นาฮูม 2 เราต่อต้านเจ้า!

รถศึกควบอย่างบ้าคลั่งไปตามถนน !

หายนะของนีนะเวห์
1 มีผู้หนึ่งที่จะทำให้เจ้ากระจัดกระจายไป
กำลังบุกเข้ามา
จงเสริมกำลังคนป้องกันป้อมปราการ
เฝ้าถนนให้ดี
เตรียมตัวพร้อมสู้ 
รวมพลังทั้งหมดที่มี
2 เพราะพระยาห์เวห์
จะ ทรงฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของยาโคบ 
ให้เหมือนกับความยิ่งใหญ่ของอิสราเอล

แม้ผู้ที่มาปล้นได้ปล้นพวกเขา
และทำลายเถาองุ่นของพวกเขา
3 โล่ของนักรบเขาเป็นสีแดง
และนักรบผู้กล้าก็สวมชุดแดงเข้ม
รถศึกนั้น ส่องประกายดั่งเปลวไฟ 
ในวันที่พวกเขาเตรียมพร้อมทำศึก
และนักรบกวัดแกว่งหอกไม้สน 
4 รถศึกควบอย่างบ้าคลั่งไปตามถนน 
มันวิ่งไปผ่านลานเมือง
มองดูเหมือนคบเพลิงลุกโชติช่วง
มันวิ่งไปมาดั่งสายฟ้าแลบ
5 เขาสั่งการเหล่าทหาร
พวกเขาสะดุดล้มขณะที่กำลังบุกไป
พวกเขาวิ่งไปยังกำแพงเมือง
เพื่อตั้งโล่ป้องกันในที่ของมัน

หายนะของนีนะเวห์
2:1 คำสั่งเหล่านี้ เหมือนเป็นคำสั่งที่จะเย้ยหยันว่า
นีนะเวห์รอดไปได้หรือ? เพราะตอนนี้ มีกองทัพใหญ่บุกเข้ามาแล้ว เป็นกองทัพที่พระเจ้าทรงส่งมาเอง ผู้ที่บุกเข้ามาจะเป็นคนที่ทำให้อัสซีเรียกระจัดกระจายไป ดังนั้นคนที่สำคัญ ผู้บัญชาการแท้จริงที่ทำให้อัสซีเรียพินาศคือพระยาห์เวห์ของอิสราเอล!
อัสซีเรียเองได้เตรียมกองทัพใหญ่ไว้ก่อนหน้าทั้งเพื่อจะโจมตีและรับมือศัตรู
(เอเสเคียล 23:24 บอกให้รู้ว่าสรรพาวุธของกองทัพอัสซีเรียมีอะไรบ้าง)

2:2 พระเจ้าทรงแจ้งให้อิสราเอลรู้ว่า แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่วันหนึ่งพระองค์จะทรงนำเขากลับมาสู่การรื้อฟื้นอีกครั้ง ขณะที่นีนะเวห์กำลังจะล่มจม คนของพระเจ้าจะรับการฟื้นฟูใหม่ ที่กล่าวถึงยาโคบก็เพื่อให้ระลึกถึงประสบการณ์ชีวิตต่าง ๆ ที่ยาโคบ และบรรพบุรุษได้ผ่านมา ส่วนคำอิสราเอลก็หมายถึงความงดงาม ยิ่งใหญ่ที่จะกลับมาอีกครั้งยังลูกหลานของบรรพบุรุษเหล่านั้น

2:3-4 ต่อจากนี้ไปเป็นภาพการยึดนครนีนะเวห์ เป็นภาพที่ชัดเจนราวกับภาพยนต์ นักรบของศัตรูใส่เสื้อแดงเข้ม โล่ก็สีแดง รถศึกเหมือนเพลิงไฟ นักรบแกว่งหอกอย่างน่ากลัว การบุกเข้ามานั้น ไม่ใช่ช้าเชื่องแต่รวดเร็ว ปราดเปรียว พร้อมประจัญบาน อัสซีเรียจะสู้ได้หรือเปล่า?  

2:5 นักรบพยายามที่จะวิ่งไปที่กำแพงเมืองเพื่อตั้งรับ แต่ก็สะดุดล้ม ไม่ใช่คนเดียวแต่หลายคนพร้อม ๆ กัน
ยิ่งเป็นอย่างนี้ ยิ่งกลัวลาน



การทำลายที่ท่วมท้น
6 ประตูแม่น้ำถูกเปิดออก
และราชวังก็พังไปกับสายน้ำ 
7 หญิงงามถูกปลดอาภรณ์ 
เธอถูกจับตัวไป
เหล่าหญิงรับใช้ก็ร้องครวญเหมือนนกพิราบ
และตีอกของตนเอง 
8 นีนะเวห์
เป็นเหมือนบ่อที่น้ำกำลังทะลักไหลออก 
พวกเขาร้องว่า “หยุด หยุด”
แต่ไม่มีใครหันหลังกลับมา
9  “จงปล้นเงิน และปล้นทอง!”
ทรัพย์สมบัติมีมากมายไม่มีหมดสิ้น
สิ่งที่มีค่านั้นมีเหลือเฟือ 
10 ที่รกร้าง ความวิบัติ ความหายนะ! 
ใจหวาดผวา เข่าสั่นระรัว
ทรมานไปทุกส่วนของร่างกาย
ใบหน้าของทุกคนซีดเผือด

การทำลายที่ท่วมท้น
2:6 นักโบราณคดีพบว่า มีร่องรอยของน้ำท่วมที่น่าจะเกี่ยวพันกับหายนะของเมืองในครั้งนี้ และการบุกของศัตรูก็น่าจะเป็นการเข้ามาในประตูแม่น้ำ ในช่วงน้ำหลากด้วย
2:7-8 พวกผู้หญิงถูกปล้นเครื่องประดับเงินทอง อัญมณีต่าง ๆ ทุกอย่างถูกจับไปเป็นเชลย ไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเป็นอย่างไร นีนะเวห์ถูกปล้นไปอย่างรวดเร็ว แม้จะมีคนร้องให้หยุด แต่ศัตรูที่ไหนจะฟัง

2:9-10 ทรัพย์สินที่นีนะเวห์มีอยู่นั้น ก็ต่างได้มาจากการยึด การปล้นประเทศชาติต่าง ๆ เข้ามา พวกเขามีทรัพย์มากมายให้ศัตรูมาขนไป
อัสซีเรียได้สร้างความหวาดกลัวให้ผู้อื่น ตอนนี้พวกเขาเองหวาดกลัวยิ่งกว่าอีก

เราต่อต้านเจ้า
11 ไหนล่ะ ถ้ำของสิงห์
ที่ ๆ มันใช้เลี้ยงดูลูก ๆ ของมัน?
ที่ ๆ พ่อแม่สิงโตหาเหยื่อ
ที่ ๆ ลูกของมันอยู่อย่างไม่มีใครรบกวน อยู่ที่ไหนกัน?
12 สิงโตได้ล่าเหยื่อมาให้ลูกของมัน 
มันขย้ำคอเหยื่อเพื่อให้สิงห์ตัวเมีย
มันเติมถ้ำของมันด้วยเหยื่อที่หามาจนเต็ม
และเติมที่อยู่ของมันด้วยเหยื่อที่มันฉีกเนื้อสด ๆ  
13 องค์พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศดังนี้
“เราต่อต้านเจ้า เราจะเผารถศึกของเจ้าจนควันคลุ้ง
และดาบจะฟันฟาดลูกสิงโตของเจ้า
เราจะเอาเหยื่อของเจ้าออกไปจากโลกนี้
และจะไม่มีใครได้ยินเสียงของพวกผู้ส่งข่าวของเจ้าอีกต่อไป”

เราต่อต้านเจ้า 
2:11 นีนะเวห์เป็นเมืองที่มีสิงโตเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าเป็นเจ้าแห่งโลกนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะทำตัวเหมือนสิงโตที่กัด ฉีก ขย้ำ จนเหยื่อตายเป็นเบือ แต่ตอนนี้ นาฮูมถามว่า พ่อ แม่สิงโตอยู่ที่ไหน ? ที่ว่าเก่งนัก ตอนนี้ไม่เหลืออำนาจแล้ว

2:12 นาฮูมเปรียบนีนะเวห์เหมือนกับถ้ำสิงห์ ที่สามารถเติมความมั่งคั่งให้กับตนเองไม่หยุดหย่อน

2:13 บาบิโลน ได้ทำลายนครนีนะเวห์จนสิ้นซาก แต่ผู้ที่ส่งบาบิโลนมาคือ พระยาห์เวห์ผู้ประกาศประกาศิตสุดท้าย พระองค์ตรัสชัดเจนว่า พระองค์ทรงต่อต้านอัสซีเรีย เป็นคำตรัสที่น่ากลัวสำหรับอัสซีเรีย และสำหรับทุกคนที่จะได้ยินคำนี้


พระคำเชื่อมโยง

นาฮูม 2
9* เศฟันยาห์ 1:18
10* เปรียบเทียบ โยเอล 2:6
11* โยบ 4:10-11
12* เยเรมีย์ 51:34
13* นาฮูม 3:5; 2

นาฮูม 1 พระเจ้าแห่งอิสราเอล!

พระองค์จะทรงทำลายปฏิปักษ์ของพระองค์ ด้วยมวลน้ำท่วม

1 คำพยากรณ์ที่หนักใจเกี่ยวข้องกับนครนีนะเวห์
หนังสือนิมิตของนาฮูม ชาวเอลโขช

พระเจ้าทรงเป็นผู้ใด? ใครรู้บ้าง?
2  พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน และทรงแก้แค้น พระองค์ทรงพิโรธอย่างแรงกล้า
พระยาห์เวห์ทรงแก้แค้นเหล่าศัตรูของพระองค์
พระองค์ทรงพิโรธต่อศัตรูของพระองค์
3 พระยาห์เวห์ทรงกริ้วช้า
แต่ทรงฤทธิ์เต็มด้วยอานุภาพมหาศาล 
พระยาห์เวห์จะไม่ทรงให้คนผิดลอยนวล 
หนทางของพระองค์อยู่ในพายุหมุนและลมพายุกล้า
และหมู่เมฆคือผงฝุ่นใต้ฝ่าพระบาทของพระองค์
4 พระองค์ทรงกำราบทะเลให้แห้ง
และทรงทำให้แม่น้ำทั้งหลายแห้งเหือดลง
บาชาน และคารเมลก็เหี่ยวเฉา
รวมไปถึงดอกไม้แห่งเลบานอน
5 ภูเขาทั้งหลายสั่นสะเทือนต่อพระพักตร์พระองค์
และเนินเขาทั้งหลายก็ละลายไป
แผ่นดินโลกสั่นไหวหวาดหวั่นต่อพระพักตร์พระองค์ 
ทั้งโลกและทุกสิ่งที่อาศัยในโลก
6 ใครจะทนทานต่อความเดือดดาลของพระองค์ได้?
ใครจะทนต่อความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ได้?
พระพิโรธถูกเทออกมาดั่งกองไฟ
แม้กระทั่งหินก็ยังแหลกละเอียดต่อพระพักตร์พระองค์

1:1  ชื่อของนาฮูม มีความหมายว่า ปลอบใจ แต่ท่านกำลังต้องกล่าวคำพยากรณ์ที่ทำให้หนักใจ เป็นกังวลมากต่อเมื่อนีนะเวห์ ซึ่งไม่ใช่คนของพระเจ้า แต่เป็นศัตรูที่พระเจ้าเคยใช้มากวาดคนทั้งสิบเผ่าทางเหนือไปเป็นเชลย พวกเขาเคยได้รับคำเทศนาจากโยนาห์ประมาณปี 792-753 ปีก่อนคริสตศักราช ส่วนนาฮูมน่าจะกล่าวคำเหล่านี้ประมาณ 612 ปีก่อนคริสตศักราช ซึ่งต่อมานีนะเวห์ล่มเมื่อประมาณ 609 ปีก่อนคริสตศักราช (เป็นช่วงรัชสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์ กษัตริย์ของยูดาห์ ทางใต้)
พระเจ้าทรงเป็นผู้ใด? ใครรู้บ้าง?
1:2 ที่พระเจ้าทรงพิโรธต่อนีนะเวห์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอัสซีเรียเป็นอย่างมากเพราะความโหดร้าย รุนแรงของกษัตริย์ และกองทัพของอัสซีเรีย ที่มีต่อประเทศชาติทั่วไป และที่ทำต่อคนอิสราเอลด้วย ก่อนอื่นใด นาฮูมได้ทำให้เห็นว่า พระเจ้าทรงรู้สึกโกรธเพียงใด ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ความหวงแหนของพระเจ้าไม่เหมือนของมนุษย์ที่เป็นคนบาป แต่ความหวงของพระองค์คือ พระองค์ทรงเป็นห่วงสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นว่ามีค่า และพระองค์ทรงประสงค์จะรักษาไม่ให้มันเสียไป หรือเป็นมลทิน
1:3 แม้ว่าพระเจ้าจะทรงกริ้วช้า (ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อชาวโลกที่ทำบาปต่อพระองค์) แต่พระองค์ทรงฤทธิ์ยิ่งนัก ถ้าเราอ่านอพยพ 34:6-7 ก็จะเห็นว่า พระองค์ทรงอธิบายให้โมเสสเห็นชัดว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าอย่างไร แบบไหน
ในขณะที่ผู้คนโลกโบราณถือว่า พายุ ลม ทะเล เมฆ และดาวต่าง ๆ เป็นพระเจ้า แต่พระเจ้าของอิสราเอลทรงเป็นพระเจ้าเหนือสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น
1:4 ทะเล แม่น้ำ ภูเขา ผืนป่า ต่างเป็นของพระองค์ทั้งสิ้น เมื่อทรงกำราบ
สิ่งเหล่านั้น มันก็เหี่ยวแห้ง หมดท่าไป
1:5 ตอนที่คนอิสราเอลอยู่เชิงเขาซีนาย พวกเขาได้เห็นภูเขาสั่นสะเทือน พวกเขาพบเจอกับแผ่นดินไหวเพราะพระเจ้าสถิตที่นั่น คนอิสราเอลที่ได้ยินคำของนาฮูม เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้ที่พ่อแม่เล่าให้ฟัง ทำให้พวกเขาเข้าใจจริงว่า พระเจ้าของเขาคือผู้ใด … (อพยพ 19)
ดังนั้น อาณาจักรอัสซีเรียนั้น เป็นเรื่องเล็กสำหรับพระองค์
1:6 ภาพที่นาฮูมทำให้เราเห็นนั้น น่าสยดสยองยิ่งนัก ไม่มีใครจะรอดได้จากความกริ้วของพระเจ้า คำว่าเดือดดาลในภาษาไทยเทียบได้กับคำฮีบรูว่า זַעַם (ซาอัม) แปลว่า โกรธมากจนเดือดเหมือนน้ำเดือด ไม่มีใครสามารถยืนหยัดทนได้เลย

หายนะของนีนะเวห์
7  พระเจ้าทรงประเสริฐ
ทรงเป็นที่ป้อมปราการในวันร้าย
พระองค์ทรงดูแลคนที่หลบภัยในพระองค์
8  แต่พระองค์จะทรงทำลายปฏิปักษ์ของพระองค์
อย่างสิ้นเชิงด้วยมวลน้ำท่วม
และจะทรงไล่ศัตรูของพระองค์เข้าไปสู่ความมืด
9 ไม่ว่าพวกเจ้าจะวางแผนต่อต้านพระยาห์เวห์แบบใดก็ตาม พระองค์จะทรงทำให้มันถึงจุดจบแน่
การกดขี่ข่มเหงจะไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง
10 เพราะพวกเขาเป็นเหมือนกับดงหนามที่รัดกัน
เหมือนกับคนเมาเป๋ขณะดื่มเหล้า
เหมือนกับตอฟางถูกเผาผลาญจนแห้งสนิท 
11  มีผู้หนึ่งออกมาจากเจ้า
เป็นคนที่วางแผนชั่วต่อต้านองค์พระยาห์เวห์
เป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ชั่วช้าไร้ค่า  

หายนะของนีนะเวห์
1:7 แต่เมื่อพระเจ้าทรงหันมายังคนที่เข้ามาหลบภัยในพระองค์ คือคนที่ยอมรับพระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเขา คนที่เป็นของพระเจ้า พระเจ้าคือข่าวดี สำหรับคนที่เป็นคนชั่วร้าย พระเจ้าคือข่าวร้ายของพวกเขา
1:8 สองอย่างที่ศัตรูของพระเจ้าจะพบคือ พวกเขาจะเจอกับน้ำท่วมมิด และความมืดสนิท นั่นคือความตายทั้งฝ่ายร่างกายและฝ่ายวิญญาณ พวกเขาหนีไม่พ้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จากการขุดค้นทางโบราณคดี เราได้พบว่า บาบิโลนได้เข้ามาและโจมตี เผาเมือง แล้วยังมีมวลน้ำจากแม่น้ำไทกริสเข้ามาท่วมเมืองด้วย น่าเสียดายในช่วงปีที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายไอสิส (Isis)(2004-2019) กำลังมีอำนาจทางความรุนแรงในอิรักนั้น พวกเขาได้ทำลายสถานสำคัญทางโบราณคดีไปไม่น้อย
1:9 มีคนที่วางแผนต่อต้านพระเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณจนปัจจุบัน พวกเขาไม่อาจทนความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้ แต่ยังคิดว่าตัวเองสามารถจัดการกับพระเจ้าด้วยการพยายามทำลายคนของพระองค์ และทำลายคนที่อ่อนแอกว่า พวกเขาลืมไปว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และสามารถทำให้พวกเขาถึงความพินาศได้ในชั่วพริบตา
1:10 จากคนที่โอ่อ่าตระการ จากกองทัพที่ยิ่งใหญ่ นีนะเวห์จะกลายเป็นเหมือนดงหนาม คนเมา และตอฟางไหม้ …
1:11 ผู้หนึ่งที่ออกมาจากนีนะเวห์ หรือประเทศใด ๆ ก็ตามที่ต่อต้านพระเจ้านั้น เป็นคนที่ไร้ค่าแบบสุด ๆ คนชั่วนี้เป็นศัตรูของพระเจ้าโดยตรง “”}}}}

พระสัญญาเพื่อการช่วยกู้
12 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ 
“แม้พวกเขาเข้มแข็งและมีจำนวนมาก
ก็ยังจะถูกโค่นลงจนสิ้นซากไป 
แม้เราจะทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมาน
เราจะไม่ทำอย่างนั้นต่อเจ้าอีก
13  เพราะบัดนี้เราจะหักแอกของพวกเขาจากเจ้า
และหักโซ่ตรวนที่มัดตัวเจ้าออก

1:12-13 แล้วพระเจ้าทรงหันมาตรัสกับคนของพระองค์คือชนอิสราเอล พวกเขาเป็นเชลยของอัสซีเรีย และถูกกระทำ ถูกกดขี่ข่มเหงหนัก แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงทำลายอำนาจของอัสซีเรีย (นีนะเวห์) ที่มีเหนือพวกเขาให้สิ้นเหมือนกับเอาแอกและโซ่ออกจากนักโทษหรือวัวควาย The มีบันทึกว่าอัสซีเรียได้ข่มเหงอิสราเอลอย่างรุนแรง ทั้งเก็บภาษีสูงด้วย
(อ่าน 2 พงศ์กษัตริย์ 19:20-37, 2 พงศาวดาร 32:1-23; อิสยาห์ 37:27-38)
อัสซีเรียสิ้นซากไปนานเลย เพราะกว่านักโบราณคดีจะขุดค้นพบว่า นีนะเวห์อยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไรก็ใช้เวลานานกว่าที่อื่น ๆ ถ้าสนใจให้ดูจากนักโบราณคดี เครเมอร์ที่
https://www.youtube.com/watch?v=34XBkm4QiLo

สุดปลายทางของสองประเทศ
14 พระยาห์เวห์ทรงบัญชาถึงเจ้าดังนี้ 
“เจ้าจะไม่มีลูกหลานสืบวงศ์วานของเจ้าอีกต่อไป
เราจะทำลายรูปเคารพสลัก
และรูปหล่อจากวิหารของเทพทั้งหลายของเจ้า
เราจะเตรียมหลุมศพของเจ้า เพราะเจ้าชั่วช้ายิ่งนัก”
15 จงมองไปยังภูเขาเถิด
เท้าของผู้นำข่าวดี และเป็นผู้ประกาศสันติ
โอยูดาห์ จงฉลองเทศกาลต่าง ๆ ของเจ้า
จงทำตามที่เจ้าเคยปฏิญาณไว้
เพราะคนชั่วจะไม่บุกรุกเข้ามาอีกต่อไป
พวกเขาจะถูกทำลายจนสิ้นซาก

สุดปลายทางของสองประเทศ
1:14 แล้วต่อมาพระเจ้าตรัสกับกษัตริย์แห่งอัสซีเรียให้ชัดเจนว่า พระองค์จะทรงทำอะไรกับพวกเขา วงศ์วานของกษัตริย์ จะสูญพันธุ์ไป นับเป็นความน่าอับอายอย่างยิ่ง พระองค์ทรงยืนยันว่าจะทำลายศาสนา ความเชื่อของพวกเขา เตรียมลงหลุมไปได้ เวลาอัสซีเรียไปโจมตีที่ไหน ก็มักจะนำพวกรูปเคารพกลับมาเพื่อแสดงว่า พวกเขาใหญ่กว่าเทพเหล่านั้น
(นี่เป็นสิ่งที่ประเทศในโลกโบราณนิยมทำกัน)
แต่ชาวมีเดียนที่เข้ามาโจมตีเป็นพวกที่ไม่ชอบรูปเคารพ เลยทำลายรูปเคารพที่นีนะเวห์มีอยู่

1:15 ย้อนกลับไปดูอิสยาห์ 52:7 กล่าวถึงเท้าของผู้นำข่าวดีว่างามยิ่ง พระเจ้าทรงสัญญาให้พวกเขาพ้นจากการข่มเหง นาฮูมขอให้พวกเขามั่นใจโดยที่ให้ฉลองเทศกาลต่าง ๆ อย่างที่เคยทำ พวกเขาจะไม่พบการบุกรุกจากศัตรูอีก เพราะพวกเขาถูกทำลายสิ้นไปแล้ว

พระคำเชื่อมโยง

นาฮูม 1
1* เศฟันยาห์ 2:13
2* อพยพ 20:5
3* อพยพ 34:6-7; โยบ 9:4; สดุดี 18:17
4* มัทธิว 8:26; อิสยาห์ 33:9
6* มาลาคี 3:2

7* เยเรมีย์ 33:11; 2 ทิโมธี 2:19
9* สดุดี 2:1; 1 ซามูเอล 3:12
10* 2 ซามูเอล 23:6; นาฮูม 3:11; มาลาคี 4:1
12* อิสยาห์ 10:16-19, 33-34
14* เอเสเคียล 32:22-23; นาฮูม 3:6
15* โรม 10:15; อิสยาห์ 29:7-8

อาโมส 9 อนาคต..กลับสู่สภาพเดิม

จินตภาพที่ 5 : องค์พระยาห์เวห์ประทับข้าง ๆ แท่นบูชา 
1 ข้าพเจ้าเห็นองค์พระยาห์เวห์ประทับยืนข้าง ๆ แท่นบูชา และพระองค์ตรัสว่า “ จงฟาดลงไปที่ ยอดเสา เพื่อว่าธรณีประตูจะสั่นสะเทือน  และหล่นลงไปยังหัวของทุกคน  คนที่เหลืออยู่เราจะประหารด้วยดาบ  ไม่มีใครที่จะหนีรอดไปได้
ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะรอดไป 
2 หากพวกเขาขุดลึกลงไปถึงแดนคนตาย มือของเราจะดึงพวกเขาขึ้นมา หากพวกเขาปีนขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์
เราก็จะฉุดพวกเขาลงมา 
3 หากพวกเขาหลบซ่อนตัวบนยอดเขาคารเมล
จากที่นั่นเราจะตามล่าและจับกุมพวกเขาลงมา 
หากพวกเขาพยายามลงไปยังพื้นทะเล
เพื่อแอบซ่อนจากสายตาของเรา
เราก็จะส่งงูพิษไปกัดพวกเขา
4  และหากพวกเขาถูกศัตรูกวาดไปเป็นเชลย
เราจะสั่งคมดาบให้ประหารพวกเขาเสีย 
เราจะจับตาดูพวกเขาเพื่อให้พวกเขาพบอันตราย
ไม่ใช่พบสิ่งที่ดี
5 พระยาห์เวห์ พระเจ้าองค์จอมทัพ
พระองค์ทรงแตะแผ่นดินโลก มันก็ละลาย
คนที่อาศัยในโลกก็คร่ำครวญ
เพราะทั่วแผ่นดินเอ่อล้นขึ้นมาเหมือนอย่างแม่น้ำไนล์
และลดลงเหมือนอย่างแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ 
6 พระองค์ทรงสร้างที่ประทับเบื้องบนสูงส่งในฟ้าสวรรค์
และทรงวางรากฐานไว้บนแผ่นดินโลก
พระองค์ทรงเรียกน้ำทะเลขึ้นมา
และเทโปรยลงไปบนผืนโลก
 พระนามของพระองค์คือ พระยาห์เวห์
 

จินตภาพที่ 5 : องค์พระยาห์เวห์ประทับข้าง ๆ แท่นบูชา 

9:1 คราวนี้ อาโมสเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในจินตภาพอีก ไม่ได้เห็นพระองค์จริง (ไม่มีใครเห็นพระเจ้าองค์จริงได้!)ทำไมพระองค์ประทับข้างแท่นบูชา เป็นแท่นบูชาในสะมาเรียใช่ไหม?​
ขอย้อนกลับไปดูจินตภาพทั้งหมด อาโมสเห็นอะไรบ้าง?
1 ฝูงตั๊กแตนที่เข้ามากินไร่นา อาโมสขอพระเจ้ายับยั้ง
2 ไฟที่เผาไหม้ อาโมสขอพระเจ้ายับยั้ง
3 สายดิ่งที่วัดกำแพง พระเจ้าจะทรงทำลายแท่นบูชา
4 ตะกร้าใส่ผลไม้สุก พระเจ้าจะให้อิสราเอลสิ้นสุด 
5 พระเจ้าประทับข้างแท่นบูชา พระเจ้าจะทรงประหารพวกเขาด้วยดาบ ไม่มีใครรอดไปได้ 
ครั้งนี้ พระเจ้าจะทรงสั่งให้ฟาดไปที่ยอดเสาเพื่อว่า ทั้งอาคารจะได้พังลงมาทั้งหมด พวกเขาที่อยู่ในวิหาร ร่าเริงกับการไหว้รูปเคารพจะต้องเสียชีวิตหมด ไม่ใช่เพราะวิหารล้มลงมาเท่านั้น คนที่เหลือจะถูกศัตรูฟาดฟันจนไม่มีใครรอดเลย  ถ้าจะมองว่าสิ่งที่พระเจ้าตรัสไม่ใช่แค่วิหารเหล่านั้น แต่เป็นทั้งระบบความเชื่อที่พวกเขาทำให้เบี่ยงเบนไปจากความเชื่อในพระเจ้าที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่สมัยโมเสส

ประกาศการลงโทษ
7 พระยาห์เวห์ทรงประกาศ “อิสราเอลเอ๋ย
เจ้าเองก็เป็นเหมือนชาวคูชสำหรับเรามิใช่หรือ?  
เราไม่ได้นำอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
นำชาวฟีลิสเตียออกจากคัฟโทร์
และนำชาวอารัมออกจากเมืองคีร์หรอกหรือ?
8 ดูเถิด พระเนตรของพระยาห์เวห์องค์พระเจ้า
จับอยู่ที่อาณาจักรที่บาปชั่ว
เราจะทำลายมันให้หายไปจากพื้นโลก 
อย่างไรก็ตาม
เราจะไม่ทำลายวงศ์วานยาโคบให้สิ้นซาก”
พระยาห์เวห์ทรงประกาศ
9 “เพราะเรากำลังจะออกคำสั่งเราจะเขย่าวงศ์วานอิสราเอลท่ามกลางชาติต่าง ๆ เหมือนกับเขย่าด้วยกระด้ง
แต่จะไม่มีเมล็ดเดียวที่จะลอดหล่นลงพื้นดินไป
10 คนบาปทั้งหลายท่ามกลางประชากรของเราที่กล่าวว่า
“จะไม่มีวิบัติเกิดขึ้น หรือมาปะทะเรา”
คนเหล่านี้จะตายด้วยดาบ  

ประกาศการลงโทษ
9:7 ใน 3:2 พระเจ้าทรงบอกเขาว่า จากประชากรในโลกนี้ พระเจ้าทรงเลือกเขาเท่านั้น   แต่ตรงนี้ พระเจ้าทรงประกาศว่า แม้คนเอธิโอเปีย(คูช) อยู่ห่างไกล เป็นคนที่ไม่ได้ทรงเลือก คนฟีลิสเตีย คนอารัม (ซีเรีย) พระองค์ทรงปกครองเหนือพวกเขาเช่นกัน ดังนั้น พวกเขาอย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือกแล้วจะพ้นโทษ  

9:8 แทนที่เป็นอาณาจักรแห่งพระเกียรติและศักดิ์ศรี พระเจ้ากลับทรงจับจ้องที่อาณาจักรที่บาปชั่ว .. พระเจ้าจะทรงทำลายอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือให้จบสิ้นไป  แต่ขอบคุณพระเจ้า พระองค์ยังทรงรักษาวงศ์วานยาโคบเอาไว้

9:9 การเขย่าร่อนด้วยกระด้งนั้นคือ สิ่งที่เป็นแกลบจะปลิวออกไป(คนที่ชั่วร้าย)  สิ่งที่เป็นเมล็ด (คนที่พระเจ้าทรงเลือกไว้)จะคงอยู่เป็นเมล็ดพันธุ์ต่อไป นั่นคือ ชนชาติอิสราเอลจะคงเหลืออยู่ คือคนที่ยังติดตามพระเจ้า แม้ว่าอาณาจักรถูกทำลายไปแล้ว (เลวีนิติ 26:33  เราจะให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปอยู่ตามชาติต่าง ๆ, โฮเชยา 9:17 พระเจ้าทรงเหวี่ยงเขาเพราะเขาไม่เชื่อฟัง จะเป็นคนพเนจรท่ามกลางชาติต่าง ๆ )
(Ellicott’s Commentary for English Readers และJamieson-Fausset-Brown Bible Commentary)

9:10 คนที่คิดว่าตัวเองจะรอด แต่ขณะเดียวกัน เหล่าผู้นำที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า พวกที่ไหว้รูปเคารพ ดูหมิ่นบทบัญญัติของพระเจ้า  คนที่ดูหมิ่นและเอาเปรียบผู้อื่น  .. พวกเขาจะถูกศัตรูฆ่า เหมือนในข้อสี่ได้บอกไว้

ประกาศที่ไม่คาดฝัน !
11 ในวันนั้น เราจะตั้งเต็นท์ของดาวิดที่ล้มลงขึ้นมาใหม่  เราจะซ่อมแซมส่วนที่แตกหักไป จะรื้อฟื้นสิ่งที่พังทลาย และสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนวันวารในอดีต
12 เพื่อว่าพวกเขาจะครอบครองสิ่งที่เหลืออยู่ของเอโดม และชาติต่าง ๆ ทั้งปวงที่ถูกเรียกโดยนามของเรา
นี่เป็นคำประกาศของพระยาหเวห์ 
พระองค์จะทรงกระทำสิ่งเหล่านี้
13 จงฟัง นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์ 
วันหนึ่งจะมาถึงเมื่อคนที่ไถจะตามทันคนที่ปลูก
และคนที่ย่ำองุ่นจะมีผลให้ย่ำมากมาย
จนทันเวลาหว่านเมล็ด
ภูเขาทั้งหลายจะมีเหล้าองุ่นใหม่หยดลงมา
และเนินเขาทั้งหลายจะเต็มด้วยเหล้าองุ่นใหม่เหล่านั้น
14 เราจะคืนความมั่งคั่ง รุ่งเรืองให้แก่อิสราเอลคนของเรา พวกเขาจะสร้างเมืองที่พังทลายนั้นขึ้นมาใหม่

จะปลูกสวนองุ่น และดื่มเหล้าองุ่น
เขาจะทำสวน และกินผลผลิตที่ได้มา 
15 เราจะปลูกอิสราเอลบนผืนดินของพวกเขา
และเขาจะไม่ถูกถอนรากจากแผ่นดินที่เรามอบให้เขาอีก” องค์พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนั้น 

 ประกาศที่ไม่คาดฝัน! 
9:11  ตรงนี้ น่าตื่นเต้น พระเจ้าบอกว่า เต็นท์ของดาวิดนั้นล้มลงไป พระเจ้าจะทรงซ่อม รื้อขึ้นมา สร้างขึ้นใหม่ ให้เหมือนเก่าที่เคยตั้งอยู่ นี่หมายความว่าอย่างไร  เต็นท์ของดาวิดคือ วงศ์วานของดาวิดนั่นเอง คนอิสราเอลและยูดาห์รู้ดีว่า ในสมัยของดาวิดนั้น พวกเขารุ่งเรืองขนาดไหน พวกเขายังรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน  ปลอดภัย มั่นคง เจริญก้าวหน้า ซึ่งตอนที่อาโมสเผยพระดำรัสนั้น เต็นท์ดาวิดถูกแบ่งเป็นทางเหนือและใต้   ถึงแม้ว่าทั้งสองจะถูกกวาดไปเป็นเชลยคนละทิศคนละทาง พระเจ้าจะทรงนำเขากลับมา และหนึ่งในลูกหลานของดาวิดจะเป็นผู้ปกครอง  (หลายท่านให้ความเห็นว่า นี่คือองค์พระเยซูคริสต์ ที่จะปกครองในพันปี)
 
9:12 อาโมสยังกล่าวถึงชนชาติต่าง ๆที่ถูกเรียกในนามของเรา นั่นคือ ผู้เชื่อที่เป็นชาวต่างชาติอย่างพวกเราใช่ไหม  งานนี้เป็นงานของพระองค์เท่านั้น
9:13 พระเจ้าจะทรงอวยพระพรคนของพระองค์ ให้คนไถตามทันคนปลูก นั่นคือ เก็บเกี่ยวได้เร็ว ได้มาก เป็นภาพของเกียรติสิริที่จะเกิดขึ้นกับอาณาจักรดาวิดที่รื้อฟื้นคืนมา (ผู้คนจะกลับมาแสวงหาพระเจ้า โฮเชยา 3:5)

9:14 พระเจ้าทรงให้คนของพระองค์บางส่วนกลับมา ใช่แล้ว พวกเขาจะกลับมาในแผ่นดินที่พวกเขาจากไป พวกเขาจะสร้างบ้านเรือนขึ้นมาใหม่ และพวกเขาจะไม่มีการถูกขับไล่ไปจากแผ่นดินนั้นอีก นี่เป็นการบ่งบอกว่า อิสราเอลจะได้กลับมาในแผ่นดินของเขาอีก (อิสยาห์ 11:12 พระเจ้าจะทรงรวบรวมยูดาห์ที่กระจายไปทั่วสี่มุมโลก เอเสเคียล 28:25-26 ก็กล่าวในทำนองเดียวกัน)

หมายเหตุปัจจุบัน::
พระเจ้าจะทรงนำอิสราเอลมายังแผ่นดินเดิมของเรา แม้ในวันนี้ ที่กำลังมีสงครามอิสราเอล กาซา  อิสราเอล อิหร่าน … (มิถุนายน 2025) ทั้งหมดนี้  ศัตรูมีแผนทำลายอิสราเอลให้หายไปจากแผนที่โลก เป็นความตั้งใจที่ศัตรูของพระเจ้าได้ใส่ไว้ในใจของผู้ทำลายเหล่านั้น แต่พระเจ้าจะทรงพิสูจน์ให้เห็นว่า แผนการของพระองค์เท่านั้นจะสำเร็จ
ดังนั้น หากเรากลับไปอ่านอาโมสใหม่ด้วยสายตาคนปัจจุบัน
เราจะเห็นการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณที่ศัตรูของพระเจ้าพยายามทำลายคนของพระองค์ ด้วยการชวนให้พวกเขานมัสการรูปเคารพต่าง ๆ และทำให้พวกเขาต้องถูกพระเจ้าทำลายเอง  แต่แล้ว พระเจ้าทรงพระเมตตาที่จะทำให้อิสราเอลยังคงอยู่จนถึงวันนี้ 

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 9
1* ฮาบากุก 3:13; อาโมส 2:14
2* สดุดี 139:8; เยเรมีย์ 51:53
3* เยเรมีย์ 23:24
4* เลวีนิติ 26:33;
เยเรมีย์ 21:10; 39:16; 44:11

5* มีคาห์ 1:4; อาโมส 8:8
6* สดุดี 104:3, 13; อาโมส 5:8; 4:13; 5:27
7* เยเรมีย์ 47:4; เฉลยธรรมบัญญัติ 2:23 ;อาโมส 1:5
8* อาโมส 9:4; เยเรมีย์ 5:10; 30:11
9* อิสยาห์ 65:8-16

10* อาโมส 6:3
11* กิจการ 15:16-18
12* โอบาดีย์ 19; กันดารวิถี 24:18
13* เลวีนิติ 26:5 ;โยเอล 3:18
14* เยเรมีย์ 30:3, 18; อิสยาห์ 61:4
15* เอเสเคียล 34:28; 37:25

อาโมส 8 ผลไม้ในตะกร้า

จินตภาพที่สี่ : ตะกร้าผลไม้สุก
1 พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นตะกร้าผลไม้ฤดูร้อน  
  2 ทรงถามข้าพเจ้าว่า “อาโมส เจ้าเห็นอะไร?”
“เห็นตะกร้าผลไม้ฤดูร้อนพระเจ้าข้า” 
 พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“วันเวลาสิ้นสุดของประชากรอิสราเอลของเรามาถึงแล้ว
เราจะไม่ละเว้นพวกเขาไว้อีกต่อไป
3  ในวันนั้น บทเพลงพระวิหารจะกลายเป็นเสียงร้องไห้คร่ำครวญ” พระยาห์เวห์องค์พระเจ้าทรงประกาศ
“จะมีซากศพเกลื่อนไปทั่วทุกแห่ง จะมีแต่ความเงียบ”
4  จงฟังเถิด เจ้าคนที่เหยียบย่ำคนขัดสน
และกำจัดคนที่ยากจนในแผ่นดิน 
5 พวกเจ้าถามว่า “เมื่อไรจะเวลาข้างขึ้นจะผ่านพ้นไป?
เราจะได้ขายข้าว  เมื่อไรจะจบวันสะบาโต เราจะได้ขายข้าวสาลี? เราจะโกงตาชั่งและเพิ่มราคาสินค้า และโกงด้วยตาชั่งไม่เที่ยง” 
6 “เราซื้อคนยากคนด้วยเงิน และคนยากไร้ด้วยรองเท้าคู่เดียว เราขายข้าวสาลีปนเปลือก!”
7 องค์พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณโดยอ้างองค์ผู้ทรงเป็นความภูมิใจของยาโคบว่า  เราจะไม่ลืมการกระทำของพวกเขาเลย
8 ด้วยเหตุนี้ แผ่นดินจะไม่สั่นสะเทือนและผู้คนที่อาศัยในนั้นจะไม่คร่ำครวญหรือ?  ทั้งแผ่นดินจะเอ่อล้นขึ้นมาเหมือนแม่น้ำไนล์  จะเอ่อล้นขึ้นมาแล้วก็ลดยุบลงไปเหมือนแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ 

จินตภาพที่สี่ : ตะกร้าผลไม้สุก
8:1-2 อาโมสเห็นจินตภาพอีกภาพ คือตะกร้าใส่ผลไม้สุกที่น่าจะมีความหมายถึงความยินดี แต่… ความหมายกลับพลิก พระเจ้าตรัสกับอาโมสว่า อิสราเอลสุกแล้ว กำลังจะไปสู่การเน่าเสีย … พระเจ้าทรงบอกว่า อิสราเอลสิ้นสุดแล้ว  พระองค์จะทรงลงโทษเหล่าผู้นำทั้งหลาย  คนที่กดขี่คนยากจน  คนที่พาให้คนหลงผิด  ประชาชนหลงคิดว่าการไหว้รูปเคารพเป็นการนมัสการพระเจ้าแท้จริง 
8:3 ภาพต่อไปที่เห็นคือคนร้องไห้ในวิหารแทนการร้องเพลง  และศพมากมายในถนน 
ยังจะมีคนที่ต้องเก็บศพเหล่านี้ ..​พวกเขาคิดอะไรอยู่? เราจะจบลงแบบศพเหล่านี้หรือเปล่า ผลไม้สุกจนเน่าจะถูกโยนทิ้งอย่างศพเหล่านี้  พระเจ้าทรงสั่งให้เงียบ พวกเขาต้องคิดให้ดีว่า เขาควรจะทำอย่างไรกับชีวิต
8:4-5  ในขณะที่คนยากไร้ถูกเหยียบย่ำ และจบชีวิตลงง่าย ๆ เพราะเมื่อศัตรูมาย่อมประหารชาวบ้านได้ง่ายกว่าเหล่าผู้นำที่ยังมีป้อมปราการ
แต่แทนที่พวกเขาจะกลับใจ กลับคิดว่า ในความยากเข็ญ พวกเขายังจะขายสินค้าจำเป็นได้ราคาดีขึ้น และแถมยังโกงตาชั่งได้อีกด้วย พวกเขายังใช้ตาชั่งซื้อ กับตาชั่งขายคนละตัว อยากให้เทศกาลข้างขึ้น ให้วันสะบาโตพ้น ๆ ไป  ทั้งที่พระเจ้าทรงสั่งให้คนของพระองค์มีน้ำใจยื่นมือช่วยคนยากจน (เฉลยธรรมบัญญัติ  15:7-11)
8:6 เมื่อมีเงินมากขึ้นจากการฉ้อโกง พวกเขาจะได้ร่ำรวยจนกระทั่งสามารถซื้อคนมาเป็นทาส โดยใช้แค่รองเท้าซื้อ  และคนจะยากจนมากขึ้นจะกระทั่งยอมซื้อเศษข้าวสาลีมากิน
สภาพของบ้านเมืองคือ ยิ่งโกงยิ่งรวย ยิ่งข่มเหงคนมากขึ้น
8:7-8 พระเจ้าทรงปฎิญาณโดยพระองค์เอง ต่อต้านความหยิ่งยะโสของยาโคบ  ย้อนกลับไปดู 6:8
พระองค์จะไม่ทรงลืมการกระทำทุกอย่างของอิสราเอล
ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ แผ่นดินไหว ผู้คนร่ำไห้  ดูจากภาพแล้ว เหมือนกับแผ่นดินไหวใหญ่มาก เป็นคำพูดเดียวกับใน
 อาโมส 9:5  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมีใครรอดเลย!

9 นี่เป็นคำประกาศของพระยาห์เวห์องค์พระเจ้า “และในวันนั้น เราจะทำให้ดวงอาทิตย์ตกเวลาเที่ยงวัน จะทำให้แผ่นดินมืดมิดในเวลากลางวัน
10 เราจะเปลี่ยนงานเทศกาลของเจ้าเป็นการไว้ทุกข์  และเพลงที่เจ้าร้องกลายเป็นการคร่ำครวญ เราจะทำให้ทุกคนต้องสวมเสื้อกระสอบ และโกน ผมไม่เว้นใคร  เราจะทำให้ความโศกเศร้านั้น เป็นเหมือนการร้องคร่ำครวญถึงลูกชายหัวปี ให้วันนั้นเป็นวันอันขมขื่นยิ่งนัก


11  พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้าทรงประกาศว่า “วันเหล่านั้นกำลังจะมาถึง
คือวันที่เราส่งความอดอยากมาทั่วแผ่นดิน  ไม่ใช่ความอดอยากอาหารหรือกระหายน้ำดื่ม  แต่เป็นความหิวโหยที่จะได้ฟังพระดำรัสขององค์พระยาห์เวห์
12 ประชากรจะเร่ร่อน ซมซานจากทะเลหนึ่ง ไปยังทะเลอีกแห่ง  จะพเนจรจากทางเหนือไปทางตะวันออก เพื่อแสวงหาพระดำรัสของพระเจ้า แต่พวกเขาจะไม่พบ
13 ในวันนั้น หญิงสาวที่สวยงาม และชายหนุ่มก็เช่นกัน จะเป็นลมล้มไปเพราะความกระหาย
14 เหล่าคนที่สาบานโดยอ้างรูปเคารพแห่งสะมาเรียและกล่าวว่า “โอ เมืองดาน ตราบเท่าที่เทพเจ้าของเจ้ายังมีชีวิตแน่ฉันใด” หรือ “เทพเจ้าของเบเออร์เชบามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด” คนเหล่านี้จะล้มลง และไม่มีวันที่จะลุกขึ้นมาอีกเลย

8:9-10 โลกจะมืดลงทั้ง ๆ ที่ยังมีความสว่างของวันอยู่ สวมเสื้อกระสอบคือเสื้อไว้ทุกข์ ส่วนการโกนผมก็เป็นสัญลักษณ์ของการมีความทุกข์ใจ ซึ่งโดยปกติแล้วพระเจ้าทรงห้ามเรื่องนี้เอาไว้  แต่ทำเมื่อไรก็เพราะลูกหลานต้องตกไปเป็นเชลย  (เลวีนิติ 21:5; มีคาห์ 1:16)  พวกเขาจะเจอความทุกข์แบบที่ไม่อาจแก้ไขกลับคืนมาได้ ที่กล่าวถึงลูกชายหัวปี บ่งบอกถึงว่า พวกเขาจะไม่มีใครดูแลยามชรา วันสุดท้ายของพวกเขานั้นขมจริง

พระเจ้าทรงเงียบไป
8:11 นอกจากความอดอยากอาหาร น้ำ ยังมีความอดอยากที่พวกเขาคาดไม่ถึง คือ พวกเขาต้องการฟังพระคำของพระเจ้า พระดำรัสที่เคยพวกเขาเคยปฏิเสธ อย่าลืมว่า ในสะมาเรียนั้น ไม่มีกษัตริย์ดี ๆ สักองค์เดียว ครองราชย์มา 19 รัชกาล มีแต่กษัตริย์ร้ายทั้งสิ้น และกษัตริย์เหล่านี้ก็กั้นไม่ให้มีผู้รับใช้แท้ ๆ ของพระเจ้าอยู่เลย แม้แต่เอลียาห์ก็ยังถูกตามล่า
พวกเขาอยากได้คำหนุนใจ คำแห่งพระพร คำเตือนสติ ขอฟังพระดำรัสของพระเจ้า แต่พระเจ้ากลับทรงเงียบไป!

8:12-13 ไม่ว่าผู้คนจะพยายามหาพระเจ้าที่ใด พวกเขาก็จะไม่พบ ไม่มีผู้เผยพระดำรัสแท้ของพระเจ้าที่จะกล่าวให้เขาได้ยิน หญิงสาว ชายหนุ่มต่างโหยหาพระคำ แต่ก็ไม่พบ พวกเขาไม่ได้ยิน ไม่เคยได้ยินคำฝ่ายวิญญาณที่จะทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ พวกเขาจะล้มลงไป อาจจะถึงตาย ไม่อาจมีลูกหลานสืบประเทศต่อไป
 นี่เป็นสิ่งที่เตือนเราว่า หากเราสนใจอย่างอื่นจนลืมพระเจ้าไป วันหนึ่งเหตุการณ์อย่างนี้อาจจะเกิดขึ้นกับเราก็ได้

8:14  จากเมืองดาน ไปยังเบเออร์เชบา พวกเขายังคงสาบานในนามของเทพเจ้าต่าง ๆ ที่เขานับถือ
คนที่ยังหลงใหลกับรูปปั้นเหล่านี้ จะไม่มีวันที่จะลุกขึ้นมาได้อีก นี่เป็นพระดำรัสของพระเจ้าที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา…
แต่ยังพอจะไม่ใครหลงเหลือ รอดจากหายนะครั้งนี้ไปได้บ้าง?

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 8
2* เอเสเคียล 7:2; อาโมส 7:8
3* อาโมส 5:23; 6:9-10
5* เนหะมีย์ 13:5; มีคาห์ 6:10-11; เลวีนิติ 19:35-36


6* อาโมส 2:6
7* อาโมส 6:8; โฮเชยา 7:2; 8:13
8* โฮเชยา 4:3; อาโมส 9:5
9* โยบ 5:14
10* เอเสเคียล 7:18; 27:31; เศคาริยาห์  12:10

11* เอเสเคียล 7:26
12* โฮเชยา 5:6
14* โฮเชยา 4:15;
เฉลยธรรมบัญญัติ   9:21; อาโมส 5:5