื่อหลายนิสัยใจคออยู่ในชุมชนผู้เชื่อแน่นอน เป็นอย่างนี้มาแต่โบราณ
1 โครินธ์ 4:17
3 ยอห์น 1:14
ทิโมธีได้รับใช้กับเปาโลในการประกาศ และยังได้รับใช้ในคริสตจักรด้วย ทำให้เขาเติบโตมีหัวใจผู้รับใช้เต็มเปี่ยม พี่น้องมีความพอใจในการงานของทิโมธี (กิจการ 16:2) ต่อมาเปาโลก็ได้เขียนจดหมายสอนทิโมธีอีกสองฉบับ และท่านได้ส่งเขามาเป็นตัวแทนของท่านยังคริสตจักรฟีลิปปีด้วย
ฟีลิปปี 4:18
ฟิเลโมน 2
2 โครินธ์ 8:23
ฟีลิปปี 1:8
ยังมีอีกคนที่ท่านเปาโลส่งมาเยี่ยมพี่น้อง คือ เอปาโฟรดิทัส ชื่อแปลว่า มีเสน่ห์ เป็นคนต่างชาติ ไม่ใช่ยิวอย่างท่านเปาโล เขาเป็นคนที่นำของถวายจากพี่น้องมาให้ท่านที่โรม ท่านเปาโลยกย่องว่าเป็นน้องชาย ผู้ร่วมงาน เพื่อนทหารที่ร่วมรับใช้ ลองคิดดูแล้วกันว่า เขามีเสน่ห์น่าคบหาขนาดไหน
สดุดี 34:19
1 โครินธ์ 10:13
2 ทิโมธี 1:4
หัวใจเอปาโฟรดิทัสนั้นเฝ้าห่วงคนอื่น เป็นคนที่ซื่อตรงแม้ต้องเดินทางไกลก็สามารถรักษาของถวายจากพี่น้องได้ เขาเป็นคนที่เป็นตัวอย่างของคนฝ่ายสนับสนุน แล้ววันหนึ่งเขาป่วยหนัก จนเกือบตาย ทำให้กลับไปฟีลิปปีช้า
1 ทิโมธี 5:17
1 เธสะโลนิกา 5:12
1 โครินธ์ 16:17
ท่านเปาโลว่า เขาเกือบตายเพื่องานของพระเจ้า เราไม่ทราบรายละเอียด แต่หัวใจของเขาเป็นเหมือนพระเยซู เขาไม่ดัง เขาไม่เด่น ไม่ใช่อาจารย์ที่ใคร ๆ จะมาฟังเขาพูด แต่รับใช้ด้านที่จำเป็น ทำให้ท่านเปาโลทำงานได้สะดวกขึ้น เขาเป็นพระพรสำหรับท่านเปาโลและคริสตจักร เป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
ฟีลิปปี 1 จดหมายจากนักโทษผู้มีความสุข
นี่เป็นจดหมายที่ท่านเปาโลซึ่งถูกจำจองในโรม เขียนถึงพี่น้องในเมืองฟีลิปปี จดหมายฉบับนี้มีความลึกซึ้งมาก ที่ท่านจะอ่านต่อไปเป็นเพียงบทแนะนำที่ทำให้เข้าใจเบื้องหลังต่าง ๆ ของจดหมายฉบับนี้ ขอชวนให้ท่านอ่านและศึกษาเจาะลึกจดหมายแห่งความยินดีนี้ แล้วความยินดีจะไม่ห่างหายไปจากใจเลย.
คำทักทายและคำอธิษฐานเผื่อ
1 ทิโมธี 3:8-13
กิจการ 16:12-15
จดหมายสมัยนั้นจะนำด้วยชื่อของผู้เขียนและผู้รับ และคำอวยพร และครั้งนี้ท่านเขียนมากับทิโมธี ซึ่งเป็นผู้รับใช้ที่ฟีลิปปีด้วย ท่านเขียนถึงพี่น้อง และผู้นำที่ดูแลทั้งคนและงานต่าง ๆ เมื่อพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าอยู่ในชีวิต เราก็จะสงบสุขแม้ว่าอาจจะมีความทุกข์และปัญหามากมาย
1 โครินธ์ 1:4
เอเฟซัส 1:16
1 เธสะโลนิกา 1:2
โรม 12:13
ขณะที่ท่านเปาโลถูกขังอยู่นั้น มีคนมาเยี่ยมเสมอ มีทหารประกบตัว ยามที่ท่านคิดถึงพวกเขา ท่านอธิษฐานเผื่อไม่หยุด งานของท่านเพื่อพวกเขาไม่จบที่การสอน แต่ยังรับใช้พวกเขาได้แม้จะอยู่ห่างไกล และคำอธิษฐานเต็มด้วยความยินดี ใจของท่านเปาโลมุ่งมั่นประกาศข่าวเรื่องพระเยซู สิ่งที่พี่น้องทำ จึงทำให้ท่านยินดีมากเหลือเกิน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานแท้ของท่าน
ยอห์น 6:29
1 เธสะโลนิกา 5:23-24
เอเฟซัส 4:12
จะทรงทำให้สำเร็จคือ เมื่อพระเจ้าทรงเริ่มต้นราชกิจแห่งความรอดในชีวิตของใครคนหนึ่ง พระองค์จะทรงทำจนสำเร็จ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้มีส่วน เพราะเราเองก็ต้องเชื่อฟัง ลงมือทำตามซึ่งเป็นส่วนของเราด้วย ความรอดที่เราได้รับเป็นขบวนการเปลี่ยนชีวิต ชำระใจที่ใช้เวลา ต่อเนื่องตลอดชีวิตของเรา
2 โครินธ์ 7:3
2 ทิโมธี 2:9
โคโลสี 4:18
ที่ท่านเปาโลรู้สึกว่าเหมาะสมที่ท่านจะยินดี เพราะพี่น้องฟีลิปปีมีส่วนร่วมในพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อชาวโลก ท่านกล่าวว่ารักพวกเขาคือมีพวกเขาในหัวใจ เป็นพวกเดียวกันในการรับใช้
โรม 1:9
2ทิโมธี 1:4
โคโลสี 1:9
1 เธสะโลนิกา 3:12
พี่น้องชาวฟีลิปปีเป็นคนที่รักมาก พวกเขาแสดงออกมาเป็นการกระทำ แต่ท่านเปาโลก็ยังอธิษฐานขอให้พวกเขารักมากขึ้น ดูเหมือนความรักนั้นไม่มีขอบเขต ไม่พอ ท่านขอให้เป็นรักที่มีความเข้าใจ รักที่มีปัญญา
โรม 12:2
1 เธสะโลนิกา 3:13,5:23,
1 ยอห์น 4:1
เอเฟซัส 2:10
การที่เห็นว่าอะไรดีที่สุดคือ มีความสามารถในการแยกความแตกต่างของสิ่งดี ไม่ดีได้ ผู้เชื่อจำต้องรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ผลความชอบธรรมในชีวิตไม่ได้มาจากตัวเอง แต่จากพระคริสต์นั่นคือชีวิตที่รับการเปลี่ยนแปลงจริง และชัดเจน ทั้งหมดนี้เพื่อพระเจ้าจะทรงรับพระเกียรติในชีวิตของผู้เชื่อ
อย่างไร ๆ ก็ประกาศพระคริสต์
โรม 8:28,37
2 ทิโมธี 2:9
ฟีลิปปี 1:7,4:22
สิ่งที่เกิดกับท่านเปาโลคือ ข่าวดีได้ถูกประกาศไปในหมู่ทหารรักษาพระองค์ของซีซาร์ เพราะท่านถูกจับขังในบ้านแต่จะมีทหารจากวังมาเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นการถูกจำจองจึงไม่เป็นอุปสรรคในสายตาของท่านเปาโล
ท่านไม่ได้อยู่นอกน้ำพระทัยพระเจ้าเลย งานของพระองค์ก็ยังดำเนินต่อไป ระหว่างนี้เองที่ท่านเขียนจดหมาย เอเฟซัส ฟีลิปปี โคโลสีและฟิเลโมน
เอเฟซัส 6:19
1 เธสะโลนิกา 2:2
โคโลสี 4:4
ความกล้าหาญของท่านเปาโลเป็นตัวอย่างที่ ทำให้คริสเตียนเห็นแล้ว ก็มีใจกล้ามากขึ้น ผู้นำที่กล้าหาญ และมีมุมมองที่เข้าใจ เห็นเบื้องหลังของทุกเหตุการณ์ว่า มาจากพระเจ้า ทำให้พี่น้องเริ่มไม่กลัวและกล้าที่จะออกไป
โรม 16:17-18
ฟีลิปปี 2:3,1:10-12 , 2 โครินธ์ 4:1-2
เราต้องเข้าใจว่า การประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้านั้น ทำด้วยคนหลายแบบ หลายนิสัย อย่างไรเสีย ฤทธิ์ของพระเจ้าอยู่ที่พระคำของพระองค์ พวกที่สอนผิดจริง ๆ ก็ต้องจัดการ แต่ยังมีพวกที่สอนถูกต้อง แรงจูงใจไม่เข้าทางก็มี บางคนดีใจที่เปาโลเข้าคุกไปได้ จะได้ไม่มีคู่แข่ง
2 ทิโมธี 1:11-12
1 โครินธ์ 9:16-17
ลูกา 9:50
มาระโก 9:38-40
สำหรับบางคนยังต้องการประกาศ แต่ก็ผสมโรงเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้ท่านเปาโลต้องยุ่งยากขึ้น แต่ท่านยืนยันว่า ท่านยินดีที่มีการประกาศข่าวประเสริฐ อย่าลืมว่าคนประเภทนี้ไม่ได้หายไปจากโลก แต่เกิดขึ้นมาใหม่ มีวิธีใหม่อยู่เสมอ สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือตัวเราเองที่จะต้องจัดการกับความรู้สึกของตนเองและมุ่งหน้าทำงานของพระเจ้าต่อไป
อยู่เพื่อพระคริสต์
2 โครินธ์ 1:11
โรม 8:28
1 เปโตร 4:16
อิสยาห์ 54:4
ท่านเปาโลมีความชัดเจน ท่านเชื่อว่า พระเจ้าทรงอยู่เหนือเหตุการณ์ทุกอย่าง แม้หนทางจะดูมืดมนนัก ท่านเชื่อว่าเมื่อพี่น้องอธิษฐานเผื่อท่านจะได้รับการช่วยเหลือจากพระวิญญาณ ท่านต้องการให้พระเจ้าได้รับเกียรติในร่างกายของท่านไม่ว่าจะเป็นหรือตาย คนของพระเจ้ามีอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนใครคือ ไม่กลัวความตาย เพราะเขารู้ว่าอะไรอยู่หลังความตายนั้น
กาลาเทีย 2:20 2 โครินธ์ 5:6,8
1 เปโตร 4:2
2 โครินธ์ 5:8
ความคิดของท่านเปาโลกลายเป็นสโลแกนของผู้กล้าในพระคริสต์ “อยู่เพื่อพระคริสต์ ตายเพื่อพระองค์!” จะอยู่หรือจะตายก็ได้กับได้… ถ้าตายก็ได้ถวายเกียรติแด่พระเยซู และได้ไปอยู่ใกล้พระองค์
2 โครินธ์ 5:8,12, 1:14,24 โรม 15:3
แต่ถ้ามีชีวิตอยู่ก็จะช่วยให้พี่น้องเกิดผลมากขึ้น และถวายเกียรติพระเยซูเพราะได้มาพบกันอีก ดีทั้งสองแบบ ไม่มีอะไรที่ทำให้ท่านเปาโลต้องหม่นหมองเลย
ต่อสู้และทนทุกข์เพื่อพระคริสต์
เอเฟซัส 4:1
1 เธสะโลนิกา 2:12
1 โครินธ์ 1:10
คำที่ท่านขอร้องคือ ให้พี่น้องฟีลิปปีมีชีวิตสมกับข่าวประเสริฐ สมกับเป็นประชากรในอาณาจักรของพระเจ้า ให้ได้ข่าวดีจากพวกเขาว่ามีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เพื่อข่าวประเสริฐไปด้วยกัน นี่เป็นความชื่นใจของท่านเปาโล
2 ทิโมธี 1:7-8
1 เปโตร 4:13
กิจการ 5:41
โคโลสี 1:29
1 เธสะโลนิกา 2:2
ท่านเปาโลบอกเหตุผลว่า เหตุใดเขาจึงไม่ต้องกลัวฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าจะพวกไหน เป็นพวกเดียวกัน หรือคนนอก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตพระเจ้าเป็นผู้ทรง
อนุญาตให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ยากรูปแบบใด การข่มเหง การล่อลวง ความทุกข์ยากอื่น ๆ ให้จำเหตุผลนี้ไว้