สดุดี 72 คำอธิษฐานเพื่อองค์กษัตริย์

บทประพันธ์ของซาโลมอน
การปกครองที่ยุติธรรม
1 โอ พระเจ้า ขอพระองค์ประทานความสามารถ
ให้กับองค์กษัตริย์ในการตัดสินอย่างเที่ยงธรรม
ขอทรงให้พระโอรสมีความสามารถ
ในการตัดสินพระทัยอย่างยุติธรรม
2 เพื่อท่านจะตัดสินประชากรของพระองค์อย่างยุติธรรม
และคนที่ถูกข่มเหงของพระองค์อย่างเท่าเทียมกัน
3ขอให้ภูเขานำข่าวแห่งสันติสุขมาให้ประชาชน
ให้เนินเขาประกาศความยุติธรรม
4 ขอให้ท่านได้ปกป้องคนที่ทุกข์ยากในหมู่ประชาชน
และท่านจะขยี้คนที่ข่มเหงผู้อื่น

การปกครองที่ดีซึ่งอยู่เป็นนิตย์
5ให้ประชาชนได้ยำเกรงท่าน
ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ยังอยู่คู่ฟ้า
ยุคแล้วยุคเล่า
6 ท่านจะเป็นดั่งฝนที่โปรยลงบนทุ่งหญ้าตัดใหม่
เป็นเหมือนฝนที่รดแผ่นดินจนชุ่ม
7 ผู้ที่เที่ยงธรรมในสมัยของท่านจะรุ่งเรือง
สันติสุขจะเต็มล้นตราบเท่าที่ดวงจันทร์ยังส่องแสงประกาย


องค์กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่า
8 ขอให้ท่านได้ปกครองจากริมทะเลหนึ่งไปยังทะเลอีกด้าน
​จากแม่น้ำยูเฟรตีสไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก
9 ขอให้เหล่าชนชาติตามริมทะเลก้มกราบท่าน
และศัตรูของท่านจะเลียผงดิน
10 ขอให้เหล่ากษัตริย์แห่งทารชิช
และกษัตริย์ของเมืองริมทะเลนำเครื่องบรรณาการมาถวาย
กษัตริย์แห่งเชบาและเสบา จะนำของกำนัลมา
11 กษัตริย์ทั้งสิ้นจะหมอบลงกราบท่าน
และชนชาติต่าง ๆ จะรับใช้ท่าน

องค์กษัตริย์ที่รักคนยากจน
12 เพราะท่านจะช่วยกู้คนที่ยากไร้
เมื่อพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ
ท่านจะช่วยคนที่ถูกข่มเหง ผู้ที่ไม่มีใครปกป้อง
13 ท่านจะสงสารคนยากจนและคนขัดสน
ท่านจะช่วยชีวิตคนที่ขัดสนให้รอด
14ท่านจะปกป้องพวกเขาให้พ้นจากอันตรายและความรุนแรง
ท่านเห็นคุณค่าแห่งชีวิตของพวกเขา

ทรงเป็นที่ยกย่องของชาติต่าง ๆ
15 ขอให้ท่านทรงพระชนม์
ให้มีผู้นำทองคำจากเชบามาถวาย
ให้มีผู้อธิษฐานเผื่อท่านตลอดไปและ
ให้มีผู้ที่อวยพรท่านตลอดวันเวลาของท่าน
16 ขอให้มีข้าวอย่างอุดมในแผ่นดิน
รวงข้าวโบกไหวอยู่บนยอดเขา
ขอให้ไม้ผลงอกงามดั่งป่าไม้ในเลบานอน
ขอให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ราวกับทุ่งหญ้าบนแผ่นดิน
17 ขอให้ชื่อเสียงของท่านยืนยง
ขอให้เชื้อสายของท่านดำรงอยู่ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์ยังอยู่บนฟ้า
18 พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์เป็นผู้ที่สมควรได้รับคำสรรเสริญ
พระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำราชกิจอันมหัศจรรย์
19 พระนามอันรุ่งโรจน์ของพระองค์
สมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญตลอดไป
ขอให้พระสิริตระการของพระองค์เต็มทั่วแผ่นดินโลก
ขอให้เป็นจริงตามนั้น ขอให้เป็นจริงตามนั้น
20 จบคำอธิษฐานของดาวิด บุตรชายเจสซีเท่านี้

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* 1 พงศาวดาร 22:12-13; อิสยาห์ 11:2; ฮีบรู 1:8-9

2* อิสยาห์ 32:1, 9:7; วิวรณ์ 19:11;

3* อิสยาห์ 52:7; 2 โครินธ์ 5:19-21; โยเอล 3:18

4* อิสยาห์ 11:4; เอเสเคียล 34:15-16; วิวรณ์ 19:2

5* สดุดี 89:36-37; ดาเนียล 7:14; สดุดี 72:7

6* โฮเชยา 6:3; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:2; 2 ซามูเอล 23:4

7* อิสยาห์ 2:4; เอเฟซัส 2:14-17; ลูกา 2:14

8* เศคาริยาห์ 9:10; อพยพ 23:31; สดุดี 89:25, 80:11

9* อิสยาห์ 49:23; มีคาห์ 7:17; ลูกา 19:27

10*อิสยาห์ 60:6, 49:7; สดุดี 68:29

11* วิวรณ์ 11:15; อิสยาห์ 49:22-23; สดุดี 86:9

12* โยบ 29:12; สดุดี 102:17; วิวรณ์ 3:17-18

13* มัทธิว 5:3; เอเสเคียล 34:16; สดุดี 109:31

14* สดุดี 116:15; วิวรณ์ 19:2; 1 เธสะโลนิกา 2:15-16

15*วิวรณ์ 5:8-14; ยูดา1:25

16* วิวรณ์ 7:9; 1 ​โครินธ์ 3:6-9; กิจการ 4:4

17* อิสยาห์ 7:14; มัทธิว 1:23

18* สดุดี 41:13, 136:4, 106:48

19* กันดารวิถี 14:21; มัทธิว 6:10

20* 2 ซามูเอล 23:1

สดุดี 72: 1-4 การปกครองที่ยุติธรรม
สดุดีบทนี้ เป็นบทประพันธ์ของกษัตริย์ซาโลมอน โดยเข้าใจว่าท่านน่าจะเป็นผู้รวบรวมสดุดีของกษัตริย์ดาวิดไว้ แล้วท่านก็เขียนเป็นบทสรุป เพราะในบทบรรยายนั้น กล่าวถึงพระเมสสิยาห์มากกว่าที่จะกล่าวถึงดาวิด
ในบทนำท่านได้ขอให้พระเจ้าทรงอวยพระพรราชวงศ์แห่งกษัตริย์อิสราเอล เป็นเรื่องเดียวกับใน 1 พงศ์กษัตริย์ 3:5-9 โดยมองว่า กษัตริย์เป็นผู้สร้างความยุติธรรมให้เกิดในหมู่ประชาชน เป็นผู้ปกป้องประชาชนที่ยากจน ข้อสามที่กล่าวถึงภูเขานั้น น่าจะมีความหมายถึงเหล่าผู้ปกครองประชาชนในระดับต่าง ๆ พวกเขาควรจะเป็นผู้นำสันติสุขมาให้ประชาชน
สดุดี 72:5-7 การปกครองที่ดีซึ่งอยู่เป็นนิตย์
และหากคำอธิษฐานได้รับคำตอบ กษัตริย์ปกครองอย่างทรงธรรม ประชาชนก็จะยำเกรงท่านไม่หยุดหย่อน ท่านจะเป็นที่ชื่นใจ ชื่นชมของประชาชน ประชาชนจะมีสันติสุข คนที่รักพระเจ้าจะเจริญรุ่งเรือง
สดุดี 72:8-11 องค์กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่า
กษัตริย์โซโลมอนเริ่มมองเห็นว่า มีท่านผู้หนึ่งที่จะครอบครองไปจนสุดปลายแผ่นดิน เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าท่าน ศัตรูของพระองค์จะต้องถ่อมตนลงจนถึงกับเลียผงดิน กษัตริย์ทั้งหลายจากประเทศต่าง ๆ ทั่วทั้งโลกจะมารับใช้มหาราชาองค์นี้ และจะมีใครเล่าที่ประชาชาติทั่วโลกกำลังนมัสการพระองค์อยู่ นอกเหนือไปจากองค์พระเยซูคริสต์
สดุดี 72:12-14 องค์กษัตริย์ที่รักคนยากจน
ถ้าเราจะดูชีวประวัติขององค์พระเยซูในพระกิตติคุณ เราจะเห็นว่า พระองค์ทรงอยู่ท่ามกลางคนยากไร้ คนป่วยเจ็บ คนที่ถูกผู้ปกครองทอดทิ้งและเอาเปรียบ ตั้งแต่ที่ทรงบังเกิดจนกระทั่งคืนพระชนม์
พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งพวกเขาเลย
สดุดี 72:15-20 ทรงเป็นที่ยกย่องของชาติต่าง ๆ
องค์กษัตริย์เป็นผู้ได้รับเครื่องบรรณาการจากกษัตริย์ทั้งหลาย ทรงได้รับการสรรเสริญยกย่อง และพระองค์ก็ได้อวยพระพรให้กับแผ่นดิน ให้แผ่นดินนั้นอุดมสมบูรณ์สวยงาม พระนามของพระองค์ ชื่อเสียงและเชื้อสายของพระองค์ดำรงตลอดไป กษัตริย์ซาโลมอนได้มองเห็นว่า องค์กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์นี้ จะส่องพระสิริของพระองค์ไปทั่วแผ่นดิน และก็เป็นไปตามนั้น พระนามของพระเยซูทำให้ทุกชีวิตที่รับพระองค์ได้รับการเปลี่ยนแปลง ได้รับพระพร
แล้วกษัตริย์ซาโลมอนก็ได้สรุปจบสดุดีบทต่าง ๆ ของกษัตริย์ดาวิดว่า จบเพียงตอนนี้ ตอนต่อไปจะเป็นสดุดีของท่านอื่น

สดุดี 71 ทูลขอพระเจ้าให้มีชีวิตยืนนาน

Old Man Praying วาดโดย Van Gogh

วางใจพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระศิลา
1 โอ พระยาห์เวห์ ข้าลี้ภัยในพระองค์
ขออย่าทรงให้ข้าต้องอับอายเลย
2 ขอทรงช่วยกู้ และฉุดให้พ้นภัยด้วยความเที่ยงธรรมของพระองค์ ขอทรงเอียงพระกรรณมายังข้าและขอทรงช่วยข้า
3 ขอทรงเป็นศิลาที่ลี้ภัย เป็นที่ ๆ ข้าเข้ามาหาเสมอ
พระองค์ทรงบัญชาให้ช่วยข้า
เพราะพระองค์ทรงเป็นศิลาและป้อมปราการของข้า
4ขอทรงช่วยข้าให้พ้นจากมือของคนชั่ว
จากอุ้งมือของคนไร้ความยุติธรรมและโหดเหี้ยม

พระเจ้าทรงช่วยมาก่อนที่จะเกิด
5เพราะพระองค์ โอ พระยาห์เวห์ องค์เจ้านาย
พระองค์ทรงเป็นความหวังของข้า
เป็นที่ไว้วางใจมาตั้งแต่ยังเด็ก
6 ข้าพึ่งพาพระองค์มาก่อนที่จะเกิด
พระองค์ทรงเป็นผู้ที่นำข้าออกมาจากท้องแม่
ข้าจะสรรเสริญพระองค์เสมอไป

ทรงเป็นที่ลี้ภัยจนชรา
7 คนมากมายเห็นข้าแล้วก็ตกใจมาก
เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยแข็งแกร่งของข้า
8 ปากของข้าเต็มด้วยคำสรรเสริญพระองค์
และกล่าวถึงสง่าราศีตระการของพระองค์ทั้งวัน
9 ขอพระเจ้าอย่าทรงละทิ้งยามที่ข้าชรา
เมื่อกำลังลดลง ขอพระเจ้าอย่าทรงทอดทิ้งข้า

ศัตรูที่ไม่หยุดไล่ล่า
10 เพราะศัตรูกล่าวถึงข้า
เหล่าคนที่จ้องเอาชีวิตของข้าสมคบคิดกัน
11พวกเขากล่าวว่า “พระเจ้าทรงละทิ้งเขาแล้ว ไป
เราไปไล่ล่าเขา จับเขาไว้ เพราะไม่มีใครจะช่วยเขาได้”
12 โอ พระเจ้า ขออย่าทรงอยู่ห่างจากข้า พระเจ้าของข้า
โปรดรีบมาช่วยข้าด้วย
13 ขอให้คนที่กล่าวโทษข้าต้องอับอายและพ่ายแพ้ไป
ขอให้คนที่พยายามทำร้ายข้านั้น เต็มด้วยความอัปยศ

ไม่หยุดสรรเสริญ ไม่หยุดประกาศให้คนรุ่นต่อไป
14 แต่สำหรับข้าแล้ว ข้าจะรอคอยพระองค์
และจะสรรเสริญพระองค์เสมอไป
15 ปากของข้าจะเล่าถึงราชกิจอันเที่ยงธรรมของพระองค์
ทั้งวันข้าจะประกาศความรอดของพระองค์
แม้ว่าราชกิจเหล่านั้นจะอยู่เหนือความเข้าใจของข้า

16 โอ พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย
ข้าจะประกาศราชกิจยิ่งใหญ่ของพระองค์
ข้าจะประกาศถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์เพียงผู้เดียว
17 โอ พระเจ้า พระองค์ทรงสอนข้ามาตั้งแต่เด็ก
และข้าจะประกาศถึงพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์
18 แม้ว่าข้าจะก้าวสู่วัยชรา ผมขาว

โอ พระเจ้าขออย่าทรงทอดทิ้งข้า
จนกว่าข้าจะได้ประกาศถึงฤทธานุภาพของพระองค์
ให้แก่คนรุ่นต่อจากข้า
และเล่าถึงอานุภาพของพระองค์ให้คนที่จะเกิดมาได้ฟัง

สดุดี 71:14-18 ไม่หยุดสรรเสริญ ไม่หยุดประกาศให้คนรุ่นต่อไป
ไม่ใช่ว่าทั้งวันจะสรรเสริญพระเจ้าเท่านั้น แต่ทั้งวันของดาวิดก็ยังประกาศราชกิจ ความเที่ยงธรรม ฤทธานุภาพของพระเจ้า ต่อคนยุคต่อไป ซึ่งดูเหมือนว่านี่จะเป็นความมุ่งมั่น แน่วแน่ในการใช้ชีวิตของกษัตริย์ดาวิด และหากเราคิดอีกมุมว่า เมื่อผู้นำเป็นเช่นนี้ ประเทศก็ย่อมรับพระพรยิ่งใหญ่จากพระเจ้า ดังนั้น คนใดที่เป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำด้านใด ในครอบครัว ในที่ทำงาน ในคริสตจักร ถ้าเขาเป็นคนอย่างดาวิด มุ่งมั่นส่งต่อความรักของพระเจ้าให้คนรุ่นต่อไป พระเจ้าจะทรงรับพระเกียรติเพียงใด

พระองค์ผู้ทรงชุบชีวิตอีกครั้ง
19 โอ พระเจ้า ความเที่ยงธรรมของพระองค์สูงถึงฟ้าสวรรค์
พระองค์ทรงกระทำราชกิจที่ยิ่งใหญ่นัก
โอ พระเจ้า จะมีใครมาเปรียบกับพระองค์ได้ ?
20 แม้พระองค์ทรงทำให้ข้าได้พบความทุกข์ลำบากและขมขื่น พระองค์จะทรงชุบชีวิตข้าขึ้นมาอีกครั้ง จากที่ลึกของแผ่นดิน
21พระองค์จะทรงเพิ่มเกียรติยศให้ และทรงปลอบใจข้า

สรรเสริญทั้งวันทั้งคืน
22 โอ พระเจ้าของข้า ข้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณใหญ่
ข้าจะสรรเสริญความสัตย์จริงของพระองค์  
โอ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
ข้าจะร้องเพลงสรรเสริญพร้อมกับพิณเล็กถวายพระองค์ 
23 ริมฝีปากของข้าจะโห่ร้องด้วยความยินดี
เพราะเป็นความจริงที่ข้าจะร้องเพลงถวายแด่พระองค์
จากจิตวิญญาณที่พระองค์ทรงไถ่แล้ว 
24 ลิ้นของข้าจะเล่าถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์ตลอดทั้งวันและคืน เพราะคนที่ปองร้ายข้านั้น จะได้รับความอับอายขายหน้า

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 7:1, 25:2,3, 31:1

2* สดุดี 17:6, 31:1; 86:1

3* เฉลยธรรมบัญญัติ 33:27, 2 ซามูเอล 22:2; สดุดี 7:6

4* 1 ซามูเอล 30:6; สดุดี 140:1,4

5* 1 ซามูเอล 30:6; สดุดี 9:18, 22:9

6* โยบ 10:18; สดุดี 22:9, 10, 34:1, 37:17

7* 1 โครินธ์ 4:9, สดุดี 61:3, 73:28, 94:22, อิสยาห์ 8:18

8* สดุดี 35:28, 63:5, 71:14, 96:6

9* โยบ 26:2; สดุดี 71:18, 92:14, 119:8

10* มัทธิว 27:1; สดุดี 31:13, 41:8, 56:6

11* สดุดี 3:2, 7:2, 41:8, 55:3

12* สดุดี 10:1,22:11, 35:22, 70:1

13*เยเรมีย์ 20:11; สดุดี 109:29, 71:24; 35:26

14* 1 ยอห์น 3:3; เพลงคร่ำครวญ 3:26; สดุดี 130:7

15* สดุดี 40:5, 35:28, 71:8

16* ฟีลิปปี 4:13; 3:9; เอเฟซัส 6:10

17* สดุดี 119:102, 119:9, 71;5

18* อิสยาห์ 46:4; สดุดี 71:9, 78:4, 145:4-5

19* สดุดี 57:10; 36:5-6, 35:10; เยเรมีย์ 10:7

20* สดุดี 138:7, 60:3, 86:13

21* 2 ซามูเอล 3:1; สดุดี 23:4; 2 โครินธ์ 2:14

22* 2 พงศ์กษัตริย์ 19:22; สดุดี 92:1-3, 89:18, 33:3

23* สดุดี 104:33, 103:4; ลูกา 1:46-47

24* สดุดี 71:13, 35:28, 18:37-43; เอเฟซัส 4:29

สดุดี 71:1-4 วางใจพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระศิลา
แม้ว่า การเป็นพระศิลาของพระเจ้าจะชัดเจนในชีวิตของดาวิด แต่พวกเราเอง มักไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้กันเท่าไรจนกว่าเราจะเจอปัญหาวิกฤติที่ต้องวิ่งเข้ามาหาพระองค์ การที่จะให้พระเจ้าทรงเป็นพระศิลานั้น ต้องเป็นความคิดที่อยู่ในเราทุกวัน และเราจะมั่นคงปลอดภัยแม้ดูว่า กำลังมีเรื่องโถมทับเข้ามาอย่างที่ดาวิดกำลังเจอ. สิ่งที่ต้องทำคือ ลี้ภัยในพระเจ้า อธิษฐานของ ตระหนักว่าพระเจ้าจะทรงฟังเสียงร้องเรียกจากคนของพระองค์แน่นอน

สดุดี 71:5-6 พระเจ้าทรงช่วยมาก่อนที่จะเกิด
กษัตริย์ดาวิดมั่นใจในพระเจ้าตั้งแต่เด็ก ท่านได้รับการเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่วางใจพระเจ้า ย่าทวดของท่านคือ นางรูธ ปู่ทวดคือโบอาส ต้องเป็นครอบครัวที่มีความมั่นคง และดาวิดเองก็รู้อยู่จนมาถึงยามที่ท่านชราว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้นำชีวิตของท่านแม้ก่อนจะเกิดมาในโลกนี้ ถ้าเราคิดอย่างท่าน เข้าใจว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ทรงนำเรามาเกิดในโลกนี้ด้วย เราจะมั่นใจในพระองค์มากกว่าที่เคยอย่างแน่นอน

สดุดี 71:7-9 ทรงเป็นที่ลี้ภัยจนชรา
เกิดความไม่น่าเชื่อในชีวิตของดาวิดมากมาย จนคนเห็นแล้วต้องตกใจ เคล็ดลับคือ พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยอันเข้มแข็งของท่าน
และวัน ๆ ท่านก็ไม่หยุดที่จะสรรเสริญพระเจ้า นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของชีวิตประจำวันของเราเอง. ..
แล้วคำอธิษฐานต่อไปของชีวิตคือ เมื่อพลังถดถอยตามประสามนุษย์ ขอพระเจ้าอย่าทรงละทิ้ง…

สดุดี 71:10-13 ศัตรูที่ไม่หยุดไล่ล่า
คนใกล้ชิดรู้ว่าพระเจ้าทรงนำชีวิตท่านอยู่ แต่ศัตรูไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่กลับคิดว่า พระเจ้าทรงทิ้งไป ยามที่ดาวิดทำผิดต่อพระเจ้า ยามที่ท่านเพลี่ยงพล้ำ ศัตรูไม่รู้ว่า พระหัตถ์ของพระเจ้ายังคงยึดท่านไว้..
ท่านทูลขอพระเจ้าทรงรีบมาช่วยและขอทรงให้ศัตรูต้องอับอาย

สดุดี 71:19-21 พระองค์ผู้ทรงชุบชีวิตอีกครั้ง
ท่านเป็นพยานว่า พระเจ้าทรงช่วยให้ท่านพ้นจากความทุกข์ยากที่มากเท่าความตาย พระเจ้าทรงเป็นความหวังใจ ไม่มีใครเปรียบกับพระองค์ได้เลย การปลอบใจของพระเจ้านั้น เท่ากับทำให้ชีวิตมีเกียรติอย่างสูง

สดุดี 71:22-24 สรรเสริญทั้งวันทั้งคืน
ไม่เฉพาะร้องเพลงสรรเสริญเท่านั้น แต่จะเล่นดนตรีถวายพระเจ้าด้วย จะร้องด้วยเสียงอันดัง เป็นการเล่าถึงพระเจ้าตลอดวันและคืน
การทำเช่นนี้เป็นการทำให้ศัตรูต้องขายหน้า เพราะผู้ที่เขาพยายามไล่ล่ากลับได้มาสรรเสริญพระเจ้าอย่างชื่นบาน

สดุดี 70 ขอพระเจ้าทรงรีบมาช่วย!

เสก็ตช์โดย Gustave Caillebotte (1848-1894)

ถึงหัวหน้านักร้อง สดุดีของดาวิดทูลขอพระกรุณาจากพระเจ้า
ขอทรงรีบ ทรงรีบด้วย
1 โอ พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าให้รอดโอพระยาห์เวห์
ขอทรงเสด็จมาช่วยข้าโดยเร็ว

2ขอให้ทุกคนที่ตามไล่ล่าข้านั้น
ต้องทั้งอับอายขายหน้า
ให้ทุกคนที่ต้องการเห็นข้าพินาศ
ต้องหันกลับไปอย่างอัปยศ
3ขอให้คนที่พูดเย้ยหยันข้า
ต้องถอยออกไปเพราะความอับอาย

4 แต่ขอให้ทุกคนที่แสวงหาพระองค์นั้น
ได้ชื่นชมและยินดีในพระองค์
ขอให้ทุกคนที่รักความรอดของพระองค์
กล่าวอยู่เสมอว่า “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่นัก”

5 ส่วนข้านั้น ทั้งยากจนและขัดสน
โอ พระเจ้า ขอทรงรีบมาช่วยข้าเถิด
พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน
และเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้า
โอ พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงรอช้า

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 40:13, 71:12

2*สดุดี 35:4,26, 40:14; 54:3

3*สดุดี 35:21; 40:15; 70:4

4* สดุดี 35:27; 40:16; 70:3

5* สดุดี 22:19; 40:17; 69:29; 70:4

สดุดี 70:1-5 ขอทรงรีบ ทรงรีบด้วย
ตอนนี้ กษัตริย์ดาวิดทูลเรียกพระเจ้าให้รีบมาช่วยพระองค์ ขอทรงรีบตอบเพราะว่า ท่านกำลังถูกศัตรูตามล่าอยู่ ขอพระเจ้าทรงให้ศัตรูต้องเสียหน้ากลับไป
คนที่แสวงหาพระเจ้า คนที่มีหัวใจกลับไปหาพระองค์เสมอ ย่อมรู้ว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ทรงดี และพร้อมที่จะช่วยเหลือคนที่หวัง พึ่งพิงในพระองค์ คนที่ไม่ได้แสวงหาพระเจ้า ก็จะมองพระเจ้าอีกแบบ ไม่ได้วางใจ และไม่มีโอกาสที่จะได้สิ่งมหัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้กับคนที่หวังพึ่งในพระองค์
ท่านเองซึ่งเป็นนักรบที่เก่งกล้า แต่กลับกล่าวว่า ตนเองยากจนและขัดสน เป็นการถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อเทียบกับพระเจ้า ดาวิดก็คือศูนย์นั่นเอง เรามองตัวเองอย่างไร บางทีเรามองตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า

สดุดี 69 เมื่อต้องเผชิญโลกที่เกลียดชัง

ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองพลับพลึง เพลงสดุดีของดาวิด
สภาพของวิกฤติที่ดาวิดเผชิญ
1 โอ พระเจ้า ขอทรงช่วยกู้ข้าด้วย
เพราะน้ำท่วมถึงคอของข้าแล้ว
2 ข้ากำลังจมลงในเลนลึก ที่ซึ่งหยั่งเท้าไม่ถึง
ข้ามายังน้ำลึก และคลื่นก็ซัดท่วมข้าจนมิด
3 ข้าร้องทูลขอจนอ่อนล้า คอแห้งผาก
ดวงตาข้ารอคอยพระเจ้าจนดวงตาพร่ามัว
4 คนที่เกลียดชังข้าโดยไร้เหตุนั้น
มีจำนวนมากกว่าเส้นผมบนศีรษะ
คนที่ต้องการทำลายข้าอย่างไร้เหตุก็มีจำนวนมากกว่าข้า
พวกเขาพยายามให้ข้าส่งคืนสิ่งที่ข้าไม่ได้ขโมยมา

ดาวิดสารภาพบาป
5โอพระเจ้า พระองค์ทรงรู้ถึงบาปที่โง่เขลาของข้า
ความผิดที่ได้ทำลงไปนั้น มิได้ถูกซ่อนจากพระองค์
6 ขออย่าให้คนที่วางใจในพระองค์ต้องอับอายเพราะข้า
โอ พระยาห์เวห์ องค์จอมทัพ
ขออย่าให้ใครที่แสวงหาพระองค์ต้องเสียเกียรติเพราะข้า
โอ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
7 เพราะข้าต้องเผชิญกับการถูกสบประมาท
เพื่อเห็นแก่พระองค์ ข้าอับอายยิ่งนัก
8 ข้ากลายเป็นคนแปลกหน้าของพี่น้องของข้า
และเป็นคนต่างด้าวของพี่น้องท้องเดียวกัน
9 เพราะความร้อนใจที่มีต่อพระนิเวศนั้นเผาอยู่ในใจของข้า
การที่พวกเขาสบประมาทพระองค์นั้น
เป็นการสบประมาทข้าโดยตรง
10 เมื่อข้าร้องไห้อดอาหาร ข้าต้องทนต่อการเยาะเย้ย
11เวลาที่ข้าสวมเสื้อผ้ากระสอบ
มันกลับกลายเป็นเรื่องขบขันสำหรับพวกเขา
12 เหล่าคนที่นั่งอยู่ที่ประตูเมืองก็เยาะเย้ยข้า
ข้ากลายเป็นเพลงเยาะหยันของคนเมา

ทำผิดก็จริง แต่ขอหันมาหาพระเจ้า
13 แต่สำหรับข้าแล้ว ข้าทูลอ้อนวอนต่อพระองค์
โอ พระยาห์เวห์ ในเวลาที่ทรงโปรด
โอ พระเจ้าข้า ตามความรักมั่นคงที่มีล้นเหลือ
ขอทรงตอบข้าด้วยการช่วยให้รอดจากพระองค์
14ขอทรงฉุดข้าขึ้นจากโคลนตม
ขอทรงให้ข้าได้รับการช่วยกู้
จากคนที่เกลียดชัง จากน้ำลึก
15 ขออย่าทรงปล่อยให้มวลน้ำท่วมข้าพระองค์จนมิด
ขออย่าทรงยอมให้น้ำกลืนข้าไป
ขออย่าให้หลุมลึกกลืนข้าลงไป
16ขอทรงตอบข้า โอ พระยาห์เวห์
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นดีจริง
ขอทรงหันมาหาข้า
ตามพระเมตตาที่ล้นเหลือของพระองค์
17ขอพระองค์อย่าทรงเมินเฉยต่อผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะข้าเป็นทุกข์นัก ขอพระองค์ทรงตอบข้าโดยเร็ว
18ขอทรงเข้ามาใกล้วิญญาณจิตของข้า
และไถ่ข้าด้วย ขอพระองค์ทรงช่วยกู้เพราะศัตรูของข้า

คำทูลขอพระเจ้าจัดการกับศัตรู
19 พระองค์ทรงทราบถึงการที่ข้าถูกดูหมิ่น
ความอับอาย และการถูกเหยียดหยาม
พระองค์ทรงรู้จักปฏิปักษ์ทั้งสิ้นของข้า
20 การถูกดูหมิ่นทำให้ใจสลาย
ข้ามองหาความเห็นใจ แต่ไม่พบ
ข้ามองหาคนปลอบใจ แต่ก็ไม่เห็นใครสักคน
21พวกเขาให้อาหารที่มีพิษแก่ข้า
เมื่อข้ากระหายเขาก็ส่งเหล้าองุ่นเปรี้ยวให้ดื่ม

22ขอให้งานเลี้ยงที่เขาจัดไว้นั้นกลายเป็นกับดัก
ให้มันกลายเป็นกับดักสำหรับเขาและมิตรสหายของเขา
23ขอให้ดวงตาของพวกเขามืดไป เพื่อว่าจะมองไม่เห็น
และทำให้บั้นเอวของพวกเขาสะท้านต่อเนื่องไป
24ขอพระองค์ทรงเทพระพิโรธของพระองค์เหนือเขา
และขอให้พระพิโรธที่ร้อนแรงเผาผลาญพวกเขา
25ขอให้ค่ายพักของพวกเขากลายเป็นร้าง
ไม่มีใครสักคนอาศัยในเต็นท์เหล่านั้น
26เพราะพวกเขาข่มเหงคนที่พระองค์ทรงลงโทษไปแล้ว
และแพร่ข่าวความเจ็บปวดของคนที่พระองค์ทรงเฆี่ยนไปแล้ว
27 เป็นการเพิ่มโทษให้กับพวกเขาอีก
ขออย่าทรงให้พวกเขาได้รับการอภัยจากพระองค์เลย
28 ขอพระองค์ทรงลบชื่อพวกเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต
และอย่าให้เขามีรายชื่อพร้อมไปกับคนเที่ยงธรรม
29 ข้าทั้งเจ็บปวดและเป็นทุกข์
โอ พระเจ้า โปรดช่วยข้าให้รอด ปกป้องข้าไว้ด้วย

ฉลองชัยชนะ
30ข้าจะสรรเสริญพระนามของพระเจ้าด้วยการร้องเพลง
ข้าจะยกย่องพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ
31 และสิ่งนี้จะเป็นที่พอพระทัยพระยาห์เวห์
ยิ่งกว่าการถวายวัวผู้หรือวัวหนุ่มพร้อมเขาและกีบ
32ให้คนที่ถ่อมตนได้เห็น และพวกเขาจะยินดี
คนที่แสวงหาพระเจ้า
ขอให้ใจของท่านได้รับการรื้อฟื้นใหม่เถิด
33องค์พระยาห์เวห์ทรงฟังเสียงของคนที่ขัดสน
พระองค์ไม่ทรงดูหมิ่นคนของพระองค์ที่ถูกจองจำ

เชิญทั้งแผ่นดินและสวรรค์สรรเสริญพระเจ้า
34 โอ สวรรค์และแผ่นดินโลก
ทะเลและทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในทะเล
จงสรรเสริญพระองค์
35 เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยศิโยนให้รอด
และจะทรงสร้างเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ขึ้นมาใหม่
คนของพระองค์จะอาศัย ณ ที่นั้น
และได้เมืองเหล่านั้นเป็นกรรมสิทธิ์
36 ลูกหลานของผู้รับใช้ของพระองค์
จะรับเมืองเหล่านั้นเป็นมรดก
และคนที่ภักดีต่อพระองค์จะได้อาศัยในเมืองนั้น

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* โยบ 22:11; สดุดี 32:6, 42:7, 69:14

2*โยบ 30:19, สดุดี 18:4, 40:2

3*สดุดี 6:6, 38:10, 119:82; เฉลยธรรมบัญญัติ 28:32

4* ยอห์น 15:25; สดุดี 3:1; 35:7,11; เยเรมีย์ 15:10

5* สดุดี 38:5, 44:21

6* 2 ซามูเอล 12:14; สดุดี 59:5

7* สดุดี 4:2, 44:15; อิสยาห์ 49:7, 50:6; เยเรมีย์ 50:6

8* โยบ 19:13; สดุดี 31:11, 38:11

9* ยอห์น 2:17; โรม 15:3; สดุดี 89:41,50; 119:139

10*สดุดี 35:13, 69:11

11*วิวรณ์ 11:3; 1 พงศ์กษัตริย์ 9:7, 20:31; โยบ 16:5

12* ปฐมกาล 19:1; นางรูธ 4:1

13* 2 โครินธ์ 6:2; สดุดี 5:7; 32:6

14* 2 ซามูเอล 22:5; โยบ 30:19; สดุดี 40:2, 69:1

15* กันดารวิถี 16:33; 2 ซามูเอล 22:5; สดุดี 28:1, 69:1

16* สดุดี 25:16, 51:1, 63:3, 106:45

17* มัทธิว 6:8; สดุดี 22:24, 27:9; 31:9

18* 2 ซามูเอล 4:9, สดุดี 26:11,72:4, 119:134

19* สดุดี 4:2, 22:6, 31:11, 44:9

20* โยบ 16:2, สดุดี 142:4; อิสยาห์ 63:5; เยเรมีย์ 15:5

21* มัทธิว 21:34, 27:48; มาระโก 15:23,36; ลูกา 23:36; ยอห์น 19;28

22* โรม 11:9,10; 1 เธสะโลนิกา 5:3

23*โรม 11:10; อิสยาห์ 6;10, 29:10; ดาเนียล 5:6

24* สดุดี 79:6; เยเรมีย์ 10:25; เอเสเคียล 20:8

25* มัทธิว 23:38; ลูกา 13:35

26* 2 พงศาวดาร 28:9; โยบ 19:22; สดุดี 109:22

27*โรม 1:28; เนหะมีย์ 4:5; สดุดี 103:17; 109:14

28*ลูกา 10:20, 24:44; ฟีลิปปี 4:3; ฮีบรู 12:23

29* สดุดี 20:1, 59:1, 70:5

30* สดุดี 28:7, 34:3; 50:14

31* สดุดี 50:9,13,14; 51:16

32* สดุดี 22:26,34:2

33*สดุดี 12:5, 22:24; โยบ 36:5; เยเรมีย์ 20:13

34* สดุดี 96:11; 98:7; 1104:25

35* สดุดี 46:5; 51:18, 147:2

36* สดุดี 5:11; 25:13; 37:29

สดุดี 69:1-4 สภาพของวิกฤติที่ดาวิดเผชิญ
ความรู้สึกจาก 1-4 นี้ เราจะเห็นว่า ดาวิดกำลังรู้สึกว่าท่านกำลังจมน้ำลึก และกำลังจะตาย คำว่า เลนลึกหมายถึงความยากลำบากที่หนีเองไม่พ้น ท่านร้องทูลจนคอแห้งผาก จนแทบหมดกำลัง สิ่งที่ท่านเผชิญคือ ศัตรูมีจำนวนมากกว่าฝ่ายของท่าน สภาพของท่านตอนนี้คือ สู้จนอ่อนล้า ไม่มีกำลังเหลืออยู่
สดุดี 69:5-12 ดาวิดสารภาพบาป
ดาวิดรู้ตัวท่านเองว่า ท่านไม่ใช่คนที่ไร้ความผิด ท่านได้ทำบาปต่อพระเจ้าหลายครั้ง และพระเจ้าทรงทราบทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ท่านนำมาทูลขอคือ ขออย่าให้ใครสักคนที่เป็นคนของพระเจ้าต้องเสียศักดิ์ศรีเพราะบาปที่ท่านทำ
ท่านพบว่าพี่น้องก็เป็นเหมือนคนแปลกหน้า ผู้ปกครองที่ประตูเมืองก็เยาะเย้ย แม้กระทั่งคนเมาก็ยังเยาะท่าน ข้อ 9 เป็นความรู้สึกเดียวกับที่พระเยซูทรงมีอย่างชัดเจน

สดุดี 69:13-18 ทำผิดก็จริง แต่ขอหันมาหาพระเจ้า
แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางการมุ่งร้าย อยู่ในโคลนตม ในปัญหาที่ไม่อาจขึ้นมาได้เอง ดาวิดก็ยังร้องเรียกหาพระเจ้า ยังคงหวังพึ่งในความรักมั่นคงของพระองค์ ไม่ว่าสถานการณ์จะดูเลวร้ายสักเพียงไหน ที่พึ่งเดียวของท่านคือ พระเจ้า ท่านไม่หันเหไปหาความช่วยเหลือของใครนอกจากพระองค์เท่านั้น ไม่หยุดที่จะร่ำร้องคร่ำครวญขอ
สดุดี 69:19-29 คำทูลขอพระเจ้าจัดการกับศัตรู
ในข้อที่ 21 ก็เป็นความรู้สึกเดียวกับที่พระเยซูทรงเผชิญ ในขณะที่พระเยซูทรงขอพระเจ้าทรงอภัยให้ศัตรู แต่ดาวิดกำลังขอพระเจ้าทรงจัดการขั้นเด็ดขาดกับศัตรูของท่าน
สดุดี 69:30-33 ฉลองชัยชนะ
แล้วในความทุกข์ยาก ในยามที่อธิษฐานขอความช่วยเหลือ ดาวิดก็ขอบพระคุณพระเจ้า ทั้ง ๆที่ท่านยังขัดสน ยังรู้สึกถูกจองจำ แต่พระเจ้าของท่านยิ่งใหญ่กว่า ท่านจะขอบพระคุณ จะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เพราะท่านรู้ว่า คำขอของท่านไม่ได้ขอเปล่าแต่พระเจ้าทรงยินแล้ว
สดุดี 69:34-36 เชิญทั้งแผ่นดินและสวรรค์สรรเสริญพระเจ้า
กษัตริย์ดาวิดได้เรียกทั้งสวรรค์และโลก รวมทั้งทุกสิ่งในทะเลให้สรรเสริญพระเจ้า เพราะว่าพระองค์จะทรงช่วยศิโยน พระเจ้าจะทรงสร้างเมืองที่ถูกทำลายไปขึ้นมาใหม่ และให้ลูกหลานผู้รับใช้ของพระองค์รับมรดกเป็นเมืองเหล่านั้น
สดุดีบทนี้ ถูกอ้างถึงในพันธสัญญาใหม่หลายตอน และเกี่ยวข้องกับองค์พระเยซูคริสต์ด้วย