สดุดี 32 อย่าให้มีบาปที่ไม่สารภาพ

ภาพจาก pixels.com ถ่ายโดย Hilary Halliwell

มัสคิลบทหนึ่ง ของดาวิด
ผู้ที่พระเจ้าทรงอภัย ก็เป็นสุขเหลือเกิน
1 คนที่พระเจ้าทรงอภัยการล่วงละเมิดก็เป็นสุข
คนที่ความบาปถูกลบไปแล้ว ก็เป็นสุข
2 คนที่พระยาห์เวห์ไม่ทรงถือโทษบาปก็เป็นสุข
คนที่ไม่มีจิตใจที่ล่อลวงก็เป็นสุข

บาปที่ค้างคา ทำลายชีวิต
3 เพราะเมื่อข้านิ่งเฉยอยู่ กระดูกก็ผุเปราะไป
ข้าร้องโหยหวนคร่ำครวญทั้งวัน
4 พระหัตถ์ของพระองค์หนักอยู่เหนือข้าทั้งวันและคืน
กำลังของข้าก็เหือดหายไปราวกับไอร้อนในฤดูร้อน
5 ข้ายอมรับบาปของข้าต่อพระองค์
และไม่ได้ปกปิดความผิดเอาไว้
ข้ากล่าวว่า “ข้าจะสารภาพความผิดบาปต่อพระยาห์เวห์”
และพระองค์ก็ทรงอภัยบาปชั่วของข้า เซ ลาห์

ป้องกันหายนะที่จะมาถึงชีวิต
6 ดังนั้น ให้ทุกคนที่อยู่ในทางของพระเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์
ในเวลาที่จะพบพระองค์ได้
แน่ที่เดียว มวลน้ำใหญ่จะไม่ท่วมถึงเขา …
7 พระองค์ทรงเป็นที่ซ่อนตัวของข้า
พระองค์ทรงรักษาข้าให้พ้นจากความทุกข์ลำบาก
พระองค์ทรงโอบล้อมข้าไว้ด้วยเสียงแห่งการช่วยกู้ เซ ลาห์

พระเจ้าทรงเป็นผู้สอนตามทางชีวิต
8 เราจะสั่งสอนและชี้นำเจ้าไปในทางที่เจ้าควรจะเดินไป
เราจะให้คำปรึกษาพร้อมกับจับตาดูเจ้า
9 อย่าเป็นเหมือนม้าหรือลาที่ไม่มีความเข้าใจ
ที่ต้องถูกบังคับด้วยสายรั้งและบังเหียน
มิฉะนั้นจะไม่ยอมเชื่อฟัง

ความยินดีในพระเจ้าของคนเที่ยงธรรม
10 คนชั่วพบความทุกข์ใจหลายอย่าง
แต่ความรักมั่นคงอยู่ล้อมรอบคนที่วางใจในพระยาห์เวห์
11จงชื่นชมในพระยาห์เวห์ และยินดีเถิด เหล่าคนเที่ยงธรรมเอ๋ย
และร้องตะโกนด้วยความยินดี เหล่าคนที่มีใจเที่ยงตรง!

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 85:2,103:3

2* 2 โครินธ์ 5:19, ยอห์น 1:47

3* สดุดี 38:3,8

4* 1 ซามูเอล 5:6,11, 39:10-11

5* สุภาษิต 28:13,

6* 1 ทิโมธี 1:16, อิสยาห์ 55:6,

7* สดุดี 9:9, อพยพ 15:1

8* สุภาษิต 3:5-6, สดุดี 33:18

9* สุภาษิต 26:3,

10* โรม 2:9, สุภาษิต 16:20

11*สดุดี 64:10, 68:3, 97:12

คำอธิบายเพิ่มเติม สดุดี 32

คนที่…​ก็เป็นสุข เป็นสดุดีที่เริ่มต้นคล้ายสดุดีบทที่ 1

สดุดี 32:1-2
ผู้ที่พระเจ้าทรงอภัย ก็เป็นสุขเหลือเกิน
สดุดีบทที่ 32 นี้ หากเราได้ใคร่ครวญ เดินตาม และมีความเข้าใจถึงการทรงอยู่ด้วยของพระเจ้าในชีวิต ใช้เวลากับบทนี้นาน ๆ ให้คำซึมซาบเข้าไปในหัวใจ ชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลง อย่าปล่อยสดุดีบทนี้ไปเฉย ๆ แต่ให้กลับมาเพื่อเราจะได้รู้จักที่จะสะท้อนชีวิต การกระทำ พฤติกรรมของเราและทำให้ถูกต้องต่อพระเจ้า เชื่อกันว่า ข้อความทั้งหมดที่เขียนเป็นความรู้สึกของดาวิดหลังจากที่ท่านสำนึกผิดกลับใจจากบาปที่ท่านทำต่อครอบครัวของอุรียาห์ (2 ซามูเอล 11)
อ่านสองข้อนี้ให้ดีแล้วถามตัวเองว่า เราได้รับการอภัยบาปแล้ว พระเจ้าไม่ทรงถือโทษเราแล้ว แน่ใจไหมว่าเป็นอย่างนั้น

สดุดี 32:3-5
บาปที่ค้างคา ทำลายชีวิต
การนิ่งเฉย คือความดื้อเงียบ ไม่ยอมที่จะรับว่าตนเองทำผิด คิดว่าทิ้งบาปไว้มืด ๆ ไม่มีใครเห็นก็จบกัน แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว ไม่มีอะไรปิดบังไว้จากพระองค์ได้เลย และคนที่พระองค์ทรงรักพระองค์จะลงวินัยกับเขาอย่างแน่นอน ที่ว่าพระเจ้าตีสอน แล้วพูดกันพร่ำเพรื่อ รู้ไหมว่า คนที่ถูกตีสอนคือคนที่พระเจ้าทรงรัก ทรงให้เขาเจ็บเพื่อเขาจะไม่ทำลายชีวิตของตนเอง
จากคำของดาวิดเราจะเห็นว่า ไม่ใช่แค่สำนึก หรือมโนธรรม หรือใจที่ฟ้องตนเอง (อ่าน 1 ยอห์น 3:16-24) แต่พระหัตถ์ของพระเจ้าต่างหากที่หนักอยู่เหนือใจของท่าน
อย่าลืม… ไม่ว่าเราทำบาปต่อใคร ทำเรื่องอะไร ในที่สุดทุกอย่างมาตกที่เป็นการทำบาปต่อองค์พระเจ้าโดยตรง
แต่ถึงแม้ว่าบาปหนักเพียงไร เมื่อดาวิดตัดสินใจว่าท่านจะสารภาพบาป สำนึกผิด พระเจ้าก็ทรงซื่อตรงที่จะอภัยบาปให้ท่าน

สดุดี 32:6-7
ป้องกันหายนะที่จะมาถึงชีวิต
ดาวิดชวนให้ทุกคนอธิษฐานต่อพระเจ้าก่อนที่จะถึงเวลาแห่งความลำบาก มวลน้ำใหญ่นี้ หมายถึงความทุกข์ยาก ปัญหาต่าง ๆ อะไรก็ตามที่เกินมือของเราจะจัดการได้ ดาวิดตระหนักว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่ช่วยกู้ท่าน และการโอบล้อมของพระเจ้าที่ท่านกล่าวถึง รู้สึกไหมว่า ปลอดภัยจริง ๆ

สดุดี 32:8-9
พระเจ้าทรงเป็นผู้สอนตามทางชีวิต
แล้วพระเจ้าก็ตรัสในใจของดาวิดว่า พระองค์จะทรงสอนและนำทางที่ควรจะไป ซึ่งเราหาได้จากพระคัมภีร์ ไม่จำเป็นต้องไปรอฟังเสียงของพระเจ้าด้วยวิธีต่าง ๆ ที่ใคร ๆ แนะนำ เริ่มจากพระคำของพระองค์ แล้วความใกล้ชิดนั้นจะทำให้เราได้ยินเสียงของพระเจ้าได้ง่ายขึ้น พระเจ้าตรัสชัดเจนว่าอย่าดื้อ อย่าขาดความเข้าใจ อย่ามีตัวเองมากจนไม่ได้ยินเสียงของพระองค์ หากดื้อมาก และพระเจ้ารักมากพระองค์อาจต้องใส่บังเหียนให้กับเรา เราคงไม่อยากได้แบบนั้น

สดุดี 32:10-11
ความยินดีในพระเจ้าของคนเที่ยงธรรม
สดุดีบทนี้จบด้วยความยินดี เพราะผู้เขียนได้ผ่านการตรวจสอบจากพระเจ้า ผ่านการสำนึกผิด การสารภาพบาปต่อพระองค์ และเขาก็พบว่า พระเจ้าทรงดีจริง ๆ เพราะทรงคืนความรักมั่นคงให้ ทรงโอบล้อมชีวิตของเขาให้ปลอดภัย เขาจึงสามารถร้องเพลงสรรเสริญพระองค์จากหัวใจจริง

สดุดี 31 คำอธิษฐาน และคำสรรเสริญพระเจ้า

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
คำร้องทูลของดาวิด
1 โอ พระยาห์เวห์ ข้าลี้ภัยในพระองค์
ขออย่าทรงให้ข้าต้องอับอาย
ขอทรงช่วยกู้ข้าในความเที่ยงธรรมของพระองค์
2 ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังข้าด้วย ขอทรงรีบมาช่วยกู้
ขอทรงเป็นศิลาที่ลี้ภัยของข้า
เป็นป้อมปราการที่ช่วยให้รอด
3 เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นศิลาและที่กำบังของข้า
ขอทรงนำทางและจูงข้าไป เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์
4 ขอทรงฉุดข้าออกจากตาข่าย ที่พวกเขาแอบไว้เพื่อดักข้า
เพราะพระองค์ทรงเป็นที่หลบภัยของข้า

ดาวิดมั่นใจในพระเจ้า
5 ข้าขอมอบจิตวิญญาณไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
พระองค์ได้ทรงไถ่ข้า
โอ พระยาห์เวห์ องค์พระเจ้าแห่งความจริง
6 ข้าชังคนเหล่านั้นที่เชื่อในคำมุสาอันไร้ค่า
แต่ข้าวางใจในพระยาห์เวห์
7 ข้าจะยินดีและชื่นชมในความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงเห็นความยากเข็ญของข้า
พระองค์ทรงทราบความทุกข์ร้อนในจิตวิญญาณ
8 และพระองค์ไม่ได้ปล่อยให้ชีวิตข้าอยู่ในเงื้อมมือศัตรู
พระองค์ทรงวางเท้าของข้าไว้ในที่กว้างขวาง

ความเจ็บปวดของดาวิด
9 ขอทรงพระเมตตาต่อข้า
โอ พระยาห์เวห์ เพราะข้าทุกข์ใจนัก
ดวงตาของข้าชอกช้ำจากความโศกเศร้า
รวมไปถึงจิตวิญญาณและร่างกายของข้าด้วย
10 เพราะเวลาในชีวิตของข้า ใช้ไปกับความทุกข์โศก
ปีเดือนผ่านไปด้วยการถอนหายใจ
ข้าหมดเรี่ยวหมดแรงเพราะความบาปของข้า
กระดูกของข้าก็แห้งกร่อนไป
11 ข้ากลายเป็นที่ตำหนิติเตียนเพราะเหล่าศัตรูของข้า
โดยเฉพาะกับเพื่อนบ้านของข้า
ข้าเป็นที่หวาดหวั่นของคนใกล้ชิด
เมื่อคนเห็นข้าตามทาง พวกเขาก็วิ่งหนีไป
12 ผู้คนลืมข้าไป ราวกับคนที่ตายไปแล้ว
ข้ากลายเป็นเหมือนภาชนะที่แตกหัก
13 เพราะข้าได้ยินเสียงกระซิบถึงความน่ากลัวรอบด้าน
ขณะที่พวกเขาสมคบคิดต่อต้านข้า
ขณะที่พวกเขาวางแผนจะเอาชีวิตข้า

ในความทุกข์ยาก ดาวิดวางใจในพระเจ้า
14 แต่ข้าวางใจในพระองค์ โอ พระยาห์เวห์
ข้ากล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้า”
15 เวลาของข้าก็อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
ขอทรงช่วยข้าจากเงื้อมมือของเหล่าศัตรูและคนที่มาข่มเหง
16 ขอทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ฉายแสง
ลงมายังผู้รับใช้ของพระองค์
ขอทรงช่วยข้าในความรักมั่นคงของพระองค์
17 โอ พระยาห์เวห์ ขออย่าให้ข้าต้องละอายใจ
เพราะข้าร้องเรียกหาพระองค์
ขอทรงให้ศัตรูอับอาย ให้พวกเขาสยบนิ่งอยู่ในแดนตาย
18 ขอให้ปากที่พูดเท็จต้องเงียบไป
ปากที่กล่าวคำอหังการต่อต้านผู้ที่เที่ยงธรรม
ด้วยความก้าวร้าวและคำดูหมิ่น

ดาวิดรับว่าพระเจ้าทรงดียิ่งนัก
19 โอ ความดีของพระองค์นั้นมีมากเหลือล้นเพียงใด
พระองค์ทรงสะสมความดีนั้นไว้เพื่อคนที่ยำเกรงพระองค์
และเป็นความดีที่ทรงทำแก่คนที่ลี้ภัยในพระองค์
ต่อหน้าต่อตาลูกหลานของมนุษย์
20 พระองค์ทรงซ่อนเขาในที่ลี้ลับ ณ เบื้องพระพักตร์
ให้พ้นจากแผนการร้ายของมนุษย์
พระองค์ทรงเก็บพวกเขาไว้ใต้ร่มเพิงที่ประทับ
ให้พ้นจากลิ้นที่ชั่ว
21 ขอถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ทรงแสดงความรักมั่นคงแก่ข้าอย่างน่าพิศวง
เมื่อข้าอยู่ในเมืองที่ถูกล้อม
22 ข้ากล่าวออกมาเมื่อตกใจว่า
“ข้าถูกตัดออกจากสายพระเนตรของพระองค์”
แต่พระองค์ทรงยินเสียงร้องทูลขอพระเมตตา
เมื่อข้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์

ชักชวนให้คนของพระเจ้าสรรเสริญพระองค์
23 จงรักพระยาห์เวห์ ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์
พระยาห์เวห์ทรงปกปักรักษาผู้จงรักภักดี
แต่ทรงตอบสนองคนหยิ่งยโสอย่างเต็มขนาด
24 จงกล้าหาญ และพระองค์จะทรงเพิ่มพลังใจ
ทุกคนที่มีความหวังในองค์พระยาห์เวห์ !

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 5:8, 7:1, โรม 10:11

2* สดุดี 17:6, 18:2, 71:2

3* สดุดี 143:10-11, ยอห์น 16:13

4* สดุดี 25:15, 140:5, 2 ทิโมธี 2:26

5* ลูกา 23:46, ทิตัส 2:14,

6* โยนาห์ 2:8, สดุดี 24:4

7* อิสยาห์ 63:9, 49:13, สดุดี 119;153

8* ฉธบ. 32:30,โยบ 36:16,สดุดี 18:19

9* สดุดี 6:7, 88:9, เพลงคร่ำครวญ 5:17

10* สดุดี 88:15, 38:3, โรม 9:2

11*สดุดี 38:11,88:8, 88:18

12*โรม 9:21-22, อิสยาห์ 38:11-12, 30:14

13* เยเรมีย์ 20:10, เพลงคร่ำครวญ​ 2:22

14* สดุดี 56:3-4 140:6, 16:1-2

15* ยอห์น 17:1, โยบ 24:1

16* สดุดี 4:6, 80:3, โรม 9:15

17* สดุดี 25:2-3, เยเรมีย์ 20:11

18* ยูดา 1:15, สดุดี 94:4, 1 ซามูเอล 2:3

19* 1 โครินธ์ 2:9, อิสยาห์ 64:4,

20* สดุดี 27:5, 32:7,ยากอบ 4:6

21* สดุดี 17:7

22* เอเสเคียล 37:11, สดุดี 6:9

23* สดุดี 97:10, 34:9

24* สดุดี 27:14, 146:5

คำอธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 31:1-4. คำร้องทูลของดาวิด
ถ้าเราเริ่มอ่านสดุดีบทนี้จากข้อ 9-13 ก่อน เราก็จะเข้าใจสภาพจิตใจของดาวิดในเวลานั้น ท่านเจอความทุกข์ใจ แต่ท่านก็เริ่มต้นด้วยการบอกว่า ขอลี้ภัย ขอพระเจ้าทรงฟัง ขอทรงช่วยกู้เร็ว ๆ ขอพระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัย ขอทรงกำบังไว้ ขอทรงนำทางและจูงไป ขอฉุดจากตาข่าย…. เรียกได้ว่าท่านระดมทูลขอแบบไม่ต้องนับเลยว่า ขออะไรบ้าง เพราะทุกข์ใจยิ่งนัก

สดุดี 31: 5-8. ดาวิดมั่นใจในพระเจ้า
การฝากจิตวิญญาณไว้กับพระเจ้านั้น คือ ทิ้งทั้งชีวิตให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าแห่งความจริง …
กษัตริย์ดาวิดรู้ดีว่า การต่อสู้กับศัตรูไม่ใช่แค่ทางกายเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้กับการใส่ร้าย คำมุสาที่โหมกระหน่ำเข้ามา
ข้อเจ็ด ในความยากเข็ญ ดาวิดมั่นใจว่า พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างในหัวใจของท่าน
คำขอที่ให้พระเจ้าทรงวางไว้ในที่กว้างขวางจำเป็นมาก เพราะถ้าติดกับ จนมุมอยู่ก็จะหนีไปยาก ตั้งตัวยาก แต่ขอให้พระเจ้าทรงวางไว้ในที่กว้าง คือที่ ๆ มีทั้งความมั่นคงและปลอดภัยใต้พระเจ้า ไม่ได้อยู่ในเงื้อมมือศัตรู!

สดุดี  9-13 ความเจ็บปวดของดาวิด
ดูสภาพของดาวิดในห้าข้อนี้ อ่านซ้ำไปมาจะเห็นว่า เป็นชีวิตที่ทรมานจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ดาวิดเป็นผู้กล้าในสายตาของเรา ท่านสู้กับยักษ์ใหญ่ที่ตัวโตกว่ามากมายอย่างไม่กลัว ก่อนที่จะเป็นกษัตริย์ก็ใช้ชีวิตเหมือนกับผู้รักษาความสงบให้กับประชาชนที่เดือดร้อน เมื่อเราอ่านตอนนี้เราจึงเข้าใจว่า ในความเป็นวีรบุรุษ ไม่ได้หมายความว่า กล้าหาญ ชนะเสมอไป แต่ความทุกข์นั้นท่วมท้นมากมายไม่มีใครเข้าใจจริง ๆ ดาวิดจึงต้องการพระเจ้ามากเหลือเกิน
ในช่วงเวลาของชีวิตเราก็ตกอยู่ในสภาพนี้ได้เหมือนกัน. แต่…ท่านทำอย่างไรจึงพ้นสภาพนี้ได้?

สดุดี 31:14-18. ในความทุกข์ยาก ดาวิดวางใจในพระเจ้า
ข้อความตอนนี้ แตกต่างจากก่อนหน้า ดาวิดมั่นใจว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า และเวลาของชีวิตที่มีไม่มากนั้น ก็อยู่ในการลิขิตของพระเจ้า และชีวิตก็จะไม่เป็นเหมือนข้อ 10 ที่เวลาเสียไปกับความเศร้าโศก พระเจ้าเองจะทรงเป็นผู้ช่วยให้พ้นจากศัตรู ท่านขอให้แสงจากพระเจ้ามายังใบหน้าของท่าน คือขอความโปรดปรานและความดีของพระเจ้ามาปรากฏในชีวิตของท่าน
หากเราเชื่อว่าเวลาของเราอยู่ในพระเจ้าแล้ว ความกังวลมากมายในชีวิตจะลดลงไปเพราะไม่ต้องไปห่วงไม่ต้องไปกังวลเหมือนอย่างคนในโลกที่ไม่มีพระเจ้า

สดุดี 31:19-22 ดาวิดรับว่าพระเจ้าทรงดียิ่งนัก
ตอนจบเพลงนี้ ดาวิดคนเดิมในข้อ 9-13 ก็เปลี่ยนไป ท่านยอมรับว่า พระเจ้าทรงดีเหลือเกิน ความดีของพระองค์มีเป็นคลังสะสมไว้ให้คนที่ยำเกรงพระองค์ แม้มนุษย์จะมีแผนทำลายท่าน แต่ก็ไม่มีใครอาจแตะต้องชีวิตได้เพราะพระเจ้าทรงซ่อนท่านไว้ในที่ลี้ลับในที่ประทับของพระองค์ ตรงนี้กล่าวอีกแล้วถึงลิ้นที่ใส่ร้าย ดูเหมือนว่า เป็นศึกหนักสำหรับดาวิดเลยทีเดียว
แม้ว่าดาวิดอยู่ท่ามกลางการถูกโอบล้อม แต่พระเจ้าทรงมีวิธีที่จะให้ท่านปลอดภัย
เราอย่าลืมทูลขอพระเจ้าให้ปลอดภัยจากการโอบล้อมของศัตรูในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย
บางครั้งดาวิดรู้สึกเหมือนหมดหวัง กล่าวว่าถูกตัดขาดจากพระเจ้า แต่ทันทีท่านก็กลับมา และรู้ว่าเมื่อร้องทูล. พระเจ้าจะทรงฟัง

สดุดี 31:23-24. ชักชวนให้คนของพระเจ้าสรรเสริญพระองค์
เมื่อเราได้ประสบการณ์จากพระเจ้าอย่างเช่นดาวิด ก็อย่าเก็บไว้คนเดียว ให้ชักชวนคนอื่นรักพระเจ้าด้วย ก่อนหน้านี้เขามองตัวเอง แต่มาตอนนี้เขามองไปที่ประชาชนทั้งหลาย และในฐานะกษัตริย์ก็ชวนให้คนเหล่านั้นได้รักพระเจ้า เหตุว่าพระเจ้าทรงรักษาคนที่เที่ยงธรรมไว้ พระเจ้าจะทรงให้กำลัง ดังนั้นทุกคนควรที่จะกล้าหาญไม่หยุดเลย








สดุดี 30 ทรงฉุดข้าขึ้นมาจากหลุม

เพลงสดุดีของดาวิด บทเพลงในพิธีถวายพระวิหาร

ความยินดีหลังจากความทุกข์ยากเพราะความกริ้วของพระเจ้า
1 โอ พระยาห์เวห์ ข้ายกย่องพระองค์
เพราะพระองค์ทรงยกชูข้าขึ้น
ไม่ให้เหล่าศัตรูเยาะหยันข้าได้
2 โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า ข้าร้องทูลขอความช่วยเหลือ
และพระองค์ทรงรักษาข้าให้หายป่วย
3 โอ พระยาห์เวห์ทรงนำวิญญาณของข้าขึ้นมาจากหลุมความตาย
พระองค์ทรงทำให้ข้ามีชีวิต เพื่อว่าข้าจะไม่กลับไปสู่หลุมนั้นอีก
4 โอ วิสุทธิชนของพระเจ้า
จงขอบพระคุณและระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์
5 เพราะพระองค์ทรงกริ้วเพียงชั่วครู
แต่ความโปรดปรานของพระองค์สืบเนื่องชั่วชีวิต
การร้องไห้อาจยาวนานหนึ่งคืน
แต่ความยินดีจะมาในเวลาเช้า

คำกล่าวที่ดูแปลก
6ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองของข้า ข้ากล่าวว่า “ข้าจะไม่หวั่นไหว”
7 ด้วยความโปรดปรานของพระองค์
พระยาห์เวห์ทรงทำให้ข้าเป็นดั่งภูเขาที่มั่นคง
เมื่อใดที่ทรงซ่อนพระพักตร์ ข้าก็ลำบาก

คำอธิษฐานในยามลำบาก
8 โอ พระยาห์เวห์ ข้าร้องหาพระองค์
ข้าเทคำคร่ำครวญของข้าไปที่พระยาห์เวห์
9 เมื่อข้าต้องลงไปยังหลุมความตาย
จะมีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น?
ผงดินจะสรรเสริญพระองค์หรือ?
แล้วมันจะประกาศความจริงของพระองค์หรือ?
10 โอ พระยาห์เวห์ โปรดสดับฟัง และเมตตาข้าด้วย
พระยาห์เวห์จะทรงเป็นพระผู้ช่วยของข้า

ความทุกข์ที่กลายเป็นความยินดี
11 พระองค์ทรงทำให้ความเศร้าโศกของข้ากลายเป็นการเต้นรำ
พระองค์ทรงถอดเสื้อกระสอบของข้าออก
ทรงคาดเอวข้าด้วยความชื่นชมยินดี
12 ในที่สุด จิตวิญญาณของข้าจะสรรเสริญพระองค์
และไม่นิ่งเงียบ
โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
ข้าจะถวายคำขอบพระคุณต่อพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์

พระคำเชื่อมโยง

1* 2 ซามูเอล 5:11, 1 พงศาวดาร 22:1,สดุดี 107:32,25:2,35:19,24, 13:4

2* สดุดี 88:13, 6:2,

3* สดุดี 16:10, 28:1

4* สดุดี 50:5, 97:12, 1 พงศาวดาร 16:4

5* สดุดี 103:9, โยบ 33:26, สดุดี63:3, 126:5

6* โยบ 29:18, สุภาษิต 1:32, สดุดี 10:6

7* 2 ซามูเอล 5:9, สดุดี 104:29, ซามูเอล 24:10

8* สดุดี 142:1

9* สดุดี 6:5

10* สดุดี 27:7

11* อพยพ 15:20, เยเรมีย์
31:4,13

12* สดุดี 16:9

คำอธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 31:1-5
ความยินดีหลังความทุกข์ยาก
จากคำที่ดาวิดกล่าว ดูเหมือนว่าท่านป่วยเกือบตาย และพระเจ้าทรงฉุดท่านขึ้น ให้หายป่วย และไม่มีศัตรูคนใดมาเยาะเย้ยได้เลย. ท่านมีความรู้สึกว่า ป่วยครั้งนี้เป็นมาจากความผิดบาปของท่านเอง
เมื่อท่านสารภาพบาปและทูลขอความช่วยเหลือของพระเจ้า พระองค์ก็ทรงตอบคำอธิษฐาน

สดุดี 30:6-7
คำกล่าวที่ดูแปลก
ในยามที่รุ่งเรือง ดาวิดกล่าวว่า ข้าจะไม่หวั่นไหว … เป็นคำพูดที่ไม่เหมือนดาวิดในบทอื่น ๆ สักเท่าไร
ดูเหมือนจะมีความมั่นใจในความมั่นคง แต่แล้วในข้อต่อมากลับสารภาพว่า
ความมั่นคงในชีวิตนั้นมาจากพระเจ้าเท่านั้น เมื่อไรที่พระเจ้าทรงซ่อนพระพักตร์ ไม่ฟังเสียงของท่าน
ท่านก็จะลำบากแน่นอน. นี่เป็นสิ่งที่ดาวิดมั่นใจมาก

สดุดี 30:8-10
กษัตริย์ดาวิดร้องหาพระเจ้า และอ้างเหตุผลต่าง ๆ ขอให้พระองค์ทรงฟังคำทูล ท่านรู้แน่ว่าหากท่านหนีจากเหตุการณ์นี้ไปได้ ท่านก็จะสรรเสริญพระเจ้า ท่านอ้างว่า ถ้าตายไปตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ใครล่ะ จะสรรเสริญพระเจ้า ข้อ 8-10 นี้เป็นช่วงเวลาของการไม่แน่ใจ ไม่มั่นคง

สดุดี 30:11-12
เมื่อพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของท่าน ดาวิดได้เขียนแสดงความรู้สึกว่าจากความหนักใจอันใหญ่หลวง มันได้กลายเป็นความสุข ชื่นชมยินดีอย่างที่สุด ท่านสัญญาว่าจะขอบพระคุณพระเจ้าตลอดไป
และวันนี้พวกเรายังได้ใช้สดุดีของท่านเป็นสื่อในการขอบคุณพระเจ้าไม่หยุดอีกด้วย


สดุดี 29 พระสุรเสียงในธรรมชาติ

ถ้าจะให้ถึงใจ ตามไปดูที่นี่. https://www.youtube.com/watch?v=LB0Yl_ygjIw

เพลงสดุดีของดาวิด

ขอถวายพระสิริ
1 ถวายแด่พระยาห์เวห์ โอ ท่านผู้มีฤทธิ์ *
ถวายแด่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงพระสิริและทรงพลัง
2 ถวายพระสิริที่สมควรแด่พระนามของพระยาห์เวห์
นมัสการพระยาห์เวห์ในความบริสุทธิ์ที่งามสง่าของ
พระองค์
( *บุตรทั้งหลายของพระเจ้า)
พระสุรเสียงในธรรมชาติ!
3 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ อยู่เหนือห้วงน้ำ
พระเจ้าผู้ทรงพระสิริ เปล่งพระสุรเสียงดั่งฟ้าคำราม
พระยาห์เวห์ ทรงอยู่เหนือน้ำมากหลาย
4 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทรงฤทธานุภาพ
พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์เต็มด้วยพระเกียรติสูงส่ง
5 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์โค่นล้มต้นสนซีดาร์
ใช่แล้ว พระยาห์เวห์ทรงหักป่าสนแห่งเลบานอนเป็นท่อน ๆ
6 พระองค์ทรงทำให้ทิวเขาแห่งเลบานอนกระโดดเหมือนลูกวัว
พระองค์ทรงทำให้ภูเขาเฮอร์โมน (สิริออน) กระโจนราวกับ
ลูกวัวป่า
7 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทำให้เปลวไฟโหมกระพือขึ้น
8 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทำให้ถิ่นกันดารสั่นสะเทือน
พระยาห์เวห์ทรงเขย่าถิ่นกันดารแห่งคาเดช
9 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์โค่นต้นโอ๊ค*
และทำให้ป่าราบเรียบเป็นหน้ากลอง
และในพระวิหารของพระองค์ ทุกคนร้องเสียงดังว่า
“พระสิริรุ่งโรจน์!”
(  * หรือ ทำให้กวางตัวเมียตกลูก)
10 พระยาห์เวห์ประทับบนบัลลังก์เหนือน้ำท่วมนั้น
ใช่แล้ว พระยาห์เวห์ประทับเป็นองค์ราชานิรันดร์

พระยาห์เวห์เหนือประชากรของพระองค์
11 พระยาห์เวห์จะประทานกำลังให้กับคนของพระองค์
พระยาห์เวห์ประทานสันติสุขให้เป็นพระพร
แก่ประชากรของพระองค์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 96:7-9,

2* สดุดี 110:3, 1 พงศาวดาร 16:29, อพยพ 28:2

3* สดุดี 18:11, 17, 32:6 โยบ 37:4,5

4* สดุดี 68:33, เอเสเคียล 10:5

5*สดุดี 104:16, ผู้วินิจฉัย 9:15

6* สดุดี 114:4,6, ฉธบ. 3:9, กันดารวิถี 23:22

7* สดุดี 77:18,144:5-6

8* กันดารวิถี 13:26, ฮีบรู 12:26

9* โยบ 39:1-3,

10* ปฐมกาล 6:17, สดุดี 10:16

11* สดุดี 68:35, อิสยาห์ 40:29, ฟีลิปปี 4:7

อธิบายเพิ่มเติม

สดุดี 29:1-2
คำว่าถวายแด่พระเจ้านี้ ในภาษาเดิมว่า ให้ … เป็นเหมือนคำสั่งว่าให้แด่พระเจ้า คำของดาวิด มีลักษณะเป็นบทกวี มีคำซ้ำ ย้ำความคิดแรกว่า เราควรทำอะไร
สดุดีเริ่มต้นที่ชวนให้ผู้คนเข้ามาถวายชีวิต คำสรรเสริญ ถวายพระสิริแด่พระเจ้า ชวนให้ถวายถึงสามครั้ง
เมื่อถวายแล้ว จบด้วยชวนให้นมัสการพระเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์ ไม่ใช่บริสุทธิ์อย่างเดียว แต่ทั้งงดงาม สง่า เต็มด้วยสง่าราศี
คำว่าท่านผู้มีฤทธิ์ บางเล่มแปลว่า ผู้มีชีวิตในฟ้าสวรรค์ เหมือนว่าเป็นทูตสวรรค์ บางเล่มว่า บุตรของพระเจ้า แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาควรที่จะมองไปที่พระเจ้าซึ่งทรงฤทธิ์กว่าเขามากมายนัก

สดุดี 10 :3-10
พระสุรเสียงในธรรมชาติ!
ข้อสามนี้กล่าวถึงพระสุรเสียงกับน้ำ ถ้าเราดูในข้อ 5 6 เราจะเห็นว่า ผู้เขียนได้กล่าวถึงสภาพภูมิศาสตร์ในแผ่นดินอิสราเอลโบราณ ห้วงน้ำดังกล่าวที่ใหญ่โตที่สุด จะเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยังมีทะเลสาบกาลิลี และทะเลตายด้วย เขาคิดถึงพายุที่เกิดขึ้นในท้องน้ำที่เขาประสบมา เขาเห็นพระเจ้าในธรรมชาติอย่างชัดเจนมาก

ข้อสี่ ชวนให้เราตระหนักว่า การแสดงออกของพระเจ้าในธรรมชาตินั้น ยิ่งใหญ่ทรงพลัง และน่าคร้ามกลัวเพียงใด เมื่อเราเห็นพายุ ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำราม เราน่าจะนึกถึงพระเจ้าว่า พระองค์ทรงอยู่ในพายุนั้น …

ข้อห้าถึงเก้า อ่านดี ๆ ทำให้เรานึกถึงภัยธรรมชาติที่มาจากพายุ จากแผ่นดินไหว แม้ซีดาร์แห่งเลบานอนที่ได้ชื่อว่าเป็นไม้แกร่งที่สุดยังพ่ายแพ้พระองค์ ภูเขาสะเทือนเลื่อนลั่นด้วยฤทธิ์แห่งพระสุรเสียงของพระองค์
กษัตริย์ดาวิดผู้เขียนสดุดี ตระหนักว่า แม้เสียงจากธรรมชาติอันน่ากลัวจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่า
ถึงแม้มนุษย์ที่เชื่อในพระเจ้าจะต้องพบเจอกับมรสุมขนาดไหน แต่การยกย่องพระเจ้าก็ไม่ได้หายไปจากชีวิตของเขา

ข้อสิบ ที่ว่าพระเจ้าประทับเหนือน้ำท่วม มีความหมายถึงน้ำท่วมใหญ่ครั้งที่โนอาห์สร้างเรือ (ปฐมกาล 6,7) กษัตริย์ดาวิดสรุปว่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ของโลกที่วิบัติขนาดไหน พระเจ้ายังทรงครองเป็นนิรันดร์

สดุดี 29:11
พระยาห์เวห์เหนือประชากรของพระองค์
จากประโยคแรกที่ผู้เขียนชวนให้คนถวายแด่พระเจ้า ในข้อสุดท้ายนี้กลับกลายเป็นพระเจ้าเป็นผู้ให้แก่อิสราเอล พระเจ้าจะประทานการปกป้องเมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับสิ่งร้ายรอบตัว ท่ามกลางความยากเข็ญ พระองค์คือผู้ประทานสันติสุขที่ไม่เหมือนความสุขของโลกให้กับคนของพระองค์​ คนของพระเจ้าจะได้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ จากพระเจ้า แถมสันติสุขอีกด้วย

บรรณานุกรม
biblehub.com
enduringword.com
net bible.org