โยเอล 1 กลับใจได้แล้ว!!

การจู่โจมของตั๊กแตนในยูดาห์
1นี่เป็นพระดำรัสของพระยาห์เวห์
ที่มายังโยเอล บุตรชายของเปธูเอล
แผ่นดินร้างเปล่า
2 จงฟังทางนี้ ผู้อาวุโสทั้งหลาย 
จงเงี่ยหูฟัง เหล่าผู้ที่อาศัยในแผ่นดิน
ในสมัยของพวกเจ้า   หรือในสมัยบรรพบุรุษของเจ้า
เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นบ้างหรือไม่? 
3 จงเล่าเรื่องนี้ให้ลูก ๆ ของพวกเจ้าฟัง
ให้พวกเขาเล่าต่อกับลูก ๆ ของเขา  
และลูก ๆ เหล่านั้นก็เล่าให้คนรุ่นต่อไปฟัง 
4 สิ่งที่ตั๊กแตนจอมเขมือบเหลือทิ้งไว้
ตั๊กแตนที่มาเป็นฝูงใหญ่จำนวนมหาศาลก็จะกิน
สิ่งที่ตั๊กแตนที่มาเป็นฝูงใหญ่กินเหลือไว้   
ตั๊กแตนวัยกระโดดก็จะกิน
และสิ่งที่ตั๊กแตนวัยกระโดดเหลือทิ้งไว้
ตั๊กแตนจอมขม้ำก็จะกิน 

เรียกให้คร่ำครวญ 1:5-13
5คนขี้เมา .. จงตื่นขึ้นและร้องไห้
เจ้าคนที่ชอบดื่มเหล้าองุ่นทุกคนจงร้องโหยหวน 
เพราะเหล้าองุ่นใหม่ถูกกระชากไปจากปากของพวกเจ้า
6 เพราะมีประเทศหนึ่งเข้ามา
บุกแผ่นดินของเรา (ของพระเจ้า)
มีอานุภาพมาก  จำนวนมหาศาล 
และมีฟันเหมือนสิงโต  มีเขี้ยวเหมือนสิงโตตัวเมีย 
7 ดูมันทำลายเถาองุ่นของเรา และฉีกกาบก้านต้นมะเดื่อ มันฉีกกาบออกและเขวี้ยงทิ้ง เหลือแต่ก้านข้างในขาวๆ
 8 จงร้องคร่ำครวญเหมือนกับสาวพรหมจารีที่สวมเสื้อกระสอบ อาลัยสามีในวัยเยาว์ของเธอ
9  ธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา ถูกตัดจากพระนิเวศของพระเจ้าแล้วปุโรหิตผู้รับใช้ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ พากันคร่ำครวญ​


ไม่หลงเหลือแม้รอยยิ้ม
10 ทุ่งนาถูกทำลาย แผ่นดินร่ำไห้ เพราะธัญพืชถูกทำลายเหล้าองุ่นใหม่ก็เหือดแห้ง น้ำมันแห้งไปแล้ว
11 โอชาวนาเอ๋ย จงอับอาย
ชาวสวนองุ่น จงร้องครวญ เพราะข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์เพราะไม่ได้อะไรกลับมาจากการเก็บเกี่ยว
12 เถาองุ่นแห้งไป และต้นมะเดื่อก็แห้งเหี่ยว
ต้นทับทิมต้นปาล์ม และต้นแอปเปิ้ล
รวมทั้งต้นไม้ในไร่แห้งเหี่ยวไปหมด
ความยินดีของมนุษย์ก็เหือดหายไป

เรียกให้กลับใจ
13 โอ เหล่าปุโรหิต จงสวมเสื้อกระสอบและคร่ำครวญ โอ ผู้รับใช้ ณ แท่นบูชา จงมาและสวมเสื้อกระสอบทั้งคืน โอ้ผู้รับใช้ของพระเจ้าของข้า เพราะว่า เครื่องธัญบูชา และเครื่องดื่มบูชา ไม่หลงเหลือในพระนิเวศของพระเจ้า
14 จงจัดให้มีการประชุมรวมกัน​และจัดให้มีการอดอาหารด้วยกัน จงรวบรวมผู้อาวุโส และผู้อาศัยในแผ่นดินมายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า และร้องทูลต่อพระองค์

ความหมายที่สำคัญของการระบาดครั้งนี้
15 โธ่เอ๋ย วันนั้น เพราะวันขององค์พระยาห์เวห์ใกล้เข้ามาแล้ว และวันนั้นกำลังมาเป็นการทำลายล้างจากองค์ผู้ทรงฤทธิ์
16 อาหารไม่ได้ถูกตัดออกไปต่อหน้าต่อตาหรือ ?
ความยินดีและความรื่นเริงไม่ได้หายไปจากพระนิเวศของพระเจ้าหรือ?
17 เมล็ดพืชนั้น เหี่ยวแห้งคาใต้ก้อนดิน ยุ้งเก็บอาหารกลายเป็นซากยุ้งฉางพังลง เพราะธัญพืชแห้งไป
18 สัตว์เลี้ยงร้องครวญครางขนาดหนัก
ฝูงวัวสับสนเร่ร่อนไปเพราะไม่มีทุ่งหญ้าเหลือ
ฝูงแกะก็ลำบากไปกับการลงโทษนี้
19 ข้าพเจ้าร้องเรียกหาพระองค์
โอ พระยาห์เวห์ เพราะไฟมาเผาผลาญทุ่งกว้าง
และเปลวไฟได้ลามไล่ต้นไม้ในทุ่ง
20 แม้แต่สัตว์ป่าในทุ่งยังกระเสือกกระสนร้องหาพระองค์ เพราะน้ำในลำธารเหือดแห้งไป
ไฟได้เผาผลาญทุ่งหญ้ากว้างไปเสียแล้ว

เบื้องหลังของโยเอล
วันของพระยาห์เวห์ หรือ วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า มีกล่าวอยู่ 17 ครั้งในพระคัมภีร์ และในโยเอลนี้ กล่าวถึง 5 ครั้ง นับเป็นหนังสือที่กล่าวถึงวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างชัดเจนที่สุด ชื่อโยเอล มีความหมายว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า”
โยเอล 1:1-4
1  พระเจ้าตรัสกับชนอิสราเอลผ่านโยเอลในสมัยใดเราไม่ทราบเลย  เขาไม่ได้กล่าวโทษบาปเหมือนอย่างที่โฮเชยาได้ทำ แต่จะพยายามอธิบายว่า วิบัติที่เกิดขึ้นนั้น มีสภาพอย่างไร  และพระเจ้าจะทรงช่วยกู้อิสราเอลอย่างไร  การที่เขากล่าวถึงปุโรหิต ผู้คน ในสามบทนี้  ทำให้รู้สึกเหมือนว่า เขาเป็นผู้เผยพระดำรัสจากยูดาห์ทางใต้  

2 โยเอลเรียกให้ประชากรอาวุโสในชุมชนได้เข้ามาฟัง เข้าใจ และเล่าต่อให้เด็กรุ่นต่อไปฟัง นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ .. แต่ไม่เฉพาะคนกลุ่มนี้ โจเอลยังเรียกคนขี้เมา(5) ชาวไร่ชาวนา (11)และพวกปุโรหิต (13)ด้วย   นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องฟัง เพราะกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ เข้มข้น และไม่มีใครเคยประสบมาก่อน ​การถามว่า “เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นไหม?” เท่ากับว่า พวกเขาไม่เคยเจอความพินาศขนาดนี้มาก่อน
การเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นต่อมาได้รับรู้นั้น เป็นความเด่นของคนอิสราเอล พระเจ้าทรงสั่งใน อพยพ 10:1-2, 4-6  การทำเช่นนี้ส่งต่อมายังชุมชนคริสเตียนในเวลาต่อมา จะต้องมีการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของพระเจ้าให้กับชุมชนแห่งความเชื่อเป็นประจำ ไม่ละทิ้งการประชุมร่วมกัน (เฉลยธรรมบัญญัติ 4:9, 6:4-7; สดุดี 78:4-6)

4 แล้วโยเอลก็บอกถึงตั๊กแตนสี่รุ่นที่เข้ามาทำลายพื้นที่ทำการเกษตร พวกนี้มากันเป็นลำดับ และไม่ปล่อยให้เหลือซากเลย  เวลามีการระบาดของแมลงพวกนี้ มันจะมากันเป็นฝูงใหญ่มาก  การบรรยายของโจเอลทำให้เราเห็นว่า มันอาจเป็นตั๊กแตนแบบเดียวกัน แต่ตามกันมาเป็นรุ่น  สิ่งที่ท่านเน้นคือ การถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง อธิบายถึงตั๊กแตนสี่รุ่นที่ทำลายล้างแผ่นดินอย่างหมดสิ้น  ไม่มีอะไรเหลือจริง ๆ มันคือ grasshopper เมื่อวางไข่ ในอากาศบรรยากาศที่เหมาะสม มันจะมีจำนวนมากเป็นหลายต่อหลายกิโลเมตร การถูกตั๊กแตนจัดการมันหนักหนากว่ากองทัพมนุษย์เข้ามาเสียอีก  พวกนี้เป็น การทรงเรียกให้ตื่นขึ้น 

ในฮีบรูใช้คำอธิบายตั๊กแตนสี่กลุ่มนี้ว่า הַגָּזָם֙ chewing הָֽאַרְבֶּ֔ה swarming הַיָּ֑לֶק crawling הֶחָסִֽיל consuming
เราจะเห็นว่า ในพระคัมภีร์มักเล่าถึงการทำลายสี่ระดับแบบนี้ อย่างเช่นในเยเรมีย์  15:2-3; เอเสเคียล 14:21; วิวรณ์ 9:15
เหตุผลที่มีตั๊กแตนระบาดนี้ เป็นเพราะความบาปของอิสราเอลนั่นเอง  พวกเขาจำเป็นต้องกลับมาหาพระเจ้าอย่างเร่งด่วน! 
โยเอลเห็นชัดว่าสาเหตุคือเรื่องนี้ อ่าน เฉลยธรรมบัญญัติ  28:38, 39, 42
ในวันสุดท้ายของพระเจ้า พระองค์ทรงทำให้ไม่เหลืออะไร  เราไม่ได้วางใจพระองค์ เราไม่ได้ใส่ใจกับการที่พระเจ้าทรงสั่งให้เรานมัสการพระองค์ ไม่ได้มีการนมัสการอย่างเหมาะสม ในวิวรณ์ 9:1-11 บอกว่าจะมีตั๊กแตนเข้ามาในโลก ก่อนการพิพากษาโลกของพระเจ้า

โยเอล 1:5-9
5 เมื่อบอกหายนะแล้ว พระเจ้าก็ทรงเรียกให้พวกเขามาแสวงหาพระองค์ พระเจ้าทรงเรียกให้ทุกคนลุกขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนขี้เมาและคนที่รักดื่ม คนเหล่านี้มักไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างตัวเลย ไม่รู้ตัวว่าจะมีหายนะเกิดขึ้น พวกเขาจะรู้ตัวได้ก็ต่อเมื่อไม่มีเหล้าเหลือให้ดื่มอีก เหล้าองุ่นใหม่ในที่นี้จะทำให้เมามากกว่าน้ำองุ่นที่บ่มนาน บางทีเรียกว่า เหล้าองุ่นหวาน
จงตื่นขึ้น หมายถึงจบการนอน การไม่รู้เรื่องได้แล้ว คำว่าดื่มมาจากเหล้าองุ่น ในความหมายของพระคัมภีร์ คือการความปรารถนาในสิ่งที่เป็นของโลก ไม่ใช่ของพระเจ้า พระเจ้าให้คนที่หาความสุขกับสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมา ให้หยุดได้แล้ว พระเจ้าทำให้ความยินดี จบลง พระองค์ให้ร้องไห้ กลับใจใหม่

6 โยเอลเปรียบเทียบตั๊กแตนกับกองทัพที่เข้ามาโจมตีประเทศ เรายังมีการเปรียบเทียบทำนองนี้ให้ที่อื่น ๆ อย่างเช่นเยเรมีย์ 5:15-17; อิสยาห์ 33:4; เยเรมีย์ 46:23 และโยเอลยังเปรียบเทียบศัตรูที่เข้ามานั้นเหมือนกับสิงโตอีกด้วย ในประวัติศาสตร์อิสราเอล ประเทศที่เข้ามาบุกอย่างถอนรากถอนโคนสี่พวก คือ อัสซีเรีย บาบิโลน กรีก และโรม ศัตรูเหล่านี้ ไม่ได้มีพันธสัญญากับพระองค์ พระองค์ทรงเรียกให้พวกเขามาโจมตีแผ่นดินของพระองค์ มีจำนวนนับไม่ถ้วนและแข็งแรงมาก

7 เถาองุ่น และต้นมะเดื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน (มีคาห์ 4:4 ) เมื่อมีศัตรูเข้ามาบุก ความสมบูรณ์จะถูกปล้นไป ไม่เหลือให้ประชาชนอีกต่อไป การเหลือแค่ก้านขาว ๆ ข้างใน แสดงว่า ศัตรูเข้ามาอย่างโหดเหี้ยมอย่างที่ข้อหกเปรียบเทียบไว้ในวันสุดท้าย แม้ว่าพระเจ้าทรงรัก มีคนอธิษฐานเผื่อพวกเขา แต่พวกเขาจะถูกแยกจากพระเจ้า
พวกรับบีสอนเกี่ยวกับอนาคต มักจะบอกว่า ทุกอย่างดีขึ้น อิสราเอลจะโอเค พระเจ้าจะไม่ยอมให้การไม่เชื่อฟัง การสอนผิดต่อไป พระองค์จะทรงนำสิ่งที่คนในศาสนายิวพยายามต่อต้านพระเมสสิยาห์

8 โยเอลสั่งว่า สิ่งที่ต้องทำคือ การร้องไห้กับความบาป การใส่เสื้อกระสอบบ่งบอกว่า บุคคลนั้นเป็นทุกข์หนัก ไม่อาจรับความยินดีใด ๆ
ร้องคร่ำครวญเหมือนสาวพรหมจารี กลับต้องใส่เสื้อผ้ากระสอบเพราะ เพิ่งจะเข้าพิธี แต่งงาน แต่สามีกลับมาตาย เปรียบเทียบกับ พระเจ้าผู้เป็นสามีของอิสราเอลถูกแยกจากอิสราเอลไปแล้ว อิสราเอลจะต้อง คร่ำครวญ กลับใจ อดอาหาร

9 การที่ถูกศัตรูทำลายขนาดนี้ ไม่มีข้าวเหลือ ไม่มีเหล้าองุ่นที่จะถวายเป็นเครื่องบูชาเช้าเย็นอย่างที่พระเจ้าทรงสั่งไว้อีกต่อไป (อพยพ 29:38-4) และพวกเขาก็ไม่เหลืออะไรที่จะกินด้วย เพราะเขาอยู่ได้ด้วยส่วนของของถวายเหล่านั้น

โยเอล 1:10-12
10 เราจะเห็นว่า ความสมบูรณ์ถูกพรากไปจากแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นต้นข้าว ไร่องุ่น ต้นมะกอกที่ให้น้ำมันมะกอกโยเอลบอกว่า เมื่อไม่เหลือเหล้าองุ่นใหม่ ไม่มีอะไรเหลือเพราะไม่มีการนมัสการอยู่อีกต่อไป น้ำมันคือน้ำมันมะกอก ถ้ามีสามอย่างนี้ พระเจ้าทรงพอพระทัย
(เฉลยธรรมบัญญัติ 7:13; 11:14; โยเอล 2:19)

11 ในภาษาเดิม พระเจ้าทรงสั่งให้เขารู้สึกอาย โฮบิชู( הֹבִ֣ישׁוּ) =จงอายเสียเถอะ..เสียงคล้ายคำว่า โฮบิช (הוֹבִ֥ישׁ) ที่แปลว่า แห้งเหี่ยว ในข้อ 12 คนอิสราเอลมักจะมีการฉลองเมื่อมีความอุดมสมบูรณ์เสมอ แต่บัดนี้ พวกเขากลับต้องอายเพราะสภาพเช่นนี้ พระเจ้าทรงเอา ผลผลิตทุกอย่างไปหมด พวกเขาจะต้องอับอาย คร่ำครวญ สาลี บาร์ลีย์ ….เกี่ยวข้องกับเทศกาลเพนเตคอสต์ แต่กลับไม่มีอะไรที่บ่งบอกความโปรดปรานของพระเจ้า

12 ในสังคมเกษตรกรรมแบบอิสราเอลตั้งแต่โบราณมาจนทุกวันนี้ ผลผลิตจากไร่นาคือการประกันถึงความมั่งคั่งของชาติบัดนี้ ความยินดีแห้งไปจากหัวใจแล้ว! เรียกให้กลับใจ พระเจ้าให้เกิดสิ่งนี้ เพราะสภาพฝ่ายจิตวิญญาณของผู้คน ไวน์ ..แห้ง มะเดื่อ miserable ขาดผล ต้นทับทิม ปาล์ม ..
เมื่อมีความยินดี บรรยากาศจะแตกต่าง นั่นคือ ต้นไม้ในทุ่งจะตบมือถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เถาองุ่น.. มะเดื่อ…เกี่ยวข้องกับคนอิสราเอล แต่อย่างอื่นพูดถึงมนุษยชาติ เศคาริยาห์ 8 ถ้าอิสราเอลกลับมาหาพระเจ้า ชาติอื่น ๆ ก็จะมาหาพระองค์

โยเอล 1:13-14
13 ข้อนี้สำคัญมาก เพราะพระเจ้าทรงสั่งให้ผู้นำฝ่ายวิญญาณทำหน้าที่ของตน  หน้าที่ของปุโรหิตที่จะช่วยให้ชาติกลับมารุ่งเรืองดังเดิม .. พวกเขาจะอยู่เฉยไม่ได้ เขาต้องเข้ามาหาพระเจ้า และสารภาพบาป  เพราะพวกเขารู้ดีว่า พระเจ้าทรงพระเมตตายิ่งนัก  จะได้พระพรกลับมาก็ต้องกลับใจ นี่เป็นสูตรสำหรับชีวิตของความเชื่อ ต้องกลับมาถูกต้องกับพระเจ้า (เฉลยธรรมบัญญัติ  30:1-5; 2 พงศาวดาร 7:14)  ต้องทำเหมือนกับสาวพรหมจารีในข้อ 8!
ผู้นำจะต้องกลับมาหาพระเจ้าก่อน  มาคร่ำครวญกับพระเจ้า  ประชาชน ไม่สนใจนมัสการ สรรเสริญ ขอบพระคุณเท่ากับจิตใจของพวกเขาห่างจากพระองค์

14  จากภัยพิบัติเวลานี้ สิ่งที่ต้องทำคือ ทั้งชาติต้องเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมรวมผู้ใหญ่ และประชาชนทั้งหลายมาให้พร้อมหน้า
การประชุมรวมกันครั้งนี้ เป็นการที่ชุมชนอธิษฐานาอดอาหารด้วยกัน แสดงถึง การกลับใจ การถ่อมตน พวกเขามาขอความช่วยเหลือ การอภัย และการทรงนำจากพระเจ้า และคนที่ต้องทำหน้าที่นี้คือ ผู้นำประเทศ!!  แต่เรากลับไม่ทำ 

โยเอล 1:15-20
15 วันแห่งการพิพากษา ใกล้จะถึงแล้ว โยเอลบอกชัดว่าวันนี้เป็นวันแห่งการทำลายล้าง ไม่ได้มาจากการตัดสินใจของมนุษย์ ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบใดก็ตาม จากธรรมชาติ หรือจากที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง พระเจ้าเป็นผู้บัญชาการสูงสุด
16 ความยินดี การฉลองก็ต้องมีอาหาร แต่ตอนนี้ไม่มีอาหาร ก็ไม่อาจมีทั้งการฉลองรื่นเริงและความยินดี การกันดารอาหารจะบ่งบอกถึงความใกล้เข้ามาของวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า
17 ความแห้งแล้งนี้ ถึงกับทำให้ไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่จะปลูกในปีต่อไปด้วย
18 การทนทุกข์ครั้งนี้เป็นเพราะถูกลงโทษ หรือการต้องรับโทษ จะเห็นว่า สิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาตินั้น ต้องเป็นทุกข์เพราะความผิดของอิสราเอล
19 โยเอลหันกลับมาหาพระเจ้า ร้องเรียกหาพระองค์ เพราะไฟที่ไหม้ทุ่งนั้นทำให้เรารู้ว่า พระเจ้ากำลังพิพากษาจริง ๆ (กันดารวิถี 11:1; โฮเชยา 8:14) ไฟที่ส่งมา มักมาจากพระเจ้าเสมอ
20 แม้แต่สัตว์ป่ายังร้องหาพระเจ้า แล้วคนล่ะ จะร้องหาพระองค์หรือเปล่า มันกลายเป็นตัวอย่างให้เราร้องหาพระองค์ยามลำบาก

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 2:16
2* โยเอล 2:2
3* สดุดี 78:4
4* เฉลยธรรมบัญญัติ 28:38;
อิสยาห์ 33:4
5* อิสยาห์ 5:11; 28:1; 32:10
6* โยเอล 2:2, 11, 25; วิวรณ์ 9:8
7* อิสยาห์ 5:6

8* อิสยาห์ 22:12
9* โยเอล 1:13; 2:14, 17
10* เยเรมีย์ 12:11; อิสยาห์ 24:7
11* เยเรมีย์ 14:3-4
12* โยเอล 1:10; เยเรมีย์ 48:33
13* เยเรมีย์ 4:8
14* โยเอล 2:15-16; เลวีนิติ 23:36; 2 พงศาวดาร 20:13

15* เยเรมีย์ 30:7; อิสยาห์ 13:6
16* อิสยาห์ 3:1; เฉลยธรรมบัญญัติ 12:7
18* โฮเชยา 4:3
19* สดุดี 50:15; เยเรมีย์ 9:10
20* สดุดี 104:21; 147:9;
1 พงศ์กษัตริย์ 17:7; 18:5


สุภาษิต 30 ถ้อยคำจากท่านอากูร์


1 ถ้อยคำของอากูร์ บุตรชายยาเคห์
เป็นคำพยากรณ์ที่ส่งต่อให้กับอิธีเอล
กับอิธีเอลและอูคาล ดังนี้
2 ที่จริง ข้านั้นเป็นคนโง่กว่ามนุษย์คนใด
และข้าก็ขาดความเข้าใจอย่างมนุษย์
3 ข้าไม่ได้เรียนรู้ปัญญา
และไม่มีความรู้เรื่องขององค์ผู้บริสุทธิ์
4 ใครนะที่ได้ขึ้นสู่สวรรค์และลงมา?
ใครนะที่ได้กอบลมไว้ในอุ้งพระหัตถ์?
ใครนะที่ห่อน้ำไว้ในเสื้อคลุม?
ใครนะที่ได้สถาปนาแผ่นดินทั่วทุกสารทิศ ?
พระองค์ทรงพระนามว่าอะไร ?
และพระบุตรของพระองค์ทรงพระนามว่าอะไร?
… แน่นอน ท่านรู้นี่นา!
5 พระดำรัสทุกคำของพระเจ้านั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว
พระองค์ทรงเป็นโล่แก่คนทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระองค์
6 อย่าเพิ่มเติมอะไรเข้าไปในพระดำรัส
มิฉะนั้นพระองค์จะทรงตำหนิเจ้า
และทรงตัดสินว่า เจ้านั้นพูดมุสา

7 มีสองสิ่งที่ข้าพเจ้าทูลขอจากพระองค์
ขออย่าทรงปฎิเสธก่อนที่ข้าพเจ้าจะตาย
8 ขอให้ความเท็จ และคำหลอกลวงอยู่ห่างไกลข้าพเจ้า
ขออย่าให้ข้าพเจ้ายากจนหรือมั่งมี
ขอทรงเลี้ยงด้วยอาหารที่จำเป็นสำหรับข้าพเจ้า
9 มิฉะนั้น หากข้าพเจ้ามีมากเกินไป
ข้าพเจ้าอาจปฎิเสธพระองค์ แล้วกล่าวว่า
“พระยาห์เวห์เป็นใคร?”
หรือเกรงว่าข้าพเจ้าจะยากจนและไปลักขโมย
ทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่เสื่อมเสีย

10 อย่าไปกล่าวร้ายคนรับใช้ให้เจ้านายฟัง
เพราะเขาจะสาปแช่งเจ้า แล้วเจ้าจะต้องใช้คืน
11 มีบางคนแช่งด่าพ่อของตน
และไม่อวยพรแม่ของตน
12 มีบางคนที่ยโสโอหังเห็นว่าตนเองบริสุทธิ์
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ชำระล้างความสกปรกของตน
13 มีบางคนที่สายตานั้นยโสเหลือเกิน
ปรายตาดูหมิ่นผู้อื่น
14 มีบางคนที่ฟันเป็นดาบ เขี้ยวเป็นมีด
กลืนกินคนยากไร้บนแผ่นดินโลก
กลืนกินคนขัดสนให้หมดไปจากมนุษยชาติ
15 ปลิงมีลูกตัวเมียสองตัวร้องว่า “เอามาอีก เอามาอีก”
มีสามสิ่งในโลกนี้ที่ไม่เคยพอ สี่สิ่งที่ไม่เคยกล่าวว่า “พอแล้ว!”
16 นั่นคือ แดนตาย ครรภ์ของหญิงเป็นหมัน
ผืนแผ่นดินที่ไม่เคยอิ่มน้ำ
และเปลวเพลิงที่ไม่เคยกล่าวว่า “พอแล้ว!”
17 สายตาที่คอยเยาะเย้ยพ่อ
และดูหมิ่นแม่ที่สูงอายุของตนนั้น
ขอให้ฝูงกาแห่งหุบเขาจิกดวงตานั้นออกมา
และให้ฝูงนกแร้งมารุมกิน


18 มีสามสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าประหลาดใจ
มีสี่สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อาจเข้าใจได้
19 คือหนทางของนกอินทรีในท้องฟ้า
ทางเลื้อยของงูบนหิน วิถีทางของเรือในทะเล
และความสัมพันธ์ของชายหนุ่มกับหญิงสาว
20 นี่เป็นทางของหญิงมีชู้ เธอกินและเช็ดปาก
กล่าวว่า‘ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด’
21แผ่นดินโลกสั่นสะเทือนด้วยสามสิ่ง
มีสี่สิ่งที่โลกไม่อาจทนได้
22 นั่นคือ เมื่อทาสรับใช้ได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์
คนโง่ที่มีอาหารกินเหลือเฟือ
23 หญิงที่ไม่มีใครรักได้แต่งงาน
และทาสสาวที่ครองตำแหน่งแทนนายหญิงของตน

24 มีสี่สิ่งบนแผ่นดินที่ตัวเล็ก แต่กลับฉลาดล้ำ
25 มด เป็นสัตว์มีกำลังน้อย
แต่มันก็สะสมอาหารในฤดูร้อน
26 ตัวกระจงผาหิน เป็นสัตว์ที่แรงน้อย
แต่มันกลับสร้างรังในซอกหิน
27 ตั๊กแตนไม่มีผู้นำ
แต่มันก็รวมตัวเป็นขบวน เรียงตามหน้าที่
28 และจิ้งจกที่คนจับด้วยมือได้
แต่ก็พบมันในราชวัง
29 มีสามสิ่งที่ก้าวย่างอย่างสง่างาม
และสี่สิ่งที่ก้าวย่างอย่างอาจหาญ
30 คือสิงโตเจ้าป่าที่มีพละกำลังมหาศาล
มันไม่ถอยหนีให้ใครเลย
31 พ่อไก่ที่เดินชูคอ แพะตัวผู้
และองค์กษัตริย์พร้อมกองทัพของพระองค์
32 หากเจ้าโง่เขลา และได้ยกย่องตนเอง
หรือได้วางแผนชั่วขึ้นมา จงใช้มือปิดปากของเจ้าไว้
33 เพราะเมื่อกวนน้ำนม ก็จะได้เนย
เมื่อชกจมูกจะได้เลือดเช่นไร
เมื่อกวนโมโหก็จะได้การวิวาทเช่นนั้น

พระคำเชื่อมโยง สุภาษิต 30

2* สดุดี 73:22
3* สุภาษิต 9:10
4* ยอห์น 3:13; โยบ 38:4
5* สดุดี 12:6;19:8; 119:140; 18:30; 84:11; 115:9-11
6* เฉลยธรรมบัญญัติ 4:2; 12:32

8* มัทธิว 6:11
9* เฉลยธรรมบัญญัติ 8:12-14
11* อพยพ 21:17
12* ลูกา 18:11
13* สุภาษิต 6:17
14* โยบ 29:17; อาโมส 8:4

16* สุภาษิต 27:10
17* ปฐมกาล 9:22
22* สุภาษิต 19:10
25* สุภาษิต 6:6
26* สดุดี 104:18
32* มีคาห์ 7:16

สุภาษิต 29 วางใจพระเจ้า ปลอดภัยแน่

1 คนที่ทำคอแข็งทั้ง ๆ ที่ถูกเตือนหลายครั้ง
จะคอหักทันควันเกินเยียวยา
2 เมื่อคนเที่ยงธรรมขึ้นมาปกครอง
ประชาชนก็ยินดี
แต่เมื่อคนชั่วครองเมืองประชาชนก็คร่ำครวญ
3 คนที่รักปัญญา ก็นำความยินดีมาให้พ่อของเขา
แต่คนที่เป็นเพื่อนกับโสเภณีก็จะหมดตัวไปเปล่า ๆ
4 กษัตริย์นำความมั่นคงมาให้แผ่นดินด้วยความยุติธรรม
แต่ใครที่รับสินบนนั้น เป็นผู้บ่อนทำลาย
5 คนที่ประจบสอพลอเพื่อนบ้าน
เท่ากับโยนตาข่ายดักเท้าตนเอง
6 คนชั่วติดกับดักเพราะบาปของตนเอง
แต่คนเที่ยงธรรมจะร้องเพลงและยินดีนัก
7 คนเที่ยงธรรมจะเอาใจใส่สิทธิของคนยากไร้
แต่คนชั่วไม่เข้าใจเรื่องนั้นเลย
8 ฝูงชนช่างเยาะเย้ยทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ
แต่คนมีปัญญาจะช่วยบรรเทาความโกรธให้หายไป

อย่ารับสินบน


9 เมื่อคนมีปัญญาต้องโต้เถียงกับคนโง่
ก็จะพบแต่การโกรธเกรี้ยว การเยาะเย้ย ไร้ความสุขสงบ
10 เหล่าคนที่กระหายเลือดเกลียดชังคนไร้มลทิน
และพยายามตามล่าคนเที่ยงธรรม
11 คนชั่วระบายความโกรธออกมา
แต่คนฉลาดจะยับยั้งความโกรธไว้
12 หากผู้ปกครองฟังคำพูดเท็จ
ข้าราชการของเขาก็จะพลอยเป็นคนชั่วไป
13 คนยากจนกับคนที่บีบบังคับมีสิ่งที่เหมือนกันก็คือ
พระยาห์เวห์ประทานตาที่มองเห็นให้เขาทั้งคู่
14 บัลลังก์ขององค์กษัตริย์ที่พิพากษาคนยากจนอย่างยุติธรรม
จะมั่นคงตลอดไป
15 ไม้เรียวที่ตีสอนทำให้เกิดสติปัญญา
แต่เด็กที่ถูกปล่อยปละละเลยจะทำให้แม่ต้องอับอาย
16 เมื่อคนชั่วเพิ่มจำนวน การกบฏก็เพิ่มขึ้นด้วย
แต่คนเที่ยงธรรมจะเห็นการล้มลงของพวกเขา

คนยากจนและคนบีบบังคับ


17 จงฝึกวินัยให้ลูกชาย
และเขาจะทำให้เจ้าได้มีสันติและนำความชื่นใจมาให้เจ้า
18 ที่ไหนไม่มีการเผยพระคำจากพระเจ้า
ประชาชนก็ขาดความยับยั้งชั่งใจ
แต่คนที่ทำตามบัญญัติจะได้รับพระพร
19 เราจะสั่งสอนคนรับใช้แค่คำพูดอย่างเดียวไม่ได้
เพราะแม้จะเข้าใจ แต่ก็ยังไม่ทำตาม
20 เคยเห็นคนที่ปากไวใจเร็วไหม?
เรายังหวังใจในคนโง่ได้มากกว่าเขาเสียอีก
21 คนรับใช้ที่ได้รับการปรนเปรอมาตั้งแต่เยาว์วัย
ในที่สุดก็จะนำความทุกข์ใจมาให้
22 คนช่างโกรธยุยงให้เกิดการวิวาท
และคนอารมณ์ร้อนทำให้เกิดการทำบาปมากขึ้น
23 ความเย่อหยิ่งของคน ๆ หนึ่งจะทำให้เขาตกต่ำลง
แต่คนที่มีใจถ่อมจะได้รับเกียรติ

24 คนที่คบโจรเท่ากับเกลียดตัวเอง
เขาสาบานในศาล แต่ก็ไม่กล้าเป็นพยาน
25 การกลัวมนุษย์คือกับดักอย่างหนึ่ง
แต่คนที่วางใจพระยาห์เวห์จะปลอดภัยแน่นอน
26 หลายคนต้องการเป็นคนโปรดของผู้ปกครอง
แต่ความยุติธรรมแท้จริงนั้นมาจากพระยาห์เวห์
27 คนอยุติธรรมเป็นที่น่าชังต่อคนเที่ยงธรรม
และคนเที่ยงตรงก็เป็นที่น่าชังต่อคนโหดร้าย

พระคำเชื่อมโยง สุภาษิต 29

1* 1 พงศาวดาร 36:16
2* สุภาษิต 28:12; เอสเธอร์4:3
5* สุภาษิต 26:28
7* โยบ 29:16
8* สุภาษิต 11:11
9* มัทธิว 11:17
10* 1 ยอห์น 3:12

11* สุภาษิต 14:33
13* มัทธิว 5:45
14* อิสยาห์ 11:4
15* สุภาษิต 22:15
16* สดุดี 37:34
18* 1 ซามูเอล 3:1; ยอห์น 13:17

20* สุภาษิต 26:12
22* สุภาษิต 26:21
23* อิสยาห์ 66:2
24* เลวีนิติ 5:1
25* ปฐมกาล 12:12; 20:2
26* สดุดี 20:9

สุภาษิต 28 ความกล้าหาญของผู้เที่ยงธรรม


1 คนชั่วร้ายหนีไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครไล่ล่า
แต่คนเที่ยงธรรมนั้นกล้าหาญดั่งราชสีห์
2 เมื่อมีการกบฏก็มีผู้นำเกิดขึ้นหลายคน
แต่คนที่มีความเข้าใจและความรู้จะช่วยให้แผ่นดินนั้น สุขสงบ
3 ผู้นำที่ยากจนอาจจะบีบคั้นคนยากจนด้วยกัน
เป็นเหมือนฝนตกหนักที่ทำลายไร่นาจนไม่มีผลผลิต
4 คนที่ละทิ้งบัญญัติไปเท่ากับเขาสรรเสริญคนชั่วร้าย
แต่คนที่รักษาบัญญัติต่อต้านคนชั่ว
5 คนชั่วร้ายไม่เข้าใจความยุติธรรมเลย
แต่คนที่แสวงหาพระยาห์เวห์จะเข้าใจอย่างถ่องแท้
6 เป็นคนยากจนที่เดินไปอย่างซื่อตรง
ดีกว่าเป็นคนมั่งคั่งที่คดโกงไปตามทาง

7 ลูกชายที่มีความเข้าใจจะรักษาบัญญัติ
แต่การเป็นมิตรกับคนละโมบทำให้พ่อต้องขายหน้า
8 คนที่เพิ่มความมั่งคั่งให้กับตัวเอง
ด้วยการเก็บดอกเบี้ยและโก่งราคานั้น
เท่ากับกำลังเก็บสะสมไว้ให้กับคนที่เมตตาต่อคนยากจน


9 คนที่ไม่ยอมฟังบัญญัตินั้น
คำอธิษฐานของเขาเป็นที่น่าชัง
10 คนที่นำพาคนเที่ยงธรรมไปทางชั่ว
จะตกลงไปในหลุมดักของเขาเอง
แต่คนที่ไร้ตำหนิจะได้รับสิ่งดีเป็นมรดก
11 คนที่ร่ำรวยมักรู้สึกว่าตนเองเป็นคนฉลาด
แต่คนยากจนที่มีวิจารณญาณจะรู้จักเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง
12 เมื่อคนเที่ยงธรรมได้ชัยชนะ ใคร ๆ ก็ชื่นชมยินดี
แต่เมื่อคนชั่วร้ายมีอำนาจ ใคร ๆ ก็หลบซ่อนตัว
13 คนที่ปกปิดความบาปของเขาจะไม่รุ่งเรือง
แต่คนใดที่สารภาพและละทิ้งบาปของตนจะได้รับพระเมตตา
14 ความสุขเป็นของคนที่ยำเกรงพระเจ้าเสมอ
แต่คนที่มีใจแข็งกระด้างจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
15 คนชั่วที่ปกครองเหนือคนยากจน
ก็เป็นเหมือนสิงโตที่กำลังคำรามหรือ หมีที่กำลังรี่เข้าใส่



16 ผู้นำที่กดขี่ประชาชนเป็นคนขาดปัญญา
แต่คนที่เกลียดผลประโยชน์ซึ่งได้มาด้วยการคดโกง จะมีชีวิตยืนนาน
17 คนที่มีความผิดติดตัวเพราะฆ่าผู้อื่นจะหนีไปจนวันตาย
ขออย่าให้มีใครช่วยเขาเลย
18 คนที่เดินในความเที่ยงตรงจะปลอดภัย
แต่คนที่คดในข้องอในกระดูกจะล้มลงอย่างฉับพลัน
19 คนที่ทำไร่ไถนาในผืนดินของตนจะมีอาหารอย่างเหลือเฟือ
แต่คนที่มัวติดตามความฝันจะได้พบกับความยากจน
20 คนที่ซื่อตรงจะรับพระพรมากมาย
แต่คนที่รีบด่วนตามหาความมั่งคั่ง จะโดนลงโทษเป็นแน่
21 การแสดงความลำเอียงออกมานั้น ไม่ดีเลย
เพราะคน ๆ หนึ่งอาจทำความผิดเพียงเพื่อแลกขนมปังชิ้นเดียว


22 คนตระหนี่วิ่งรี่ตามความมั่งคั่ง
โดยไม่รู้ว่าความขัดสนจะตามเขาจนทัน
23 คนที่ตักเตือนผู้อื่นนั้น
ในที่สุดเขาจะได้รับความชื่นชมมากกว่าคนที่ใช้ปากสอพลอ
24 คนที่ปล้นพ่อและแม่ของเขา แล้วกล่าวว่า
“ไม่ผิดสักหน่อย” เป็นสหายของคนที่คอยทำลาย
25 คนละโมบจะยั่วยุให้เกิดการทุ่มเถียง
ส่วนคนที่วางใจในพระยาห์เวห์จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น
26 คนที่วางใจตัวเองเป็นคนโง่
แต่คนที่เดินในทางแห่งปัญญาจะปลอดภัย
27 คนที่ยื่นให้แก่คนยากจนจะไม่มีวันขัดสนเลย
แต่คนที่ปิดตาของตนจะรับคำสาปแช่งมากมาย
28 เมื่อคนโหดร้ายได้อำนาจ ประชาชนก็ต้องหลบซ่อน
แต่เมื่อพวกเขาพินาศ เท่ากับเป็นการเพิ่มจำนวนคนเที่ยงธรรม

พระคำเชื่อมโยง สุภาษิต 28

1* สดุดี 53:5
3* มัทธิว 18:28
4* สดุดี 49:18; 1 พงศ์กษัตริย์ 18:18
5* สดุดี 92:6; ยอห์น 17:17
9* สุภาษิต 15:8
10* สุภาษิต 26:27; มัทธิว 6:33
12* สุภาษิต 11:10; 29:2

13* สดุดี 32:3-5
15* 1 เปโตร 5:8; มัทธิว 2:16
16* ปัญญาจารย์ 10:16
17* ปฐมกาล 9:6
19* สุภาษิต 12:11; 20:13
20* 1 ทิโมธี 6:9
21* สุภาษิต 18:5; เอเสเคียล 13:19

22* สุภาษิต 21:5
23* สุภาษิต 27:5-6
24* สุภาษิต 18:9
25* สุภาษิต 13:10; 1 ทิโมธี 6:6
26* สุภาษิต 3:5
27* เฉลยธรรมบัญญัติ 15:7
28* โยบ 24:4