ฮาบากุก 3 พระเจ้าผู้ทรงเป็นกำลัง

คำอธิษฐานของฮาบากุก มองไปในอนาคต และเกิดความเชื่อวางใจสรรเสริญพระเจ้า ตามที่เขามองเห็นเหตุการณ์ต่างๆ
1 คำอธิษฐานของฮาบากุก ผู้เผยพระคำของพระเจ้าตามทำนอง ชิกิโอโนท
2 โอ พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้ยินพระดำรัสถึงพระเกียรติเลื่องลือของพระองค์ และข้าพเจ้าก็ครั่นคร้าม
โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงรื้อฟื้นพระราชกิจนั้นให้คนได้รู้กัน ในช่วงเวลากลางปีนี้ ในยามที่ทรงพระพิโรธ ขอทรงระลึกถึงพระเมตตาด้วย

3 พระเจ้าเสด็จมาจากเทมาน องค์ผู้บริสุทธิ์เสด็จมาจากภูเขาปาราน
เซ-ลาห์
ความงามตระการของพระองค์ปกคลุมฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินก็เต็มไปด้วยคำสรรเสริญ
4 ความเจิดจ้าของพระองค์เป็นเหมือนแสงสว่าง
เป็นรังสีที่แปลบปลาบจากพระหัตถ์ และพระองค์ทรงซ่อนฤทธานุภาพของพระองค์ไว้ ณ ที่นั้น
5 ภัยพิบัตินำหน้าพระองค์ไปและโรคระบาดตามย่างพระบาทของพระองค์

6 เมื่อพระองค์ประทับยืน ทรงวัดแผ่นดิน พระองค์ทอดพระเนตร และชาติ
ต่าง ๆ ก็สั่นสะเทือน 
แล้วภูเขาที่มั่นคงนิรันดร์ ก็พังทลาย
เนินเขาที่ยั่งยืนก็จมลงไป
วิถีของพระองค์นั้นดำรงเป็นนิตย์
7 ข้าเห็นเต็นท์ของชาวคูชันกำลังเจอความยากลำบาก
และที่อาศัยของดินแดนมีเดียน
ก็กำลังสั่นไหว
8 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงโกรธกริ้วแม่น้ำทั้งหลายหรือ?
ขณะที่พระองค์ทรงม้าบนรถรบแห่งความรอดของพระองค์นั้น
พระองค์กำลังทรงกริ้วแม่น้ำ และทรงโกรธทะเลอย่างนั้นหรือ?

9 พระองค์ทรงหยิบคันธนูจากแล่ง ทรงเรียกหาลูกธนูมากมาย
เซ ลาห์
พระองค์ทรงแยกแผ่นดินโลกด้วยแม่น้ำทั้งหลาย 
10 ทิวเขามองเห็นพระองค์และมันบิดตัว. กระแสน้ำโถมซัดเข้ามา  ห้วงลึก
ส่งเสียงคำรามลั่น คลื่นซัดโหมสูงยิ่ง
11 ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ต่างหยุดนิ่งในที่ของมัน
เมื่อลูกธนูของพระองค์ส่องแสงขณะพุ่งออกไป 
เมื่อหอกของพระองค์ส่องแสงแปลบปลาบดั่งฟ้าแลบ
12 พระองค์ทรงก้าวผ่านไปทั่วทั้งแผ่นดินด้วยพระพิโรธ
พระองค์ทรงเหยียบย่ำชาติต่าง ๆ ในความกริ้ว

13 พระองค์เสด็จออกไปเพื่อช่วยประชากรของพระองค์ให้รอด
เพื่อความรอดของผู้ที่พระองค์ทรงเจิม 
พระองค์ทรงบดขยี้หัวหน้าของวงศ์วานคนชั่วร้าย ทรงทำให้เขาเปลือยตั้งแต่ขาอ่อนถึงคอ (หัวจรดเท้า) เส-ลาห์
14 พระองค์ทรงแทงศีรษะของหัวหน้านักรบด้วยลูกธนูของเขาเอง
เมื่อนักรบเหล่านั้นบุกเข้ามาเพื่อทำให้พวกเรากระจัดกระจายไป
พวกเขาร่าเริงเหมือนกับได้เข้า
มาปล้นสะดมคนยากไร้อย่างลับ ๆ
 

15 พระองค์ทรงย่ำทะเลด้วยฝูงม้าของพระองค์
ห้วงน้ำมหึมาจึงเกิดคลื่นปั่นป่วน
16  ข้าพเจ้าได้ยิน และร่างของข้าพเจ้าก็สั่นระรัว
 ริมฝีปากของข้าพเจ้าสั่นระริกเมื่อได้ยินเสียง
กระดูกของข้าพเจ้ากลับอ่อนแรงลงไปขาของข้าพเจ้าก็สั่น
แต่ถึงอย่างนั้นข้าพเจ้าจะอดทนรอวันแห่งความลำบาก
ที่จะมาถึงคนที่เข้ามาโจมตีเรา

บทเพลงแห่งความเชื่อ
17 แม้ว่าต้นมะเดื่อจะไม่ผลิดอก
หรือเถาองุ่นไม่ออกผล
ผลผลิตจากมะกอกก็แห้งไป
และทุ่งนาก็ไม่เกิดอาหาร
ฝูงแพะแกะไม่เหลือในคอก
ไม่มีวัวในโรงวัว
18 ถึงอย่างนั้น ข้าพเจ้าจะยินดีในองค์พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะยกย่ององค์พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า (พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้)

19 พระเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า
(ผู้ปกป้อง กำแพง)
พระองค์ทรงทำให้เท้าของข้าเป็นเหมือนเท้าของกวาง 
พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้า
ไต่ขึ้นไปบนที่สูง 
ถึงหัวหน้าวงดนตรี โดยใช้เครื่องสายของข้าพเจ้า

อธิบายเพิ่มเติม

ฮาบากุก 3:1-5
3:1 ถึงเวลานี้ ฮาบากุกรู้แล้วว่า พระเจ้าทรงส่งบาบิโลนมาสั่งสอนอิสราเอลก็จริง แต่พระองค์ไม่ได้ทรงประสงค์ให้เขาทำร้ายประชาชนเกินเลยขนาดที่พวกเขาทำ และบาบิโลนเองก็มีคดีติดตัวที่จะต้องรับการลงโทษด้วย เขาเห็นแล้วว่า ความทุกข์ใจที่เขามีต่อคนอิสราเอลที่ทำผิดแล้วทูลถามพระเจ้า พระเจ้าทรงตอบให้เขารู้ว่า พระองค์ไม่ได้ทรงเมินเฉย อิสราเอลจะต้องรับโทษ และเมื่อคนที่พระองค์ทรงใช้ทำเกินหน้าที่ เขาก็ต้องรับโทษเช่นกัน
คำว่า ชิกิโอโนท มีบันทึกสองครั้งในพระคัมภีร์ น่าจะหมายถึงทำนองแบบหนึ่งในการร้องสรรเสริญ
3:2 พระดำรัสของพระเจ้าที่ฮาบากุกได้ยินมาก่อนหน้านี้คือ ราชกิจที่ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่ น่าจะเป็นสดุดีของโมเสส อพยพ 15:1-21 เมื่อเขาทบทวนเปรียบเทียบราชกิจของพระเจ้า และการงานของมนุษย์เขาก็รู้สึกครั่นคร้าม และเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เขาทูลขอให้ผู้คนได้รับรู้ถึงอานุภาพของราชกิจนั้นในกลางปี แปลว่า ขอทรงทำอย่างรวดเร็ว เขากลัวพระเจ้ามากจนต้องอธิษฐานให้พระเจ้าทรงเมตตาในยามที่ทรงพิโรธคนของพระองค์
3:3 เทมานแปลว่า ใต้ กล่าวถึงพร้อมภูเขาปาราน ฮาบากุกกล่าวถึงสถานที่นี้เพื่อให้คนอ่านได้ระลึกถึงราชกิจยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอันน่ากลัว เฉลยธรรมบัญญัติ 33:2 เล่าถึงการที่พระเจ้าทรงปรากฏพระองค์ที่ภูเขาซีนาย
(คำว่า เซ ลาห์ เป็นคำที่ใช้เหมือนสร้อยในบทเพลง เป็นช่วงให้หยุดพักนิดหนึ่ง ความหมายคล้ายอาเมน) ฮาบากุกย้อนไปถึงวันนั้นว่า ประชาชนอิสราเอลได้เห็นพระสิริของพระเจ้าเต็มท้องฟ้า และพวกเขาได้สรรเสริญพระองค์ในบรรยากาศนั้น
3:4 ฮาบากุกเปรียบเทียบการประทับอยู่ของพระเจ้าว่ามาพร้อมกับ ฟ้าแลบ ฟ้าคำราม ความมืด (อพยพ 19:18-20 ) ที่ชาวอิสราเอลได้เห็นนั้น เป็นเพียงเล็กน้อยของฤทธานุภาพของพระองค์ หากพระองค์ปล่อยมาหมด คนทั้งโลกคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้
3:5 ภัยพิบัติ และโรคระบาดนี้ สื่อถึงการพิพากษาของพระเจ้า (อพยพ 7:14-12:30; เฉลยธรรมบัญญัติ 28:21-22 )

ฮาบากุก 3:6-12
3:6 ทรงวัดแผ่นดิน หมายถึง….แผ่นดินที่สั่นสะเทือน เหล่านี้ บอกผู้รับใช้ของพระเจ้าว่า พระองค์กำลังเสด็จมา คนอิสราเอลโบรานมองว่า ภูเขาเป็นส่วนหนึ่งของรากฐานโลก การสั่นสะเทือน การพังทลายของภูเขาถือเป็นการพิพากษาลงโทษของพระเจ้า (เยเรมีย์​4:24-26; 10:10) พระเจ้าจะทรงทำให้ภูเขาทั้งหลายเปลี่ยนแปลง เนินเขาก็ต้องน้อมตัวลง
3:7 ชาวคูชัน (เอธิโอเปีย อัฟริกา)และชาวมีเดียน เป็นตัวแทนของชนชาติที่มีอำนาจ ต้องเจอกับฤทธิ์ของพระเจ้า พวกเขาสั่นไหวเมื่อเผชิญพระพิโรธของพระเจ้า พระเจ้าจะเปลี่ยนพวกเขา เพราะพวกเขาอยู่ใต้อำนาจชั่วร้าย
3:8 แม่น้ำ.. พระเจ้าทรงโกรธกริ้วแม่น้ำหรือ? ถ้าเราเปลี่ยนแม่น้ำเป็นทะเลล่ะ การโกรธนี้เพื่อช่วยรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ทรงรถม้าแห่งความรอดเพื่อนำมาซึ่งความรอด … พระเจ้าต้องการให้เกิดสิ่งดีขึ้น
รถรบแห่งความรอดนี้คือ ความรอดที่พระเจ้าทรงเตรียมช่วยกู้คนของพระองค์ พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ เหนือ แม่น้ำไนล์ (อพยพ 7:14-24) ทะเลแดง (อพยพ 14:2-15:5) แม่น้ำจอร์แดน (โยชูวา 3:14-17) ให้คนอิสราเอลได้ประจักษ์ในฤทธานุภาพของพระองค์ พวกเขาไม่ได้ขาดการอัศจรรย์ของพระเจ้าเลย
3:9 แผ่นดินโลกถูกแยก จึงทำให้มองเห็นความชั่วช้าของโลกนี้ เป็นการเปิดเผยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ .. การพิพากษาของพระองค์เพื่อ ให้เกิดสิ่งดี เปลี่ยนแปลงสิ่งร้ายกลายเป็นดี
3:10 ภูเขาเห็นพระองค์ บิดตัวกำลังพูดถึง ผู้ปกครองชาติต่าง ๆ เห็นพระองค์ ก็กลัวพระเจ้าจะยกพระหัตถ์ขึ้น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เที่ยงธรรม
3:11 แสงสว่างมีไว้เพื่อเปิดเผยบางอย่าง มันนิ่งในที่ของมัน แต่ยังสว่าง เน้นการเปิดเผย
ลูกธนู หอก พระเจ้าจะเปิดเผยการพิพากษาของพระองค์อย่างให้ชัดเจน สว่างจ้า ฟ้าแลบออกมา เป็นแสงที่เข้มข้นเคลื่อนไหวอย่างเร็วที่ไม่อาจเดาได้ ฮาบากุกกำลังกล่าวถึงสงครามเกิดขึ้นที่กิเบโอน (โยชูวา 10:12-13) ซึ่งอาทิตย์ จันทร์หยุดนิ่ง เขามองว่า พระเจ้าทรงเป็นนักรบที่ส่งลูกธนูและหอกออกไปทำลายศัตรู (สดุดี 18:14)
3:12 พระเจ้าเสด็จไปทั่ว และพระองค์ทรงจัดการกับทุกชาติ พระพิโรธของพระองค์จะมาถึงทุกชาติ
ถ้าไม่มีพระพิโรธจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มี

ฮาบากุก 3:13-16
3:13 ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากองค์พระเยซูคริสต์ที่พระเจ้าทรงส่งมาในโลกนี้ และทรงบดขยี้ มาคัสตา (מָחַ֤צְתָּ)หัวหน้าวงศ์วานคนชั่วร้ายก็คือซาตานด้วย ทรงประจานซาตานโดยกางเขน (โคโลสี 2:15) หัวหน้าวงศ์วานคนชั่วร้ายต้องพ่ายแพ้ต่อพระองค์ การเปลือยแบบนี้คือ การพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้พังพินาศหมดไป แต่ต้องการให้มีการกลับใจ เปลี่ยนแปลง
3:14 ที่น่าสนใจ มีคนแปลข้อความนี้ว่า…​ลูกธนูของเขาแทงหัวเขาเอง ใช่แล้วหอกที่แทงสีข้างของพระเยซูบนกางเขนนั้น ได้หันมาประหารซาตาน นักรบที่บุกมาเพื่อทำให้เรากระจัดกระจายไปก็คือ เหล่าคนที่มาเยาะเย้ยพระเยซูที่ไม้กางเขน ทำให้ศิษย์และผู้เชื่อต้องแอบไปอยู่ในที่ห้องชั้นบนนั้น คนดีใจที่อิสราเอลลำบาก
3:15 ตอนนี้พูดถึงการข้ามทะเลแดง และพระเจ้าทรงทำลายกองทัพฟาโรห์ ??
3:16 ฮาบากุกสรุปให้กับตัวเองว่า เขาเองนั่นแหละที่ต้องรอวันพิพากษาของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติอิสราเอล ใช่.. เป็นการรอที่กลัวจริง ๆ รอคนที่เข้ามาโจมตี  และนำพวกเขาไปเป็นเชลยก็คือ ชาวบาบิโลน 

ฮาบากุก 3:1-5 บทเพลงแห่งความเชื่อ
3:17 ตอนนี้ ฮาบากุกรู้ว่า จะเกิดหายนะกับคนอิสราเอล พวกเขาจะตกในเงื้อมมือของศัตรูที่โหดร้ายมาก เขาเปลี่ยนไป เขาตระหนักแล้วว่า พระเจ้าเท่านั้น ที่ทรงครองโลกสูงสุด ไม่ใช่ตัวเขาที่จะมาต่อต้านว่า พระเจ้าน่าจะทำอย่างนี้หรืออย่างนั้น ข้อสิบเจ็ดนี้ เป็นภาพที่ฮาบากุกมองเห็นอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อถูกศัตรูเข้ามาทำร้ายยับเยิน ดังนั้น เมื่อขาดอาหาร ขาดแพะแกะคือประชาชนไม่เหลือในอิสราเอล ไม่มีวัวในโรงวัว คือ ประชาชนไม่อยู่ในแผ่นดินอีกแล้ว
แม้ฮาบากุกจะต้องเจอ เจ็ดสิบปี กับความทุกข์ยากสาหัส เพราะพระเจ้าจะทรงเปลี่ยนแปลง
3:18 ฮาบากุกรู้ว่า เขาวางใจพระเจ้าได้ และเชื่อว่า พระองค์จะทรงทำกับพวกเขา กับศัตรูของพวกเขาอย่างยุติธรรม สิ่งดีที่สุดสำหรับเขาเวลานี้ คือ การยินดีทั้งในพระเจ้า ในหนทาง และในแผนการของพระองค์ พระเจ้ากลายมาเป็นความรอดของเขาทั้งที่อนาคตดูมืดมน
ข้าจะยินดีในพระยาห์เวห์
3:19 จากมุมมองที่เห็นว่า พระเจ้าทรงนิ่งเฉยในบทที่ 1 บัดนี้ เขาเรียกพระเจ้าว่า ทรงเป็นองค์เจ้านายที่ทำให้เขาว่องไว มั่นคง สามารถก้าวขึ้นไปในที่สูงเหมือนกับกวางที่สามารถก้าวขึ้นไปยังภูเขาสูงที่ขรุขระโดยไม่เป็นอันตราย (มาลาคี 4:2)เขาส่งเพลงนี้ให้กับหัวหน้าวงดนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ดูแลนักดนตรีในพระวิหาร เขาใช้เครื่องสายในการทำเพลง เห็นได้ชัดว่า ฮาบากุกใช้ข้อความตอนนี้เพื่อร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน
หมายเหตุ ปราชญ์ฮีบรูที่แปลภาษาฮีบรูไปกรีก ได้แปลตอนนี้เพื่อให้กำลังใจว่า
พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า และพระองค์จะทรงจัดให้เท้าของข้าไปจนจบ (สำเร็จเสร็จสิ้น) พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปยังที่สูง เพื่อว่าข้าพเจ้าจะชนะได้โดยบทเพลงของพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 90:1-17
2* สดุดี 85:6; โฮเชยา 6:2-3
3* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:2; โอบาดีย์ 1:9
4* มัทธิว 17:2; อิสยาห์ 60:19-20
5* อพยพ 12:29-30; กันดารวิถี 16:46-49
6* ปฐมกาล 49:26; นาฮูม 1:5
7* อพยพ 15:14-16; สดุดี 83:5-10

8* สดุดี 68:17; เฉลยธรรมบัญญัติ 33:26-27
9* สดุดี 7:12-13; 105:41
10* สดุดี 93:3; ฮีบรู 11:29
11* สดุดี 144:5-6; 18:12-14
12* มีคาห์ 4:12-13; เยเรมีย์ 51:33
13* สดุดี 110:6; 105:15

14* เศคาริยาห์ 9:14; ดาเนียล 11:40
15* สดุดี 77:19
16* เยเรมีย์ 23:9; ดาเนียล 10:8
17* เยเรมีย์ 5:17; โยเอล 1:16-18
18* โยบ 13:15; ฟีลิปปี 4:4
19* 2 ซามูเอล 22:34; สดุดี 18:33



ฮาบากุก 2 วิบัติทั้งห้า

2 ฮาบากุกรอคอยการตอบของพระเจ้า
คำถามของฮาบากุก
คำตอบจากพระยาห์เวห์คำบัญชาของพระเจ้าให้เขียน
2 พระยาห์เวห์ทรงตอบข้าพเจ้าว่า
จงเขียนนิมิตนี้ลงไป จารึกลงบนแผ่นศิลาให้เห็นชัดเจน
เพื่อว่าคนที่อ่าน ยังจะอ่านได้ชัดเจน
3 เพราะการเปิดเผยในนิมิตกำลังรอให้ถึงเวลากำหนด เป็นเรื่องของวาระสุดท้าย และพิสูจน์ได้ว่า ไม่ใช่คำเท็จ

แม้จะดูเนิ่นช้า ก็ขอให้รอต่อไป
เพราะมันจะมาถึงแน่และไม่ล่าช้า
ดูเถิด เขากำลังพองตัวขึ้น เขาไม่มีความถูกต้อง
แต่คนเที่ยงธรรมจะมีชีวิตได้โดยความเชื่อ
5 ความจริงคือ เหล้าองุ่นนั้นทรยศเขา บุคคลที่หยิ่งยะโสไม่เคยนิ่งสงบได้ ความอยากของเขานั้นขยายกว้างออกราวกับแดนตาย เขาเป็นเหมือนความตายที่ไม่เคยอิ่ม เขารวบรวมชาติต่าง ๆ มาเป็นของตน และกวาดคนมากมายไปเป็นเชลย

วิบัติทั้งห้าที่คนชั่วร้ายต้องเผชิญ
6 คนทั้งหลายจะไม่ร้องเยาะเย้ยด้วยวาจาเสียดสี กระทบกระเทียบเปรียบเปรยเกี่ยวกับเขาหรือว่า “วิบัติแก่คนที่สะสมกักตุนสิ่งที่ไม่ใช่ของตน และกอบโกยความมั่งคั่งด้วยการขู่เข็ญ.. จะเป็นอย่างนี้อีกนานเท่าไรหรือ?
7 แล้วเจ้าหนี้ของเจ้าจะไม่ลุกฮือขึ้นมาอย่างทันควันหรือ?
เขาจะไม่ตื่นขึ้นมา ทำให้เจ้าต้องตัวสั่นด้วยความกลัวหรือ?
แล้วเวลานั้น เจ้าจะกลายเป็นเหยื่อของเขา
8 เนื่องจากเจ้าได้ปล้นสะดมชาติต่าง ๆ มากมาย
ชาติที่เหลืออยู่จะกลับมาปล้นเจ้า
และเป็นเพราะเจ้าทำให้คนต้องหลั่งเลือด
เกิดความรุนแรงในแผ่นดิน ในเมืองต่าง ๆ
และกับผู้คนที่อาศัยในนั้น

9 วิบัติมีแก่คนที่สร้างบ้านเรือนของตนจากสิ่งที่ได้มาจากการคดโกง เพื่อสร้างรังไว้บนที่สูง เพื่อหลบหนีเงื้อมมือของความหายนะ
10 แผนของเจ้าจะทำให้ครอบครัวเจ้าต้องอัปยศอดสู เพราะเจ้าได้ทำลายชาติต่าง ๆ มากมาย เจ้าจะทำลายตัวเจ้าเอง
11  เพราะก้อนหินบนผนังจะส่งเสียงร้องออกมาจากผนัง และไม้คานก็จะร้องตอบกลับมา
12  วิบัติมีแก่คนที่สร้างเมืองด้วยการนองเลือด และวางรากฐานของเมืองด้วยความอยุติธรรม !
13  พระยาห์เวห์องค์จอมทัพได้กำหนดไว้แล้วไม่ใช่หรือว่า แรงงานของประชาชนนั้นจะกลายเป็นเชื้อไฟ
และงานที่แสนเหน็ดเหนื่อยกลับไร้ประโยชน์?
14  เพราะว่า โลกนี้จะเต็มด้วยความรู้
ถึงพระสิริของพระยาห์เวห์ ดั่งมวลน้ำที่ปกคลุมท้องทะเล

15 วิบัติแก่คนที่ให้เพื่อนบ้านดื่ม โดยเทเหล้าจากถุงหนังให้เขาจนเมา เพียงเพื่อต้องการดูร่างเปลือยของพวกเขา
16  เจ้าเองจะมีความอับอายแทนเกียรติยศ
และเจ้าเองก็ดื่มเช่นกัน และก็เปลือยอย่างคนไม่ได้เข้าสุหนัต ถ้วยจากพระหัตถ์ขวาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
กำลังเวียนมาต่อต้านเจ้า
แล้วความอัปยศจะเข้ามาปกคลุมเหนือเกียรติยศของเจ้า
17 เพราะความรุนแรงที่เจ้าทำต่อเลบานอนจะท่วมท้นตัวเจ้า การที่เจ้าทำร้ายสัตว์ต่าง ๆ โดยทำให้มันหวาดกลัว เพราะการที่เจ้าทำให้คนต้องหลั่งเลือด เพราะความรุนแรงต่อแผ่นดิน เมืองต่าง ๆ และคนที่อาศัยในนั้น

18 รูปเคารพมีค่าอะไรในเมื่อมีคนแกะสลักมันขึ้นมา
 หรือรูปบูชาที่สอนความเท็จ
เพราะคนที่ทำมันขึ้นมาวางใจในสิ่งที่ตนสร้างขึ้น
 เขาทำรูปเคารพซึ่งไม่สามารถพูดได้
19 วิบัติแก่คนที่พูดกับสิ่งที่เป็นไม้ว่า ‘จงมีชีวิตขึ้นมา’หรือพูดกับหินซึ่งไม่มีชีวิตว่า ‘จงลุกขึ้นเถิด’
มันให้คำแนะนำได้หรือ มันถูกแปะด้วยทองคำ
และแร่เงินไม่มีลมหายใจ
20 แต่พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์ให้ทั่วทั้งแผ่นดินโลก
นิ่งเงียบ ณ เบื้องพระพักตร์พระองค์”

อธิบายเพิ่มเติม

ฮาบากุก 2:1-5
2:1 เมื่อได้คำตอบจากพระเจ้าครั้งแรก เข้าใจแล้วว่า พระองค์จะใช้บาบิโลนมาสั่งสอนคนของพระองค์ ฮาบากุกก็ขึ้นไปประจำการเป็นยามบนกำแพงเมือง และเฝ้ายามอยู่ นี่คือ ยิ่งมองออกไปไกล ยิ่งหนักใจ เขาไม่อยากให้คำตอบที่ได้มานั้น เกิดขึ้นจริง เวลานี้เขาขึ้นมาบนกำแพงเมืองเพื่อจะฟังคำตอบของพระเจ้า
2:2 คราวก่อน พระเจ้าทรงตอบโดยการให้เขามองออกไปท่ามกลางชาติต่าง ๆ เขาต้องคอยพิจารณาดูว่า แต่ละชาติล้อมรอบนั้นเป็นอย่างไร แต่ครั้งนี้ พระเจ้าทรงสั่งเขียนนิมิตลงไปบนแผ่นหิน ในภาษาเดิมชัดว่าเป็นหลายแผ่น เมื่อเขียนก็เขียนให้ชัด ตัวโต อ่านง่าย ใครเห็นก็อ่านออกทันที แม้จะมองอย่างรวดเร็วก็อ่านได้ ไม่มีใครจะพลาดข่าวที่บอกอนาคตครั้งนี้ พระเจ้าทรงให้เขารักษาคำพยากรณ์นี้ไว้ เพื่อผู้คนจะได้รับรู้กันไปทั่ว 
2:3 พระเจ้าทรงท้าทายเลยว่า คำที่พระองค์ให้เขียนลงไป ไม่เป็นเท็จ จะเกิดขึ้นแน่ตามเวลาที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
 2:4 เห็นชัดว่า คนเย่อหยิ่งพึ่งตนเอง แต่คนที่ถ่อมตนจะวางใจพระเจ้า คนที่เที่ยงธรรมจะอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้า ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อในพระองค์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม สถานการณ์จะดูกู้ไม่ได้ อาจถึงชีวิต แต่เขาก็ยังดำเนินในความเชื่อ อย่างเช่น เพื่อนทั้งสามของดานิเอลที่ถูกทิ้งในกองไฟ หรือดานิเอลเองที่ถูกทิ้งลงในถ้ำสิงโต (ดาเนียล 3, 6)
2:5 ข้อนี้ ฮาบากุกกำลังกล่าวถึง คนที่หยิ่งยะโส นั่นก็หมายถึงบาบิโลนนั่นเอง  พระยาห์เวห์ทรงบอกเลยว่า ที่เขาชั่วช้า ไม่หยุดที่จะทำร้ายคนอื่นนั้นเป็นเพราะเหล้าองุ่นที่พวกเขาดื่มไม่ยั้ง ทำให้ขาดสติ ไม่นิ่งสงบ ความต้องการของเขาเป็นเหมือนแดนตายที่ไม่เคยพอใจ ต้องการให้มีคนตายมากขึ้น ๆ (สุภาษิต 30:15)  พวกเขาพยายามกวาดคนทุกชาติมาเป็นข้ารับใช้ของตนเอง และสร้างความยิ่งใหญ่ของตนด้วยแรงงานของคนเหล่านี้ 

ฮาบากุก 2:6-11
บาบิโลนจะพบกับวิบัติห้าอย่าง … เพราะบาปทั้งห้าเวลาจะประกาศวิบัติ จะมีสองตอนคือ บอกว่าบาปนั้นคืออะไร และโทษคืออะไร
2:6 พระเจ้าทรงอธิบายกับฮาบากุกให้ทราบว่า คนที่ถูกพวกเขาทำร้าย จะไม่อยู่นิ่ง แต่โกรธแค้นและประกาศถึงสิ่งที่บาบิโลนทำ ความผิดแรกคือ การที่บาบิโลนไปปล้น เอาทรัพย์สมบัติจากประเทศต่าง ๆ มา รวมทั้งจากอิสราเอลด้วย แล้วก็เอาไปเก็บไว้ในคลังของตน นี่เป็นบาปแรกที่จะทำให้เกิดวิบัติแก่เขา
2:7 จากที่บาบิโลนเคยไปปล้นคนอื่น แล้ววันหนึ่งเขาจะถูกปล้นเช่นกัน สิ่งที่เขาเคยทำกับยูดาห์ จะกลับมาหาพวกเขา คำว่าเจ้าหนี้ มีความหมายที่รวมไปถึงคำว่า กัด คนที่เคยถูกบาบิโลนทำร้าย ชาติที่เคยถูกเรียกภาษีอย่างหนัก เป็นชาติที่จะกลับมาโจมตีอย่างรวดเร็ว
2:8 การที่เคลเดียหรือบาบิโลนปล้นชาติต่าง ๆ ทำให้เกิดการนองเลือด ความรุนแรง กับประชาชน ยังมีชาติที่เหลือ..จะเข้ามาปล้นบาบิโลน นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้า
2:9 ชาวเคลเดียได้สร้างบ้านเรือนด้วยเงิน ด้วยวัสดุต่าง ๆ ที่ยึดคนอื่นเขามา แล้วแถมยังพยายามสร้างบ้านให้สูง เพื่อป้องกันการบุกรุกเอาคืนจากผู้ที่พวกเขาปล้นมา คนเหล่านี้ทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งร้าย หายนะกับพวกเขา ไม่ว่าจากสัตว์ร้ายหรือศัตรู
2:10 ความผิดที่สองคือการโกงเอาทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นทุนสร้างเมืองของตนเอง การที่พวกเขาทำลายคนอื่นมาก่อน สิ่งที่เขาทำเพื่อตัวเองนั้น กลับกลายทำให้ตนเองอัปยศ และทำลายตัวเขาเอง พระเจ้าจะทรงให้บาบิโลนได้รับผิดชอบต่อการที่เขาสังหารคนจำนวนมาก
2:11 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้น เป็นหลักฐานให้เห็นว่า เขาได้กระทำผิดอย่างไรบ้าง เป็นหลักฐานที่เด่นชัด ไม่มีทางปฏิเสธได้
นี่เป็นเหมือนบทกวี

ฮาบากุก 2:12-14
2:12 บาบิโลนยังได้สร้างเมืองของพวกเขาจากการนองเลือดในประเทศต่าง ๆ พวกเขาบังคับแรงงาน จากเชลยศึกให้สร้างเมืองสร้างบ้านเรือนให้กับพวกเขา พวกเขาคิดว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาเข้มแข็ง แต่ความจริงนั้นตรงข้าม
2:13 แต่พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่า ถึงอย่างนั้น แรงงานที่ลงไป ก็จะเหมือนไฟที่ไหม้ทุกอย่างทั้งหมด เป็นแรงงานที่พวกเขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะในที่สุด มันจะถูกทำลายไปหมด คำถามนี้ต้องการคำตอบว่า ไม่
2:14 แล้วพระเจ้าทรงย้อนกลับมากล่าวถึงพระสิริของพระองค์ที่ในยุคต่อมานั้นผู้คนจะจับต้อง รู้จักพระเจ้าได้ง่าย ความรู้ในพระองค์จะท่วมท้นโลกนี้ เราเองก็สัมผัสเรื่องนี้ในยุคเราที่สามารถเข้าถึงพระวจนะของพระเจ้าได้อย่างง่ายดายไม่เหมือนในอดีต
พระเจ้าทรงให้เห็นความแตกต่างของเทพของบาบิโลนกับพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ …​ พระเจ้าทรงสัญญาว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องตระหนักรู้ทุก ๆ วัน

ฮาบากุก 2:15-17
2:15 ความผิดที่สี่ซึ่งจะทำให้ได้รับวิบัติคือ การหมกมุ่น ทำร้ายคน ทำทารุณกรรมในเรื่องเพศ พวกเขามอมเมาคนเพื่อให้คนนั้นขาดสติ ทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาสั่งตามต้องการ (ร่างเปลือยมีความหมายถึงความอับอาย) ต้องการเปิดเผยคน ๆ นั้น ทำให้พวกเขาเป็นเหยื่อทางเพศ ทำสิ่งวิตถารต่าง ๆ ที่พวกเขาพอใจ และได้หัวเราะเยาะเหยื่อเหล่านั้นอย่างไร้ความปรานี
2:16 ผลที่จะได้รับจากการทำเช่นนั้นคือ เขาจะได้รับความอับอายเช่นกัน จะถูกทำให้เปลือยอย่างคนไม่ได้เข้าสุหนัต (ไม่มีพันธสัญญากับพระเจ้า) ไม่มีการเชื่อมโยงใด ๆ กับพระเจ้า พระเจ้าจะใช้ถ้วยของพระองค์มาจากพระหัตถ์ขวานั้นที่น่าจะเป็นสิ่งดีให้กับเขากลับกลายเป็นความอัปยศ
2:17 เลบานอน อาจมีความหมายในภาษาฮีบรูเพิ่มเติมจากประเทศเลบานอน คือมีความหมายว่า สีขาว หมายถึงความบริสุทธิ์ ชี้ไปถึงนครเยรูซาเล็ม ซึ่งมีพระวิหารของพระเจ้าอยู่ ข้อนี้มีความเชื่อมโยงกับข้อ 11 ด้วย การทำร้ายสัตว์ต่าง ๆ นี้คือ สัตว์ที่เขาเตรียมไว้ถวายพระเจ้า ชาวบาบิโลนก็เอาไปฆ่าสังเวยเทพของพวกเขา พวกเขาทำให้ชาวเยรูซาเล็มต้องตายไปมากมาย ดังนั้น พระเจ้าจะทรงเอาคืน ..เราอาจถามว่า พระเจ้าทรงส่งเขามาไม่ใช่หรือ คำตอบคือใช่ แต่บาบิโลนได้ทำเกินไปกว่าที่ควรจะทำ พวกเขาจึงต้องถูกพิพากษา

ฮาบากุก 2:18-20
2:18 แล้วพระเจ้าทรงบอกถึงความผิดชุดสุดท้ายนั่นคือ การสร้าง และกราบไหว้รูปเคารพ คนได้สร้างรูปปั้นขึ้นมากจากวัสดุต่าง ๆ ตั้งแต่ไม้ จนไปถึงทอง แล้วจากนั้นเขาก็ยกให้มันอยู่เหนือตัวของเขา ให้มันกลายเป็นสิ่งที่จะปกป้องเขาให้พ้นจากสิ่งร้าย
2:19 ความผิดสุดท้าย เป็นความผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยตรง
พระเจ้าทรงประกาศวิบัติแก่คนที่สั่งให้รูปปั้นเหล่านั้นมีชีวิต ลุกขึ้นมา แต่ความจริงคือ สิ่งเหล่านั้นไม่อาจพูดได้ .. พวกเขาทำให้ไม้ หินเหล่านี้กลายเป็นเทพเพียงเพื่อพวกเขาจะกราบไหว้ แล้วพระเจ้าทรงเปรียบเทียบให้เห็นว่า พระองค์คือพระเจ้าเที่ยงแท้…. ผู้ประทับในพระวิหาร และมนุษย์จะต้องนิ่ง และทบทวนว่า พระองค์ทรงสั่งอะไร ทรงทำสิ่งใดเพื่อมนุษย์ ….
2:20 โลก ต้องนิ่งสงบต่อองค์พระเจ้า ต่อพระพักตร์ของพระองค์ ตอนนี้โลกไม่เคยสงบ ทุกคนต่างใช้วาจาปะทะตอบโต้ รองลงมาจากการทำสงครามโดยใช้อาวุธจริง แต่การสั่งให้นิ่งนั้นไม่ได้มีแค่ที่นี่ ในสดุดี 46:10 บอกว่า จงนิ่งสงบและรู้ว่า เราคือพระเจ้า เราจะได้รับการยกย่องท่ามกลางประชาชาติ เราจะได้รับการยกย่องในโลกพระเจ้าไม่ได้ทรงให้อิสราเอลเท่านั้นที่จะเข้ามานมัสการพระองค์ แต่คนทั้งโลกด้วย
การไหว้รูปเคารพ คือสั่งให้รูปเคารพเป็นอย่างที่เราต้องการ แต่การนมัสการพระเจ้าคือ เราจำนนต่อพระองค์ และการสำแดงของพระองค์ทุกประการ
เราต้องการฟังจากพระเจ้าเพื่อเราจะเชื่อและเชื่อฟังคำของพระองค์ไหม?​

พระคำเชื่อมโยง

1* อิสยาห์ 21:8, 11
2* อิสยาห์ 8:1
3* ดาเนียล 8:17, 19; เอเสเคียล 12:24-25;
ฮีบรู 10:37-38; 2 เปโตร 3:9
4* ยอห์น 3:36; โรม 1:17
5* อิสยาห์ 5:11-15
6* มีคาห์ 2:4
8* อิสยาห์ 33:1
9* โอบาดีย์ 4
10* นาฮูม 1:14

11* ลูกา 19:40
12* มีคาห์ 3:10
13* เยเรมีย์ 51:58
14* อิสยาห์ 11:915* โฮเชยา 7:5
16* อิสยาห์ 47:3; นาฮูม 3:5-6
17* เศคาริยาห์ 11:1; ฮาบากุก 2:8
18* เยเรมีย์ 10:8; 1โครินธ์ 12:2
19* สดุดี 135:17
20* เศฟันยาห์ 1:7

ฮาบากุก 1 เหตุใดพระเจ้าทรงนิ่ง?

1 นี่คือภาพเหตุการณ์อันน่าหนักใจ
ที่ผู้เผยพระคำฮาบากุกได้เห็น

คำทูลร้องขอพระเมตตา
2 โอ พระยาห์เวห์ 
ข้าพเจ้าจะต้องร้องทูลขอความช่วยเหลือ
อีกนานเท่าไรหรือ พระองค์จึงจะทรงฟัง?
อีกนานเท่าไรที่จะร้องทูลต่อพระองค์ว่า
“โหดร้ายนัก” แต่พระองค์ไม่เสด็จมาช่วย?
3 เหตุใดพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าต้องทนดูความอยุติธรรม
เหตุใดพระองค์ทรงทนต่อการกระทำผิด?
หายนะและความโหดร้ายท่วมท้นอยู่ต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้า
4 ดังนั้น บัญญัติจึงไร้ความหมาย
ความยุติธรรมไม่อาจส่งผลสำเร็จ
เพราะคนชั่วอยู่ล้อมรอบคนเที่ยงธรรม
ความยุติธรรมจึงถูกบิดเบือน

คำตอบจากพระยาห์เวห์
5 จงมองดูชาติต่าง ๆ และสังเกตให้ดี
จงประหลาดใจอย่างที่สุด เพราะเรากำลังทำการในสมัยของเจ้า ที่เจ้าจะไม่เชื่อ แม้ว่าจะมีใครมาบอกเจ้า

6 ดูเถิด เรากำลังยกให้ชาวเคลเดียมีอำนาจขึ้น พวกเขาเป็นชนชาติที่ไร้ความปราณี และไม่อาจหยุดยั้งได้ พวกเขาจะเดินทัพไปทั่วแผ่นดินโลกเพื่อยึดครองดินแดนของผู้อื่น
7 ใคร ๆ ก็ขยาด หวาดกลัวพวกเขา พวกเขาตั้งความยุติธรรมแบบของตนเองขึ้นมา และถือว่าตนเป็นผู้ปกครองสูงสุด

คิดว่าตัวเองเก่งกล้ากว่าใคร!!

8 ม้าศึกของพวกเขารวดเร็วยิ่งกว่าเสือดาว โหดเหี้ยมยิ่งกว่าหมาป่าในทะเลทรายพลม้าของพวกเขาตะบึงมาจากแดนไกล โฉบเฉี่ยวลงมาอย่างว่องไวราวกับแร้งที่กัดกินเหยื่อ
9 พวกเขาทุกคนมุ่งมั่นกับความรุนแรง ประชาชนของพวกเขาก็รุกเข้ามาเหมือนลมตะวันออก พวกเขารวบรวมเชลย ราวกับกอบทราย
10 พวกเขาเยาะเย้ยกษัตริย์ทั้งหลาย และทำให้ผู้ปกครองเป็นเป้าให้คนเหยียดหยาม พวกเขาหัวเราะเยาะเมืองป้อมทุกแห่ง และสร้างเชิงเทินข้ามไปเพื่อยึดเมือง
11 แล้วพวกเขาก็เดินทัพผ่านไปรวดเร็วราวกับลม และมุ่งหน้าต่อไป พวกเขามีความผิด เพราะเขาพึ่งกำลังของตนเองว่าเป็นพระเจ้า

คำถามครั้งที่สอง : เหตุใดจึงทรงให้คนชั่วกว่ามาสั่งสอนคนชั่วน้อยกว่า?

12 โอ พระยาห์เวห์ องค์ผู้บริสุทธิ์ของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นอมตะ? โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งให้พวกเขาเป็นผู้ตัดสิน โอ องค์พระศิลา พระองค์ได้ทรงกำหนดให้พวกเขาเป็นผู้ลงโทษ
13 พระเนตรของพระองค์บริสุทธิ์เกินที่จะมองความชั่ว และพระองค์ไม่อาจทรงทนต่อความผิดได้ แล้วเหตุใดพระองค์จึงทรงทนต่อคนทรยศเยี่ยงนั้น? เหตุใดพระองค์ทรงนิ่งเงียบขณะที่คนชั่วร้ายกลืนกินคนที่มีความเที่ยงธรรมยิ่งกว่าพวกเขา?

14 พระองค์ทรงสร้างให้มนุษย์เป็นเหมือนปลาในทะเล เหมือนสิ่งมีชีวิตคืบคลานที่ไม่มีผู้ปกครอง
15 ศัตรูได้เกี่ยวพวกเขาขึ้นด้วยเบ็ด และลากจับพวกเขาไว้ด้วยแห และรวบรวมพวกเขาขึ้นมาด้วยอวน ศัตรูผู้นั้นจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง
16 ดังนั้นพวกเขาจึงถวายเครื่องบูชาให้กับแหของพวกเขา เผาเครื่องหอมให้อวนของตน
เพราะเขาเห็นว่า แหของเขาทำให้เขาได้อยู่อย่างหรูหรา และมีอาหารอย่างเลิศเกินพอ
17 แล้วเขาจะเอาสิ่งที่แหจับได้ออกมา และยังคงทำลายล้างชาติต่าง ๆ อย่างไร้เมตตาต่อไปหรือ?

อธิบายเพิ่มเติม

ฮาบากุก 1:1-4
ทูลถามครั้งแรก  สิ่งที่ฮาบากุกเห็นรอบข้างเขา เห็นสิ่งเลวร้ายที่เกิดในประเทศของเขา  ผู้คนโหดเหี้ยม ทำร้ายกันและกัน
เหตุใดพระเจ้าทรงนิ่งเฉยทั้ง ๆ ที่ ประชากรโหดร้ายต่อกัน
1:1 ฮาบากุก  ได้เห็นภาพเหตุการณ์ในอนาคตที่น่าหนักใจมาก แทนที่เขาจะนำมาบอกให้กับประชาชน เขากลับหันไปหาพระเจ้าและถามเหตุผล
1:2 เกือบไม่ไหวแล้วที่จะต้องทนเห็นความทารุณโหดร้ายที่ประชากรของพระเจ้าได้ทำร้ายกันและกัน คนรวยกดขี่คนยากจน ฮาบากุกรู้ว่า พระเจ้าเท่านั้นที่จะทรงจัดการกับคนเหล่านี้ได้ เขาถามซ้ำว่า อีกนานเท่าไรที่จะต้องทูลขอ  เวลานั้นเขาสงสัยจริง ๆ ว่า ทำไม่พระเจ้าทรงเงียบเหลือเกิน
คำว่า ร้องทูล มาจากคำว่า ชาวา (שָׁוַע) หมายถึงการร้องทูลขอความช่วยเหลือด้วยเสียงอันดัง
คำว่าโหดร้ายในภาษาฮีบรูนี้คือ คามาส (חָמָ֖ס)หรือ ฮามาสนั่นเอง เป็นความโหดร้ายแบบสุด ๆ สืบต่อมาจากธรรมชาติของซาตาน สุขที่เห็นผู้อื่นเป็นทุกข

1:3 สิ่งที่ทำฮาบากุกคับข้องใจเอามาก ๆ คือ ทำไมทั้งพระเจ้าและเขาต้องทนต่อความอยุติธรรมและการกระทำผิดที่รุนแรงเหล่านี้  หันไปทางใดก็เจอแต่สิ่งร้าย บ้านเมืองจะอยู่ต่อไปไม่ได้  ฮาบากุกต้องการให้คนกลับใจ เขารู้ดีว่า ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป วันหนึ่งพวกเขาจะต้องโดนลงโทษสาหัสเป็นแน่
1:4 ในภาษาเดิม บัญญัตินิ่ง ไร้อำนาจ ไม่ส่งผลต่อชีวิตของคน ไม่มีการสั่งสอนบัญญัติ ไม่มีการทำตามบัญญัติ  คนชั่วทำร้ายคนดีตลอดเวลา คำว่าคนชั่วคำนี้ ฮีบรูว่า ราฌา (רָשָׁע֙ )เป็นคนที่รู้จักบัญญัติแต่ไม่ทำตาม ท้าทาย ไม่กลัวผลของการทำผิด  ขบวนการยุติธรรมในครอบครัว ในสังคมจบไปแล้ว  คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนของพระเจ้าคดโกงก็โกงต่อไปไม่มีใครจัดการได้เลย 
สำหรับฮาบากุกคือ ถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมพระเจ้ายังทรงเฉยอยู่ได้…​ สภาพของฮาบากุก เหมือนกับอาสาฟที่กล่าวในสดุดี 77:2  ว่า ..ยามค่ำ ข้าชูมือวิงวอนไม่อ่อนล้า จิตข้า ไม่รับการเล้าโลมใจ 

ฮาบากุก 1:5-11
คำตอบที่ไม่คาดฝัน
1:5 แทนที่พระเจ้าจะทรงตอบทันที พระองค์กลับทรงให้ฮาบากุกหันไปสังเกตพฤติกรรมของชาติต่าง ๆ รอบข้าง ฮาบากุกทูลพระองค์เรื่องคนอิสราเอล แต่พระเจ้าทรงให้เขามองชนชาติอื่น เมื่อมองแล้ว ก็ให้รู้สึกประหลาดใจเป็นที่สุด นั่นคือ ฮาบากุกจะเห็นอะไรที่ตนเองไม่เคยเห็นมาก่อน เขาจะเห็นว่า พระเจ้ากำลังทำบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึง!!
1:6 แล้วพระองค์ก็ทรงบอกแผนการของพระองค์ให้เขาทราบ .. นั่นคือ จะทรงยกให้ชาวเคลเดีย หรือบาบิโลนกลายเป็นผู้ที่ใหญ่สุดในภูมิภาคนี้
ชาวเคลเดียรึ? พวกเขาน่ากลัวเป็นที่สุด พระเจ้าจะทรงให้เขาใหญ่… และตรงนี้ พระเจ้าทรงยืนยันชัดเจน ดาวิดเองรู้มาตลอดว่า พระเจ้าเท่านั้นทรงเป็นผู้ยกขึ้นหรือทำให้ต่ำลง
1:7 ชาวเคลเดียไม่รู้ว่า พวกเขาเป็นใหญ่ได้เพราะพระเจ้าทรงอนุญาต พวกเขามีกฎของตนเอง และคิดว่าตนเองสุดยอดกว่าใคร เยเรมีย์ 51:20-23 บอกเราชัดว่า พระเจ้าทรงส่งพวกเขาไปทำอะไรบ้าง
1:8 พระเจ้าทรงบรรยายให้ฮาบากุกได้ฟังว่า ม้าศึกและพลม้าของเคลเดียหรือบาบิโลนนั้น รวดเร็ว โหดเหี้ยม ว่องไวขนาดไหน พระองค์ทรงเปรียบเทียบกับสัตว์ต่าง ๆ
1:9 ไม่พอ ยังตั้งหน้าตั้งตาที่จะใช้ความรุนแรง (คำเดียวกันกับข้อ 1:2 ) มาเร็ว ควบคุมเร็ว แรง 1:10 ไม่ว่าจะผ่านไปทางไหน ก็เย้ยหยัน ผู้นำและคนในพื้นที่
1:11 ดูเหมือนการที่พวกเขาไปที่ใด ก็จะปราบได้หมดสิ้นดังนั้นจึงมุ่งหน้าต่อไป ไม่คิดจะหยุด แต่ต้องการครองอำนาจให้กว้างไกลที่สุด
แต่พระเจ้าทรงบอกฮาบากุกว่า พวกเขามีความผิด เพราะแทนที่จะเชื่อพระองค์ แต่เขากลับคิดว่า กำลังอันเข้มแข็งของตนเองคือ สิ่งที่ช่วยพวกเขา คือพระเจ้าของพวกเขา

ฮาบากุก 1:12-17
นี่เป็นปัญหาของฮาบากุกมาก เพราะเขารู้จักพระบุคลิกภาพของพระเจ้า
รู้จักพระองค์ว่าทรงเป็นอย่างไร ในเมื่อพระเจ้าสถิตในสวรรค์และทรงมองเห็นมนุษย์ทุกคน ทรงตรวจสอบพวกเขาประจำอยู่แล้ว และทรงชังคนที่ชั่วร้ายด้วย (สดุดี 11:1-7)  พระองค์ไม่น่าจะปล่อยให้แบบนี้เกิดขึ้นนี่นา 
แต่..ฮาบากุกมองตามสายตามนุษย์ ไม่ได้มองลงมาจากเบื้องบน

1:12 สองข้อต่อไปนี้ ฮาบากุกเข้าใจแล้วว่า พระเจ้าจะทรงส่งชาวบาบโลนมาจัดการกับคนของพระองค์   เขาตระหนักว่า พระองค์ทรงเป็นมาจากเดิม
1:13  ถึงจะยอมรับการพิพากษาของพระเจ้าต่อคนอิสราเอล เข้าใจแล้วว่า พระเจ้าให้คนเคลเดียมาช่วยตีสอน ไม่ใช่ทำลายให้สิ้นซาก ฮาบากุกอดถามไม่ได้ว่า ทำไมให้คนชั่วมากกว่า มาจัดการกับคนที่ชั่วน้อยกว่า
1:14 แล้วเขาก็กล่าวเหมือนต่อว่า พระเจ้าว่าพระองค์ทรงสร้าง มนุษย์ให้เหมือนอย่างปลา ที่ต่ำต้อย ไม่มีระบบการปกครอง
1:15  ศัตรูที่กล่าวถึงคือคนเคลเดียหรือบาบิโลนที่จะเข้ามาบุก
1:16 พวกเขาได้จับผู้คนราวกับใช้แห อวน ลากคนเข้าไปเป็นเชลย ดังนั้น เขาจึงมองเห็นว่า อาวุธต่าง ๆ ของเขานั้นคือพระเจ้า เพราะทำให้พวกเขาได้ทำตามที่ต้องการได้ทุกอย่าง 
1:17 แล้วพระเจ้าจะทรงปล่อยให้บาบิโลนทำชั่วช้าต่อประชาชาติต่าง ๆ อย่างนี้ต่อไปหรือ  เขาเข้าใจว่า พระเจ้าน่าจะทรงจัดการกับบาบิโลนเหมือนกัน 

พระคำเชื่อมโยง

2* เพลงคร่ำครวญ 3:8; มีคาห์ 2:1-2; 3:1-3 โยบ 21:5-16
4* เยเรมีย์ 12:1
5* อิสยาห์ 29:14
6* 2 พงศ์กษัตริย์ 24:2; เอเสเคียล 7:24; 21:31

8* เยเรมีย์ 4:13; โฮเชยา 8:1
11* ดาเนียล 5:4
12* สดุดี 90:2; 93:2; อิสยาห์ 10:5-7; เยเรมีย์ 25:9
16* เฉลยธรรมบัญญัติ 8:17