สดุดี 68 แด่พระเจ้าผู้ประทานชัยชนะ

ภาพจากpxhere.com

ถึงหัวหน้านักร้อง สดุดีโดยดาวิด บทเพลง
พระเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือศัตรู

1 ขอพระเจ้าทรงลุกขึ้น
ขอให้ศัตรูของพระองค์กระเจิดกระเจิงไป
ให้คนที่ชังพระองค์ หนีหายไปจากพระพักตร์พระองค์
2 ควันถูกไล่พัดออกไปอย่างไร
ก็ขอพระองค์ทรงไล่พวกเขาออกไปอย่างนั้น
ขี้ผึ้งหลอมละลายหน้าเปลวไฟอย่างไร
ก็ขอให้คนชั่วร้ายพินาศต่อพระพักตร์พระองค์อย่างนั้น
3 ขอให้คนเที่ยงธรรมได้ยินดี
และให้พวกเขาเบิกบานใจต่อพระพักตร์พระเจ้า
ให้พวกเขามีความปีติร่าเริง

ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแห่งชัยชนะ

4 จงร้องเพลงถวายพระเจ้า
ร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์
จงยกย่องพระองค์ผู้มาพร้อมกับหมู่เมฆด้วยเสียงเพลง
พระนามของพระองค์คือ พระยาห์เวห์

จงชื่นชมยินดีต่อพระพักตร์พระองค์
5 พระเจ้าทรงอยู่ในที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ทรงเป็นพระบิดาของผู้กำพร้าพ่อ ทรงเป็นผู้ปกป้องหญิงม่าย
6 พระองค์ทรงทำให้คนที่โดดเดี่ยวได้เข้ามาอยู่ในครอบครัว
ทรงนำผู้ที่ถูกจำจองออกมาพร้อมกับเสียงเพลง
แต่คนที่ดื้อดึงดันต้องใช้ชีวิตในดินแดนที่แร้นแค้น

ระลึกถึงวันที่อยู่ในถิ่นกันดาร
7 โอ พระเจ้า ยามที่พระองค์ทรงนำหน้าประชากรของพระองค์
ยามที่ทรงก้าวไปในที่ร้าง ถิ่นกันดาร เซ ลาห์
8 แผ่นดินก็สะเทือน ท้องฟ้าเทฝนลงมา
ต่อพระพักตร์พระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งภูเขาซีนาย
ต่อพระพักตร์พระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล
9 โอ พระเจ้า พระองค์โปรดให้ฝนโปรยชุ่มชื่น
ลงมายังแผ่นดินที่แห้งแล้ง
ทรงทำให้ผืนดินชุ่มน้ำมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่
10 โอ พระเจ้า คนของพระองค์ได้มาอาศัยที่นั่น
พระองค์ทรงจัดเตรียมให้กับผู้ที่ยากไร้ เพราะพระองค์ทรงดียิ่งนัก

พระเจ้าทรงชนะเหนือกษัตริย์ทั้งหลาย
11 พระยาห์เวห์ตรัสถ้อยคำออกมา
พวกผู้หญิงที่ประกาศข่าวดีนั้นมีมากเป็นกลุ่มใหญ่
12 เหล่ากษัตริย์ และกองทัพแตกพ่ายหนีไป
พวกผู้หญิงในบ้าน ก็พากันแบ่งของที่ริบมาได้
13 ในขณะที่ท่านนอนอยู่ท่ามกลางฝูงแกะนั้น
ปีกของนกพิราบถูกปกคลุมด้วยเงิน ขนของมันเป็นทองคำแวววาว
14 เมื่อองค์ผู้ทรงฤทธิ์ทำให้กษัตริย์ในแผ่นดินนั้น
กระจัดกระจายไป ขาวโพลนราวกับหิมะตกลงบนภูเขาศัลโมน

ชัยชนะบนยอดเขาทั้งหลาย
15 ภูเขาของพระเจ้าเอ๋ย ภูเขาแห่งบาชาน
ยอดเขาที่ลดหลั่นตลอดเทือกเขาแห่งบาชาน
16 ยอดภูเขาทั้งหลายเอ๋ย
เหตุใดจึงจ้องดูภูเขาลูกที่พระเจ้าทรงเลือกเป็นที่ประทับ
ด้วยความริษยาเล่า?
17 พระเจ้าทรงมีรถศึกนับหมื่น หรืออาจเป็นแสนเป็นล้านคัน
พระยาห์เวห์เสด็จมาจากภูเขาซีนาย เข้าสู่สถานอันบริสุทธิ์
18 พระองค์ได้เสด็จขึ้นสู่ที่สูง
ทรงนำเชลยจำนวนมากขึ้นไปด้วย
พระองค์ทรงรับเครื่องถวายจากมนุษย์
แม้กระทั่งจากคนที่มักกบฎ
เป็นความจริงที่พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่นั่น


พระเจ้าทรงช่วยในการศึกให้ชนะเหนือศัตรู
19 ขอถวายสรรเสริญแด่องค์เจ้านาย
ผู้ทรงแบกภาระของเราทุกวัน
พระเจ้าผู้ทรงเป็นความรอดของเรา เซ ลาห์
20 พระเจ้าของเรา ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอด
การหนีพ้นจากความตายได้นั้น
ก็เป็นได้โดยพระยาห์เวห์ องค์เจ้านาย
21แน่ที่เดียวที่พระเจ้าจะทรงบดขยี้กระโหลกของศัตรูของพระองค์
คือจัดการทุบหัวยุ่งเหยิงของคนที่ดำเนินในความบาป
22 องค์เจ้านายตรัสว่า “เราจะนำพวกเขากลับมาจากบาชาน
เราจะนำพวกเขากลับมาจากที่ลึกในท้องทะเล
23 เพื่อว่าเจ้าจะได้เอาเท้าย่ำลงไปในเลือด
เพื่อลิ้นของสุนัขเลี้ยงของเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งจากศัตรู”

ขบวนแห่หีบพันธสัญญา
24 เราได้เห็นขบวนแห่ของพระองค์
โอ พระเจ้าเป็นขบวนแห่ของพระเจ้าของข้า
เข้าไปในสถานที่บริสุทธิ์ องค์ราชาของข้า
25 กลุ่มนักร้องนำหน้าไป นักดนตรีตามหลังมา
ส่วนหญิงสาวที่เล่นรำมะนาก็อยู่ตรงกลาง
26 จงถวายพระพรแด่พระเจ้าคือพระยาห์เวห์ในที่ประชุมใหญ่
ท่านทั้งหลายผู้สืบเชื้อสายจากอิสราเอล
27 เบนยามินซึ่งเป็นเผ่าเล็กที่สุดได้นำหน้าพวกเขาไป
ยังมีเจ้านายแห่งยูดาห์ตามมาเป็นกลุ่มใหญ่
รวมไปถึงเจ้านายแห่งเศบูลุน และนัฟทาลี

ขอพระเจ้าทรงปรามศัตรู
28 โอ พระเจ้า ขอทรงเรียกฤทธิ์เดชของพระองค์มา
โอพระเจ้า เพราะทรงใช้ฤทธิ์เดชนั้นทำการเพื่อข้าทั้งหลาย
29ขณะที่พระองค์ทรงดำเนินออกจากพระวิหารในเยรูซาเล็ม
เหล่ากษัตริย์ทั้งหลายได้นำเครื่องบรรณาการมาถวายแด่พระองค์
30 ขอพระองค์ทรงติเตือนสัตว์ป่าที่อาศัยในดงอ้อ
ฝูงกระทิงท่ามกลางหมู่ลูกกระทิงของชาติต่าง ๆ
ขอทรงย่ำเหล่าคนที่กระหายใคร่จะได้เครื่องบรรณาการ
ขอทรงทำให้พวกที่ใฝ่หาสงครามต้องกระจัดกระจายไป
31 ผู้สูงศักดิ์จะมาจากอียิปต์
ชาวคูชจะยกมือของพวกเขาแด่พระเจ้า

ชาติต่าง ๆ ในโลกจะสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล
32 โอ อาณาจักรของแผ่นดินโลก
จงร้องเพลงถวายพระเจ้า
จงร้องเพลงสรรเสริญแด่องค์เจ้านาย เซ ลาห์
33 แด่พระองค์ ผู้ทรงท่องไปในฟ้าสวรรค์มาตั้งแต่โบราณกาล
ดูเถิด พระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียงกึกก้องทรงฤทธิ์
34 จงป่าวร้องว่า พระเจ้าทรงอานุภาพ ทรงยิ่งใหญ่สูงสุดเหนืออิสราเอล
ฤทธานุภาพของพระองค์ปรากฏในท้องฟ้า
35 พระเจ้าจากที่ประทับของพระองค์ทรงน่าเกรงขามยิ่งนัก
พระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์คือผู้ที่ประทานฤทธิ์และกำลังแก่คนของพระองค์
ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า

พระคำเชื่อมโยง

1* กันดารวิถี 10:35; อิสยาห์ 51:9-10; สดุดี 44:26

2*มีคาห์ 1:4; สดุดี 37:20; โฮเชยา 13:3; อิสยาห์ 9:18

3* สดุดี 64:10, 100:1-2; วิวรณ์​ 19:7; 18:20

4* สดุดี 68:33, 66:4,18:10; เฉลยธรรมบัญญัติ 33:26; อิสยาห์ 12:4-6

5* สดุดี 10:14; เฉลยธรรมบัญญัติ 10:18; เยเรมีย์ 49:11; สดุดี 82:3-4

6* สดุดี 113:9; 107:10;69:33; อิสยาห์ 61:1

7*อพยพ 13:21; ผู้วินิจฉัย 5:4; 4:14; ฮาบากุก 3:12-13

8* อพยพ 19:16, 18; อิสยาห์ 45:3; ผู้วินิจฉัย 5:4-5

9* เอเสเคียล 34:26; สดุดี 78:24-27; 65:9-13; 77:16-17

10*สดุดี 74:19, 78:20; 1 เปโตร 5:3; มัทธิว 11:5

11*อพยพ 15:20, 17:9-16

12*โยชูวา 5:19,12:7-24; 1 ซามูเอล 30:24

13* สดุดี 105:37; ปฐมกาล 49:14; วิวรณ์ 1:5-6

14* อิสยาห์ 1:18; สดุดี 51:7

15* สดุดี 36:6; 68:16

16*อพยพ 15:17; เฉลยธรรมบัญญัติ 12:5; สดุดี 74:2, 78:54; 87:1

17* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:2; 2 พงศ์กษัตริย์ 6:17; อิสยาห์ 66:15

18* เอเฟซัส 4:8; ผู้วินิจฉัย 5:12; สดุดี 7:7 ; 47:5

19* อพยพ 18:10; สดุดี 55:22, 65:5; อิสยาห์ 17:10, 46:4

20* อิสยาห์ 18:10; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:39; สดุดี 49:15, 56:13

21* สดุดี 110:6; อาโมส 9:1; ฮาบากุก 3:13

22* กันดารวิถี 21:33 ; อาโมส 9:1

23* 1 พงศ์กษัตริย์ 21:19; สดุดี 58:10; เยเรมีย์ 15:3

24* สดุดี 63:2, 77:13; อิสยาห์ 38:20

25* อพยพ 15:20; ผู้วินิจฉัย 11:34; 1 ซามูเอล 18:6; 1 พงศาวดาร 13:8, 15:6

26* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:28; สดุดี 22:22-23, 26:12, 145:10

27* กันดารวิถี 2:22, 34:21; ผู้วินิจฉัย 5:14,18; 1 ซามูเอล 9:21

28* สดุดี 29:11, 44:4; อิสยาห์ 26:12

29* 1 พงศ์กษัตริย์ 10:10,25; 2 พงศาวดาร 9:14, 32:23; สดุดี 45:12

30* โยบ 40:21; สดุดี 18:14; 22:12, 89:10

31*กิจการ 8:27; สดุดี 87:4; อิสยาห์ 18:7,19:19

32* สดุดี 67:4,102:22

33* เฉลยธรรมบัญญัติ 10:14,33:26; 1 พงศ์กษัตริย์ 8:27; สดุดี 18:10, 29:4

34* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:26,29; สดุดี 29:1, 150:1

35* 2 โครินธ์ 1;3;ปฐมกาล 28:17; เฉลยธรรมบัญญัติ 7:21, 10:17

สดุดี 68:1-3 พระเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือศัตรู
ดูเหมือนว่า กษัตริย์ดาวิดได้เขียนบทสดุดีนี้เมื่อท่านมีชัยชนะในการศึก ครั้งใดที่อิสราเอลชนะ บทสดุดีนี้จะเป็นบทนำช่วยให้เขาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ท่านได้ใช้คำเดียวกับในกันดารวิถี 10:35 ที่โมเสสเคยกล่าวไว้ ทั้งสองคือดาวิดและโมเสส ต่างมั่นใจในพระเจ้า และเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยคนของพระองค์
ท่านเปรียบศัตรูกับควัน และขี้ผึ้ง ท่านมองว่า ศัตรูควรจะพินาศไปอย่างรวดเร็ว ง่าย ๆ แบบนั้น เราอาจไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแล้ว มันจะง่าย ดังนั้นเมื่อเราต้องเจอกับอุปสรรคที่เป็นศัตรูเราก็ควรจะมาหาพระคำข้อนี้แน่นอนเมื่อศัตรูพ่ายแพ้ไป เราก็จะยินดีในพระเจ้ามาก ๆ

สดุดี 68:4-6 ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแห่งชัยชนะ
เมื่อดาวิดกล่าวย้ำให้ร้องเพลงสรรเสริญ ท่านก็อธิบายด้วยว่า พระองค์ผู้ทรงพระนามว่า ยาห์เวห์ คือผู้ใด ประทับที่ใด เป็นพระบิดาของใคร ทรงดีต่อคนที่โดดเดี่ยวและผู้ถูกจำจองอย่างไร
เราต้องเข้าใจว่า ชีวิตของทุกคนมีโอกาสอยู่ในสภาพดังกล่าวได้ การโดดเดี่ยวและจำจองมีความหมายได้มากมาย การถูกจำจองด้วยคำมุสา ด้วยหนี้สิน ด้วยปัญหาต่าง ๆ การโดดเดี่ยวเพราะมาเชื่อในพระองค์ ฯลฯ เมื่อเรามองสดุดีนี้ด้วยสายตาของดาวิด แล้วหันมามองด้วยสายตาคนยุคใหม่ ดูแล้วก็ไม่ได้ต่างกันเลย

สดุดี 68:7-10 ระลึกถึงวันที่อยู่ในถิ่นกันดาร
กษัตริย์ดาวิดหวนคิดไปถึงวันที่พระเจ้าทรงช่วยคนอิสราเอลยามที่ทรงนำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ ในที่ ๆ แห้งแล้ง คนจำนวนมากเดินทางไปด้วยกัน พระเจ้าทรงเทฝนให้ชื่นใจ ทำให้ดินแดนที่เขาผ่านไปนั้นมีพืชพันธุ์เกิดขึ้น

สดุดี 68:11-14 พระเจ้าทรงชนะเหนือกษัตริย์ทั้งหลาย
ก่อนที่จะจบศึก พระเจ้าทรงประกาศว่า อิสราเอลจะได้ชัยชนะ ภูเขาซัลโมนนั้น เป็นอีกชื่อของภูเขาอีบาลซึ่งอยู่ตรงกลางของอิสราเอล แถว ๆ เชเคม ไม่ได้เป็นภูเขาสูงนัก ซัลโมน มีความหายว่า ผู้ที่มืด
ในช่วงเวลาที่เขานอนอยู่ในหมู่ฝูงแกะ ดูช่วงที่ไม่ไหวแล้ว เป็นช่วงที่อ่อนแอ แต่พระเจ้าก็ยังทรงต่อสู้เพื่อพวกเขา กษัตริย์ของฝ่ายศัตรูพ่ายแพ้ไปราวกับหิมะ นกพิราบตรงนี้มีความหมายถึงอิสราเอล.

สดุดี 68:15-18 ชัยชนะบนยอดเขาทั้งหลาย
พระเจ้าได้ทรงเลือกภูเขาศิโยนเป็นที่ประทับของพระองค์ ทำให้ภูเขาต่าง ๆ ในบาชานอิจฉา เพราะพระองค์ทรงเลือกที่จะครอบครองในศิโยนเป็นนิตย์. เมื่อดาวิดนำขบวนแห่หีบพันธสัญญาเข้าไปนั้น ดูเหมือนว่า ในโลกฝ่ายวิญญาณ มีภาพรถศึกของพระเจ้าอยู่ในขบวนแห่นั้นด้วย

สดุดี 68:19-23 พระเจ้าทรงช่วยในการศึกให้ชนะเหนือศัตรู
ก่อนหน้านี้กษัตริย์ดาวิดได้กล่าวถึงการที่พระเจ้าทรงช่วยในอดีต ต่อไปนี้ท่านจะกล่าวถึงความช่วยเหลือในปัจจุบัน ท่านกล่าวว่า พระเจ้าทรงแบกภาระของเราทุกวัน นี่คือการช่วยเหลือ การค้ำจุนประจำวันของพระเจ้าที่มีต่อพวกเราด้วย. และเราจะพ้นจากความตายฝ่ายวิญญาณไปได้ก็โดยพระองค์
สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาต่อไป นำศัตรูกลับมาให้อิสราเอลย่ำนั้น เป็นภาพที่สุดโหดจริง ๆ

สดุดี 68:24-27ขบวนแห่หีบพันธสัญญา
แล้วกษัตริย์ดาวิดก็คิดถึงการแห่นำหีบพันธสัญญาเข้าไปยังพระวิหารในเยรูซาเล็ม ทั้งเผ่าเล็ก และเผ่าใหญ่ต่างพากันสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน และต่างก็อยู่ในขบวนที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านี้

สดุดี 68:28-31 ขอพระเจ้าทรงปรามศัตรู
กษัตริย์ดาวิดทูลขอพระเจ้าทรงช่วยท่านด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ และขอทรงปรามศัตรูที่โอหังทั้งหลาย
สัตว์ป่าที่อาศัยในดงอ้อ มีความหมายถึงอียิปต์ และฝูงกระทิงท่ามกลางหมู่ลูกกระทิงของชาติต่าง ๆ ก็คือกษัตริย์ที่แข็งแรงซึ่งอยู่รอบ ๆ ชาติที่อ่อนแอกว่า พระเจ้าจะทรงทำให้ชนชาติที่ใฝ่แต่สงครามกระจัดกระจายไป

สดุดี 68:32-35 ชาติต่าง ๆ ในโลกจะสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล
มาถึงช่วงนี้ กษัตริย์ดาวิดตระหนักแน่ชัดว่า พระเจ้าทรงชนะ ท่านได้เชิญชวนชาติต่าง ๆ ให้มาสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน การที่กล่าวว่า พระเจ้าทรงล่องในฟ้าสวรรค์มาตั้งแต่โบราณกาล มีความหมายรวมไปถึงอนาคตด้วย เพราะในภาษาเดิมใช้คำว่า โอลาม แปลว่า นิรันดร์กาล พระเจ้าทรงเปิดเผยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ในฟ้าสวรรค์มาตั้งแต่มีโลกจนบัดนี้
ทรงเปล่งพระสุรเสียงกึกก้องทรงฤทธิ์.. ในบริบทนี้มีความหมายถึงทั้งฟ้าร้องตามมาด้วยฝน
และประโยคสุดท้ายก็เป็นคำแห่งกำลังใจที่สุด พระองค์ประทานฤทธิ์และกำลังให้กับผู้เชื่อในพระองค์!
อย่าลืมว่า กำลังแท้จริงของเรามาจากพระเจ้า

สดุดี 67 ให้ทั้งโลกสรรเสริญพระเจ้า

ถึงหัวหน้านักร้อง บรรเลงเครื่องสาย บทสดุดี บทเพลง
ขอพระพรพระเจ้า
1 ขอพระเจ้าทรงเมตตาและอวยพรเราทั้งหลาย
ขอพระพักตร์ทอแสงส่องมายังเราทั้งหลาย
2 เพื่อคนทั้งโลกจะได้รู้จักทางของพระองค์
และชาติต่าง ๆ จะรู้ถึงความรอดพ้นบาปที่มาจากพระองค์


สิ่งที่ปรารถนาอย่างยิ่ง
3 โอ พระเจ้าข้า ขอให้ชาติต่าง ๆ สรรเสริญพระองค์
ให้ชนชาติทั่วโลกได้สรรเสริญพระองค์
4 ขอให้ชาติต่าง ๆ ปีติยินดี เปล่งเสียงร้องเพลงด้วยความชื่นบาน เพราะพระองค์ทรงตัดสินชนชาติเหล่านั้นด้วยความเที่ยงธรรมพระองค์ทรงนำชาติทั้งหลายในโลกนี้ เซ ลาห์
5 โอ พระเจ้า ขอให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์
ให้ชนชาติทั่วโลกสรรเสริญพระองค์​

ผลที่ตามมา
6 แล้วแผ่นดินจะเกิดผล และพระเจ้า
พระเจ้าของเราจะทรงอวยพรพวกเรา
7 ขอพระเจ้าทรงอวยพรพวกเราต่อไป
ขอให้คนทั่วสุดปลายแผ่นดินโลกได้ยำเกรงพระองค์

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1*สดุดี 4:6; 2,119:135; โครินธ์​ 4:6;

2* ทิตัส 3:6; สดุดี 98:2-3; ลูกา 3:6

3* สดุดี 74:21; 67:5; 119:175

4* สดุดี 98:9; อิสยาห์ 24:14-16; 42:10-12

5*สดุดี 67:3; มัทธิว 6:9-10

6* เลวีนิติ 26:4; เยเรมีย์ 31:33; 1 โครินธ์ 3:6-9

7*สดุดี 22:27; กิจการ13:26; อิสยาห์ 45:22

สดุดี 67:1-2 ขอพระพรพระเจ้า
เป็นคำทูลขอเพื่อคนทั้งโลกที่รวดเร็ว รวบรัดได้ใจความแบบคนสมัยใหม่อย่างที่ไม่ได้สังเกตมาก่อน เป็นคำขอแบบเดียวกับคำอวยพรที่มาจากกันดารวิถี 6:24-26 ซึ่งเป็นคำที่ปุโรหิตจะอวยพระประชาชนอิสราเอล
ผู้เขียนได้ทูลขอให้พระเจ้าทรงเมตตาและอวยพระพร เป้าหมายของท่านคือ เพื่อคนทั้งโลกจะได้รู้จักความรอดเมื่อพวกเขาเห็นพระพรนี้ เมื่อพระพรที่ได้กลายเป็นพระพรที่ส่งต่อไปเหมือนกับที่พระเจ้าทรงอวยพระพรท่านอับราม
สดุดี 67:3-5 สิ่งที่ปรารถนาอย่างยิ่ง
ผู้เขียนอธิษฐานขอให้ชนทั่วโลกสรรเสริญพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้เลยว่า เขากำลังอธิษฐานในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้วในยุคนี้ เพราะพระเจ้าไม่ได้จำกัดพระองค์ในหมู่คนอิสราเอล แต่พระเจ้าทรงส่งผู้เชื่อออกไปประกาศพระนามทั่วโลก ชนชาติต่าง ๆ ในโลกกำลังสรรเสริญพระเจ้า จากที่อาทิตย์ขึ้นจนถึงอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นไปได้เพราะพระเยซูคริสต์ที่ได้สิ้นพระชนม์เพื่อเราทั้งหลาย
สดุดี 67:6-7 ผลที่ตามมา
ผู้เขียนได้ขอให้พระเจ้าทรงอวยพระพรต่อไป จนคนที่สุดปลายแผ่นดินจะได้สรรเสริญพระองค์ นั่นก็หมายถึงคนที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ ยังอาจเป็นคนที่ไม่ได้แตะพระกิตติคุณของพระเจ้าเลย .. เราทุกคนมีหน้าที่บอกต่อเพื่อให้พระพรไปยังคนทั้งโลก

สดุดี 66 พระราชกิจอันน่าเกรงขาม

The Children of Israel Crossing the Red Sea 
Frédéric Schopin (1804–1880)

ถึงหัวหน้านักร้องบทเพลงสดุดี

ร้องเพลงเทิดพระเกียรติ
1 โอแผ่นดินโลกทั้งสิ้นจงโห่ร้องด้วยความชื่นบานถวายแด่พระเจ้า 2จงร้องเพลงถึงพระสิริตระการแห่งพระนาม
จงกล่าวคำยกย่องสรรเสริญพระองค์ 
3 จงทูลพระเจ้าว่าพระราชกิจของพระองค์น่าครั่นคร้ามยิ่ง
ฤทธิ์เดชของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่

จนศัตรูทั้งหลายต้องสยบต่อพระพักตร์ด้วยความเกรงกลัวตัวสั่น 
4 คนทั้งโลกจะเข้ามานมัสการพระองค์
เขาทั้งหลายร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
ร้องเพลงสดุดียกย่องพระนามของพระองค์”  เซ ลาห์ 

พิจารณาพระราชกิจ
5 มาเถิดพวกเรามาดูราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำ
ราชกิจอันน่าเกรงขามซึ่งพระองค์ทรงทำท่ามกลางมนุษย์ 

6 พระองค์ทรงเปลี่ยนท้องทะเลให้กลายเป็นพื้นดินแห้ง
ให้เหล่าบรรพบุรุษของเราเดินข้ามไป
พวกเราได้ยินดีเพราะพระองค์ ณ ที่นั้น 
7 พระองค์ทรงปกครองด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ตลอดกาล
ทรงเฝ้าดูประชาชาติทั้งหลาย

อย่าให้เหล่าคนที่ต่อต้านพระองค์ยกย่องตนเองเลย เซ ลาห์ 

ยังมีเหตุที่ทำให้ต้องสรรเสริญต่อไป
8 โอชนชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญองค์พระเจ้าของเรา 
ให้เสียงที่เราสรรเสริญพระองค์ได้ยินไปทั่ว 
9 พระองค์ทรงให้เรามีชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางคนที่มีชีวิต
และไม่ทรงปล่อยให้เท้าของเราพลาด
10 โอพระเจ้าพระองค์ทรงทดสอบพวกเราทั้งหลาย
พระองค์ทรงหลอมเราดั่งทรงหลอมเงิน 
11พระองค์ทรงนำเราเข้ามาในข่าย 
ทรงวางภาระหนักอึ้งบนหลังของพวกเรา
12 ทรงให้พลม้าควบม้าเหยียบย่ำหัวของพวกเรา
พวกเราต้องลุยน้ำลุยไฟ
และแล้วพระองค์ทรงนำเราทั้งหลายมายังแผ่นดินอุดมสมบูรณ์


ถวายเครื่องบูชาและปฏิญาณตน
13 ข้าจะมายังพระวิหารพร้อมกับเครื่องเผาบูชา
และทำตามสิ่งที่ได้ปฏิญาณไว้ต่อพระองค์ 
14 ตามที่ข้าได้กล่าวออกมาเป็นคำสัญญา
ยามที่มีความทุกข์ยากลำบาก
15 ข้าจะถวายสัตว์อ้วนพีทั้งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา
พร้อมกับแกะผู้ ข้าจะถวายเครื่องบูชาด้วยวัวผู้และแพะผู้   เซ ลาห์

จะเล่าถึงพระราชกิจ
16 ทุกคนที่ยำเกรงพระเจ้า
จงมา และฟังเถิดว่า พระเจ้าทรงกระทำสิ่งใดเพื่อข้าบ้าง 
17 ปากของข้าจะร้องต่อพระองค์​
และลิ้นของข้าจะกล่าวคำสรรเสริญพระองค์ 
18 หากข้าได้สะสมความชั่วไว้ในใจ
พระยาห์เวห์จะไม่ทรงฟัง 
19 แต่พระเจ้าทรงฟังข้าอย่างแน่นอน
พระองค์ได้ทรงฟังเสียงร้องทูลของข้า 
20 ข้าจะสรรเสริญพระเจ้า
พระองค์ไม่ได้ปฏิเสธคำร้องทูลของข้าเลย
พระองค์ไม่ได้ยับยั้งความรักมั่นคงของพระองค์จากข้า

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 100:1, 98:4,81:1 1 พงศาวดาร 16:23-24; อิสยาห์ 24:16

2* อิสยาห์ 6:3; สดุดี 105:2-3; วิวรณ์ 5:13; วิวรณ์ 4:8-11

3* สดุดี 18:44, 65:5, 81:15; 47:2; เยเรมีย์ 10:10

4*สดุดี 22:27, 117:1; วิวรณ์ 15:4; มาลาคี 1:11; ดาเนียล 7:14

5*สดุดี 126:1-3, 111:2, 106;22, 99:3, 66:16

6* โยชูวา 3:16; 3:14; สดุดี 136:13-14, 78:13

7*สดุดี 11:4; ดาเนียล 5:20-28; สดุดี 140:8; มัทธิว 28:18

8*เยเรมีย์ 33:11; สดุดี 98:4,66:2, 47:1

9* สดุดี 121:3, 112:6, 125:3; โคโลสี 3:3-4; กิจการ 17:28

10* อิสยาห์ 48:10; สุภาษิต 17:3; สดุดี 17:3; 1 เปโตร 1:6-7

11* เพลงคร่ำครวญ 1:13; มัทธิว 6:13; โฮเชยา 7:12; เอเสเคียล 12:13

12* อิสยาห์ 43:1-2; 1 เธสะโลนิกา 3:3-4; อิสยาห์ 51:23; วิวรณ์ 7:14-17; สดุดี 40:2-3

13* ปัญญาจารย์ 5:4; ฮีบรู 13:15; โยนาห์ 2:9; สดุดี 118:19

14* สดุดี 18:6; 2 ซามูเอล 22:7; 1 ซามูเอล 1:11; ผู้วินิจฉัย 11:35-36

15* เยเรมีย์ 41:5; สดุดี 51:19; 1 พงศาวดาร 16:1-3; 2 ซามูเอล 6:13

16* สดุดี 34:11, 71:18; มาลาคี 3:16;

17* สดุดี 34:6, 30:1, 145:1, 116:12

18* ยอห์น 9:31; สุภาษิต 28:9, 15:29, 15:8; อิสยาห์ 1:15

19*สดุดี 116:1-2; ฮีบรู 5:7; เพลงคร่ำครวญ 3:55-56

20* สดุดี 88:12-13, 68:35,22:24 ; 2 ซามูเอล 7:14-15

สดุดี 66:1-4 ร้องเพลงเทิดพระเกียรติ
นี่เป็นบทที่เชิญชวนให้คนของพระเจ้าเข้ามานมัสการพระองค์ หลังจากที่พระองค์ทรงช่วยให้พวกเขาได้พ้นจากการข่มเหงของศัตรูภายนอก
ผู้เขียนได้ชวนให้ทั้งโลกมาร้องเพลงถวายพระเจ้า ถวายแด่พระนามของพระองค์ พระนามของพระเจ้านั้น มีหลายพระนามที่เราเรียก เอลเอลโยน พระเจ้าสูงสุด อะโดนาย พระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้านาย พระยาห์เวห์ พระเจ้าองค์นิรันดร์ แต่ละพระนามบ่งบอกความยิ่งใหญ่ในด้านต่าง ๆ ของพระองค์ ศัตรูของพระองค์จะต้องตัวสั่นต่อพระพักตร์
บทเพลงบทนี้ เราอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับบทเพลงนี้นัก แต่หากว่าเราลองเป็นคนชาวยูเครนซึ่งกำลังถูกรัสเซียโจมตี สดุดีบทนี้ คือคำอธิษฐานที่ออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจเลย

สดุดึ 66:5-7 พิจารณาพระราชกิจ
พระเจ้าทรงทำกิจยิ่งใหญ่มากมายท่ามกลางมนุษย์ ต่อหน้าต่อตาโดยที่เรามองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติรอบข้างของเราบ่งบอกว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เพียงใด สายตาที่มองไม่เห็นก็จะไม่เห็น แต่คนที่มองไปแล้วเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ชีวิตก็จะได้รับการเติมเต็มอย่างที่คนอื่นไม่ได้รับ
ผู้เขียนได้กล่าวถึงวันที่พระเจ้าทรงทำให้ทะเลเป็นดินแห้ง ในช่วงเวลาที่ทรงนำพวกเขาออกจากอียิปต์
เขาเตือนด้วยว่า อย่าให้คนที่ต่อต้านพระองค์ คิดเกินไปกว่าที่ควร อย่ายกย่องตนเองไปกว่าพระเจ้าเพราะอันตรายมาก

สดุดี 66:8-12 ยังมีเหตุให้สรรเสริญต่อไป
ใช่แล้ว ขอให้เสียงที่คนของพระเจ้าสรรเสริญพระองค์นั้นได้ยินไปทั่วทุกแห่ง ทุกบ้าน ทุกที่ทำงาน ทุกเมือง ความทุกข์ยากหลายอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการหลอมเราให้กลายเป็นชีวิตที่บริสุทธิ์สะอาดขึ้น เราจึงไม่ต้องโวยวาย ถามหาความยุติธรรม แต่เรียนรู้จากสิ่งที่พระเจ้าให้เกิดขึ้น แล้วสุดท้ายพายุเหล่านั้นจะสงบ พระเจ้าจะทรงนำมายังที่ ๆ สมบูรณ์

สดุดี 66:13-15 ถวายเครื่องบูชาและปฏิญาณตน
ดูเหมือนว่า ดาวิดเคยสัญญากับพระเจ้าในยามทุกข์ยากว่า เมื่อพระเจ้าทรงช่วยกู้ท่าน ท่านจะถวายเครื่องเผาบูชาเป็นแกะ แพะ วัว ทั้งหมดเป็นตัวผู้ที่อ้วน แข็งแรง ทำไมท่านจึงทำอย่างนั้น? แน่นอนที่ท่านคิดว่า เมื่อพระเจ้าทรงกู้ชีวิตจากศัตรูเช่นนี้ สิ่งที่ถวายแด่พระองค์ต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้

สดุดี 66:16-20 จะเล่าถึงพระราชกิจ
ไม่ใช่แค่ถวายเครื่องบูชา แต่ดาวิดทรงเรียกให้ประชาชนของท่านมาฟังคำพยานว่า พระเจ้าทรงช่วยอย่างไรบ้าง ท่านบอกให้พวกเขารู้ว่า พระเจ้าจะไม่ฟังคนที่สะสมความชั่วไว้ และในเมื่อท่านไม่ได้ทำเช่นนั้น พระเจ้าจึงไม่ทรงปฏิเสธคำร้องทูลของท่าน นี่เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราทุกคน

สดุดี 65 สิ่งดีทุกอย่างมาจากพระเจ้าเบื้องบน

ภาพโดยFrancesco Ungaro pexels.com

ถึงหัวหน้านักร้องเพลงสดุดีของดาวิด

ทบทวนความดีของพระเจ้าต่ออิสราเอล
1 โอพระเจ้าข้า
คำสรรเสริญนั้นเหมาะสมยิ่งสำหรับพระองค์
ในศิโยน พวกเราจะทำตามที่ได้ปฏิญาณไว้ต่อพระองค์ 
2 เพราะพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐาน
มนุษย์ทั้งหลายจึงหันเข้ามาหาพระองค์
3 ยามที่บาปชั่วของเราทั้งหลายท่วมท้น
พระองค์ก็ทรงอภัยให้ 
4 คนที่พระเจ้าทรงเลือก
และทรงทำให้เขามาอยู่ใกล้พระองค์ ก็เป็นสุข
พระองค์ทรงให้เขาอยู่ในที่พำนักของพระองค์ 
เราทั้งหลายจะอิ่มพึงใจกับสิ่งดีๆของพระนิเวศ
และความบริสุทธิ์แห่งพระวิหารของพระองค์ 

พระเจ้าผู้ทรงสร้างธรรมชาติ
5 โอพระเจ้าแห่งความรอดของเราทั้งหลาย
พระองค์ทรงตอบเราทั้งหลายด้วยราชกิจอันน่าเกรงขาม
พระองค์ทรงเป็นความหวังของทุกมุมโลก
และทรงเป็นความหวังของที่สุดปลายของทะเลที่ไกลโพ้น 
6 พระองค์ทรงสร้างเทือกเขาขึ้นมาด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์
และทรงเต็มด้วยอานุภาพ 
7 พระองค์ทรงระงับเสียงคลื่นทะเล
เสียงโครมครามของคลื่นทะเล
และเสียงวุ่นวายของชนชาติทั้งหลาย 
8 คนทั้งหลายที่อาศัยทุกแห่งในโลกนี้
หวาดหวั่นต่อการอัศจรรย์ของพระองค์
พระองค์ทรงทำให้เวลาเช้า และเวลาเย็น
เต็มด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

ขอแสดงความกตัญญูต่อพระคุณ
9 พระองค์ทรงมาเยี่ยมแผ่นดิน ทรงรดน้ำให้
ทรงทำให้ผืนดินอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก
ธารน้ำของพระองค์มีน้ำเต็มตลิ่ง
พระองค์ทรงจัดหาข้าวให้แก่ชาวโลก
ทรงจัดเตรียมโลกไว้อย่างนั้น 
10 พระองค์ทรงรดน้ำให้ชุ่มดินด้วยฝนตามรอยไถ
ทรงทำให้หน้าดินราบเรียบด้วยสายฝน
และทรงอวยพรให้พืชพันธุ์เติบโต
11 พระองค์ทรงให้เป็นปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ จากพระองค์
พระองค์ทรงผ่านไปที่ใด พืชพันธ์ุที่นั่นก็งอกงามเต็มที่ 
12ทุ่งหญ้าเขียวขจีในถิ่นกันดาร
เนินเขายินดีปรีดา 
13 ฝูงแพะแกะอยู่เต็มทุ่งหญ้า
ต้นข้าวเต็มอยู่ในหุบเขา
ทุกสิ่งต่างโห่ร้องด้วยความชื่นบาน 

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 76:11, 62:1, 116:17-18,76:2

2* เยเรมีย์ 29:12-13; อิสยาห์ 65:24; กิจการ 10:31; สดุดี 145:18-19

3* สดุดี 38:4; ฮีบรู 9:14; อิสยาห์ 6:7; สดุดี 79:9

4* สดุดี 106:4-5, 84:4, 23:6; เอเฟซัส 1:4

5* เฉลยธรรมบัญญัติ 10:21; สดุดี 66:3; โรม 2:5

6* สดุดี 93:1; ฮาบากุก 3:6; มีคาห์ 6:2; อิสยาห์ 51:9

7*อิสยาห์ 17:12-13; สดุดี 89:9,107:29,93:3-4; ยอห์น 18:6

8*วิวรณ์ 11:3; กิจการ 5:38-39; ฮาบากุก 3:3-19; สดุดี 148:3, 136:8

9* สดุดี 104:13-15, 68:9-10; 46:4; วิวรณ์​ 22:1

10* สดุดี 147:8; 1 โครินธ์ 3:6-7; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:2

11* โยเอล 2:21-26; สดุดี 5:12, 103:4; ฮักกัย 2:19

12* โยบ 38:26-27; สดุดี 104:10-13; โยเอล 2:22; อิสยาห์ 61:10-11, 59:9-13

13* อิสยาห์ 55:12, 44:23, 35:1-2 กิจการ 14:17; เศคาริยาห์ 9:17

สดุดีบทนี้ บอกเราถึงพระพรที่พระเจ้าทรงเทลงมาให้โลก เป็นสดุดีที่จะร้องในเทศกาลของยิว ผู้คนจะระลึกถึงความดีของพระเจ้าที่ทรงทำให้กับแผ่นดิน เป็นช่วงเวลาที่ร่าเริงที่สุดของคนยิวด้วย
สดุดี 6:1-4 ทบทวนความดีของพระเจ้าต่ออิสราเอล
กษัตริย์ดาวิดได้ประกาศก้องว่า จากศิโยน ประชากรของพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ คำปฏิญาณที่พวกเขาเคยให้ น่าจะเป็นว่า เมื่อพระองค์ทรงอวยพระพรให้พืชพันธ์ุธัญญาหารสมบูรณ์ พวกเขาก็จะสรรเสริญพระองค์
เพราะพระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐาน ผู้คนจึงหันมาหาพระองค์ และไม่ใช่เฉพาะในยุคของดาวิดเท่านั้น แต่เป็นยุคปัจจุบันด้วย ผู้เชื่อรู้ว่า ไม่มีที่ใดจะเป็นคำตอบนอกจากที่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า
กษัตริย์ดาวิดระลึกถึงยามที่อิสราเอลทำบาปต่อพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์ก็ทรงยกโทษให้เสมอ และพวกเขาเป็นคนที่น่าจะเป็นสุขที่สุด เพราะพระเจ้าทรงเลือกให้เขาเป็นประชากรของพระองค์ ไม่เหมือนกับชนชาติใด ๆ
สดุดี 6:5-8 พระเจ้าผู้ทรงสร้างธรรมชาติ
พระเจ้าไม่ทรงเป็นเพียงความหวังแห่งความรอดของทุกคน แต่เริ่มต้นพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างสิ่งสารพัด พระองค์ทรงเป็นผู้ให้เกิดความสงบจากความวุ่นวายที่มนุษย์สร้างขึ้น การอัศจรรย์ของพระเจ้าเกิดขึ้นทุกวัน สิ่งเหนือธรรมชาติเป็นสิ่งที่ธรรมดาสำหรับผู้ที่เชื่อ!
สดุดี 6:9-13 ขอแสดงความกตัญญูต่อพระคุณ
คนที่ไม่เชื่อความดีของพระเจ้า จะไปอ้างว่า ทำไมพระเจ้าไม่ทรงช่วยคนยากจนอดอยากในแอฟริกา ทำไมพระเจ้าปล่อยให้คนทำร้ายกันและกัน แต่พวกเขาไม่ได้มองความดีพื้นฐานของธรรมชาติที่พระเจ้าทรงให้มีแดด มีฝน และทำให้มีอาหารอุดมสมบูรณ์ (ครั้งยังไม่มีโรงงานปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ หรือปล่อยมลพิษลงในพื้นที่)
มนุษย์เราสามารถช่วยเหลือกันได้ในระดับ บุคคล ครอบครัว หมู่บ้าน ประเทศ หรือ ประเทศต่าง ๆ ช่วยเหลือกันได้อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ทำให้เพียงพอต่างหาก และมนุษย์เรายังเอาเปรียบกันอย่างไร้ยางอายอีกด้วย พระคัมภีร์ตอนนี้บอกเราชัดเจนว่า พื้นฐานของความอุดมสมบูรณ์ของโลกมาจากพระเจ้า ดังนั้น เราต้องเข้าใจว่า มนุษย์ซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้ามอบอำนาจให้ครอบครองธรรมชาติ เป็นผู้ต้องรับผิดชอบด้วยกันในการรักษาโลกนี้