สดุดี 110 การปกครองของพระเมสสิยาห์

Created with GIMP

บทสดุดีของดาวิด
การปกครองของพระเมสสิยาห์
1 องค์พระยาห์เวห์ตรัสกับองค์กษัตริย์ของข้าว่า
“จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้ากลายเป็นแท่นวางเท้าของเจ้า”
2 พระยาห์เวห์ทรงยื่นคทาอันทรงฤทธานุภาพของท่านจากศิโยน
ขอให้ท่านปกครองท่ามกลางศัตรูของท่าน
3 ในวันแห่งอำนาจของท่าน ชนชาติของท่านจะเต็มใจอาสาออกไปสู้
ท่านจะได้รับหยาดน้ำค้างของวัยหนุ่มจากครรภ์แห่งรุ่งอรุณ

พระเยซู : องค์ปุโรหิตนิรันดร์

4 พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแล้ว และพระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย “เจ้าเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค”
5 องค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ประทับเบื้องขวาของท่าน
พระองค์จะทรงขยี้ผู้นำทั้งหลายทั่วโลก ในวันแห่งพระพิโรธ
6 พระองค์จะทรงพิพากษาชนชาติต่าง ๆ
ทำให้ผู้คนล้มตายกองพะเนิน จะทรงขยี้หัวผู้นำทั่วทั้งโลก
7 ท่านจะดื่มน้ำจากลำธารริมทาง
ท่านจะเงยพระพักตร์ขึ้น

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* ฮีบรู 10:12-13, 1:13 ; 1 โครินธ์ 15:25; เอเฟซัส 1:20-22

2* มัทธิว 28:18-20; 1 เปโตร 1:12; 2 โครินธ์ 10:4-5, ฟีลิปปี 2:10-11, สดุดี 2:9

3* ผู้วินิจฉัย 5:2; ฮีบรู13:21; ทิตัส 2:14; 1 เธสะโลนิกา 4:7

4* ฮีบรู 7:17, 7:21, 5:6, 7:28; กันดารวิถี 23:19

5* โรม 2:5; สดุดี 16:8; วิวรณ์ 17:12-14; สดุดี 68:14

6* สดุดี 68:21; มีคาห์ 4:3; อิสยาห์ 2:4; วิวรณ์ 19:11

7* สดุดี 27:6; ผู้วินิจฉัย 7:5-6; 1 เปโตร 1:11; ฮีบรู 2:9-10

สดุดี 110 บทนี้ เป็นบทที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์พระเมสสิยาห์ องค์ผู้ทรงรับการเจิมเพื่อปกครองเป็นนิตย์

พระคัมภีร์ใหม่ ได้อ้างถึงพระคำในบทนี้มากกว่ายี่สิบครั้งทีเดียว และพระเยซูเองตรัสในมัทธิว 22:44 ,มาระโก 12:36 และลูกา 20:42-43 เพื่อพิสูจน์ความเป็นพระเจ้าของพระองค์ด้วย ข้อความที่บอกว่า พระคริสต์ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า การที่ศัตรูจะกลายเป็นแท่นรองพระบาทนั้น ก็ปรากฏหลายแห่งในพระคัมภีร์ด้วยเช่นกัน

ในข้อหนึ่ง ที่กษัตริย์ดาวิดเขียนว่า องค์พระยาห์เวห์ตรัสกับองค์กษัตริย์ของข้าว่า “จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้ากลายเป็นแท่นวางเท้าของเจ้า” ท่านไม่ได้หมายถึงตัวท่านเอง แต่กำลังหมายถึงผู้หนึ่งในวงศ์วานของท่านที่จะมาในอนาคต

ข้อสองนั้น พระยาห์เวห์ทรงยื่นคทาอันทรงฤทธานุภาพของท่านจากศิโยน ขอให้ท่านปกครองท่ามกลางศัตรูของท่าน พระยาห์เวห์ได้ทรงยื่นอำนาจปกครองให้กับพระองค์ และพระองค์จะทรงทำให้ศัตรูสยบต่อพระองค์ อ่าน ฟีลิปปี 2:10-11 ที่สะท้อนพระคำข้อนี้ จะไม่มีใครกล้าต่อต้าน ประท้วง กล่าวร้าย พระองค์อีกต่อไป

ข้อสาม ในวันแห่งอำนาจของท่าน ชนชาติของท่านจะเต็มใจอาสาออกไปสู้ ท่านจะได้รับหยาดน้ำค้างของวัยหนุ่มจากครรภ์แห่งรุ่งอรุณ
กองทัพของพระองค์พร้อมรบ ผู้เชื่อแท้จริงจะรบกับพระองค์ สนับสนุนอาณาจักรของพระองค์สุดใจ พระเมสสิยาห์จะทรงงดงามสง่าในฉลองพระองค์ที่เต็มด้วยพระสิริ ภาพของพระเยซูตรงนี้ คือองค์พระเมสสิยาห์ที่ทรงพลัง หนุ่มแน่น เข้มแข็ง เต็มด้วยความมุ่งมั่น และกำชัยชนะไว้แล้ว

ข้อสี่ พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแล้ว และพระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย “เจ้าเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค” พระเยซูมิได้เป็นปุโรหิตจากสายเลวี ทรงมาจากเชื้อสายเผ่ายูดาห์ ทรงเป็นปุโรหิตนิรันดร์ ปฐมกาล 14 เล่าว่า ท่านได้ออกมาจากเมืองซาเล็มเพื่อต้อนรับอับราฮัมจากการรบ พระองค์ปรากฏให้ผู้เชื่อได้เห็นมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ก่อนที่จะมาบังเกิดเป็นมนุษย์เสียอีก

ข้อ ห้า องค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ประทับเบื้องขวาของท่าน พระองค์จะทรงขยี้ผู้นำทั้งหลายทั่วโลก ในวันแห่งพระพิโรธ
เป็นข้อที่สะท้อนข้อหนึ่งอย่างชัดเจน ตอนนี้กลายเป็นว่า พระบิดาจะประทับเบื้องขวาของพระองค์เพื่อช่วยในการรบให้พระองค์จะมีชัยเหนือทั้งโลก กษัตริย์ดาวิดเองได้มองเห็นล่วงหน้าว่า พระเมสสิยาห์จะกลับมาเพื่อปราบศัตรูทั้งสิ้นของพระองค์​ และท่านบอกเราชัดเจนว่า พระบิดาทรงอยู่ในสงครามครั้งนี้ด้วย

ข้อ หก พระองค์จะทรงพิพากษาชนชาติต่าง ๆทำให้ผู้คนล้มตายกองพะเนิน จะทรงขยี้หัวผู้นำทั่วทั้งโลก
พระองค์จะทรงแยกแกะจากแพะ (มัทธิว 25:31-46)

ข้อเจ็ด ท่านจะดื่มน้ำจากลำธารริมทาง ท่านจะเงยพระพักตร์ขึ้น
พระเมสสิยาห์องค์นี้ ทรงเป็นทั้งนักรบที่ชนะ และเป็นปุโรหิต ทรงเป็นผู้พิพากษาชนชาติต่าง ๆ ด้วย พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือทุกสิ่ง และทรงเป็นพระผู้ช่วยสำหรับทุกคนที่เชื่อ การเงยพระพักตร์ของพระองค์ เป็นภาพของผู้รบชนะเงยพระพักตร์ขึ้นมาด้วยความกล้าหาญ มุ่งมั่น แสดงถึงชัยชนะที่เบ็ดเสร็จ
มนุษย์บาปอย่างเรา จึงต้องกลับมาหาพระองค์ด้วยใจถ่อมลง ขออยู่ในร่มพระคุณด้วยเงื่อนไขของพระองค์

สดุดี 109 ขอพระเจ้าทรงตอบสนองคนชั่วร้าย

ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด

กษัตริย์ดาวิดคร่ำครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
1 ข้าแต่องค์พระเจ้าผู้ที่ข้าสรรเสริญ ขออย่าทรงเฉยอยู่
2 เพราะคนชั่ว และคนที่หลอกลวงกำลังอ้าปากใส่ร้ายข้า
พวกเขาปรักปรำข้าด้วยคำโกหก
3 พวกเขารุมข้าด้วยคำแห่งความเกลียดชัง
โจมตีข้าพระองค์โดยไร้เหตุ
4 เขากล่าวหาข้า ทั้ง ๆ ที่ข้ามีใจเป็นมิตร
ข้ายังอธิษฐานเผื่อพวกเขา
5พวกเขาใช้ความชั่วตอบแทนความดีของข้า
และใช้ความเกลียดชังตอบแทนความรักของข้า

กษัตริย์ดาวิดร้องทูลขอทรงจัดการศัตรู
6 พวกเขากล่าวว่า “ขอตั้งคนชั่วมาปรักปรำเขา
และให้ศัตรูยืนอยู่ขวามือของเขา”
7 เมื่อถูกสอบสวน ขอให้เขาถูกตัดสินว่า
เป็นผู้ผิด และให้คำอธิษฐานของเขาถือว่าเป็นบาป
8ขอให้เขาอายุสั้นลง ให้ผู้อื่นมายึดตำแหน่งผู้นำของเขาไป
9 ขอให้ลูก ๆ ของเขากำพร้าพ่อ และภรรยาของเขาเป็นม่าย
10 ขอให้ลูกหลานของเขาต้องเร่ร่อนไป
ขอทานไป ขอให้พวกเขาถูกไล่ออกจากที่อยู่ซึ่งเป็นที่ร้างปรักหักพัง
11 ขอให้เจ้าหนี้ยึดทุกอย่างที่เขามีอยู่
ขอให้คนต่างถิ่นเข้ามาปล้นผลจากแรงงานของเขา
12 ขออย่าให้ใครเมตตาเขา อย่าให้ใครสงสารลูกกำพร้าของเขา
13 ขอให้ผู้ที่สืบเชื้อสายของเขาพินาศไป
ให้ชื่อของพวกเขาถูกลบออกไปในคนรุ่นต่อมา
14 ขอพระยาห์เวห์ยังทรงจำความชั่วของบรรพบรุษของพวกเขา
และอย่าทรงลบบาปของมารดาของเขา
15 ขอให้บาปเหล่านั้น อยู่ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์เสมอ
เพื่อพระองค์จะทรงลบความทรงจำเรื่องของพวกเขา
ออกจากแผ่นดินโลก
16 เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะกรุณาใครเลย
เอาแต่ข่มเหงคนยากจนและคนขัดสน และคนจึงท้อใจจนตาย
17 เขารักที่จะแช่งผู้อื่น จึงขอให้คำแช่งตกอยู่เหนือเขา
เขาไม่เต็มใจที่จะให้พร ก็ขอให้พรห่างไกลจากเขา
18 เขาสวมการแช่งสาปราวกับสวมเสื้อผ้า
ขอให้มันซึมซับเข้าไปในร่างกายของเขาเหมือนน้ำ
ซึมเข้าไปในกระดูกของเขาเหมือนน้ำมัน
19ขอให้การแช่งนั้นเป็นดั่งเสื้อผ้าคลุมตัวของเขา
รัดแน่นดั่งเข็มขัดที่เขาคาดไว้เสมอ
20 ขอพระยาห์เวห์ทรงตอบแทนลงโทษเหล่าคนที่กล่าวหาข้า
คนที่กล่าวร้ายต่อข้า


ความเจ็บปวดใจของกษัตริย์ดาวิด
21โอ พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายของข้า ขอทรงดีต่อข้า
เพื่อพระนามของพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าให้รอด
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดียิ่งนัก

22 เพราะข้ายากจน ขัดสนยิ่ง
จิตใจของข้าก็เป็นแผลบาดเจ็บภายใน
23ข้าจากไปราวกับเงาในเวลาเย็น
ข้าถูกสลัดทิ้งออกไปดั่งตั๊กแตน
24 เข่าของข้าอ่อนล้าเพราะอดอาหาร
ร่างกายของข้าซูบลงหนังติดกระดูก
25 ข้ากลายเป็นที่เยาะเย้ย เป็นขี้ปากของพวกเขา
เมื่อพวกเขาเห็นข้า ก็ส่ายหน้ากัน

กษัตริย์ดาวิดขอพระเจ้าทรงช่วย
26 โอ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า ขอทรงช่วยข้า
ขอทรงช่วยข้าให้รอดตามความรักมั่นคงของพระองค์

27 ขอให้พวกเขารู้ว่า นี่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์
ให้รู้ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ทำการนี้เอง
28 แม้ว่าพวกเขาสาปแช่ง แต่พระองค์ก็ทรงอวยพร
ขอให้พวกที่เข้ามาโจมตีข้า ต้องอับอายขายหน้าไป
ขอให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ชื่นชมยินดี
29 ขอให้คนที่กล่าวหาข้านั้น รับความอัปยศ
และคลุมตัวด้วยความอับอายขายหน้า

กษัตริย์ดาวิดสรรเสริญพระเจ้า
30 ปากของข้าจะขอบพระคุณพระยาห์เวห์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ข้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางคนมากมาย

31เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือของคนที่ขัดสน
เพื่อช่วยชีวิตเขา ให้พ้นจากผู้ที่กล่าวโทษเขานั้น

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 83:1, 28:1; เฉลยธรรมบัญญัติ 10:21; เยเรมีย์ 17:14

2* สดุดี 52:4; สุภาษิต 6:17; เยเรมีย์ 9:5; กิจการ 6:13

3* สดุดี 69:4,35:7, 88:17; ยอห์น 15:24-25; โฮเชยา 11:12

4* สดุดี 69:12-13, 55:16-17, 38:20; 2 โครินธ์ 12:15

5* สุภาษิต 17:13; สดุดี 55:12-15, 38:20; ยอห์น 13:18

6* เศคาริยาห์ 3:1; มัทธิว 5:25; ยอห์น 13:2

7* สุภาษิต 28:9; 21:27, 15:8; กาลาเทีย 3:10

8* สดุดี 55:23, กิจการ 1:16-26

9* อพยพ 22:24; เยเรมีย์ 18:21

10* สดุดี 37:25; ปฐมกาล 4:12-14; อิสยาห์ 16:2; โยบ 30:3-9

11*โยบ 5:5, 20:18, 18:9-19; ผู้วินิจฉัย 6:3-6

12* ยากอบ 2:13; ลูกา 11:50-51

13* สุภาษิต 10:7; สดุดี 37:28; โยบ 18:19

14* เยเรมีย์ 18:23; เนหะมีย์ 4:5; อพยพ 20:5

15* สดุดี 34:16, 90:8; โยบ 18:17; อาโมส 8:7

16* สดุดี 34:18; ยากอบ 2:13; มาระโก 14:24-36

17* มัทธิว 7:2; สุภาษิต 14:14; 2 เธสะโลนิกา 2:10-11; เอเสเคียล 35:6

18* สดุดี 73:6; กันดารวิถี 5:22; 1 เปโตร 5:5; โคโลสี 3:12

19* สดุดี 109:29; 132:18; 109:18

20* 2 ทิโมธี 4:14; 1 เธสะโลนิกา 2:15-16; 1 โครินธ์ 12:3

21* สดุดี 69:16; 31:3, 79:9-10

22*สดุดี 86:1; 40:17; 2 โครินธ์ 8:9; ยอห์น 12:27

23* อพยพ 10:19; ยากอบ 4:14; ปัญญาจารย์ 8:13, 6:12

24*ฮีบรู 12:12, 2 โครินธ์ 11:27; มัทธิว 4:2

25* สดุดี 22:6-7, 69:19-20 ; โรม 15:3;
มัทธิว 27:39

26* สดุดี 119:86, 69:16, 57:1; ฮีบรู 5:7

27* โยบ 37:7 1 พงศ์กษัตริย์ 18:36-37 ; อพยพ 8:19

28* กันดารวิถี 23:20; ฮีบรู 12:2; ยอห์น 16:22; อิสยาห์ 65:13-16

29* สดุดี 35:26, 132:18; โยบ 8:22; มีคาห์ 7:10

30*สดุดี 111:1; 35:18; ฮีบรู 2:12

31* สดุดี 16:8; 121:5; 73:23; กิจการ 5:30-31

เราไม่ทราบว่าใครโจมตีกษัตริย์ดาวิดในช่วงนี้ แต่จากการอ่านเราพบว่า เป็นการใส่ร้าย พูดคำมุสาใส่ท่าน และท่านเองก็ทูลขอพระเจ้าให้ตอบแทนพวกเขาให้สาสมเสียด้วย
นี่คือตัวจริงของกษัตริย์ดาวิด นักรบที่เก่งกล้า ศัตรูของท่านเหมือนรู้ว่า วิธีที่จะจัดการกับท่านได้คือ การใส่ร้าย และเป็นวิธีเดียวกันกับที่มนุษย์ยุคปัจจุบันลงมือทำ
อ่านพระคำบทนี้ แล้วเราอาจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนว่า นี่หมายความว่าอย่างไร ทำไมคนของพระเจ้าจึงขอให้พระเจ้าทำลายศัตรูอย่างถอนรากถอนโคนอย่างนี้ เอ เราควรทำอย่างที่พระเยซูทรงสอนนี่นา จงรักศัตรู และอวยพรแก่ผู้ที่แช่งดาท่าน

แต่หากเราอ่านไปและพิจารณาดูให้ดี พระคำบทนี้ มีความเกี่ยวข้องกับพระเยซูมาก
ข้อ 25 ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ใน มัทธิว 27:39 ที่ว่า ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างส่ายหน้า พูดสบประมาทพระองค์
ในข้อที่ 8 ให้คนมายึดตำแหน่งของเขาไป เป็นการกล่าวล่วงหน้าถึงยูดาส อิสคาริโอท (กิจการ 1:16-26)
และถ้าเราอ่านพระคำบทนี้ จากข้อ 6-20โดยนึกถึงโลกฝ่ายวิญญาณ ศัตรูของพระคริสต์ ที่พยายามใส่ร้ายพระองค์ ใช้มนุษย์มาพูดจาดูหมิ่นจาบจ้วงพระเจ้า
และถ้าเราเข้าใจว่า เราไม่ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับวิญญาณชั่วในสถานอากาศ อย่างที่พระเยซูทรงพบเจอ เราจะรู้ว่า นี่เป็นความยุติธรรมที่มารควรได้รับ ( 2 เธสะโลนิกา 2:8)

สดุดี 108 แด่พระเจ้าผู้ทรงให้เราชนะศัตรู

ภาพของคุณdimitrisvetsikas1969 จาก pixabay.com

บทเพลงสดุดีของกษัตริย์ดาวิด
1 ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าแน่วแน่
ข้าจะร้องเพลงและเล่นดนตรีอย่างสุดจิตสุดใจ
2 จงตื่นขึ้นเถิดพิณใหญ่ และพิณเขาคู่
ข้าจะปลุกอรุณรุ่ง
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าจะยกย่องพระองค์ท่ามกลางชนชาติต่าง ๆ
ข้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งปวง
4 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ยิ่งใหญ่
สูงเหนือฟ้าสวรรค์ ความซื่อตรงของพระองค์ สูงเทียมเมฆ
5 โอพระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเหนือฟ้าสวรรค์
ขอพระสิริของพระองค์แผ่ออกไปทั้งแผ่นดินโลก
6 ขอทรงให้เราได้รับชัยชนะด้วยพระหัตถ์ขวา
เพื่อให้ผู้ที่พระองค์ทรงรัก จะได้รับการช่วยให้รอด

7 พระเจ้าตรัสจากสถานนมัสการของพระองค์ว่า
“ด้วยชัยชนะ เราจะแบ่งเชเคม และแบ่งหุบเขาเมืองสุคคท
8 กิเลอาดเป็นของเรา มนัสเสห์เป็นของเรา เอฟราอิมเป็นหมวกป้องกันศีรษะของเรา ยูดาเป็นคทาของเรา
9โมอับเป็นอ่างชำระของเรา เราเหวี่ยงรองเท้าของเราลงบนเอโดม เราโห่ร้องด้วยความมีชัยเหนือฟีลิสเตีย
10 ใครจะพาข้าไปยังเมืองป้อม?ใครจะนำข้าไปยังเอโดม?
11 โอ พระเจ้า พระองค์ไม่ทรงยอมรับพวกเรา
และไม่เสด็จออกไปพร้อมกับกองทัพของเราแล้วหรือ?
12 ขอทรงช่วยเราทั้งหลายเพื่อต่อต้านศัตรูเพราะความช่วยเหลือของคนนั้นก็ไร้ค่า
13 โดยพระเจ้า เราจึงได้รับชัยชนะ
พระองค์ทรงเป็นผู้เหยียบศัตรูของเราลง

ข้อพระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 57:7-11, 145:21-146-2, 71;15, 104:33

2* สดุดี 103:22,81:2, 69:30, 57:8

3* สดุดี 22:22,27, 117:1; เศฟันยาห์ 3:14

4* สดุดี 36:5,103:11, 89:2; เอเฟซัส 2:4-7

5* สดุดี 57:5, 148:13; มัทธิว 6:9-10,13; อิสยาห์ 6:3

6* สดุดี 60:5-12; 2 พงศาวดาร 32:20-22; โคโลสี 3:12; เฉลยธรรมบัญญัติ 33:12

7*2 เปโตร 1:3-4; 1 เปโตร. 1:8; 1:3; อาโมส 4:2

8* ปฐมกาล 49:10; สดุดี 122:5; 2 ซามูเอล 5:5

9* ยอห์น 13:14; 13:8; อิสยาห์ 14:29-32; สดุดี 60:8-10

10* โอบาดีย์ 1:3-4; เยเรมีย์ 49:7-16; อิสยาห์ 63:1-6

11*สดุดี 44:9; 2 พงศาวดาร 13:12; 20:15; 1 ซามูเอล 17:36, 29:1-11

12*เยเรมีย์ 17:5-8; เพลงคร่ำครวญ 4:17; อิสยาห์ 2:22, 30:3-5, 31:3

13* สดุดี 118:6-13; อิสยาห์ 63:3; สดุดี 18:42, 60:12

สดุดีบทนี้ เป็นสดุดีชวนให้วางใจพระเจ้าเพราะพระสัญญาของพระองค์ ข้อความนำมาจากสดุดีบทที่ 57:7-11 และ 60:5-12 คำว่า ข้าจะปลุกอรุณรุ่ง มีความหมายเปรียบว่า เมื่อความรอดของพระเจ้าเคลื่อนเข้ามาเหมือนรุ่งอรุณ ข้าก็จะสรรเสริญพระเจ้า
สดุดี108:1-6 กษัตริย์ดาวิดสรรเสริญพระเจ้าอย่างสูง เพราะความรักมั่นคงและความซื่อตรงของพระองค์ยิ่งใหญ่สูงส่งนัก พระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้พระเจ้าทำให้พระองค์เองเป็นที่ยกย่องเหนือฟ้าสวรรค์ และช่วยท่านให้พ้นจากความทุกข์ต่าง ๆ ชัยชนะแท้จริงในชีวิตมาจากพระเจ้าเท่านั้น

สดุดี 108:7-13 ข้อ 7-9 ทำให้เราเห็นการที่พระเจ้าทรงปราบศัตรูให้ราบคาบ กษัตริย์ดาวิดทรงทราบดีว่า
การช่วยเหลือจากคนนั้น ไร้ค่าจริง ๆ แต่หากพระเจ้าทรงทำให้ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้ปราบศัตรูเอง
สูตรสำเร็จของท่านคือ เมื่อพระเจ้าปราบศัตรูแล้ว เป็นการปราบที่แน่นนอน ถาวร ไม่มีใครเปลี่ยนกลับคืนได้

สดุดี 107 พระเจ้าทรงตอบในทุกสถานการณ์

ภาพวาดโดย Joseph Mallord William Turner from 1842

สรรเสริญในความดีของพระเจ้า
1จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ทรงดีนัก
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
2ให้บรรดาคนที่ พระยาห์เวห์ทรงไถ่กล่าวดังนั้น
คือผู้ที่ทรงไถ่จากเงื้อมมือของศัตรู
3ผู้ที่พระองค์ทรงรวบรวมมาจากแผ่นดินต่าง ๆ
จากตะวันออกและตะวันตก จากเหนือและใต้*
ภาษาฮีบรูว่าเหนือและทะเล

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่อยู่ในถิ่นกันดาร
4บางคนก็ระหกระเหินไปในถิ่นกันดารที่แห้งแล้ง
ไม่พบหนทางเข้าเมืองที่พวกเขาจะเข้าไปอาศัย
5 ทั้งหิวโหย และกระหาย ทั้งอ่อนล้าหมดกำลังใจ
6 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหา
องค์พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขา
ให้พ้นจากความยากลำบาก
7 พระองค์ทรงนำพวกเขาไปตามทางที่ตรงไปสู่เมืองที่จะอาศัยได้
8ให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระเมตตาของพระองค์
เพราะการอัศจรรย์ที่ทรงกระทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
9 พระองค์ประทานน้ำดื่มอย่าง
ล้นเหลือแก่คนที่กระหายทรงทำให้คนที่หิวโหยอิ่มด้วยอาหารที่ดี

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่ถูกจำจอง
10 บางคนตกอยู่ในความมืด อยู่ใต้เงาความตาย เป็นนักโทษที่ถูกขังในความทุกข์ยากและติดตรวนอยู่
11 พวกเขาดื้อดึงต่อพระดำรัสและดูหมิ่นคำปรึกษาขององค์ผู้สูงสุด
12 ดังนั้น พระองค์จึงทรงทำให้ใจของพวกเขาต้องถ่อมลงเพราะงานที่หนักแสนสาหัส พวกเขาล้มลง และไม่มีใครเข้ามาช่วย
13 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์. พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบาก
14พระองค์ทรงนำพวกเขาออกมาจากความมืดและเงาความตาย พระองค์ทรงหักโซ่ตรวนของพวกเขา
15 ให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระเมตตาของพระองค์ เพราะการอัศจรรย์ที่ทรงกระทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
16เพราะพระองค์ทรงพังประตูทองเหลือง
และทรงตัดลูกกรงเหล็กออก

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่ป่วยหนัก
17 คนที่โง่ เพราะการดื้อดึงซ้ำ ๆ พวกเขาต้องทนทุกข์ต่อไปเพราะความชั่วร้ายของตนเอง
18 พวกเขารู้สึกขยะแขยงกับอาหารทุกชนิด และก้าวเข้าไปใกล้ประตูแห่งความตาย
19 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์. พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบาก
20 เมื่อพระองค์ตรัสออกมา พวกเขาก็ได้รับการรักษาโรค และทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากความตาย
21ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะพระราชกิจมหัศจรรย์ที่ทรงทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
22 ให้เขาถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณ และเล่าถึงพระราชกิจต่าง ๆ ของพระองค์ ด้วยบทเพลงแห่งความยินดี

พระองค์ทรงช่วยกู้คนที่อยู่ในท้องทะเล
23 บางคนท่องทะเล ทำมาหากินตามท้องน้ำที่กว้างใหญ่
24 พวกเขาได้เห็นพระราชกิจของพระยาห์เวห์ เห็นการอัศจรรย์ของพระองค์ท่ามกลางน้ำลึก
25 เพียงพระองค์ตรัส ก็เกิดลมพายุแรงที่ทำให้คลื่นทะเลก่อตัวสูงขึ้น
26 เขาเหล่านั้นถูกโยนล่องขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่จะดำลงสู่ทะเลลึกจิตใจของเขาก็ฝ่อลง เมื่ออันตรายย่างกรายเข้ามา
27 เขาทั้งหลายถลาถไลไปมาราวกับคนเมาทั้งจนปัญญา ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
28 ในยามยากเข็ญ พวกเขาก็ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์. พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบาก 
29 พระองค์ทรงสยบพายุ และคลื่นก็สงบนิ่ง
30 พวกเขาต่างยินดีเพราะคลื่นสงบ และพระองค์ทรงนำไปยังเมืองท่าที่พวกเขาหมายตาไว้
31 ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะพระราชกิจมหัศจรรย์ที่ทรงทำเพื่อลูกหลานของมนุษย์
32 ให้พวกเขาเชิดชูพระองค์ในที่ประชุมของชาติทั้งหลาย และสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมของผู้อาวุโส

ทรงลงวินัยคนที่ดื้อดึง
33 พระองค์ทรงทำให้แม่น้ำกลายเป็นทะเลทราย แหล่งน้ำกลายเป็นดินที่แตกระแหง
34 ทรงทำให้ผืนดินอุดมกลายเป็นที่ร้างดินเค็ม เพราะความชั่วร้ายของคนในแผ่นดินนั้น

ทรงอวยพระพรคนที่ถ่อมตนลง
35 พระองค์ทรงเปลี่ยนที่กันดารกลายเป็นแอ่งน้ำ และเปลี่ยนแผ่นดินแตกระแหงให้กลายเป็นแหล่งน้ำ
36 พระองค์ทรงนำคนที่หิวโหยไปตั้งถิ่นฐาน และพวกเขาตั้งเมืองที่อยู่อาศัยได้
37 พวกเขาหว่านท้องนา และปลูกสวนองุ่น และเก็บเกี่ยวได้ผลมาก
38 พระองค์ทรงอวยพรพวกเขา และพวกเขาจึงทวีจำนวนลูกหลานขึ้น และไม่ทรงให้ฝูงสัตว์ลดจำนวนลงเลย

ทรงลดจำนวนคนที่เย่อหยิ่ง
39 และผู้คนของพวกเขาก็ลดจำนวนลงเพราะการกดขี่ ความทุกข์ และความเศร้าโศก
40 พระองค์ทรงทำให้ผู้นำทั้งหลายเป็นที่ดูแคลน ทรงให้พวกเขาเร่ร่อนไปในถิ่นกันดาร

บทสรุปที่ควรใคร่ครวญ
41แต่พระองค์ทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากความทุกข์ยากและทรงให้เขามีลูกหลานมากมายอย่างฝูงแพะแกะ
42 ผู้ใดมีปัญญาก็ให้เขาฟังสิ่งเหล่านี้ และใคร่ครวญไตร่ตรองถึงความรักอันมั่นคงของพระยาห์เวห์

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 106:1, 100:5; 1 พงศาวดาร 16:35

2* 1 เปโตร 1:18-19; ลูกา1:74; สดุดี 106:10

3* สดุดี 106:47; วิวรณ์ 5:9; เยเรมีย์ 29:14

4*เฉลยธรรมบัญญัติ 32:10; กันดารวิถี 14:33; วิวรณ์ 12:6

5* มาระโก 8:2-3; เพลงคร่ำครวญ 2:19; เยเรมีย์ 14:18

6* สดุดี 50:15,91:15; เยเรมีย์ 29:12-14; ฮีบรู 4:15-16

7* ฮีบรู 12:22, 11:9-10,16; เยเรมีย์ 33:10-13

8* สดุดี 107:31, 147:1; ดาเนียล 6:27

9* มัทธิว 5:6; เยเรมีย์ 31:25; สดุดี 34:10; ลูกา 1:53

10* ลูกา 1:79; มัทธิว 4:16; อิสยาห์ 42:7; โรม 6:20-21

11* สุภาษิต 1:25; สดุดี 106:43; โรม 1:28

12* สดุดี 22:11; ลูกา 15:14-17; อพยพ 5:18-19; 2:23

13* อิสยาห์ 42:16; สดุดี 116:16; 1 เปโตร 2:9; เศคาริยาห์ 9:11-12

14*อิสยาห์ 42:16; สดุดี 116:6; 1 เปโตร 2:9; เศคาริยาห์ 9:11-12

15* สดุดี 107:31,21,8

16* อิสยาห์ 45:1-2; มีคาห์ 2:13; ผู้วินิจฉัย 16:3

17* เพลงคร่ำครวญ 3:39; สุภาษิต 1:22; เยเรมีย์ 2:19; อิสยาห์ 65:6-7

18* สดุดี 88:3; 9:13; โยบ 33:19-22; อิสยาห์ 38:10

19* เยเรมีย์ 33:3; สดุดี 116:4-8, 107:13

20* มัทธิว 8:8; สดุดี 147:15,103:3-4

21* ลูกา 17:18; สดุดี 107:31,15;66:5

22* สดุดี 118:17, 50:14,9:11, 116:17

23* วิวรณ์ 18:17

24*สดุดี 104:24-27, 95:5

25* โยนาห์ 1:4; สดุดี 148:8, 93:3

26* สดุดี 22:14,119:28, นาฮูม 2:10

27* โยบ 12:25; อิสยาห์ 29:9, 19:14

28* สดุดี 107:6,13,19; กิจการ 27:23-25

29* สดุดี 65:7; มัทธิว 8:26; ลูกา 8:23-25

30* ยอห์น 6:21

31* สดุดี 107: 8, 15,21, 103:2

32* สดุดี 22:22,25,99:5; อิสยาห์ 25:1

33* อิสยาห์ 50:2, 42:15; เศฟันยาห์ 2:13

34* ปฐมกาล 14:3, 13:10; เอเสเคียล 47:11

35* สดุดี 114:8; อิสยาห์ 41:17-19; 35:6-7

36* สดุดี 107:7; ลูกา 1:53; กิจการ 17:26

37* 1 โครินธ์ 3:7; เยเรมีย์ 29:5; 2 โครินธ์ 9:10

38*อพยพ 1:7; ปฐมกาล 17:20, 12:2, สดุดี 144:13-14

39* 2 พงศ์กษัตริย์ 10:32; อพยพ 2:23-24; เยเรมีย์ 51:33-34

40* โยบ 12:24; 12:21; ดาเนียล 4:33; อิสยาห์ 23:8-9

41* โยบ 21:11; 1 ซามูเอล 2:8; อิสยาห์ 49:20-22

42* สดุดี 63:11; โยบ 22:19; โรม 3:19

สดุดีบทที่ 107 ได้ชวนให้เราคิดถึงความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ทรงมีต่อคนที่ร้องหาพระองค์ในบทนี้ พระเจ้าทรงช่วยใครบ้างหรือ? ใช่แล้ว เราก็เคยอยู่ในสภาพที่คล้ายคลึงกัน และเราทูลขอได้เหมือนอย่างพวกเขาเลย ไม่ได้ต่างอะไร

1 คนที่เร่ร่อน หิวโหยอยู่ในถิ่นกันดาร
2 คนที่ ถูกจำจอง
3 คนที่ป่วยหนัก
4 คนที่ทำงานในท้องทะเล

แม้ว่าพวกเขาเคยดื้อดึง กบฎต่อพระองค์ ในบทนี้ ได้เล่าถึงผู้คนในสถานการณ์ต่างๆ ที่เราเองก็ต้องเผชิญเช่นกัน เป็นข้อเขียนที่ช่วยให้เราได้มองเห็นตัวเอง และรู้ว่าในยามยากเข็ญ ต้องทบทวนตัวเอง ต้องร้องเรียกหาพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงซื่อตรงที่จะช่วยเหลือคนของพระองค์อย่างแน่นอน