กิจการ 6 คำอธิบายเพิ่มเติมและพระคำเชื่อมโยง

แต่งตั้งผู้รับใช้ดูแลพี่น้อง

กิจการ 6:1-4
ตอนที่เริ่มต้นคริสตจักรนั้น มียิวที่มาจากต่างประเทศ เข้ามาอาศัยในเยรูซาเล็ม เป็นพวกที่ใช้ภาษากรีกเป็นหลัก
และก็มียิวท้องที่ซึ่งใช้ภาษาอาราเมคสื่อสาร จึงมียิวสองพวกที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ที่คริสตจักรดูแลแม่ม่ายก็เพราะพวกเธอไม่มีใครที่จะช่วยให้สภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น นี่เป็นลักษณะของคนยิวอยู่แล้วที่จะมีการดูแลแม่ม่ายและลูกกำพร้า

และเมื่อปัญหาเกิดขึ้น อัครทูตก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย พวกเขาหาทางที่จะแก้ปัญหาด้วยการเลือกคนที่ มีสติปัญญา และเต็มด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามาช่วยทำงานด้านสังคม ดูแลความเป็นอยู่ทั่วไป. ในขณะที่อัครทูตจะใช้เวลากับการสอนพระวจนะ ซึ่งเป็นงานหลักของคริสตจักร เพราะถ้าพี่น้องไม่มีความเข้าใจในพระคำของพระเจ้าพวกเขาก็จะไม่แข็งแรง เราจึงเห็นว่าคริสตจักรทำงานทั้งสองอย่างไม่ได้ละทิ้ง ด้านใดด้านหนึ่ง และก็ได้เลือกคนทำงานให้เหมาะสมด้วย ในสมัยใหม่นี้ น่าจะเรียกผู้รับใช้แบบนี้ว่ามัคนายก
1* กิจการ 2:41; 4:4; 9:29; 11:20; 4:35; 11:292 อพยพ 18:17. 3* 1 ทิโมธี 3:7-13 4* กิจการ 2:42

กิจการ 6:5-7
เมื่อพวกเขาเลือกคนเข้ามา ท่านลูกาก็บันทึกให้ทราบด้วยว่า มีใครบ้าง แต่ดูเหมือนสเทเฟนจะเป็นคนที่โดดเด่นกว่าทุก ๆ คน เขาน่าจะเป็นผู้นำคนกลุ่มนี้ เราอาจคิดว่าทำไมท่านลูกาจึงต้องบอกชื่อคนเหล่านี้รู้ไหมเพราะอะไร?

เพราะว่าทุกคนมีชื่อเป็นกรีกหมดทั้ง ๆ ที่เป็นคนยิว พวกเขาคือกรีกที่เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามา น่าสนใจคือ ทุกคนในกลุ่มไม่ว่าจะเป็นยิวพูดอาราเมค หรือยิวพูดกรีกเห็นด้วยและมีการอธิษฐานวางมือให้พวกเขาได้ทำงานด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้าพวกเขาไม่ได้เห็นว่างานนี้เป็นงานเล็ก ๆ แต่มีความสำคัญมากเช่นกัน
5* กิจการ 6:3; 11:24; 8:5; 26; 21:8; วิวรณ์ 2:6, 15 6* กิจการ 1:24; 2 ทิโมธี 1:6. 7* กิจการ 12:24, ยอห์น 12:42

กิจการ 6:8-11
แม้ว่าสเทเฟนไม่ได้เป็นอัครทูต แต่เป็นผู้ที่ดูแลความเป็นอยู่ของแม่ม่ายซึ่งมีอยู่มากมายพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่ถูกเลือกเข้ามาทำงาน เขากลับเป็นคนที่ทำการอัศจรรย์ ทำหมายสำคัญซึ่งมีความหมายถึงการอัศจรรย์ ที่ชี้ไปถึงพระเมสสิยาห์ คือพระเยซูคริสต์ ที่เขาทำได้เพราะชีวิตของเขาเต็มด้วยพระคุณและฤทธิ์เดชของพระวิญญาณในตัวเขา

และเมื่อมีคนมาโต้แย้ง พวกนั้นก็ไม่อาจชนะข้อโต้แย้งได้ เพราะสเทเฟนมีทั้งสติปัญญา และพระวิญญาณทรงกล่าวผ่านเขา น่าตื่นเต้นจริง ๆ ที่ใครคนหนึ่งจะมีปัญญาพร้อมพระวิญญาณเช่นนี้ ให้สังเกตอย่างหนึ่งคือ ยิวที่มาจากแคว้่นซิลีเซีย เป็นบ้านเกิดของท่านเปาโลด้วย มีบางคนให้ความเห็นว่าเรื่องเหล่านี้ ท่านลูกาน่าจะได้ยินมาจากท่านเปาโลอีกที แล้วศัตรูก็หาทางอื่นที่จะกำจัดสเทเฟนให้พ้นทาง เป็นวิธีเดิม ๆ ที่พวกเขาใช้กับพระเยซู และอัครทูต
8* กิจการ 2:43; 5:12; 8:15; 14:310* ลูกา 21:15. 11* 1 พงศ์กษัตริย์ 21:10,13

จับกุมสเทเฟน

กิจการ 6:12-15
มีการยุยง ปลุกปั่นประชาชนและผู้ใหญ่ให้จับตัวสเทเฟนมา และพวกเขาก็ทำสำเร็จ จะเห็นว่าจากการคุยกันธรรมดา กลายเป็นการโต้แย้ง จากนั้นก็กลายเป็นการให้ร้าย และความ รุนแรงจนถึงชีวิต

พวกเขาพยายามให้คนยิวคิดว่าสิ่งที่สเทเฟนพูดและทำนั้น เป็นการทำลาย ความเชื่อในศาสนายิว ทำลายวัฒนธรรม กฎบัญญัติของโมเสส แต่ในวันนั้นทุกคนกลับมองสเทเฟนเห็นเขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์! เป็นไปได้อย่างไร ชายคนที่พวกเขาจับตัวมา กลับนิ่งสงบ เป็นสุข และหน้าตามีราศีขนาดนั้น พวกเขาเข้าใจไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
14* กิจการ10:38, 25:8

กิจการ 5 การเริ่มต้นที่สำคัญ

โกหกที่ถึงตาย

การขัดขวางพระกิตติคุณ

นักโทษเป็นอิสระ

คำเตือนสติจากกามาลิเอล

คำอธิบายเพิ่มเติมและพระคำเชื่อมโยง กิจการ 5

โกหกที่ถึงตาย 

กิจการ 5:1-2ก
ท่านลูกาได้เล่าเรื่องที่พี่น้องหลายคนได้ขายที่ดิน บ้าน แล้วเอาเงินมาให้อัครทูตแบ่งปันให้กับคนที่ขัดสน ก็มีคนอยากทำตามบ้าง แต่ไม่ได้ทำด้วยความจริงใจ อานาเนียกับสัปฟีรา ขายที่ดินได้ ตกลงใจที่จะมอบเงินให้กับอัครทูตแต่ก็แอบเก็บเอาไว้ ส่วนหนึ่ง ซึ่งที่จริงการเก็บเงินส่วนของตนก็ไม่ได้ผิดอะไร จะให้อัครทูตแค่สิบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว สิ่งที่ผิดคือ ทั้งสองต้องการให้ทุกคนคิดว่า เขาให้เงินทั้งหมด ซึ่งเท่ากับเป็นการโกหกอย่างตั้งใจ เขาร่วมมือกันที่จะหลอกทั้งชุมชนคริสเตียน
1* กิจการ 4:34-37, เลวีนิติ 10:1-3, 2* 2 เปโตร 2:14-15, 1 ทิโมธี 6:10

กิจการ 5:2ข-4
เปโตรมีความเข้าใจฝ่ายวิญญาณในเวลานั้น ท่านถามว่า ทำไมซาตานจึงล่อให้เขากล้าโกหกต่อพระวิญญาณได้… แทนที่จะได้รับคำชม อานาเนียสกลับถูกเปิดโปงความคิดที่ไม่มีใครเห็น ใจของเขาต้องการให้คนทั้งหลายชมเชยว่า เป็นคนใจดีมีเมตตา แต่เขากลับมารู้ว่า เขากำลังตั้งใจโกหกพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่ 
3* ลูกา 22:3, ยอห์น 13:2,27, เยเรมีย์ 23:24, อิสยาห์ 29:15 4* กิจการ 8:21-22, ลูกา 10:16

กิจการ 5:5-8 
เพียงได้ยินคำของเปโตร อานาเนียสก็ล้มลงตาย เกิดจากอะไร? ตกใจมากหรือ ? พอเขา รู้ว่าเขากำลังโกหกพระเจ้า ผู้เป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์ เขาคงตกใจสุดขีดทันควัน …เขาล้มลงตายทันที! เปโตรเองก็ตกใจเช่นกัน เหมือนกับว่าเขาเป็นคนประกาศพิพากษาคนทำผิดให้ต้องโทษประหาร เขาคงตะลึงมากที่เหตุการณ์เป็นเช่นนั้น อานาเนียสไม่ได้โอกาสที่จะกลับใจเลย ศพของอานาเนียส ถูกพันด้วยผ้า หามไปฝัง
5* กิจการ 13:11, 6* –

กิจการ 5:9-11
สัปฟีราน่าจะมาพร้อมกับสามี เธออาจจะไม่ต้องเจอกับความตายเร็วเช่นนี้ อาจจะทันกลับใจเมื่อเห็นสามีตาย สามชั่วโมงต่อมาเธอเข้ามาพบเปโตรคาดว่าคงจะได้รับคำชมเชย แต่แล้ว เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้น เพราะแทนที่จะพูดความจริง เธอกลับหาเรื่อง ให้ตัวเองต้องตาย เธอสมคบคิดเรื่องนี้ พร้อมที่จะทำบาปไปกับสามี ปกปิดเรื่องของตนเอง เปโตรเองรู้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้น สามีเพิ่งตายไป ภรรยามาทำผิดซ้ำ เธอล้มลงตายต่อหน้าต่อตาทันทีเช่นกัน ศพของเธอถูกนำไปฝังข้าง ๆ ศพสามี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความยำเกรงในหมู่คริสเตียน เป็นการดีที่พวกเขาจะกลัวการทำบาป ชุมชนนี้เกิดใหม่ ต้องการขอบเขต ต้องการความเข้าใจว่า บาปเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงชัง … พวกเขาจะต้องไม่ทำบาปตรงนี้เป็นครั้งแรกที่มีการใช้คำว่า คริสตจักร ซึ่งหมายถึงการชุมนุมกันของผู้เชื่อในพระเจ้า
9* 1 โครินธ์ 10:9, สดุดี 95:8-11 10* – 11* กิจการ 19:17, 1 เปโตร 1:17

การขัดขวางพระกิตติคุณ 

กิจการ 5:12-16
คงจำได้ว่าที่เฉลียงโซโลมอนเคยมีการอัศจรรย์ที่บันทึกไว้ (3:11) คนเป็นอัมพาตได้รับการรักษาให้หาย และทำให้เกิดเรื่องราวขึ้น พวกศิษย์ถูกห้ามกล่าวพระนามของพระเยซู แต่ตอนนี้ หมายสำคัญและการอัศจรรย์เกิดขึนถี่มาก ผู้ป่วยต่างพากันมาหาอัครทูตเพื่อให้ช่วยรักษาโรค และพวกเขาก็หายสนิทด้วย… 
ถึงอย่างนั้นยังมีคนมากมายที่ไม่กล้าเข้ามาเชื่อ พวกเขายังกลัวอิทธิพลของเหล่าธรรมาจารย์ที่อาจจะไล่พวกเขาออกจากธรรมศาลาแม้คนจะเชื่อว่าเงาของเปโตรทำให้หายโรคได้ แต่ท่านลูกาไม่ได้บอกว่าหายจริงหรือเปล่า การอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นผลจากการอธิษฐานในบทที่ 4:29-30
12* 2 โครินธ์ 12:12, ฮีบรู 2:4, กิจการ 3:11 13* กิจการ 2:47, 4:21, 19:17, 14* กิจกากร 2:47, อิสยาห์ 55:11-13 15* มัทธิว 9:21,14:36, กิจการ 19:11-12 16* มาระโก 16:17-18, ยากอบ 5:16, 1 โครินธ์ 12:9 

นักโทษเป็นอิสระ

กิจการ 5:17-20
ท่านลูกาเขียนไว้ชัดว่า พวกมหาปุโรหิตและสะดูสี อิจฉาที่ประชาชนตามอัครทูตไป พวกเขาแก้ปัญหาด้วยการสั่งขังในคุกหลวง คู่แข่งจริง ๆ ของพวกเขาคือพระเจ้า แต่เขามองเห็นแค่อัครทูตเท่านั้น อัครทูตถูกจำคุก แต่ไม่คาดฝัน มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาหา และสั่งให้ตามออกไปสั่งด้วยว่าให้ไปประกาศพระกิตติคุณอย่างครบถ้วนแก่ประชาชนที่พระวิหาร สิ่งที่ทูตสวรรค์ให้อัครทูตทำนั้น ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการท้าทายอำนาจของผู้นำศาสนายิวแบบว่าไม่กลัว ไม่เกรง อัครทูตชนกันซึ่ง ๆ หน้า แต่ในทางของพระเจ้านั้นคือ พวกเขาจะกลัวไหม จะเชื่อฟังพระเจ้าหรือมนุษย์? 
17* กิจการ 17:5, 13:45, 7:9, 18* กิจการ 4:3,ลูกา 21:12, วิวรณ์ 2:10, ฮีบรู 11:36 19* กิจการ 16:26, สดุดี 34:7, กิจการ 27:23, 20* ยอห์น 6:63, 68, 

กิจการ 5:21-22
อัครทูตซึ่งน่าจะนำโดยเปโตรก็ทำตามคำสั่งของทูตสวรรค์ตั้งแต่เช้า พวกเขาไปที่พระวิหารและก็ตั้งต้นประกาศพระกิตติคุณอย่างไม่กลัวใครเลย ทั้งเชื่อฟัง ทั้งไม่กลัวคำสั่งของทูตสวรรค์ที่มาจากพระเจ้า ทำให้พวกเขารู้ว่า การประกาศพระนามจะต้องดำเนินต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  .. แต่ในเช้าวันนั้น ยังไม่มีใครในสภารู้เรื่อง พอเรียกประชุมสภา กว่าจะมากันครบ กว่าจะเรียกออกมาจากคุกก็คงสายมาก อัครทูตก็ประกาศพระนามไปเยอะแล้ว และสภาก็เพิ่งรู้ว่า ไม่มีใครอยู่ในคุกที่อุตส่าห์จับขัง
21* ยอห์น 8:2, กิจการ 22:2-3, 15, 22* –

กิจการ 5:23-26
ดูสิ อุตส่าห์จับไปขัง และออกมาเมื่อไรไม่มีใครรู้เห็น แต่แล้วมีรายงานเข้ามาว่านักโทษทั้งหลายกำลังประกาศในพระวิหาร สภาอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ประชาชนที่ฟังอยู่ก็สำคัญ ถ้าไม่ได้ประชาชนเป็นพวก การปกครองก็จะลำบากมาก เขาสั่งให้จับอัครทูตกลับมาที่สภา.. เหตุใดคนพวกนี้จึงกล้าท้าทายอำนาจของสภายิว?
23* สดุดี 33:10, 2:4, ยอห์น 8:59 24* กิจการ 4:1, 21, ยอห์น 12:19 25* – 26* กิจการ 4:21, ลูกา 22:2, 20:19

กิจการ 5:27-32 
พวกเขาเอาอัครทูตมาที่สภาเพื่อขู่เพิ่มขึ้น “ก็สั่งห้ามแล้ว แล้วกลับสอนไปทั่วเมือง เจ้าพยายามจะแก้แค้นให้เลือดมาตกที่พวกเรารึ?”  “แต่เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่า ท่านตรึงพระเยซูตาย แต่ทรงฟื้นขึ้น1มาตอนนี้ทรงอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์พระเจ้า อิสราเอลกลับใจก็จะได้รับการยกโทษ … เราและพระวิญญาณเป็นพยานเรื่องนี้” กลับกลายเป็นว่าอัครทูตกำลังประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้าในสภายิว! อะไรกันนี่ เปลี่ยนจากพระวิหารมาสู่สภา คิดดูแล้วกันว่า ในขณะนั้นจะเกิดความโกลาหลขนาดไหน พอเวลาความเกลียด ความอิจฉานำกลุ่มชน มันจะกลายเป็นการนองเลือดได้ ขณะที่ฟังอัครทูตกล่าว แน่นอนต้องมีคนไม่เห็นด้วย และมีคนเห็นด้วย พวกเขา
27* มัทธิว 5:22, กิจการ 22:31-23:1 28* กิจการ 7:52, 1 เธสะโลนิกา 2:15-16 29* 1 ซามูเอล 15:24, กิจการ 4:19 30* กาลาเทีย 3:13, 1 เปโตร 2:24, กิจการ 10:39  31* ลูกา 24:47 , กิจการ 11:18 อิสยาห์ 9:6 32* ยอห์น 15:26-27, ฮีบรู 2:3-4, กิจการ 13:31 

คำเตือนสติจากกามาลิเอล

กิจการ 5:33-36
แต่แล้ว ท่านกามาลิเอลซึ่งเป็นฟาริสีที่ใคร ๆ เคารพ ก็เข้ามาสยบความโกรธอันร้อนแรงของเหล่าปุโรหิตและธรรมาจารย์ความโกรธที่พร้อมจะฆ่าคนให้ตายต่อหน้าต่อตา กามาลิเอลเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น คือมีธูดาสตั้งตัวเป็นผู้นำ คนตามมากมาย แต่เมื่อธูดาสตาย คนก็สลายตัว ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ  
33* มัทธิว 9:14, 34* ยอห์น 3:29, 36* มาระโก 2:21,22 

กิจการ 5:37-40a
ต่อมามีคนชื่อยูดาสตั้งตัวให้คนตามเหมือนกัน แต่เมื่อเขาตาย ผู้คนก็แยกย้ายกันไป กามาลิเอลเตือนสติพวกเขาว่า อย่าไปยุ่งเลย ถ้าพวกอัครทูตทำด้วยกำลังตนเอง เดี๋ยวก็จะจบ ผู้คนจะไม่ตามต่อไป แล้วก็กลับมายังพระวิหารเหมือนเดิม แต่หากเรื่องนี้มาจากพระเจ้า ก็เท่ากับทุกคนต่อต้านพระเจ้า หาเรื่องใส่ตัวไปทำไม ก็เป็นคำเตือนที่มีปัญญาให้กับคนที่กำลังร้อนใจอยากกำจัดอัครทูต  
38* มัทธิว 15:13, เพลงคร่ำครวญ 3:37 39* สุภาษิต 21:30, กิจการ 7:51 40* มัทธิว 10:17

กิจการ 5:40b-42
พวกสภายิวจึงตัดสินใจแค่โบย ก็คือเพื่อให้เกิดความกลัวแต่อัครทูตกลับออกมาจากสภาทั้งที่เลือดอาบตามตัว ด้วยความยินดี เพราะเขาคิดว่า พระเจ้าทรงเห็นว่า เขาสมควรที่จะได้รับการดูหมิ่นเพื่อพระนาม จากนั้น พวกเขาจึงประกาศว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ หรือพระเมสสิยาห์ต่อไปทั้งในพระวิหารและตามบ้าน โดยไม่เว้นแม้สักวันเดียว 
นี่คือตัวอย่างของการประกาศ ทำไปทุก ๆ วัน แม้เกิดเหตุที่เจ็บปวด แต่ก็ไม่หยุดที่จะประกาศพระนามที่พวกเขารักมากที่สุด 
41* 1 เปโตร 4:13-16, ยากอบ 1:2, 42* 2 ทิโมธี 4:2, กิจการ 20:20

คำอธิบายเพิ่มเติมและพระคำเชื่อมโยง กิจการ 4

การสอบสวนเปโตรและยอห์น

กิจการ 4:1-4
พอชายที่เป็นอัมพาตเดินได้ เปโตรก็ฉวยโอกาสที่จะประกาศพระนามพระเยซูทันที ไม่มีการรีรอ ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นเอง ปุโรหิต ผู้ดูแลพระวิหาร และพวกสะดูสีที่ไม่เชื่อการคืนชีพก็เข้ามาขัดจังหวะ ต่อหน้าต่อตาคนหลายพัน จิตใจของฝ่ายตรงข้ามทั้งโกรธ ทั้งรู้สึกแพ้ ทั้งเป็นกังวล พวกเขารับไม่ได้ที่อัครทูตสอนประชาชนเรื่องการคืนชีพของพระเยซู จึงสั่งจับเปโตรและยอห์นไว้ในคุกเพื่อจะสอบสวนในวันรุ่งขึ้น แต่ในวันนั้นมีคนที่ฟังเชื่อเพิ่มอีก นี่เป็นระเบิดทางการเมืองศาสนาทีเดียว ดูจากยกนี้ อัครทูตชนะคนมากมายแล้วแม้ว่าพวกเขาไม่เก่งธรรมบัญญัติอย่างพวกผู้นำเหล่านั้น พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด


1* มัทธิว 22:23
2* กิจการ 17:18, 3:15
3* ลูกา 21;12
4* กิจการ 2:41

กิจการ 4:5-7
พวกสะดูสีเป็นปุโรหิตชั้นสูงอันนาส กับคายาฟาสก็เป็นสะดูสีด้วย (กิจการ 5:17) ตอนที่พระเยซูทรงทำการของพระองค์ ฟาริสีถือพระองค์เป็นศัตรู แต่พอมาถึงกิจการ สะดูสีจะเป็นผู้ที่ตามราวีคริสเตียนมาโดยตลอด เราจะเห็นว่า การสอบสวนนี้มีผู้นำที่มีอิทธิพลมาร่วมด้วยอีกหลายคน เรียกได้ว่ามาเป็นขโยงเลยทีเดียว ดูน่ากลัว…
แต่คำถามของพวกเขานี่สิ เข้าทางเปโตรเลย เป็นคำถามที่เปโตร
อยากตอบจริง ๆการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในนามของใครก็ตาม สำหรับคนยิวแล้วพวกเขาเคร่งครัดว่า เท่ากับคน ๆ นั้น เป็นผู้กระทำเอง คล้าย ๆ กับเอกสารมอบอำนาจในปัจจุบัน

5*
6* ลูกา 3:2, ยอห์น 18:13,24, มัทธิว 26:3
7* มัทธิว 21:23,
8* มัทธิว 10:20
9* กิจการ 3:7-8

กิจการ 4:8-12
ตอนนั้นเอง พระวิญญาณได้เสด็จมาประทับในตัวเปโตรอย่างพิเศษ เขาจึงกล้าหาญ เต็มด้วยสติปัญญาอย่างที่ปกติไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราจะเห็นว่า การทำการของพระเจ้านั้น บางครั้งก็มีความพิเศษในการเจิม ของพระองค์ดังตัวอย่างในเรื่องตอนนี้จากชายขี้ขลาดในวันที่พระเยซูทรงถูกสอบสวน วันที่เขาปฏิเสธ
พระเยซู เขากลับกลายเป็นอีกคนที่จะพูดเรื่องของพระองค์อย่างไม่หวาดหวั่น

10* กิจการ 3:6, 2:24
11* สดุดี 118:22
12* กิจการ 13:26, 28:28, ยอห์น 4:22 ฮีบรู 2:3, ยูดา 3, 1 ทิโมธี 2:5, กาลาเทีย 1:7 กิจการ 10:43,

กิจการ 4:13-17
ในสมัยของพระเยซูนั้น ชายยิวจะได้เรียนอ่านเขียนกันในศาลาธรรมซึ่งมีกระจัดกระจายทั่วไป แต่ที่ว่าเขาไม่ได้เรียนสูงนั้นก็คึอ พวกเขาไม่ได้เรียนที่จะเป็นธรรมจารย์ อาจารย์สอนธรรมบัญญัติเหมือนพวกฟาริสี สะดูสี
แต่เมื่อพวกเขารู้ว่า อัครทูตอยู่กับพระเยซูมาสามปี ก็พอจะเดาได้ว่า ต้องมีความเข้าใจ อย่างพระเยซู แต่ที่เหนือกว่านั้นคือ พวกเขาทำการอัศจรรย์อย่างพระองค์ด้วย!
ยิวพวกนี้อยู่ในสภาสูงมีตำแหน่งในพระวิหาร มีตำแหน่งที่มีอำนาจ แต่พวกเขาต้องมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรดีกับอัครทูตเหล่านี้ เพราะพวกเขาเสียความนิยมจากประชาชนไม่ได้ไม่คุ้มเอามาก ๆ พวกเขาตัดสินใจสั่งไม่ให้อัครทูตพูดถึงพระนามพระเยซูกิจการ

13* ยอห์น 7:15
14* กิจการ 3:11, ลูกา 21:15
15*
16* ยอห์น 11:47, 12:19, กิจการ 3:9,10
17* กิจการ 5:28, 40

4:18-22
แต่แล้ว พวกเขาต้องประหลาดใจที่อัครทูตไม่ได้แสดงว่า กลัวพวกเขาเลย
กลับมีความตั้งใจที่จะประกาศพระนามต่อไปตามคำบัญชาของพระเยซูศัตรูของพระเจ้าตอนนี้จนตรอก ไม่รู้จะทำอย่างไร จำต้องปล่อยอัครทูตไปก่อน เพราะประชาชนที่ เห็นเหตุการณ์ต่างตระหนักว่า การหายโรคเป็นเรื่องจริง พระเจ้าทรงทำการจริง พวกเขาจะไปต่อต้านตอนนี้ ไม่ดีแน่

18*
19* กิจการ 5:29
20* อาโมส 3:8, ยอห์น 15:27, 1 โครินธ์ 9:16, กิจการ 22:15, 1 ยอห์น 1:1,3
21* กิจการ 5:13, 26, มัทธิว 21:26,46, มาระโก 11:32, ลูกา 20:6, 19, 22:2 กิจการ 3:7,8
22

ถึงห้ามก็ไม่หวั่น

กิจการ 4:23-26
ถ้าเป็นสมัยใหม่ ถือว่าถูกจำกัดเสรีภาพในการนับถือ ในการพูดอย่างอิสระ ดังนั้นอาจจะต้องมีการรวมพลเดินขบวนอย่างที่เกิดขึ้นทุก ๆ วันในโลก
แต่พวกเขาไม่ได้คิดไปสู้อย่างนั้น พวกเขาหันไปอธิษฐานต่อพระเจ้าสูงสุด พวกเขานึกถึงพระธรรมสดุดี 2 ที่กล่าวถึงการต่อต้านพระเจ้าและผู้ที่พระองค์ทรงเจิมคือ พระคริสต์ (หรือพระเมสสิยาห์ พระมาชิอัค.. ตามภาษาฮีบรู) พวกเขาอธิษฐานด้วยการใช้คำที่อยู่ในสดุดีบทนั้นตรง ๆ พวกเขามองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเรื่องที่มีการพยากรณ์ไว้ล่วงหน้ามาแล้ว อย่างหนึ่งที่เราเห็นคือ พวกเขารู้จักพระคัมภีร์เป็นอย่างดี 

23
24* ดู กิจการ 1:14, อพยพ 20:11, 2 พงศาวดาร 2:12, เนหะมีย์ 9:6
สดุดี 102:25, 124:8, 134:3, 146:6
25* สดุดี 2:1-2,
26* กิจการ 10:38, ลูกา 4:18, ฮีบรู 1:9, ดาเนียล 9:24, วิวรณ์ 11:15

กิจการ 4:27-29
ในคำอธิษฐานนั้น พวกเขามีความเข้าใจว่า คนทั้งหลายที่ต่อต้านพระเจ้าก็ทำไม
ตามแผนการที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้โดยพวกเขาไม่รู้ตัว พวกเขาขอพระเจ้าเมตตา และขอทรงให้พวกเขากล้าหาญ ทั้งที่รู้ว่าความกล้าหาญที่จะพูดเรื่องของพระเจ้านั้น จะทำให้เกิดการข่มเหงมากขึ้น และการข่มเหงสมัยก่อนนั้น รุนแรง ถึงชีวิตในคำอธิษฐานกล่าวถึงผู้รับใช้บริสุทธิ์ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม

27* ดูข้อ 30,26, ลูกา 23:7-11,มัทธิว 27:2,19, 26:3
28* อิสยาห์ 46:10, กิจการ 2:23
29* 2 พงศ์กษัตริย์ 19:16, กิจการ 4:13,31, 9:27,29,13:46, เอเฟซัส 6:19

กิจการ 4:30-31
พวกเขายังขอให้พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์แบบยิ่งใหญ่ แล้วในวันนั้น สิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาอธิษฐานจบ สถานที่นั้นสั่นอย่างรุนแรงเหมือนกับแผ่นดินไหว พระเจ้าทรงยินเสียงของพวกเขา และทรงตอบด้วยเสียง ความสั่นสะเทือนในธรรมชาติให้ทุกคนได้สัมผัส แบบนี้ก็ยิ่งเชื่อ ยิ่งกล้า เพราะว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ตามที่เขาทูลต่อพระองค์จริง ๆ

30* สดุดี 138:7, สุภาษิต 31:20, อิสยาห์ 1:25, เศฟันยาห์ 1:4, กิจการ 3:6
31* กิจการ 2:2,4, 16:26, สดุดี 77:18, ฟีลิปปี 1:14

กิจการ 4:32-37
นี่คือภาพความเป็นอยู่ของคริสเตียนในยุคแรก เป็นชีวิตของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พร้อมที่จะให้กับคนที่ขัดสนเพื่อว่าทุกคนจะมีกินพอ ๆ กัน ไม่ใช่รวยล้ำ กับขอทาน พวกเขาใช้ชีวิตแบบนี้คือ คนที่มีมากกว่าจะแบ่งให้กับคนที่มีน้อยกว่า อัครทูตเป็นผู้ช่วยดูแลให้มีการแจกจ่ายกันอย่างทั่วถึง

32* 2 พงศาวดาร 30:12, เอเสเคียล 11:9, ฟีลิปปี 1:27, กิจการ 2:44
33* กิจการ 1:8,22, 11:23
34* 2 พงศาวดาร 8:14-15, กิจการ 2:45
35* กิจการ 4:37, 5:2, 6:1
36* มาระโก 3:17
37* กิจการ 4:35