โฮเชยา 10 หลงทางเพราะมั่งคั่ง

ผลองุ่นและลูกวัว
1 อิสราเอลเป็นเถาองุ่นดก
ออกผลแผ่ออกไป ยิ่งมีผลดกเท่าไร
ก็ยิ่งสร้างแท่นบูชามากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งแผ่นดินอุดมเกิดพืชพันธุ์ดีขึ้นเท่าไร
พวกเขาก็ยิ่งตกแต่งเสาหินมากขึ้นเท่านั้น  
2 จิตใจของพวกเขาแบ่งออกไป
บัดนี้ พวกเขาต้องรับโทษ 
พระยาห์เวห์จะทรงทำลายแท่นบูชา
 และทำลายเสาหินของพวกเขา 
 3  เวลานี้ พวกเขากำลังกล่าวว่า
“เราไม่มีองค์กษัตริย์!
เพราะเราไม่ได้ยำเกรงพระยาห์เวห์
แต่หากว่าเรามีกษัตริย์ ท่านจะทำอะไรให้เราได้เล่า?
 4 พวกเขาใช้คำพูด
กล่าวคำสาบานลวงขณะที่ทำสัญญาร่วมมือกัน 
ดังนั้น จึงเกิดการฟ้องร้องขึ้น
ราวกับวัชพืชพิษในทุ่งนาที่ไถแล้ว
5 ผู้ที่อาศัยในสะมาเรีย
ต่างกลัว”รูปลูกโคแห่งเบธอาเวน” 
ความจริงคือ
ผู้คนจะร้องคร่ำครวญถึงความอลังการของมัน
พวกปุโรหิตคลั่งไคล้รูปนั้นจนตัวสั่น
เพราะพวกมันจะต้องจากพวกเขาไปเป็นแน่
6 เทวรูปนั้นจะถูกนำไปยังอัสซีเรีย
เป็นเครื่องบรรณาการถวายให้กับกษัตริย์นักรบ
เอฟราอิมจะต้องอับอาย
อิสราเอลจะต้องละอายที่ไปปรึกษากับเทวรูปนั้น 

ผลองุ่นและลูกวัว
10:1 การเริ่มต้นของชนชาติอิสราเอลนั้นดูงดงาม พระเจ้าทรงเปรียบพวกเขาเหมือนองุ่นลูกดก
พระเจ้าทรงอวยพระพรเขา แต่แล้ว สิ่งที่พลิกคือ
ยิ่งรวย กลับยิ่งไปสร้างแท่นบูชาถวายบาอัล  ปักเสาหิน แทนที่จะรักพระเจ้ากลับห่างพระองค์  เขาตอบแทนพระเจ้าอย่างน่ารังเกียจมาก

10:2 นี่เป็นการบ่งบอกใจที่ไม่ซื่อตรงต่อพระเจ้า มีความหมายว่าใจที่แยกออก สองใจ  แต่พระเจ้าทรงแจ้งชัดเจนว่า จะทรงทำลายสิ่งก่อสร้างเหล่านั้น

10:3 ช่วงนั้นน่าจะเป็นการล้มเหลวของกษัตริย์อิสราเอล กษัตริย์องค์สุดท้ายที่พวกเขาแต่งตั้งขึ้นมาเองคือ โฮเชยาโอรสของเอลาห์ (ไม่ใช่โฮเขยาที่เขียนหนังสือเล่มนี้) (อ่าน 2 พงศ์กษัตริย์ 17)

10:4 โดยรวมแล้ว ประชาชนไม่ถือสัจจะเป็นหลักในการทำธุรกิจ ติดต่อกัน พวกเขาทำสัญญาแต่แล้วก็โกง หักหลังกัน  พระเจ้าทรงเปรียบพฤติกรรมเหล่านี้เหมือนกับวัชพืชที่เกิดในทุ่งที่ไถแล้ว ซึ่งไม่ควรจะเกิด การคดโกงเป็นเหมือนวัชพืชที่ลามเข้าไปในสังคม

10:5 เทวรูปลูกโคแห่งเบธอาเวนเป็นสิ่งที่ผู้คนคลั่งไคล้ เหมือนกับเหล่าคนชอบเช่าพระ พวกเขามองเห็นว่ามันงดงาม น่าดู ใจของพวกเขาก็กระสันหารูปเหล่านี้  

10:6 เมื่ออัสซีเรียเข้ามาโจมตีอิสราเอล สิ่งที่พวกเขาสนใจจะเอาไปคือเทวรูปต่าง ๆ
พวกเขาเป็นคนที่สนใจรูปเคารพอยู่แล้ว และถือว่าเป็นของบรรณาการด้วย  และสิ่งที่น่าอับอายสุดๆ ก็คือ พวกเขาละทิ้งพระเจ้าไปปรึกษารูปเคารพที่ถูกแบกไปอัสซีเรีย  และยังถูกอัสซีเรียกวาดไปเป็นเชลยอีก  (โฮเชยา 5:13; 7:8-11; 8:9-10)
หากอิสราเอลไปแบกแอกร่วมกับใคร พวกเขาก็ต้องตามความเชื่อของคนเหล่านั้นด้วย  เพราะความเชื่อกับการเมืองนั้นแทบจะเป็นเรื่องเดียวกันในสมัยโบราณ การไปเป็นไมตรีกับพวกเขาเท่ากับก้มหัวให้กับพวกเทพที่ประเทศเหล่านั้นนับถือ 

กษัตริย์ที่หายไป
7 กษัตริย์แห่งสะมาเรียจะถูกตัดออกไป
เหมือนกิ่งไม้ที่ล่องลอยไปบนผิวน้ำ 
8  สถานบูชาบนที่สูงแห่งอาเวน
ซึ่งเป็นบาปของอิสราเอล จะต้องถูกทำลาย
จะมีพืชหนาม พุ่มหนามเกิดเลื้อยขึ้นคลุมแท่นบูชาของพวกเขา พวกเขาจะกล่าวแก่ภูเขาว่า “จงปกคลุมเราไว้”
พูดกับเนินเขาว่า “ช่วยล้มทับเราเถิด

กษัตริย์ที่หายไป
10:7 ราชวงศ์ที่เคยโด่งดัง เป็นที่นับถือจะหายไปราวกับกิ่งไม้ ไม่มีใครจำได้อีก ไม่ใช่หายไปช้า ๆ แต่ไปอย่างรวดเร็ว

10:8 อัสซีเรียจะเป็นผู้ทำลายที่สูงซึ่งอิสราเอลสร้างไว้ที่อาเวน  พระเจ้าเคยบัญชาให้พวกเขาทำลายที่สูงเหล่านี้ แต่พวกเขาไม่เชื่อฟัง (เฉลยธรรมบัญญัติ 12:2-3)  อัสซีเรียจึงทำให้ตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ ที่เหล่านี้จะกลายเป็นที่ร้างเปล่า  อิสราเอลจะเห็นและเริ่มกลัวการลงโทษของพระเจ้า  เรียกร้องให้ช่วยปกปิดพวกเขาไว้ (ลูกา 23:30; วิวรณ์ 9:6)
 

อิสราเอลแพ้เพราะบาป
9 “อิสราเอลเอ๋ย เจ้าทำบาปมาตั้งแต่สมัยกิเบอาห์ 
และเจ้าก็ยังทำแบบนั้นไม่หยุด
สงครามไม่ได้จัดการคนที่ทำการอธรรมในกิเบอาห์หรือ?
10 เราจะลงโทษพวกเขาตามที่เราเห็นควร
ชาติต่าง ๆ จะรวมตัวกันต่อสู้พวกเขา
และจับเขาจำจองเพราะความผิดบาปสองกระทงของพวกเขา” 
11 เอฟราอิมเป็นลูกวัวที่ถูกฝึกอย่างดี  มันชอบนวดข้าว
แต่เราจะวางแอกลงบนคออันงดงามของมัน
เราจะให้เอฟราอิมแบกแอกไป
ยูดาห์เป็นผู้ไถดิน ยาโคบจะเป็นผู้ไถกลับหน้าดิน

10:9 ตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัย อิสราเอลได้ทำบาปชั่วมากและก็ชินชากับการทำบาปนั้น (ผู้วินิจฉัย 19-20; โฮเชยา  9:9) พระเจ้าทรงสอนพวกเขาในสงครามครั้งนี้ แต่พวกเขาไม่จำ

10:10  พระเจ้าจะทรงลงโทษเขาในเวลาของพระองค์ ทรงใช้ชาติอื่น ๆ เข้ามาจัดการกับบาปของพวกเขา  มีความเห็นเรื่องบาปผิดสองกระทงนี้ อาจจะเป็นบาปที่กิเบอาห์ และที่เบเธล หรือเป็นบาปผิดที่ละทิ้งพระเจ้า แล้วหันไปหารูปเคารพ ซึ่งส่งผลให้เกิดบาปอีกมากมาย

10:11 ลูกวัวชอบนวดข้าวเพราะเป็นงานเบา และได้กินข้าวไปด้วยเวลานวด  แต่มันจะมีแอกมาวางไว้..เป็นภาพของอิสราเอลที่จะถูกต่างชาติบังคับให้ทำงานหนัก  ไม่เว้นแม้ยูดาห์และที่ใช้คำว่ายาโคบคือหมายถึงทั้งชาติ
ในบริบทนี้ การนวดข้าวคือการรับใช้พระเจ้า ส่วนการไถดินคือการลงวินัยจากพระเจ้าที่พวกเขาต้องเผชิญผ่านหายนะของชาติและการเป็นเชลย

12 จงหว่านความเที่ยงธรรมให้พวกเจ้าเอง
และเกี่ยวเก็บรักมั่นคง 
จงไถพรวนดินที่ถูกทิ้งเอาไว้
นี่เป็นเวลาที่จะแสวงหาองค์พระยาห์เวห์
จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
และเทความเที่ยงธรรมลงมาให้เจ้าเหมือนกับสายฝน 

13 เจ้าได้ปลูกความชั่วช้า
และเก็บเกี่ยวความอธรรม
เจ้าได้กินผลของความมุสา
เพราะเจ้าเชื่อวางใจทางของตนเอง
และทหารจำนวนมากของเจ้า
14 เสียงกระหึ่มของสงครามดังขึ้นต่อสู้ประชากรของเจ้า
และป้อมปราการทั้งสิ้นของเจ้า
จะถูกทลายลงในวันแห่งสงคราม
เหมือนกับที่ชัลมันทำลายเบธอาร์เบลในการต่อสู้
แม่ ๆ และลูก ๆ ของพวกเธอถูกฟาดจนกลายเป็นชิ้น ๆ !

15  เบธเอลเอ๋ย มันจะเกิดกับเจ้าเช่นนั้น
เพราะความชั่วสุดขั้วของพวกเจ้า
ยามรุ่งอรุณ
กษัตริย์แห่งอิสราเอลจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง 

10:12 ในขณะที่พระเจ้าทรงกล่าวโทษพวกเขานั่นเอง ความห่วงใยของพระองค์ก็พลุ่งขึ้น พระองค์ทรงบอกวิธีการที่พวกเขาจะไม่พินาศ
ให้กระทำสิ่งที่เที่ยงธรรม คือหว่านสิ่งดีทุกอย่างต่อกันและกัน เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับรักมั่นคง หรือพระกรุณาคุณของพระเจ้าคืนมา  โฮเชยาเตือนให้พวกเขากลับใจ  (ภาษาฮีบรูสำหรับการหว่าน การปลูก คือ ซารา זָרַע)
ดินที่ยังไม่ไถนั้น เป็นดินแข็ง ที่แห้งแล้งมานาน เป็นดินที่ไม่อาจซึมซับความชื้นจากฝนได้ดี ดังนั้นพระเจ้าทรงเตือนให้เขาไถพรวน กลับดินนั้น ซึ่งก็หมายถึง หัวใจของพวกเขาเองที่ต้องจัดการ หัวใจที่แห้งแล้ง แข็งกระด้างต่อพระเจ้า (เยเรมีย์ 4:3) ใจที่ห่างเหินจากฝนแห่งรักมั่นคงของพระเจ้า ใจที่ไม่สารภาพบาป แต่เก็บสะสมบาปไว้นั้น ทำให้ใจกระด้างเหมือนดินแห้ง   การไถพรวนจิตใจคือ การแสวงหาพระเจ้า แสวงหาพระองค์อย่างสุดใจ และเมื่อนั้น พระเจ้าจะทรงช่วยให้พวกเขารับสิ่งดีจากพระองค์ ไม่ใช่น้อย ๆ แต่เหมือนกับสายฝนที่ตกเทลงมา (โฮเชยา 2:19, 6:3)
(ภาษาฮีบรูสำหรับการไถพรวนดิน คือ เนียร נִיר เป็นการไถ ทำร่องดิน พรวนดิน)
 
10:13แทนที่จะปลูกดีเพื่อเก็บเกี่ยวผลที่ดี พวกเขากลับหว่านลม เก็บเกี่ยวพายุ (โฮชยา 8:7)  การที่พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองทำถูกต้อง เชื่อว่าทหารจะช่วยได้ เป็นความเชื่อในความไม่แน่นอน ไม่ได้วางใจพระเจ้าสำหรับความอยู่รอดของชาติ ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะวางใจพระองค์  นี่เป็นบทเรียนของทั้งระดับชาติ ระดับบุคคล ทั้งในโลกโบราณ และปัจจุบันวันนี้!

10:14 ความพ่ายแพ้เกิดขึ้นอย่างทันควัน เห็นได้ชัด โฮเชยาบอกมาแล้วว่า ถ้าเขาไม่วางใจพระเจ้า จะเกิดอะไรขึ้น  ชัลมันที่กล่าวถึงไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นคนไหน อาจเป็นกษัตริย์ของอัสซีเรีย หรือของโมอับ  แต่สงครามครั้งนั้นเป็นสงครามที่น่าสะพรึงกลัวมากเพราะศัตรูทำร้ายประชากรอย่างโหดเหี้ยม

10:15 โฮเชยาเตือนอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีกษัตริย์ของอิสราเอล (อาณาจักรเหนือ) หลงเหลืออยู่เลย พวกเขาหายไปอย่างรวดเร็วด้วย เป็นเพราะพวกเขาทำบาปซ้อนบาป ทำแล้วทำเล่าโดยไม่คิดจะกลับตัวกลับใจ  คำว่าเบธเอลในที่นี้หมายความรวมถึงอิสราเอลทางเหนือทั้งหมด และสิ่งที่โฮเชยากล่าวก็เป็นความจริงในเวลาต่อมา (แม้กษัตริย์ทางใต้ต่อมาจะถูกกวาดไปบาบิโลน แต่ก็ยังมีบางคนในพวกเขาที่หลงเหลือและยังสืบเชื้อสายมาจนกระทั่งพระเยซูคริสต์ )

พระคำเชื่อมโยง

1* เนหะมีย์ 2:2; เยเรมีย์ 2:28
2* 1 พงศ์กษัตริย์ 18:21
4* อาโมส 5:7
5* โฮเชยา 8:5-6; 13:2; 9:11
6* โฮเชยา 5:13
8* โฮเชยา 4:15; 1 พงศ์กษัตริย์ 13:34; ลูกา 23:30

9* โฮเชยา 9:9
10* เยเรมีย์ 16:16
11* มีคาห์ 4:13
12* เยเรมีย์ 4:3; โฮเชยา 6:3
13* สุภาษิต 22:8; โยบ 4:8; กาลาเทีย 6:7-8
14* โฮเชยา 13:6
15* โฮเชยา 10:5,7

โฮเชยา 9 จะได้เร่ร่อน

อย่ายินดีไปเลย
1 อิสราเอลเอ๋ย อย่ายินดี 
อย่าตะโกนเฉลิมฉลองอย่างชาติอื่น ๆ
เพราะเจ้าทำตัวสำส่อน ละทิ้งพระเจ้าของเจ้า
เจ้ารักค่าจ้างของหญิงโสเภณี ตามลานนวดข้าวทุกแห่ง 
2 ลานนวดข้าว และบ่อย่ำองุ่น
ไม่อาจเลี้ยงดูประชากรให้อยู่รอดได้
และเหล้าองุ่นใหม่ก็ทำให้ผิดหวัง 
3 พวกเขาจะไม่ได้อาศัยในแผ่นดินขององค์พระยาห์เวห์ 
เอฟราอิมจะกลับไปอียิปต์
และพวกเขาจะกินอาหารมลทินในอัสซีเรีย
4 พวกเขาจะไม่ได้เทเหล้าองุ่นบูชา
ถวายองค์พระยาห์เวห์
และเครื่องบูชาต่าง ๆ ของพวกเขา
ก็ไม่ได้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์
มันกลายเป็นเหมือนขนมปังของผู้คร่ำครวญ
ทุกคนที่กินเข้าไปจะเป็นมลทิน
เพราะขนมปังของพวกเขา
จะช่วยทำให้เขาหายหิวเท่านั้น 
มันจะไม่เข้ามาในพระนิเวศขององค์พระยาห์เวห์ 
5 แล้วเจ้าจะทำอะไรบ้างในวันเทศกาลที่กำหนด ทำอะไรในวันเทศกาลขององค์พระยาห์เวห์?
6 เพราะถึงแม้พวกเขาจะหนีให้พ้นจากความพินาศ
อียิปต์ก็จะรวบพวกเขาไว้
เมมฟิสจะฝังศพของพวกเขา
ต้นหนามจะงอกขึ้นมาในเครื่องเงินที่มีค่า
หนามจะงอกในเต็นท์ของพวกเขา

อย่ายินดีไปเลย
9:1 พระเจ้าทรงเตือนอิสราเอลว่า ไม่ต้องทำตัวร่าเริงเหมือนชาติอื่น สภาพของเขาอาจจะยังดูดี แต่  การที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าการเล่นชู้กับรูปเคารพและกับชาติต่าง ๆ เป็นสิ่งที่กำลังนำความวิบัติมาให้พวกเขา 

9:2 พวกเขาไปตามลาดนวดข้าว และบ่อย่ำองุ่นเพื่อทำพิธีไหว้รูปเคารพที่น่ารังเกียจ  เพราะคิดว่า เหล่านั้นนำความสมบูรณ์มาให้ และยังตอบสนองความใคร่ของพวกเขาด้วย   ดูจากคำของโฮเชยา เหมือนกับว่าเขากำลังเทศนาให้กับผู้คนที่เข้ามาเฉลิมฉลองกัน

9:3 นอกจากพระเจ้าจะทรงให้เกิดการกันดารอาหารแล้ว พระองค์ยังจะส่งเขาไปเป็นเชลยในอัสซีเรียด้วย
พวกเขาจะได้กินอาหารมลทิน (เรื่องอาหารเป็นเรื่องที่คนอิสราเอลเคร่งครัดในการกินให้ถูกต้องตามบทบัญญัติมาก) ที่พระเจ้าทรงเรียกอียิปต์ก่อนเพื่อว่าจะบอกให้พวกเขารู้ว่า พวกเขาจะเจอสิ่งที่บรรพบุรุษเคยเจอ ไม่มีอิสรภาพต่อไป  จะได้ตายในแผ่นดินที่ไม่สะอาด (อาโมส 7:17)

9:4 ในเมื่อพวกเขาละทิ้งการถวายเครื่องบูชาอย่างถูกต้อง  พระเจ้าไม่ทรงรับเครื่องบูชาของพวกเขา  (โฮเชยา 8:13) เขาก็จะไม่มีโอกาสถวายเครื่องดื่มบูชา หรือเครื่องบูชาอื่น ๆ (ให้เราคิดถึงการนมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริง เมื่อเราพูดถึงการถวายเครื่องบูชาเหล่านี้)

9:5  เมื่อพวกเขาต้องตกไปเป็นทาสต่างแดน วันเทศกาลต่าง ๆ ที่พวกเขาเคยทำด้วยกัน เคยฉลองกันอย่างมีความสุขที่จะทบทวนความดีของพระเจ้า พวกเขาจะไม่มีโอกาสทำอีก   จะไม่มีการรับสิ่งที่พวกเขาจะถวาย เพราะไม่มีจะถวายด้วย

9:6 ภาพที่โฮเชยาบรรยายนั้น ชัดเจนมาก พระเจ้าตรัสถึงอียิปต์ เมมฟิสเป็นเมืองในอียิปต์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องปิรามิด หลุมฝังศพ  ในแผ่นดินอียิปต์นั้นจะมีต้นหนามงอกขึ้นในเต็นท์ของทาส  เลื้อยไปในเต็นท์นั้น 

ดูหมิ่นผู้รับใช้
7 วันแห่งการลงโทษมาถึงแล้ว
วันแห่งการเอาคืนมาถึงแล้ว 
อิสราเอลควรจะตระหนักรู้
เหล่าผู้เผยพระดำรัสนับเป็นคนโง่
 และคนที่บอกว่าพระเจ้าดลใจเขา
กลับเป็นคนวิกลจริต
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะความผิดบาป
และความเกลียดชังของเจ้ามีมากนัก
 8 ผู้เฝ้ายามของเอฟราอิมอยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า
ผู้เผยพระดำรัสเผชิญกับดักในทุกที่ ๆ เขาไป 
มีความเกลียดชังฝังอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า 
9 พวกเขาตกต่ำเพราะการกระทำที่ต่ำตม
เหมือนสมัยกิเบอาห์ 
พระเจ้าจะทรงระลึกถึงความผิดบาปของพวกเขา
พระองค์จะทรงลงโทษบาปของพวกเขา

ดูหมิ่นผู้รับใช้
9:7  คนอิสราเอลไม่ได้ให้เกียรติผู้รับใช้แท้จริงของพระเจ้าเลย ไม่ได้เคารพแถมยังดูหมิ่นว่าเป็นคนโง่ คนบ้า  เนื่องจากพวกเขามองไม่เห็นพระเจ้า พวกเขาทำบาปมากจนบาปบังพระเจ้าแท้จริงออกไปจากตาของพวกเขา  อ่าน 2 พงศ์กษัตริย์ 9:11 จะเห็นภาพนี้ชัดเจน และแน่นอนพวกเขาย่อมมองเห็นโฮเชยาเป็นเหมือนคนโง่เช่นกันที่ง้อโกเมอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความผิดทั้งชาติที่มีต่อพระเจ้านั้น จะมีการลงโทษ ไม่มีใครหนีได้

9:8  ขณะที่เอฟราอิมหรืออิสราเอลพยายามทำตัวเป็นปุโรหิตของเทพโค เทพบาอัล  พวกเขาก็พยายามทำร้ายผู้รับใช้แท้จริงของพระเจ้า เพราะคนเหล่านี้พูดในสิ่งที่พวกเขาไม่อยากจะฟัง  

9:9 เรื่องที่เกิดขึ้นในกิเบอาห์ซึ่งเป็นเมืองที่คนเผ่าเบนยามินอาศัยอยู่  อยู่ในผู้วินิจฉัย 19  มีฆาตกรรมเกิดขึ้นและส่งผลให้เกิดสงครามที่เกือบจะทำให้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์เบนยามิน  (ผู้วินิจฉัย 20 )

ประชากรที่ลดจำนวนลง
10 “เราพบอิสราเอลเป็นเหมือนองุ่นในถิ่นกันดาร 
เราเห็นบรรพบุรุษของพวกเจ้า
พวกเขาเป็นดั่งมะเดื่อผลแรกในฤดูแรก
แต่พวกเขาไปยังบาอัลเปโอร์
อุทิศถวายตัวเองให้กับความอับอาย
และกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจ
เหมือนกับสิ่งที่พวกเขารัก
 11 เกียรติของเอฟราอิมจะบินหนีไปราวกับนก
ไม่มีการเกิด ไม่มีการตั้งครรภ์ ไม่มีการปฏิสนธิ
12 ถึงแม้พวกเขาจะเลี้ยงลูก
เราจะพรากลูก ๆ ไปจากพวกเขา
ใช่แล้ว วิบัติแก่พวกเขา เมื่อเราละจากพวกเขาไป !
13 เราเห็นเอฟราอิมที่เหมือนกับไทระ
มันถูกปลูกไว้ในทุ่งหญ้า
แต่เอฟราอิมกลับพาลูก ๆ ของเขาไปให้กับผู้ประหาร”
14 โอ พระยาห์เวห์ ขอโปรดประทาน..
พระองค์จะประทานสิ่งใด?
ประทานแก่ครรภ์ที่แท้งลูก และอกที่ไร้น้ำนม

ประชากรที่ลดจำนวนลง
 9:10 หลายครั้งในพระคัมภีร์ เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงมองอิสราเอลด้วยความรัก ทรงยินดีในพวกเขาเหมือนกับที่ทรงเห็นองุ่นในทะเลทราย หรือต้นมะเดื่อผลแรก  ลองนึกถึงความดีใจของเราถ้าเห็นสิ่งนั้น  แล้ว (เฉลยธรรมบัญญัติ 32:10)

ในหนังสือกันดารวิถี 25 เล่าว่า พวกเขาไปยังบาอัลเปโอร์ก่อนที่จะเข้าไปยังแผ่นดินที่ทรงสัญญา และทำสิ่งที่น่าขยะแขยงในสายพระเนตรพระเจ้าอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำตามอย่างคนต่างชาติทั้งไหว้รูปเคารพและทำกิจกรรมทางเพศโจ่งแจ้งน่าละอาย แต่ไม่รู้สึกอายเลย
พระเจ้าทรงรังเกียจเขาเหมือนกับทรงรังเกียจรูปเคารพ 

9:11 พระเจ้าจะให้พวกเขากลายเป็นหมัน ขาดลูกหลาน เป็นชาติที่จะมีคนน้อยนิด  พระเจ้าจะไม่ทรงทวีจำนวนของพวกเขา

9:12 พวกเขามองเห็นพระเจ้าเป็นใครคนหนึ่งที่จะรักและช่วยพวกเขาเสมอ แต่เมื่อพวกเขาปฏิเสธพระองค์ และทำร้ายพระองค์อย่างตั้งใจ พระองค์ทรงไปจากเขา  คำนี้..น่ากลัวมาก อย่าทำอะไรที่ทำให้พระเจ้าต้องจากเราไปเลย

9:13 เมืองไทระเป็นเมืองที่มั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ พระเจ้าทรงมองอิสราเอลเหมือนกับทุ่งหญ้าเขียวขจี
แต่แล้ว อิสราเอลกลับทำให้ลูกหลานของพวกเขาหลงทาง นี่เป็นเหตุให้พระเจ้าต้องจัดการกับพงศ์พันธุ์ของพวกเขาเหมือนอย่างที่ทรงจัดการกับไทระ (อาโมส 1:9-10)

9:14 โฮเชยาอธิษฐาน หลังจากที่เห็นว่า การทำให้ตระกูลทั้งหลายกุด ไม่มีลูกหลานอีกต่อไป เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก อิสราเอลจะไม่เหลือเลยหรือ? 

วันที่พระเจ้าทรงเริ่มชัง
15 “ความชั่วของพวกเขาปรากฎที่กิลกาล
เพราะเราเริ่มชังพวกเขาที่นั่น
เราจะไล่พวกเขาออกจากพระนิเวศของเรา
เพราะความบาปชั่วของเขา
เพราะการกระทำโหดร้ายของพวกเขา
เราจะไม่รักพวกเขาอีกต่อไป
เหล่าผู้นำต่างเป็นคนที่กบฏ
16 เอฟราอิมถูกทำให้ล้มลง
รากของพวกเขาก็แห้งไป
เขาไม่อาจออกผลได้
แม้ว่าพวกเขาจะมีลูกหลาน
เราก็จะประหารลูก ๆ ที่พวกเขาทะนุถนอม” 
17 พระเจ้าของข้าพเจ้าจะปฏิเสธพวกเขา 
เพราะพวกเขาไม่ฟังพระองค์​
พวกเขาจะกลายเป็นคนเร่ร่อนท่ามกลางชาติต่าง ๆ

วันที่พระเจ้าทรงเริ่มชัง
9:15 สามข้อต่อไปนี้ เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงเริ่มที่จะชังคนอิสราเอลแล้ว .. พระองค์ตัดสินพระทัยว่าจะไม่รักพวกเขาต่อไป  ในตอนนี้พระองค์จะทรงไล่เขาออกจากทั้งพระนิเวศและแผ่นดินของพระองค์ 

9:16 พระเจ้าทรงย้ำเรื่องการที่จะประหารลูกของพวกเขา  พระเจ้าจะทรงทำให้คนที่อวดดีต่อพระองค์ไม่เหลือ .. (มาลาคี 4:1)

9:17  โฮเชยาบอกเตือนอีกครั้งว่า  เพราะเขาไม่ฟัง เพราะพวกเขาปฏิเสธพระองค์ พระองค์จะปฏิเสธพวกเขา และทำให้ลูกหลานเอฟราอิมที่เหลืออยู่นั้นต้องเร่ร่อนไปตามชาติต่าง ๆ ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์  มีชนชาติอิสราเอลที่ไปตั้งถิ่นฐานในชาติต่าง ๆ จริง และพวกเขาก็ถูกกดขี่จากรัฐบาลหรือประชาชนในประเทศต่าง ๆ นั้นจริง (เฉลยธรรมบัญญัติ 28:62-64; เลวีนิติ 26:33)

พระคำเชื่อมโยง

1* อิสยาห์ 22:12-13; เยเรมีย์ 44:17
3*เลวีนิติ 25:23; โฮเชยา 7:16; 8:13
เอเสเคียล 4:13
4* เยเรมีย์ 6:20; โฮเชยา 8:13
6* อิสยาห์ 5:6; 7:23
7* อิสยาห์ 10:3; เพลงคร่ำครวญ 2:14;
มีคาห์ 2:11

8* เอเสเคียล 3:17; 33:7
9* โฮเชยา 10:9; ผู้วินิจฉัย 19:22
10* เยเรมีย์ 2:2; อิสยาห์ 28:4; กันดารวิถี 25:3; สดุดี 81:12
12* เฉลยธรรมบัญญัติ 31:17

13* เอเสเคียล 26-28
14* ลูกา 23:29
15* โฮเชยา 4:15; 12:11; อิสยาห์ 1:23
16* โฮเชยา 5:11
17* เศคาริยาห์ 10:6;  เลวีนิติ 26:33

โฮเชยา 8 พาตัวเองสู่หายนะ

ถูกล่าเพราะปฏิเสธพระเจ้า
1 “จงหยิบแตรแตะริมฝีปากของเจ้า
มีผู้หนึ่งเหมือนกับนกแร้ง
ได้โฉบมายังพระนิเวศของพระเจ้า
เพราะประชากรได้ล่วงละเมิดพันธสัญญาของเรา
 และยังได้ฝ่าฝืนบัญญัติของเรา 
2  อิสราเอลได้ร้องมาถึงเราว่า
“โอพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์”
3 อิสราเอลได้ปฏิเสธสิ่งที่ดี
ดังนั้น ศัตรูจะตามไล่ล่าพวกเขา  

ถูกล่าเพราะปฏิเสธพระเจ้า
8:1-3 ทำไมจึงต้องเป่าแตร? การเป่าแตรเป็นเรียกให้หันมาสนใจว่า กำลังมีอันตรายเกิดขึ้นแล้ว มีศัตรูบุกเข้ามา ศัตรูจะโฉบเข้ามาเหมือนกับที่นกแร้งปะทะกับเหยื่อของมัน (นกแร้งที่ว่านี้ ภาษาฮีบรูว่าเนเชอร์ เป็นนกแร้งเรียกว่า กริฟฟอน)
ศัตรูจะมาโจมตีทั้งชาติและพระนิเวศของพระเจ้าด้วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะอิสราเอลไม่ใส่ใจรักษาพันธสัญญากับพระเจ้า  คำของโฮเชยาตรงนี้เหมือนกับคำสาปแช่งที่พระเจ้าทรงให้ไว้ล่วงหน้าในเฉลยธรรมบัญญัติ  28:49 เป็นต้นไป เราจะเห็นภาพของการที่ชาติใหญ่นั้นจะเข้ามาทำลายอิสราเอลอย่างชัดเจน
แม้ว่าพวกเขาจะร้องหาพระเจ้า แต่เป็นการร้องขอแค่ให้ช่วย ไม่ต้องการพระองค์จริง ๆ  พวกเขาปฏิเสธสิ่งดีที่พระเจ้าทรงขอให้เขาทำ การลงโทษมาแล้ว พวกเขาจะถูกตามล่า

สร้างรูปเคารพเพื่อตัวเอง ตั้งกษัตริย์เอง
4 พวกเขาได้แต่งตั้งกษัตริย์ โดยไม่ได้ปรึกษาผ่านเรา 
พวกเขาได้แต่งตั้งผู้นำ โดยไม่ได้ขอการยอมรับจากเรา 
พวกเขาสร้างเทวรูปให้ตนเองจากเงินและทอง
เพื่อนำตัวเองสู่หายนะ
5 โอ สะมาเรีย.. จงโยนรูปเคารพโคของเจ้าทิ้งไป
ความโกรธของเราพลุ่งขึ้นผลาญพวกเขา 
อีกนานเท่าไรที่พวกเขาจะทำตัวให้สะอาด? 
6 สิ่งเหล่านี้มาจากอิสราเอล
ช่างฝีมือเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา
และมันไม่ใช่พระเจ้า 
รูปโคแห่งสะมาเรียจะถูกทุบแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

สร้างรูปเคารพเพื่อตัวเอง ตั้งกษัตริย์เอง
8:4 บาปอย่างแรกที่โฮเชยากล่าวถึงคือ การแต่งตั้งกษัตริย์ ผู้นำตามใจตัวเอง พวกเขาไม่ใช่ผู้ที่จะแต่งตั้ง แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้เลือกผู้นำให้อย่างที่ทรงเลือกซาอูล ดาวิด
หรือที่ทรงสั่งเอลียาห์ ใน 1 พงศ์กษัตริย์  19:15-16
บาปต่อไปคือการสร้างรูปเคารพให้ตนเอง นี่เป็นการละเมิดบัญญัติสิบประการข้อแรกนี่เป็นการดูหมิ่นพระองค์อย่างร้ายแรง 
พวกเขาคิดว่ารูปเคารพจะให้ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ แต่.. พระเจ้าจะไม่ให้เกิดขึ้นและจะทรงเอาพวกเขาออกไปจากแผ่นดินที่ประทานให้
8:5 พระเจ้าทรงระอาพวกเขา ทรงกริ้วมากจนพระพิโรธนั้นพลุ่งขึ้นมาผลาญพวกเขา. คำถามของพระองค์คือเพื่อถามว่า อีกนานเท่าไรที่พวกเขาจะไม่ต้องถูกลงโทษอย่างนี้? คำว่าโกรธ ในฮีบรูว่า อัฟ אַף
เป็นภาพของความโกรธที่มากจนออกมาทางจมูก หายใจแรงเพราะโกรธจัด
8:6 ตอนที่กษัตริย์เยโรโบอัมที่สองได้แนะนำให้ประชาชนกราบไหว้รูปลูกวัวสองตัวนั้น ได้กล่าวว่า “โอ อิสราเอล จงดูพระเจ้าของพวกเจ้า ผู้นำพวกเจ้าทั้งหลายออกมาจากอียิปต์”  1 พงศ์กษัตริย์  12:28 
นี่เป็นบาปที่หนักหนาสาหัส แต่พวกเขาไม่รู้ตัวเลย   พระเจ้าจะทรงทำลายรูปเหล่านั้นให้พวกเขาเห็นกับตา 

หว่านลม และเก็บเกี่ยวพายุหมุน
7 ความจริงคือ พวกเขาหว่านลม และเก็บเกี่ยวพายุหมุน 
ต้นข้าวที่ตั้งตรงอยู่กลับไม่มีเมล็ด
จึงไม่มีแป้งสาลี แต่หากว่า มันเกิดผลสักหน่อย 
คนต่างชาติจะกินมันจนหมด 
8 อิสราเอลถูกกลืนกิน 
บัดนี้ พวกเขาอยู่ท่ามกลางชาติต่าง ๆ
เหมือนกับหม้อดินเผาที่ทิ้งแล้ว
ไม่มีใครต้องการ



9 เพราะพวกเขาขึ้นไปหาอัสซีเรีย
เขาทำตัวเหมือนลาป่าที่อยู่ตามลำพัง
เอฟราอิมขายตัวเพื่อรัก 
10 แม้ว่าพวกเขาขายตัวไปตามชาติต่าง ๆ
เราก็จะรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกัน
และพวกเขาจะค่อย ๆ ลดจำนวนลง
ภายใต้การกดขี่ของกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ

หว่านลมและเก็บเกี่ยวพายุหมุน
8:7 การหว่านลมคือการหว่านสิ่งที่ไร้ค่า หายไปกับตา นั่นคือหว่านรูปเคารพออกไปให้ประชาชนหลงผิดตาม  แทนที่จะได้สิ่งดีกลับมา พวกเขาจะรับสิ่งที่ไร้ค่าซึ่งเป็นอันตรายยิ่ง   เมล็ดข้าวที่พวกเขาหว่านไป จะไม่เกิดผล ถึงเกิดผลก็จะไม่ได้กิน  ผู้คนจะอดหยากเพราะการที่หันไปพึ่งรูปเคารพ สิ่งที่เขาจะได้เก็บเกี่ยวเป็นดั่งพายุหมุนอย่างเฮอริเคน เห็นภาพชัดเลยว่า การถูกทำลายที่จะมาถึงนั้นเป็นการทำลายล้างไม่เหลือขนาดไหน
8:8 พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าผ่านโฮเชยาให้ชาวอิสราเอลทางเหนือได้รู้ว่า พวกเขาจะต้องเร่ร่อนไปในชาติต่าง ๆ กลายเป็นคนไร้ค่าที่ใคร ๆ ก็ไม่นำมาใช้เป็นประโยชน์ 













8:9 อิสราเอลไปทำไมตรีกับอัสซีเรีย  เหมือนกับลาป่าที่เดินออกไปตัวเดียว  โดยคิดว่า อัสซีเรียจะเป็นตัวช่วยให้พ้นจากศัตรูทั้งหลาย แต่ต่อมา อัสซีเรียที่รู้ว่า อิสราเอลอ่อนแอขนาดไหนก็เข้ามาโจมตีเองเสียเลย    แต่ลาป่าตัวนี้เคยไปขอให้อียิปต์ช่วยมาก่อน (7:16)  
เหตุใดพระเจ้าทรงเปรียบเทียบพวกเขากับลาป่า เป็นเพราะพวกเขาดื้อดึง ไม่ยอมฟัง  และที่โง่ไปกว่านั้นคือ ลาป่าอิสราเอลนี้ต้องจ่ายค่าตัวเอง อัสซีเรียไม่ได้จ่าย!  มีคำอธิบายนิสัยใจคอของพวกเขาในเยเรมีย์ 2:24 
8:10  แล้วพระเจ้าจะทรงรวบรวมพวกเขา แม้จะพยายามไปหาคนรักใหม่ พวกเขาจะถูกกดขี่จากกษัตริย์ ผู้นำทั้งหลาย  จะมีจำนวนน้อยลงไปอีก  อิสยาห์ 10 ข้อ 5  เป็นต้นไปจะเห็นภาพของการที่พระเจ้าทรงใช้อัสซีเรียเข้ามา  (ที่แย่ไปกว่านั้นคืออัสซีเรียทำเกินเหตุ!)

อิสราเอลมองบทบัญญัติว่าแปลก!
11 เมื่อเอฟราอิมสร้างแท่นบูชาเพิ่ม
เพื่อถวายเครื่องบูชาไถ่บาป
มันกลับกลายเป็นแท่นบูชาเพื่อทำบาป
12  แม้เราจะเขียนบทบัญญัติหลายอย่าง
เพื่อสั่งสอนพวกเขา
แต่พวกเขากลับมองว่า
มันเป็นสิ่งที่แปลก
13 เขาถวายเครื่องบูชาแก่เรา
และกินเนื้อเสียเอง
พระยาห์เวห์ไม่พอพระทัย
บัดนี้ พระองค์ทรงระลึกถึงบาปผิดของเขา
และทรงลงโทษบาปของพวกเขา
พวกเขาก็จะกลับไปอียิปต์

อิสราเอลมองบทบัญญัติว่าแปลก!
8:11  นอกจากนั้นอิสราเอลหรือเอฟราอิมนี้ยังพยายามสร้างแท่นบูชาเพื่อไถ่บาป  แต่การที่เขาห่างไปจากพระเจ้า ความเข้าใจเรื่องไถ่บาปก็ผิดเพี้ยนไปอีก คิดเอง เออเอง แต่ไม่ได้ทำตามที่พระเจ้าทรงวางแบบอย่างไว้ให้ แท่นของเขาจึงกลายเป็นที่ ๆ ทำให้เขาบาปขึ้นไปอีก บางครั้งเรารับใช้พระเจ้าด้วยความตั้งใจดี แต่ทำไมมันกลายเป็นร้ายไปได้ พระคำข้อนี้ช่วยให้เรามองตัวเองได้ชัดเจนขึ้นว่า ทำด้วยความคิดของตัวเองหรือทำตามพระเจ้า
8:12  ทั้ง ๆ ที่อิสราเอลชินกับบทบัญญัติของโมเสสตั้งแต่เป็นเด็ก พ่อแม่ถูกสั่งให้สอนทางของพระเจ้าแก่ลูก ๆ  แต่แล้ว กษัตริย์อิสราเอล ปุโรหิตได้สอนทางผิดแก่ประชาชน พวกเขามองเห็นบทบัญญัติของพระเจ้าเป็นเรื่องแปลกหู ไม่ชิน เหมือนว่าเป็นบทบัญญัติอะไรก็ไม่รู้  แล้วกลับไปเอาวิธีการกราบไหว้รูปเคารพเข้ามาปฎิบัติเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน   อีกแล้วที่พระเจ้าทรงเตือนคริสเตียนที่ไม่คุ้นชินกับพระวจนะ แต่กลับเก่งในการใช้ชีวิตทางโลก
8:13 พระเจ้าไม่ทรงมองเครื่องบูชาเป็นที่พอพระทัย พวกเขาทำคล้ายกับพิธีที่โมเสสสั่งไว้ แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงรับเครื่องบูชาไว้ ..
แล้วพระเจ้าจะทรงเรียกมาเพื่อลงโทษบาปที่เขาได้ทำอย่างตั้งใจ ถวายเครื่องบูชา อธิษฐาน คร่ำครวญกับพระเจ้าแต่ขณะเดียวกันก็ดื้อดึงต่อพระองค์ ภาพนี้เป็นภาพที่เตือนใจให้เรามองตัวเองด้วย   การที่พระเจ้าจะส่งเขากลับไปอียิปต์ก็คือ จะส่งไปยังที่พวกเขาต้องเป็นทาสอีกครั้งนั่นคือ จะทรงส่งพวกเขาไปยังอัสซีเรีย  อิสราเอลดูหมิ่นพระคุณของพระเจ้า . เขาต้องรับโทษนั้น (เฉลยธรรมบัญญัติ 28:68 ) พระเจ้าทรงแจ้งให้ชัดในโฮเชยา 11:5

อิสราเอลลืมพระผู้สร้าง
14 อิสราเอลได้ลืมพระผู้สร้างของพวกเขา
และสร้างราชวังหลายแห่ง 
ยูดาห์ได้สร้างเมืองป้อมเพิ่มขึ้นอีก
เราจะส่งไฟมาเผาเมืองของพวกเขา
และมันจะเผาผลาญป้อมปราการของเขาเสีย

อิสราเอลลืมพระผู้สร้าง
8:14 ตรงนี้เราจะเห็นว่าอิสราเอลและยูดาห์ไม่พึ่งพระเจ้าอีกต่อไป พวกเขาสร้างวังและเมืองป้อมเพื่อที่จะป้องกันตนเองไว้  ชัดเจนว่าเขาพึ่งตนเอง พึ่งอัสซีเรีย  แต่พระเจ้าจะทรงสอนให้เขารู้ชัดเจนว่า พระองค์เป็นศัตรูของเขาไปแล้ว และไม่มีวันที่เขาจะชนะได้เลย!  พระเมตตาของพระเจ้าถูกมองข้าม  ละทิ้งทางของพระเจ้า และคิดว่าช่วยตัวเองได้..นี่เป็นภาพของมนุษย์ทั้งโลกในวันนี้

พระคำเชื่อมโยง

1*เฉลยธรรมบัญญัติ 28:49
2* สดุดี 78:34; ทิตัส 1:16
4* 2 พงศ์กษัตริย์ 15:23, 25
5* เยเรมีย์ 13:27
6* อิสยาห์ 40:19

7* สุภาษิต 22:8; โฮเชยา 7:9
8* 2 พงศ์กษัตริย์ 17:6; เยเรมีย์ 22:28; 25:34
9* เยเรมีย์ 2:24; เอเสเคียล 16:33-34
10* เอเสเคียล 16:37; 22:20; อิสยาห์ 10:8

12* เฉลยธรรมบัญญัติ 4:6-8
13* เศคาริยาห์ 7:6; เยเรมีย์ 14:10; อาโมส  8:7
14* เฉลยธรรมบัญญัติ 32:18; อิสยาห์ 29:23;
กันดารวิถี  32:17; เยเรมีย์ 17:27

โฮเชยา 7 ผลจากการคดโกง

ความชั่วที่ถูกเปิดเผย
1 เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมรักษาอิสราเอล
ความบาปต่าง ๆ ของอิสราเอลจะถูกเปิดเผย
และการกระทำชั่วของสะมาเรียก็จะถูกเปิดโปง
เพราะพวกเขาทำการหลอกลวง
มีโจรเข้าไปในบ้านเรือน
และกลุ่มโจรก็ปล้นอยู่นอกบ้าน  
2 แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า
เราจำความชั่วร้ายทั้งสิ้นของพวกเขา 
บัดนี้ ความบาปของเขาอยู่รอบตัวเขา
มันอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง 

ความชั่วที่ถูกเปิดเผย
7:1-2 พวกเขาทำชั่วหนักมาก แต่พระเจ้าต้องการที่จะรักษาพวกเขา พวกเขาไม่สำนึกผิด แต่หลงทำผิดไปเรื่อย ๆ สะสมไปตลอดชีวิต
ถ้าจะมองประวัติศาสตร์ของอิสราเอล เราจะพบว่า พระเจ้าทรงเรียกพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์ครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่สนใจ
ไม่ต้องการกลับมาหาพระองค์เลย จนกว่าพวกเขาจะพบความทุกข์ยากลำบากก่อน
นี่เป็นความเย่อหยิ่ง หรือเป็นความโง่เขลากันแน่
พวกเราหวังเสมอว่า พระเจ้าจะลืมความบาปของเราอย่างที่ตรัสไว้ในเยเรมีย์ 31:34 แต่ ..บาปเหล่านั้น หากไม่ได้รับการกำจัดไป ก็จะยังอยู่ ในพระคัมภีร์โฮเชยา พระเจ้าทรงเรียกให้กลับมา (แต่บัดนี้ พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์มายังคนต่างชาติอย่างพวกเราด้วย ..นั่นคือ บาปของเราจะหมดไปได้มีทางเดียวก็คือ การวางใจในพระเยซูผู้ที่ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา )

ความเร่าร้อนเพื่อทำชั่วของอิสราเอล
3 พวกเขาทำให้กษัตริย์พอพระทัย
ด้วยความชั่วของพวกเขา
ทำให้เจ้านายพอใจด้วยคำมุสา
4 พวกเขาทุกคนทำผิดประเวณี 
เป็นเหมือนเตาอบที่ผู้อบอุ่นให้ร้อน
เขาไม่เกลี่ยถ่านให้คุ
ตั้งแต่ที่เขานวดแป้งจนถึงตอนที่แป้งฟูขึ้น 
5 ในวันของกษัตริย์ของพวกเรา
พวกเจ้านายก็ร้อนเร่าด้วยเหล้าองุ่น
มีการสมคบคิดกับพวกชอบดูหมิ่น 
6  เพราะจิตใจของพวกเขาเป็นเหมือนเตาอบ
พวกเขาชักชวนให้กษัตริย์เข้ามายังเตาอบของพวกเขา
ความโกรธของพวกเขาคุกรุ่นอยู่ทั้งคืน 
ในเวลาเช้ามันก็ลุกเป็นไฟที่ลุกโพลง 
7 พวกเขาทุกคนร้อนเหมือนอย่างเตาอบ
และก็ล้างผลาญผู้ปกครอง 
กษัตริย์ทั้งหลายของพวกเขาก็ล้มลง
ไม่มีใครสักคนที่ร้องเรียกหาเรา

ความเร่าร้อนเพื่อทำชั่วของอิสราเอล
7:3. พวกเขาทำการผิด ต่อประชาชน ต่อฝ่ายตรงข้าม ที่จะช่วยให้กษัตริย์มีอำนาจมากขึ้น  กษัตริย์ที่พระเจ้าประทานให้ แทนที่จะดำรงความยุติธรรมกลับหาประโยชน์จากประชาชน
7:4 เตาอบที่ผู้ที่ถูกอุ่นให้ร้อน .. คือ ความเร่าร้อนในใจอิสราเอลที่อยากกราบไหว้รูปเคารพ  เป็นเหมือนตัณหาที่ไม่อาจควบคุมได้
ไม่มีใครมาหาพระเจ้าเลย ไม่ร้องหาพระเจ้า ไม่ถวายเครื่องบูชาต่อพระองค์อย่างจริงจัง ถูกต้องอีกต่อไป ทุกอย่างเป็นเพียงพิธีกรรมที่ไร้ความหมาย 
7:5 ข้อ 5-7 กล่าวถึงการปลงพระชนม์กษัตริย์สี่องค์ของอิสราเอล
พวกจัดงานเลี้ยงกัน เข้าไปสุมหัวเมาด้วยกัน โดยไม่รู้ว่า อีกฝ่ายต้องการฆ่าตนเอง
7:6 ใจที่เหมือนเตาอบก็คือ แอบความโกรธเอาไว้ไม่ให้รู้ แล้วค่อยทำให้กษัตริย์ได้เข้ามาในเตาอบเพื่อการประหารในเวลาที่ความโกรธพลุ่งเต็มที่ อย่างที่เกิดขึ้นกับกษัตริย์ของอิสราเอล
7:7 กษัตริย์ถูกฆ่าสี่องค์ในราชวงศ์ทางเหนือ ถึงอย่างนั้น ผู้คนก็ปล่อยให้ผ่าน ไม่ตามหาพระเจ้าเลย

จะเห็นการเปรียบเทียบอิสราเอลกับสี่สิ่ง คือ เตาอบ แป้ง-ขนมปัง นกเขา และคันธนูคดงอ

ความเย่อหยิ่งที่ทำให้ใจบอด
8 เอฟราอิมยอมให้ตนเองไปคลุกคลีกับชาติต่าง ๆ
เอฟราอิมเป็นขนมปังที่สุกเพียงด้านเดียว
9 คนต่างชาติก็มาสูบเอากำลังของเขาไป
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกตัว
เส้นผมของเขาเริ่มหงอกแล้ว
แต่เขาไม่สังเกตเห็น 
10 ความยโสของอิสราเอลได้ปรักปรำพวกเขาเอง
ถึงเป็นอย่างนี้
พวกเขาก็ยังไม่กลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา 
และไม่แสวงหาพระองค์ 

ความเย่อหยิ่งที่ทำให้ใจบอด
7:8-9 อิสราเอลให้ชนชาติต่าง ๆ ความเชื่อในเทพอื่น เข้ามาผสมปนเปกับความเชื่อในพระยาห์เวห์แห่งอิสราเอล พวกเขาเหมือนขนมปังสุกข้างเดียว ไม่เหมาะที่จะเอามากิน
การทำเช่นนั้น ทำให้เขาหมดกำลัง ไม่มีกำลังจากพระเจ้าหลงเหลือ มัวแต่หลงระเริงกับการบูชาเทพต่างชาติเหล่านั้น  การไม่ฟังพระเจ้า ทั้งที่ พระองค์ประทานสิ่งดีให้ทำให้พวกเขาหมดแรง ดูแก่แบบไม่รู้ตัวเอาเลย 
ที่บอกว่าต่างชาติมาสูบกำลังไป นั่นคือ พวกเขาต้องคอยส่งส่วย ส่งบรรณาการให้กับประเทศที่เขาต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาทำงานเพื่อให้คนต่างชาติได้เอาไปใช้ แต่ส่วนตัวเองไม่เหลืออะไร
แม้ว่าจะกลายเป็นประเทศที่อ่อนแอ ต้องพึ่งกำลังทางทหารของชาติอื่น แต่ก็ยังโอหังเกินไป ไม่แสวงหาพระเจ้า จะเห็นว่าเมื่อโยโรโบอัมที่สองปกครอง อิสราเอลก็อ่อนแอลงไปมาก

11 เอฟราอิมจึงกลายมาเป็นเหมือน
นกเขาที่หลอกง่าย ไร้ปัญญา
พวกเขาร้องหาอียิปต์
แล้วก็ไปหาอัสซีเรีย
12 ขณะที่พวกเขาเดินทางไป
เราจะเหวี่ยงตาข่ายของเราครอบพวกเขาไว้
เราจะดึงพวกเขาลงมาเหมือนนกในอากาศ

เราจะลงวินัยพวกเขา 
ตามข่าวที่ชุมชนของเขาได้ยิน

7:10-12 ความทะนงตนของอิสราเอล ทำให้พวกเขาเป็นคนไร้ปัญญาฝ่ายวิญญาณ พวกเขาหันไปเชื่อชาติมหาอำนาจในสมัยนั้น คืออียิปต์ บางครั้งก็หันไปหาอัสซีเรีย7:2, 13, 16.
แต่พระเจ้าไม่ทรงปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ พระองค์จะทรงลงวินัยให้เขารู้ว่า ทรงเป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลที่มีสิทธิอำนาจเหนือพวกเขา

โฮเชยา 5: 13  เมื่อเอฟราอิมเป็นความเจ็บป่วยของตน และยูดาห์เห็นบาดแผลของตน เอฟราอิมก็หันไปหาอัสซีเรีย และส่งตัวแทนไปหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่(กษัตริย์ยาเรบ) ในข้อ 11 ของบทนี้ก็พูดอย่างเดียวกันแต่กษัตริย์นั้น ไม่อาจรักษา หรือบำบัดบาดแผลของเจ้าได้

ไปหาผู้ช่วยอื่น วิ่งหนีจากพระเจ้าไป
13 วิบัติแก่พวกเขา เพราะเขาหนีไปจากเรา
ความพินาศจะเกิดขึ้นกับเขา
เพราะเขาดื้อด้านต่อเรา
แม้ว่าเราต้องการไถ่เขายิ่งนัก
แต่พวกเขาก็พูดมุสาปรักปรำเรา 

 14 พวกเขาไม่ร้องทูลต่อเราจากหัวใจ
แต่กลับร้องคร่ำครวญบนเตียงนอน
พวกเขาเชือดเฉือนเนื้อตนเอง
เวลาร้องขอข้าวและเหล้าองุ่นใหม่
ถึงอย่างนั้นก็หันไปจากเรา 
15  เราฝึกฝนพวกเขา
และทำให้แขนของพวกเขาเข้มแข็ง 
แต่เขาวางแผนร้ายต่อต้านเรา 
16  พวกเขากลับมา แต่ไม่หันไปหาเบื้องบน
เป็นเหมือนคันธนูคดงอ  
ผู้นำของพวกเขาล้มลงด้วยดาบ
เพราะลิ้นของพวกเขากล่าวคำโอ้อวด
ด้วยเหตุนี้เอง
พวกเขาจะถูกเยาะหยันในแผ่นดินอียิปต์!

ปหาผู้ช่วยอื่น วิ่งหนีจากพระเจ้าไป  
7:13 อิสราเอลหนีจากพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่พระเจ้าเรียกกลับมา พระเจ้าทรงเห็นว่า ในใจของเขาดื้อต่อพระองค์เป็นที่สุด ไม่ว่าน้ำพระทัยจะดีเพื่อเขาขนาดไหน เขาก็กลับปรักปรำพระองค์
คนเรามักจะกล่าวว่า “ถ้าพระเจ้าดี ทำไมส่งคนไปลงนรก?” พูดกันอย่างนี้เสมอ ทั้ง ๆ ที่ในความจริงแล้ว เป็นเพราะพระองค์ยื่นความรอดให้ แต่พวกเขาปฏิเสธ เลือกที่จะเดินตามทางที่ตนเองตัดสินใจ
พระคัมภีร์เล่ม CJB แปลอย่างนี้ว่า นี่เราควรจะไถ่พวกเขาหรือ ในเมื่อพวกเขามุสา ปรักปรำเรา?

7:14  พวกเขาขออาหาร เหล้าองุ่นจากพระเจ้า แต่กลับทำตัวเหมือนตอนที่ไปร้องขอฝนจากบาอัลแข่งกับเอลียาห์ 1 พงศ์กษัตริย์ 18:28
 ที่ร้ายคือ เขาปรักปรำพระเจ้าเมื่อเขาพบความเดือดร้อน
โฮเชยา 11:3 3  เราเอง เป็นคนที่สอนให้เขาเดิน เราอุ้มพวกเขาไว้ในอ้อมแขนของเรา  แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า เราเป็นผู้บำบัดรักษาเขา
ที่พวกเขาพ่ายแพ้ เพราะไม่ยอมพึ่งพระเจ้า เอาแต่ทำตามใจตน
ทั้งหมด จะเห็นการเปรียบเทียบอิสราเอลกับสี่สิ่ง คือ เตาอบ แป้ง นกเขา และคันธนูคดงอ

7:15 น่าจะหมายถึงกรที่พระเจ้าทรงให้ความช่วยเหลือในการที่ฝึกฝนให้พวกเขามีความสามารถในการทำสงคราม เอเสเคียล 30:24-25 กษัตริย์ดาวิดเองกล่าวว่า พระเจ้าทรงฝึกมือของข้าให้ทำสงคราม ..สดุดี 144:1 แต่ถึงอย่างนั้นอิสราเอลกลับไร้ความกตัญญู วางแผนร้ายต่อต้านพระเจ้า
17:16 เขาไม่หาพระเจ้าเลย .. ผู้นำจึงต้องตายด้วยการถูกฆ่าตาย ไม่ใช่ตายธรรมดา พวกเขาใช้คันธนูที่กลับมาประหารผู้นำของตนเอง (กษัตริย์สี่องค์ที่ถูกลอบปลงพระชนม์ เศคาริยาห์ ชัลลูม เปคาหิยาห์ เปคาห์ ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 15)
ลิ้นที่กล่าวคำโอ้อวดนี้ มีความหมายหลายอย่าง ลิ้นพูดจาอย่างโกรธเกรี้ยว พูดอวดดี พูดไร้ยางอาย
แล้วอิสราเอลจะกลายเป็นคนที่ถูกเยาะในแผ่นดินต่างชาติ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองถือว่าเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือกเท่านั้น

พระคำเชื่อมโยง

1* โฮเชยา 5:1
2* เยเรมีย์ 14:10; 17:1
3* โฮเชยา 1:1; โรม 1:32
4* เยเรมีย์ 9:2; 23:10
5* อิสยาห์ 28:1, 7

7* อิสยาห์ 64:7
8* สดุดี 106:35
9* โฮเชยา 8:7
10* โฮเชยา 5:5; อิสยาห์ 9:13
11* โฮเชยา 11:11; อิสยาห์ 30:3; โฮเชยา 5:13; 8:9

12* เอเสเคียล 12:13; เลวีนิติ 26:14
13* มีคาห์ 6:4
14* โยบ 35:9-10; อาโมส 2:8
16* สดุดี 78:57; 73:9; โฮเชยา 8:13; 9:3