2 โครินธ์ 9 กฎการหว่าน

2 โครินธ์ 9:1-2
ข้าไม่จำเป็นต้องเขียนถึงท่านเรื่องการช่วยคนของพระเจ้าในด้านนี้ เพราะข้ารู้ดีว่าท่านทั้งหลายตั้งใจพร้อมอยู่ ข้ายังได้พูดอวดพวกท่านกับพี่น้องในมาซิโดเนียว่า พี่น้องในอาคายาพร้อมที่จะให้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และความกระตือรือร้นของท่านเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขามาก
2 โครินธ์ 9:3-4
แต่ข้าส่งพี่น้องมาเพื่อว่าที่เราเคยอวดเรื่องท่านจะไม่เสียเปล่า และท่านจะได้จัดเตรียมให้พร้อมตามที่ข้าบอกไปแล้ว ดังนั้น หากพี่น้องชาวมาซิโดเนียบางคนมากับเรา และพบว่าท่านไม่พร้อม เท่ากับว่าทั้งท่านและเราต้องขายหน้า ที่มั่นใจในพวกท่านขนาดนั้น

2 โครินธ์ 9:5
ดังนั้นข้าคิดว่า จำเป็นต้องขอให้พี่น้องไปหาพวกท่านก่อน เพื่อให้ท่านเตรียมสิ่งที่จะถวายตามที่สัญญาไว้ ซึ่งการเตรียมพร้อมอย่างนี้ แสดงถึงการให้อย่างเต็มใจไม่ใช่ด้วยการฝืนใจ
2 โครินธ์ 9:6-7
ข้าขอบอกว่า คนที่หว่านน้อยย่อมเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย และคนที่หว่านมากจะเก็บเกี่ยวได้มาก แต่ละคนควรให้ตามที่เขาตั้งใจไว้ ไม่ใช่ด้วยความเสียดายหรือจำเป็นต้องให้ เพราะว่า พระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี

2 โครินธ์ 9:8-9
พระเจ้าประทานพรทุกอย่างให้แก่ท่านได้อย่างเต็มที่ เพื่อท่านจะได้มีเพียงพออยู่เสมอ และยังจะมีเกินพอที่จะทำการดีทุกอย่างด้วย ตามที่มีบันทึกไว้ว่า
“เขาได้แบ่งปันแก่คนยากจนความเที่ยงธรรมของเขาดำรงเป็นนิตย์”
2 โครินธ์ 9:10
พระองค์ผู้ประทานเมล็ดพืชให้แก่คนที่หว่าน อาหารให้แก่คนที่กินจะประทานเมล็ดพืชให้แก่ท่าน และจะทรงเพิ่มผลให้เมล็ดที่ท่านนำไปหว่านทั้งจะทรงให้ท่านได้เก็บเกี่ยวความเที่ยงธรรมอย่างเพิ่มพูน
2 โครินธ์ 9:11
พระองค์จะทรงให้ท่านมั่งคั่งในทุกสิ่งเพื่อจะได้ใจกว้างแบ่งปันทุกโอกาส
และทำให้หลายคนได้ขอบคุณพระเจ้าผ่านเรา

2 โครินธ์ 9:12-13
ในการรับใช้แบบนี้ ไม่ใช่เป็นการจัดหาให้กับผู้เชื่อที่ขัดสนเท่านั้น แต่ยังทำให้มีคำขอบพระคุณอย่างมากด้วย การปรนนิบัตินี้จะส่งผลให้พวกเขาสรรเสริญพระเจ้าเพราะท่านทั้งหลายยอมเชื่อฟัง สมกับที่ท่านกล่าวยอมรับข่าวประเสริฐของพระคริสต์และในน้ำใจที่ท่านมีต่อเขาและคนทั่วไป
2 โครินธ์ 9:14-15
และเขาจะทูลขอเพื่อท่านและระลึกถึงท่านอย่างจริงใจ เพราะพระเจ้าทรงมีพระคุณต่อท่านอย่างเหลือล้น ขอบคุณพระเจ้าสำหรับของประทานจากพระองค์ที่เกินคาดหมาย

อธิบายเพิ่มเติม

2 โครินธ์ 9:1-2
พี่น้องในมาซิโดเนียอยู่ท่านเหนือ และอาคายาเป็นที่ตั้งของเมืองโครินธ์อยู่ทางใต้ จดหมายของท่านเปาโลทำให้รู้ว่า พี่น้องในคริสตจักรอื่น ๆ ที่ อยู่ไกลออกไป ไม่ได้อยู่เฉย แต่มีความกระตือรือร้น. ในการรับใช้พระเจ้า ซึ่งการรับใช้พระเจ้านี้ มีวิธีการหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำดีให้ผู้อื่น การประชุมร่วมกัน การถวายเพื่อช่วยพี่น้อง รวมถึงการประกาศ การเป็นพยาน การนมัสการพระองค์ชีวิตคริสเตียนจริง ๆ นั้น ไม่ใช่เป็นชีวิตอยู่เฉย ๆ

2 โครินธ์ 9:3-4
ตอนนี้ ท่านเปาโลกำลังสอนให้พี่น้องในโครินธ์ ได้เตรียมตัวให้พร้อมในกิจกรรมที่ดี และการถวายท่านเปาโลเคยเอาพี่น้องโครินธ์ไปชมเชยกับพี่น้องในที่อื่น ๆ ด้วย ทำให้เราเห็นว่า แม้จะมีปัญหาในคริสตจักร แต่ท่านเปาโลก็เห็นสิ่งดีในตัวพี่น้องเสมอ ท่านไม่ได้เอาเขาไปนินทา แต่เอาไปชมเชย นี่เป็นสิ่งที่สมควรทำตาม ไม่ว่าเราจะเห็นใครมีปัญหามากเพียงไร แต่หากดูให้ดี แต่ละคนก็ยังมีสิ่งดีในชีวิตที่เราอวดได้ ถ้าไม่อธิษฐานเผื่อก็อย่า
เอาเขาไปพูดลับหลัง

2 โครินธ์ 9:5
ท่านเปาโลไม่ยอมให้มีความผิดพลาดในด้านของชื่อเสียงของพี่น้องและตัวท่านเองเกิดขึ้น ในสมัยก่อนนั้น ใครก็ตามที่เคยสัญญาว่าจะให้อะไร ก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ มากลับคำง่าย ๆ ไม่ได้การไม่ทำตามสัญญาจะเป็นเรื่องที่ขายหน้าเอามาก ๆ เป็นเรื่องที่เสียเครดิตจริงๆ และเรื่องนี้ในสังคมของคนยิวเป็นสิ่งสำคัญ เป็นสังคมที่หน้าตา ฐานะ ขึ้นอยู่กับศักดิ์ศรีและความอับอาย

2 โครินธ์ 9:6-7
นี่เป็นหลักการธรรมดาที่พระเจ้าทรงวางไว้ให้คนที่ให้มากก็จะได้ผลมาก ตอนนี้ท่านเปาโลกำลังพูดถึงการให้กับพี่น้องคนอื่น ๆ ซึ่ง ในเมื่อพระเจ้าเป็นผู้ให้เกิดผล ผลที่ได้อาจไม่ได้เกิดกับคนที่ให้โดยตรงอย่างเดียว แต่ไปเกิดผลขึ้นในอาณาจักรของพระเจ้า ดังนั้น การให้จะต้องมีท่าทีอย่างถูกต้องไม่ใช่เป็นเพราะต้องการเอาคืนที่เห็นแก่ตัว อยากมีมากกว่าเดิม ฝึกการให้ไปบ่อย ๆ เราจะสัมผัสเองว่าผลในอาณาจักรของพระเจ้าดีกว่าผลส่วนตัว

2 โครินธ์ 9:8-9
ขออย่าแปลความในข้อนี้ผิดไปจากความตั้งใจของท่านเปาโลเพียงเพราะว่า เราอยากมีมากขึ้นพระสัญญาของพระเจ้านี้ มีให้กับคนจริงเท่านั้นไม่ใช่คนที่แสร้งให้เพื่อจะรับผู้เชื่อในพระเจ้าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เขาเชื่อวางใจพระสัญญานี้ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาหรืออาจารย์ แต่เป็นสำหรับพี่น้องทุกคน ที่ถวายแด่พระเจ้าแม้ไม่มีใครเห็น คนถวายจริง ด้วยใจจริงด้วยความคิดถูกต้องจะเห็นผลแน่นอน

2 โครินธ์ 9:10
เมล็ดพืช เป็นที่เริ่มต้นของพืชพันธ์ุ ต้นไม้ต่าง ๆแต่เบื้องหลังของเมล็ดพืชที่จะงอกเป็นผลหลากชนิดนั้น คือ พระเจ้าผู้ทรงสร้าง ดังนั้น คิดแล้ว การให้ของเราเกี่ยวพันกับท่าทีที่เรามีต่อพระเจ้าเป็นอย่างมาก การถวายคืนแด่พระเจ้าด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในคริสตจักร หรือทำกับคนทั่วไปที่ต้องการความช่วยเหลือ ต้องได้รับการอวยพรให้ผลผลิตฝ่ายวิญญาณนี้ เพิ่มพูน ทวีคูณจากพระเจ้า … ทุกอย่างจึงจะยั่งยืนและเกิดผลมาก

2 โครินธ์ 9:11
พระเจ้าจะทรงให้มั่งคั่งเพื่อให้มีใจกว้างแบ่งปันให้คนอื่น วิธีการที่จะอยู่ร่วมกันได้ดีที่สุด คือทุกคนได้มีโอกาสที่จะก้าวต่อไป ไม่ใช่เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน ในโลกธุรกิจมีแนวคิดว่า ต้องขายให้มากสุด ต้องโกยส่วนแบ่งการตลาดมาให้มากเท่าที่มากได้ แต่ธุรกิจของพระเจ้ากลับแปลก พระองค์ให้คนของพระองค์มั่งคั่ง (ในรูปแบบต่าง ๆ) เพื่อช่วยให้คนอื่นได้ก้าวต่อไป

2 โครินธ์ 9:12-13
พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะให้คนของพระองค์มั่งคั่งไม่ใช่เพื่อให้เขาเก็บไว้ชื่นชมคนเดียว แต่เพื่อเขาจะมีใจกว้างขวาง แบ่งปันให้กับคนอื่นด้วย เมื่อเราได้เห็นการให้และการรับในหมู่พี่น้อง ด้วยความปรารถนาดี เราก็จะเกิดใจขอบพระคุณ ดังนั้น การให้นอกจากจะเป็นการแบ่งเบาภาระเป็นการช่วยให้อีกคน หรือหลายคนมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีสันติสุข ยังเป็นเหตุให้พระเจ้าได้รับพระเกียรติจากทุกหัวใจที่ขอบพระคุณ

2 โครินธ์ 9:14-15
ใจกตัญญูต่อพระเจ้าที่เกิดขึ้นในคนที่รับนั้นไม่ได้มีต่อพระเจ้าเท่านั้น แต่ต่อคนที่ตั้งใจช่วยเหลือคำขอบพระคุณเหล่านี้เป็นที่ถวายพระเกียรติทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัยที่พี่น้องต่างมีความรักจริงใจต่อกัน ยิ่งขอบพระคุณ ชีวิตก็ยิ่งเกิดผลยิ่งก่อให้เกิดการขอบพระคุณมากขึ้นอีกไปเรื่อย ๆแต่หากคนรับไร้การขอบพระคุณล่ะ … คนที่ให้ก็ยังได้รับพระพรที่จะทำการดีต่อไปได้ ไม่ต้องห่วงไม่มีการขัดสนเลย ….

พระคำเชื่อมโยง

1* กาลาเทีย 2:10
2* 2 โครินธ์ 8:10
3* 2 โครินธ์ 8:6, 17
6* สุภาษิต 11:24; 22:9
7* เฉลยธรรมบัญญัติ 15:4; โรม 12:8

8* สุภาษิต 11:24
9* สดุดี 112:9
10* อิสยาห์ 55:10; โฮเชยา 10:12
11* 2 โครินธ์ 1:11

12* 2 โครินธ์ 8:14
13* มัทธิว 5:16; ฮีบรู 13:16
14* 2 โครินธ์ 8:1
15* ยากอบ 1:17



2 โครินธ์ 8 ให้โปร่งใส

2 โครินธ์ 8:1-2
พี่น้องทั้งหลาย เวลานี้ เราอยากให้ท่านรู้ถึงพระคุณของพระเจ้าที่ประทานให้คริสตจักรทั้งหลายในแคว้น มาซิโดเนีย
ขณะที่พวกเขากำลังเผชิญกับความทุกข์สาหัส แต่ความยินดี และความยากจนข้นแค้นอย่างที่สุดนั้น กลับกลายเป็นความเอื้อเฟื้อให้กับคนอื่นอย่างมาก


2 โครินธ์ 8:3-5
ข้ายืนยันว่า พวกเขาได้ถวายตามความสามารถ ที่จริง เกินความสามารถด้วยความเต็มใจ พวกเขาเฝ้าขอร้องเรา ที่จะได้มีส่วนในการช่วยเหลือคนของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้ทำอย่างที่เราคาด แต่กลับ
ถวายตัวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วจึงทุ่มเทกับเราตามพระประสงค์

2 โครินธ์ 8:6-7
เหตุนี้ เราจึงขอให้ทิตัสไปช่วยท่าน เพื่อทำสิ่งดีนี้จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เพราะเขาเป็นผู้ที่เริ่มงานนี้ ดังนั้น ในเมื่อท่านเพียบพร้อมไปด้วยความเชื่อ ความสามารถในการพูด ความรู้ ความกระตือรือร้น และความรักที่มีต่อเรา ก็ขอให้ท่านเต็มด้วยพระคุณในการให้เช่นกัน
2 โครินธ์ 8:8
ข้าไม่ได้ออกคำสั่ง แต่เพียงต้องการพิสูจน์ความรักของท่านว่าจริงใจหรือไม่เมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นของคนอื่น

2 โครินธ์ 8:9
เพราะว่า พวกท่านต่างรู้ถึงพระคุณของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า แม้พระองค์ทรงมั่งคั่ง แต่ทรงยอมเป็นคนยากจนเพื่อเห็นแก่ท่านเพื่อพวกท่านจะได้กลายเป็นคนมั่งคั่งเนื่องจากความยากจนของพระองค์

2 โครินธ์ 8:10-11
เรื่องนี้ ข้ามีความเห็นที่เป็นประโยชน์กับท่านว่า ปีที่แล้วท่านเป็นคนกลุ่มแรกที่ลงมือทำการนี้ ทั้งยังมีน้ำใจที่จะทำด้วย
บัดนี้ ท่านควรทำให้สำเร็จ ในเมื่อมีใจพร้อม ท่านก็จะได้ทำให้สำเร็จตามความสามารถของท่าน
2 โครินธ์ 8:12
เพราะหากมีน้ำใจพร้อมอยู่แล้วพระเจ้าจะทรงรับเท่าที่เขามีอยู่ ไม่ใช่ตามที่เขาไม่มี

2 โครินธ์ 8:13-14
เพราะข้าไม่ได้หมายความว่า คนอื่นจะงานเบาลง ส่วนท่านมีภาระหนักขึ้น แต่เป็นเรื่องของการเอื้อเฟื้อต่อกัน การที่ท่านมีเกินพอในเวลานี้ ท่านควรจะไปช่วยคนที่ต้องการและเมื่อเขามีเกินพอเขาจะได้ช่วยท่านเมื่อท่านขัดสน
2 โครินธ์ 8:15
ตามที่มีบันทึกว่า “คนที่เก็บไว้มากก็ไม่มีเหลือส่วนคนที่เก็บได้น้อยก็ไม่ขัดสน”

2 โครินธ์ 8:16-18
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงทำให้ใจทิตัสมีพลังใจห่วงใยท่านเหมือนที่เรามีต่อท่านเพราะไม่เพียงแต่เขาตอบรับคำขอร้องจากเราเท่านั้น แต่เขาไปหาท่านด้วยใจกระตือรือร้นของเขาเอง และเราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงในการประกาศข่าวประเสริฐตามคริสตจักรไปกับเขาด้วย
2 โครินธ์ 8:19
ไม่เพียงเท่านั้น แต่เขาได้รับการแต่งตั้งจากคริสตจักรต่าง ๆ เพื่อให้เดินทางไปกับเรา เป็นผู้ร่วมงานในขณะที่เราทำการแห่งพระคุณนี้ เพื่อถวายพระเกียรติสิริแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และเพื่อแสดงถึงความปรารถนาดีของเรา

2 โครินธ์ 8:20-21
เราจำเป็นต้องระมัดระวังตัวไม่ให้ใครติเตียนได้ ในเรื่องของเงินถวาย
มากมายที่รับมาเพื่อจัดการส่งต่อ
นั้นเพราะเรามีเป้าหมายที่จะเป็นคนซื่อตรงไม่ใช่ในสายพระเนตรพระเจ้าเท่านั้นแต่ในสายตาของมนุษย์ด้วย
2 โครินธ์ 8:22
และเราให้พี่น้องคนหนึ่งมากับเขาทั้งสองคนนี้ เราได้ทดสอบบ่อย ๆ ว่า
เขากระตือรือร้นในหลาย ๆ เรื่องและตอนนี้เขายิ่งเอาจริงเอาจังมากขึ้น
เพราะเขามั่นใจในพวกท่านมาก
2 โครินธ์ 8:23-24
ส่วนทิตัสเอง เขาเป็นคู่หู เพื่อนร่วมงานของข้าเพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลายส่วนพี่น้องทั้งสองนั้นเป็นผู้สื่อสารจากคริสตจักรทั้งหลายเพื่อพระเกียรติของพระคริสต์ ดังนั้น จงแสดงความรักของท่าน และความภูมิใจของเราที่มีต่อท่านแก่พวกเขา เพื่อคริสตจักรต่าง ๆ จะได้เห็น

2 โครินธ์ 8:1-2
ข่าวประเสริฐจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่พบพระเจ้าจริง ๆ แต่ก่อนนี้ พี่น้องในเยรูซาเล็มได้ส่งคนของพระเจ้าออกไปประกาศในมาซิโดเนีย
พวกเขาเป็นคนยากจนมาก แต่เมื่อพวกเขาพบพระเจ้าจริง ๆ แล้ว เขาก็กลับเป็นคนใจกว้าง สนใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่แค่สนใจเรื่องของตนเองนี่ทำให้รู้ว่า พวกเขากลับใจใหม่จริง เมื่อรู้ว่าพี่น้องในเยรูซาเล็มกำลังลำบากพวกเขาก็ยินดีจะช่วยเหลือ

2 โครินธ์ 8:3-5
สิ่งที่พี่น้องมาซิโดเนีย คือพี่น้องในเมืองฟีลิปปีเมืองเธสะโลนิกา และเบเรีย ทำคือ  ถวายตามความสามารถ ถวายเกินความสามารถ
ถวายด้วยความเต็มใจ และสิ่งที่ท่านเปาโลคาดไม่ถึงคือ การที่พวกเขาถวายชีวิตให้กับพระเจ้าก่อนที่จะมีการถวายดังกล่าวเท่ากับพวกเขารู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในการถวาย

2 โครินธ์ 8:6-7
ก่อนหน้านี้ ทิตัสเองได้ชักชวนให้พี่น้องโครินธ์ได้ถวายเพื่อช่วยพี่น้องในเยรูซาเล็มที่กำลังลำบาก การถวายครั้งนี้ของพวกเขา เหมาะสมยิ่งเพราะพวกเขามีทั้งความเชื่อความรู้ การพูดดี กระตือรือร้นและที่สำคัญ พวกเขารักท่านเปาโลด้วย ถ้ามีทุกอย่างแบบนี้ ก็จะเป็นการให้ที่ดีมาก จากข้อความตอนนี้ เราเห็นได้ชัดว่า พี่น้องชาวโครินธ์มีฐานะหน้าที่การงานดีพอสมควร ถึงแม้จะไม่ทุกคนก็ตาม

2 โครินธ์ 8:8
การชวนให้ถวายครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการบังคับใจพี่น้อง แต่เป็นการสนับสนุนให้เกิดความรักและเอาใจใส่กันระหว่างคริสตจักรต่างเมือง อันที่จริง
สิ่งที่เกิดขึ้นนับได้ว่า เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคริสตจักรในปัจจุบันด้วย ที่จะมีการช่วยเหลือกันและกันอย่างจริงจัง ไม่ได้เกิดเพราะเป็นหน้าที่ ๆ
ต้องทำแต่เกิดจากหัวใจที่เป็นห่วง และเข้าใจว่าการทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ลูกของพระเจ้าจะทำเพื่อกัน

2 โครินธ์ 8:9
พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของทั้งจักรวาลได้เสด็จลงมาเป็นมนุษย์ เติบโตในบ้านของชายหญิงที่เป็นชาวบ้านธรรมดา พระองค์ทรงมีอำนาจสูงสุด
ปัญญาสูงสุด ฤทธิ์เดชทั้งสิ้นเป็นของพระองค์แต่เมื่อทรงมาเป็นคนเดินดิน พระองค์ก็ทรงใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป พระองค์ทรงถ่อมพระองค์เป็นที่สุด
แล้วพระองค์ก็ทรงสิ้นพระชนม์เยี่ยงอาชญากรทั้งหมดนี้ เพื่อจะให้คนที่เชื่อในพระองค์ได้เป็นลูกของพระเจ้า ได้ครอบครองและเป็นผู้มั่งคั่งกับพระองค์

ถอดความจาก 2 โครินธ์ 8:10-11
สิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับพี่น้องโครินธ์คือ การให้ของพวกเขาเป็นเรื่องที่จะทำให้พระเจ้าทรงให้ตอบแทนแก่พวกเขานอกจากจะเป็นในชีวิตนี้ อย่างที่ฟีลิปปี 4:17 กล่าวไว้ ก็ยังจะเกิดผลดีในวันของพระเจ้าด้วย พระเจ้าจะทรงให้รางวัลกับคนที่ใส่ใจคนยากจน คนลำบาก อีกอย่างการที่เริ่มต้นสิ่งดีอะไรแล้วทำให้สำเร็จก็เป็นเรื่องที่ต้องทำ นั่นเป็นนิสัยของคนที่จะประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต

2 โครินธ์ 8:12
นี่ทำให้เรานึกถึงหญิงม่ายที่ถวายเงินเพียงเล็กน้อยแต่พระเยซูกลับทรงมองว่า เธอเป็นคนที่ให้มากที่สุด (มาระโก 12:41-44) ดูเหมือนว่าจำนวนที่
ให้นั้น สัมพันธ์กับความสามารถที่จะให้ หากไม่มีแต่พยายามไปหยิบยืมเพื่อให้มีถวาย หรือเพื่อทำตามเทรนด์ ก็คงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ และในทางของพระเจ้า พระคัมภีร์ก็บอกชัดว่า ให้น้อยที่สุดประมาณเท่าไรจึงจะดี นั่นคือ สิบลดหนึ่ง แต่ถ้ามากกว่านั้น ประโยชน์จะเกิดกับคนถวายเอง

2 โครินธ์ 8:13-14
ในการมีชีวิตกับพระเจ้า ไม่ได้หมายความว่าจะจนเสมอไป หรือรวยเสมอไป แต่การอยู่ในชุมชนนั้นเป็นเรื่องของการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันอย่างชัดเจนพระเจ้าไม่ได้ให้เรารวยหรือจนเพื่อตนเอง แต่เมื่อเรามีที่จะเผื่อแผ่ ก็ให้ทำเป็นนิสัยเพื่อว่า เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็จะไม่รู้สึกลำบากใจ หนักใจหรือไม่กล้าเพราะทำอยู่แล้วเป็นประจำ และได้ประสบการณ์การให้ การรับจากพี่น้องเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต

2 โครินธ์ 8:15
ช่วงเวลาที่ท่านเปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้อยู่พี่น้องในเมืองต่าง ๆ เผชิญกับความยากลำบากที่แตกต่างกันไป บางที่เป็นเรื่องของคนสอนผิด
บางที่เป็นเรื่องความอดอยาก บางที่ก็เป็นเรื่องของบาปที่เกิดขึ้นในหมู่พี่น้อง บ้างก็ถูกข่มเหง แต่สำหรับเรื่องฐานะ ความเป็นอยู่แล้ว หลักการ
ของพระเจ้าคือ ทุกคนมีอย่างเพียงพอ ทำให้ใช้ชีวิตไปได้อย่างไม่ลำบากเกินไป ที่เพียงพอได้เพราะแบ่งปันกัน

2 โครินธ์ 8:16-18
ทิตัสเต็มใจที่จะเดินทางไปรับเงินถวายเพื่อพี่น้องที่เดือดร้อนในเยรูซาเล็ม ไม่ต้องให้ใครใช้ไป แต่เขาอาสาที่จะทำเรื่องนี้ แต่ว่าเพื่อความปลอดภัยในเครดิตของทิตัสเองท่านเปาโลได้ให้อีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงดี เป็นที่วางใจของพี่น้องไปกับทิตัสด้วย คนนี้ไม่ได้ถูกออกชื่อ แต่เป็นคนที่ไว้ใจได้จริง เราไม่ทราบว่าเป็นใครแต่สิ่งสำคัญคือ ความรอบคอบในการทำงานเรื่องการเงินของท่านเปาโลเอง

 2 โครินธ์ 8:19
พี่น้องท่านนี้ ไม่ได้เป็นคนที่มาจากไหนก็ไม่รู้แต่เป็นคนที่ใคร ๆ ในคริสตจักรรู้จักดี และยังมีความเชื่อถือในตัวเขาจนถึงกับช่วยกันแต่งตั้ง
ให้เขาเดินทางไปกับทิตัส ถือเงินไปยังกรุงเยรูซาเล็มเราจะเห็นถึงความชัดเจนในการเลือกผู้รับใช้ให้ถูกที่ถูกงานของท่านเปาโล การเลือกคนถูก
กับงาน เป็นสิ่งที่แสดงถึงความตั้งใจดี และผลงานที่ออกมาก็จะถวายพระเกียรติด้วย 

2 โครินธ์ 8:20-21
การระวังตัวที่จะให้การทำงานโปร่งใส เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำอย่างซื่อตรง และตรวจสอบได้ทั้งในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตาของมนุษย์
ท่านเปาโลบอกเราว่า เงินถวายมีเป็นจำนวนมากแสดงว่า พี่น้องชาวมาซิโดเนียได้ถวายอย่างเต็มใจเพื่อพี่น้องในเยรูซาเล็ม คนที่ทำงานระหว่างทางทุกคนจะต้องไว้ใจได้และไม่ทำให้งานของพระเจ้าเสียชื่อเสียง ทั้งในสมัยโบราณ ทั้งในสมัยนี้

2 โครินธ์ 8:22
ดูเหมือนว่า สองคนยังไม่เป็นที่สบายใจในสายตาของท่านเปาโล ท่านยังให้พี่น้องอีกคนมากับทั้งสองด้วย นับได้ว่า ท่านระมัดระวังและรอบคอบจริง ๆกับเรื่องนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของการดูแลเรื่องเงินถวายในคริสตจักร ให้ไปถูกที่ ให้ถึงครบจำนวนให้เป็นที่ชื่นชม ไม่มีใครครหาได้ เราอาจไม่คาดว่าท่านเปาโลจะจริงจังในเรื่องการเงินถึงเพียงนี้ แต่ท่านยังมีเรื่องที่จะคุยต่อไปอีก เราต้องติดตามกันต่อไป

2 โครินธ์ 8:23-24
เอาล่ะ ทีนี้ เราเห็นว่า ท่านเปาโลได้ให้ความรับผิดชอบต่อทั้งผู้รับใช้ซึ่งเป็นตัวแทนของท่าน และกับพี่น้องในคริสตจักรด้วย ทั้งสองฝ่ายต่างต้องให้เกียรติกันและกัน ร่วมมือกันเพื่องานของพระเจ้า การทำงานด้วยกันนั้น ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจและการนับถือกันและกัน ตัดทิ้งเรื่องใครเก่งกว่า ใครดีกว่าออกไป ต้องไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนั้น ท่านบอกให้พี่น้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะถ้าเราย้อนกลับไปดู 1 โครินธ์เราจะเห็นว่า น่าเป็นห่วงเหมือนกัน

พระคำเชื่อมโยง

2* มาระโก 12:44
4* โรม 15:25-26
5* โรม 12:1-2; เอเฟซัส 6:6
6* 2 โครินธ์ 8:17; 12:18
7* 1 โครินธ์ 1:5; 12:13; 2 โครินธ์ 9:8

8* 1 โครินธ์ 7:6
9* ฟีลิปปี 2:6-7; โรม 9:23
10* 1 โครินธ์ 7:25, 40; ฮีบรู 13:16;
2 โครินธ์ 9:2
12* มาระโก 12:43-44
15* อพยพ 16:18

18* 2 โครินธ์ 12:1819* 1 โครินธ์ 16:3,4 ; 2 โครินธ์ 4:15
21* โรม 12:17
23* 2 โครินธ์ 7:13-14; ฟีลิปปี 2:25
24* 2 โครินธ์ 7:4, 14; 9:2


2 โครินธ์ 7 เสียใจให้ถูกวิธี

2 โครินธ์ 7:1
ท่านที่รักทั้งหลาย เมื่อเราได้รับพระสัญญาอย่างนี้ ก็ขอให้เราชำระตัวเองให้ไร้สิ่งที่เป็นมลทินทุกอย่างของร่างกายและวิญญาณ
ให้ชีวิตบริสุทธิ์ด้วยความยำเกรงพระเจ้า

2 โครินธ์ 7:2-3
เปิดห้องหัวใจรับเราเถิด เราไม่ได้ทำผิดต่อใคร เราไม่ได้คดโกงใคร
และมิได้เอาเปรียบใครเลย ข้าไม่ได้พูดอย่างนี้เพื่อกล่าวโทษใคร
เพราะข้าพูดมาก่อนแล้วว่า พวกท่านอยู่ในใจของเราไม่ว่าจะอยู่หรือจะตายด้วยกันกับท่าน

2 โครินธ์ 7:4
ข้าพูดกับท่านด้วยความมั่นใจในตัวท่านเป็นอย่างมาก ข้าภูมิใจในตัวท่านมากและข้ามีกำลังใจเต็มที่ และมีความยินดีในความลำบากทั้งสิ้น
2 โครินธ์ 7:5
เมื่อเรามายังแคว้นมาซิโดเนียนั้นร่างกายเราไม่ได้พักเลย เราพบกับความลำบากรอบด้าน ต่อสู้ภายนอกและมีความกลัวอยู่ข้างใน

2 โครินธ์ 7:6-7
แต่พระเจ้าผู้ทรงปลอบใจคนที่ท้อใจได้ทรงปลอบใจเรา โดยให้ทิตัสมาหาเราไม่เฉพาะการมาของเขาเท่านั้น แต่เขายังได้รับการหนุนใจจากพวกท่านเขาเล่าว่าท่านอาลัย และห่วงใยข้าเป็นเหตุให้ข้ามีความสุขมากขึ้น

2 โครินธ์ 7:8
แม้ว่าจดหมายฉบับแรกของข้าทำให้ท่านเศร้าใจ ข้าก็ไม่เสียใจ ​
(แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะไม่สบายใจเพราะเห็นว่า จดหมายฉบับนั้น
ทำให้ท่านเป็นทุกข์เพียงชั่วขณะหนึ่ง)
2 โครินธ์ 7:9
วลานี้ข้ายินดีเป็นเพราะท่านเสียใจจนถึงได้กลับใจ เพราะว่าท่านได้เสียใจตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ท่านจึงไม่ได้รับผลเสียใด ๆ จากเราเลย

2 โครินธ์ 7:10
เพราะความเสียใจตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ก่อให้เกิดการกลับใจ
ซึ่งนำไปสู่ความรอด และไม่ทำให้เศร้าใจแต่ความเสียใจอย่างโลกนั้น
นำไปสู่ความตาย
2 โครินธ์ 7:11
ดูสิ ความเสียใจตามน้ำพระทัยพระเจ้าเช่นนี้ทำให้ท่านเกิดความแน่วแน่เอาจริงเอาจังขนาดไหน และทำให้ท่านพยายามพิสูจน์ตนเอง เกิดความไม่พอใจ ความเกรงกลัวความเร่าร้อน ความห่วงใย มุ่งที่จะให้เกิดความยุติธรรม ท่านได้พิสูจน์ตัวเองรอบด้านว่า ท่านไม่มีความผิดในเรื่องเหล่านี้

2 โครินธ์ 7:12
แม้ข้าเขียนจดหมายครั้งนั้นถึงท่านไม่ใช่เพื่อคนที่ทำผิด หรือเพื่อคนที่ต้องมาทนทุกข์เพราะการกระทำของเขา แต่เพื่อท่านเองจะได้มองเห็นชัดว่าท่านจริงจังต่อเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแค่ไหน
2 โครินธ์ 7:13-14
ดังนั้น เราจึงได้รับการหนุนน้ำใจ ยิ่งกว่านั้น เรายังดีใจมากขึ้น เพราะเห็นว่า ทิตัสเป็นสุขนัก เพราะท่านทำให้เขาใจสงบ เวลาที่ข้าอวดเรื่องของท่านกับทิตัส ข้าไม่ต้องอายเลย ทุกสิ่งที่เราได้บอกท่านเป็นความจริงอย่างไร สิ่งที่เราอวดกับทิตัสก็เป็นความจริงอย่างนั้น
2 โครินธ์ 7:15-16
เมื่อเขานึกถึงการที่พวกท่านเชื่อฟังและการที่พวกท่านทุกคนต้อนรับเขาด้วยความเกรงกลัวตัวสั่นเขาจึงรักท่านมากขึ้น ข้ายินดีเพราะข้ามั่นใจในพวกท่านได้อย่างเต็มที่

2 โครินธ์ 7:1
จากประโยคข้อสุดท้ายของบทที่ 6 คือ พระเจ้าทรงให้ผู้เชื่อแยกตัวออก ไม่ใช้ชีวิตอย่างคนในโลก เพื่อว่าพวกเขาจะได้มาเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นพระสัญญาโดยตรงจากพระเจ้า อิสยาห์ 52:11, 2 ซามูเอล 7:14, โรม 8:14 ท่านเปาโลหนุนใจให้พี่น้องชำระตัวเองจากทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตสกปรก .. น่าสนใจที่ท่านกล่าวถึงทั้งทางร่างกาย และวิญญาณ ไม่ใช่ทางวิญญาณแต่อย่างเดียว

2 โครินธ์ 7:2-3
ท่านเปาโลกลับไปพูดเหมือนใน 6:11-13 เราไม่ทราบว่าใครให้ร้ายว่าท่านคดโกงเงินใคร หรือมีการใส่ร้ายว่าท่านเอาเปรียบคนโน้นคนนี้ เพื่อ
ประโยชน์ของตนเอง ท่านไม่ได้กล่าวว่าใครเป็นคนต้นเรื่อง แต่ท่านกำลังปกป้องตนเองว่า ไม่ได้ทำผิดอย่างที่คนพวกนั้นกล่าวหาตอนนี้พี่น้องเปิดใจแล้วยังเราไม่รู้ แต่ท่านเปาโลเองมีชีวิตที่พร้อมตายเพื่อพี่น้องอยู่แล้ว .. พวกเขาควรมองเห็นชีวิตที่ทุ่มเทของท่าน 

2 โครินธ์ 7:4
อ่านจดหมายมาตั้งแต่ต้น เราจะรู้สึกถึงความทุกข์ใจ ที่ท่านปรารถนาให้พี่น้องเดินไปกับพระเจ้าอย่างถูกต้อง ท่านเปาโลเฝ้าสอน เฝ้าเตือนพี่น้องจริงจังมาก แต่พอมาถึงประโยคนี้ เราเริ่มเห็นว่าท่านมีกำลังในการปรนนิบัติพี่น้อง แม้ว่าจะมีศัตรูคอยว่าร้าย พูดลับหลัง พยายามทำให้ท่านไม่ได้รับความเชื่อถือ พยายามทำลายความเชื่อใจกันท่านยินดีในความยากลำบากเพื่อพี่น้องจริง ๆ และอารมณ์ของจดหมายเริ่มเปลี่ยนเป็นความยินดี

2 โครินธ์ 7:5
ท่านเริ่มเล่าให้พี่น้องรู้ว่า ท่านพบเจออะไรบ้างเมื่อท่านมายังคริสตจักรนี้ ในบทที่ 2:12-13 ท่านกล่าวว่าท่านทุกข์ใจมาก ๆ เพราะว่า ไม่พบ
ทิตัสที่เมืองโตรอัส และพยายามหาว่าเขาอยู่ที่ไหนจะเห็นว่า ท่านต้องต่อสู้กับคนที่ไม่เชื่อ และกับคนที่เชื่อด้วย และใครจะคิดบ้างว่า คนกล้าอย่างท่านเปาโลจะกล่าวเปิดใจว่า ท่านมีความกลัวอยู่ข้างในท่านคงจะกังวัลใจว่า ทิตัสปลอดภัยหรือเปล่า เขาจะเผชิญกับความยากลำบากอย่างไร

2 โครินธ์ 7:6-7
ตอนแรกท่านเปาโลเป็นกังวลมากที่ไม่พบทิตัสในแคว้นมาซิโดเนีย การเดินทางสมัยก่อนไม่ใช่นึกจะไปก็ขึ้นเครื่องบิน หรือขึ้นรถไป โทรศัพท์ก็ไม่มีการที่จะพบเพื่อนสักคนก็ต้องรอ ว่าเมื่อไรเขาจะมาถึง เพื่อนอยู่ที่ไหน ปลอดภัยหรือไม่ ถ้าไม่มีการติดต่อด้วยจดหมาย หรือม้าเร็วก็ต้องรออย่างเดียวแต่ท่านบอกว่า พระเจ้าทรงปลอบใจท่านด้วยการให้ทิตัสมาเจอกับท่านจนได้ และยังส่งข่าวดี ๆ ของพี่น้องในโครินธ์ให้ด้วย

2 โครินธ์ 7:8
ใช่แล้ว จดหมายฉบับแรกของท่านเปาโลนั้นพูดตรง ไม่อ้อมค้อม ตรงประเด็นทุกเรื่อง ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไปตามนั้น ท่านเองรู้ดีว่า การเตือน
สติเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก และหากพี่น้องกลับใจเมื่อได้อ่านจดหมายแล้ว นับว่าเป็นสิ่งดีที่สุด ได้ผลตามที่ท่านต้องการ คำว่า เป็นทุกข์ชั่วขณะก็คือ
ทุกคนที่อ่านและรู้สึกผิด ก็จะไม่สบายใจ เป็นทุกข์ใจอยู่แล้ว แต่หากได้มีโอกาสกลับตัว นั่นก็ช่วยให้ทั้งชุมชนคริสเตียนได้เติบโตขึ้น

2 โครินธ์ 7:9
การเสียใจตามน้ำพระทัยของพระเจ้าคืออะไร? เมื่อมีการทำผิดเกิดขึ้น เมื่อมีการเสียใจอาจเป็นไปได้หลายแบบ เสียใจแล้วโทษคนโน้นคนนี้ว่าตนเองไม่ได้ผิด อย่างเช่นที่อาดัมทำผิดแล้วโทษเอวา ซึ่งเป็นนิสัยที่เราทุกคนก็ได้รับกันมาเต็ม ๆ หรือเสียใจแล้วไม่หาทางออก หนีปัญหาด้วยวิธี
ต่าง ๆ ไม่พูดถึง ไม่แก้ไข ไม่เปลี่ยนตัวเอง หรือถึงขนาดทำลายชีวิตตัวเอง การเสียใจตามน้ำพระทัยก่อให้เกิดการกลับใจใหม่.. ดีที่สุด

2 โครินธ์ 7:10
บางครั้งดูเหมือนว่า คำพูดของท่านเปาโลนั้น ตรงกับใจท่านและใจคนฟังจนกระทั่งเหมือนไม่มีความเกรงใจ ท่านเตือนสติอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกว่า ท่านกระแทกมากเกินไปท่านเปาโลเองก็รู้ว่า จดหมายฉบับแรกของท่านนั้นอาจทำให้คนรู้สึกแย่ ไม่สบายใจ แต่เมื่อทราบจากทิตัสว่า มีการกลับใจขึ้นในหมู่พี่น้อง และพวกเขายังรักและคิดถึงท่าน ท่านเปาโลจึงชี้แจงให้เขาเห็นว่าการเสียใจมีแบบทั้งบวกและทั้งทางลบ

2 โครินธ์ 7:11
ความเสียใจอย่างถูกต้อง ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าก่อให้เกิดการกลับใจไปสู่ความรอด สิ่งที่ท่านเปาโลพูดในตอนนี้ดูงง นิด ๆ แต่เมื่อเกิดการกลับใจจริงสิ่งเหล่านี้จะตามมาคือ ความแน่วแน่ในทางของพระเจ้า พยายามพิสูจน์ว่าตนได้หลุดจากทางบาปแล้ว ไม่พอใจต่อการที่ตนเองเคยโง่ไปทำบาปเกิดความยำเกรงพระเจ้า เพื่อจะไม่ตกในบาปเดิมอีก หัวใจที่ต้องการหลุดจากบาปจริง ๆ และพิสูจน์ออกมาเป็นการกระทำ

2 โครินธ์ 7:12
ที่ท่านเขียนจดหมายเตือนสติพี่น้องชาวโครินธ์เรื่องบาปคือบาป ถ้าทำผิดก็ต้องเปลี่ยนตัวเองกลับใจ แต่ที่ท่านเขียนครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการย้ำเรื่อง
เดิม ๆ เป้าหมายของท่านคือ ตัวพี่น้องเองจะได้มองเห็นตัวเองว่า เป็นอย่างไร เดินอย่างไรกับพระเจ้า กลับใจจริงไหม ชีวิตกับชุมชนพี่น้อง
คริสเตียนเป็นอย่างไร

2 โครินธ์ 7:13-14
การสื่อสารกับพี่น้องอย่างตรงไปตรงมาด้วยความรัก บนพื้นฐานแห่งพระวจนะ ทำให้ท่านเปาโลได้รับผลกลับมาเป็นที่น่าพอใจ ผู้รับใช้ของพระเจ้าคือทิตัส ก็ได้รับการหนุนใจ มีความสดชื่นที่ได้จากพี่น้อง สิ่งที่เคยบอกกับทิตัสว่าพี่น้องจะกลับใจเมื่ออ่านจดหมายก็เป็นจริง

2 โครินธ์ 7:15-16
ทิตัสเองได้รายงานความเป็นไป การกลับใจของพี่น้องหลังจากที่ได้อ่านจดหมายฉบับแรกนั้นทำให้ท่านเปาโลสบายใจขึ้น และทิตัสเองก็รู้สึก
รัก ห่วงใยพี่น้องมากขึ้นด้วย ท่านเปาโลแสดงความมั่นใจว่า พี่น้องชาวโครินธ์กลับใจจริง ๆ จากการตอบสนองของทิตัสเอง
ท่านรู้แล้วว่า จดหมายของท่านไม่เสียเปล่า ไม่ได้พูดล่องลอยไปตามลม แต่เกิดผลขึ้นจริง ๆ ในชีวิตของพี่น้อง

พระคำเชื่อมโยง

1* 1 ยอห์น 3:3
2* กิจการ 20:33
3* 2 โครินธ์ 6:11-12
4* 2 โครินธ์ 3:12; 1 โครินธ์ 1:4;
ฟีลิปปี 2:17

5* 2 โครินธ์ 2:13; 4:8;
เฉลยธรรมบัญญัติ 32:25
6* 2 โครินธ์ 1:3-4; 2:13; 7:13
8* 2 โครินธ์ 2:2,4
10* มัทธิว 26:75; สุภาษิต 17:22

11* เอเฟซัส 5:11; 2 โครินธ์ 2:5-11
12* 2 โครินธ์ 2:4
13* โรม 15:3215* 2 โครินธ์ 2:9
16* 2 เธสะโลนิกา 3:4

2 โครินธ์ 6 อาวุธของท่านเปาโล

2 โครินธ์ 6:1
ในฐานะที่เราทำงานกับพระเจ้า เราจึงขอร้องท่านว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าเปล่า ๆ อย่างไร้ประโยชน์
2 โครินธ์ 6:2
เพราะพระองค์ตรัสว่า“ในเวลาที่โปรดปราน เราฟังเสียงเจ้า
ในวันแห่งความรอด เราได้ช่วยเจ้าไว้”
บัดนี้ เป็นเวลาแห่งความโปรดปราน บัดนี้ เป็นวันแห่งความรอด

2 โครินธ์ 6:3-5
เราไม่ได้วางสิ่งกีดขวางบนทางของใครเพื่อว่า การรับใช้นี้จะไม่ถูกตำหนิติเตียนเราอยู่ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าให้เห็นในทุกด้าน โดยเราอดทนเป็นอย่างยิ่งกับความยากลำบาก และความขัดสนและในวิบัติต่าง ๆ กับการถูกโบยตี ถูกจำจอง กับเหตุวุ่นวาย กับการตรากตรำทำงาน การอดนอน ความหิวโหย

2 โครินธ์ 6:6-7
โดยความบริสุทธิ์ ​โดยความรู้ ความอดทนความเมตตา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยรักแท้ โดยคำแห่งความจริง โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า โดยใช้อาวุธแห่งความชอบธรรม ทั้งมือขวาและมือซ้าย
2 โครินธ์ 6:8
ทั้งเวลาที่มีเกียรติและไร้เกียรติ เวลาที่ถูกดูหมิ่น และถูกยกย่อง
ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหลอกลวงแต่ก็ยังเป็นคนจริงที่ซื่อตรง

2 โครินธ์ 6:9-10
ทั้งในเวลาที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ยังเป็นคนที่ใครๆ รู้จักดี
เป็นเหมือนคนตายแล้วแต่ดูเถิด เรายังมีชีวิตอยู่
เป็นคนที่ถูกลงทัณฑ์ แต่ยังไม่สิ้นใจ ทั้งที่โศกเศร้า 
แต่เรายังยินดีเสมอ ทั้งยากจน แต่ทำให้คนมากมายมั่งคั่ง ทั้งเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย แต่กลับมีทุกสิ่ง

2 โครินธ์ 6:11-13
โอ ชาวโครินธ์เอ๋ย เราได้เปิดใจกว้าง และกล่าวแก่ท่านอย่างไม่มีอะไรปิดบังเราไม่ได้ปิดใจของเราต่อท่าน ท่านต่างหากที่ใจปิด ขอท่านตอบเราในแบบเดียวกัน ข้าพูดในฐานะที่ท่านเป็นลูกของข้าว่า จงเปิดใจให้กว้างเถิด


2 โครินธ์ 6:14
อย่าเทียมแอกร่วมกับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า เพราะว่าความชอบธรรมจะมีส่วนอะไรกับความอธรรม? และความสว่างจะมีสัมพันธ์สนิทกับความมืดได้อย่างไร?
2 โครินธ์ 6:15
พระคริสต์กับเบลีอัล จะตกลงใจร่วมกันได้อย่างไร
หรือผู้ที่เชื่อพระเจ้าจะมีส่วนใด ๆกับคนที่ไม่เชื่อได้หรือ?

2 โครินธ์ 6:16
พระวิหารของพระเจ้าจะมีข้อตกลงใดกับรูปเคารพ? เพราะว่าเราเป็นพระวิหารของพระเจ้า ดังที่พระเจ้าได้ตรัสว่า“เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา และเดินไปในหมู่พวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา”
2 โครินธ์ 6:17-18
“ดังนั้น จงออกมาจากคนเหล่านั้นแยกตัวออกจากพวกเขา อย่าแตะต้องสิ่งที่ไม่สะอาด แล้วเราจะต้อนรับเจ้าไว้”
“เราจะเป็นพ่อของเจ้า และเจ้าจะเป็นลูกชายลูกสาวของเรา”
พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้กล่าวไว้ 

2 โครินธ์ 6:1
พระคัมภีร์บางเล่มแปลว่า อย่าสักแต่รับพระคุณของพระเจ้า เราคิดดูสิในประเทศของเรานั้นการข่มเหงในเรื่องพระเจ้ามีน้อยที่อื่น ๆ เรายังมี
โอกาสเข้าไปประกาศในโรงเรียน ในสถานที่กักกันในที่ต่าง ๆ ได้ ในขณะที่หลายประเทศทำไม่ได้ เรามีเสรีภาพในการรับใช้พระเจ้า เป็นพระเมตตาที่ทรงให้เรารับใช้พระองค์ ท่านเปาโลรับใช้พระเจ้าสุดตัว สุดหัวใจ รับพระคุณมาเพื่อเชื่อ เพื่อรับใช้ท่านเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ได้รับพระคุณเปล่า ๆ

2 โครินธ์ 6:2
ท่านเปาโลกล่าวถึงอิสยาห์ 49:8 เพื่อให้เห็นว่าเวลานี้ บัดนี้ เป็นเวลาที่เราต้องเอาจริงเอาจังกับความเชื่อของเรา รับใช้พระเจ้าด้วยพระคุณของ
พระองค์ ไม่ใช่ด้วยกำลังหรือความเร่าร้อนใจของตนเอง จากคำของอิสยาห์ เราประเมินได้ว่า เวลาแห่งความโปรดปราน และเวลาแห่งความรอดมีที่สิ้นสุด เราจึงต้องพิจารณาตัวเองว่า ใช้ชีวิตอย่างไรอยู่ในเวลานี้ เผื่อว่า วันแห่งโอกาสรับใช้มันอาจจะหมดไปเมื่อไรก็ไม่รู้

2 โครินธ์ 6:3-4
ในการรับใช้ของท่านเปาโลนั้น ท่านพยายามที่สุดเพื่อไม่ให้ใครเข้าใจผิด สะดุดไป เต็มใจที่จะทำงานหนัก และเผชิญกับอุปสรรคนา ๆ ที่เกิดขึ้นตามทางขออย่าให้การรับใช้ของตัวท่านเป็นที่ตำหนิในสายตาของพี่น้อง (ถึงแม้มีคนคอยให้ร้ายป้ายสี พูดจาถากถางจากครูสอนผิด และแม้พี่น้องในโครินธ์เอง)ท่านยืนอยู่อย่างถูกต้องกับพระเจ้า แม้จะโดนใส่ร้าย การรับใช้ของท่านไม่มีตำหนิตามที่คนใส่ร้าย ท่านแน่ใจว่าถูกต้องกับพระเจ้าเสมอ

2 โครินธ์ 6:5
ถ้าเราตั้งใจอ่านหนังสือกิจการตอนชีวิตของท่านเปาโล เราจะเห็นว่า ท่านต้องเผชิญกับศัตรูทั้งที่เป็นคนยิวและคนต่างชาติ ซึ่งต่างก็มีวิธีการที่จะข่มขู่ ข่มเหงท่านในวิธีที่โหดร้าย ท่านเปาโลเองรู้อยู่แล้วว่า ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เริ่มต้นรับใช้ท่านเองก็เคยข่มเหงผู้เชื่อมาก่อน สิ่งที่ท่านต้องมีคือ ความอดทนเป็นอย่างมาก ซึ่งได้มาจากพลังแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า

2 โครินธ์ 6:6-7
แล้วท่านเปาโลใช้อะไรเป็นเครื่องมือในการสู้กับความทุกข์ยากลำบากเหล่านั้น? น่าสนใจที่ท่านมีเครื่องมือหลายอย่างที่นำมาช่วยให้ผ่านวิกฤติ และทำให้ท่านอดทนสู้จนมีชัยชนะ ความอดทนที่ท่านมีนั้นไม่ใช่ความอดทนแบบนิ่งเฉยแต่เป็นการสู้ผ่านไปโดยไม่ยอมแพ้ นับดูแล้วเครื่องมือของท่านมีแปดประการที่เราเองก็ต้องมีเช่นกัน …​พระคำข้อนี้คือเคล็ดลับของชัยชนะในชีวิตแห่งการรับใช้

2 โครินธ์ 6:8
ท่านเปาโลรับใช้พระเจ้าโดยไม่ได้สนใจว่า จะหยุดเมื่อมีคนต่อว่า ดูหมิ่น ถูกกล่าวหาต่าง ๆ ท่านรู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ตัดสิน ท่านมีชีวิตอยู่โดยความมั่นใจในสิ่งที่มองไม่เห็นซึ่งดำรงอยู่นิรันดร์ ความมั่นคงในการรับใช้นี้ เป็นตัวอย่างของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า ไม่ต้องไปห่วงหาเวที หรือความนิยมจากผู้คน แต่เฝ้าประกาศความจริงของพระเจ้าอย่างไม่หยุดยั้ง

2 โครินธ์ 6:9-10
ความย้อนแย้งในการรับใช้ของท่านเปาโลเป็นตัวอย่างของเราว่า จะต้องมั่นคงในการทรงเรียกของพระเจ้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดีหรือร้ายใน
สายตาของมนุษย์ก็ไม่ใช่ข้อที่นำมาตัดสิน ท่านมองทุกอย่างกลับด้านกับพี่น้องชาวโครินธิ์ซึ่งคอยตัดสินการทำงานของท่านตลอดเวลา ท่านมองเห็นด้วยว่า สิ่งที่ดูเหมือนร้าย แต่อีกด้านดูดีจริง ๆ ด้านที่มองเห็นเป็นแบบหนึ่ง แต่ด้านที่มองไม่เห็นเป็นอีกแบบ

2 โครินธ์ 6:11-13
ถ้าเป็นสมัยใหม่ ก็ต้องเรียกว่า กรอบความคิดที่ไม่ยอมเปลี่ยน พวกเขาไม่ได้รักท่านเปาโลพอที่จะเปิดใจหรือเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิดให้เข้ากันได้กับท่าน ท่านขอร้องพวกเขาแบบตรงไปตรงมาให้พวกเขาเปิดใจ การอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนของพระเจ้า เป็นคริสตจักรเป็นอวัยวะเดียวกันในพระคริสต์นั้น ทั้งสองฝ่ายต้องเปิดใจ เข้าใจกัน และยอมรับกันเพื่อจะเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนพระคริสต์มากขึ้นทุกวัน 

2 โครินธ์ 6:14
แม้ว่าเราจะใช้พระคัมภีร์ข้อนี้ มาพูดถึงการที่ว่าคริสเตียนไม่ควรแต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อ พื้นฐาน คำของท่านเปาโลนี้อยู่ที่เฉลยธรรมบัญญัติ 22:9เป็นคำสั่งห้ามไม่ให้สัตว์สองชนิดเข้ามาเทียมแอกเดียวกัน อย่าเอาสองสิ่งที่ไม่ควรคู่กันมาอยู่ด้วยกัน พี่น้องชาวโครินธ์คบคนที่ไม่เชื่อ ทำให้พวกเขาไม่อาจคืนดีกับท่านได้ พวกเขามีกรอบความคิดของคนไม่เชื่ออยู่ … เวลาเราทำงานทั่วไป เราก็จะเจอความคิดแบบของโลกที่ไม่ใช่ทางพระเจ้าเสมอ

2 โครินธ์ 6:15​
สิ่งที่พี่น้องโครินธ์ทำคือ พวกเขายอมรับความอธรรมได้ ยอมรับความคิดที่ผิดต่อพระเจ้าได้ ในโลกทุกวันนี้ มีความคิดที่ผิดต่อพระดำริของพระเจ้ามากมาย เป็นความคิดที่ต่อต้านพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนเพศ การทำแท้งเสรี การเหยียดเชื้อชาติ เรานึกว่า เราต้องรักทุกคน และรับทุกคนอย่างที่เขาเป็น ต้องรับความชั่วของมนุษย์ได้โดยไม่ต่อต้าน เราก็เลยไปยอมรับความคิดที่ผิดเพี้ยนคิดว่าไม่เป็นไร นี่อันตรายมาก!

 2 โครินธ์ 6:16
พี่น้องชาวโครินธ์ ได้เข้าไปมีส่วนในเรื่องของการไหว้รูปเคารพของชาวเมือง พวกเขายังมีปัญหาเรื่องนี้ อย่างที่ท่านเปาโลเขียนไว้ใน 1 โครินธ์
8-10 การเข้าสนิทเป็นเพื่อนกับผู้ที่ไหว้รูปเคารพจนยอมรับความคิดการกระทำของพวกเขาว่าไม่เป็นไรนั้น มีอิทธิพลต่อความคิดของคนของ
พระเจ้าอย่างแน่นอน เราเป็นวิหารของพระเจ้าพระเจ้าดำเนินท่ามกลางเรา เราเป็นคนของพระเจ้าจึงอย่าสยบให้มาร

2 โครินธ์ 6:17-18
ถ้าจะติดตามพระเจ้า ก็ต้องเลิกชีวิตบาปสารพัดเราไม่อาจคืนดีกับพระเจ้าได้ทั้ง ๆ ที่มีชีวิตบาป พระเจ้าทรงหวงคนของพระองค์ ไม่ให้เข้าไปพัวพัน
กับรูปเคารพซึ่งมาในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เป็นรูปปั้นอย่างสมัยก่อน พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ คือพระองค์ผู้ที่พระหัตถ์อยู่เหนือทุกสิ่งในโลก เป็นคำที่มักใช้ในวิวรณ์ พระองค์พอพระทัยที่จะเป็นพ่อของทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์ จึงมีพระคำที่บอกว่า ทรงรับเราเป็นบุตร ยอห์น 1:12

พระคำเชื่อมโยง

1* 1โครินธ์ 3:9; 2 โครินธ์ 5:20
2* อิสยาห์ 49:8
3* โรม 14:13
4* 1โครินธ์ 4:1
5* 2 โครินธ์ 11:23

7* 2 โครินธ์ 7:14; 1 โครินธ์ 2:4;
2 โครินธ์ 10:4
9* 2 โครินธ์ 4:2; 5:11; 1 โครินธ์ 4:9, 11; สดุดี 118:18
10* 2 โครินธ์ 8:9
11* 2 โครินธ์ 7:3

12* 2 โครินธ์ 12:15
13* 1 โครินธ์ 4:14
14* 1 โครินธ์ 5:9; เอเฟซัส 5:6, 7, 11
16* 1โครินธ์ 3:16-17; 6:19; เอเสเคียล 37:26-2717* อิสยาห์ 52:11
18* 2 ซามูเอล 7:14; โรม 8:14