อาโมส 2 ยูดาห์ อิสราเอลก็ไม่พ้น

1พระยาห์เวห์ตรัสว่า ““เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษโมอับ เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาได้เผากระดูกของกษัตริย์เอโดมจนกลายเป็นผงปูน

2  ดังนั้น เราจะส่งไฟลงมายังโมอับ ไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมต่าง ๆ แห่งเคริโอท  โมอับจะตายไปท่ามกลางความวุ่นวาย พร้อมเสียงตะโกนและเสียงแตรเขาแพะผู้

3 เราจะกำจัดผู้พิพากษาจากแผ่นดิน จะประหารเหล่าข้าราชการไปพร้อมกับเขา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น 

1:1-2 แม้โมอับจะถูกทำลาย แต่มีคนหนึ่งที่มาจากโมอับและกลายมาเป็นย่าทวดของกษัตริย์ดาวิด นั่นคือนางรูธ
โมอับเป็นชนชาติที่สืบเชื้อสายจากโลทและลูกสาวคนรองของเขา (ปฐมกาล 19:37)
การเผากระดูกจนกลายเป็นผงปูนสำหรับพวกเขาเป็นเรื่องใหญ่ แทนที่จะนำศพไปฝังอย่างสมควร เขากลับแสดงถึงความเกลียดชังอย่างรุนแรงและการไม่มีความเคารพใด ๆ หลงเหลืออยู่    พระเจ้าจะทรงส่งไฟมาผลาญพวกเขา พวกเขาจะพินาศในสงครามนั่นเอง
คนที่พระเจ้าจะทรงลงโทษอย่างรุนแรงคือผู้นำ 
เคริโอทเป็นเมืองสำคัญของโมอับ เป็นที่ตั้งเทพโคโมสซึ่งเป็นเทพประจำชาติ

คำพิพากษาเหนือยูดาห์

4 พระยาห์เวห์ตรัสว่า ““เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษยูดาห์เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาปฏิเสธคำสอนของพระยาห์เวห์ และไม่ได้รักษาบทบัญญัติของพระองค์  คำมุสาที่บรรพบุรุษของพวกเขาติดตามนั้น ทำให้เขาหลงทางไป
 
5 ดังนั้น เราจะส่งไฟมายังยูดาห์ และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมทั้งหลายของเยรูซาเล็ม

2:4-5
ผู้คนได้ฟังคำพิพากษาของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติเพื่อนบ้านจาก อาโมส  แล้วในที่สุดพวกเขาก็ได้ยินเองว่า พระเจ้าจะทรงลงโทษที่พวกเขาทำผิดต่อพระองค์เช่นกัน  คำพิพากษาก็มาถึงยูดาห์ ชนชาติอิสราเอลทางใต้
พวกเขาทำอะไรที่ทำให้พระเจ้าพิโรธ? 
ที่สำคัญคือ เขาไม่ฟังคำบัญชา ไม่ทำตามบทบัญญัติโมเสส  แต่หลงไปตามคำโกหกของพวกผู้นำ  และผู้เผยพระดำรัสปลอม
(อิสยาห์ 3:12; 28:15; ,มีคาห์  3:5)  ผู้นำฝ่ายวิญญาณทำให้คนหลงทางไปจากพระเจ้า  ในเมื่อพวกเขาทำบาป นครเยรูซาเล็มที่พวกเขาเชิดชูจะถูกเผา ซึ่งเกิดขึ้นจริงในเวลาต่อมาเมื่อเนบูคัดเนสซาร์เข้ามาบุกและกวาดคนไปเป็นเชลย

คำพิพากษาเหนืออิสราเอล
6   พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เรายังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษอิสราเอลเพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า(สามครั้ง สี่ครั้ง) เพราะเขาได้ขายคนเที่ยงธรรมแลกกับเงิน และคนที่ขัดสนแลกกับรองเท้าเพียงคู่เดียว
 
7  เขาได้เหยียบย่ำศีรษะของคนยากจนราวกับเดินย่ำฝุ่น และขัดขวางความยุติธรรมกับคนที่ถูกข่มเหง
พ่อกับลูก เข้าหาผู้หญิงคนเดียวกัน เป็นการดูหมิ่นพระนามบริสุทธิ์ของเรา
8 พวกเขานอนลงข้างแท่นบูชาทุกแห่ง โดยยังสวมเสื้อผ้าที่ยึดมาเป็นประกัน และในวิหารเทพของเขา เขาก็ดื่มเหล้าองุ่นที่ยึดมาเป็นค่าปรับ

2:6-8 อิสราเอลกับยูดาห์แยกกันมากว่าสองร้อยปีแล้ว  และมีการรบพุ่งกันเนือง ๆ  ( 1 พงศ์กษัตริย์ 14:30; 15:7, 16-21; 2    พงศ์กษัตริย์ 14:8-14) จึงมีความรู้สึกเป็นศัตรูต่อกันทั้ง ๆ ที่เป็นชนชาติเดียวกัน พระเจ้าทรงแยกความผิดของทั้งสอง

เหตุผลที่พระเจ้าจะทรงลงโทษอิสราเอลนั้นชัดเจน อาโมสได้บรรยายความผิดของอิสราเอลอย่างชัดเจน ที่สำคัญพวกเขาทำร้ายพี่น้องของตนเอง ชนชาติของตนเอง
-พวกเขาค้ามนุษย์ ! เขาขายคนเที่ยงธรรมให้เป็นทาส คนยากจนก็เช่นกันไม่ยอมให้เวลาที่คนเหล่านั้นจะหาเงินมาไถ่ถอน
-เขาดูหมิ่นเหยียบย่ำ คนยากจน (อิสยาห์ 3:15) ราวเดินย่ำฝุ่นคือ เขาจะเอาทุกอย่างทั้งที่ดิน บ้าน ของคนยากจนที่เป็นหนี้เขา เอาแม้กระทั่งฝุ่นบนศีรษะของพวกเขา!!
-ไม่ยอมช่วยคนถูกข่มเหง
-เขาทำผิดทางเพศ เป็นการดูหมิ่นพระนามบริสุทธิ์ ทำให้ผู้คนไม่ได้มองเห็นว่าพระเจ้าทรงอยู่สูงส่ง บริสุทธิ์
-การประกันเสื้อผ้านั้น เมื่อคนเอาเงินมาคืน เขาควรจะคืนเสื้อผ้าในวันนั้น แต่กลับเอาไปสวมใส่ทำสิ่งน่าขยะแขยง แทนที่คนยากจนนั้นจะใช้คลุมตัวยามค่ำที่หนาวเหน็บ (อพยพ 22:25-27)   
-พวกเขายังดื่มเหล้าองุ่นที่ขโมยมาจากคลังซึ่งเป็นเหล้าองุ่นที่ประชาชนจ่ายเป็นภาษี เขานอนทำสิ่งน่าชังข้างแท่นบูชา ทำสิ่งน่ารังเกียจในวิหารเทพที่พระเจ้าทรงชัง
ทั้ง ๆ ที่พวกเขารู้จักพระบัญญัติของพระเจ้าแต่เขาไม่ใส่ใจที่จะรักษาเลย​

9 “เป็นเราเองที่ได้ทำลาย ชนอาโมไรต์ต่อหน้าต่อตา ขณะที่อิสราเอลบุกเข้าไปพวกเขาสูงตระหง่านดั่งต้นสนซีดาร์ และแข็งแรงราวต้นโอ๊ก  เราได้ทำลายผลซึ่งอยู่ข้างบน และรากซึ่งอยู่ด้านล่าง 
10  และเราพาพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์  นำเจ้าผ่านถิ่นกันดารตลอด 40 ปี  เพื่อเจ้าจะได้ครอบครองดินแดนของชาวอาโมไรต์ 

2:9-10 ชนอาโมไรต์เป็นคนที่อยู่ในดินแดนคานาอัน มีกษัตริย์ ที่เข้มแข็งมาก อาโมสได้บอกว่า เขาเป็นคนตัวโต ตัวใหญ่แข็งแรงมาก และพระเจ้าทรงทำลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิง พระเจ้าทรงเอาชนะเขาโดยไม่เหลือ พระเจ้าประทานดินแดนนี้ให้อิสราเอล คนของพระองค์ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นพระพรแก่ประชาชาติ
ข้อสิบนี้พระเจ้ากำลังตรัสว่า พระองค์ทรงไถ่เขาออกมาจากการเป็นทาส ทรงซื่อตรงต่อพวกเขาอย่างที่ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัม พระองค์ทรงเอาเขาออกมาจากถิ่นกันดาร คือที่ ๆ ไม่มีอะไรเลยทรงนำพวกเขาสี่สิบปี จากสถานที่ซึ่งมีแต่ความว่างเปล่า มายังดินแดนที่สมบูรณ์ ที่ ๆ มั่นคง ไม่ต้องพเนจร เร่ร่อนอีกต่อไป

11  เราได้ตั้งลูกชายของบางคนให้เป็นผู้เผยพระดำรัส และชายหนุ่มบางคนให้เป็นนาศีร์  โอ อิสราเอลเอ๋ย  นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม?”  องค์พระยาห์เวห์ทรงประกาศ 
12 “แต่เจ้ากลับบังคับให้นาศีร์ดื่มเหล้าองุ่น
และยังสั่งผู้เผยพระดำรัสว่า “อย่าเผยพระดำรัส”
13 ดูเถิด เรากำลังจะขยี้เจ้าในที่ของเจ้า
เหมือนเกวียนที่บรรทุกข้าวเต็มบดขยี้ข้าว”
14 แม้แต่คนที่ว่องไวก็จะหนีไม่ทัน
คนที่แข็งแกร่งไม่อาจสู้ได้ด้วยกำลังของตน
คนที่กล้าหาญไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้ 
15 นักแม่นธนูไม่อาจยืนหยัดได้
คนที่ขาว่องไวรวดเร็วไม่อาจรักษาตัวเองไว้ได้
และคนที่ขี่ม้าจะเอาชีวิตไม่รอด 
16 แม้นักรบที่กล้าหาญที่สุด
ยังต้องเปลือยกายหนีออกไปในวันนั้น”
พระยาห์เวห์ทรงประกาศ

 2:11-13 พระเจ้าจะทรงนำให้บางคนเป็นผู้เผยพระดำรัสของพระเจ้า และบางคนเป็นนาศีร์ ซึ่งเป็นคนที่จะไม่ตัดผม ไม่ดื่มเหล้าองุ่น จะใช้ชีวิตอุทิศแด่พระเจ้า  ไม่ยอมรับสิ่งใดที่ต่อต้านพระทัยของพระเจ้า และจะเชื่อฟังพระองค์ แต่อิสราเอลกลับไม่ยอมฟังคนเหล่านี้ ไม่ยอมฟังพระดำรัสของพระเจ้าที่ผ่านคนเหล่านี้  บังคับให้นาศีร์ทำผิดต่อพระเจ้า บังคับให้ผู้เผยพระดำรัสปิดปาก  การลงโทษที่จะลงมานั้น จะทำให้พวกเขาพังพินาศ เหมือนข้าวที่ถูกขยี้จนแหลกละเอียด 

2:14-16 ในวันที่พระเจ้าทรงพิพากษา  ไม่มีใครจะหนีพ้นไปได้ คนที่เก่งที่สุดในแต่ละด้าน  กองทัพที่แข็งแกร่งยังหนีไม่รอด แล้วคนที่เหลือจะเป็นอย่างไร 

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 2
1* เศฟันยาห์ 2:8-11; 2 พงศ์กษัตริย์ 3:26-27
2* เยเรมีย์ 48:24, 41
3* กันดารวิถี 24:17
4* โฮเชยา 12:2; เลวีนิติ 26:14; เยเรมีย์ 16:9; เอเสเคียล 20:13, 16, 18
5* โฮเชยา 8:14

6* 2 พงศ์กษัตริย์ 17:7-18; 18:2; อิสยาห์ 29:21; อาโมส 4:1; 5:11; 8:6
7* อาโมส 5:12; เอเสเคียล 22:11; เลวีนิติ 20:3
8* 1โครินธ์ 8:10; อพยพ 22:26
9* กันดารวิถี  2:25; เอเสเคียล 11:3; มาลาคี 4:1

10* อพยพ 12:51; เฉลยธรรมบัญญัติ 2:7
11* กันดารวิถี 12:6; 6:2-3
12* อิสยาห์ 30:10
13* อิสยาห์ 1:14
14* เยเรมีย์ 46:6; สดุดี 33:16

อาโมส 1 พิพากษาเมืองต่าง ๆ

1 ถ้อยคำของอาโมสผู้เป็นหนึ่งในผู้เลี้ยงแกะ
จากเมืองเทโคอา  เป็นสิ่งที่เขาเห็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับอิสราเอลสองปีก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว
ในรัชกาลอุสซียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์
และเยโรโบอัม บุตรเยโฮอาช เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล

 2 เขากล่าวว่า“องค์พระยาห์เวห์ ทรงเปล่งพระสุรเสียงดั่งสิงห์คำรามจากศิโยน ทรงเปล่งพระสุรเสียงจากเยรูซาเล็ม  ทุ่งหญ้าของคนเลี้ยงแกะทั้งหลายก็แห้งไป และยอดเขาคารเมลก็แห้งไปด้วย”

1:1. อาโมสเป็นคนเลี้ยงแกะและดูแลสวนมะเดื่อ(7:14-15)จากเมืองโทโคอาซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศ อยู่ทางใต้ของเยรูซาเล็มไป 16 กิโลเมตร แต่พระเจ้าทรงส่งเขาไปทางเหนือเพื่อเตือนให้ผู้นำอิสราเอล และประชาชนกลับใจใหม่   จากที่เขาบอกว่า เขากล่าวพระดำรัสของพระเจ้าสองปีก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว

เขาเป็นคนในรัชกาลอุสซียาห์ (792-740 ปีก่อนคริสตศักราช) ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ปกครองดี และนำความเจริญมาให้ยูดาห์ทางใต้เป็นอย่างมาก ส่วนกษัตริย์ที่ปกครองทางเหนือนั้นคือเยโรโบอัม (793-753 ปีก่อนคริสตศักราช) เป็นกษัตริย์ที่ส่งเสริมการไหว้รูปเคารพในหมู่ผู้นำและประชาชน  ในรัชกาลนี้ มีความมั่งคั่งมาก สะมาเรียเป็นเมืองหลวง  แต่ถึงอย่างนั้นชาวนาก็ยากจน และยากลำบากมาก  คนชั้นสูง ผู้นำต่างให้ยืมเงิน เมื่อพวกเขาไม่มีจะคืน ก็จับคนยากจนเหล่านี้มาเป็นทาส ยึดที่ดินของพวกเขาไปด้วย 

อาโมสเป็นผู้เผยพระดำรัสรุ่นเดียวกับ โฮเชยา อิสยาห์ มีคาห์ 

1:2 เมื่อพระเจ้าตรัส พระองค์ไม่ได้ตรัสเบา ๆ เตือนเล็กน้อย แต่พระองค์ทรงตรัสด้วยพระพิโรธ  ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงของพระองค์จะเป็น เหมือนอย่างทุ่งหญ้า และต้นไม้เขียวขจีบนภูเขา คือจะเหี่ยวแห้งไป

คำพิพากษามายังเพื่อนบ้านของอิสราเอล  1:3-2:16
3 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษดามัสกัส เพราะเขาได้เหยียบย่ำกิเลอาดด้วยเลื่อนคราดเหล็กสามครั้ง สี่ครั้งแล้ว 
4 ดังนั้น เราจะส่งไฟมาเผาผลาญราชวังของฮาซาเอล  และจะเผาไหม้ป้อมทั้งหลายของเบนฮาดัด 
5  เราจะทำลายประตูเมืองดามัสกัส
และกำจัดผู้ปกครองซึ่งอยู่ในหุบเขาอาเวน
รวมทั้งผู้ที่ถือคทาในเบทเอเดน 
ประชาชนในอารัมจะถูกกวาดไปเป็นเชลยที่เมืองคีร์”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น 

1:3-5 เมืองแรกที่พระเจ้ากล่าวถึงคือดามัสกัสซึ่งอยู่ในซีเรีย พวกเขาเข้ามาบุกเมืองกิเลอาดทางตะวันออกของทะเลกาลิลี  พวกเขาใช้วิธีการใช้เลื่อนเหล็กเข้ามา ซึ่งมีความหมายว่า ถอนรากถอนโคนกิเลอาดเลย  
ฮาซาเอล และเบนฮาดัดนั้นเป็นชื่อของกษัตริย์เมืองดามัสกัส 
คำว่าทำผิดสามครั้ง สี่ครั้ง คือเป็นการทำผิดต่อพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงต้องรับโทษ

หุบเขาอาเวน คือหุบเขาแห่งความชั่วร้าย
เบทเอเดน คือบ้านแห่งความหรรษา อาโมสพูดสองแห่งนี้ให้คล้องจองกัน
ประชาชนในอารัม คือในซีเรีย
เมืองที่ทิกลัท ปีเลเสอร์ ที่ 3กษัตริย์อัสซีเรียได้จับคนชาวซีเรีย (หรืออารัม)ส่งไปเป็นเชลยคือเมืองคีร์ (ไม่ทราบแน่ว่าอยู่ที่ใด แค่ว่าเป็นเมืองในซีเรีย ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 16:7-9)

6 พระยาห์เวห์ตรัสว่า
“เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษกาซา เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า(สามครั้ง สี่ครั้งแล้ว  ) เพราะพวกเขากวาดต้อนคนทั้งชุมชนออกไปมอบให้แก่เอโดม  
7 ดังนั้นเราจะส่งไฟลงมาเผากำแพงเมืองกาซา และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมทั้งหลายของเมือง

8 เราจะกำจัดผู้ปกครองของอัชโดด
และคนที่ถือคทาจากอัชเคโลน
เราจะหันมือของเรามาสู้กับเอโครน
และคนที่เหลือของฟีลิสเตียจะพินาศไป”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น   


1:6-7  เมืองกาซา เป็นเมืองหนึ่งของชาวฟีลิสเตีย (อัชโดด อัชเคโลน และเอโครน)ไปกวาดต้อนคนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ส่งต่อให้เอโดม เอาไปเป็นทาส   พระเจ้าจะทรงเผาเมืองกาซาและปัอมแข็งแรงทั้งหมดของเขา 

1:8 เมืองอัชโดด อัชเคโลน และเอโครน เป็นเมืองของพวกฟีลิสเตียเช่นเดียวกัน  พระเจ้าจะไม่ให้มีคนเหลืออยู่ 


9 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ “เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษไทระ เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า (สามครั้ง สี่ครั้งแล้ว  ) เพราะเขาได้มอบคนทั้งชุมชนซึ่งเป็นเชลยให้กับเอโดม โดยไม่คำนึงถึงสัญญาไมตรีอย่างพี่น้องที่มีต่อกัน
 
10  ดังนั้น เราจะส่งไฟลงมาเผากำแพงเมืองไทระ  และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมเมืองทั้งหลาย”

1:9-10 ไทระซึ่งอยู่ทางเหนือ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นของชาวฟีนิเชีย เคยทำสัญญาพี่น้องกับอิสราเอลเพื่อทำการค้าร่วมกัน  แต่แล้ว พวกเขาก็ได้ขายคนอิสราเอลเหล่านี้ไปเป็นทาสยังเอโดม  พวกเขายังปล้นสะดมเมืองต่าง ๆ โดยไม่สนใจว่าตนเองได้ทำสัญญาไว้แล้ว 

11 พระยาห์เวห์ตรัสว่า ““เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษเอโดม เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า (สามครั้ง สี่ครั้งแล้ว)
เพราะเขาได้ไล่ล่าพี่น้องของเขาด้วยดาบ ไม่มีความเมตตาในใจของเขา  ใจของเขามีแต่ความโกรธพลุ่งพล่านไม่หยุดหย่อน และเขาเก็บโทสะไว้อย่างไม่จบสิ้น
12 ดังนั้นเราจะส่งไฟลงมาเผาเทมาน และจะเผาผลาญป้อมแห่งโบสราห์”

1:11-12 เราจะรู้จักเอโดมได้ดีขึ้น โดยไปอ่านจากโอบาดีย์ว่าพวกเขาเป็นคนอย่างไร ในข้อนี้ พระเจ้าจะทรงลงโทษเขาเพราะพวกเขาไม่เมตตาใคร มีแต่ความโกรธ โหดเหี้ยมต่อผู้อื่น  พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะเผาเทมาน และจะเผาผลาญป้อมแห่งโบสราห์ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของเอโดม”
เราจำเทมานได้ไหม เขาเป็นหลานของเอซาว (ปฐมกาล 36:11) เมืองเทมานตั้งชื่อตามเขาคนนี้ ส่วนเมืองโบสราห์อยู่ทางเหนือขึ้นไป
เอโดมเป็นเหมือนพี่น้องกับอิสราเอลเพราะเขาเป็นลูกหลานของเอซาว ส่วนอิสราเอลและยูดาห์เป็นลูกหลานของยาโคบ 

13 องค์พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะไม่เปลี่ยนใจการลงโทษอัมโมนเพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาได้ผ่าท้องพวกผู้หญิงที่หญิงมีครรภ์ในกิเลอาด เพื่อขยายเขตแดนของตน 

14  ดังนั้นเราจะส่งไฟมายังกำแพงเมืองรับบาห์ และมันจะเผาผลาญป้อมต่าง ๆ ของเมือง
จะมีเสียงร้องตะโกนในวันสงคราม และจะมีลมพัดอย่างรุนแรงในวันที่มีพายุจัด

15  เหล่ากษัตริย์และเจ้าชายทั้งหลายจะตกไปเป็นเชลยพร้อม ๆ กัน”  พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น 

1:13-15  อัมโมนซึ่งอยู่ทางตะวันออกก็ไม่ได้พ้นจากการพิพากษาลงโทษของพระเจ้า พวกเขาทำสิ่งที่ร้ายกาจในสงคราม เขาไม่ให้เด็กมีโอกาสเกิด  ผ่าท้องหญิงมีครรภ์อย่างโหดเหี้ยม  พวกเขาทำเพื่อจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อิสราเอล
พระเจ้าจะทรงส่งไฟมาเผาพวกเขา  และวันนั้นจะมีลมกระพือขึ้นเพื่อส่งให้ไฟแรงขึ้น โดยที่พวกผู้นำจะกลายเป็นเชลยไปพร้อมกัน
รับบาห์เป็นเมืองหลวงของอัมโมน 

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 1
1* 2 พงศ์กษัตริย์ 3:4; อาโมส 7:14; 2 ซามูเอล 14:2; 2 พงศาวดาร 26:1-23; อาโมส 7:10; เศคาริยาห์ 14:5
2* โยเอล 3:16; 1 ซามูเอล 25:2
3* อิสยาห์ 8:4; 17:1-3; 2 พงศ์กษัตริย์ 10:32-33

4* เยเรมีย์ 49:27; 51:30; 2 พงศ์กษัตริย์ 6:24
5* เยเรมีย์ 51:30
6* เยเรมีย์ 47: 1,5
7* เยเรมีย์ 47:1
8* เศฟันยาห์ 2:4; สดุดี 81:14; เอเสเคียล 25:16

9* อิสยาห์ 23:1-18
11* อิสยาห์ 21:11; โอบาดีย์ 10-12
12* โอบาดีย์ 9_10
13* เอเสเคียล 25:2
14* เฉลยธรรมบัญญัติ 3:11; อาโมส 2:2
15* เยเรมีย์ 49:3




บรรณานุกรม ของอาโมส
HCSB Study Bible: God’s word for life; Nashville , Tennessee
The ESV Macarthur Study Bible, Crossway, Wheaton, Illinois, 2010
Net Bible.org
The Nelson Study Bible

โฮเชยา 14 กลับใจเสียเถอะ!

เขาจะผลิดอกราวดอกพลับพลึง และหยั่งรากลงเหมือนต้นซีดาร์แห่งเลบานอน

เรียกให้กลับใจจริงจัง
1 โอ อิสราเอล
จงกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเถิด
เพราะเจ้าสะดุดเนื่องจากความบาปชั่วของเจ้า!
2 จงนำคำแห่งการกลับใจ
กลับมาหาพระยาห์เวห์ ทูลพระองค์ว่า
“ขอพระองค์ทรงอภัยบาปทั้งสิ้นของเรา
และขอทรงเมตตารับพวกเรา
เพื่อว่า เราทั้งหลายจะถวายคำสรรเสริญ
จากปากของพวกเราตอบแทนพระคุณ
พระองค์แทนสัตวบูชา”
3 อัสซีเรียไม่อาจช่วยเราได้
เราจะไม่พึ่งม้าศึก เราจะไม่กล่าวกับ
สิ่งที่เราทำขึ้นจากมือของเราว่า
“พระเจ้าของเรา!”อีกต่อไป 
เพราะว่า ลูกกำพร้าพ่อ
จะได้รับความเมตตาสงสารจากพระองค์”


เรียกให้กลับใจจริงจัง
คำขอให้กลับใจ ได้รับการตอบกลับอย่างไร?
จากข้อก่อนในบทที่ 13 เราจะเห็นผลของการดื้อดึงต่อพระเจ้า ผลของการที่ไม่กลับใจ หากคน ๆ หนึ่งรักครอบครัวของเขา เขาน่าจะคิดกลับใจ
14:1 คำขอร้องก่อนจะจบ: โฮเชยาขอให้คนอิสราเอลทางเหนือกลับมาหาพระเจ้า  ที่พวกเขาไปต่อไม่ได้ เพราะพวกเขาทำผิดต่อพระเจ้า

14:2 ตอนนั้นพวกเขาไม่มีพระวิหาร ดังนั้น พระเจ้าทรงให้เขานำคำไปด้วย คำแห่งการกลับใจ พวกเขาจะขอพระเจ้าทรงอภัย พวกเขาจะรับรู้ความชั่วช้าของตนเอง   จะมีการระลึกถึงพระคุณของพระเจ้า และแสดงความกตัญญูด้วยการถวายคำสรรเสริญออกมาจากปาก ซึ่งมีความหมาย และความจริงใจยิ่งกว่า สัตวบูชาเสียอีก

14:3 โฮเชยาเชื่อว่า อิสราเอลจะได้รับความเมตตาจากพระเจ้าอีกครั้ง  เมื่อพวกเขาไม่เชื่อในอัสซีเรียหรือในรูปเคารพ เมื่อเขาหันมาหาพระเจ้าอย่างไม่อาลัยในรูปปั้นอีกต่อไป คำว่า “ลูกกำพร้าพ่อ” คืออิสราเอลนั่นเอง


พระสัญญาแห่งพระพร
4 “เราจะรักษาอาการไร้ความเชื่อของพวกเขา
เราจะรักพวกเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะความโกรธของเราได้หันไปจากพวกเขาแล้ว
5 เราจะเป็นดั่งน้ำค้างให้แก่อิสราเอล เขาจะผลิดอกราวดอกพลับพลึง และหยั่งรากลงเหมือนต้นซีดาร์แห่งเลบานอน

พระสัญญาแห่งพระพร
14:4 การไร้ความเชื่อ (การหลงไปจากทางของพระเจ้า) เป็นอาการที่เหมือนกับบาปเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่งที่ต้องการผู้ช่วยบำบัดรักษา  และมีผู้เดียวที่ทำให้ได้คือพระเจ้า  พระเจ้าที่ทรงหยุดโกรธ ถ้าพระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าที่ทรงอดทนนาน อิสราเอลก็คงไม่เหลือมาถึงทุกวันนี้แล้ว
เยเรมีย์ 3:22 บุตรที่กลับสัตย์จงกลับมา เราจะรักษาความอสัตย์ของเจ้าให้หาย 
โฮเชยา 6:1 
เราจำเป็นต้องกลับมาหาพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะทรงทำสิ่งดีอย่างนี้ให้เรา 

14:5 พระเจ้าจะทรงเป็นน้ำค้างคือที่มาของการเติบโตของพืช  พระเจ้าจะทรงช่วยให้เขาหยั่งรากลงไป 
สดุดี 104:16 ต้นไม้ของพระเจ้าที่ทรงปลูกไว้ได้อิ่ม..สนซีดาร์แห่งเลบานอน

เขาจะเป็นพระพร 
6 กิ่งก้านใหม่ของเขาจะแผ่ออกไป
เขาจะงดงามราวต้นมะกอก
จะส่งกลิ่นหอมเหมือนป่าแห่งเลบานอน 
7 ผู้คนจะกลับมาและอาศัยในร่มเงาของเขา
พวกเขาจะปลูกข้าวอีก
และจะผลิบานราวกับเถาองุ่น
จะมีชื่อเสียงลือเลื่องราวกับเหล้าองุ่นแห่งเลบานอน 

เขาจะเป็นพระพร 
14:6-7 เมื่อกล่าวถึงมะกอก ก็เท่ากับกล่าวถึงความอุดมสมบูรณ์ที่จะเกิดขึ้น  ต้นมะกอก จะมีอายุนานเป็นพันปีได้เลย  สดุดี 58:6 ข้าเป็นเหมือนมะกอกเขียวสดในพระนิเวศของพระเจ้า  พระเจ้าไม่ได้ให้สิ่งที่งดงามชั่วเวลาสั้น ๆ แต่เป็นเวลานานชั่วชีวิต ความงดงามไม่พอ พระเจ้ายังให้ส่งกลิ่นหอมอีกด้วย
การกลับใจทำให้เราเชื่อฟังพระเจ้า … และพระเจ้าประทานสิ่งที่งดงามให้ชีวิตของเรา และจะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ 

8 โอ เอฟราอิม เราจะต้องทำอะไรกับรูปเคารพอีกเล่า?
เราเป็นผู้ที่ตอบเขาและเฝ้าดูแลเขา
 เราเป็นเหมือนต้นสนที่เขียวขจี
เจ้าจะมีผลดกก็เพราะเรา
 

คำหนุนใจ
9 ใครที่มีปัญญา ก็ให้เขาเข้าใจสิ่งเหล่านี้
ใครที่มีวิจารณญาณ? ผู้นั้นจะตระหนักสิ่งเหล่านี้ 
เพราะทางของพระเจ้าถูกต้อง 
และคนเที่ยงธรรมจะเดินในทางนั้น
แต่คนที่กบฎดื้อดึงกลับสะดุดในทางนั้น

14:8 อิสยาห์ 30:22 เจ้าจะทำลายรูปเคารพ บอกให้มันไปให้พ้น
โฮเชยา 2:8 เราคือผู้ที่ให้เมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันแก่เธอเอง

จะไปยุ่งอะไรกับรูปเคารพ… เพื่ออะไรกัน
เพราะว่า พระเจ้าเท่านั้น ทรงตอบความต้องการของพวกเขา ทรงดูแลเขา พวกเขาคิดว่า ผลมาจากตัวเอง แต่เราต้องรู้ว่า เราจะผลดกได้เพราะพระเจ้า

คำหนุนใจ
14:9 เท่าที่เราอ่านโฮเชยามา จะเห็นว่า พระเจ้าทรงใช้ภาษาเปรียบเทียบ เรื่องราวเปรียบเทียบ อย่างเช่นการแต่งงาน ชื่อของลูก ๆ โฮเชยาที่มีความหมายเล็งถึงอิสราเอล ผู้อ่านจึงต้องมีสติปัญญาเพื่อที่จะเข้าใจความหมาย และเป้าหมายของพระเจ้าผ่านโฮเชยา
คนที่มาอ่านหนังสือนี้ในรุ่นอย่างเรา ๆ ไม่ได้เห็นเรื่องจริงด้วยตา แต่รับรู้จากการบันทึก จึงต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าที่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างถ่องแท้ และต้องรู้ด้วยว่า ข้อใด ตรงไหน เป็นคำเพื่อจะเกิดผลใน ชีวิตของเราเอง

การจบหนังสือโฮเชยานี้แตกต่างจากเล่มอื่น ๆ เพราะเป็นการขอให้คนมีปัญญาได้สังเกตและเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และผลที่พระเจ้าทรงพระประสงค์
คนมีปัญญาแตกต่างจากคนที่ขาดความหยั่งรู้  ใน 4:14 เมื่อมีปัญญาจะเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าตรัส แต่ขาดปัญญาก็จะพบหายนะทั้งหมดที่ผ่านมาพระเจ้าตรัสกับอิสราเอลทุกคน แต่เวลานี้พระองค์ตรัสให้แต่ละคนที่มีปัญญาได้ตอบสนองอย่างถูกต้อง  คนที่ฟังพระเจ้าจะรอด เพราะเขาได้ฉวยพระคุณ ของพระเจ้าไว้
ดาเนียล 12:10 คนอธรรมไม่เข้าใจแต่คนฉลาดจะเข้าใจ
( คนที่มองในโลก และมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า และเราจะเข้าใจว่า ขั้นแรกของการที่จะไม่หายนะ ก็คือ ต้องมีการกลับใจเกิดขึ้นเท่านั้น)
คนเที่ยงธรรมเดินในทางของพระเจ้า .. ถูกต้อง และ มองขึ้นเป็นด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า เขามองเห็นภาพที่แตกต่างออกไป เข้าใจไม่เหมือนอย่างเดิมอีกต่อไป คนที่ เข้าใจสิ่งที่พระเจ้าตรัส  จะตัดสินอะไรอย่างถูกต้อง แต่คนที่ดื้อ สะดุดเป็นประจำจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต  

พระคำเชื่อมโยง

1* โยเอล 2:13
2*  ฮีบรู 13:15
3* โฮเชยา 7:11; 10:13; 12:1 สดุดี 33:17; 10:14; 68:5
4* เยเรมีย์ 14:7; เอเฟซัส 1:6

5* สุภาษิต 19:2
6* สดุดี 52:8; 128:3; ปฐมกาล 27:27
7* ดาเนียล 4:12
8* ยอห์น 15:4
9* สุภาษิต 10:29

บรรณานุกรม สำหรับหนังสือโฮเชยา
Constable’s Note ใน Netbible.org
Enduringword.com
Netbible.org
Smith, Gary V. and Hill, Andrew E., ‘Commentary on the Minor Prophets’,
Baker Publishing group, Grand Rapids, 2012.

โฮเชยา 13 พระพิโรธ!

อิสราเอลหลงใหลเทวรูปอย่างมาก
1 เมื่อเอฟราอิมพูดขึ้นมา ผู้คนก็ตัวสั่นเทา
เขาเป็นที่ยกย่องในอิสราเอล
แต่เขามีความผิดเพราะกราบไหว้บาอัล
แล้วเขาก็สิ้นชีวิต
2  บัดนี้ พวกเขายังทำบาปต่อเนื่อง
และสร้างเทวรูปหล่ออย่างชำนาญจากแร่เงิน
เป็นผลงานของช่างฝีมือ 
ผู้คนกล่าวถึงพวกเขาว่า
“พวกเขาถวายมนุษย์เป็นเครื่องบูชา
แล้วยังจูบเทวรูปลูกวัวด้วย”
3 ดังนั้น พวกเขาจะเป็นเหมือนหมอกยามเช้า 
เป็นเหมือนน้ำค้างยามเช้าที่ระเหยไป
เหมือนกับแกลบที่ปลิวจากลานนวดข้าว 
หรือเหมือนควันที่ลอยออกมาจากหน้าต่าง 

อิสราเอลหลงใหลเทวรูปอย่างมาก
13:1 เมื่อก่อนอิสราเอลเป็นที่นับถือ ใครก็ยกย่อง ทั้งเหนือและใต้มองว่าพวกเขาเป็นผู้นำชาติ ยาโคบเองเคยพยากรณ์ว่า เอฟราอิมจะเป็นผู้นำ (ปฐมกาล 48:13-20) กษัตริย์องค์แรกก็มาจากเผ่าเอฟราอิม  แต่พวกเขากลับตัดสินใจและนำประชาชนไปกราบไหว้สิ่งที่มือของเขาทำขึ้นมา เขาจึงตายฝ่ายวิญญาณ และตายทั้งชาติ แต่พวกเขากลับไปกราบไหว้สิ่งที่มือของเขาทำขึ้นมา เขาจึงตายฝ่ายวิญญาณ และตายทั้งชาติ

13:2 นอกจากสร้างรูปปั้นขึ้นมา ยังเอาลูกหลานไปบูชายัญอีก  แสดงความภักดี นบนอบต่อลูกวัวที่ตนทำขึ้นมา มีความพยายามที่จะใช้ช่างฝีมือที่มีฝีมือดีมาก ๆ มาทำรูปเคารพเหล่านี้

13:3พระเจ้าทรงเปรียบเทียบเขาเป็นทั้งหมอก น้ำค้าง แกลบและควันที่หายไปอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่า การไหว้รูปวัวเป็นปัญหาของอิสราเอลตลอดมาตั้งแต่ที่อาโรนยอมให้ประชาชนนำสร้างรูปนี้ขึ้นมา (อ่านอพยพ 32)
เมื่อเขานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ ความจริง เขาจะได้รับพระพรและความโปรดปรานจากพระเจ้า แต่เมื่อเขาไล่ตามเทวรูปเหล่านี้ สิ่งที่กลับมาคือหายนะของชีวิต!

ไม่มีใครช่วยได้นอกจากพระยาห์เวห์
4 “เราเป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
ผู้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์ 
เจ้าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
และไม่มีผู้ช่วยให้รอดอื่นใดนอกจากเรา 
5 เรารู้จักเจ้าในถิ่นกันดาร
ในแผ่นดินที่แห้งผาก

6 เมื่อพวกเขาได้รับการเลี้ยงในทุ่ง
พวกเขาก็อิ่มหนำ  พวกเขาพอใจอิ่มเต็มที่
แล้วใจของพวกเขาก็หยิ่งผยอง และลืมเราไป

7 ดังนั้นเราจะจู่โจมหาเขาเหมือนสิงโต
เราจะซุ่มข้างทางเหมือนเสือดาว
8 เราจะกระโจนใส่พวกเขา
เหมือนกับแม่หมีที่ถูกขโมยลูกไป 
และจะฉีกอกพวกเขา
เราจะขย้ำกินพวกเขาเหมือนอย่างแม่สิงโต
เหมือนสัตว์ป่าที่จะฉีกพวกเขาเป็นชิ้น

9 โอ อิสราเอล เราจะทำลายเจ้า
 ไม่มีใครจะช่วยเจ้าได้นอกจากเรา

ไม่มีใครช่วยได้นอกจากพระยาห์เวห์
13:4 พระเจ้าทรงประกาศพระองค์เองให้รู้ว่าพระองค์คือผู้ใด ทรงทำอะไร ไม่มีพระเจ้าอื่น การที่พระองค์ตรัสถึงครั้งที่พวกเขาอพยพออกมาจากอียิปต์นั้น เพื่อให้เขาระลึกว่า พวกเขาเคยเป็นทาสแรงงานที่เหน็ดเหนื่อย ถูกกดขี่ ทำร้าย เฆี่ยนตี แล้วพระองค์ทรงช่วยเขามา

13:5 ในถิ่นกันดาร พระองค์ทรงอยู่กับพวกเขา ตอนที่เขาเดินทางวนเวียนในถิ่นกันดารพระเจ้าทรงอยู่กับเขาแบบเห็นกับตา ในรูปแบบของเสาเมฆและเสาไฟ

13:6 แต่พอพวกเขาได้ดี สบาย เขาก็ลืมพระเจ้าง่าย ๆ 
โฮเชยาว่า พวกเขาหยิ่งผยองพองตนขึ้นมา …​แล้วทำให้ความเชื่อพลิก!
พวกเขาหันไปกราบไหว้รูปปั้นต่าง ๆ (โฮเชยา 10:1-2) แทนที่จะนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ที่ทรงเลี้ยงดู ปกป้องให้พ้นอันตราย พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าเดียวในเอกภพนี้ อาการหยิ่งผยองคือคิดว่า ตนเองตัดสินใจเองได้ สามารถช่วยตัวเองได้ และลืมพระเจ้า

13:7 พระเจ้าจึงทรงสั่งสอนเขา และทรงปฏิบัติต่อเขาอย่างรุนแรง ทรงเปรียบเทียบกับ สิงโต เสือดาว แม่หมีที่ลูกถูกลักไป แม่สิงโต สัตว์ป่า!! (ฉธบ 32:24 เมื่อทำผิด เมื่อทอดทิ้งพระเจ้า  ก็จะทรงส่งสัตว์ร้ายมา, เอเสเคียล 14:21 สัตว์ร้ายเป็นส่วนหนึ่งที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อพิพากษา)

13:9 ที่เห็นศัตรูเข้ามาบุกนั้น พระเจ้าทรงส่งมาทั้งสิ้น และไม่มีใครช่วยได้นอกจากพระองค์เอง 

การลงโทษที่กำลังมา
10   ไหนล่ะ กษัตริย์ของเจ้า
ที่เขาจะมาช่วยเจ้าในเมืองต่าง ๆ ของเจ้า 
ไหนล่ะ เจ้านายของเจ้าที่เจ้าพูดถึงว่า
“ให้เรามีกษัตริย์ และเจ้านายด้วยเถิด”?
11 ด้วยความโกรธ เรามอบกษัตริย์ให้เจ้า
และเอากษัตริย์ออกไปเพราะเรากริ้วนัก 
12 ความผิดของอิสราเอลเป็นบาปที่พอกพูน
และบาปนั้นก็ถูกบันทึกไว้
13 เขาเจ็บปวดเหมือนหญิงใกล้คลอด
แต่เขาไม่ได้เป็นลูกชายที่มีปัญญา
เมื่อถึงเวลาคลอด
เขาก็ไม่ยอมคลอดออกมา!

การลงโทษที่กำลังมา
13:10จะไปหากษัตริย์ที่ไหนมาช่วย จะไปหาคนที่ช่วยได้ ไม่มีเลย!  อิสราเอลต้องการมีกษัตริย์เหมือนกับเพื่อนบ้าน และขอจากพระเจ้าด้วย (1 ซามูเอล 4-9)

13:11 พระเจ้าประทานกษัตริย์ซาอูลให้ แต่แล้วพระองค์ทรงถอนเขาออก เพราะเขาล่วงละเมิด คิดว่าตัวใหญ่ ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ

13:12 พวกเขาเก็บบาปสะสมเอาไว้ ไม่มีการกลับใจ พอกพูนราวกับรายงานที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ  เป็นบาปที่ส่งผลให้เกิดการพิพากษา (ฉธบ.32:34 เรื่องนี้มิได้สะสมไว้กับเราดอกหรือ? โยบ14:17 การทรยศที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในถุงผนึกตรา)

13:13 เด็กที่ไม่ยอมเกิดก็คือตายนั่นเอง

ความผิดที่ต้องแบกเอง
14  เราควรจะไถ่เขาจากความตายไหม?
ความตายเอ๋ย เงี่ยงของเจ้าอยู่ที่ไหน
แดนตายเอ๋ย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?
ความเมตตาจะถูกซ่อนไปจากสายตาของเรา 

15 แม้ว่าเขาจะรุ่งเรืองท่ามกลางพี่น้องของเขา 
จะมีลมตะวันออกพัดมา
เป็นลมมาจากพระยาห์เวห์ที่ก่อตัวขึ้นจากทะเลทราย
แหล่งน้ำของเขาจะแห้งไป
และบ่อน้ำพุก็จะเหือดแห้งไป
คลังสมบัติมีค่าของเขาจะถูกปล้นจนไม่เหลืออะไร
 16 สะมาเรียจะต้องแบกความผิดของตนเอง
เพราะพวกเธอได้กบฏต่อพระเจ้า 
พวกเธอจะล้มลงด้วยดาบ
ลูกเล็กจะถูกฟาดฟันเป็นชิ้น ๆ
และพวกผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะถูกผ่าเปิดท้อง!

ความผิดที่ต้องแบกเอง
13:14 แต่.. พระเจ้าจะทรงไถ่อิสราเอลจากอำนาจของแดนตาย   ความตายคือโทษของบาป แต่พระเยซูคริสต์มาเพื่อทำลายความตายนั้นด้วยการสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ของพระองค์ (ฮีบรู 2:14-15; 1 โครินธ์ 15:55-57; ยอห์น 11:25-26)  แต่ถ้าเขาไม่ยอมกลับใจ เขาจะถูกซ่อนจากสายพระเนตรพระเจ้า 

13:15 ลมตะวันออกนี้คืออัสซีเรียหรือเปล่าเป็นศัตรูที่โหดร้ายมาก แต่อัสซีเรียไม่ได้มาด้วยตัวเอง พวกเขาถูกพระเจ้าใช้มา เพื่อสอนคนของพระองค์


13:16 อิสราเอลทางเหนือจะเจอกับสงครามที่ลูกเล็ก ๆ ก็จะถูกฆ่าตาย เด็กในท้องก็ถูกผ่าออกมา (2 พงศ์กษัตริย์ 17:5 อัสซีเรียเข้ามาล้อมสามปี อาโมส 1:13 อัมโมนบุกเข้ามา ผ่าท้องหญิงมีครรภ์ )

หากไม่มีการกลับใจ .. สิ่งที่จะเกิดขึ้นน่ากลัวเหลือเกิน 

พระคำเชื่อมโยง

1* โฮเชยา 11:2
2* อิสยาห์ 46:6
3* ดาเนียล 2:35
4* อิสยาห์ 43:11; 45:21-22
5* เฉลยธรรมบัญญัติ 2:7; 32:10; 8:15
6* เฉลยธรรมบัญญัติ 8:12, 14; 32:13-15


7* เพลงคร่ำครวญ 3:10; เยเรมีย์ 5:6
8*  2 ซามูเอล 17:18
9* เยเรมีย์ 2:17
10* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:38;
1 ซามูเอล 8:5-6
11* 1 ซามูเอล 8:7;10:17-24

12* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:34-35
13* อิสยาห์ 13:8
14* 1โครินธ์ 15:54-55 ; เยเรมีย์ 15:6
15* เยเรมีย์ 4:11-12
16* 2 พงศ์กษัตริย์ 18:12; 15:16