อาโมส 2 ยูดาห์ อิสราเอลก็ไม่พ้น

1พระยาห์เวห์ตรัสว่า ““เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษโมอับ เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาได้เผากระดูกของกษัตริย์เอโดมจนกลายเป็นผงปูน

2  ดังนั้น เราจะส่งไฟลงมายังโมอับ ไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมต่าง ๆ แห่งเคริโอท  โมอับจะตายไปท่ามกลางความวุ่นวาย พร้อมเสียงตะโกนและเสียงแตรเขาแพะผู้

3 เราจะกำจัดผู้พิพากษาจากแผ่นดิน จะประหารเหล่าข้าราชการไปพร้อมกับเขา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น 

1:1-2 แม้โมอับจะถูกทำลาย แต่มีคนหนึ่งที่มาจากโมอับและกลายมาเป็นย่าทวดของกษัตริย์ดาวิด นั่นคือนางรูธ
โมอับเป็นชนชาติที่สืบเชื้อสายจากโลทและลูกสาวคนรองของเขา (ปฐมกาล 19:37)
การเผากระดูกจนกลายเป็นผงปูนสำหรับพวกเขาเป็นเรื่องใหญ่ แทนที่จะนำศพไปฝังอย่างสมควร เขากลับแสดงถึงความเกลียดชังอย่างรุนแรงและการไม่มีความเคารพใด ๆ หลงเหลืออยู่    พระเจ้าจะทรงส่งไฟมาผลาญพวกเขา พวกเขาจะพินาศในสงครามนั่นเอง
คนที่พระเจ้าจะทรงลงโทษอย่างรุนแรงคือผู้นำ 
เคริโอทเป็นเมืองสำคัญของโมอับ เป็นที่ตั้งเทพโคโมสซึ่งเป็นเทพประจำชาติ

คำพิพากษาเหนือยูดาห์

4 พระยาห์เวห์ตรัสว่า ““เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษยูดาห์เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาปฏิเสธคำสอนของพระยาห์เวห์ และไม่ได้รักษาบทบัญญัติของพระองค์  คำมุสาที่บรรพบุรุษของพวกเขาติดตามนั้น ทำให้เขาหลงทางไป
 
5 ดังนั้น เราจะส่งไฟมายังยูดาห์ และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมทั้งหลายของเยรูซาเล็ม

2:4-5
ผู้คนได้ฟังคำพิพากษาของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติเพื่อนบ้านจาก อาโมส  แล้วในที่สุดพวกเขาก็ได้ยินเองว่า พระเจ้าจะทรงลงโทษที่พวกเขาทำผิดต่อพระองค์เช่นกัน  คำพิพากษาก็มาถึงยูดาห์ ชนชาติอิสราเอลทางใต้
พวกเขาทำอะไรที่ทำให้พระเจ้าพิโรธ? 
ที่สำคัญคือ เขาไม่ฟังคำบัญชา ไม่ทำตามบทบัญญัติโมเสส  แต่หลงไปตามคำโกหกของพวกผู้นำ  และผู้เผยพระดำรัสปลอม
(อิสยาห์ 3:12; 28:15; ,มีคาห์  3:5)  ผู้นำฝ่ายวิญญาณทำให้คนหลงทางไปจากพระเจ้า  ในเมื่อพวกเขาทำบาป นครเยรูซาเล็มที่พวกเขาเชิดชูจะถูกเผา ซึ่งเกิดขึ้นจริงในเวลาต่อมาเมื่อเนบูคัดเนสซาร์เข้ามาบุกและกวาดคนไปเป็นเชลย

คำพิพากษาเหนืออิสราเอล
6   พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เรายังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษอิสราเอลเพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า(สามครั้ง สี่ครั้ง) เพราะเขาได้ขายคนเที่ยงธรรมแลกกับเงิน และคนที่ขัดสนแลกกับรองเท้าเพียงคู่เดียว
 
7  เขาได้เหยียบย่ำศีรษะของคนยากจนราวกับเดินย่ำฝุ่น และขัดขวางความยุติธรรมกับคนที่ถูกข่มเหง
พ่อกับลูก เข้าหาผู้หญิงคนเดียวกัน เป็นการดูหมิ่นพระนามบริสุทธิ์ของเรา
8 พวกเขานอนลงข้างแท่นบูชาทุกแห่ง โดยยังสวมเสื้อผ้าที่ยึดมาเป็นประกัน และในวิหารเทพของเขา เขาก็ดื่มเหล้าองุ่นที่ยึดมาเป็นค่าปรับ

2:6-8 อิสราเอลกับยูดาห์แยกกันมากว่าสองร้อยปีแล้ว  และมีการรบพุ่งกันเนือง ๆ  ( 1 พงศ์กษัตริย์ 14:30; 15:7, 16-21; 2    พงศ์กษัตริย์ 14:8-14) จึงมีความรู้สึกเป็นศัตรูต่อกันทั้ง ๆ ที่เป็นชนชาติเดียวกัน พระเจ้าทรงแยกความผิดของทั้งสอง

เหตุผลที่พระเจ้าจะทรงลงโทษอิสราเอลนั้นชัดเจน อาโมสได้บรรยายความผิดของอิสราเอลอย่างชัดเจน ที่สำคัญพวกเขาทำร้ายพี่น้องของตนเอง ชนชาติของตนเอง
-พวกเขาค้ามนุษย์ ! เขาขายคนเที่ยงธรรมให้เป็นทาส คนยากจนก็เช่นกันไม่ยอมให้เวลาที่คนเหล่านั้นจะหาเงินมาไถ่ถอน
-เขาดูหมิ่นเหยียบย่ำ คนยากจน (อิสยาห์ 3:15) ราวเดินย่ำฝุ่นคือ เขาจะเอาทุกอย่างทั้งที่ดิน บ้าน ของคนยากจนที่เป็นหนี้เขา เอาแม้กระทั่งฝุ่นบนศีรษะของพวกเขา!!
-ไม่ยอมช่วยคนถูกข่มเหง
-เขาทำผิดทางเพศ เป็นการดูหมิ่นพระนามบริสุทธิ์ ทำให้ผู้คนไม่ได้มองเห็นว่าพระเจ้าทรงอยู่สูงส่ง บริสุทธิ์
-การประกันเสื้อผ้านั้น เมื่อคนเอาเงินมาคืน เขาควรจะคืนเสื้อผ้าในวันนั้น แต่กลับเอาไปสวมใส่ทำสิ่งน่าขยะแขยง แทนที่คนยากจนนั้นจะใช้คลุมตัวยามค่ำที่หนาวเหน็บ (อพยพ 22:25-27)   
-พวกเขายังดื่มเหล้าองุ่นที่ขโมยมาจากคลังซึ่งเป็นเหล้าองุ่นที่ประชาชนจ่ายเป็นภาษี เขานอนทำสิ่งน่าชังข้างแท่นบูชา ทำสิ่งน่ารังเกียจในวิหารเทพที่พระเจ้าทรงชัง
ทั้ง ๆ ที่พวกเขารู้จักพระบัญญัติของพระเจ้าแต่เขาไม่ใส่ใจที่จะรักษาเลย​

9 “เป็นเราเองที่ได้ทำลาย ชนอาโมไรต์ต่อหน้าต่อตา ขณะที่อิสราเอลบุกเข้าไปพวกเขาสูงตระหง่านดั่งต้นสนซีดาร์ และแข็งแรงราวต้นโอ๊ก  เราได้ทำลายผลซึ่งอยู่ข้างบน และรากซึ่งอยู่ด้านล่าง 
10  และเราพาพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์  นำเจ้าผ่านถิ่นกันดารตลอด 40 ปี  เพื่อเจ้าจะได้ครอบครองดินแดนของชาวอาโมไรต์ 

2:9-10 ชนอาโมไรต์เป็นคนที่อยู่ในดินแดนคานาอัน มีกษัตริย์ ที่เข้มแข็งมาก อาโมสได้บอกว่า เขาเป็นคนตัวโต ตัวใหญ่แข็งแรงมาก และพระเจ้าทรงทำลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิง พระเจ้าทรงเอาชนะเขาโดยไม่เหลือ พระเจ้าประทานดินแดนนี้ให้อิสราเอล คนของพระองค์ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นพระพรแก่ประชาชาติ
ข้อสิบนี้พระเจ้ากำลังตรัสว่า พระองค์ทรงไถ่เขาออกมาจากการเป็นทาส ทรงซื่อตรงต่อพวกเขาอย่างที่ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัม พระองค์ทรงเอาเขาออกมาจากถิ่นกันดาร คือที่ ๆ ไม่มีอะไรเลยทรงนำพวกเขาสี่สิบปี จากสถานที่ซึ่งมีแต่ความว่างเปล่า มายังดินแดนที่สมบูรณ์ ที่ ๆ มั่นคง ไม่ต้องพเนจร เร่ร่อนอีกต่อไป

11  เราได้ตั้งลูกชายของบางคนให้เป็นผู้เผยพระดำรัส และชายหนุ่มบางคนให้เป็นนาศีร์  โอ อิสราเอลเอ๋ย  นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม?”  องค์พระยาห์เวห์ทรงประกาศ 
12 “แต่เจ้ากลับบังคับให้นาศีร์ดื่มเหล้าองุ่น
และยังสั่งผู้เผยพระดำรัสว่า “อย่าเผยพระดำรัส”
13 ดูเถิด เรากำลังจะขยี้เจ้าในที่ของเจ้า
เหมือนเกวียนที่บรรทุกข้าวเต็มบดขยี้ข้าว”
14 แม้แต่คนที่ว่องไวก็จะหนีไม่ทัน
คนที่แข็งแกร่งไม่อาจสู้ได้ด้วยกำลังของตน
คนที่กล้าหาญไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้ 
15 นักแม่นธนูไม่อาจยืนหยัดได้
คนที่ขาว่องไวรวดเร็วไม่อาจรักษาตัวเองไว้ได้
และคนที่ขี่ม้าจะเอาชีวิตไม่รอด 
16 แม้นักรบที่กล้าหาญที่สุด
ยังต้องเปลือยกายหนีออกไปในวันนั้น”
พระยาห์เวห์ทรงประกาศ

 2:11-13 พระเจ้าจะทรงนำให้บางคนเป็นผู้เผยพระดำรัสของพระเจ้า และบางคนเป็นนาศีร์ ซึ่งเป็นคนที่จะไม่ตัดผม ไม่ดื่มเหล้าองุ่น จะใช้ชีวิตอุทิศแด่พระเจ้า  ไม่ยอมรับสิ่งใดที่ต่อต้านพระทัยของพระเจ้า และจะเชื่อฟังพระองค์ แต่อิสราเอลกลับไม่ยอมฟังคนเหล่านี้ ไม่ยอมฟังพระดำรัสของพระเจ้าที่ผ่านคนเหล่านี้  บังคับให้นาศีร์ทำผิดต่อพระเจ้า บังคับให้ผู้เผยพระดำรัสปิดปาก  การลงโทษที่จะลงมานั้น จะทำให้พวกเขาพังพินาศ เหมือนข้าวที่ถูกขยี้จนแหลกละเอียด 

2:14-16 ในวันที่พระเจ้าทรงพิพากษา  ไม่มีใครจะหนีพ้นไปได้ คนที่เก่งที่สุดในแต่ละด้าน  กองทัพที่แข็งแกร่งยังหนีไม่รอด แล้วคนที่เหลือจะเป็นอย่างไร 

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 2
1* เศฟันยาห์ 2:8-11; 2 พงศ์กษัตริย์ 3:26-27
2* เยเรมีย์ 48:24, 41
3* กันดารวิถี 24:17
4* โฮเชยา 12:2; เลวีนิติ 26:14; เยเรมีย์ 16:9; เอเสเคียล 20:13, 16, 18
5* โฮเชยา 8:14

6* 2 พงศ์กษัตริย์ 17:7-18; 18:2; อิสยาห์ 29:21; อาโมส 4:1; 5:11; 8:6
7* อาโมส 5:12; เอเสเคียล 22:11; เลวีนิติ 20:3
8* 1โครินธ์ 8:10; อพยพ 22:26
9* กันดารวิถี  2:25; เอเสเคียล 11:3; มาลาคี 4:1

10* อพยพ 12:51; เฉลยธรรมบัญญัติ 2:7
11* กันดารวิถี 12:6; 6:2-3
12* อิสยาห์ 30:10
13* อิสยาห์ 1:14
14* เยเรมีย์ 46:6; สดุดี 33:16

อาโมส 1 พิพากษาเมืองต่าง ๆ

1 ถ้อยคำของอาโมสผู้เป็นหนึ่งในผู้เลี้ยงแกะ
จากเมืองเทโคอา  เป็นสิ่งที่เขาเห็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับอิสราเอลสองปีก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว
ในรัชกาลอุสซียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์
และเยโรโบอัม บุตรเยโฮอาช เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล

 2 เขากล่าวว่า“องค์พระยาห์เวห์ ทรงเปล่งพระสุรเสียงดั่งสิงห์คำรามจากศิโยน ทรงเปล่งพระสุรเสียงจากเยรูซาเล็ม  ทุ่งหญ้าของคนเลี้ยงแกะทั้งหลายก็แห้งไป และยอดเขาคารเมลก็แห้งไปด้วย”

1:1. อาโมสเป็นคนเลี้ยงแกะและดูแลสวนมะเดื่อ(7:14-15)จากเมืองโทโคอาซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศ อยู่ทางใต้ของเยรูซาเล็มไป 16 กิโลเมตร แต่พระเจ้าทรงส่งเขาไปทางเหนือเพื่อเตือนให้ผู้นำอิสราเอล และประชาชนกลับใจใหม่   จากที่เขาบอกว่า เขากล่าวพระดำรัสของพระเจ้าสองปีก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว

เขาเป็นคนในรัชกาลอุสซียาห์ (792-740 ปีก่อนคริสตศักราช) ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ปกครองดี และนำความเจริญมาให้ยูดาห์ทางใต้เป็นอย่างมาก ส่วนกษัตริย์ที่ปกครองทางเหนือนั้นคือเยโรโบอัม (793-753 ปีก่อนคริสตศักราช) เป็นกษัตริย์ที่ส่งเสริมการไหว้รูปเคารพในหมู่ผู้นำและประชาชน  ในรัชกาลนี้ มีความมั่งคั่งมาก สะมาเรียเป็นเมืองหลวง  แต่ถึงอย่างนั้นชาวนาก็ยากจน และยากลำบากมาก  คนชั้นสูง ผู้นำต่างให้ยืมเงิน เมื่อพวกเขาไม่มีจะคืน ก็จับคนยากจนเหล่านี้มาเป็นทาส ยึดที่ดินของพวกเขาไปด้วย 

อาโมสเป็นผู้เผยพระดำรัสรุ่นเดียวกับ โฮเชยา อิสยาห์ มีคาห์ 

1:2 เมื่อพระเจ้าตรัส พระองค์ไม่ได้ตรัสเบา ๆ เตือนเล็กน้อย แต่พระองค์ทรงตรัสด้วยพระพิโรธ  ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงของพระองค์จะเป็น เหมือนอย่างทุ่งหญ้า และต้นไม้เขียวขจีบนภูเขา คือจะเหี่ยวแห้งไป

คำพิพากษามายังเพื่อนบ้านของอิสราเอล  1:3-2:16
3 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษดามัสกัส เพราะเขาได้เหยียบย่ำกิเลอาดด้วยเลื่อนคราดเหล็กสามครั้ง สี่ครั้งแล้ว 
4 ดังนั้น เราจะส่งไฟมาเผาผลาญราชวังของฮาซาเอล  และจะเผาไหม้ป้อมทั้งหลายของเบนฮาดัด 
5  เราจะทำลายประตูเมืองดามัสกัส
และกำจัดผู้ปกครองซึ่งอยู่ในหุบเขาอาเวน
รวมทั้งผู้ที่ถือคทาในเบทเอเดน 
ประชาชนในอารัมจะถูกกวาดไปเป็นเชลยที่เมืองคีร์”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น 

1:3-5 เมืองแรกที่พระเจ้ากล่าวถึงคือดามัสกัสซึ่งอยู่ในซีเรีย พวกเขาเข้ามาบุกเมืองกิเลอาดทางตะวันออกของทะเลกาลิลี  พวกเขาใช้วิธีการใช้เลื่อนเหล็กเข้ามา ซึ่งมีความหมายว่า ถอนรากถอนโคนกิเลอาดเลย  
ฮาซาเอล และเบนฮาดัดนั้นเป็นชื่อของกษัตริย์เมืองดามัสกัส 
คำว่าทำผิดสามครั้ง สี่ครั้ง คือเป็นการทำผิดต่อพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงต้องรับโทษ

หุบเขาอาเวน คือหุบเขาแห่งความชั่วร้าย
เบทเอเดน คือบ้านแห่งความหรรษา อาโมสพูดสองแห่งนี้ให้คล้องจองกัน
ประชาชนในอารัม คือในซีเรีย
เมืองที่ทิกลัท ปีเลเสอร์ ที่ 3กษัตริย์อัสซีเรียได้จับคนชาวซีเรีย (หรืออารัม)ส่งไปเป็นเชลยคือเมืองคีร์ (ไม่ทราบแน่ว่าอยู่ที่ใด แค่ว่าเป็นเมืองในซีเรีย ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 16:7-9)

6 พระยาห์เวห์ตรัสว่า
“เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษกาซา เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า(สามครั้ง สี่ครั้งแล้ว  ) เพราะพวกเขากวาดต้อนคนทั้งชุมชนออกไปมอบให้แก่เอโดม  
7 ดังนั้นเราจะส่งไฟลงมาเผากำแพงเมืองกาซา และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมทั้งหลายของเมือง

8 เราจะกำจัดผู้ปกครองของอัชโดด
และคนที่ถือคทาจากอัชเคโลน
เราจะหันมือของเรามาสู้กับเอโครน
และคนที่เหลือของฟีลิสเตียจะพินาศไป”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น   


1:6-7  เมืองกาซา เป็นเมืองหนึ่งของชาวฟีลิสเตีย (อัชโดด อัชเคโลน และเอโครน)ไปกวาดต้อนคนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ส่งต่อให้เอโดม เอาไปเป็นทาส   พระเจ้าจะทรงเผาเมืองกาซาและปัอมแข็งแรงทั้งหมดของเขา 

1:8 เมืองอัชโดด อัชเคโลน และเอโครน เป็นเมืองของพวกฟีลิสเตียเช่นเดียวกัน  พระเจ้าจะไม่ให้มีคนเหลืออยู่ 


9 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ “เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษไทระ เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า (สามครั้ง สี่ครั้งแล้ว  ) เพราะเขาได้มอบคนทั้งชุมชนซึ่งเป็นเชลยให้กับเอโดม โดยไม่คำนึงถึงสัญญาไมตรีอย่างพี่น้องที่มีต่อกัน
 
10  ดังนั้น เราจะส่งไฟลงมาเผากำแพงเมืองไทระ  และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมเมืองทั้งหลาย”

1:9-10 ไทระซึ่งอยู่ทางเหนือ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นของชาวฟีนิเชีย เคยทำสัญญาพี่น้องกับอิสราเอลเพื่อทำการค้าร่วมกัน  แต่แล้ว พวกเขาก็ได้ขายคนอิสราเอลเหล่านี้ไปเป็นทาสยังเอโดม  พวกเขายังปล้นสะดมเมืองต่าง ๆ โดยไม่สนใจว่าตนเองได้ทำสัญญาไว้แล้ว 

11 พระยาห์เวห์ตรัสว่า ““เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษเอโดม เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า (สามครั้ง สี่ครั้งแล้ว)
เพราะเขาได้ไล่ล่าพี่น้องของเขาด้วยดาบ ไม่มีความเมตตาในใจของเขา  ใจของเขามีแต่ความโกรธพลุ่งพล่านไม่หยุดหย่อน และเขาเก็บโทสะไว้อย่างไม่จบสิ้น
12 ดังนั้นเราจะส่งไฟลงมาเผาเทมาน และจะเผาผลาญป้อมแห่งโบสราห์”

1:11-12 เราจะรู้จักเอโดมได้ดีขึ้น โดยไปอ่านจากโอบาดีย์ว่าพวกเขาเป็นคนอย่างไร ในข้อนี้ พระเจ้าจะทรงลงโทษเขาเพราะพวกเขาไม่เมตตาใคร มีแต่ความโกรธ โหดเหี้ยมต่อผู้อื่น  พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะเผาเทมาน และจะเผาผลาญป้อมแห่งโบสราห์ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของเอโดม”
เราจำเทมานได้ไหม เขาเป็นหลานของเอซาว (ปฐมกาล 36:11) เมืองเทมานตั้งชื่อตามเขาคนนี้ ส่วนเมืองโบสราห์อยู่ทางเหนือขึ้นไป
เอโดมเป็นเหมือนพี่น้องกับอิสราเอลเพราะเขาเป็นลูกหลานของเอซาว ส่วนอิสราเอลและยูดาห์เป็นลูกหลานของยาโคบ 

13 องค์พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะไม่เปลี่ยนใจการลงโทษอัมโมนเพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาได้ผ่าท้องพวกผู้หญิงที่หญิงมีครรภ์ในกิเลอาด เพื่อขยายเขตแดนของตน 

14  ดังนั้นเราจะส่งไฟมายังกำแพงเมืองรับบาห์ และมันจะเผาผลาญป้อมต่าง ๆ ของเมือง
จะมีเสียงร้องตะโกนในวันสงคราม และจะมีลมพัดอย่างรุนแรงในวันที่มีพายุจัด

15  เหล่ากษัตริย์และเจ้าชายทั้งหลายจะตกไปเป็นเชลยพร้อม ๆ กัน”  พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น 

1:13-15  อัมโมนซึ่งอยู่ทางตะวันออกก็ไม่ได้พ้นจากการพิพากษาลงโทษของพระเจ้า พวกเขาทำสิ่งที่ร้ายกาจในสงคราม เขาไม่ให้เด็กมีโอกาสเกิด  ผ่าท้องหญิงมีครรภ์อย่างโหดเหี้ยม  พวกเขาทำเพื่อจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อิสราเอล
พระเจ้าจะทรงส่งไฟมาเผาพวกเขา  และวันนั้นจะมีลมกระพือขึ้นเพื่อส่งให้ไฟแรงขึ้น โดยที่พวกผู้นำจะกลายเป็นเชลยไปพร้อมกัน
รับบาห์เป็นเมืองหลวงของอัมโมน 

พระคำเชื่อมโยง

อาโมส 1
1* 2 พงศ์กษัตริย์ 3:4; อาโมส 7:14; 2 ซามูเอล 14:2; 2 พงศาวดาร 26:1-23; อาโมส 7:10; เศคาริยาห์ 14:5
2* โยเอล 3:16; 1 ซามูเอล 25:2
3* อิสยาห์ 8:4; 17:1-3; 2 พงศ์กษัตริย์ 10:32-33

4* เยเรมีย์ 49:27; 51:30; 2 พงศ์กษัตริย์ 6:24
5* เยเรมีย์ 51:30
6* เยเรมีย์ 47: 1,5
7* เยเรมีย์ 47:1
8* เศฟันยาห์ 2:4; สดุดี 81:14; เอเสเคียล 25:16

9* อิสยาห์ 23:1-18
11* อิสยาห์ 21:11; โอบาดีย์ 10-12
12* โอบาดีย์ 9_10
13* เอเสเคียล 25:2
14* เฉลยธรรมบัญญัติ 3:11; อาโมส 2:2
15* เยเรมีย์ 49:3




บรรณานุกรม ของอาโมส
HCSB Study Bible: God’s word for life; Nashville , Tennessee
The ESV Macarthur Study Bible, Crossway, Wheaton, Illinois, 2010
Net Bible.org
The Nelson Study Bible