เศฟันยาห์ 2 จงกลับมา ก่อนที่จะสายไป!

จงแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
เหล่าคนที่ถ่อมตนแห่งแผ่นดิน

พระเจ้าทรงเรียกให้กลับใจ
1จงรวมตัวกัน รวมตัวกันเถิด
  ชาติต่าง ๆ ที่น่าอับอายทั้งหลาย
 2 ก่อนที่กำหนดเวลาจะมาถึง
 และวันเวลาที่ล่วงเลยไปราวกับแกลบ
ก่อนที่พระพิโรธอันร้อนแรงของพระยาห์เวห์
จะพลุ่งขึ้นเหนือเจ้า
ก่อนที่วันแห่งพระพิโรธของพระยาห์เวห์จะมาถึงเจ้า 
3 จงแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
เหล่าคนที่ถ่อมตนแห่งแผ่นดิน
คนที่เชื่อฟังทำตามคำบัญชาของพระองค์
จงตามหาความเที่ยงธรรม
และแสวงหาความถ่อมใจ
เผื่อว่าเจ้าจะได้มีที่พักพิง
ในวันแห่งพระพิโรธของพระยาห์เวห์  

คำพิพากษาโทษฟิลิสเตีย (เยเรมีย์  47:1-7)
4  เพราะเมืองกาซาจะถูกทำลาย
และเมืองอัชเคโลนจะกลายเป็นทะเลทราย
เมืองอัชโดดจะถูกกวาดล้างในเวลาเที่ยงวัน
และเมืองเอโครนจะถูกถอนรากของเมืองออกไป
5 วิบัติแก่เจ้าที่อาศัยริมฝั่งทะเล 
โอ ชนชาวเคเรธเอ๋ย   
มีพระดำรัสของพระยาห์เวห์มาถึงเจ้า 
โอ คานาอัน เอ๋ย
โอแผ่นดินของชาวฟิลิสเตีย 
“เราจะทำลายเจ้าไม่ให้เหลือแม้สักคนเดียว”

6 ส่วนของแผ่นดินริมทะเล(ที่ชาวเคเรธอาศัยอยู่)
จะเป็นที่สำหรับเหล่าคนเลี้ยงแกะ สำหรับฝูงแกะ 
7 และแผ่นดินนั้นจะเป็นของผู้ที่เหลืออยู่จากวงศ์วานของยูดาห์ 
พวกเขาจะพบทุ่งหญ้าที่นั่น
เวลาเย็น เขาจะพักผ่อน   (ในบ้านเรือนของเมืองอัชเคโลน)
เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขาจะทรงดูแลพวกเขา และรื้อฟื้นให้เขากลับมาสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง 
7 และแผ่นดินนั้นจะเป็นของผู้ที่เหลืออยู่
จากวงศ์วานของยูดาห์ 
พวกเขาจะพบทุ่งหญ้าที่นั่น
เวลาเย็น เขาจะพักผ่อน
เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขา
จะทรงดูแลพวกเขา
และรื้อฟื้นให้เขากลับมาสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง 

พิพากษาโทษโมอับและอัมโมน
8  “เราได้ยินคำดูแคลนจากโมอับ และได้ยินคำเหยียดหยามของชาวอัมโมน พวกเขาสบประมาทประชากรของเราและยังคุยโอ่ ที่จะยึดแผ่นดินของพวกเขา”
 9  ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงประกาศว่า
“เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด 
โมอับจะเป็นเหมือนโสโดม
และชาวอัมโมนจะเป็นเหมือนโกโมราห์ 
แผ่นดินของพวกเขาจะมีแต่วัชพืชและบ่อเกลือ
เป็นที่ทิ้งรกร้างตลอดไป
ประชากรที่เหลือของเราจะปล้นเขาและชนชาติของเราที่รอดชีวิตจะครองแผ่นดินของพวกเขา  (ปฐมกาล 19:24)
10 นี่เป็นการตอบสนองต่อความอหังการของพวกเขา
ตอบสนองที่พวกเขาได้สบประมาทและเยาะหยัน
ประชากรของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ

พิพากษาโทษคูช
11 สำหรับพวกเขาแล้ว พระยาห์เวห์จะทรงเป็นองค์ที่น่ากลัวมาก เพราะพระองค์จะทรงทำลายเทพทั้งหลายของโลก และชาติต่าง ๆ ริมฝั่งทะเลทุกแห่ง ก็จะนมัสการพระองค์จากแผ่นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่
 12  และเจ้าชาวคูชทั้งหลาย 
เจ้าเองจะถูกประหารด้วยดาบของเรา

พิพากษาโทษอัสซีเรีย
13 และพระองค์จะทรงเหยียดพระหัตถ์ออกต่อต้านแผ่นดินทางเหนือและทรงทำลายอัสซีเรีย  พระองค์จะทรงทำให้นครนีนะเวห์กลายเป็นเมืองทิ้งร้าง แห้งแล้งดั่งทะเลทราย 
 14 ฝูงแพะแกะ และฝูงสัตว์ใหญ่จะพักที่นั่น รวมทั้งสัตว์ป่าจากทุกชาติ นกกระทุง นกเค้าแมว จะทำรังตามเสาของเมือง จะได้ยินเสียงร้องของมันผ่านมาทางหน้าตา ซากปรักหักพังจะกองที่ธรณีประตู  พระองค์จะทรงเปิดเผยให้เห็นคานไม้ซีดาร์

 
15  นี่เป็นเมืองที่รุ่งเรืองซึ่งอยู่กันมาอย่างปลอดภัย สุขสบาย  โดยนึกในใจของตนว่า
“เรานี่ไง ไม่มีใครนอกจากพวกเรา”
แล้วมันกลับกลายเป็นที่รกร้าง เป็นที่พักพิงของสัตว์ป่า คนที่ผ่านไปมาก็กระซิบเย้ยหยันและยกกำปั้นขึ้นมา
 (นีนะเวห์ล่มสลาย 612 กคศ.)

คำอธิบายเพิ่มเติม


พระเจ้าทรงเรียกให้กลับใจ
2:1-2  เมื่อพระเจ้าทรงเตือนถึงวันแห่งพระยาห์เวห์ที่น่าสะพรึงแล้ว พระเจ้าก็ทรงเรียกร้องให้พวกเขากลับใจใหม่สิ่งที่ทรงบอกให้ทำก็เป็นขั้นตอนที่ไม่ต้องไปค้นหาที่ไหนให้ผู้คนทั้งหลาย  แสวงหาพระเจ้า เชื่อฟังคำ ตามหาความเที่ยงธรรมและถ่อมใจ  เพื่อว่าพระเจ้าจะเปลี่ยนพระทัย 
พระเจ้าทรงเรียกชาติที่น่าอับอาย  เพราะยูดาห์เองไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าเลย   

2:3 พระเจ้าทรงสั่งให้คนที่ถ่อมตนในแผ่นดิน ซึ่งหมายถึงคนที่ฟังพระดำรัสของพระเจ้า   คนถ่อมตนเป็นคนที่ยอมต่อพระเจ้า  คนเหล่านี้ยังมีโอกาส เพราะว่า วันที่พระเจ้าพิโรธพวกเขาจะมีที่พักพิง
การทำสิ่งที่ถูกต้องต่าง ๆ เหล่านี้ สมควรที่พวกเราจะเริ่มเลย ไม่ต้องไปรอ ไม่ต้องไปคิดว่า พระเจ้ากำลังตรัสกับยูดาห์โบราณ เพราะพระดำรัสนี้มาถึงเราทุกคนในปัจจุบันด้วย เรามีที่พักพิงได้ด้วยความเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เป็นทางเดียวที่เราจะพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้าได้

ต่อไปนี้ พระเจ้าทรงใช้ประเทศต่าง ๆ มาลงโทษคนของพระองค์ แต่ประเทศเหล่านั้นก็จะต้องถูกลงโทษด้วย สี่ชาติล้อมรอบอิสราเอล
พิพากษาโทษฟิลิสเตีย
2:4-5 พระเจ้าทรงพิพากษาอิสราเอล และทรงพิพากษาลงโทษชาติที่อยู่ล้อมรอบอิสราเอลด้วย  พระเจ้าทรงสัญญาว่า จะทำลายเมืองต่าง ๆ ของฟิลีสเตีย และมอบดินแดนนั้นให้กับคนที่เหลืออยู่ของวงศ์วานยูดาห์  ฟิลิสเตียอยู่ทางตะวันตก เป็นคู่ต่อสู้ของอิสราเอลมานานแสนนาน  เมืองทั้งสี่นี้ อยู่ริมฝั่งทะเล ที่จริงยังมีเมืองกาดอีกด้วย แต่เมืองนี้ถูกทำลายไปก่อนหน้าแล้ว (2 พงศาวดาร 26:6) 

2:6 ส่วน เคเรธี มีความหมายว่า ตัดออก เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของชาวเกาะครีต แยกออกมา  เอเสเคียลพูดถึงคนพวกนี้ใน เอเสเคียล 25:16

2:7 แต่แล้วจากการถูกทำลาย แผ่นดินนี้จะกลายเป็นทุ่งหญ้าที่อิสราเอลจะมาพัก และได้รับการรื้อฟื้น  ภาพที่เห็นจากข้อนี้คือ คนที่หลงเหลืออยู่ในยูดาห์ จะครอบครองแผ่นดินที่รกร้าง จะไม่มีสงครามต่อไป  ความเป็นศัตรูระหว่างฟิลิสเตียและยูดาห์จบลง   ยุคที่จะเห็นต่อไปคือ คนของ
พระเจ้าจะอาศัยในแผ่นดินโดยที่ไม่ต้องกลัวสงครามอีก
หมายเหตุ .. ที่น่าสนใจคือ มีผู้ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบัน ปี 2025 นี้เอง ตามไปฟังที่ https://www.youtube.com/watch?v=8yEJlDfTr_o ฟังแล้วพิจารณาดูว่า สิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นอย่างที่เราเห็นกับกาซาได้เกิดขึ้นแล้วบางส่วน

พิพากษาโทษโมอับและอัมโมน
 2:8-10  ชาวโมอับและอัมโมนทั้งดูหมิ่น เหยียดหยาม สบประมาทคนอิสราเอล และตั้งใจจะยึดแผ่นดินอิสราเอลด้วย  พระเจ้าจึงทรงบอกล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
(ทางตะวันตก เป็นกาซา แต่ทางตะวันออกเป็นชาวโมอับ อัมโมน ซึ่งเป็นญาติพี่น้องของอิสราเอล ทางสายของ……
โลท ซึ่งมีลูกกับลูกสาวของตัวเองตอนที่เขาถูกมอมเหล้าเขาเข้าไปอยู่ในเมืองโสโดม และต้องหนีออกมาเมื่อพระเจ้าทรงส่งไฟลงมาผลาญเมือง)
พระเจ้าตรัสผ่านเศฟันยาห์ว่า คนของพระองค์จะเป็นผู้ครอบครองแผ่นดินนั้นแทน ทรงบอกชัดเจนว่า ความหายนะของพวกเขาเกิดขึ้นเพราะพวกเขาอหังการ สบประมาทคนของพระองค์ ซึ่งหมายถึงสบประมาทพระองค์ด้วย
เมื่อมองเหตุการณ์ปัจจุบัน เราจะเห็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ตั้งตนเป็นใหญ่ตามส่วนต่าง ๆ ของโลก และฆ่าล้างผู้ที่เชื่อในพระเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตะวันออกกลาง และอัฟริกา พวกเขาพยายามฆ่าคนของพระเจ้าประจำวัน พวกเขาพูดจาโอหัง โอ้อวด คิดว่าตนเองเก่งที่สุด ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้มีอาวุธ เข้าไปทำร้าย เด็ก ผู้หญิง ที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ …

พิพากษาโทษคูช
2:11-12 หลายท่านให้ความเห็นว่า ภาพที่เกิดขึ้นข้อ 11-12 เป็นภาพที่จะเกิดในอนาคต ในช่วงที่พระเยซูคริสต์ทรงครองหนึ่งพันปี  ในช่วงเวลานั้น พระทั้งหลาย เทพทั้งปวง จะถูกจัดให้เป็นศูนยภาพ  มนุษย์ทั้งโลกจะนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้เท่านั้น (อิสยาห์ 66:18–21)  คูชคือ ประเทศเอธิโอเปีย ทางใต้ของอิสราเอล  ดาบของพระเจ้ามาในการบุกของเนบูคัดเนสซาร์ตอนที่บุกอียิปต์  ดูเอเสเคียล 30:20–25  ซึ่งคูชเองน่าจะโดนด้วย

พิพากษาโทษอัสซีเรีย
2:13  อัสซีเรียนั้นอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิสราเอล เมืองสำคัญคือ นีนะเวห์ พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกเขาที่ได้ทำร้ายอิสราเอลมาก โหดเหี้ยมเกินไป 
เศฟันยาห์รับใช้ในการกล่าวพระดำรัสระหว่างปี 640-612 ปีก่อนคริสตศักราช  ก่อนเหตุการณ์จริงจะเกิดขึ้นในปี 612 ปีก่อนคริสตศักราช  บาบิโลนได้เข้ามาบุก และจากเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการชลประทาน กลับกลายเป็นเมืองร้างที่แห้งผาก
ความคิดที่ว่าตัวเองปลอดภัยเสมอเป็นแค่ความคิดที่หลอกให้ตัวเองตายใจ

 เยเรมีย์  นาฮูม ฮาบากุก เป็นผู้เผยพระดำรัสรุ่นเดียวกัน  (เยเรมีย์รับใช้ไปจนถึง 586 ปีก่อนคริสตศักราช เมื่อบาบิโลนเข้ามากวาดต้อนเชลยไป) 
เราจะเห็นภาพการล่มสลายของนีนะเวห์ชัดเจนขึ้นจากหนังสือนาฮูม 

พระคำเชื่อมโยง

เศฟันยาห์ 2
1* โยเอล 1:14; 2:16
3* อาโมส 5:6; สดุดี 76:9;
อาโมส 5:14-15
4* เศคาริยาห์ 9:5;  เยเรมีย์ 6:4
5* เอเสเคียล 25:15-17; โยชูวา 13:3
6* อิสยาห์ 17:2

7* มีคาห์ 5:7-8; ลูกา 1:68; เยเรมีย์ 29:14
8* เยเรมีย์ 48:27; เอเสเคียล25:3 ;
เยเรมีย์ 49:1
9* อิสยาห์ 15:1-9; อาโมส  1:13;
เฉลยธรรมบัญญัติ 29:23
10* อิสยาห์ 16:6

11* มาลาคี 1:11; ปฐมกาล 10:5
12* อิสยาห์ 18:1-7; สดุดี 17:13
13* อิสยาห์ 10:5-27; 14:24-27
14* อิสยาห์ 13:21; 14:23; 34:11;
เยเรมีย์ 22:14
15* อิสยาห์ 47:8; วิวรณ์ 18:7;
เพลงคร่ำครวญ 2:15; นาฮูม 3:19

เศฟันยาห์ 1 ประกาศการกวาดล้าง

ในเวลานั้น เราจะถือตะเกียงส่องหาไปทั่วนครเยรูซาเล็ม

คำประกาศจากพระยาห์เวห์
1 พระดำรัสของพระยาห์เวห์มาถึงเศฟันยาห์ ลูกชายคูชีซึ่งเป็นลูกชายเกดาลิยาห์ ซึ่งเป็นลูกชายอามาริยาห์ ซึ่งเป็นโอรสของเฮเซคียาห์ ในรัชกาลโยสิยาห์ โอรสกษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์ดังนี้ 
2 องค์พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า
“เราจะรวบรวมกวาดล้างทุกสิ่งออกไปจากแผ่นดินโลก”
3 พระยาห์เวห์ทรงประกาศ  “เราจะกวาดทั้งมนุษย์และสัตว์ ทั้งนกในอากาศ และปลาในทะเล รวมไปถึงรูปเคารพพร้อมกับคนที่กราบไหว้มัน  เราจะตัดขาดมนุษย์ออกไปจากแผ่นดินโลก”
4 และเราจะยื่นมือของเราออกไปสู้ยูดาห์ และคนที่อาศัยในนครเยรูซาเล็ม เราจะตัดคนที่ยังเหลือ ที่กราบไหว้เทพบาอัล  เราจะกำจัดทั้งตัวและชื่อของเหล่าปุโรหิตไร้พระเจ้าที่กราบไหว้รูปเคารพออกไป 
5 เหล่าคนที่ก้มลงกราบบนหลังคาเพื่อบูชาดาวบนท้องฟ้า เหล่าคนที่ก้มลงกราบและสาบานต่อพระยาห์เวห์ และต่อเทพโมเลคด้วย(บางครั้งเรียกมัลคัม)
6 เหล่าคนที่เลิกติดตามพระยาห์เวห์ โดยไม่แสวงหาพระองค์ ไม่ทูลขอคำปรึกษาจากพระองค์ 

วันขององค์พระยาห์เวห์
(มาลาคี 4:1-6; 1 ธส. 5:1-11; 2 เปโตร 3:8-13) 

7 จงนิ่ง เงียบสงบต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เพราะวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว  พระยาห์เวห์ทรงเตรียมเครื่องบูชา และทรงชำระเหล่าแขกผู้รับเชิญของพระองค์ให้บริสุทธิ์ 
8 ในวันถวายเครื่องบูชาขององค์พระยาห์เวห์นั้น เราจะลงโทษเหล่าเจ้านายและโอรสทั้งหลายของกษัตริย์ และทุกคนที่สวมเสื้อผ้าตามแบบอย่างของคนต่างชาติ
 9 ในวันนั้น เราจะลงโทษคนทั้งหลายที่ย่างก้าวข้ามธรณีประตู (เย่อหยิ่ง 1 ซามูเอล 5:5) ซึ่งทำให้วิหารของเจ้านายของพวกเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย และกลโกง  

10  องค์พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า “ในวันนั้น จะมีเสียงร้องดังขึ้นมาจากประตูปลา มีการร้องตะโกนคร่ำครวญจากเขตที่สอง และมีเสียงชนโครมครามดังลั่นจากเนินเขาต่าง ๆ 
11 จงร้องครวญโหยหวน เหล่าคนที่อาศัยในเขตตลาด พ่อค้าทั้งหลายกำลังจะถูกกวาดล้าง  คนที่ค้าขายเครื่องเงินจะถูกตัดออกไป 
12 ในเวลานั้น เราจะถือตะเกียงส่องหาไปทั่วนครเยรูซาเล็ม และเราจะลงโทษทุกคนที่ชะล่าใจ เหมือนเหล้าองุ่นที่ตกตะกอน โดยคิดในใจว่า
‘องค์พระยาห์เวห์จะไม่ทรงทำสิ่งใด ไม่ว่าดีหรือร้าย’
 13 พวกเขาจะถูกปล้นความมั่งคั่งไป
บ้านเรือนของพวกเขาก็จะกลายเป็นที่ร้างเปล่า 
พวกเขาจะสร้างบ้าน
แต่ไม่ได้อยู่อาศัยในบ้านเหล่านั้น
พวกเขาจะปลูกสวนองุ่น
แต่จะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากสวนเหล่านั้น”

วันยิ่งใหญ่ขององค์พระยาห์เวห์ 
14 วันยิ่งใหญ่ขององค์พระยาห์เวห์ใกล้เข้ามาแล้ว ใกล้เข้ามาและจะมาอย่างรวดเร็ว  จงฟังเถิด เสียงร้องในวันขององค์พระยาห์เวห์ จะขมขื่นนัก! ที่นั่น คนที่เข้มแข็งจะส่งเสียงร้องออกมา 
15  วันนั้น เป็นวันแห่งพระพิโรธ
วันแห่งความทุกข์ลำเค็ญ
และความเจ็บปวดรวดร้าว
วันแห่งหายนะและวันที่ถูกทิ้งร้าง 
วันแห่งความมืดทมึนและ
ความหมองหม่น
วันที่เต็มด้วยเมฆหมอกและความดำมืดมิด 
16 วันแห่งเสียงแตร
และเสียงเตือนถึงสงคราม ซึ่งต่อสู้กับเมืองที่มีการคุ้มกันแข็งแกร่ง ต่อสู้กับหอสูงตามมุมกำแพงเมือง
17 เราจะนำความลำบากมายังผู้คน พวกเขาจะเดินอย่างคนตาบอดเพราะพวกเขาได้ทำบาปต่อองค์พระยาห์เวห์
และเลือดของพวกเขาจะไหลออกมาท่วมแผ่นดิน 
เนื้อหนังของเขาจะเป็นเหมือนมูลสัตว์ 
18 เงิน และทองของพวกเขาไม่อาจจะช่วยเขา
จากภัยพิบัติในวันแห่งพระพิโรธของพระเจ้าได้
ไฟแห่งความหวงแหนของพระองค์
จะเผาผลาญทั่วทั้งแผ่นดินโลก
เพราะพระองค์จะทำให้ทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินโลก
ถึงจุดจบอย่างกระทันหัน!” 

อธิบายเพิ่มเติม


ชื่อเศฟันยาห์ (צְפַנְיָה֙) มีความหมายตามตัวอักษรว่า พระยาห์เวห์ทรงซ่อน หรือ พระยาห์เวห์ทรงรักษาไว้
พระเจ้าตรัสกับเขาในช่วงรัชกาลของโยสิยาห์ (640-609 ปีก่อนคริสตศักราช)
เศฟันยาห์เผยพระดำรัสสมัยกษัตริย์โยสิยาห์ ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ตั้งแต่เด็ก โดยที่ครองไปแล้ว 10 ปีจึงเกิดการฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณในประเทศอิสราเอลทางใต้ มีความเห็นกันว่า เศฟันยาห์คงเขียนพระดำรัสนี้ออกมาก่อนการฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณ
หลังจากสิ้นพระชนม์ไม่นาน แค่สี่ปี บาบิโลนก็เข้ามาโจมตี ทำลายพระวิหาร ยึดทรัพย์สินไป และกวาดคนยากจนพร้อมกับข้าราชการและทหารจำนวนมากไปเป็นเชลย
ปี 586 มีการก่อหวอดขึ้นมา ทำให้บาบิโลนมาอีกครั้ง และทำลายเยรูซาเล็มอย่างสิ้นเชิง ทิ้งคนยากจนที่สุดไว้ในแผ่นดินร้าง
เศฟันยาห์ยังเตือนให้คนอิสราเอลแสวงหาพระเจ้า และยังเห็นถึงการที่คนต่างชาติจะได้เข้ามาอยู่ในการคุ้มครองของพระเจ้า ซึ่งหมายถึงพวกเราที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ (3:9-10; วิวรณ์ 7:9-17) พระเจ้าจะทรงกวาดล้างคนในโลก
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีความหวังที่จะได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงฤทธิ์ที่จะช่วยได้ (3:17)


คำประกาศจากพระยาห์เวห์
1:1 เราจะเห็นว่า คนที่พระเจ้าทรงส่งมานั้น เป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก และตรัสกับเขาโดยตรง พวกเขาที่เป็นผู้เผยพระดำรัสแท้นั้น ไม่ได้เป็นคนที่เลือกตัวเอง หรือพยายามจะเป็น หรือตั้งใจจะมีอาชีพอย่างนี้  คนเราในสมัยใหม่นี้ก็เหมือนกับสมัยก่อน  มีหลายแบบทั้งแบบที่พระเจ้าทรงเรียก และแบบที่ตั้งตัวเองขึ้นมา
เศฟันยาห์ผู้นี้ เป็นญาติกับกษัตริย์โยสิยาห์ด้วย
……..ลำดับเปรียบเทียบชีวิตเศคาริยาห์ กับก.โยสิยาห์

1:2 เราจะเห็นจากพระดำรัสว่า พระองค์ทรงโกรธมาก เพราะทรงตั้งพระทัยที่จะกวาดล้าง ทุกอย่างออกจากโลก
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ..​พร้อมกับรูปเคารพทั้งปวง
เป็นการทำลายล้างทั้งหมด ไม่เว้น ไม่ว่าจะกับคนยูดาห์ คือคนที่พระองค์ทรงเลือก และยังหมายถึงคนทั่วโลกด้วย (อ่านวิวรณ์  19)
เศฟันยาห์กล่าวว่า พระยาห์เวห์ทรงประกาศ .. ไม่ใช่คำที่มาจากตัวเขา แต่มาจากพระเจ้า 

1:4 พระเจ้าทรงเลือกอิสราเอลไว้เพื่อว่าเขาจะเป็นคนของพระองค์  ทรงยื่นพระหัตถ์มาเพื่อทำลาย(เป็นสำนวนที่บอกถึงการกระทำที่เป็นศัตรูอย่างรุนแรง))คนที่กราบไว้รูปเคารพออกไปให้หมด  การไหว้รูปเคารพเป็นการทำลายพันธสัญญาที่มีต่อกันอย่างโจ่งแจ้ง  สิ่งที่เห็นคือ การกราบไหว้รูปเคารพทั้งส่วนตัว ทั้งในที่สาธารณะ  เอารูปเคารพเข้ามาในพระวิหาร   มีการเอาคนที่ไม่ใช่วงศ์วานอาโรนมาเป็นปุโรหิต  เลิกติดตามพระเจ้า  สมัยของกษัตริย์มานัสเสห์ 
เหตุใดพระเจ้าจึงทรงกริ้วยิ่งนัก  ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้าง ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้ (อิสยาห์ 40:25) แต่มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง ทรงสอนให้รู้จักพระองค์ กลับเลือกที่จะกราบไหว้สิ่งที่ทำขึ้นมาจากน้ำมือของตัวเอง เป็นการดูหมิ่นพระองค์เป็นที่สุด 

1:5-6  โมเลค เป็นเทพของชาวอัมโมนที่จะมีการเอาเด็กเผา เป็นเครื่องบูชา (1 พงศ์กษัตริย์ 11:5, 33; 2 พงศ์กษัตริย์  23:10; เยเรมีย์ 32:35)  พวกผู้นำ ปุโรหิตยังได้ก้มกราบเหล่าเทพต่าง ๆ ที่คนอัสซีเรียนับถือ อย่างเช่นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวต่าง  ( 2 พงศ์กษัตริย์  23:11; เยเรมีย์ 19:13; 32:29 )  เศฟันยาห์กล่าวชัดเจนว่า พวกเขาทำอะไรบ้าง และกำลังกล่าวโทษพวกเขา 

วันขององค์พระยาห์เวห์
1:7  ในขณะที่ผู้คนกำลังร่ายรำ กำลังทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสนองความพอใจของตัวเองนั้น เศคาริยาห์สั่งให้พวกเขาสงบ หยุดทุกอย่าง  พวกเขาต้องเตรียมตัวที่จะพบเจอกับพระพิโรธของพระเจ้า  ต้องเตรียมพบวันที่พระเจ้าจะทรงตอบแทนสิ่งที่พวกเขาได้ดูหมิ่นพระองค์อย่างร้ายแรง 
ฮาบากุกเองก็สั่งให้คนของพระเจ้านิ่งสงบต่อพระองค์เช่นกัน  (ฮาบากุก 2:20)
การนิ่งสงบ ประกอบด้วย หยุดพฤติกรรมทั้งสิ้นที่ต่อต้านพระเจ้า ก้มลงรับฟังพระองค์ด้วยใจที่สยบต่อพระองค์
พวกเขาจะต้องพิจารณาเห็นความแตกต่างระหว่างพระผู้สร้างกับสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา  มนุษย์ไม่อาจแก้ตัวต่อพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้านายเหนือจักรวาลได้   

1:8 การสวมเสื้อผ้าตามแบบคนต่างชาติที่เหล่าเจ้านาย เจ้าชายทั้งหลายสวมนั้น ทำให้รู้ว่า พวกเขากำลังเข้าไปรับความเชื่อ ประเพณีของคนต่างชาติที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้าเข้ามา แสดงว่า พวกเขารักและพอใจกับค่านิยมชาวต่างชติ ทำให้เร้าพระพิโรธของพระเจ้าขึ้นมา (เฉลยธรรมบัญญัติ   22:11-12)
พระองค์ทรงเตือนว่าจะลงโทษเจ้านาย เจ้าชายทั้งหลาย ซึ่งต่อมานั้นพวกเขาก็โดนตามนั้นจริง ๆ 
โอรสชื่อเยโฮอาหาสไปเป็นเชลยในอียิปต์ (2 พงศ์กษัตริย์ 24:34)
โอรสชื่อ เยโฮยาคิม พ่ายแพ้เนบูคัดเนสซาร์ ตายในเยรูซาเล็ม   (2 พงศ์กษัตริย์ 24:1-6)
หลานของกษัตริย์โยสิยาห์คือ เยโฮยาคีน ถูกกวาดไปเป็นเชลยในบาบิโลน (2 พงศ์กษัตริย์ 24:8-16 )
เศเดคียาห์โอรสองค์สุดท้ายของกษัตริย์โยสิยาห์ ถูกควักดวงตา และไปเป็นเชลยในบาบิโลน  (2 พงศ์กษัตริย์ 24:18-25:7)

1:9 การก้าวข้ามธรณีประตูอาจมีความหมายได้หลายอย่าง
ตัวอย่างคนชาวอัชโดดที่ไม่ให้เท้าเหยียบธรณีประตู เพราะรูปปั้นของพวกเขาล้มลงฟาดธรณีประตู (อ่าน 1 ซามูเอล 5:1-5)  การที่คนยูดาห์ทำเช่นนั้น ทำให้รู้ว่า พวกเขานับถือกฎเกณฑ์ของความเชื่ออื่นอย่างเคร่งครัด 

1:10-11 สองข้อนี้ ทำให้เรารู้ว่า เศฟันยาห์รู้จักกรุงเยรูซาเล็มเป็นอย่างดี  และดูเหมือนว่า แทบทุกส่วนของเมืองจะถูกพระเจ้าลงโทษ วันที่ผู้เขียนกำลังเขียนเรื่องนี้ (สัปดาห์ที่สามของเดือนกรกฎาคม 2025) มีเหตุการณ์ที่ชนกลุ่มน้อยชาวดรูซและคริสเตียนในซีเรีย ถูกกลุ่มอิสลามหลายกลุ่มเข้ามาและฆ่าล้างพวกเขาในทางใต้ของซีเรีย เรายังได้ยินเสียงร้องที่น่ากลัวของพวกเขาอยู่ในความทรงจำเลย.. พวกเขาได้หนีเข้ามาอยู่ในเขตอิสราเอลเป็นแสน ๆ คน   แต่ในวันของพระเจ้า เราจะหนีไปไม่พ้น.

1:12 คนที่ทำชั่วไม่ว่าในสมัยใด มักจะคิดกันอย่างนี้คือ พระเจ้าจะไม่สนพระทัยว่า พวกเขาทำดีหรือทำร้าย  ศาสนาบางอย่างยังเชื่อด้วยว่า พระของเขาสนับสนุนการฆ่าล้างคนที่ไม่เชื่อเหมือนเขา
1:13 สิ่งที่พระเจ้าทรงเตือนชัดเจนคือ ทุกสิ่งที่สร้าง ที่ปลูกเพื่อจะได้มีชีวิตที่สบายจะถูกทั้งทำลาย และเอาไปจากพวกเขา ดังนั้นที่คิดว่า พระเจ้าไม่สนพระทัย ไม่ทำสิ่งใดนั้น เป็นความเข้าใจผิด เป็นการหมิ่นน้ำพระทัยของพระองค์อย่างยิ่ง

วันยิ่งใหญ่ขององค์พระยาห์เวห์ 
1:14-16  สามข้อนี้ เป็นคำแบบเดียวกับ โยเอล  2:1-11
เน้นย้ำถึงความรวดเร็วที่พระยาห์เวห์เสด็จมาต่อต้านประชากรของพระองค์ วันอันน่าสะพรึงกลัวของพระยาห์เวห์นั้น  ใกล้เข้ามาและมาอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครหนีออกไปได้ แม้คนเข้มแข็งก็รู้ว่าตัวเองถึงจุดจบแน่แล้ว  ครั้งนี้เป็นวันแห่งความมืด ไม่มีความหวังหลงเหลืออยู่เลย  หากเราเจอวันที่มืด มืดมิดอย่างหนามาก ๆ เราจะทำอะไรได้?  คนที่เคยอยู่ในคุกมืดจะบอกได้ว่ามันคืออะไร และเราไม่น่าจะต้องไปสัมผัสเหตุการณ์อย่างนั้นในเมื่อพระเจ้าทรงเตือนเราแล้วในเวลานี้
อ่านซ้ำ ๆ อ่านให้เข้าไปในความรู้สึก ในใจ ในความคิด ของเรา และให้เราช่วยตัวเองและเพื่อนรอบข้างให้ไม่ต้องเจอสภาพนี้  
คนที่พบกับสงครามในเวลานี้จะรู้สึกได้ไปถึงกระดูก เมื่อพระเจ้าทรงเตือน ขอเราฟังให้ดี  เขียนออกมาว่า ในวันแห่งพระพิโรธ เราจะพบกับอะไรบ้าง …​สงครามเป็นตัวบ่งบอกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงนำมาให้เพื่อนำให้พวกเขากลับใจ
แม้เมืองที่มีการคุ้มกันอย่างดี ก็ไม่อาจหนีพ้นได้

ผลที่เกิดขึ้นจากการพิพากษาของพระเจ้า
1:17  สภาพของคนที่ทรยศพระเจ้าทั้ง  ที่พระองค์ทรงเตือนพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เป็นแบบนี้ น่าสยดสยองจริง ๆ
นี่คือผลที่ได้จากการที่พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์เข้ามาต่อต้านมนุษย์

1:18 วันของพระเจ้ามาอย่างรวดเร็ว  ไม่ทันตั้งตัว พวกเขาจะถึงจุดจบอย่างทันควัน
พระเจ้าทรงแสดงออกถึงความหวงแหนของพระองค์ พระองค์ทรงได้รับบาดแผลและทรงเรียกร้องการแก้แค้น
คนที่ทำให้พระเจ้าพิโรธได้ขนาดนี้ ต้องทำอย่างสุดขั้วเช่นกัน เพราะพระเจ้าทรงพิโรธช้า 
พวกเขาเข้าใจบ้างแล้วหรือยังว่า ทำอะไรลงไป? 

พระคำเชื่อมโยง

เศฟันยาห์ 1
1* 2 พงศ์กษัตริย์ 22:1-2
3* โฮเชยา 4:3
4* โฮเชยา 10:5
5* 2 พงศ์กษัตริย์ 23:12; โยชูวา 23:7
6* อิสยาห์ 1:4; โฮเชยา 7:7

7* เศคาริยาห์ 2:13; อิสยาห์ 13:6;
เยเรมีย์ 46:10
8* เยเรมีย์ 39:6
9* 1 ซามูเอล 5:5
10* 2 พงศาวดาร 33:14
11* ยากอบ 5:1
12* เยเรมีย์ 48:11; สดุดี 94:7

13* เฉลยธรรมบัญญัติ 28:39
14* โยเอล 2:1,11
15* อิสยาห์ 22:5
16* เยเรมีย์ 4:19
17* เฉลยธรรมบัญญัติ  28:29
18* เอเสเคียล 7:19