ไม่ผิดหรือเมื่อเจ้าถวายสัตว์ที่เป็นง่อยและมีโรค?
1 ต่อไปนี้คือ
พระดำรัสอันเป็นภาระหนัก(מַשָּׂ֥א )ของพระยาห์เวห์
ผ่านมาทางมาลาคี
พระเจ้าทรงรักอิสราเอลแต่อิสราเอลไม่ตอบอย่างสมควร
2 “เราได้รักพวกเจ้า” พระยาห์เวห์ตรัส
แต่พวกเจ้ากลับถามว่า
“พระองค์ทรงรักเราอย่างไรหรือ?” พระยาห์เวห์ตรัส
“เอซาวเป็นพี่ชายของยาโคบมิใช่หรือ?
แต่เราก็ยังรักยาโคบ
3 เอซาวนั้นเราชังเขา
และเราทำให้เทือกเขาของเขากลายเป็นที่ร้าง
และยกมรดกของเขาให้หมาในแห่งถิ่นกันดาร”
4 แม้เอโดมจะกล่าวว่า
“เราถูกทำลายล้าง แต่เราจะสร้างสิ่งที่ปรักหักพังขึ้นมาใหม่”
แต่พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสว่า “พวกเขาอาจจะสร้างขึ้นมา แต่เราก็จะทำลาย พวกเขาจะถูกเรียกว่า
ดินแดนแห่งความชั่วร้าย
และเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงพิโรธตลอดไปเป็นนิตย์
5 เจ้าจะได้เห็นอย่างนี้กับตาตัวเอง และเจ้าเองจะกล่าวว่า
‘พระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่นัก
ถึงแม้จะเป็นนอกเขตแดนอิสราเอล’
เครื่องบูชาที่เป็นมลทิน
6“ลูกย่อมให้เกียรติแก่พ่อของเขา บ่าวก็ต้องให้เกียรตินายของเขา แต่หากเราเป็นพ่อ เกียรติของเราอยู่ที่ไหนกัน? และหากเราเป็นนาย ความยำเกรงเรานั้นอยู่ที่ไหน ?”
พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้กับเหล่าปุโรหิตที่ดูหมิ่นพระนาม แต่เจ้ากลับถามว่า
“พวกเราได้ดูหมิ่นพระนามอย่างไรกัน?”
7 “เจ้าได้นำอาหารที่เป็นมลทินบนแท่นบูชาของเรา”
แต่เจ้าถามอีกว่า “แล้วพวกเราได้ทำให้พระองค์เป็นมลทินอย่างไร?” ก็โดยกล่าวว่า
‘สมควรที่เราจะดูหมิ่นเหยียดหยามโต๊ะของพระยาห์เวห์’
8 ไม่ผิดหรือที่เจ้านำเอาสัตว์ตาบอดมาเป็นเครื่องบูชา?
ไม่ผิดหรือเมื่อเจ้าถวายสัตว์ที่เป็นง่อยและมีโรค? ลองทำอย่างนี้กับเจ้าเมืองของเจ้าดู เขาจะพอใจเจ้า
และยอมรับเจ้าหรือไม่?”
พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสถามพวกเขา
9 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสถามว่า “จงทูลอ้อนวอนพระเจ้าให้ทรงกรุณาต่อพวกเจ้าสิ พระองค์จะทรงกรุณาเจ้าไหม?
ในเมื่อของถวายเหล่านี้มาจากมือของเจ้าเอง
พระองค์จะทรงโปรดปรานไหม?
10 “โอ เราอยากให้เจ้าสักคนได้ปิดประตูพระนิเวศเสีย
เพื่อว่าเจ้าจะไม่จุดไฟไร้ค่าบนแท่นบูชาของเรา
เราไม่พอใจพวกเจ้า”
พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัส “
และเราจะไม่รับของถวายใด ๆ จากมือของพวกเจ้า
พระนามนี้ยิ่งใหญ่ทั่วโลก
11 เพราะพระนามของเรานั้นจะยิ่งใหญ่ท่ามกลางชาติต่าง จากที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงที่ดวงอาทิตย์ตก ทุกหนแห่งจะมีคนถวายเครื่องหอม และของถวายบริสุทธิ์แด่พระนามของเรา เพราะพระนามของเราน้ันจะยิ่งใหญ่ท่ามกลางชาติต่าง ๆ
12 “แต่เจ้าดูหมิ่นพระนามนั้นเมื่อเจ้ากล่าวว่า ‘โต๊ะของพระยาห์เวห์เป็นมลทิน และพูดถึงอาหารถวายว่า อาหารนี้น่ารังเกียจ’
13 เจ้ายังกล่าวว่า ‘นี่น่ารำคาญเสียจริง’ เจ้ายังเชิดจมูกใส่อีก” พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัส “เจ้านำของที่ขโมยมา เป็นง่อย ป่วย! แล้วเราควรจะรับของเหล่านั้นจากมือเจ้าหรือ?” พระยาห์เวห์ตรัสถาม
14 “คำสาปมีแก่คนโกงที่สัญญาว่าจะนำสัตว์ตัวผู้จากฝูงที่แข็งแรงมาถวาย แต่กลับถวายสัตว์ที่มีตำหนิแด่องค์พระยาห์เวห์ เพราะเราเป็นองค์มหาราชา” พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัส “และพระนามของเราจะเป็นที่ยำเกรงนักท่ามกลางชาติทั้งหลาย”
อธิบายเพิ่มเติม
เบื้องหลัง
หนังสือมาลาคีนั้น เขียนประมาณ 100 ปีหลังจากฮักกัยและเศคาริยาห์
มาลาคีน่าจะอยู่ในช่วงเดียวกับเนหะมีย์ หรือ หลังจากนั้นไม่มาก
เรื่องราวที่มาลาคีกล่าวก็เป็นสิ่งที่เกิดในสมัยของผู้ว่าราชการเนหะมีย์อย่างเช่นการแต่งงานกับหญิงต่างชาติ การไม่ถวาย การละเลยวันสะบาโต ปุโรหิตที่คดโกง ความอยุติธรรมที่ดาษดื่นในสังคม (อ่านเนหะมีย์ 13) ผู้เผยพระดำรัสก่อนมาลาคีก็คือ ฮักกัย และเศคาริยาห์ ซึ่งทั้งสามเป็นผู้ที่เผยพระดำรัสในช่วงหลังจากกลับมาจากบาบิโลน
ในสมัยของมาลาคีนั้น มีพระวิหาร มีระบบปุโรหิตมั่นคง การใช้ชีวิตของผู้คนและเหล่าผู้รับใช้ของพระเจ้าเริ่มเสื่อมลง ดูเหมือนคำสัญญาของพระเจ้าเรื่องพระเมสสิยาห์ที่จะมาก็ไม่มีวี่แววเลย
ผู้คนมองพระเจ้าไม่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ยิ่งใหญ่ และเฉยเมยต่อพระองค์พวกเขาใช้ชีวิตแบบที่ดูหมิ่นพระเจ้าหลาย ๆ ด้าน แต่ก็เหมือนไม่รู้ตัว
และสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยของมาลาคี ก็เป็นเรื่องราวที่ทำให้เราต้องหันมามองตัวเองว่า ชีวิตต้องกลับใจขนาดไหน ไม่ได้ต่างจากพวกเขาเลย
หลังจากมาลาคีแล้ว พระเจ้าก็ไม่ได้ตรัสผ่านผู้เผยพระดำรัสนานถึง 400 ปี ยาวนานเท่ากับที่อิสราเอลได้ไปอยู่ในอียิปต์!
จนกระทั่งพระองค์ทรงส่งยอห์นผู้ให้บัพติศมา และพระเยซูมา ซึ่งในช่วงเวลานั้น ศาสนายิวก็เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน มีทั้งธรรมาจารย์ ฟาริสีมีสภายิวที่ดูแลฝ่ายวิญญาณ ในขณะที่โรมครองแผ่นดินอิสราเอล
1:1 ชื่อมาลาคีแปลว่า ผู้สื่อสารของเรา หนึ่งร้อยปีผ่านมาหลังจากที่พระเจ้าตรัสกับพวกเขาผ่านฮักกัย และเศคาริยาห์ พระเจ้าก็ตรัสอีก และพระองค์ทรงย้ำความรักที่พระองค์ทรงมีต่อพวกเขา ทรงเปรียบเทียบให้เห็นระหว่าง ลูกหลานของยาโคบและลูกหลานของเอซาว
ในภาษาเดิม ภาระดังกล่าวว่า มัสสาห์ מַשָּׂ֥א หมายถึงภาระ คำกล่าว ความปรารถนา แบกภาระ หนักใจ ร้องเพลง มีความหมายเหมือนยกขึ้นมา เพื่อบอกให้รู้ถึงอันตราย มาจากคำว่า นาสา נָשָׂא คือ ยก แบก ค้ำ พยุง รับภาระ และคำนี้ใช้ในหลาย ๆ ครั้งกับผู้เผยพระดำรัสท่านอื่นด้วย อย่างเช่น ฮาบากุก (1:1) เยเรมีย์ (23:33-38) เป็นคำที่มักใช้เพื่อบอกถึงอันตราย หรือ การคุกคามที่กำลังมา
พระเจ้าทรงรักอิสราเอลแต่อิสราเอลไม่ตอบอย่างสมควร
1:2-3 พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่ทรงรักยาโคบ ที่ตรัสว่า ทรงชังเอซาวอาจทำให้เราคิดว่า พระเจ้าทรงเป็นอย่างนี้หรือ? ทรงเลือกที่รักมักที่ชังหรือ? ในพระคัมภีร์ตอนนี้ การที่พระเจ้าทรงรักยาโคบ นอกจากรัก แล้ว ยังมีความหมายครอบคลุมไปถึงว่า พระองค์ทรงเลือกเขา พระองค์ทรงเลือกยาโคบให้เป็นต้นตระกูลของชนชาติที่จะเป็นพระพรแก่คนทั้งโลกในอนาคต
จากคำพูดตอบโต้ของคนอิสราเอล ดูเหมือนว่า เขาไม่ได้สำนึกเลยว่า พระเจ้าทรงรักเขา
Note:
คำว่า เกลียดชัง ซาเน שָׂנֵא นอกจากความหมายตรง ๆ แล้ว มีความหมายอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่ได้เลือก คำ ๆ นี้ บอกถึงความไม่ชอบอย่างมาก ใช้เพื่ออธิบายความเป็นศัตรูระหว่างบุคคล หรือกลุ่มคน คำ ซาเน ใช้ได้กับอารมณ์ของมนุษย์หรือพระเจ้า เป็นการบ่งบอกว่า ปฎิเสธความชั่ว การไหว้รูปเคารพ ความอยุติธรรม รวมไปถึงความขัดแย้งส่วนตัว
สำหรับคนอิสราเอลแล้ว คำ ๆ นี้ไม่ใช่แค่บอกว่าไม่ชอบ ไม่พอใจ เกลียด แต่ยังรวมไปถึงการแสดงออกมาเป็นการกระทำ ให้เห็นว่า ฉันไม่พอใจอะไร พระคัมภีร์ฮีบรูแสดงถึงความรักความเกลียดเพื่อให้เห็นว่า มีการเลือกระหว่างการที่จะทำตามบทบัญญัติของพระเจ้าหรือ จะตามติดรูปเคารพ พระเจ้ากับคนอิสราเอลมีพันธสัญญาต่อกัน เพื่อให้อิสราเอลติดตามพระเจ้า และปฏิเสธทุกสิ่งที่ตรงข้ามกับน้ำพระทัยของพระองค์ (จาก https://biblehub.com/hebrew/8130.htm)
1:4-5 ถ้าเรากลับไปอ่านหนังสือ โอบาดีย์ เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงทำอย่างไรกับลูกหลานเอซาวที่เลือกชีวิตที่ตนเองคิดว่า เก่งกล้ากว่าใคร ๆ เราจะเห็นภาพของคนที่เลือกดูหมิ่นพระเจ้า แต่.. ในเวลานี้ ลูกหลานยาโคบ คนที่พระเจ้าทรงเลือกกลับทำสิ่งที่คล้ายคลึงกับลูกหลานเอซาว
พวกเขาเลือกทำเหมือนกับเอซาว นั่นคือ การดูหมิ่นพระพรของพระเจ้า การมั่นใจว่า ตนเองเหนือกว่า เก่งกว่า พวกเขาลืมไปว่า พระเจ้าองค์จอมทัพ ทรงเป็นเจ้าเหนือทูตสวรรค์ทั้งสิ้น เหนือดวงดาวทั้งหมดในจักรวาล ทรงเป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงที่มีมากมายในเอกภพ และทรงเป็นเจ้าเหนือมนุษย์และสัตว์ในพื้นแผ่นดิน พระเจ้าทรงประกาศให้พวกเขาทราบว่า พระองค์ไม่ได้ทรงเป็นแค่พระเจ้าแห่งอิสราเอล แต่ทรงเป็นพระเจ้าที่จะตัดสินความของชาติอื่น ๆ นอกเหนือจากอิสราเอลด้วย
เครื่องบูชาที่เป็นมลทิน
1:6 พ่อ และ เจ้านายต้องได้รับเกียรติ แต่แล้ว อิสราเอลกลับไม่ได้ยำเกรงพระองค์เลย ในพระคัมภีร์เดิม ไม่ค่อยมีคำที่บอกว่า พระเจ้าทรงเป็นพระบิดา แต่ในที่นี้ พระเจ้าตรัสชัดเจนว่า เราเป็นพ่อ … (อิสยาห์ 63:16, 64:8) นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับปุโรหิตที่ดูหมิ่นพระนาม ซึ่งหมายถึงดูหมิ่นพระองค์เอง .. เพราะชื่อของบุคคลก็มีความหมายถึงบุคคลคนนั้นโดยตรง
1:7-8 พระเจ้าจึงทรงตอบเขาว่า พวกเขาดูหมิ่นพระองค์ด้วยการนำอาหารมลทินมาถวาย… พวกเขาไม่สนใจที่จะถวายสิ่งดีที่สุดแด่พระเจ้า ไม่ได้เตรียมอย่างเหมาะสมตามที่พระองค์ทรงบัญชาไว้ เหมือนกับอะไรก็ได้ เอามาถวาย โต๊ะของพระเจ้าบริสุทธิ์ แต่ปุโรหิตทำเหมือนเป็นโต๊ะธรรมดา พวกเขาคิดด้วยว่า สมควรจะเหยียดหยามพระเจ้า!!
มีคำถามย้อนกลับมาเสมอ ในข้อ 6 บอกว่า ปุโรหิตเป็นผู้ย้อนถามพระเจ้า
“พวกเราได้ดูหมิ่นพระนามอย่างไรกัน?”
“แล้วพวกเราได้ทำให้พระองค์เป็นมลทินอย่างไร?
ที่ทำลงไป ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด พระเจ้าทรงบอกชัดว่า การที่เขาถวายสัตว์ตาบอด เป็นง่อย มีโรคติดตัว .. พวกเขา กำลังทำผิดต่อพระองค์ .. เลวีนิติ 1:3 บอกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงพอพระทัยอะไร .. เขาจะเอาของที่สกปรก มีมลทิน มาถวายพระเจ้าไม่ได้ (เลวีนิติ 7:19-21)
แปลกที่พวกเขาไม่ได้สำนึกเลย ! พวกเขาเฉยเมยต่อพระองค์
พวกปุโรหิตเหล่านี้ไม่ได้รู้ว่า พระเจ้าทรงเรียกเอาจากคนที่เป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณมากกว่า (2 เปโตร 2:1)
1:9-10 พระเจ้าตรัสว่า น่าจะมีคนปิดประตูพระนิเวศเสียเลย เพราะจะได้ไม่มีการถวายสิ่งที่ไร้ค่าต่าง ๆ พระเจ้าทรงเลือกที่จะให้ไม่มีใครเข้ามา
ถวายเครื่องบูชา ดีกว่าทำแบบชั่ว ๆ ที่พระองค์ไม่พอพระทัย
พระนามนี้ยิ่งใหญ่ทั่วโลก
1:11 พระเจ้าทรงแจ้งให้พวกเขาทราบว่า ในอนาคต พระนามของพระองค์จะยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก ทุกเวลา จะมีคนนมัสการ ถวายคำสรรเสริญ ถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ พวกเขาจะถวายของที่บริสุทธิ์แด่พระเจ้า เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจ ขณะที่คนของพระเจ้าถวายสิ่งที่เป็นมลทิน ชนต่างชาติที่ยิวคิดว่า เป็นคนน่ารังเกียจ จะเป็นคนที่ถวายสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย (อ่าน โรม 11)
1:12 ปุโรหิตเหล่านี้ดูหมิ่นพระเจ้า เมื่อพวกเขามองเห็นว่า อะไร ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าเป็นของน่ารังเกียจ เป็นมลทิน เราเห็นได้ในโลกปัจจุบันที่ผู้คนรังเกียจพระนามของพระเจ้า เกลียดชังพระนิเวศของพระองค์ พยายามทำลายพระนามของพระองค์ แต่ในมาลาคีนี้ พระเจ้าตรัสว่า คนของพระองค์เป็นคนที่ทำสิ่งเหล่านี้
1:13 ในขณะที่เราสมควรจะนำสิ่งดีที่สุดมาถวายพระเจ้า เราคิดว่า อะไรก็ได้ พระเจ้าทรงรับหมดนั่นแหละ นี่เป็นความคิดที่ไร้สติ เรารักใคร เราก็ต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาคนนั้น แต่ ปุโรหิตพวกนี้เชิดหน้าใส่พระเจ้า เอาของเลว ๆ มาให้พระองค์ แล้วพระองค์จะรับได้อย่างไร … ใจพวกเขาย่ำแย่ ส่งผลให้การกระทำต่อพระองค์เลวร้ายไปด้วย
1:14 พระเจ้าตรัสสาปแช่งพวกเขาไว้ กับคนที่สัญญาอย่างแต่กลับเอามาอีกอย่าง พระองค์ทรงแจ้งให้ทราบว่า ทรงเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่
พระนามของพระองค์จะเป็นที่ยำเกรงในชาติต่าง ๆ และเราก็เห็นเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในปัจจุบัน คนอิสราเอลเองหันหลังให้พระเจ้า และพวกเขาหันไปเป็นคนไม่เชื่อพระเจ้า ต่อต้านพระองค์ บางคนก็ยึดมั่นบทบัญญัติจนไม่มีจิตวิญญาณ
และในวันนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ปี 2023 เป็นต้นมา เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอิสราเอลเพราะสงครามรอบด้านที่โถมเข้ามาในประเทศ เป็นเวลาที่ชาติทั้งหลายกำลังหันเข้ามาอธิษฐานเผื่ออิสราเอลให้พวกเขากลับมาหาพระองค์ ..ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขากำลังกลับมาหาพระองค์ทุก ๆ วัน ไม่เหมือนในอดีต
พระคำเชื่อมโยง
มาลาคี 1
1* เฉลยธรรมบัญญัติ 4:37;7:8; 23:5;
โรม 9:13
3* เยเรมีย์ 49:18
4* เยเรมีย์ 49:16-28
5* สดุดี 35:27
6* อพยพ 20:12; ลูกา 6:46; มาลาคี 2:14
7* เฉลยธรรมบัญญัติ 15:21; เอเสเคียล 41:22
8* เลวีนิติ 22:22; โยบ 42:8
9* โฮเชยา 13:9
10* 1โครินธ์ 9:13; อิสยาห์ 1:11
11* อิสยาห์ 59:19; 60:3, 5; 1 ทิโมธี 2:8; วิวรณ์ 8:3; อิสยาห์ 66:18-19
12* มาลาคี 1:7
13* อิสยาห์ 43:22; เลวีนิติ 22:20
14* มาลาคี 1:8; เลวีนิติ 22:18-20; สดุดี 47:2