กิจการ 1 พระเยซูเสด็จไป พระวิญญาณเสด็จมา

หนังสือกิจการนี้ เป็นเรื่องราวของคริสตจักรที่ขยายจากเยรูซาเล็มไปตามที่ต่าง ๆ จนถึงโรม  และบุคคลสำคัญที่ถูกบันทึกไว้คือองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงทำการผ่านเหล่าอัครทูตของพระเยซูคริสต์ 
ผู้เขียนคือท่านลูกา เป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน ทั้งแพทย์ประจำตัวของท่านเปาโล  ท่านเขียนโดยได้รับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  เวลาเขียนน่าจะอยู่ราว ๆ ปี ค.ศ. 60-68  งานเขียนของท่านทำให้เราเห็นว่า พระเยซูทรงเริ่มต้นคริสตจักรอย่างไร ลักษณะของคริสตจักรเป็นอย่างไร  และคริสตจักรมีหน้าที่อย่างไรบ้าง   
สิ่งสำคัญคือ คริสตจักรจะต้องถวายพระเกียรติแด่พระคริสต์เสมอ  ต้องภักดีต่อพระองค์ ด้วยฤทธิ์ของพระวิญญาณที่ทรงทำการผ่านพระกายของพระองค์

พระสัญญาเรื่องพระวิญญาณ

เลือกคนแทนยูดาส

คำอธิบายเพิ่มเติม คลิกที่นี่

กิจการ 1 อธิบายและพระคำอ้างอิง

กิจการ 1:1-3 ท่านลูกาบอกให้รู้พระเยซูทรงอยู่อีกสี่สิบวันหลังคืนพระชนม์
ท่านลูกาอ้างอิงไปถึงงานเขียนครั้งที่แล้วคือหนังสือลูกา   หนังสือกิจการเป็นเล่มที่สองของท่าน  โดยทั้งสองเล่มส่งไปให้ผู้อ่านคนเดียวกันชื่อ เธโอฟีลัส (ชื่อแปลว่า ที่รักของพระเจ้า)
ท่านลูกาบอกชัดเจนว่าในหนังสือเล่มแรกได้กล่าวถึงสิ่งที่พระเยซูตั้งต้นทำ และคำสอนของพระองค์ ส่วนในเล่มนี้ ท่านกล่าวถึงการที่พระเยซูทรงยืนยันด้วยพระองค์เองว่าพระองค์ทรงคืนชีพจากความตาย  พระองค์ทรงมีชีวิตอยู่จริง  ในสี่สิบก่อนเสด็จสู่สวรรค์​  ซึ่งแค่ในพระคัมภีร์เราก็เห็นหลาย ๆ ตอนแล้วที่อัครทูต ศิษย์  และคนอื่น ๆ ได้เห็น ได้คุย กินอาหารกับพระองค์ในช่วงเวลานั้น (อ่านพระกิตติคุณ 4 เล่ม ในบทสุดท้ายจะเห็นชัดเจน )
งานและคำสอนของพระเยซูก่อนที่จะทรงเสด็จสู่สวรรค์ก็คือเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า  เรื่องการที่พวกเขาจะต้องออกไปประกาศพระนามของพระองค์นี่เป็นรากฐานแห่งความเชื่อของคริสเตียนที่ได้เห็น ได้อยู่กับพระองค์ ตลอดเวลาที่ทรงอยู่กับพวกเขา

1* ลูกา 1:3  2-มาระโก 16:19,กิจการ 1:9,11,22, มัทธิว 28:19, มาระโก 16:15, ยอห์น 20:21, กิจการ 10:42  3* มัทธิว 28:17, มาระโก 16:12,14, ลูกา 24:34-36, ยอห์น 20:19,26, 21:1,14, 1 โครินธ์ 15:5-7

กิจการ 1:4-5  พระสัญญาเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ก่อนที่พวกเขาจะทำตามพระบัญชานั้น พระเยซูทรงกำชับหนักแน่นให้พวกเขารอรับพระวิญญาณในกรุงเยรูซาเล็มก่อน  อย่าออกไปจากเมือง!
พระวิญญาณทรงเป็นผู้ที่จะขับเคลื่อนงาน และคนที่จะทำ    ท่านลูกากำลังรายงานว่า งานทั้งหมดที่จะทำต่อไปเกิดขึ้นจากพลังแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์คือผู้ที่สำคัญที่สุด สำหรับการสร้างคริสตจักร
คำว่า บัพติศมา ในที่นี้แปลว่า จุ่ม พระเยซูทรงกล่าวถึงยอห์นว่าได้ให้การจุ่มน้ำบัพติศมา เป็นการบอกว่ากลับใจใหม่ ได้รับการชำระ แต่ พระเยซูจะเป็นผู้ให้คริสเตียนรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยอห์น 7:39)  
ซึ่งเป็นการรับพระวิญญาณและฤทธิ์เดชของพระเจ้าเข้ามาอยู่ในชีวิต จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง และทำให้ชีวิตเกิดผลไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

4*  ลูกา 24:49, ยอห์น 14:16,17,26, 15:26, กิจการ 2:33 5* มัทธิว 3:11,มาระโก 1:8, ลูกา 3:16, ยอห์น 1:33, กิจการ 11:16, โยเอล 2:28

กิจการ1:6-7 คำถามของศิษย์ก่อนจะจากกัน การเสด็จสู่สวรรค์ 
ตั้งแต่สมัยของเนบูคัดเนสซาร์ ยิวก็ไม่ได้มีอาณาจักรของตนเอง  ดังนั้นยิวทุกคนปราถนาให้มีพระเมสสิยาห์มาช่วยกู้พวกเขา   พวกศิษย์ก็สงสัยว่า พระเยซูจะทรงกู้ชาติกลับคืนมา จึงถามพระองค์ตรง ๆ  พวกเขายังติดที่จะมองพระองค์เป็นภาพของอำนาจทางการเมือง พระเยซูไม่ตอบคำถามตรง ๆ แต่บอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะรู้

6* ลูกา 19:11, 17:20  7* 1 เธสะโลนิกา 5:1, มัทธิว 24:36, มาระโก 13:32,

8 คำสอนครั้งสุดท้ายและพระสัญญาก่อนการเสด็จสู่สวรรค์ พระเยซูทรงเตือนพวกเขาว่า พระวิญญาณจะเสด็จมาเป็นฤทธิ์เดชเพื่อให้พวกเขาเป็นพยานเพื่อพระองค์จนสุดปลายโลกเลยทีเดียว

8* กิจการ 2:1,4, ลูกา 24:48-49, ยอห์น 15:27, กิจการ 8:1, 5, 14, มัทธิว 28:19, มาระโก 16:15, โรม 10:18, โคโลสี 1:23, วิวรณ์ 14:6

9-11  พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ ขณะที่พระองค์กำลังอยู่ต่อหน้าต่อตา กำลังตรัสอวยพรพวกเขา (ลูกา 24:51) พระองค์ก็ทรงถูกรับขึ้นไป ทรงลอยขึ้นไปและลับไปจากสายตาของศิษย์ที่อยู่ด้วยในเวลานั้น ตามพระดำรัสในยอห์น  7:33-34  พระองค์เสด็จสู่สวรรค์นอกเยรูซาเล็มที่บ้านเบธานี เนินเขามะกอกเทศ   และมีทูตสวรรค์มา
บอกพวกเขาว่า พระองค์จะทรงกลับมาในแบบเดียวกัน คือมาด้วยพระกายนี้ ณ สถานที่นี้
คนที่อยู่ในเหตุการณ์พบว่า พระเยซูทรงคืนชีพจริง เพราะเขาได้ยินพระองค์ อยู่กับพระองค์ และยังได้เป็นพยานการเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์ด้วย

9*  ลูกา 24:50,51, สดุดี 68:18,110:1, มาระโก 16:19, ลูกา 23:43, ยอห์น 20:17, กิจการ 1:2, ฮีบรู 4:14, 9:24, 1 เปโตร 3:22 10* มัทธิว 28:3, มาระโก 16:5, ลูกา 24:4, ยอห์น 20:12, กิจการ 10:3,30 11* ดาเนียล 7:13, มาระโก 13:26, ลูกา 21:27,  ยอห์น 14:3,  2 เธสะโลนิกา 1:10, วิวรณ์ 1:7

12-14  มีรายชื่อของคนที่ไปยังห้องชั้นบน ซึ่งคงมีคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อนี้ด้วย  เราจะเห็นว่ามีทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เข้าไปร่วมกันอธิษฐานในห้องชั้นบน และมีมากถึง 120 คน คนเหล่านี้เป็นผู้เชื่อที่จะสร้างคริสตจักรร่วมกับพระวิญญาณในยุคแรกนี้

12* ลูกา 24:52  13- มาระโก 14:15, ลูกา 22:12, กิจการ 9:37, 39, 20:8, มัทธิว 10:2-4, ลูกา 6:15, ยูดา 1 14* กิจการ 2:1,46, ลูกา 23:49, 55, มัทธิว 13:55 

15-19   เปโตร ตอนนี้ท่านทำหน้าที่เป็นผู้ที่นำให้พันธกิจดำเนินต่อไป โดยได้อ้างถึงคำของราชาดาวิดที่บันทึกไว้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ทรยศพระบุตรพระเจ้า  ท่านยืนยันว่า พระคำของพระเจ้าจะต้องสำเร็จทุกอย่าง มัทธิว  27:3-8 ได้กล่าวถึงการสิ้นชีวิตของยูดาสว่า เขาแขวนคอตาย แต่ในกิจการ 1 ตอนนี้บอกว่าเขาตกลงมา ไส้ทะลักออกมา มีความเห็นว่า เขาแขวนคอแล้วเมื่อร่างค่อย ๆ เน่าเปื่อย ร่างก็คงหล่นลงมาตามนั้น เปโตรได้กล่าวย้อนไปที่พระคำสดุดี ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ทรยศพระเยซู คือให้ที่ของเขาร้าง ไม่มีใครอยู่ และให้คนมาแทนตำแหน่งของเขา

15* ลูกา 22:32, วิวรณ์ 3:4 16* สดุดี 41:9, ลูกา 22:47  17* มัทธิว 10:4, กิจการ 1:25   18* มัทธิว 27:3-10, มาระโก 14:21, 26:14, 15

20-23 เปโตรได้เสนอให้เลือกคนแทนยูดาส คุณสมบัติของคนที่เลือกมาทั้งสอง   คือต้องอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้นการทำงานของพระเยซู จากที่พระองค์รับบัพติศมาจนถึงวันที่เสด็จสู่สวรรค์  คนๆ นี้สามารถเล่าเรื่องที่ตนเห็นด้วยตาของตนเองได้เหมือนอัครทูตคนอื่น ๆ
และก็มีการเสนอชื่อสองคน ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว

20* สดุดี 69:25, 109:8,22* กิจการ 1:8-9, 2:32 23* กิจการ 15:22

24-26  อัครทูตอธิษฐานและจับฉลากเลือกคนที่พระเจ้าทรงเลือก  ในยุคก่อนที่จะมีการเติมด้วยพระวิญญาณ สมัยโมเสสใช้วิธีนี้กันตามกันมาหลายร้อยปี  (เลวีนิติ  16:8)  พระเจ้าก็ทรงให้คำตอบกับพวกเขาตามความเชื่อมั่นที่เขามีต่อพระองค์  และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์

24* 1 ซามูเอล 16:7  25* กิจการ 1:17  26* โยชูวา 18:10, เลวีนิติ 16:8

ยอห์น 7 เทศกาลอยู่เพิงสุดท้าย

ก่อนเทศกาล…ไม่เชื่อ

ระหว่างเทศกาล โต้แย้ง

หลังเทศกาล แตกคอ

คำอธิบายเพิ่มเติม

คำแนะนำของน้องชายที่ไม่เชื่อ

1-5  ระหว่างบทที่ 6 กับ 7 นั้น ระยะเวลาห่างกันนานหลายเดือน  เพราะเรื่องในบทที่ 6 เกิดในช่วงเทศกาลปัสกา(เมษายน)แต่ในบทที่7 เป็นเทศกาลอยู่เพิง (กันยายนหรือ ตุลาคม)  และในช่วงนี้ พวกยิวก็คิดไว้แล้วว่าจะกำจัดพระองค์ให้ได้
คำว่า “งาน”  เออร์กอน .. 2041 การลงแรงทำงาน  อาชีพ การกระทำงาน หนัก ความสำเร็จในงาน รับจ้าง ออกแรง  น้องชายพระเยซูกำลังหมายถึงงานที่พระเยซูทรงทำอย่างมหัศจรรย์ ด้วยฤทธิ์เดช
 เทศกาลอยู่เพิง  เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนจะอยู่ในเพิงใบไม้เพื่อระลึกถึงความซื่อตรงของพระเจ้า ระหว่างที่อิสราเอลเดินทางในถิ่นกันดาร  และเป็นช่วงที่เขาขอบพระคุณสำหรับการเก็บเกี่ยวด้วย (เลวีนิติ 23:39-41
ชื่อของน้องชายร่วมมารดาของพระเยซูที่มัทธิวกล่าวถึง 13:55 คือ ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาส
ยากอบกับยูดาส เป็นผู้ที่ต่อมาได้เชื่อและรับใช้อย่างซื่อสัตย์  เป็นผู้เขียนจดหมายฝาก ยากอบและยูดา พวกเขากลับใจเชื่อพระเยซูว่าทรงเป็นพระเมสสิยาห์ หรือพระคริสต์ หลังจากที่เห็นพระองค์ทรงคืนชีพ กิจการ 1:14, 1 โครินธ์ 15:7
1 ยอห์น 5:18, 7:19,25, 8:37,40 คำว่ายิวในที่นี้ หมายถึงผู้ที่มีอำนาจทางศาสนา
2 เลวีนิติ 23:34, 42-43  3 มัทธิว 12:46 5 สดุดี 69:8, มาระโก 3:21

น้องกับพี่ อยู่คนละโลก

6-10  “เวลาของเรา” พระเยซูน่าจะหมายถึงการตรึงบนไม้กางเขน แต่น้อง ๆ ของพระองค์ไม่ได้เข้าใจตามนั้น คิดว่าเป็นเวลาที่จะต้องไปเทศกาล  ไปให้ใคร ๆ รู้จัก
โลกไม่อาจชังน้อง ๆ ของพระเยซูเพราะเป็นพวกเดียวกัน  เวลานั้นพวกเขายังไม่เชื่อวางใจพระองค์  คนที่ติดตามพระเยซูจริง ๆ จะรู้ว่า โลกไม่ชอบคนของพระองค์นั้น ความรู้สึกเป็นอย่างไร
ในภาษากรีก เป็นประโยคปัจจุบัน พระเยซูกำลังตรัสว่า ตอนนี้ เรายังไม่ไป .. และจะไม่ไปตามวิธีที่น้อง ๆ แนะนำด้วย  พระองค์ทรงมีวาระ ความมุ่งหมายของพระองค์ตามพระทัยพระบิดาอยู่แล้ว
น้องชายของพระเยซูชวนให้พระเยซูไปเปิดตัว แต่พระองค์กลับเดินทางไปเยรูซาเล็มเงียบ ๆ   ตามเวลาของพระองค์ 
6 ยอห์น 2:4, 8:20  7 ยอห์น 15:19, 3:19     8 ยอห์น8:20

ผู้คนต่างรอหาพระเยซู

11-13  ยิวที่ตามหาพระเยซูเป็นพวกที่ต้องการกำจัดพระองค์ น่าจะเป็นกลุ่มที่รุนแรงไม่น้อยเพราะประชาชนต่างซุบซิบถึงพระเยซู ไม่มีใครกล้าพูดเปิดเผยเลย  พวกยิว จงเกลียดจงชังพระเยซูจนเห็นได้ชัด 
11 ยอห์น 11:56   12 ยอห์น 9:16, 10:19, ลูกา7:16   13 ยอห์น 9:22, 12:42,19:38

ไม่ยอมรับ แต่ก็ยอมรับ

14-16  น่าจะใกล้เวลาของพระเยซูแล้ว เพราะระหว่างเทศกาลนั้นเอง พระเยซูก็ทรงเริ่มต้นสอนประชาชนในลานพระวิหารอย่างเปิดเผย   คำสอนของพระองค์นั้นพวกยิวเองยังยอมรับว่า อยู่ในระดับสูงมาก  เนื้อหา การสื่อและการอธิบายทำให้พวกเขาเองทึ่งไม่น้อย
พวกเขาไม่ต้องสงสัยนานว่า พระเยซูเรียนมาจากไหน ในเมื่อไม่ได้เข้าเรียนแบบพวกเขา  พระองค์ทรงตอบชัดเจน ว่าสิ่งที่พระองค์ตรัส มาจากพระบิดาโดยตรง  ในขณะที่พวกธรรมาจารย์ ฟาริสีทั้งหลาย เรียนรู้กันตามประเพณีสืบต่อกันมา  พระเยซูทรงเรียนจากพระบิดาเจ้า เหนือกว่าพวกเขาด้วยประการทั้งปวง
จริง ๆ แล้ว ศิษย์ของพระองค์ก็ไม่ได้ผ่านโรงเรียนแบบฟาริสี แต่พวกเขาได้เรียนจากพระเยซู  
14 มาระโก 6:34    15     มัทธิว13:54    16 ยอห์น 3:11,

17-18 พวกยิวคิดว่าตัวเองรู้จักพระเจ้าด้วยการเรียนพระคัมภีร์ จดจำและนำมาอภิปรายกัน
แต่การรู้จักพระเจ้าที่พระเยซูบอกนั้น คือ คนที่ตั้งใจทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าต่างหากที่รู้จักพระองค์จริง คนเหล่านั้นจะรู้ความจริง และจะเชื่อว่าพระเยซูสอนคำที่มาจากเบื้องบน ดู 6:44 ไม่มีใครมาหาพระเยซูได้นอกจากพระบิดาทรงส่งมาให้  6:29 งานของพระเจ้าคือให้เชื่อผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา
17 ยอห์น 3:21, 8:43  18 ยอห์น 5:41, 8:50, 2 โครินธ์ 5:21

ทรงชี้แจงให้ฟาริสีมองเห็นตัวเอง

19-24 ตอนนี้อาจเข้าใจยากนิดหนึ่งเพราะข้อความดูซับซ้อน เรื่องของเรื่องคือ ยิวเองไม่ได้รักษาบัญญัติของโมเสสจริงจัง เพราะเขาถือว่าเด็กอายุแปดวันก็ต้องให้สุหนัต ไม่ว่าวันนั้นจะไปตกอยู่วันสะบาโตหรือไม่ แต่พวกเขากับคาดคั้นไม่ยอมให้พระเยซูรักษาโรคในวันสะบาโต ดู ๆ ไป ก็น่าจะเป็นแค่ข้อแก้ตัว พวกเขาต้องการหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ 
19 เฉลยธรรมบัญญัติ 33:4, มัทธิว 12:14    20  ยอห์น 8:48,52    22  เลวีนิติ  12:3, ปฐมกาล 17:9-14,   23 ยอห์น  5:8,9,16   24 สุภาษิต 24:23

ความเห็นที่แตกต่าง ความรู้ที่ไม่ถูกต้องเรื่องพระผู้ช่วยให้รอดที่จะมา

25-27 ไป ๆ มา ๆ คนก็เริ่มสงสัยว่า จริง ๆ แล้วถึงแม้พวกยิวจะต่อต้านพระเยซูมากเพียงใด ลึก ๆ พวกเขาอาจจะเชื่อแล้วว่า พระองค์คือ พระคริสต์ หรือ พระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอดที่พระเจ้าทรงส่งมาจริง ๆ  นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดของผู้คนต่อเนื่องกันมาว่า พวกเขาจะไม่รู้ถิ่นกำเนิดของผู้ที่เป็นพระเมสสิยาห์  แต่ใน มีคาห์ 5:2 พระเจ้าตรัสก่อนหน้าแล้วว่า พระเมสสิยาห์จะเกิดที่เมืองเบธเลเฮม พวกเขาคิดกันว่าพระเยซูมาจากนาซาเร็ธก็ต้องเกิดที่นั่นด้วย … พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพระองค์เลย 
25 มัทธิว 21:38, 26:4, ลูกา 22:2, ยอห์น 5:18, 8:37,40   26 ยอห์น 7:48,   27 มัทธิว 13:55, มาระโก 6:3, ลูกา 4:22

28 -31  ทุกอย่างที่พวกเขาพูดกัน พระเยซูทรงทราบหมด สิ่งที่ตรัสในตอนนี้ว่า พวกเขารู้จักพระองค์ น่าจะเป็นคำกระทบกระเทียบพวกเขามากกว่า    เรื่องนี้สำคัญมาก พระเยซูจึงตรัสด้วยเสียงอันดัง  ไม่ว่าใครจะคิดว่าพระองค์เป็นใครมาจากไหน ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า พระเจ้าที่ส่งพระองค์มานั้น ทรงเป็นจริง คนยิวคิดว่า พวกเขารู้จักพระเจ้าพระบิดา แต่ความจริงแล้ว พวกเขากลับต่อต้านพระองค์ และพระบุตรที่ทรงส่งมา 
ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาของพระเยซู ก็ไม่มีใครจะจับพระองค์ไปได้ หลายครั้งแล้วที่เป็นเช่นนี้  หลายคน เชื่อ…  ตอนนี้คนเริ่มแตกคอ มีความเห็นไม่เหมือนกัน  ปรากฏว่าจำนวนไม่น้อยที่หันมาเชื่อพระองค์ พวกเขาเห็นว่า  พระเมสสิยาห์ที่เขาคิดว่าจริงมา ก็ไม่มีทางจะทำการอัศจรรย์ได้มากกว่าพระเยซู
28 ยอห์น 8:14,5:43,โรม 3:4, ยอห์น 1:18, 8:55   29 มัทธิว 11:27, ยอห์น 8:55,17:25      30 มาระโก 11:18, มัทธิว 21:46, ยอห์น 7:32,44, 8:20, 10:39    31 มัทธิว 12:23

ความพยายามจับกุมพระเยซู

32-36   ความจริงแล้ว ฟาริสีกับปุโรหิตใหญ่ไม่ถูกคอกันมานานมาก  แต่ครั้งนี้พวกเขามีศัตรูคนเดียวกัน จึงส่งเจ้าหน้าที่ของพระวิหารออกไปเพื่อจะจับพระเยซู.   ที่ ๆ พวกเขาไปไม่ได้ก็คือ ที่ ๆ พระองค์จะเสด็จไปหาพระบิดาหลังจากที่พระองค์คืนชีพแล้ว
33 ยอห์น 13:33, มาระโก 16:19, ลูกา 24:51, กิจการ 1:9, ฮีบรู 9:24, 1 เปโตร 3:22      34 โฮเชยา 5:6, มัทธิว 5:20, 1 โครินธ์ 6:9, 15:50, วิวรณ์ 21:27     35  สดุดี 147:2, อิสยาห์ 11:12, 56:8, เศฟันยาห์ 3:10, ยากอบ 1:1,  1 เปโตร 1:1

คำเชิญที่ยิ่งใหญ่สำหรับทุกคน

37-39. เทศกาลอยู่เพิงครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเป็นเทศกาลปัสกา ซึ่งเป็นเทศกาลที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน  พระองค์ทรงอยู่ลานพระวิหาร และตรัสหลังจากที่มีการเทน้ำออกมาเพื่อระลึกถึงการที่พระเจ้าประทานน้ำให้ในถิ่นกันดาร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เน้นกันในเทศกาล 
พระเยซูทรงเรียกให้คนมาหาพระองค์และดื่ม  ทรงเรียกทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครที่กระหาย. พระองค์ทรงหมายความว่า ใครก็ตาม ขอให้มา และเชื่อพระองค์ พระองค์ทรงสัญญาจะให้เขามีน้ำแห่งชีวิตไหลออกมาจากใจ. ท่านยอห์นได้บันทึกไว้ให้เราเข้าใจว่า เมื่อพระเยซู สิ้นชีพและคืนชีพแล้ว  คนที่เชื่อจะได้รับพระวิญญาณของพระองค์อย่างแน่นอน 
37 เลวีนิติ 23:36, กันดารวิถี 29:35, เนหะมีย์ 8:18, อิสยาห์ 55:1   39 ยอห์น 12:16, 13:31, 17:5

ประชาชนฉงน ผู้นำศาสนาไม่ยอมรับ

40-44  มีคนที่แน่ใจในความจริงที่พระเยซูตรัส  เขาเชื่อว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ (พระเมสสิยาห์)แน่นอน ตรงนี้ทำให้เรารู้ว่าคนไม่น้อยไม่รู้สถานที่บังเกิดของพระเยซู พวกเขาคิดว่า พระองค์มาจากกาลิลีทางเหนือ  มีคนที่แน่ใจว่า พระเยซูคือพระเมสสิยาห์ หรือพระคริสต์ แต่ก็ยังมีคนไม่รู้และค้านแบบไม่รู้ไปดื้อ ๆ อย่างนั้น  เห็นได้ชัดว่า พระเยซูทรงทำให้คนต้องคิด ต้องชั่งน้ำหนัก ให้เหตุผล และทำให้คนแตกคอกันจากสิ่งที่พวกเขาเห็นตรงหน้า 
40 เฉลยธรรมบัญญัติ 18:15,18   41 ยอห์น 4:42,6:69    42 สดุดี 132:11, เยเรมีย์ 23:5, มีคาห์  5:2, ,มัทธิว 2:5, ลูกา 2:4, 1 ซามูเอล 16:1,4    43 ยอห์น 7:12    44 ยอห์น7:30

45-49 การจับกุมพระเยซูไม่สำเร็จ  ที่เป็นเช่นนั้นเพราะยังไม่ถึงเวลาของพระองค์   ยามพระวิหารเองก็เห็นว่า พระเยซูตรัสไม่เหมือนใครเลย ทำให้ฟาริสีเองหงุดหงิดมากขึ้น  ภาพนี้เราเลยเห็นชัดเจนว่า เหล่าธรรมาจารย์และฟาริสีต่างมีความเย่อหยิ่ง ไม่ยอมรับความจริงที่พระเยซูตรัสเลย 
46 มัทธิว 13:54,56, ลูกา 4:22

คนที่เป็นฝ่ายพระเยซู

50-51 คราวนี้นิโคเดมัสออกตัวให้ใคร ๆ รู้ว่า เขาปกป้องพระเยซูอยู่  เขาเปิดเผยตัวแล้วว่า เขาเป็นฝ่ายพระองค์  เขาพยายามชี้แจงเหตุผลที่ถูกต้องตามธรรมเนียม แต่ไม่มีใครฟัง52  จากข้อนี้ เราเห็นเลยว่า ฟาริสี ก็ไม่ได้รู้จริงนัก เขาก็ไม่รู้ด้วยว่า จริงแล้ว พระเยซูทรงเกิดที่เบธเลเฮม เขาไม่รู้ว่าโยนาห์และนาฮูม มาจากกาลิลี  พวกเขาพูดอะไรก็ได้ที่คิดว่าจะทำให้ตนชนะ  น่าอายจริงที่เรื่องนี้ถูกบันทึกมานานเข้าปีที่สองพันกว่า
50 ยอห์น 3:1-2, 19:39  51 เฉลยธรรมบัญญัติ 1:16-17,19:15  52 อิสยาห์ 9:1-2, ,มัทธิว 4:15,