เศคาริยาห์ 7 แผ่นดินจะถูกทิ้งร้าง

การอดอาหารปลอม
1 ในปีที่สี่ของรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส พระดำรัสของพระยาห์เวห์มายังเศคาริยาห์ ในวันที่สี่ของเดือนที่เก้า คือเดือนคิสเลฟ (พฤศจิกายนถึงธันวาคม)
2 ประชาชนจากเบธเอลได้ส่งชาเรซอร์ และเรเกม-เมเลคพร้อมกับพวกของเขาเพื่อทูลถามพระยาเวห์  
3 โดยที่พวกเขาถามปุโรหิตในพระนิเวศของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ รวมทั้งเหล่าผู้เผยพระดำรัส “ข้าพเจ้าควรจะร้องไห้และอดอาหารในเดือนห้า เหมือนอย่างที่ได้ทำมาเป็นเวลาหลายปีหรือไม่?

4 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ
ก็มาถึงข้าพเจ้าดังนี้
 5 “จงถามประชาชนในแผ่นดิน ถามเหล่าปุโรหิตว่า ‘ในช่วงเวลาเจ็ดสิบปีที่ผ่านมา  เมื่อพวกเจ้าอดอาหารคร่ำครวญในเดือนห้าและเดือนเจ็ด พวกเจ้าอดอาหารเพื่อเราอย่างนั้นหรือ? 6 และเมื่อพวกเจ้ากินและดื่ม เจ้าก็ทำเพื่อตัวเองมิใช่หรือ?

7 นี่ไม่ใช่พระดำรัสของพระยาห์เวห์ที่ทรงประกาศผ่านผู้เผยพระดำรัสก่อนหน้านี้ หรือ? เมื่อนครเยรูซาเล็ม และเมืองรอบ ๆ มีคนอาศัยจำนวนมาก และเจริญรุ่งเรือง  และเนเกบ รวมถึงดินแดนเนินเขาเชเฟลาห์ ก็ยังมีผู้คนอาศัยอยู่

เพราะใจที่แข็งกระด้าง 
8 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์มายังเศคาริยาห์ดังนี้
9 “นี่เป็นพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพ ตรัสว่า
‘จงรักษาความยุติธรรมที่แท้  จงแสดงความรักเอาใจใส่ และความสงสารต่อกันและกัน 
10 อย่าได้กดขี่แม่ม่ายหรือคนที่กำพร้าพ่อ  คนต่างชาติ หรือคนยากจน และอย่าวางแผนชั่วต่อกันและกันในใจของเจ้า’

11 แต่พวกเขากลับปฏิเสธ ไม่ใส่ใจ และดื้อรั้นหันหลังให้เรา พวกเขาไม่ยอมฟังอีกต่อไป
12 พวกเขาทำให้ใจแข็งกระด้างเหมือนหินเหล็กไฟ ไม่ยอมฟังบัญญัติหรือพระดำรัสที่พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงส่งมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านมายังผู้เผยพระดำรัสก่อนหน้านี้ ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์จอมทัพจึงทรงพิโรธยิ่ง
13 ดังนั้นในเมื่อเราเรียก และพวกเขาไม่ยอมฟัง ดังนั้น เมื่อพวกเขาทูลเรา เราก็จะไม่ฟัง พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัส  

14 แต่เราได้ใช้ลมพายุหมุน ทำให้พวกเขากระจัดกระจายออกไปตามชาติต่าง ๆ ที่พวกเขาไม่รู้จักมาก่อน และแผ่นดินก็ถูกทิ้งร้างไว้อยู่ข้างหลัง เพื่อว่าจะไม่มีใครผ่านไปมาเลย  นี่แหละเป็นการที่พวกเขาทำให้แผ่นดินน่าอยู่กลับกลายเป็นที่รกร้างไป”

คำอธิบายเพิ่มเติม

การอดอาหารจอมปลอม 
7:4 แล้วพระเจ้าทรงตอบเขาผ่านเศคาริยาห์ เราจะเห็นคำว่า พระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์จอมทัพในบทที่ เจ็ดและแปดนี้อีกหลายครั้ง  พระเจ้าทรงสื่อสารกับคนของพระองค์จริง ๆ พระองค์ไม่ได้เมินพระพักตร์จากพวกเขาเลย 
7:5-6  พระเจ้าตรัสถามว่า ที่พวกเขาเคยอดอาหารกันมาก่อนหน้านั้น  พวกเขาอดอาหารเพื่อพระองค์อย่างนั้นหรือ?   นี่เป็นคำถามสะท้อนชีวิตของเราปัจจุบันด้วยว่า ที่เรามีความเชื่อ รับใช้พระเจ้าอยู่อย่างแข็งขัน หรือทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อถวายพระองค์นั้น เราทำเพื่อพระองค์ หรือเพื่อตัวเอง …  
พระเจ้าทรงถามถึงการอดอาหารเดือนเจ็ดด้วย เนื่องจากในเดือนเจ็ดมีการก่อกบฎ และได้มีการสังหารเกดาลิยาห์ คนของพระเจ้าที่ทรงตั้งไว้ให้ดูแลชนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน เดือนเจ็ดนี้พวกเขาจึงอดอาหารกันเพื่อระลึกถึงเรื่องนี้ (ดูเยเรมีย์ 41)
พวกเขาไม่ได้อดอาหารเพราะความทุกข์ใจที่ได้ทำผิดต่อพระเจ้า แต่พวกเขาทำไปเพราะเป็นเหมือนพิธีกรรมของพวกเขาเอง
7:7 ผู้เผยพระดำรัสก่อนหน้านี้ คือก่อนที่พวกเขาจะถูกกวาดไปเป็นเชลย  ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่พวกเขากินดื่มและประเทศอยู่ในช่วงของสันติสุข มีความสุขกันถ้วนหน้า
พระเจ้าตรัสถึงเนเกบซึ่งเป็นเขตถิ่นกันดารทางใต้เต็มด้วยทะเลทราย 
ส่วนเนินเขาเชเฟลาห์นั้น เป็นพื้นที่ในยูดาห์ระหว่างหุบเขากับชายทะเล  

เพราะใจที่แข็งกระด้าง
7:8-9 พระดำรัสของพระเจ้ามาอีกแล้ว  เศคาริยาห์ก็ได้แจกแจงถึงหน้าที่ทางสังคมที่พวกเขาควรจะเอาใจใส่ ให้ความยุติธรรม จะต้องตัดสินความโดยไม่เข้าข้างแต่ทำตามความถูกต้อง   ให้แสดงความรักความ เอาใจใส่ สงสาร พี่น้องร่วมชาติ 
7:10 ห้ามกดขี่แม่ม่าย ลูกกำพร้า คนต่างชาติ คนยากจน  ไม่ให้วางแผนชั่วทำร้ายต่อกัน
พระเจ้าทรงสั่งแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
7:11-13  ประชาชนอิสราเอลไม่ฟังพระเจ้า  สิ่งที่ทำคือ ไม่ทำตาม ไม่สนใจ หันหลังให้ ไม่ยอมฟัง ใจแข็ง (แม้ทุกวันนี้ที่พวกเขาเผชิญกับสงครามรอบด้าน ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา ยังมียิวที่ใจแข็งต่อพระเจ้ามาก ๆ  แต่ในเวลาเดียวกันก็มียิวที่กลับมาหาพระเจ้าอย่างจริงจังเพราะพวกเขาได้เห็นพระสิริ ฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ทรงปกป้องพวกเขา) ทำให้พระยาห์เวห์ทรงกริ้วมาก พวกเขาจะต้องเผชิญกับการพิพากษาของพระเจ้าต่อทั้งชาติอย่างรุนแรง 
ผลที่ได้รับต่อมาคือ พระองค์จะไม่ทรงฟังพวกเขาถาม จะไม่ทรงตอบใด ๆ  เมื่อร้องทูลจะไม่ทรงฟังเช่นกัน คราวนี้พวกเขาจะได้รู้รสของสิ่งที่ตนได้ทำต่อพระเจ้า 
7:14 ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าจะทรงทำให้พวกเขากระจายไปตามชาติต่าง   และแผ่นดินจะถูกทิ้งให้ร้าง ไม่มีผู้คนอาศัย ซึ่งต่อมา ก็เกิดขึ้นจริง พวกเขาได้อยู่ในแผ่นดินนี้อีกประมาณ 600 ปี และหลังจากที่โรมเข้ามาโจมตีในปี ค.ศ. 70  พวกเขาก็กระจัดกระจายออกไปอีกครั้ง
การลงโทษครั้งนี้ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ พระเจ้าก็ให้เกิดขึ้น แต่เป็นผลจากการไม่เชื่อฟังของพวกเขาเอง พระเจ้าจึงทรงเตือนให้รู้กันไปชัด ๆ เลยว่า พวกเขาจะต้องมีชีวิตอย่างไรจึงจะถูกต้องตามที่พระเจ้าทรงเรียกเขามาเป็นคนของพระองค์ 

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 7
3* มาลาคี 2:7; เศคาริยาห์ 8:19
5* อิสยาห์ 58:1-9; เยเรมีย์ 41:1; เศคาริยาห์ 1:12; โรม 14:6
6* 1 พงศาวดาร 29:22
7* เศคาริยาห์ 1:4; เยเรมีย์ 17:26
9* เยเรมีย์ 7:28


10* อพยพ 22:22; มีคาห์ 2:1
11* เนหะมีย์ 9:29; เยเรมีย์ 17:23
12* เอเสเคียล 11:19; เนหะมีย์ 9:29-30; ดาเนียล 9:11-12
13* สุภาษิต 1:24-28
14* เฉลยธรรมบัญญัติ 4:27; 28:64

เศคาริยาห์ 5 จินตภาพหนังสือม้วนและหญิงในตะกร้า

หนังสือม้วนที่บินได้
1 อีกครั้งที่ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นและเห็นหนังสือม้วนบินไปได้
 2 ทูตสวรรค์ถามว่า “เจ้าเห็นอะไร?”
“ข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนบินไปขอรับ” ข้าพเจ้าตอบ “ยาวยี่สิบศอก และกว้างสิบศอก” ประมาณ 9 เมตร และกว้างประมาณ 4.5 เมตร
3 แล้วท่านบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นคำสาปแช่งที่เคลื่อนไปทั่วแผ่นดิน ตามด้านหนึ่งของหนังสือม้วนนี้ คนที่เป็นโจรทุกคนจะต้องถูกกำจัดไป ส่วนอีกด้านหนึ่งกล่าวว่า ทุกคนที่สาบานเท็จจะถูกกำจัดให้หมดสิ้นไป
4 พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศว่า “เราจะส่งมันออกไป และมันจะเข้าไปในบ้านของโจรและคนที่ให้คำสาบานเท็จในนามของเรา มันจะเข้าไปในบ้านของเขาและทำลายบ้านนั้นให้หมดสิ้นไปจนถึงไม้และหินในบ้าน”

จินตภาพของผู้หญิงในตะกร้า
5 แล้วทูตสวรรค์ที่ได้พูดกับข้าพเจ้าเดินมาข้างหน้า และบอกข้าพเจ้าว่า “เงยหน้าขึ้นดูสิว่า อะไรกำลังมาใกล้”
6 ข้าพเจ้าถามว่า “นั่นเป็นอะไรขอรับ?” ท่านตอบว่า “ตะกร้าชั่งกำลังจะออกไป” แล้วท่านกล่าวต่อไปว่า “นี่เป็นบาปของประชาชนทั้งแผ่นดิน”
7 และดูเถิด  แล้วฝาตะกั่วก็เปิดออก ในตะกร้านั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่
8 “นี่คือความชั่วช้า” ท่านกล่าว แล้วท่านก็ดันเธอให้กลับไปในตะกร้าตามเดิม แล้วก็กดฝาปิดปากตะกร้า 
9 แล้วข้าพเจ้าก็เงยหน้ามองดูเห็นผู้หญิงสองคน บินตรงมาทางเรา มีลมพัดปีกของทั้งสอง โดยที่ปีกนั้นเหมือนปีกนกกระสา แล้วทั้งสองก็ยกตะกร้าขึ้นให้อยู่ระหว่างสวรรค์และโลก
10 “เขาจะเอาตะกร้าไปไหนขอรับ?”
ข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้า
11  “เอาไปยังแผ่นดินชินาร์ เพื่อสร้างบ้านให้ตะกร้า เมื่อสร้างเสร็จ ตะกร้าก็จะวางตะกร้านั้นไว้บนฐานของมัน”

อธิบายเพิ่มเติม

จินตภาพต่อมา พระเจ้าทรงจัดการกับความบาปของอิสราเอล   พระเจ้าทรงบอกชัดเจนว่า คนบาปที่ไม่กลับใจจะถูกกำจัดให้หมด 

5:1-4  เศคาริยาห์เห็นหนังสือม้วนที่บินได้  เป็นคำสาปที่จะไปทั่วแผ่นดิน  ที่หนังสือนี้บินเหมือนโดรนเพื่อจะไปให้ทั่วจริง ๆ   เป็นหนังสือม้วนที่เปิดอยู่ และใหญ่พอที่คนจะอ่านได้  ใหญ่เหมือนบิลบอร์ดเลย   ทำให้คนที่ได้อ่านแล้ว ไม่อาจจะบอกว่า ไม่เห็นนะ ไม่ได้อ่านนะ 
 บาปที่พระเจ้าเจาะจงซึ่งเขียนอยู่ในหนังสือม้วนนี้คือ โจร กับคนสาบานเท็จ และไม่ใช่เท่านั้น แต่เป็นการทำผิดโดยอ้างพระนามพระเจ้า (เฉลยธรรมบัญญัติ 28) 
ข้อเขียนคำสาปนั้นมีทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งสำหรับคนที่ละเมิดบทบัญญัติสิบประการข้อ แปด (ดูอพยพ 20 ) อีกด้านสำหรับคนที่ละเมิดข้อที่สาม
สองประเภทนี้เป็นเป้าหมายของพระเจ้า  การปล้นสะดม การขโมยเป็นการทำกับเพื่อนบ้านของตน แต่การสาบานเท็จเป็นการทำกับทั้งพระเจ้า และเพื่อนบ้าน จินตภาพนี้แตกต่างจากอันก่อนที่พระเจ้าทรงอวยพระพร แต่จินตภาพนี้บ่งบอกการทำลายสิ้น
คำสาปดังกล่าวมีการพูดถึงในเฉลยธรรมบัญญัติ 30:7
การลงโทษบาปนั้นก็จะครอบคลุมทั้งแผ่นดิน!
 อิสราเอลจะต้องตระหนักว่า บาปทุกอย่างมีผลลัพธ์อย่างแน่นอน 

จินตภาพนี้ เน้นการลงโทษบาปคนที่ทำผิด ส่วนจินตภาพต่อไปกล่าวถึงการเอาความชั่วออกไปให้พ้นแผ่นดิน 

5:5-6 ต่อมาเศคาริยาห์เห็นตะกร้า กำลังออกไปโดยมีหญิงสองคนที่มีปีก ยกตะกร้าขึ้นในท้องฟ้า คำว่าตะกร้านี้เป็นภาษาฮีบรูว่า เอฟาห์ ซึ่งเป็นการชั่งตวงเท่ากับครึ่งหนึ่งของหนึ่งบูเชล  ดูเหมือนว่า ในช่วงเวลาของเศคาริยาห์นั้น ความชั่วนั้นเต็มแผ่นดินจริง ๆ  
ตะกร้าที่มีผู้หญิงอยู่เป็นเครื่องหมายของความชั่วร้ายของประชาชนทั้งแผ่นดิน และเป็นความชั่วที่แอบอยู่  และสะสมมาเรื่อย ๆ คนทั่วไปที่ได้รับผลของความชั่วก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน  เมื่อแผ่นดินเต็มด้วยความชั่วช้า พระเจ้าก็จะทรงทำลายความชั่วร้าย

5:7-8 หญิงคนนี้ต้องการหนีออกมา แต่ถูกดันให้กลับไป แถมปิดฝาตะกร้าด้วย ผู้หญิงมีปีกนำตะกร้านี้ไปแผ่นดินชินาร์ซึ่งก็คือ บาบิโลน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการต่อต้านพระเจ้า  ผู้หญิงที่มีปีกสองคนเป็นคนที่รับใช้ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า 

5:9-11 ดูเหมือนว่า การที่เอาตะกร้าออกไปยังบาบิโลน บ่งบอกว่า พระเจ้าจะเอาความชั่วร้ายออกไปจากเยรูซาเล็ม และอย่าลืมว่าในบทที่สอง
พระเจ้าทรงสั่งให้คนอิสราเอลออกมาจากบาบิโลน  และพระองค์จะทรงเป็นกำแพงไฟให้กับเยรูซาเล็ม
แผ่นดินชินาร์นี้ ต่อต้านพระเจ้ามาตั้งแต่พวกเขาสร้างหอบาเบล พระเจ้าไม่ทรงยอมให้พวกเขาตั้งรูปเคารพไว้อย่างถาวรในแผ่นดินของพระองค์ มันจะต้องถูกกำจัดออกไป
นี่เป็นการกำจัดบาปเหมือนกับวันแห่งการลบบาปในเลวีนิติบทที่ 16 มีทั้งการรับโทษบาป และการปล่อยออกไปในถิ่นกันดาร

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 5
1* เอเสเคียล 2:9
3* มาลาคี 4:6
4* อพยพ 20:15; เลวีนิติ 14:34-35
9* เลวีนิติ 11:13, 19
10* เศคาริยาห์ 5:5
11* เยเรมีย์ 29:5, 28;
ปฐมกาล 10:10

เศคาริยาห์ 4 จินตภาพคันประทีป

นิมิตถึงคันประทีปทองคำ
1 แล้วทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าก็กลับมาและท่านปลุกข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าก็งัวเงียเหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากนอน

2 “เจ้าเห็นอะไร?” ท่านถาม “ข้าพเจ้าเห็นคันประทีปทองคำล้วนขอรับ” ข้าพเจ้าตอบ  “แล้วก็มีอ่างน้ำมันบนยอด และมีตะเกียงเจ็ดดวง โดยมีท่อส่งน้ำมันให้ตะเกียงด้วย”
3 แล้วก็มีต้นมะกอกเทศสองต้นข้าง ๆ ขวาของอ่างน้ำมันด้านหนึ่ง และอีกต้นอยู่ด้านซ้าย
4 “ท่านขอรับ .. สิ่งเหล่านี้คืออะไรกัน?” ข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้า 
5 “เจ้าไม่รู้หรือว่ามันคืออะไร?”ทูตสวรรค์ตอบ “ไม่ทราบเลยขอรับ ท่านเจ้านาย” ข้าพเจ้าตอบ

6 ดังนั้นท่านจึงกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นพระดำรัสของพระยาห์เวห์ไปถึงเศรุบบาเบล ‘ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์เดช แต่โดยพระวิญญาณของเรา’ พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัส
7 เจ้าเป็นใครกัน เจ้าภูเขาที่ยิ่งใหญ่เอ๋ย?  เจ้าจะกลายเป็นพื้นราบต่อหน้า เศรุบบาเบล    แล้วท่านจะวางศิลามุมเอก  โดยมีเสียงร้องตามมาด้วยว่า “พระคุณ พระคุณแด่หิน”


8 แล้วพระดำรัสของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า
9 “มือทั้งสองของเศรุบบาเบลได้วางรากฐานให้กับบ้านหลังนี้ และมือของท่านจะทำให้สำเร็จ ดังนั้นเจ้าจึงจะรู้ว่า พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงส่งข้ามาหาเจ้า 
10 ใครดูหมิ่นวันที่มีสิ่งเล็กน้อยเกิดขึ้นคืบหน้าไป?
เพราะพระเนตรเจ็ดดวงของพระยาห์เวห์ ซึ่งมองกวาดไปทั่วโลกจะยินดีเมื่อได้เห็นสายดิ่งในมือของท่านเศรุบบาเบล”

11 แล้วข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ “ต้นมะกอกสองต้นที่อยู่ทางขวาและซ้ายของคันประทีปนั้นหมายถึงอะไรขอรับ?”
12และข้าพเจ้าก็ถามเขาต่อไป “กิ่งทั้งสองของต้นมะกอกข้าง ๆ ท่อทองคำที่ส่งน้ำมันสีทองไปยังตะเกียงนั้น หมายถึงอะไรขอรับ?”
13 “เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร?” ท่านถาม “ไม่รู้เลยขอรับ” ข้าพเจ้าตอบ
14 ดังนั้นท่านจึงกล่าวว่า “นี่คือผู้ที่ได้รับการเจิมทั้งสองที่จะยืนข้าง ๆ องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งทั่วทั้งโลกนี้”

อธิบายเพิ่มเติม

จินตภาพที่ห้านี้ ทำให้เศคาริยาห์ได้รับรู้ว่า พระเจ้าทรงเสริมพลังให้กับคนของพระองค์เพื่อทำการที่ทรงสั่งให้พวกเขาทำ เศคาริยาห์ เห็นคันประทีปทองคำที่มีอ่างน้ำมัน มีท่อส่งน้ำมันมาจากต้นมะกอกด้านซ้ายและขวา

4:1-6 สภาพของเศคาริยาห์คือยังไม่ตื่นเต็มที่ สิ่งที่เห็นก็เหมือนฝันทำให้รู้สึกงง  แต่เขาก็อธิบายได้อย่างถูกต้องว่าเห็นอะไรในจินตภาพนั้นบ้าง สิ่งที่เป็นอุปสรรคคือ ไม่ทราบว่ามีความหมายว่าอย่างไร  แล้วเขาก็ถามทูตสวรรค์ตรง ๆ ถึงความหมายของทุกอย่างที่เห็น    
คันประทีปทองคำ เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นพยานถึงแผ่นดินของพระเจ้า    ต้นมะกอกนั้นได้ส่งน้ำมันให้กับคันประทีป เท่ากับคันประทีปได้พลังการทำงานมาจากต้นมะกอกนั้นเอง  ภาพนี้ทำให้เศคาริยาห์งงไม่น้อย เขาถามไปเลยว่า นี่หมายความว่าอย่างไรหรือ คำตอบคือ ไม่ใช่ว่าเขาและคนอิสราเอลต้องทำสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชา  ด้วยกำลังความคิดของตนเอง แต่ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสั่งนั้นจะสำเร็จได้ด้วยพระวิญญาณของพระองค์ที่ทรงเติมพลังให้คนของพระองค์!
คำตอบนี้เป็นคำตอบของผู้เชื่อทั้งโลก ทุกยุคทุกสมัย ไม่เว้นใครเลย 
และในสถานการณ์นี้พระเจ้าทรงยืนยันให้เศคาริยาห์ทราบว่า การซ่อมสร้างพระวิหารนั้น ถึงแม้คนที่กลับมาทำจะรู้สึกกระตือรือร้นอย่างไรก็ตาม แต่จะสำเร็จได้ด้วยฤทธานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น 

4:7-9 ภูเขาที่ยิ่งใหญ่ คือ อุปสรรคที่ประชาชนและคนก่อสร้างต้องเผชิญในการสร้างพระวิหาร (เอสรา 5:3-17) ทั้งกำลังแรงงาน ทั้งการต่อต้านจากศัตรู   การได้วางศิลามุมเอกก็คือเสร็จสิ้นการสร้างแล้ว  และอีกประการคือ การตั้งอาณาจักรของพระเมสสิยาห์ในอนาคต
คำว่าพระคุณสองครั้งเป็นการเน้นย้ำ การสำนึกในพระคุณที่พระเจ้าทรงช่วยเหลือในการนี้  การที่พระเจ้าทรงเน้นย้ำพลังของพระวิญญาณทำให้เศรุบบาเบลมีกำลังขึ้นมาก  มือทั้งสองของเศรุบบาเบลเป็นมือที่ทำทุกอย่างให้สำเร็จเป็นการย้ำเตือนการช่วยเหลือของพระเจ้า

4:10  วันที่มีสิ่งเล็กน้อย ไม่ใช่เป็นวันที่ใครจะมาดูหมิ่น การสร้างพระวิหาร ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ใครจะมาดูหมิ่นได้เพราะทุกวันพระเจ้าทรงอยู่ด้วย ทอดพระเนตรดูทั้งโลก 
พระเนตรเจ็ดดวงมีความหมายถึง ความเพียบพร้อม สมบูรณ์  ใครจะมองอย่างไร พวกเรารู้ว่า พระเจ้าทรงอยู่กับโครงการสร้างพระวิหารครั้งนี้  พระองค์ผู้ทรงรู้ทุกสิ่ง อยู่ทุกหนแห่ง และทรงพลังสูงสุด ทรงสนพระทัยการงานของมนุษย์แม้จะเล็กน้อย ทรงอยู่กับงานนี้
พระเจ้าทรงยินดีเมื่อเห็นสายดิ่งในมือของเศรุบบาเบล  เมื่อเห็นศิลามุมเอกถูกวางในที่ของมัน  บัดนี้ คนของพระองค์กำลังทำการที่พระองค์ทรงมอบให้เขาทำแล้ว 

4:11 คำถามของเศคาริยาห์เป็นคำที่อยากถามเช่นกัน ต้นมะกอกทั้งสองได้ผลิตน้ำมันผ่านกิ่งก้านมายังท่อส่งงน้ำมัน ลงมายังคันประทีปเพื่อให้เกิดแสงสว่าง ทั้งกษัตริย์คือเศรุบบาเบล และทั้งปุโรหิตคือ โยชูวา เป็นสองคนที่ได้รับการเจิม   การงานที่ทั้งสองลงมือทำเพื่อพระเจ้า และประชาชนนั้น 
4:12-13 เอ ทำไมแค่นี้เศคาริยาห์ไม่เข้าใจความหมายนะ?
ถ้าคนของพระเจ้าเข้าใจความหมายทันที ก็ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม  ทูตสวรรค์กล่าวว่า กิ่งทั้งสองของต้นมะกอกนั้น มีความหมายถึงคนที่พระเจ้าทรงเจิม ซึ่งยืนข้าง ๆ พระเจ้า เขาเป็นคนที่ได้รับการเจิมเพื่อทำการที่ได้รับคำสั่งมาเป็นพิเศษ  ทั้งสองก็คือ เศรุบบาเบลและโยชูวานั่นเอง ภายใต้การดูแลของทั้งสอง   อิสราเอลจะได้รับความอุดมสมบูรณ์  อาหารจากผืนดินจะไม่ขาด (3:1-10, 6:9-15)
และทั้งสองนี้ก็เล็งไปถึงพระเมสสิยาห์ที่จะเสด็จมา ทรงเป็นทั้งกษัตริย์และปุโรหิต ทรงเป็นกิ่งที่เศคาริยาห์เห็นใน 3:8 ; 6:12.  และภาพนี้ยังโยงไปถึงพยานทั้งสองในวิวรณ์  11:3-12 ด้วย
เมื่อพระเจ้าทรงให้คนของพระองค์ ทำราชกิจอันใด ไม่ว่าจะช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าจะทำโครงการใด ไม่ว่าจะสร้างคริสตจักรของพระองค์ … ทุกอย่าง คนของพระเจ้าจะสำเร็จได้ด้วยพลังจากองค์พระวิญญาณทั้งสิ้น

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์  4
1* เศคาริยาห์ 1:9; 2:3
2* วิวรณ์ 1:12; 4:5
3* วิวรณ์ 11:3-4
6* ฮักกัย  1:1; โฮเชยา  1:7

7* เยเรมีย์ 51:25; สดุดี 118:22; เอสรา 3:10-11, 13
9* เอสรา 3:8-10; 5:16; 6:14-15; เศคาริยาห์ 2:9,11; 6:15
10* ฮักกัย  2:3;  2 พงศาวดาร 16:9
11* เศคาริยาห์ 4:3
14*  วิวรณ์ 11:4 ; เศคาริยาห์ 3:1-7

เศคาริยาห์ 3 จินตภาพท่านโยชูวา

จินตภาพเรื่อง โยชูวาผู้เป็นหัวหน้าปุโรหิต 
1 แล้วทูตสวรรค์ก็แสดงให้ข้าพเจ้าได้เห็นปุโรหิตใหญ่คือท่านโยชูวา ยืนอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์ขององค์พระยาห์เวห์ พร้อมกับซาตานยืนอยู่ข้างขวาของท่านเพื่อกล่าวหาท่าน 
2 และพระยาห์เวห์ตรัสกับซาตานว่า “โอซาตาน! พระยาห์เวห์ทรงตำหนิเจ้าอยู่ ให้พระยาห์เวห์ผู้ทรงเลือกนครเยรูซาเล็มทรงตำหนิเจ้า!  ชายผู้นี้เป็นท่อนไม้ที่ลุกเป็นไฟซึ่งถูกดึงออกมาจากกองไฟมิใช่หรือ?”
3 เวลานั้นโยชูวาสวมเสื้อผ้าที่โสโครกในขณะที่ท่านยืนอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์
4 ดังนั้นทูตสวรรค์จึงกล่าวแก่คนที่ยืนเบื้องหน้าท่านว่า “จงถอดเสื้อสกปรกของเขาออกเสีย” แล้วท่านกล่าวแก่โยชูวาว่า “ดูสิ เราได้นำความบาปของเจ้าออกไปแล้ว  และเราจะสวมเสื้อผ้าบริสุทธิ์ให้เจ้า”
5 แล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า “ให้พวกเขาสวมผ้าโพกศีรษะที่สะอาดให้ท่านด้วย” ดังนั้นจึงมีผ้าโพกศีรษะสะอาดมาสวมศีรษะให้ท่าน และพวกเขาก็สวมเสื้อผ้าให้ท่าน โดยที่ทูตสวรรค์ของพระเจ้ายืนอยู่ที่นั่น 

ผู้เป็นกิ่งจะเสด็จมา
6 แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์สั่งโยชูวาดังนี้
7 “พระยาห์เวห์องค์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ‘หากเจ้าเดินในทางของเรา และรักษาคำสอนของเรา เจ้าก็จะได้ปกครองพระนิเวศของเรา และยังจะดูแลลานพระนิเวศด้วย และเราจะให้เจ้ามีตำแหน่งร่วมกับคนเหล่านั้นที่ยืนอยู่ตรงนี้
8 บัดนี้ จงฟังเรา โอ โยชูวาผู้เป็นมหาปุโรหิต ทั้งเจ้าและผู้ร่วมงานที่นั่งอยู่ตรงหน้าเจ้า พวกเจ้าเป็นหมายสำคัญสำหรับอนาคต เพราะดูเถิด เรากำลังจะนำผู้รับใช้ของเรามา ท่านคือ “ผู้ที่เป็นกิ่ง”
2 ซามูเอล 7:12,13; อิสยาห์ 4:2; 11:1; เยเรมีย์ 23:5; 33:15; เศคาริยาห์ 6:12
9 ดูหินที่เราได้ตั้งไว้ต่อหน้าโยชูวา บนหินนั้นมีดวงตาเจ็ดดวง  ดูเถิด  เราจะสลักคำจารึกไว้บนหินก้อนนั้น พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศ และเราจะกำจัดความผิดบาปของแผ่นดินนี้ภายในวันเดียว 
10 “ในวันนั้น” พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศ “พวกเจ้าแต่ละคนจะเชิญเพื่อนบ้านมานั่งใต้ร่มเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของตนเอง”

อธิบายเพิ่มเติม

จินตภาพเรื่อง โยชูวาผู้เป็นหัวหน้าปุโรหิต
สามจินตภาพที่ผ่านมา เป็นการเน้นที่เยรูซาเล็มให้เป็นศูนย์กลางแห่งการนมัสการพระเจ้าบนโลกนี้  จะมีคนเป็นจำนวนมากเข้ามานมัสการพระเจ้าด้วยกัน  ศัตรูของพระเจ้าจะถูกกันออกไป  ส่วนจินตภาพสองภาพต่อไปเป็นเรื่องของการที่พระเจ้าทรงจัดการกับตัวบุคคล ท่านโยชูวาและทุกคนที่อยู่ในจินตภาพของเศคาริยาห์นี้ เป็นหมายสำคัญสำหรับอนาคต (ข้อ  8)  นี่หมายความอย่างไร?
พระเจ้าเคยสั่งให้อิสราเอลเป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิต และเป็นชนชาติบริสุทธิ์สำหรับพระเจ้า (อพยพ 19:6)
ท่านโยชูวาในบทนี้ กำลังเป็นตัวแทนของอิสราเอลที่ซาตานยินดีมากที่จะกล่าวหาเต็มที่ (ทุกปี ปุโรหิตจะนำบาปของคนทั้งชาติมาต่อพระพักตร์พระเจ้าในวันแห่งการลบบาป )  
3:1 ทูตสวรรค์ก็ให้เศคาริยาห์ได้เห็นปุโรหิตใหญ่ในสภาพที่สกปรกไม่น่าดูเลย ขณะเดียวกันก็มีซาตานซึ่งเป็นผู้กล่าวหา หรือผู้ต่อสู้ยืนอยู่เพื่อทำหน้าที่อันเชี่ยวชาญของตน การยืนอยู่ข้างขวาของจำเลยเป็นประเพณีปฏิบัติในศาล   ปุโรหิตโยชูวาท่านนี้ เป็นลูกชายของเยโฮซาดัก ซึ่งกล่าวถึงในฮักกัย 1:1   และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพระวิหารซึ่งเป็นที่ปุโรหิตทำหน้าที่ของพวกเขา  
3:2
พระเจ้าทรงตำหนิซาตานสองครั้ง ซึ่งมีความหมายว่าตำหนิอย่างรุนแรง  พระเจ้าทรงบอกว่าพระองค์เองที่ทรงดึงท่านออกมาจากกองไฟ เป็นภาพของพระคุณพระเจ้าที่ช่วยให้รอด และชำระให้สะอาดด้วยพระองค์เอง  พระองค์ทรงนำอิสราเอลออกมาจากบาบิโลน พระองค์ยังทรงรักษาเชื้อชาติอิสราเอลนี้ไว้  พระเจ้าทรงเข้ามาแทรกเหตุการณ์ร้าย ทรงเป็นผู้แก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยพระองค์เอง 
3:3
สภาพของท่านโยชูวานี้ สกปรกมากจนไม่สมควรที่จะเป็นปุโรหิต  ในภาษาเดิมมีความหมายเหมือนว่าท่านเต็มด้วยอุจจาระทั้งตัว  และท่านยืนต่อหน้าทูตสวรรค์  แต่ขณะนั้นคงทำหน้าที่ปุโรหิตอยู่อย่างไม่สมควร  และพระเจ้าทรงออกคำสั่งด้วยพระองค์เอง  และจากข้อสี่เราจะเห็นว่า ความสกปรกนั้นก็คือบาปนั่นเอง 
3:4
ทูตสวรรค์เองให้คนที่อยู่ตรงนั้นถอดเสื้อสกปรกออก และทูตสวรรค์กล่าวชัดว่า เอาบาปออกไปหมดแล้ว แล้วจะสวมเสื้อบริสุทธิ์ให้
3:5
นอกจากนั้นมีผ้าโพกศีรษะที่สะอาดให้ด้วย …ปกติแล้วผ้าโพกจะมีแผ่นทองคำเขียนติดไว้ด้านหน้า  ว่า “บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า” (อพยพ 28:36) พระเจ้าเองทรงเป็นผู้ที่ทำให้โยชูวาหรืออิสราเอลเปลี่ยนแปลงจากการตกในความบาปไปสู่ความบริสุทธิ์ 
เราจะเห็นว่า พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเป็นผู้จัดการให้เกิดการชำระให้สะอาด เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากพระเจ้าไม่ได้เกิดจากโยชูวาที่ไปล้างออกเอง
การชำระโยชูวาครั้งนี้ เป็นสัญญาณบอกถึงการที่พระเจ้าทรงชำระประชากรของพระองค์ผ่านพระเมสสิยาห์ที่มาจากวงศ์วานดาวิด (3:1-30)

ผู้เป็นกิ่งจะเสด็จมา
3:6
จากนั้นทูตสวรรค์ก็ออกคำสั่งที่สำคัญ ท่านทูตสวรรค์องค์นี้ เป็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ มีความหมายแบบเดียวกันกับในข้อ 1:11
3:7
การเดินในทางของเราคือการทำตาม และรักษาคำของพระองค์คือรับใช้อย่างเอาใจใส่ ระมัดระวัง 
ท่านโยชูวาจะได้ทั้งปกครองพระวิหาร  ดูแลลานพระวิหาร จะได้อยู่กับเหล่าทูตสวรรค์  การที่ท่านโยชูวาได้รับการชำระและหน้าที่เหล่านี้ กำลังหมายถึงเวลาที่พระเมสสิยาห์กำลังจะมา 

3:8
ผู้เป็นเป็นกิ่งท่านนี้ คือพระเมสสิยาห์นั่นเอง พระองค์ทรงถูกเรียกว่า เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า (อิสยาห์ 53:11)
ที่เรียกว่า พระองค์ทรงเป็นกิ่งนั้นคือ พระองค์เป็นผู้ที่แตกออกมาจากวงศ์วานของเจสซี (บิดาของกษัตริย์ดาวิด) ทรงเป็นเหมือนหน่อที่แตกขึ้นมา 
การที่โยชูวาและผู้ร่วมงานเป็นหมายสำคัญในอนาคตที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้  นั่นคือ ระบบการเป็นปุโรหิตของพระเจ้าจะยังคงอยู่ต่อไป เพราะพระเจ้าทรงประสงค์ที่จะทำตามพระสัญญาของพระองค์ 

3:9
ปุโรหิตโยชูวา มีหินตั้งตรงหน้าท่าน เป็นสัญลักษณ์ว่าท่านมีสิทธิอำนาจในฐานะปุโรหิตที่พระเจ้าทรงแต่งตั้ง
ดวงตาเจ็ดดวงมีความหมายถึงการที่พระเจ้าทรงรู้ทุกกอย่างและการปกครองทั้งสิ้น ทุกอณูของเอกภพ (4:10) เป็นพระสัญญาแห่งพลังแห่งพระวิญญาณที่จะประทับอยู่ด้วย (อิสยาห์ 11:2)
การจารึกบนหินเป็นสิ่งที่ทำกันในตะวันออกกลางโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน ศิลามุมเอก  และศิลามุมเอกนี้มีความหมายถึงพระเจ้าและพระเมสสิยาห์ในพระคัมภีร์  (สดุดี 118:22)
ศิลามุมเอกนั้นเคยเป็นศิลาที่คนอิสราเอลจะเข้าไปหลบภัย (อิสยาห์ 28:16 ) แต่ต่อมากลับเป็นหินที่ทำให้อิสราเอลสะดุด (มัทธิว 21:42) ต่อมาศิลามุมเอกก็เป็นดั่งเสาหลักของคริสตจักร (เอเฟซัส 2:19-22) ในอนาคต ศิลามุมเอกจะทำลายชาติต่าง ๆ ที่ต่อสู้พระองค์ (ดาเนียล 2:35,45)
เศคาริยาห์ 3:8-9 นี้ กล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตอันเดียวกันกับ 13:1

3:10
ภาพขององุ่น และมะเดื่อ มีความหมายถึงความสงบสุขในแผ่นดินของพระเจ้าในยุคที่พระเมสสิยาห์จะทรงครอบครอง อิสราเอลจะเชิญเพื่อนบ้านของพวกเขา(คนต่างชาติที่เชื่อพระเมสสิยาห์) มาชื่นชมกับสันติสุขและความอุดมสมบูรณ์  เวลาช่วงที่พระเมสสิยาห์ทรงครองนั้น ผลของการสาปแช่งเพราะมนุษย์ทำบาปจะถูกทำลายไปสิ้น  สวรรค์อย่างเอเดนที่หายไปนั้นจะได้รับกลับคืนมา 

พระคำเชื่อมโยง

เศคาริยาห์ 3
1* ฮักกัย 1:1; สดุดี 109:6
2* ยูดา 9; โรม 8:33; อาโมส 4:11
3* อิสยาห์ 64:6
4* อิสยาห์ 61:10

5* อพยพ 29:6
7* เลวีนิติ 8:35; เฉลยธรรมบัญญัติ 17:9; 12; เศคาริยาห์ 3:4
8* สดุดี 71:7; อิสยาห์ 42:1; 11:1; 53:2
9* เศคาริยาห์ 4:10; สดุดี 118:22; เยเรมีย์ 31:34; 50:20
10* ; อิสยาห์ 36:16