มีคาห์ 2 ลงโทษและรวบรวมคืนมา

พอถึงเวลาเช้าพวกเขาก็ดำเนินการตามแผนนั้น

ทรงพิพากษาคนที่กดขี่ประชาชน

1 วิบัติเกิดแก่คนที่วางแผนชั่วร้าย
และเตรียมแผนชั่วดังกล่าว
ในขณะที่นอนอยู่บนเตียง!
พอถึงเวลาเช้าพวกเขาก็ดำเนินการตามแผนนั้น
เพราะเขามีอำนาจในมือที่จะทำตามนั้นได้
2 พวกเขาโลภที่นา และยึด ไป
พวกเขายึดบ้าน
และทำให้คนที่มีบ้านเป็นมรดก สูญเสียบ้านของตน  
3 ดังนั้น พระยาห์เวห์ตรัสว่า
“เรากำลังวางแผนนำวิบัติมายังชนชาตินี้
เจ้าไม่อาจหนีรอดไปได้ 
เจ้าจะไม่เดินอย่างหยิ่งยะโสอีกต่อไป
เพราะมันจะเป็นเวลาแห่งความพินาศย่อยยับ
 4  ในวันนั้น จะมีคนใช้คำคมมาเยาะพวกเจ้า
และร้องเพลงคร่ำครวญล้อเลียนเจ้ากันว่า 
“พวกเราพินาศย่อยยับ
พระยาห์เวห์ทรงแยกแผ่นดินส่วนแบ่งของชนชาติเราไป
ทรงริบเอาไปจากเราได้อย่างไรกัน?
ทรงแบ่งที่นาของพวกเราไปให้กับศัตรูของเรา”
 5 ดังนั้น จะไม่มีใครสักคนในชุมชนของพระยาห์เวห์
วัดเขตแบ่งที่ดินด้วยการจับฉลาก 

ขอร้องมีคาห์ไม่ให้เผยพระดำรัส 
6 พวกเขากล่าวว่า ‘จงหยุดเผยพระดำรัส
ไม่ควรมีใครเผยเรื่องเหล่านี้ 
ความอัปยศนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเรา’ 
7 วงศ์วานยาโคบเอ๋ย พวกเจ้าพูดกันอย่างนี้หรือว่า 
“พระเจ้าทรงอดทนอย่างไม่สิ้นสุด
พระองค์จะไม่ทรงทำอย่างนั้น?”
สิ่งที่แน่คือ บัญญัติของเรานำรางวัลมาให้คนที่เชื่อฟัง


8 ไม่นานมานี้ พวกเจ้าได้ลุกขึ้น
ราวกับเป็นศัตรูต่อต้านประชากรของเรา
พวกเจ้าได้กระชาก ริบเสื้อคลุม
จากคนที่เดินมาอย่างไม่ได้ระวัง
เหมือนคนที่กลับมาจากสงคราม
9 พวกเจ้าขับไล่พวกหญิงม่ายจากประชากรของเรา
ให้ออกจากบ้านที่เป็นสุขของพวกเธอ
และพวกเจ้าริบเอาพระพร
ไปจากลูกหลานของพวกเธอตลอดไป
10 แต่พวกเจ้าเป็นคนที่ต้องลุกขึ้น
และถูกไล่ออกไปให้พ้น เพราะแผ่นดินนี้ไม่ปลอดภัย
เพราะมันด่างพร้อย เจ้าจะถูกทำลายจนสิ้นซาก
11 หากคน ๆ หนึ่ง กล่าวคำโกหกขึ้นมาว่า
“ข้าสัญญาว่าเจ้าจะรับพระพรเป็นทั้ง เหล้าองุ่นและสุรา”
เขาก็จะเป็น ผู้เผยที่พร่ำคำซึ่งชนชาตินี้ต้องการ

คำสัญญาว่าจะทรงช่วยกู้
12 “โอ ยาโคบ 
เราจะรวบรวมพวกเจ้าทั้งหมดแน่นอน
เราจะรวบรวมคนที่เหลืออยู่ของอิสราเอล 
เราจะนำพวกเขากลับเข้ามาอยู่ด้วยกัน เหมือนแกะในคอก เหมือนฝูงที่อยู่ในทุ่งโล่ง
จะมีจำนวนมหาศาลจนที่นั่นมีเสียงดังมาก
13 ผู้ที่ทะลุทะลวงทางจะเดินนำพวกเขาไป
พวกเขาจะพังประตู  ผ่านประตูเข้าไป
องค์กษัตริย์ของพวกเขาจะเสด็จนำหน้าพวกเขา
พระยาห์เวห์เองทรงเป็นผู้นำของพวกเขา

อธิบายเพิ่มเติม

บทที่ผ่านมา มีคาห์ได้กล่าวว่า พระเจ้าจะทรงลงโทษทั้งอิสราเอลทางเหนือและยูดาห์ทางใต้เพราะพวกเขาได้ทำผิดเรื่องการบูชาเทพต่าง ๆ บทที่สูง
มาในบทนี้ เราจะเห็นรายละเอียดของความชั่วร้ายที่เหล่าคนชั้นสูง คนชั้นปกครองได้กระทำต่อประชาชนธรรมดา

2:1-2   คนชั้นปกครองนั้น มีความเข้าใจกฎต่าง ๆ และสามารถนำกฎหมายต่าง ๆ มาเป็นประโยชน์เข้าตัว พวกเขาวางแผนชั่ว และลงมือทำตามแผนนั้น  ยึดทั้งบ้านเรือนและที่นาของประชาชน ทำให้พวกเขากลายเป็นคนไร้บ้าน ไร้ที่ทำกิน หากจะแจกแจงความผิดต่อบทบัญญัติของโมเสส พวกเขาทั้งโลภ ทั้งขโมย  อิสยาห์ 5:8 กล่าวว่าวิบัติจะมีแก่คนที่เสริมบ้าน ที่นาของตนจนคนอื่นไม่มีอะไรเหลือ และตนเองก็อยู่ตามลำพังบนผืนดินนั้น

2:3 วิบัติที่พระเจ้าจะทรงนำมานั้น ไม่มีใครหนีได้ พวกเขาจะถูกจำกัดให้อยู่ในที่ ๆ ไม่อาจจะเล็ดรอดออกไป หรือแปลว่า เจ้าไม่อาจเคลื่อนคอของเจ้า จะเป็นอะไรอื่นไม่ได้นอกจากจะถูกคุมตัวไว้ด้วยประเทศที่มีอำนาจมากกว่าพวกเขา

2:4 คนที่ไปริบของคนอื่นมา จะร้องโวยวายว่าพระเจ้าริบสิ่งที่เขามีไปจากเขา เอาไปให้คนชาติอื่นที่ไม่ใช่คนซึ่งพระเจ้าทรงเลือก(คนที่พวกเขาเห็นว่ามีฐานะต่ำกว่าตน) พวกเขาจะถูกเยาะเย้ยจากคนต่างชาติที่พวกเขาดูหมิ่น พวกเขาจะถูกบังคับเข้าแถวเดินเป็นขบวนออกไปจากที่ดินบ้าน ไร่นาที่เขายึดมา   

2:5 คนที่ชอบยึดที่ดินจะไม่มีโอกาสทำเช่นนี้อีก ในเมื่อเขาทำให้คนอื่นไม่มีที่ดิน พระเจ้าจะทรงทำกับเขาเช่นกัน

2:6 คนที่อวดดีเหล่านี้ยังมาห้ามไม่ให้มีคาห์เผยพระดำรัสของพระเจ้า เพราะเขาคิดว่า การที่มีคาห์พูด เรื่องนั้นจึงเกิด
เป็นความคิดกลับตาลปัตร ความอัปยศต่าง ๆ ที่พวกเขาเผชิญ ไม่ได้เกิดจากผู้เผยพระดำรัส แต่เกิดจากพวกเขาเอง

2:7 แต่มีคาห์เตือนว่า   คนเผยพระดำรัสเท็จนั้นจะพูดว่า พระเจ้าทรงอดทนนานมาก ๆ  พระองค์จะไม่ทรงส่งการพิพากษาลงมา พวกเขาก็จะเชื่อตามนั้น พวกเขาไม่คิดว่าจะต้องเจอหายนะใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะพวกเขาเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ในโลก พวกเขาเลือกที่จะเชื่อว่าอย่างไรพระเจ้าก็ไม่ลงโทษ แต่มีคาห์ไม่ได้เห็นอย่างนั้น คนเชื่อฟังต่างหากที่จะได้รางวัล ! 

2:8 ต่อมา มีคาห์ก็แจ้งให้พวกเขาเห็นเพิ่มเติมว่า ตนเองได้ทำอะไรผิดไปบ้าง  พวกเขาริบเสื้อคลุมคนที่เป็นหนี้ ทั้ง ๆ ที่มีบัญญัติห้ามไว้  แถมยังริบเสื้อคลุมคนที่เดินไม่ระวัง คนที่กลับจากสงครามอย่างเหนื่อยอ่อน 

2:9 คนที่มั่งมียังริบเอาบ้านแม่ม่ายไป พวกเธอไม่มีเงินพอจ่ายค่าบ้าน  ทำให้ลูกหลานไร้บ้าน พระพรของลูกหลานก็คือแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญา แทนที่พวกเขาจะได้อยู่ในแผ่นดิน ทุกคนกลับต้องกลายเป็นคนถูกเนรเทศไปเป็นเชลยกัน

2:10 คำพูดในข้อสิบอ่านเฉย ๆ อาจไม่เข้าใจ แต่จริงแล้ว คือ การประชดคนรวยที่กดขี่พี่น้อง ให้ลุกและออกไปจากแผ่นดินเสียเพราะความบาปที่เกิดขึ้น (สดุดี 95:11)  รีบไปเสียเถอะ เพราะไม่ปลอดภัยแล้ว พวกเขาทำให้แผ่นดินด่างพร้อย ไม่ควรอยู่ต่อไป

2:11 ดูสิว่า คนอิสราเอลโง่ขนาดไหนเมื่อผู้เผยปลอมสัญญาว่าผู้คนจะได้พระพรเป็นทั้งเหล้าองุ่น และสุรา พวกเขาก็จะตามไป เหมือนกับนักเทศน์ที่ชอบเทศน์แต่พระพร

2:12 พูดคำแห่งการลงโทษมานาน ตอนนี้มีคาห์กำลังจะบอกถึงพระพรแท้ที่มาจากพระเจ้า  พวกเขาจะได้รับการรวบรวมกลับมาอีกครั้ง  ที่จริงการกระจัดกระจายของยิวนี้เป็นครั้งแรก พวกเขาจะโดนอีกในช่วงโรมปกครอง และทำให้แผ่นดินเหลือคนไม่มากนัก  ในปี 1948  พระเจ้าทรงนำพวกเขากลับมาจากชาติต่าง ๆ ในโลก แต่มาแบบสะบักสะบอม พวกเขาต้องมาสร้างชาติใหม่ บนแผ่นดินแห้งแล้ง  พวกเขากลับมาเป็นจำนวนมาก และเป็นชาติที่เอะอะมะเทิ่งไม่น้อย

2:13 จะมีผู้ที่ทะลวงประตูเข้าไปหรือออกมาเหมือนกับที่ผู้เลี้ยงต้องทะลวงสิ่งกีดขวางเพื่อนำแกะไปยังทุ่งหญ้า (สดุดี 78:52-53)    พวกเขาจะผ่านเข้าไปเพื่อเข้าไปยังแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ให้ พระองค์ทรงเป็นทั้งพระผู้เลี้ยงและองค์กษัตริย์  ข้อพระคำนี้บอกให้เรารู้ว่า พระเยซูจะทรงมานำคนของพระองค์ไปสู่อาณาจักรที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ด้วย  เป็นคำพยากรณ์ที่สำเร็จแล้ว และยังไม่เสร็จครบถ้วน ที่แน่คือ พระเยซูจะทรงเป็นเอก ทรงเป็นกษัตริย์เหนือพิภพ 

พระคำเชื่อมโยง

มีคาห์ 2
1* โฮเชยา 7:6-7
2* อิสยาห์ 5:8
3* เยเรมีย์ 8:3; อาโมส 5:13
4* 2 ซามูเอล 1:17; ฮาบากุก 2:6
5* โยชูวา 18:4, 10

6* อาโมส 2:12; อิสยาห์ 30:10
8* สดุดี 120:6-7
10* เฉลยธรรมบัญญัติ ; เลวีนิติ
11* อิสยาห์ 30:10
12* มีคาห์ 4:6-7; เยเรมีย์ 31:10; เอเสเคียล 33:22; 36:37

มีคาห์ 1 วิบัติเหนืออิสราเอล

1 พระดำรัสของพระยาห์เวห์มีมาถึงมีคาห์แห่งเมืองโมเรเชท ในรัชกาล โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์
นี่คือสิ่งที่เขาได้เห็นเกี่ยวข้องกับสะมาเรียและเยรูซาเล็ม  

2 ชนชาติต่าง ๆ เอ๋ย จงฟัง!
จงตั้งใจฟัง  โลกและทุกคนที่อาศัยในโลก! 
พระยาห์เวห์ทรงเป็นพยานกล่าวโทษการกระทำของเจ้า
องค์พระยาห์เวห์จากพระนิเวศบริสุทธิ์ของพระองค์ 
ดูเถิด พระยาห์เวห์กำลังเสด็จออกมาจากที่ประทับของพระองค์ และทรงลงมาเพื่อเหยียบย่ำที่สูงของแผ่นดินโลก 
4 ภูเขาจะละลายใต้พระองค์ และหุบเขาจะแยกออกเหมือนขี้ผึ้งที่อยู่ใกล้ไฟ เหมือนน้ำที่เทพรั่งพรูลงมาจากที่สูงบนภูเขา

5 จะเกิดเหตุเช่นนี้ เพราะการล่วงละเมิดของยาโคบ และบาปของวงศ์วานอิสราเอล
อะไรคือการล่วงละเมิดของยาโคบ?
ไม่ใช่สะมาเรียหรอกหรือ? 
แล้วสถานที่บูชาบนที่สูงในยูดาห์นั้นคืออะไร?
ไม่ใช่เยรูซาเล็มหรอกหรือ?
6 ดังนั้น เราจะทำให้สะมาเรียกลางเป็นกองซากปรักหักพังอยู่ในทุ่งเป็นที่สำหรับปลูกสวนองุ่น
เราจะเทหินที่เคยเป็นเมืองนั้นลงไปในหุบเขา
จนเห็นฐานรากของเมืองนั้น 
รูปเคารพทั้งสิ้นของเมืองจะถูกทุบจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย 
ค่าจ้างทั้งสิ้นของเมืองจะถูกเผา
และเราจะทำลายเทวรูปทั้งสิ้น
เพราะสิ่งที่เมืองนั้นสะสมมานั้น
ได้จากค่าจ้างของหญิงโสเภณี 
มันจะถูกใช้เป็นค่าจ้างโสเภณีอีก  

มีคาห์คร่ำครวญ
8 ด้วยเหตุนี้เอง ข้าพเจ้าจึงร่ำไห้โศกเศร้าและคร่ำครวญ  ข้าพเจ้าจะเดินเท้าเปล่า เปลือยกาย
ข้าจะโหยหวนเหมือนหมาใน
และครวญครางเหมือนนกกระจอกเทศ 

9 เพราะบาดแผลของเมืองนั้น ไม่อาจรักษาหายได้ และได้ลุกลามมาถึงยูดาห์แล้ว  มันมาถึงประตูเมืองของประชากรของข้าพเจ้า มาถึงเยรูซาเล็มเลย 
10 อย่าไปประกาศเรื่องนี้ในเมืองกัท อย่าร้องไห้เลย
พวกเจ้าจงเกลือกตัวในฝุ่นที่เมืองเบธอัฟราห์
11  ผู้ที่อาศัยในเมืองซาฟีร์เอ๋ย
ขอให้เจ้าไปตามทางของพวกเจ้าอย่างเปลือยเปล่าน่าอับอาย  ผู้ที่อาศัยในเมืองศาอานันเอ๋ย
จงอย่าออกมาทีเดียว 
เมืองเบธเอเซลกำลังร่ำไห้โศกเศร้า
เพราะที่ยึดมั่นถูกพรากไปแล้ว 
12 แม้ว่าผู้ที่อาศัยในเมืองมาโรทกำลังรอคอยว่า
ทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะมีหายนะมาจากองค์พระยาห์เวห์
และมาถึงประตูเมืองเยรูซาเล็มแล้ว
13 เจ้าผู้อาศัยในเมืองลาคีช จงผูกอานม้าให้เข้ากับรถม้าศึก  เจ้าเป็นจุดเริ่มต้นของบาปแห่งลูกสาวศิโยน 
การล่วงละเมิดของอิสราเอลนั้นมีเงื่อนงำสาวมาถึงตัวเจ้า
14  ดังนั้น จงให้ของขวัญอำลาแก่เมืองโมเรเชทกัท
วงศ์วานของอัคซีบเป็นการหลอกลวงเหล่ากษัตริย์ของอิสราเอล
15  เราจะนำผู้พิชิตมาเอาชนะเจ้าทั้งหลาย
ที่อาศัยในเมืองมาเรชาห์ 
ผู้นำชั้นสูงของของอิสราเอลจะหนีมายังเมืองอดุลลัม 
16  จงโกนหัวให้ล้าน ไว้ทุกข์ให้กับลูกหลานที่มีค่ายิ่งในสายตาของเจ้า 
ทำให้หัวของเจ้าล้านเหมือนหัวนกแร้ง
เพราะลูก ๆ ของเจ้าจะถูกพรากไปเป็นเชลย

อธิบายเพิ่มเติม

หนังสือมีคาห์ ได้กล่าวถึงการพิพากษาของพระเจ้าไปพร้อม ๆ กับ พระพรที่จะมาในยุคสุดท้าย เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเข้ามาครอบครองดั่งผู้เลี้ยงที่ครอบครองดูแลฝูงแกะ
มีคาห์  เป็นชาวเมืองโมเรเชท ห่างจากเยรูซาเล็มไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 40 กิโลเมตร อยู่ระหว่าง นครเยรูซาเล็มและเมืองกาซาเขาน่าจะรับใช้ในช่วงเวลา 793-686  ปีก่อนคริสตศักราช คือช่วงของกษัตริย์อาหัสที่เป็นกษัตริย์ทางใต้ที่ชั่วช้า แล้วจึงมีการปรับฝ่ายวิญญาณในช่วงรัชกาลเฮเซคียาห์ ข้อความในหนังสือมีคาห์บางตอน มีคล้ายกับอิสยาห์ เช่นกันที่บอกถึงว่า คนจำนวนมากจะมายังภูเขาศิโยน เพื่อเรียนรู้พระธรรมของพระเจ้า 

1:1 แม้ว่ามีคาห์จะเป็นผู้เผยพระดำรัสของพระเจ้าในสมัยเดียวกับอิสยาห์ แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่เคยชินกับชนชั้นสูง กับคนในวังเหมือนกับอิสยาห์  เขาเองได้รับการเรียกจากพระเจ้าอย่างชัดเจน (3:8)
เขาบอกชัดเจนว่า เขาจะพูดเรื่องของสะมาเรียและเยรูซาเล็มซึ่งต่างก็เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเหนือและใต้ 
1:2-4  มีคาห์ขอร้องให้ทั้งโลกได้ฟังเขา ไม่เฉพาะคนอิสราเอลเมื่อพระองค์เสด็จมาจะเกิดภัยธรรมชาติหลายประการให้เห็น
1:5-7  เป้าหมายการทำลายของพระเจ้าคือ สถานที่บูชาบนที่สูง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่น่ารังเกียจ น่าชัง และดูหมิ่นพระนามของพระเจ้าเป็นที่สุด  ทั้งเยรูซาเล็มและสะมาเรียเป็นเมืองที่ตั้งบนที่สูง แต่ยังมีที่สูงเหนือพื้นที่เหล่านั้น นั่นคือ สถานบูชาต่าง ๆ พระเจ้าจะทรงส่งกองทัพมาทำให้เมืองกลายเป็นซาก  รูปเคารพทั้งหมดที่พวกเขารัก บูชา ปรนนิบัติจะถูกทุบและศัตรูจะสิ่งที่เคยเป็นค่าจ้างโสเภณี  นั่นคือตัวรูปเคารพ เพราะเงินทั้งหมดที่นำไปสร้างรูปเคารพมาจากค่าจ้างโสเภณีในวิหารเทพปลอมเหล่านี้   พวกเขาจะเอาทอง เงิน ไปใช้จ้างทำเทพแบบของพวกเขาซ้ำอีกครั้ง สะมาเรีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางเหนือของเผ่า  10 เผ่า ถูกอัสซีเรียโจมตีเมื่อ 722 ปีก่อนคริสตศักราช  เมืองสะมาเรียถูกทำลายอย่างยับเยิน
1:8-9 เมื่อมีคาห์ได้ยินสิ่งที่พระเจ้าทรงประกาศ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว เป็นทุกข์ใจอย่างยิ่ง การไม่ใส่เสื้อผ้าคลุมตัวนอกและคร่ำครวญเป็นเครื่องหมายบอกว่า คนนั้นเป็นทุกข์ใจอย่างมาก ไม่สนใจตัวเอง ต้องถ่อมตนเป็นที่สุดเพื่อขอกรุณาจากพระเจ้า  ความรู้สึกถึงความพินาศท่วมท้นในชีวิตความคิดของเขา ไม่มีคำพูดแสดงออกมานอกจากโหยหวน ครวญคราง  มีคาห์มองเห็นว่า ไม่อาจแก้ไขสิ่งที่ทำผิดมหันต์ได้ อย่างเดียวที่ต้องรับ คือโทษ.. เหมือนกับมนุษย์ทุกคนที่ทำผิดต่อพระเจ้า และต้องรับโทษแห่งความตาย!และการลงโทษก็จะเริ่มต้นที่คนของพระเจ้าก่อน (1 เปโตร 4:17)

จากข้อ 10 เป็นต้นไปเราจะเห็นรายชื่อเมืองต่าง ๆ
เมืองกัท.. เป็นเมืองของชาวฟิลิสเตีย อย่าไปให้พวกเขารู้เรื่องนี้  มีคาห์บอกให้ชาวเมืองเบธอัฟราห์จะเป็นทุกข์ขนาดไหนก็ให้ทำในเมืองของตน
1:11-12 คำว่า ซาฟีร์แปลว่า งดงาม  แต่มีคาห์กำลังบอกเขาว่าจะงดงามไม่นาน มันจะถูกทำลาย
เมืองศาอานัน เป็นคำคล้ายคำว่าออกไป ในภาษาฮีบรู  เมื่อกองทัพของอัสซีเรียเข้ามา คนอิสราเอลจะหนีออกไปไม่ได้เลย .. พวกเขาจะถูกกักไว้ในเมืองจนแพ้ราบคาบ
เมืองเบธเอเซลมีความหมายว่า เมืองใกล้ ๆ  เมื่อถูกศัตรูบุก พวกเขาจะไม่อาจช่วยเมืองใด ๆ ได้เลย
เมืองมาโรท  คำมาโรท คือ ความขม เมื่อศัตรูบุก  ชาวเมืองจะพบกับความขมขื่นมาก ๆ
1:13-16 เมืองลาคีช คำนี้คล้ายคำว่าม้าในภาษาฮีบรู เป็นเมืองป้อมแข็งแกร่ง  ผู้คนควรไปหาม้าศึกเพื่อต่อสู้ แต่ พวกเขากลับผูกอานม้าเพื่อหนีศัตรู
เมืองโมเรเชท เป็นบ้านเกิดของมีคาห์เอง  คำนี้คล้ายคำว่า การหมั้นหมาย  มีคาห์กำลังบอกว่า ให้ของขวัญเพื่อเปลี่ยนผู้ปกครองเดิม ไปเป็นศัตรูที่บุกเข้ามา
เมืองของอัคซีบ มเป็นคำคล้ายคำฮีบรู้ว่า หลอกลวงหรือปิดหวัง  เมืองนี้จะล่มอย่างรวดเร็ว จะเป็นความผิดหวังของอิสราเอล
เมืองมาเรชาห์  เป็นคำคล้ายความหมายผู้รับมรดก หรือผู้ครอบครอง อีกไม่นาน เมืองนี้จะถูกครอบครองโดยศัตรู
เมืองอดุลลัมเป็นเมืองที่ดาวิดไปแอบตอนที่หนีกษัตริย์ซาอูล  พวกชนชั้นสูงจะหนีไปยังเมืองนี้เช่นกัน แต่พวกเขาจะหนีไม่พ้น
มีคาห์ยืนยันว่า ลูกหลานของพวกเขาจะต้องไปเป็นเชลยอย่างแน่นอน ดังนั้น จงไว้ทุกข์ให้พวกเขาได้เลย 
คำอธิบายเรื่องเมืองต่างๆนี้นำมาจาก enduringword.com/bible-commentary/micah-1/

พระคำเชื่อมโยง

มีคาห์ 1
1* เยเรมีย์ 26:18; อิสยาห์ 1:1
2* สดุดี 11:4
4* อาโมส 9:5
5* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:13; 33:29
6* 2 พงศ์กษัตริย์ 19:25 ; เอเสเคียล 13:14
7* โฮเชยา 2:5 ; เฉลยธรรมบัญญัติ 23:18
8* สดุดี 102:6

9* 2 พงศ์กษัตริย์ 18:13
10* 2 ซามูเอล 1:20
12* อิสยาห์ 59:9-11
13* อิสยาห์ 36:2; เอเสเคียล 23:11
14* 2 ซามูเอล 8:2; โยชูวา 15:44
15* โยชูวา 15:44; 2 พงศาวดาร 11:7
16* โยบ 1:20; เพลงคร่ำครวญ 4:5; อาโมส7:11, 17

โยนาห์ 4 โยนาห์โกรธพระเมตตา

ขอทรงเอาชีวิตข้าพเจ้าไปเถิด ข้าพเจ้าตายไปก็ดีกว่าอยู่

โยนาห์โกรธพระเจ้า

1 แต่โยนาห์กลับไม่พอใจยิ่งนัก และเขาก็โกรธจัด
2 เขาอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า  “โอพระยาห์เวห์  ข้าพเจ้าได้ทูลตั้งแต่อยู่ที่บ้านเมืองของข้าพเจ้าแล้วมิใช่หรือพระเจ้าข้า?
ข้าพเจ้าจึงหนีไปเมืองทารชิชตั้งแต่แรก
ข้าพเจ้ารู้อยู่แก่ใจว่า พระองค์ทรงพระเมตตา ทรงสงสาร ทรงกริ้วช้า และเต็มด้วยความรักมั่นคง ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเปลี่ยนพระทัยเพื่อจะไม่ส่งหายนะมาให้มนุษย์
3 และบัดนี้ พระยาห์เวห์เจ้าข้า ขอทรงเอาชีวิตข้าพเจ้าไปเถิด ข้าพเจ้าตายไปก็ดีกว่าอยู่”
4 พระยาห์เวห์ทรงถามว่า
“ถูกต้องแล้วหรือที่เจ้าโกรธ? 



พระเจ้าทรงตอบความโกรธของโยนาห์
5 โยนาห์ออกไปจากเมืองและนั่งลงทางตะวันออก เขาสร้างเพิงและนั่งอยู่ใต้ร่มเพิงนั้น เพื่อคอยดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเมือง
6 แล้วพระยาห์เวห์องค์พระเจ้าก็ทรงบันดาลให้เกิดไม้เลื้อยขึ้น มันเลื้อยขึ้นไปทำให้เป็นร่มเงาบังแดดให้เหนือศีรษะโยนาห์ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น  โยนาห์พอใจกับเถาไม้นั้นมาก

7 เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระเจ้าทรงให้มีหนอนตัวหนึ่งเข้ามากัดกินไม้เลื้อยนั้น จนมันเหี่ยวไป
 8 ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังขึ้น พระเจ้าทรงให้มีลมร้อนจากตะวันออกพัดมา แดดส่องแรงกล้าบนศีรษะของโยนาห์จนเขาแทบจะเป็นลม และเขาอยากตายขึ้นมา เขากล่าวว่า “ให้ข้าพเจ้าตายไป ดีกว่าให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่”
 9 แล้วพระเจ้าทรงถามโยนาห์ว่า “ถูกต้องแล้วหรือ ที่เจ้าโกรธเรื่องเถาไม้เลื้อย?”
 “ใช่แล้วพระเจ้าข้า” เขาทูลตอบ “ข้าพเจ้าโกรธจนอยากจะตายไปเสียเลย”

10 ดังนั้น พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เจ้าห่วงใยไม้เลื้อยนี้ที่เจ้าไม่ได้ปลูกหรือดูแล มันงอกขึ้นในคืนเดียว และก็ตายไปแค่ชั่วคืน 
11  เราไม่ควรที่จะห่วงใยนครใหญ่ที่มีคนถึงหนึ่งแสนสองหมื่นคน ซึ่งไม่รู้เลยว่าไหนถูกไหนผิด  รวมทั้งยังมีสัตว์เลี้ยงอีกมากมายด้วยอย่างนั้นหรือ?”

อธิบายเพิ่มเติม

โยนาห์โกรธพระเจ้า (4:1–4).
4:1 เหตุการณ์ไม่เป็นใจให้กับโยนาห์ เขาระเบิดออกมาต่อพระพักตร์ของพระเจ้า หลังจากที่พระองค์ เปลี่ยนพระทัย ไม่ลงโทษคนทั้งเมือง  เพราะทั้งเมืองตั้งแต่กษัตริย์จนคนผู้น้อยที่สุดต่างพากันกลับใจ เพราะเชื่อสิ่งที่โยนาห์ประกาศ
คนชั่วร้าย โหดเหี้ยม ในโลกโบราณอย่างคนนีนะเวห์ ซึ่งก็คืออาณาจักรอัสซีเรียนั่นเอง กำลังได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าสำหรับโยนาห์แล้ว นี่เป็นสิ่งที่รับไม่ได้!  เขาไม่ได้มองว่า คนที่ควรจะถูกพระเจ้าลงโทษอีกคนคือตัวเขาเอง ที่ไม่เชื่อฟังพระองค์เอามาก ๆ ก็ได้รับพระเมตตาให้รอดตายจากท้องปลาใหญ่

4:2 โยนาห์อ้างถึงสิ่งที่เขาเคยทูลตั้งแต่อยู่ในเขตอิสราเอลว่า เขาตระหนักอยู่แล้วว่า พระเจ้าทรงมีพระลักษณะอย่างไร คำพูดของเขานั้น เป็นคำประกาศของพระเจ้าเองจากอพยพ 34:6-7  ตอนที่พระองค์ทรงสำแดงพระสิริแก่โมเสส ทรงให้เขาเห็นด้านหลังของพระองค์​  แต่โยนาห์คิดไปเองว่า พระลักษณะของพระเจ้าดังกล่าวน่าจะเป็นไปเพื่อคนอิสราเอลเท่านั้น เขาเห็นประโยชน์เพื่อคนของตนเอง แต่จะไม่ไปเอื้อเฟื้อให้ชนชาติอย่างคนนีนะเวห์เด็ดขาด

4:3 จากนั้นโยนาห์ก็ทูลขอพระเจ้าให้เอาชีวิตของเขาไป

4:4 แต่พระเจ้าทรงถามเขาง่าย ๆ ว่า ที่โกรธนั้น เป็นความโกรธที่ถูกต้องหรือเปล่า  โยนาห์ไม่ได้ยินที่พระเจ้าทรงถาม ไม่คิดคำตอบ รู้แต่ว่า ตัวเองไม่พอใจ ตอนนั้นเขาคงคิดว่าน่าจะตายไปตั้งแต่อยู่ในท้องปลาแล้ว 

พระเจ้าทรงตอบความโกรธของโยนาห์ 
4:5 โยนาห์ออกไปเพื่อดูว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับเมือง เขาคิดอะไรอยู่ เขาไม่อยากจะให้พระเจ้าปล่อยให้เมืองนี้พ้นผิด อยากให้พระเจ้าลงโทษเมืองนี้  ขนาดว่าสร้างเพิง นั่งรอดู

4:6 พระเจ้าทรงบันดาล ให้เกิดมีไม้เลื้อยขึ้นมาบนเพิง ทำให้เขาร่มสบายมากขึ้น และเขาก็ชอบมันมาก จากที่เราเห็นมาตั้งแต่ต้น โยนาห์เป็นคนที่ใช้อารมณ์มากพอควร  เราจะเห็นตั้งแต่เริ่มต้นหนี ลงไปในท้องปลา จนกระทั่งตรงจุดนี้  แต่แล้ว… 

4:7 พระเจ้าก็ทรงส่งหนอนตัวหนึ่งมากินไม้เลื้อยนี้จนหมด .
4:8 ไม่พอ พระองค์ทรงส่งลมร้อนมาด้วย ซึ่งตามธรรมดาแล้ว อุณหภูมิจะสูงมากขนาด 43 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว​ คราวนี้ เพิงของโยนาห์ไม่พอแล้ว เขาร้อนมากจนอยากตาย … ลมร้อนนี้ทั้งร้อน ทั้งแห้งทำให้ผิวรู้สึกผะผ่าวเหลือทน  โยนาห์ คนอารมณ์ไม่นิ่งร้องบอกว่า ขอตายดีกว่าอยู่ 

4:9 การโกรธเรื่องไม้เลื้อยนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยเทียบกับคนที่จะต้องพินาศ แต่เหมือนกับโยนาห์เห็นว่า ความรู้สึกของเขานั้นสำคัญยิ่งกว่าเรื่องอื่นในโลก  คนแบบนี้ในสมัยใหม่เรียกได้ว่า เป็นคนประเภทเห็นโลกหมุนรอบตัวเอง
พระเจ้าทรงถามเขาว่าที่โกรธนั้น ถูกต้องหรือ แต่เขาก็ยังยืนกรานว่าจะโกรธ และอยากตาย

หนังสือโยนาห์ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างพระเจ้ากับคนรับใช้พระเจ้าว่า หัวใจสงสาร เมตตานั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว  เป็นคนด้วยกันแต่หามีหัวใจสงสารคนที่จะต้องพินาศไม่
แต่พระเจ้าทรงเต็มด้วยพระคุณ เมื่อคนบาปอย่างคนในนีนะเวห์กลับใจ พระองค์ประทานพระคุณให้อย่างล้นเหลือ อย่างที่ไม่มีมนุษย์คนใดทำได้
พระเจ้าทรงถามโยนาห์ด้วยคำถามเปรียบเทียบถึงไม้เลื้อยที่ตายไปกับคนนับแสนพร้อมสัตว์เลี้ยง เขาไม่ได้มีหัวใจให้ผู้คนบ้างเลยหรือ? หัวใจของเขาเป็นอย่างไร?…
คำถามของพระเจ้าทำให้เราเห็นสิทธิครอบครองสูงสุดของพระองค์ที่มาพร้อมกับพระเมตตา
เราได้เห็นพระลักษณะของพระเจ้าอย่างชัดเจนเพื่อมนุษย์ทุกคนในโลก ไม่ว่าคนนั้นจะเลวร้ายขนาดไหน มีโอกาสให้พวกเขากลับใจมาหาพระองค์เสมอ   และพระองค์ทรงใช้โยนาห์ชาวอิสราเอล ลูกหลานอับราฮัม มาเป็นพระพรให้กับนีนะเวห์ ชนต่างชาติทั้ง ๆ ที่เขาไม่เห็นด้วย ไม่รัก ไม่ต้องการมาหา  แต่..ไม่ว่าโยนาห์จะคิดอย่างไร แผนการของพระเจ้าเป็นของพระองค์และไม่มีใครจะขัดขวางได้ 

พระคำเชื่อมโยง

2* โยนาห์ 1:3; โยเอล 2:13
3* 1 พงศ์กษัตริย์ 19:4; โยนาห์ 4:8
8* โยนาห์ 4:3
11*โยนาห์ 1:2; 3:2-3; เฉลยธรรมบัญญัติ 1:39

โยนาห์ 3 ชาวนีนะเวห์ฟังคำเตือน

ชาวนีนะเวห์ได้ฟังคำเตือน 

1 แล้วก็มีพระดำรัสจากพระยาห์เวห์มายังโยนาห์เป็นครั้งที่สอง
 2 “จงลุกขึ้น แล้วไปยังนครใหญ่นีนะเวห์ และประกาศกับพวกเขาตามที่เราสั่งเจ้า”
3 ดังนั้น โยนาห์จึงลุกขึ้นเดินทางไปยังเมืองนีนะเวห์
ตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์
นครนีนะเวห์นั้น เป็นเมืองใหญ่มาก
จะเดินจนทั่วต้องใช้เวลาถึงสามวัน
4 วันแรก โยนาห์ตั้งต้นเดินเข้าไปในเมือง
และประกาศว่า “ในสี่สิบวัน นีนะเวห์จะถูกทำลายสิ้น!”
 5 ชาวนีนะเวห์ก็เชื่อพระเจ้า! 
พวกเขาประกาศให้ทุกคนอดอาหาร สวมเสื้อกระสอบ
ตั้งแต่คนที่ใหญ่สุด จนถึงผู้น้อยที่สุด
6 เมื่อข่าวไปถึงกษัตริย์แห่งนครนีนะเวห์
พระองค์ก็ทรงลุกขึ้นจากบัลลังก์
ถอดฉลองพระองค์ออก
และทรงสวมผ้ากระสอบ ประทับนั่งในกองขี้เถ้า 



7 แล้วพระองค์ก็ทรงออกประกาศในนครนีนะเวห์ดังนี้
“โดยพระบัญชาขององค์กษัตริย์ และขุนนางผู้ปกครอง ขอห้ามไม่ให้คนใด หรือสัตว์ตัวใด ทั้งฝูงแพะ แกะไม่ลิ้มรสสิ่งใด ไม่กินหรือดื่มอะไร 
8 ยิ่งกว่านั้น ทั้งคนและสัตว์จะต้องสวมผ้ากระสอบ
และทุกคนจะต้องเร่งเร้าทูลอ้อนวอนต่อพระเจ้า 
แต่ละคนจะต้องหันจากความชั่วร้าย
ความทารุณต่อผู้อื่นที่กำลังทำอยู่  
9 ใครจะรู้ได้ว่า พระเจ้าอาจจะทรงหันมาและเปลี่ยนพระทัย พระองค์อาจจะกลับพระทัยจากพระพิโรธ เราจะได้ไม่ต้องพินาศ
10  เมื่อพระเจ้าทรงเห็นว่า พวกเขาทำอะไร
คือได้หันจากทางแห่งความชั่วร้าย
พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ทรงทำลายพวกเขาอย่างที่ทรงบอกไว้ พระองค์ไม่ทรงลงโทษพวกเขา 

อธิบายเพิ่มเติม

  1. โยนาห์ประกาศตามพระบัญชา
    3:1-2
    คำสั่งครั้งที่สองคล้ายครั้งแรก แต่สิ่งที่โยนาห์จะต้องประกาศแก่นครนีนะเวห์คือ สิ่งที่พระเจ้าจะทรงสั่งเขาอีกทีหนึ่ง นีนะเวห์เป็นเมืองใหญ่มาก  มีอำนาจในโลกโบราณ ทั้งทางการทหาร และการค้า เนื่องจากเป็นเส้นทางการค้าจากตะวันออกสู่ตะวันตก  
    3:3-4 คราวนี้โยนาห์ไม่ขัดขืนพระเจ้าอีกแล้ว  วันแรกที่เข้าไปในเมืองโยนาห์ประกาศว่าอีกสี่สิบวันพวกเขาจะพบกับหายนะ (ตัวเลขสี่สิบวัน สี่สิบนี้ มีใช้หลายครั้งในพระคัมภีร์
    พระเจ้าทรงให้ฝนตกสี่สิบวัน สี่สิบคืน  (ปฐมกาล 7:4)
    โมเสสพบพระเจ้าบนภูเขา นานสี่สิบวัน สี่สิบคืน (อพยพ 24:18)
    สายสืบเข้าไปสืบในคานาอัน (ก้นดารวิถี 13:25)
    ยังมีอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับจำนวนสี่สิบนี้
    )  เขาคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการประกาศให้ทุกคนได้ยินอย่างครบถ้วน ข้อสองบันทึกว่าถ้าจะเดินให้ทั่วต้องใช้สามวัน

    ชาวนีนะเวห์ตอบสนองอย่างไม่น่าเชื่อ!
    3:5 ประชาชนที่ตกอยู่ในความบาป และรู้ตัวว่าตนเองเป็นคนประเภทไหน รู้ว่าตนเองโหดเหี้ยม แทนที่จะโอหัง กลับเกิดความกลัวอย่างมาก และเชื่อคำที่โยนาห์ประกาศทันที
    มหัศจรรย์มาก!  พวกเขาพากันกลับใจ แสดงความเสียใจที่ทำผิดด้วย การอดอาหาร  สวมเสื้อผ้ากระสอบ
    (เอเสเคียล 7:18)
    3:6 ที่แทบไม่น่าเชื่อก็คือ เมื่อกษัตริย์ได้ยินเรื่องหายนะ
    ท่านก็สวมผ้ากระสอบ ประทับในกองขี้เถ้า เท่ากับว่า ผู้นำสูงสุด ก็ฟังพระดำรัสของพระเจ้า และถ่อมพระองค์ลงทำเหมือนกับประชาชน
    3:7 แล้ว ท่านก็สั่งออกมาเป็นกฎเลยว่า ให้ทุกคนและสัตว์ อดอาหาร
    3:8 ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ มีคำสั่งให้ทุกคน และสัตว์สวมผ้ากระสอบและร้องทูลต่อพระเจ้า เลิกทำชั่ว เลิกทารุณ ใครทำอยู่ต้องเลิกทันที!  ปกติแล้ว คนอัสซีเรียจะไม่ทำเช่นนี้ พวกเขาจะมีพิธีกรรมของพวกเขาเองในการที่จะขอให้เทพไม่ลงโทษ  แต่ครั้งนี้ กลับทำเหมือนกับคนอิสราเอลเลย
    3:9 องค์กษัตริย์มีความหวังว่า พระเจ้าจะไม่ทรงลงโทษพวกเขาหากพวกเขากลับใจ  นี่เป็นพฤติกรรมและความเชื่อที่แปลก ขนาดว่า พระเจ้าทรงเรียกอิสราเอลให้กลับใจครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขายังไม่สนใจคำเตือนของพระองค์เลย เราเห็นได้ใน โฮเชยา อาโมส ฯลฯ แต่ชนชาติที่โหดเหี้ยม อัสซีเรีย กลับฟังเสียงของพระเจ้า!

    พระยาห์เวห์ทรงเปลี่ยนพระทัย
    แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ พระเจ้าทรงมองว่า พวกเขามีหัวใจที่ยอมรับในความผิด และทูลต่อพระองค์จริง ๆ ไม่อยากพินาศ ยอมที่จะหันจากความชั่ว ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยจะรู้เลยว่า ความดีนั้นเป็นอย่างไร 
    3:10  เมื่อพระเจ้าทรงเห็นว่า พวกเขาทำอะไร คือได้หันจากทางแห่งความชั่วร้าย พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ทรงทำลายพวกเขาอย่างที่ทรงบอกไว้ 
    พระองค์ไม่ทรงลงโทษพวกเขา
    พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยจากความตั้งพระทัยเดิมที่จะทำลายเมืองนีนะเวห์ในยุคของกษัตริย์องค์ที่กลับพระทัย (ไม่ทราบว่าเป็นกษัตริย์ใด แต่ในเวลาต่อมานีนะเวห์ได้กลับมาชั่วร้ายอีก และพระเจ้าทรงทำลายเขาอย่างสิ้นเชิง อ่านนาฮูม ) แล้วพระองค์ก็ละการพิพากษานครนีนะเวห์
     

พระคำเชื่อมโยง

4* เฉลยธรรมบัญญัติ 18:22
5* มัทธิว 12:41
6* โยบ 2:8
7* 2 พงศาวดาร 20:3
8* อิสยาห์ 58:6; 59:6
9* โยเอล 2:14
10* เยเรมีย์ 18:8