มีคาห์ 7 ทรงเป็นแสงสว่างของข้า!

บทที่ 7   คร่ำครวญกับบาปของยูดาห์
ประชาชนอิสราเอลต่างถูกหลอก (ไม่ต่างอะไรกับคนในปัจจุบันที่ถูกหลอกทุกนาทีจากมือถือตรงหน้า ) มีคาห์ไม่เจอคนที่ใช่..ในหมู่อิสราเอลเลย สิ่งที่มีคาห์ทำได้คือ หวังพึ่งพระเจ้า รอคอยพระองค์ และอธิษฐานต่อพระองค์ (ข้อ 7 ) โดยหวังว่า พระเจ้าจะทรงพลิกเหตุการณ์ให้

พระเจ้าผู้ที่เราพึ่งพาได้
1 น่าสลดใจเสียจริง!
เพราะข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนที่ไปเก็บผลไม้ฤดูร้อน
หลังจากที่เขาเก็บองุ่นไปจนหมดสวน 
ข้าพเจ้าไม่มีพวงองุ่นให้กิน
ไม่มีมะเดื่อสุกผลแรกที่ข้าพเจ้าปรารถนา 
2  คนเที่ยงธรรมสูญหายไปจากแผ่นดิน 
ไม่มีคนท่ามกลางผู้คน 
ทุกคนต่างดักซุ่มรอเพื่อการนองเลือด 
ต่างเหวี่ยงตาข่ายดักกันและกัน 
3 มือทั้งสองข้างถนัดในการทำชั่ว 
ทั้งผู้ปกครองและผู้พิพากษาต่างเรียกร้องสินบน 
คนที่มีอำนาจสั่งการตามความต้องการชั่ว 
พวกเขาวางแผนร่วมกัน 
4 แม้แต่คนดีที่สุดในหมู่พวกเขาเป็นเหมือนต้นหนาม
คนเที่ยงธรรมก็เลวกว่าหนามแหลมคม 
วันของผู้เฝ้ายาม  วันแห่งการลงโทษกำลังมา 
บัดนี้ เป็นเวลาของความตระหนกสับสน 
 5 อย่าวางใจเพื่อน อย่าเชื่อใจเพื่อนสนิท 
จงระวังปากของตนแม้จากหญิงที่อยู่ในอ้อมกอด
6 ที่แน่ ๆ คือ ลูกชายจะเห็นว่าพ่อเป็นคนโง่ 
ลูกสาวจะขัดแย้งกับแม่ของตน
ลูกสะใภ้จะต่อต้านแม่สามี
ศัตรูของแต่ละคนคือ คนในครอบครัวของตนเอง
7 แต่ข้าพเจ้าจะหวังพึ่งในพระยาห์เวห์
ข้าพเจ้าจะรอคอยพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอด  
พระเจ้าจะทรงยินเสียงของข้าพเจ้า

พระเจ้าผู้เที่ยงธรรม
พระคัมภีร์ในข้อแปดนี้ เป็นกำลังใจให้กับเราทุกคนที่มีช่วงเวลาที่ล้มลง ผิดหวัง พ่ายแพ้ ถ้าคิดได้ วางใจอย่างมีคาห์ เราจะผ่านพ้นความมืดของชีวิตไปได้ ข้อต่อ ๆ ไปได้บอกว่า พระเจ้าทรงนำคนของพระองค์กลับไปสู่ความสว่างอย่างไร

ศัตรูของข้า อย่ามาเยาะหยันข้าไปเลย
แม้ข้าล้มลง ข้าจะลุกขึ้นมาอีก
แม้ข้านั่งอยู่ท่ามกลางความมืดสนิท
พระยาห์เวห์จะทรงเป็นแสงสว่างของข้า

9  เพราะข้าพเจ้าได้ทำบาปต่อพระองค์ 
ข้าพเจ้าก็ต้องทนต่อพระพิโรธของพระองค์
จนกว่าพระองค์จะทรงสู้ความให้ 
และประทานความเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้า
พระองค์จะนำข้าพเจ้าไปสู่ความสว่าง 
และข้าพเจ้าจะเห็นความรอดของพระองค์ 

(หรือความเที่ยงธรรมของพระองค์)
10  แล้วศัตรูของข้าพเจ้าจะเห็น
และถูกคลุมตัวด้วยความอับอาย ..
คือคนนั้นที่กล่าวกับข้าพเจ้าว่า
“ไหนล่ะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า?”  
ข้าพเจ้าจะมองเขาในเวลาที่เขาถูกเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้า
เหมือนโคลนบนถนน 

11 วันนั้นจะมาถึง คือวันที่ท่านจะสร้างกำแพงใหม่อีกครั้ง
วันนั้นอาณาเขตของท่านจะขยายออกไป 
12 ในวันนั้น ประชาชนจะมาหาท่านจากอัสซีเรีย
และจากเมืองต่าง ๆ ในอียิปต์
จากอียิปต์ถึงแม่น้ำยูเฟรตีส
จากทะเลจรดทะเล
จากภูเขาจรดภูเขา
13 โลกจะกลายเป็นที่ร้างเพราะชาวโลกเอง
นั่นเป็นผลมาจากการกระทำของพวกเขา 

พระเจ้าทรงยินดีที่จะสำแดงพระกรุณา
คนของพระเจ้าชนะ และผ่านอุปสรรคทั้งปวงไปได้ไม่ใช่เพราะเขาเก่ง แต่เป็นเพราะเขาวางใจพระเจ้าผู้ทรงพอพระทัยที่จะสำแดงพระเมตตาแก่คนที่ถ่อมตนลงต่อพระองค์ พระองค์พอพระทัยที่จะยกบาปและเขวี้ยงมันไปให้พ้น และไม่ระลึกถึงมันอีกเลย

14 ขอพระเจ้าทรงเลี้ยงดูประชากรของพระองค์
ด้วยไม้เท้าของพระองค์
พวกเขาเป็นฝูงแกะของพระองค์ 
พวกเขาอาศัยกันอยู่ตามลำพังในป่าที่มีทุ่งหญ้าล้อมรอบ
ขอทรงให้เขาหากินในบาชานและกิเลอาด
เหมือนอย่างในอดีตกาลนานมาแล้ว 
15 “เราจะทำการอัศจรรย์ให้กับพวกเขา
เหมือนครั้งที่พวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”

 16 ชาติต่าง ๆ จะเห็นแล้วรู้สึกละอาย
กับกำลังทั้งหมดที่พวกเขามีอยู่  
พวกเขาจะเอามือปิดปาก และแสร้งทำเป็นหูหนวกไป



17 พวกเขาจะเลียผงดินเหมือนกับงู
เหมือนตัวที่เลื้อยคลานตามพื้นดิน 
พวกเขาจะตัวสั่นออกมาจากที่กำบังแข็งแกร่ง
จะหันมาหา พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา
และจะยืนอยู่ด้วยความครั่นคร้ามพระองค์
18 ใครล่ะ ที่เป็นพระเจ้าที่อย่างพระองค์
ผู้ทรงยกบาปออกไป
และทรงยกโทษการกบฏ
ของคนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ที่หลงเหลืออยู่?

พระองค์มิทรงเก็บความโกรธเอาไว้ตลอดนิรันดร์
เพราะทรงปีติยินดีในการแสดงความรักมั่นคง  
19 พระองค์จะทรงสงสารเราอีกครั้ง
และจะทรงพิชิตความชั่วช้าของเรา 
พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปทั้งสิ้นของเราลงไปในทะเลลึก
 20  พระองค์จะทรงแสดงความซื่อตรงต่อยาโคบ
และแสดงความรักมั่นคงต่ออับราฮัม 
ดังที่ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา 
เมื่อครั้งที่นานมาแล้ว 

คำอธิบายเพิ่มเติม

7:1 ตอนนี้มีคาห์รู้สึกเป็นเหมือนคนที่อยากกินผลไม้ ไปเก็บในไร่ แต่ก็ไม่มี ทั้งองุ่น ทั้งมะเดื่อที่ชอบกิน เมื่อเปรียบเทียบกับฝ่ายวิญญาณแล้ว จะเห็นว่า เขากำลังผิดหวังกับอิสราเอล คนที่พระเจ้าทรงเลือก แต่กลับไม่มีผลแห่งชีวิตฝ่ายวิญญาณเลย
(อิสยาห์ 5:7 บอกว่า อิสราเอลคือสวนองุ่นของพระองค์ )

7:2 สภาพที่มีคาห์อธิบายตรงนี้ ทำให้รู้สึกท้อแท้ใจมาก ไม่มีคนดีเหลืออยู่ มีแต่ความโหดเหี้ยม การนองเลือด การทำร้ายกันและกัน ที่ท่านเขียนตรงนี้ไม่ได้หมายความว่า ไม่เหลือคนเที่ยงธรรมเลย แต่ท่านกำลังทำให้เรารู้ว่า คนแบบนั้นมีน้อย น้อยมากจริง ๆ

7:3 คนอิสราเอลยุคนั้น เก่งทำชั่วทั้งสองมือ เชี่ยวชาญ และสมคบคิดกันเพื่อประโยชน์ของตน

7:4 ขนาดคนที่ดีที่สุดของพวกเขาก็ยังทำร้ายคนให้เจ็บปวดได้
เรียกได้ว่า ไม่อาจไว้ใจใครได้เลย คนยามร้องบอกอันตราย แต่ก็ไม่มีใครฟัง เมื่อมีศัตรูเข้ามากวาดพวกเขาไป จึงจะรู้ว่า น่ากลัวเพียงใด

7:5 จะเห็นว่า สภาพของสังคมอิสราเอลนั้นตกต่ำสุด เพราะพวกเขาไม่อาจไว้ใจใครแม้กระทั่งคนที่ใกล้ชิด แม้กระทั่งคู่ชีวิตของตนเอง

7:6 เห็นภาพของสังคมเมืองสมัยใหม่ ในโลกโบราณไหม? ทุกคนมีศัตรูอยู่ในบ้าน ใกล้ตัว พูดอะไรก็ไม่ได้ และต้องระวังตัวทุกวินาที

7:7 แต่มีคาห์ยังมีความหวัง เขาหวังในพระเจ้า สิ่งที่เขาทำเป็นตัวอย่างสำหรับพวกเราคือ การรอคอยและอธิษฐาน ขอพระเจ้าทรงฟังเสียงร้องทูล เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้เดียวที่จะแก้สถานการณ์ร้ายที่กำลังเผชิญอยู่ได้

7:8 จากนี้ไป เราจะรู้สึกเหมือนกับว่า มีคาห์กำลังคร่ำครวญ แม้จะพูดเหมือนกับพูดกับตัวเอง แต่ที่จริงแล้ว กำลังพูดกับคนอิสราเอลที่หลงเหลืออยู่ เขาได้สรุปให้เราเห็นถึงพระเจ้าที่ทรงซื่อตรงต่อพระสัญญาของพระองค์เสมอ
ในข้อนี้เขาบอกศัตรูฝ่ายวิญญาณของเขาว่า ไม่มีวันที่เขาจะล้มแล้วล้มเลย จมในความมืดแล้วไม่ออกมา เพราะว่า พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่างในชีวิตของเขา เพราะฉะนั้น การแสดงความยินดีของศัตรูเหล่านั้นไม่มีความหมาย …

7:9 ข้าพเจ้าทำบาปต่อพระองค์ ..รวมไปถึงคนอิสราเอลที่ได้ทำบาปต่อพระเจ้าด้วย เขาอธิษฐานอ้อนวอนเพื่อคนของพระองค์ เขากำลังมองตัวเองเป็นคน ๆ เดียวกับทั้งชาติอิสราเอลที่ผิดต่อพระเจ้า เขายอมรับการลงโทษของพระเจ้าโดยเชื่อว่า พระเจ้าจะเป็นดั่งทนายแก้ต่างให้ และพระองค์จะทรงเป็นผู้นำเขาออกจากความมืดที่กำลังเผชิญอยู่นี้ คำของมีคาห์ตอนนี้ ทำให้เราคิดถึงคำของท่านที่เขียนหนังสือสดุดี พวกเขาพบความมืด แต่พระเจ้าจะเป็นผู้ปกป้องและช่วยกู้
ถ้าเราเปลี่ยนคำว่าข้าพเจ้า เป็นข้าพเจ้าทั้งหลายคือ อิสราเอลที่กลับใจ เราก็จะเห็นว่า พระเจ้ากำลังเมตตาพวกเขาจากการที่พวกเขาถ่อมตนลง เห็นความผิดของตน และได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า

7:10 แล้วมีคาห์จะเห็นความพ่ายแพ้ของศัตรูที่โอหัง ที่ท้าทายพระเจ้า และคิดว่า ตนเองใหญ่กว่าพระองค์ เราจะเห็นคนที่รู้สึกว่าตนเองยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าของตนเองต้องอับอาย ไม่ต้องการให้ใครเห็น แต่กลับเป็นว่า โลกปัจจุบันนี้ เขาสามารถย้อนอดีตไปดูสิ่งที่เคยทำได้ คลิปต่าง ๆ ไม่ได้หายไปง่าย ๆ มันพร้อมย้อนกลับมาหลอนเจ้าตัวเสมอ

7:11-13 แล้วมีคาห์ก็กล่าวล่วงหน้าไปถึงยุคสุดท้าย คือการปกครองของพระเยซูพระเมสสิยาห์พันปี เมื่อถึงวันรื้อฟื้นอิสราเอลที่หลงเหลืออยู่ (อิสยาห์ 11:16) ผู้คนจะกลับมาจากอัสซีเรีย และอียิปต์ ส่วนคนที่ต่อต้านท้าทาย พระเมสสิยาห์ จะพบการเริศร้างของแผ่นดิน (เศคาริยาห์ 14:16-19)

7:14 มีคาห์ทูลขอพระเจ้าทรงกลับมาเป็นพระผู้เลี้ยง เป็นกษัตริย์ของอิสราเอลอีกครั้ง พวกเขาจะเป็นแกะในคอกของพระองค์ เหมือนอย่างที่เขาเคยเป็น (สดุดี 23)

7:15 พระเจ้าทรงยืนยันกับมีคาห์ว่า จะทรงทำอัศจรรย์ให้กับพวกเขา ซึ่งนับว่าใหญ่โตมาก เพราะจะเป็นเหมือนครั้งที่ออกมาจากอียิปต์ เป็นการรื้อฟื้นอัศจรรย์ที่คาดไม่ถึง

7:16-17 เราต้องเข้าใจอย่างหนึ่งคือ ชาติต่าง ๆ ที่ว่าตรงนี้คือ ศัตรูของพระเจ้า พวกเขาจะได้รับรู้ว่า ที่เขาคิดว่าตัวเองมีพลังมาก แต่เมื่อเทียบกับพระเจ้าแล้ว สิ่งที่พวกเขาสะสมทั้งอาวุธ ทั้งจำนวนทหารก็ด้อยไปเลยเมื่อเจอวิธีการที่พระเจ้าจัดการกับอิสราเอลและพวกเขา สิ่งที่พวกเขาสะสมทำมา ก็จะพังในพริบตา พวกเขาจะไม่มีโอกาสเหยียดหยามหรือดูหมิ่นของพระองค์อีกต่อไป

7:18-20 พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีใครเทียบ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้เดียวที่จะอภัยบาปให้แก่มนุษย์ได้ หากพระองค์ไม่อภัย ก็ไม่มีใครอาจเรียกร้องหรือท้าทายพระองค์ได้ พระเจ้าผู้ไม่มีใครเทียบได้ ทรงพระเมตตาและสงสารคนของพระองค์ ทรงสัญญาจะเหวี่ยงบาปที่พวกเขาเคยทำให้พระองค์กริ้วอย่างมากนั้น ไปให้ไกล ลงไปในทะเลลึก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพระองค์ทรงซื่อตรงต่อพระสัญญาที่ทรงให้ไว้กับบรรพบุรุษของอิสราเอล เราจะได้เห็นพระสัญญาของพระเจ้าสำเร็จแน่นอน เพราะวันนั้นใกล้เข้ามาเต็มที

มีคาห์ 7
1* อิสยาห์ 17:6; 28:4
2* อิสยาห์ 57:1; ฮาบากุก  1:15
3* มีคาห์ 3:11
4* เอเสเคียล 2:6
5* เยเรมีย์ 9:4; เฉลยธรรมบัญญัติ 28:56
6* มัทธิว 10:36
7* อิสยาห์ 25:9
8* สุภาษิต 24:16- 17
9* เพลงคร่ำครวญ  3:39-40; เยเรมีย์ 50:34



10* สดุดี 35:26; 42:3
11* อาโมส  9:11
12* อิสยาห์ 11:16; 19:23-25
13* เยเรมีย์ 21:14
14* อิสยาห์ 37:24
15* สดุดี 68:22; 78:12; อพยพ 34:10
16* อิสยาห์ 26:11; โยบ 21:5
17* อิสยาห์ 49:23; สดุดี 18:45; เยเรมีย์ 33:9
18* อพยพ 15:11; มีคาห์ 4:7; สดุดี 103:8-9,13; เอเสเคียล 33:11
20* ลูกา 1:72-73

มีคาห์ 6 คดีฟ้องร้องยูดาห์

ข้าพเจ้าควรจะนำสิ่งใดมาต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ ยามที่ข้าพเจ้าเข้ามากราบลงต่อพระเจ้าองค์สูงสุด?

พระเจ้าทรงฟ้องร้องยูดาห์
ผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกมาเป็นพยาน เป็นคณะลูกขุนของพระองค์ คือ ภูเขาทั้งหลาย
พระองค์ทรงทำอะไรให้พวกเขาจนกระทั่งพวกเขาดูหมิ่น และทำบาปต่อพระองค์ สิ่งที่เราเห็นจากอิสราเอลยุคนี้คือ พวกเขาขาดความกตัญญูต่อพระเจ้า ไม่มีเลยสักนิด (เราจะรู้สึกถึงพระทัยของพระเจ้าชัดขึ้นเมื่อย้อนกลับไปที่อิสยาห์ 5)

1 บัดนี้ จงฟังว่าพระยาห์เวห์ได้ตรัสอย่างไร
 “จงลุกขึ้น และสู้คดีของเจ้าต่อหน้าภูเขาทั้งหลาย และให้เนินเขาได้ยินเสียงของเจ้า
2 จงฟังคำกล่าวโทษขององค์พระยาห์เวห์
ภูเขาทั้งหลายเอ๋ย
จงฟัง ฐานรากอันมั่นคงของโลก
เพราะพระเจ้าทรงมีคดีกับประชากรของพระองค์
และพระองค์จะทรงตั้งข้อหาของอิสราเอล
3 ประชากรของเราเอ๋ย เราได้ทำอะไรให้เจ้า?
เราได้ทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยอย่างไรหรือ?
จงตอบเรามาเถิด
4 ความจริงคือ เราได้นำเจ้าขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ และไถ่เจ้าออกจากที่ซึ่งกักเจ้าไว้เป็นทาส
เราส่งโมเสส อาโรนและมิเรียมไปล่วงหน้าเจ้า
5  ประชากรของเราเอ๋ย จงระลึกถึงสิ่งที่กษัตริย์บาลาคแห่งโมอับต้องการแช่งเจ้า และสิ่งที่บาลาอัม ลูกชายของเบโอร์ตอบเขาด้วยการอวยพรเจ้า  และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางจากชีทธีม ถึงกิลกาล เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ทรงทำกับเจ้าอย่างยุติธรรม 

คำสารภาพ
มีคาห์ทราบดีว่า พระเจ้าทรงประสงค์การกลับใจ ไม่ใช่การนำของมาถวายพระองค์เหมือนอย่างที่พวกเขาทำกับรูปเคารพของพวกเขา สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ที่สุดคือการเชื่อฟัง

6  ข้าพเจ้าควรจะนำสิ่งใดมาต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ยามที่ข้าพเจ้าเข้ามากราบลงต่อพระเจ้าองค์สูงสุด?
ข้าควรจะเข้ามาเฝ้าพร้อมกับเครื่องเผาบูชาด้วยเหล่าลูกวัวอายุหนึ่งปีอย่างนั้นหรือ?
7 องค์พระยาห์เวห์จะทรงพอพระทัยกับแกะผู้หลายพันตัว หรือธารน้ำมันนับหมื่นสายอย่างนั้นหรือ?  ข้าพเจ้าควรถวายลูกชายคนโตของข้าพเจ้าเนื่องจากข้าพเจ้าได้ล่วงละเมิด
พระองค์อย่างนั้นหรือ ?
ถวายเลือดเนื้อเชื้อไข
เนื่องจากบาปของข้าพเจ้าหรือ? 
มนุษย์เอ๋ย พระองค์ได้ทรงบอกท่านแล้วว่า อะไรดีและอะไรเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์จากพวกท่าน นั่นก็คือ การประพฤติอย่างยุติธรรม การรักความซื่อตรง และการดำเนินชีวิตไปด้วยความถ่อมใจกับพระเจ้าของท่าน (แม้พระคำข้อนี้จะเป็นพระคำยอดนิยม .. แต่เราต้องรู้ว่า เรา ในยุคปัจจุบัน ก่อนที่เราจะทำสิ่งที่พระองค์ประสงค์ได้นั้น เราต้องเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ก่อน เป็นลูกของพระเจ้าก่อน )

คำพิพากษา
การพิพากษาของพระเจ้านั้นชัดเจน อิสราเอลจึงรู้ว่า ที่ตนเองตกอยู่ในสภาพเชลยเป็นเพราะพระเจ้าทรงเตือนแล้วเตือนอีก แต่พวกเขาก็เมินพระองค์ กษัตริย์อมรีและอาหับ เป็นกษัตริย์ที่นำให้ประชาชนตกอยู่ในความมัวเมากับรูปเคารพ
เมื่อผู้นำทำผิด ประชาชนตาม พวกเขาจึงต้องเผชิญการพิพากษาเดียวกัน

9 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ได้เรียกนครเยรูซาเล็ม  การยำเกรงพระนามของพระองค์ก็คือสติปัญญา  “จงฟังเถิด โอชนชาติ ที่ชุมนุมกันในเมืองนั้น ”
10  โอ ยังมีคนในบ้านชั่ว
พร้อมกับทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากความโหดร้าย
และเครื่องชั่งตวงโกงที่ถูกสาป
อยู่ในบ้านหรือเปล่า ?
11 จะให้เราปล่อยตัวให้คนชั่วโกงตาชั่ง
หรือปล่อยคนใช้ตุ้มน้ำหนักโกงตาชั่ง
ลอยนวลไปอย่างนั้นหรือ?
12  ผู้ที่มั่งคั่งในเมืองนั้นเต็มด้วยความรุนแรง ประชาชนล้วนโกหก ลิ้นของพวกเขาหลอกลวงทั้งนั้น 


13 “ผลก็คือ เราจะเฆี่ยนเจ้าอย่างรุนแรง จะทำให้บ้านเมืองกลายเป็นร้างเพราะบาปของพวกเจ้า”
14 เจ้าจะกิน แต่ไม่เคยอิ่ม
เพราะเจ้ายังคงหิวโหยไม่หยุด 
สิ่งที่เจ้าเอามาเก็บไว้ แต่กลับไม่มีอะไรเหลือ
สิ่งที่เจ้าสะสมก็จะต้องเจอคมดาบจากเรา
 15 เจ้าจะได้หว่าน แต่ไม่ได้เก็บเกี่ยว
เจ้าจะคั้นลูกมะกอก
แต่จะไม่ได้เจิมตนเองด้วยน้ำมัน
เจ้าจะย่ำองุ่น แต่ไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น
16 เพราะเจ้ายังคงเดินตามกฎเกณฑ์ของอมรี และปฏิบัติตนตามพิธีกรรมของวงศ์วานอาหับ 
เจ้าทำตามอย่างพวกเขา 
ดังนั้น เราจะทำให้เจ้าเป็นสถานที่รกร้าง และประชาชนในเมืองของเจ้าจะถูกเหยียดหยาม เป็นที่เยาะเย้ยของชาติต่าง ๆ  

อธิบายเพิ่มเติม

6:1-2 พระเจ้าทรงเรียกภูเขาใหญ่น้อยมารับรู้การกล่าวโทษชนอิสราเอลเหมือนครั้งที่อิสยาห์ และโมเสส เคยชวนให้ฟ้าสวรรค์ แผ่นดินมาฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าในอิสยาห์ 1:2 เฉลยธรรมบัญญัติ 32:1 สิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติเหล่านี้อยู่กันมาเนิ่นนาน ถ้าพูดได้ ก็คงจะเป็นพยานให้พระเจ้าถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ของอิสราเอลที่ได้ล่วงละเมิดพระเจ้า

6:3 พระเจ้าทรงเรียกให้เขาตอบพระองค์ว่า เหตุใดพวกเขาจึงเลิกที่จะเชื่อฟังพระองค์ พระองค์ทรงทำอะไร ตอบมา พระเจ้าไม่ได้ทรงเอาแต่จะลงโทษ ทรงเปิดโอกาสให้พวกเขาพูดออกมาถึงสิ่งที่อยู่ในใจ ตรงนี้ เราจะเห็นว่า เมื่อเรามีอะไรอยู่ในใจก็ทูลต่อพระเจ้าได้ ไม่ต้องปิดเอาไว้ คับแค้นใจแค่ไหนก็ให้บอกมา พระเจ้าทรงเปิดโอกาสแล้ว

6:4 พระเจ้าทรงย้อนอดีตให้เขาได้พิจารณาตัวเอง เมื่อพวกเขาตกเป็นทาสแรงงาน ถูกบังคับขู่เข็ญ พระเจ้าทรงไถ่พวกเขาออกมาอย่างอัศจรรย์ ทรงส่งผู้รับใช้ของพระองค์ไปช่วยพวกเขา ทรงจัดโมเสสเป็นสื่อกลางที่ประทานบทบัญญัติ อาโรนเป็นปุโรหิตเพื่อช่วยพวกเขาเรื่องการลบบาป ทรงให้มิเรียมเป็นดั่งผู้เผยพระดำรัสเพื่อนำพวกเขาสรรเสริญขอบคุณพระเจ้า

6:5 เมื่อโมอับต้องการแช่งอิสราเอล พระเจ้าทรงเปลี่ยนปากของคนทำนายรับจ้างคือบาลาอัมให้กล่าวคำพรแก่อิสราเอล
(กันดารวิถี 22-24)ทั้งหมดนี้ พระเจ้าทรงยุติธรรม และทรงให้อิสราเอลเกินกว่าที่เขาสมควรจะได้

6:6 แล้วมีคาห์ก็ทูลตอบพระเจ้าเหมือนว่าจะแก้ต่างให้อิสราเอล เขาทูลถามว่า ควรนำเครื่องเผาบูชาเป็นลูกวัวตัวเล็กหนึ่งขวบไหม? เป็นตามอย่างที่โมเสสเคยบัญชาไว้ใช่ไหม? (เลวีนิติ 9:2-3)

6:7 แล้วเขาก็ทูลรายงานเรียงดูว่า เครื่องบูชาแบบไหนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
แกะผู้หลายพันตัว .. น้ำมันที่มากมายดั่งสายน้ำเป็นหมื่นสายหรือลูกชายหัวปี ? พระเจ้าทรงประสงค์อย่างไรกันแน่? มีคาห์ถามให้ประชาชนที่ฟังอยู่คิดว่า พระเจ้าทรงประสงค์อะไร ซึ่งก็น่าจะอยู่ในใจพวกเขาแล้ว แต่ละคนคงคิดว่า มีคาห์ต้องให้คำตอบมาสักหนึ่งข้อสิ

6:8 แต่แล้ว มีคาห์พลิกความคาดหมายของพวกเขา พระเจ้าไม่ได้สนพระทัยในสัตว์ หรือลูกชายหัวปี สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์นั้นต้องมาจากหัวใจที่กลับใจแล้ว พฤติกรรมยุติธรรมซื่อตรง ถ่อมใจ เดินไปกับพระเจ้า … ทรงขอเพียงแค่นี้ ..แต่อิสราเอลไม่สามารถมอบให้พระเจ้าได้
พวกเขาหยิ่งเกิน ดื้อเกิน หลงไหลรูปเคารพเกิน…..

6:9 มีคาห์บทนี้ ได้บันทึกคำพิพากษาของพระเจ้าก็จริง แต่แล้ว พระเจ้าก็ทรงสัญญาจะให้การรื้อฟื้นเกิดขึ้นในบทต่อไป
ตอนนี้พระเจ้าทรงเรียกนครเยรูซาเล็มเพื่อจะบอกบางอย่างแก่พวกเขา …

6:10-11 ยังมีคนที่ขายของซึ่งได้มาจากการโกง การยึดคนอื่นมาเหรือเปล่า พวกเขายังใช้เครื่องชั่งโกง พระเจ้าทรงกล่าวถึงตุ้มน้ำหนักโกงในข้อต่อมา แสดงว่า คนที่ทำการค้าไม่น้อย ได้ใช้เครื่องชั่งที่โกงลูกค้ามานาน พวกเขาคิดว่า พระเจ้าจะไม่ทรงเห็น แต่พระองค์ จะไม่ปล่อยพวกเขาให้ลอยนวล เรื่องนี้

6:12 นอกจากนั้น มีการใช้ความรุนแรง โกหก เพื่อว่าเขาจะได้สิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการจากคนยากจน
ข้ามไปข้อ 16 พวกเขายังติดตามรูปเคารพ ไม่ติดตามพระเจ้า
พวกเขาไม่ได้มีหัวใจและพฤติกรรมอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์ในข้อแปดเลย ..

6:13-16 แล้วพระเจ้าก็ทรงเผยว่า พวกเขาจะได้รับอะไรเป็นการลงโทษ การเฆี่ยนของพระเจ้ามาในภาพของเมืองร้าง หิวโหย ยากจน คมดาบ ไม่มีผลจากไร่ ไม่มีน้ำมันมะกอกหรือเหล้าองุ่น อดอยากทุกด้าน และที่ร้ายสุดคือ ชาติต่าง ๆ จะดูหมิ่นเหยียดหยาม
แม้ว่าอิสราเอลจะเป็นประเทศที่มั่งคั่งในเวลานี้ แต่ที่พวกเขาผ่านมาเพราะการที่พวกเขาต้องเข้าไปอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเพราะไม่มีแผ่นดินเป็นของตนเองก่อนปี 1948 สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญมาโดยตลอดคือ การที่ถูกดูหมิ่น เยาะเย้ย และต้องการทำลายอิสราเอลให้พ้นไปจากโลกนี้ สงครามกาซาครั้งนี้ เกิดจากอาหรับต้องการให้อิสราเอลซึ่งเป็นเหมือนหอกข้างแคร่สำหรับพวกเขา ..หมดไปจากโลกนี้ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว

พระคำเชื่อมโยง

มีคาห์ 6
2* สดุดี 50:1, 4; โฮเชยา 12:12; อิสยาห์ 1:18
3* เยเรมีย์ 2:5,31; อิสยาห์ 43:22-23
4* เฉลยธรรมบัญญัติ 4:20
5* กันดารวิถี  22:5-6; ผู้วินิจฉัย 5:11
7* อิสยาห์ 1:11; โยบ 29:6; 2 พงศ์กษัตริย์ 16:3

8* เฉลยธรรมบัญญัติ 10:12; ปฐมกาล 18:19
11* โฮเชยา 12:7
12* มีคาห์ 2:1-2; เยเรมีย์ 9:2-6, 8
13* เลวีนิติ 26:16
14* เลวีนิติ 26:26
15* อาโมส 5:11
16* 1 พงศ์กษัตริย์ 16:25-26; โฮเชยา 5:11; อิสยาห์ 25:8

มีคาห์ 5 จากเมืองเล็ก ๆ ของเผ่ายูดาห์ 

สองเมืองเปรียบเทียบ
พระเจ้าทรงใช้เมืองที่ต่ำต้อยอย่างเบธเลเฮม
จะเป็นทางที่พระบุตรพระเจ้าเข้ามาบังเกิด
เพื่อทำงานในโลกนี้

1 บัดนี้ นครแห่งป้อมปราการเอ๋ย
จงเสริมกำลังของเจ้าเถิด 
เพราะศัตรูได้มาล้อมเมืองแล้ว
 พวกเขาใช้ไม้เท้าฟาด
ไปที่ใบหน้าของผู้พิพากษาแห่งอิสราเอล
2 “เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย
แม้ว่าเจ้าเล็กน้อยท่ามกลางเผ่ายูดาห์ 
แต่จะมีผู้หนึ่งออกมาจากเจ้า
เพื่อที่จะปกครองอิสราเอลเพื่อเรา
ท่านนั้นมาจากอดีตกาล  มาจากนิรันดร์กาล

 3  ดังนั้น ท่านจะทิ้งพวกเขาไป
จนถึงเวลาที่ผู้หญิงซึ่งกำลังเจ็บครรภ์
ได้คลอดบุตรออกมา
และพี่น้องคนอื่น ๆ ที่เหลือ
จะกลับมาสมทบกับประชากรอิสราเอล 
4 ท่านจะยืนหยัด และเลี้ยงดูฝูงแกะของท่าน
ด้วยพลังจากพระยาห์เวห์ 
ในความยิ่งใหญ่แห่งพระนามของพระยาห์เวห์
พระเจ้าของท่าน  
พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัย
เพราะเวลานั้น ความยิ่งใหญ่ของท่าน
จะขยายเขตออกไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก
5 (a)พระองค์จะทรงเป็นสันติสุขของพวกเขา

ชัยชนะสองด้าน
พระเมสสิยาห์จะทรงมีชัยเหนือศัตรู
และทรงชนะใจผู้คนของพระองค์ด้วย
จะทรงชำระบาปของพวกเขา ทุกสิ่ง
ที่เป็นรูปเคารพ เครื่องรางต่าง ๆ จะถูก
ทิ้งไป และพวกเขาจะมีชีวิตในสันติสุข

5 (b)เมื่ออัสซีเรียบุกรุกแผ่นดินของเรา
เหยียบย่ำป้อมปราการของเรา
เราจะตั้งผู้เลี้ยงแกะ  7 คน ผู้นำ 8 คน
ที่จะมาต่อสู้กับพวกเขา 
6  พวกเขาจะเลี้ยงดูแผ่นดินอัสซีเรียด้วยดาบ
ปกครองแผ่นดินของนิมโรดด้วยดาบที่ชักออก
เพื่อว่าเขาจะช่วยกู้เราจากอัสซีเรีย
เมื่อพวกเขาเข้ามาบุกแผ่นดินของเรา 
เมื่อพวกเขายกทัพเข้ามาบุกรุกเขตแดนของเรา
7 คนที่หลงเหลือของยาโคบจะอยู่ท่ามกลางชาติต่าง ๆ
จำนวนมากเหมือนกับน้ำค้างจากพระยาห์เวห์
เหมือนกับฝนที่โปรยลงมาบนใบหญ้า
ซึ่งไม่ต้องมีการรอคอยใคร
ไม่ต้องหวังพึ่งมนุษย์
8 แล้วคนที่หลงเหลือของยาโคบ
จะอยู่ท่ามกลางชาติต่าง ๆ ท่ามกลางผู้คนมากมาย
เหมือนกับสิงโตอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่า 
เหมือนกับสิงโตหนุ่มท่ามกลางฝูงแกะ
ซึ่งมันจะเหยียบย่ำ และฉีกเนื้อ
ในขณะที่มันย่างไป และไม่มีใครจะช่วยได้
9  มือของท่านจะยกชูขึ้นต่อต้านฝ่ายตรงข้าม
และศัตรูทั้งหลายของท่านจะต้องพินาศไป

พระเจ้าจะทรงชำระคนของพระองค์
10 นี่เป็นการประกาศขององค์พระยาห์เวห์ ..
ในวันนั้น เราจะกำจัดม้าออกไปจากพวกเจ้า
และทำลายรถศึกของพวกเจ้า
11 เราจะทำลายเมืองต่าง ๆ ในแผ่นดินของเจ้า
และพังทลายป้อมปราการที่แข็งแกร่งของพวกเจ้า 
12 เราจะกำจัดเหล่าแม่มดจากเงื้อมมือของเจ้า
และเจ้าจะไม่มีพวกหมอดูอีกต่อไป 


13  เราจะทำลายรูปปั้นสลักของพวกเจ้า
รวมทั้งเสาหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
เพื่อว่าเจ้าจะไม่หมอบกราบสิ่งที่มือของเจ้าทำขึ้นอีกต่อไป 
14 เราจะถอนเสาเทพีอาเชราห์
ที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้าออกไป
และทำลายเมืองต่าง ๆ ของเจ้า 
15  เราจะแก้แค้นด้วยความกริ้ว และเกรี้ยวกราด
ต่อชาติต่าง ๆ ที่ไม่ยอมเชื่อฟังเรา 

อธิบายเพิ่มเติม

สองเมืองเปรียบเทียบ
5:1 ผู้พิพากษาของอิสราเอลโดนฟาดหน้า เป็นการหมิ่นเกียรติอย่างยิ่ง พวกเขาถูกศัตรูล้อมเมือง มีคาห์บอกให้เสริมกำลัง

5:2 ในทันใดนั้น ความรู้สึกพ่ายแพ้ก็เปลี่ยน เป็นความหวัง เพราะว่า มีคำสัญญาเกิดขึ้นว่า พระเจ้าจะทรงส่งผู้หนึ่งเพื่อปกครองอิสราเอล ท่านผู้นี้มาจากนิรันดร์กาล และจะมาเกิดที่เบธเลเฮม เมืองเล็ก ๆ ที่เคยเป็นเมืองของดาวิด ดูเหมือนว่า พระเจ้ากำลังจะส่งผู้ปกครองเชื้อสายดาวิดมาให้อิสราเอล
กลับไปอ่าน 2 ซามูเอล 7: 16 เราจะพบพันธสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อดาวิด ว่าบัลลังก์ของท่านจะดำรงตลอดไปเป็นนิตย์ 

5:3 ท่านจะทิ้งพวกเขาไป.. เป็นช่วงเวลาที่พระองค์จากเขาไป มีผู้ให้ความเห็นว่า นี่เป็นช่วงเวลาของคนต่างชาติ อิสราเอลจะทุกข์ทรมานมาก ขณะเดียวกันอิสราเอลก็ปฏิเสธพระเยซูคริสต์ ภายใต้การครองของศัตรู (MacArthur Study Bible) การรวบรวมคนที่หลงเหลือเข้ามาด้วยกันนั้น จะเกิดขึ้นหลังจากที่พระเยซูเสด็จกลับมาครั้งที่สอง (อิสยาห์ 10:20-22 ในวันนั้นชนหยิบมือที่เหลือของอิสราเอล คือวงศ์วานของยาโคบซึ่งรอดชีวิตพึ่งพิงพระยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลอย่างแท้จริง ) ในข้อนี้ เหมาะเจาะกับการเสด็จมาครั้งสอง ดังนั้น หญิงที่คลอดบุตรจึงหมายถึงการเกิดขึ้นของประเทศอิสราเอลอีกครั้ง (2:12, 4:6-7) )(1948 คนที่กระจัดกระจายไปกลับมารวมกันที่อิสราเอลและประกาศความเป็นประเทศ 14 พฤษภาคม 1948)

5:4 มีคาห์กล่าวถึงการปกครองพันปีของพระเยซู (อิสยาห์ 6:13 ) พระผู้ไถ่จะทรงเลี้ยงดูคนของพระองค์ดุจเลี้ยงแกะ (เป็นภาพของกษัตริย์ในสมัยโบราณที่เลี้ยงดูประชากรดุจเลี้ยงแกะ)ด้วยพลังของพระยาห์เวห์ ด้วยความยิ่งใหญ่ของพระองค์ (2:12; เศคาริยาห์ 10:3)
แตกต่างจากผู้ปกครองในสมัยมีคาห์อย่างชัดเจน
คนอิสราเอลจะปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของพระองค์ และคนทั้งโลกจะรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ (มาลาคี 1:11)

5:5 อัสซีเรียเป็นประเทศที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อสั่งสอนอิสราเอลทางเหนือว่า พระองค์ทรงโกรธเพียงใดกับการที่พวกเขาเฝ้ากราบไหว้รูปเคารพและทำตัวเลวร้ายกับเพื่อนบ้านของตน ทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงเตือนแล้วเตือนอีก (เราจะเห็นการเตือนของพระเจ้าไม่หยุดหย่อนในโฮเชยา อาโมส และหนังสือผู้เผยพระดำรัสท่านอื่น ๆ ) พวกเขาไปเป็นเชลย 722 ปีก่อนคริสตศักราช
คำว่าผู้เลี้ยง 7 คน ผู้นำ 8 คน เป็นสำนวนหมายถึงว่าจะมีมากพอที่จะต่อสู้กับศัตรู

ชัยชนะสองด้าน
5:5b- 6 ในสมัยโบราณนั้น อัสซีเรียเป็นผู้บุกรุก และกวาดคนอิสราเอลไป แต่ ตรงนี้ มีคาห์กลับกล่าวว่าอิสราเอลจะชนะอัสซีเรีย ดังนั้นเรื่องราวนี้น่าจะเป็นในอนาคตข้ามปัจจุบันไปอีก (อาจจะต่อจาก 4:1-5:5a; อิสยาห์ 11:11) เมื่ออัสซีเรียเข้ามาโจมตีอิสราเอลอีกครั้ง พวกเขาจะต่อสู้ คำว่า 7 คน 8 คนมีความหมายว่าจะมีผู้นำของอิสราเอลมากพอที่จะมาสู้กับศัตรู (คำว่านิมโรดนี้คือ อัสซีเรียนั่นเอง ซึ่งอาจหมายรวมถึงบาบิโลน)
(อ่านเศคาริยาห์ 10:10 พระเจ้าจะทรงนำคนของพระองค์กลับมา)

5:7 การที่อิสราเอลกระจัดกระจายเข้าไปอยู่ในประเทศต่าง ๆ นั้น พระเจ้าตรัสว่า จะเป็นพระพรของชาติเหล่านั้น ซึ่งถ้าเรามองย้อนไปจะเห็นว่า เป็นอย่างนั้นจริง เพราะพวกเขาได้สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจขึ้นมา และมียิวไม่น้อยที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการด้านต่าง ๆ ที่สร้างประเทศเหล่านั้นขึ้นมาพร้อมไปกับคนเก่งในชาตินั้น ๆ (แต่พวกเขาต่อมาก็ถูกมองว่าเลวร้าย เพราะเก่งเกิน)

5:8-9 พวกเขาจะกลายเป็นเหมือนสิงโต ที่ทั้งคนทั้งหลายกลัว ( แล้วจะมีวันที่พระเจ้าทรงเรียกพวกเขากลับคืนสู่ดินแดนที่พระองค์ประทานให้กับเขา อิสยาห์ 11:12 แต่ก็ด้วยความยากเย็นแสนสาหัส ถ้าดูในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สอง จะเห็นว่า ยิวถูกตามล้างผลาญทำให้พวกเขาไม่มีที่ไป และต้องหาทางกลับมายังถิ่นฐานเดิม )
อิสราเอลจะกลายเป็นประเทศที่โดดเด่น มีอำนาจทางทหาร เศรษฐกิจ เทคโนโลยีเหนือชาติต่าง ๆ ในโลก มือเหนือกว่าศัตรู แม้ว่าศัตรูจะมีมากมาย ล้อมรอบแผ่นดินอิสราเอล ขณะนี้ เราก็จะเห็น ความยิ่งใหญ่ของพวกเขาทั้ง ๆ ที่โดยถล่มรอบด้าน (2025)

5:10 ในวันนั้น มีความหมายถึงอาณาจักรในอนาคต ในเฉลยธรรมบัญญัติ 17:16 พระเจ้าตรัสสั่งอิสราเอลว่า ต้องไม่ใช้รถม้า เพราะหากพึ่งรถศึกเหล่านี้ พวกเขาก็จะลืมพระเจ้าผู้ประทานชัยชนะให้พวกเขา พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์เพื่อเขาจะได้รู้ว่า การช่วยเหลือ ชัยชนะของพวกเขามาจากพระเจ้า (ดูในสงครามตั้งแต่ 7 ตค. 2023 เป็นต้นมา อิสราเอลต้องพึ่งพระเจ้ามากแค่ไหนในเมื่อทั้งโลกหันหลังให้)

5:11-14 พระเจ้าจะทรงทำลายเมือง แม่มด หมอดู รูปปั้น เสาหิน เสาเทพีเอเชราห์ (ที่เชื่อว่าให้ความอุดมสมบูรณ์และเทพีแห่งสงคราม ) ให้หมดไปจากแผ่นดิน เราคงสงสัยว่าทำไมพระเจ้าทำลายเมือง เป็นเพราะ เมืองเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาเป็นเมืองป้อมเพื่อป้องกันศัตรู ผู้คนจึงวางใจสิ่งเหล่านั้นแทนที่จะวางใจพระเจ้า (โฮเชยา 10:13 13 เจ้าได้ปลูกความชั่วช้าและเก็บเกี่ยวความอธรรมเจ้าได้กินผลของความมุสา เพราะเจ้าเชื่อวางใจทางของตนเอง และทหารจำนวนมากของเจ้า 14 เสียงกระหึ่มของสงครามดังขึ้นต่อสู้ประชากรของเจ้า และป้อมปราการทั้งสิ้นของเจ้าจะถูกทลายลงในวันแห่งสงคราม)

5:10-14 หากพระเจ้าจะเอาอะไรออกไปจากชีวิตเรา บางทีก็ต้องพิจารณาให้ดีว่า สิ่งเหล่านั้น มาแทนที่พระเจ้าหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องดีใจที่พระเจ้าทรงจัดการกับชีวิตของเรา ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเตือนไม่ให้เราวางใจสิ่งใดไปนอกจากพระองค์ผู้เดียว

5:15 แล้วพระเจ้าทรงสัญญาจะแก้แค้นให้กับชาติต่าง ๆ ที่ไม่เชื่อฟังพระองค์ ชาติที่ไม่รับในการปกครองสูงสุดของพระองค์ (สดุดี 2:9 ด้วคทาเหล็กจนพวกเขาแตกละเอียด ดูวิวรณ์ 12:5, 19:5)

พระคำเชื่อมโยง

มีคาห์ 5
1* เพลงคร่ำครวญ 3:30; มาระโก 15:19
2* ลูกา 2:4-7; ยอห์น 7:42; ปฐมกาล 35:19; 48:7; 1 ซามูเอล  23:23; อพยพ 18:25; อิสยาห์ 9:6
3* มีคาห์ 4:10; 4:7; 7:18
4* อิสยาห์ 4:11; 49:9; สดุดี 72:8
5* อิสยาห์ 9:6

6* ปฐมกาล 10:8-11; อิสยาห์ 14:25
7* มีคาห์ 5:3; เฉลยธรรมบัญญัติ   32:2
8*  นาฮูม 24:9
10*เศคาริยาห์ 9:10 ; เฉลยธรรมบัญญัติ  17:16; อิสยาห์ 2:7; 22:18
12*  อิสยาห์ 2:6
13* เศคาริยาห์  13:2;  อิสยาห์ 2:8
15* 2 เธสะโลนิกา 1:8

บรรณานุกรม
https://netbible.org/bible/Micah+5

มีคาห์ 4 พระยาห์เวห์จะทรงครอง

ไม่ทราบผู้วาด วาดประมาณ ปี 1880

เราอยู่ใต้องค์พระยาห์เวห์ 
ภาพของนครเยรูซาเล็ม
บาบิโลนทำลายเยรูซาเล็ม
แต่วันหนึ่งนครแห่งนี้จะกลายเป็นเมืองหลวง
จะมีเวลาแห่งความสงบ
ผู้คนปรารถนาจะเดินในทางของพระเจ้า

1 ในเวลาช่วงสุดท้าย
เนินเขาแห่งพระวิหารจะถูกสถาปนาขึ้น
เป็นภูเขาสูงสุดในบรรดาเนินเขาทั้งหลาย  
และชนชาติต่าง ๆ
จะหลั่งไหลเข้าไปยังที่แห่งนั้น
ชาติต่าง ๆ มากมายจะเข้ามาและกล่าวว่า
“มาเถิด เราขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์กัน
ไปให้ถึงพระนิเวศของพระเจ้าแห่งยาโคบ 
พระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่เรา

เพื่อว่าพวกเราจะได้เดินไปตามทางของพระองค์”
เพราะว่าบทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
และพระดำรัสของพระยาห์เวห์จะมาจากเยรูซาเล็ม 

3 พระองค์จะทรงตัดสินความ
ระหว่างชาติต่าง ๆ และจะยุติการพิพาท
ให้กับชาติมหาอำนาจซึ่งอยู่ห่างไกล  
พวกเขาจะตีดาบให้กลายเป็นคันไถ
และตีดาบให้กลายเป็นขอลิดกิ่ง
ชาติต่าง ๆ จะไม่ใช้ดาบปะทะกันอีก
และจะไม่มีการฝึกการรบอีกต่อไป
 4 ทุกคนจะนั่งใต้เถาองุ่นของตน
ใต้ต้นมะเดื่อของตน
โดยไม่มีใครมาทำให้เขากลัว
เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสสัญญา
โดยพระโอษฐ์ของพระองค์
5 แม้ชาติทั้งหลายต่างดำเนินชีวิต
ภายใต้นามของเทพเจ้าของพวกเขา
แต่เราดำเนินชีวิตไปใน
พระนามแห่งพระยาห์เวห์
พระเจ้าของเรา
ตลอดไปเป็นนิตย์ 

การปกครองที่กลับคืนมา (ฝูงแกะของพระเจ้า)
พระเจ้าจะทรงรวบรวมผู้คนของพระองค์
คืนมา จะทรงดูแลคนพิการ คนที่ทุกข์เจ็บปวด
พระผู้เลี้ยงทรงเป็นกษัตริย์ของพวกเขา

6 พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า
“ในวันนั้น เราจะรวบรวมคนพิการ
และรวบรวมคนที่กระจัดกระจายไป
คนที่เราได้ทำให้พวกเขาเจ็บปวด 
7 เราจะทำให้คนพิการเป็นคนที่เหลืออยู่
ให้คนที่ถูกเนรเทศไปไกล
กลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง
แล้วพระยาห์เวห์จะทรงปกครองพวกเขา
จากภูเขาศิโยน
จากวันนั้นตลอดไปเป็นนิตย์
8 และเจ้า คือผู้เฝ้ายามสำหรับฝูงแกะ 
เป็นที่มั่นของลูกสาวศิโยน 
การปกครองเดิมจะกลับมาหาเจ้า
ลูกสาวของศิโยนจะได้รับอำนาจสูงสุด
เพื่อปกครอง

จากการเป็นเชลยสู่ชัยชนะ
การเกิด ยูดาห์จะถูกกวาดไปบาบิโลน
เป็นเวลาแห่งความเจ็บปวด ซึ่ง
ในที่สุดจะนำมาซึ่งพระพร พระเจ้า
จะทรงรื้อฟื้นพวกเขา


9  บัดนี้ เหตุใดเจ้าจึงร้องเสียงดังนัก? 
ไม่มีกษัตริย์กับเจ้าอย่างนั้นหรือ? 
เหล่าที่ปรึกษาพบหายนะ
จนทำให้เจ้าเจ็บปวดราวกับผู้หญิงกำลังคลอด? 
10 ลูกสาวของศิโยนเอ๋ย
จงบิดตัวและร้องออกมาเถิด
เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอด
เพราะบัดนี้ เจ้าจะต้องละจากเมืองไป
และตั้งค่ายอยู่ในที่โล่ง 
เจ้าจะต้องไปยังบาบิโลน
และเจ้าจะได้รับการช่วยกู้ ณ ที่นั่น
พระเจ้าจะทรงไถ่เจ้า
จากอำนาจของศัตรู ณ ที่นั้น 

การเก็บเกี่ยว รวบรวม
คนของพระเจ้าจะชนะศัตรูที่พยายาม
ทำลายล้างพวกเขา เป็นเหมือนการ
ฝันร่อน และสิ่งที่เก็บเกี่ยวมาได้ จะถูก
นำมาถวายพระเจ้า


11  บัดนี้ ชาติต่าง ๆ
กำลังรวมตัวเข้ามาโจมตีเจ้า
พวกเขากล่าวว่า
“ทำให้ศิโยนเป็นมลทินเถิด
และเราจะได้สะใจ
กับการเห็นศิโยนเป็นแบบนั้น”
12  แต่พวกเขาไม่รู้ถึงพระดำริของพระยาห์เวห์
พวกเขาไม่เข้าใจแผนของพระองค์
ว่าพระองค์จะทรงรวบรวมพวกเขา
เหมือนรวบฟ่อนข้าวที่เอาไปยังลานนวดข้าว 

13 จงลุกขึ้น และนวดข้าวเถิด
ลูกสาวศิโยน
เพราะเราจะทำแท่งเขาเหล็กให้กับเจ้า
และทำกีบทองสัมฤทธิ์ให้เจ้า 
เพื่อว่าเจ้าจะได้บดขยี้ชนหลายชาติ
ให้แหลกราญไป 
แล้วเจ้าจะได้ถวายของริบ
แก่พระยาห์เวห์
ถวายความมั่งคั่งของพวกเขา
แด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้น

อธิบายเพิ่มเติม

สองบทต่อไปนี้ เป็นการบอกถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง พระเจ้าจะทรงครอบครองจากศิโยน เป็นภาพที่แตกต่างจากบทก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง  อิสยาห์ 2:2-4 กับมีคาห์ 4:1-3 เป็นคำพูดที่เป็นแนวคิดเดียวกัน เหมือนกัน ทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงย้ำเน้นเรื่องนี้อีกครั้งโดยผู้เผยพระดำรัสสองคน  ต้องเป็นเหตุการณ์สำคัญมาก
ภาพของนครเยรูซาเล็ม
4:1 ในเวลายุคสุดท้าย มีความหมายจากวันที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ มาจนถึงวันนี้ เราไม่ทราบว่า จะยาวนานเพียงใด แต่ยุคนี้จะจบด้วยการที่พระเจ้าจะทรงครอบครองโลกนี้
พระองค์ทรงถูกเลือกไว้ก่อนวางรากฐานโลก แต่ทรงให้พระองค์ปรากฏในยุคสุดท้ายเพื่อพวกท่าน 1 เปโตร 2:20
และคนอิสราเอลจะกลับมาหาพระเจ้า มีคาห์พูดเหมือนโฮเชยา 3:5. หลังจากนั้น ชนอิสราเอลจะกลับมาและแสวงหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขา และดาวิด กษัตริย์ของพวกเขาพวกเขาจะมาด้วยความยำเกรงพระยาห์เวห์และมารับพระพรพระคุณของพระองค์ในวาระสุดท้าย
พระคำตอนนี้ เหมือนกับอิสยาห์ 2  เนินเขาแห่งพระวิหารจะถูกยกขึ้นให้สูงกว่าที่เป็นอยู่  มีความเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ยกระดับความสูงของพื้นที่เยรูซาเล็ม  ผู้คนจะหลั่งไหลไปที่นั่น

4:2 พวกเขาจะชวนกันไป มีน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อที่จะฟังพระดำรัสของพระเจ้า  หลายชาติจะยอมรับอิสราเอลว่าเป็นคนของพระเจ้า และพวกเขาจะต้องมาที่เยรูซาเล็มเพื่อเรียนทางของพระองค์   ซึ่งในวันนี้เราจะเห็นว่า ความรู้สึกต่อต้านยิว หรือ Anti-Semetic  กำลังรุนแรงอย่างมากในโลก ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้  แต่คนของพระเจ้าก็กำลังต่อสู้ พระเจ้ากำลังเรียกคนจำนวนมากกลับมาหาพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นในอิหร่าน ในประเทศจีน แม้กระทั่งในอังกฤษที่หลงทางไปจากพระเจ้ามาเนิ่นนาน ณ วันนี้ ผู้คนก็กำลังกลับมาหาพระเจ้าเพราะพวกเขากำลังเผชิญกับศัตรูที่น่ากลัวมากในเรื่องของ ปัญหา Immigration ที่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสู้ไหวเลย  (ขณะเขียนคือ กันยายน 2025)
     แต่สำหรับมีคาห์แล้ว เขากำลังบอกว่า โลกจะกลับมาหาพระเจ้า โดยมีอิสราเอลเป็นตัวกลาง อพยพ 19:6 และพวกเจ้าจะเป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิตทั้งหลาย และเป็นประชาชาติที่บริสุทธิ์ นี่คือสิ่งที่เจ้าจะต้องพูดกับชาวอิสราเอล
มีคาห์บอกเราว่า พระเจ้าจะตรัสจาก เยรูซาเล็ม!! ที่จริงแล้วน่าตื่นเต้นมากว่า พระเจ้าจะทำอะไรกับโลกนี้ เพราะความร้อนระอุของสงครามอิสราเอลกับชาติรอบข้างยังไม่มีภาพลงตัวให้พวกเราเห็นเลย 

4:3 องค์พระผู้เป็นเจ้าคือ องค์ผู้พิพากษาคนทั้งโลก ตรงนี้น่าสนใจมาก ว่า มีคาห์ได้กล่าวถึงชาติมหาอำนาจที่อยู่ห่างไกล
ต่อไปประชาชาติต่าง ๆ จะไม่ได้ทำสงคราม แต่จะเปลี่ยนอาวุธให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างอาหารให้ประชากรโลก 
พระองค์จะทรงตัดสินความระหว่างชาติต่าง ๆ และจะยุติการพิพาทให้กับชาติมหาอำนาจซึ่งอยู่ห่างไกล  ซึ่งทำให้เราคิดถึงชาติต่าง ๆ ทั่วโลกในเวลานี้ ที่ในช่วงเวลาของมีคาห์ พวกเขายังไม่รู้จัก หรือยังไม่เกิดชาตินั้นเลย
ชาติแม้จีนจะมีประเทศแล้ว (รวมจีน 221 ปีก่อนคริสตศักราช) ) แต่มหาอำนาจอย่างอเมริกา(เกิดเมื่อ 1607)หรือรัสเซีย(เกิดปี 862)ยังไม่มีตัวตนเลย

4:4  ทั้งโลกจะได้พบกับสันติสุข!! เราต้องดูต่อไป ? ตอนนี้ทุกมุมโลกของเรากำลังเผชิญกับสงครามทั้งใหญ่และเล็ก เป็นสงครามตรงไปตรงมา แต่มีความลึกลับซับซ้อนเพราะเหล่ามหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง   แต่มีคาห์ยืนยันว่า ผู้คนจะได้มีสันติสุขกับเถาองุ่น มะเดื่อ ซึ่งมีความหมายถึงพระพรของพระเจ้าในไร่นา ในการทำมาหากินของพวกเขา  และนี่เป็นพระสัญญาที่มาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า  

4:5 ประเทศต่าง ๆ ในโลกต่างมีความเชื่อในศาสนาของตน มีเทพเจ้าต่าง ๆ ที่ตกทอดกันมานานแสนนาน    แต่ในอนาคต จะมีคนจำนวนหนึ่งจากชาติต่าง ๆ ที่เป็นโลกมืด ได้มาพบพระเจ้าอีกมากมาย  จะดำเนินชีวิตใต้พระเจ้า ไม่ได้อยู่ใต้เทพเจ้าใด ๆ อีก  เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ อย่างที่พระเจ้าทรงบริสุทธิ์  พวกเขาคือเหล่าคนที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ (ในเมื่อสรรพสิ่งจะถูกทำลายไปเช่นนี้ จึงชัดเจนว่า ท่านควรเป็นคนอย่างไร ให้ใช้ชีวิตบริสุทธิ์ในทางของพระเจ้ารอคอยและเร่งวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นวันที่ฟ้าสวรรค์จะถูกเผาและสูญสลายไป และเทหวัตถุในนั้นจะหลอมละลายไปกับความร้อนยิ่ง. 2 เปโตร 3:11-12)

การปกครองที่กลับคืนมา (ฝูงแกะของพระเจ้า)
4:6 อิสราเอลที่ถูกกระจัดกระจายไปในประเทศต่าง ๆ นั้น มีทั้งที่กลับมายังอิสราเอลแล้ว และยังมีคนหลงเหลือตามประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ยุโรป อเมริกา และทางเหนือของอัฟริกา  คนเหล่านี้ พระเจ้าทรงให้เขาต้องเผชิญกับการข่มเหงจากเจ้าของประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันจบ  แต่ก่อนที่พระเจ้าจะทรงครอบครองหนึ่งพันปีในวันสุดท้ายนั้น พระเจ้าจะทรงรวบรวมพวกเขากลับมา

ตั้งแต่ที่ถูกจับไปเป็นเชลย โดยอัสซีเรีย และบาบิโลน คนยิวไม่ได้กลับมาจากการเป็นเชลยของอัสซีเรียและที่กลับมาจากบาบิโลนก็ไม่ได้กลับมาหมด
ลูกา 21:24 เล่าว่า พวกเขาจะต้องถูกไปเป็นเชลยทั่วทุกชาติ คนต่างชาติจะเหยียบย่ำเยรูซาเล็ม  จนกว่ากำหนดของคนต่างชาติจะครบถ้วน

(อาจมีการแปลความหมายของพระคำตอนนี้แตกต่างไปมากเพราะมีคนทั้งที่เชื่อว่าจะมีการปกครองหนึ่งพันปี และบางคนก็ไม่เชื่อ บางคนคิดว่า หนึ่งพันปีนั้นผ่านไปแล้ว ถ้าเกิดความไม่ชัดเจนก็ยังไม่ต้องตกใจ เราจะดูกันต่อไปว่า พระเจ้าจะทรงให้เกิดอะไรขึ้น )

4:7 พระเจ้าทรงสัญญาที่จะทำให้คนพิการซึ่งเป็นคนที่สังคมโยนทิ้ง คนยิว กลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง และพระองค์จะทรงปกครองพวกเขาจากศิโยน  สมกับคำที่สดุดี 146:10 กล่าวว่า พระเจ้าจะทรงปกครองเป็นนิตย์  นั่นคือ พระเยซูจะทรงปกครองไปจนถึงวันที่โลกเดิมนี้สิ้นสุดลง (/ เปโตร  3:10 วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาอย่างขโมย ฟ้าสวรรค์จะสูญสิ้น!!)

4:8 นอกจากพระเจ้าจะปกครองจากศิโยนแล้ว  ที่นี่จะเป็นดั่งคนยาม คอยดูแลคนของพระเจ้า  มีป้อมที่จะเป็นที่ลี้ภัย
 น่าจะมีการรื้อฟื้นการปกครองของดาวิดขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็หมายถึงองค์พระเยซูคริสต์นั่นเอง (อาโมส 9:11 11 ในวันนั้น เราจะตั้งเต็นท์ของดาวิดที่ล้มลงขึ้นมาใหม่  เราจะซ่อมแซมส่วนที่แตกหักไป จะรื้อฟื้นสิ่งที่พังทลาย และสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนวันวารในอดีต)   การปกครองด้วยพระเจ้าอย่างเดิมจะกลับมายังอิสราเอล 

ากการเป็นเชลยสู่ชัยชนะ
4:9-10 นี้ เป็นภาพของอิสราเอลที่ไปตกเป็นเชลยในศิโยน ไม่มีกษัตริย์ของตนเอง พวกเขาร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด ไม่มีทางหนีรอด
ขณะนี้มีคาห์มองไปในอนาคตอันใกล้ (ไม่ถึงยุคของเรา) เป็นช่วงเวลาอีกไม่นานที่ยูดาห์จะถูกกวาดไปเป็นเชลย   มีคาห์กำลังแจ้งให้ยูดาห์รู้ว่า ต่อไปอนาคตของพวกเขาคือ จะต้องไปอยู่ที่ในที่โล่ง เป็นการเดินทางที่ยาวนาน  พบกับหายนะ ความเจ็บปวด การไม่มีกษัตริย์ 
แต่มีคาห์ยังปลอบใจให้รู้ว่า พระเจ้าจะทรงไถ่พวกเขาจากบาบิโลนแน่นอน เป็นเราได้ยินอย่างนี้ยังใจชื้นขึ้นมา  พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา ที่นั่น เขาจะได้หันมามองชีวิตที่เคยเป็นชนชาติอิสระ
การกล่าวถึงบาบิโลนนั้น ฟังแล้วเหมือนไม่น่าเชื่อ เพราะตอนนั้น ผู้ที่ข่มขู่อิสราเอลมากที่สุดคือ อัสซีเรีย  บาบิโลนยังไม่ได้เป็นมหาอำนาจ

การเก็บเกี่ยว รวบรวม
4:11 ชาติต่าง ๆ ยุคโบราณต่างต้องการทำลายอิสราเอล พวกเขาเกลียดชังพระเจ้าเที่ยงแท้แห่งอิสราเอล และคิดว่า จะทำลายพระองค์ได้
พวกเขาทำทุกด้านไม่ว่าจะเป็นทางการทหาร การเมือง หรือการหลอกให้อิสราเอลหลงไปกับรูปเคารพ  ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับยุคปัจจุบันเลย
เราเห็นความเกลียดชังเหนือธรรมชาติ ข้ามกาลเวลาจากโลกโบราณจนถึงยุคใหม่นี้ ..

4:12 แต่พวกเขาไม่รู้ว่า การต่อต้านพระเจ้านั้นคือหายนะ พระเจ้าจะทรงรวบรวมพวกเขาเหมือนฟ่อนข้าว เพื่อนำไปเผา

4:13 ทำไมพระเจ้าจึงเรียกคนอิสราเอล (ลูกสาวศิโยน)ให้บดขยี้คนหลายชาติ​?  นี่คือแผนการของพระองค์ที่พระเจ้าจะทรงให้กำลังกับพวกเขา เพื่อเอาชนะ และให้คนทั้งโลกได้ยอมสยบต่อพระเจ้าสูงสุด  ( ซึ่งตรงนี้เรายังมองไม่เห็น เกิดขึ้นเมื่อไรเราจะเห็นว่าคำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริง)  ตอนนี้ (กย.2025) เรายังเห็นการต่อสู้ของอิสราเอลอย่างหนัก เป็นศึกที่ไม่ได้สิ้นสุด แต่กำลังต่อสู้รอบด้านเพื่อต่อต้านศัตรูที่ต้องการทำลายอิสราเอลให้สิ้นซาก ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นนั้น มีคำพยากรณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว บางข้อความตรงจนน่าตกใจ

นี่เป็นภาพการปกครองของพระเมสสิยาห์  เศคาริยาห์ 14:12-15 12 พระผู้เป็นเจ้าจะให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นกับชนชาติทั้งปวงที่โจมตีเยรูซาเล็มคือ เนื้อหนังของพวกเขาจะเน่าขณะที่พวกเขายังยืนอยู่ ลูกตาของพวกเขาจะเน่าในเบ้าตา และลิ้นของพวกเขาจะเน่าในปาก13 และในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกเขาตื่นตระหนกยิ่งนัก แต่ละคนจะคว้ามือของอีกคนหนึ่ง และต่างก็จะโจมตีกันเอง 14 ยูดาห์จะต่อสู้ที่เยรูซาเล็ม สมบัติของประชาชาติทั้งปวงโดยรอบจะถูกเก็บรวบรวมคือ ทองคำ เงิน และเครื่องแต่งกายจำนวนมหาศาล 15 และภัยพิบัติอย่างเดียวกันนี้จะเกิดแก่ม้า ล่อ อูฐ ลา และสัตว์ป่าชนิดใดก็ตามที่อยู่ในค่ายเหล่านั้น
และสันติสุขนิรันดร์ที่จะเกิดขึ้น หลังจากการพิพากษาในข้อ 12

พระคำเชื่อมโยง

มีคาห์ 4
1* อิสยาห์ 2:2-4
3*อิสยาห์ 2:4; สดุดี72:7
4* เศคาริยาห์ 3:10
5* เศคาริยาห์ 10:12
6* เอเสเคียล 34:16; สดุดี 147:2
7* มีคาห์ 2:12;อิสยาห์ 9:6; 24:23


9* เยเรมีย์ 8:19; อิสยาห์ 13:8
10* อาโมส 5:27; อิสยาห์ 45:13; สดุดี 18:17
11* เพลงคร่ำครวญ 2:16; โอบาดีย์ 12
12* อิสยาห์ 55:8-9; 21:10
13* เยเรมีย์ 51:33; อิสยาห์ 41:15; ดาเนียล 2:44; อิสยาห์ 18:7; เศคาริยาห์ 4:14