มัทธิว 11 เหนื่อยนัก มาพักในเรา

พระเยซูกับยอห์นผู้ให้บัพติศมา
1 หลังจากที่พระเยซูตรัสสิ่งเหล่านี้กับศิษย์ทั้งสิบสองแล้ว พระองค์เสด็จจากที่นั่น และทรงเข้าไปตามเมืองต่าง ๆ ในกาลิลีเพื่อสอนและเทศนา
 2 ยอห์นผู้ให้บัพติศมาถูกจำจองในคุก แต่เขาได้ยินว่า พระคริสต์ทรงทำราชกิจใดบ้าง ดังนั้นเขาจึงส่งศิษย์ของเขามาหาพระเยซู  3 พวกเขาถามพระองค์ว่า “พระองค์ทรงเป็นผู้ที่คาดว่าจะมานั้นหรือไม่พระเจ้าข้า หรือเราควรรอคอยผู้อื่น?”
4  พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “จงกลับไปรายงานท่านยอห์นถึงสิ่งที่เจ้าได้ยินและได้เห็น
5 คนตาบอดเห็นได้ คนง่อยเดินได้ และคนโรคเรื้อนรับการรักษาให้สะอาด คนหูหนวกกลับได้ยิน คนตายฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา และข่าวประเสริฐก็ได้ประกาศให้กับคนยากจน (นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงสิทธิอำนาจของพระเยซู)
(อิสยาห์  29:18-19; 35:5-6; 61:1-2)
 6 คนที่ไม่สะดุดจากความเชื่อเพราะเราก็เป็นสุข”
7 ขณะที่ศิษย์ของยอห์นกำลังจากไป พระเยซูทรงพูดถึง
ยอห์นว่า “พวกเจ้าออกไปดูอะไรในถิ่นกันดารหรือ? 
ดูต้นอ้อลู่ลมหรือ?
 8 เจ้าออกไปดูอะไรกันเล่า? ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อราคาแพงอย่างนั้นหรือ? ไม่สิ คนที่สวมเสื้อราคาแพงก็อยู่ในราชวัง
 9 ถ้าอย่างนั้นเจ้าออกไปทำไม? เพื่อไปดูผู้เผยพระดำรัสอย่างนั้นใช่ไหม? ใช่แล้ว เราขอบอกเจ้าว่า ท่านยอห์นเป็นยิ่งกว่าผู้เผยพระดำรัส
10 มีข้อเขียนถึงท่านว่า ‘ดูสิ เราจะส่งผู้สื่อสารของเรามาก่อนหน้าท่าน เขาจะเตรียมทางไว้ล่วงหน้า’ (มาลาคี 3:1; 4:5-6)


11 เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า ท่านยอห์นผู้ให้บัพติศมานั้นยิ่งใหญ่กว่าใคร ๆ ที่เกิดมาจากสตรี  แต่คนที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ก็ยังยิ่งใหญ่กว่าท่าน  
12 ตั้งแต่สมัยท่านยอห์นผู้ให้บัพติศมาจนถึงวันนี้ แผ่นดินสวรรค์กำลังดำเนินไปอย่างเข้มแข็ง (หรือถูกโจมตีอย่างรุนแรง) และมีคนที่ใช้ความรุนแรงพยายามที่เข้ายึดแผ่นดินนั้น 11:12 หรืออาณาจักรสวรรค์กำลังรุดหน้าไปอย่างแข็งขัน และผู้ที่แข็งขันก็ฉวยไว้ได้
13 เพราะหนังสือของผู้เผยพระดำรัส และบัญญัติของโมเสสได้กล่าวถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจนกระทั่งท่านยอห์นเข้ามา
14 และหากเจ้าจะเชื่อสิ่งที่พวกเขากล่าว เจ้าก็จะเชื่อว่าท่านยอห์นนี่แหละคือเอลียาห์ที่พวกเขากล่าวว่าจะมา
 15 คนใดมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด

คำเปรียบเรื่องความเห็นของคน
16 “เราจะเปรียบเทียบคนในเวลาช่วงนี้กับสิ่งใดดี? พวกเขาเป็นเหมือนอะไรหรือ? พวกเขาเป็นเหมือนเด็ก ๆ ที่นั่งในตลาด และร้องบอกกันและกันว่า
 17 เราเล่นดนตรีให้ แต่พวกเธอก็ไม่เต้นรำ  เราร้องเพลงเศร้า พวกเธอก็ไม่โศกเศร้า
18 เพราะท่านยอห์นมา และไม่กินดื่มเหมือนคนอื่น ๆ  ผู้คนก็ว่าท่านมีผีสิง
19  พอบุตรมนุษย์มา ทั้งกินและดื่ม พวกเขาก็ว่า ‘ดูสิ เป็นคนตะกละด้วย เป็นคนขี้เมาด้วย และยังคบหากับคนเก็บภาษีและคนบาป  แต่การทำเช่นนี้ พระปัญญาก็พิสูจน์ว่านี่เป็นทางที่ถูกต้อง’ 

พระเยซูทรงเตือนคนที่ไม่กลับใจ
20  แล้วพระเยซูทรงเริ่มกล่าวโทษเมืองต่าง ๆที่ทรงทำการอัศจรรย์ส่วนใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมกลับใจ  ไม่หยุดทำบาป
 21 พระองค์ตรัสว่า “วิบัติแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติแก่เจ้าเมืองเบธไซดา  หากการอัศจรรย์ทั้งหลายที่เราได้ทำต่อเจ้าเกิดขึ้นในเมืองไทระ และเมืองไซดอน พวกเขาคงจะกลับใจนานแล้ว พวกเขาคงจะนุ่งห่มผ้ากระสอบ และนั่งปาขี้เถ้าใส่ตัวเองเพื่อบอกว่า พวกเขากลับใจ
 22 แต่เราขอบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา  โทษของเมืองไทระ และไซดอนจะเบากว่าโทษของเจ้า
23 และเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าจะถูกยกขึ้นถึงฟ้าสวรรค์หรือ ไม่เลย .. เจ้าจะต้องลงไปในแดนคนตาย หากการอัศจรรย์ที่เราทำในเมืองของเจ้า ได้ทำที่เมืองโสโดม เมืองนั้นคงได้อยู่จนถึงวันนี้ 


24 เราขอบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษาโทษของเมืองโสโดมจะเบากว่าโทษของเจ้า 

ระเยซูประทาน
การบรรเทาจากความเหนื่อยล้า

25 ในเวลานั้น พระเยซูตรัสว่า “โอ พระบิดาผู้ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และโลก ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงซ่อนสิ่งเหล่านี้จากคนที่ฉลาด มีปัญญา  แต่พระองค์ทรงเปิดเผยให้กับเหล่าเด็กเล็ก 

26 ใช่แล้ว พระบิดาเจ้าข้า
เพราะพระองค์ทรงพอพระทัยเช่นนั้น!

27  พระบิดาของเราทรงมอบสิ่งทั้งปวงนี้ให้แก่เรา ไม่มีใครรู้จักพระบุตรนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร   และ คนที่พระบุตรทรงเลือกที่จะเปิดเผยให้รู้ถึงพระองค์   

28 “คนใดที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา  และเราจะให้เจ้าได้พักสงบ
29 จงรับแอกของเราไว้ (คำสอนของเรา) และเรียนจากเรา เพราะว่าเราอ่อนสุภาพ และใจถ่อม  และเจ้าจะได้รับการพักผ่อนสำหรับชีวิตของเจ้า  (เยเรมีย์ 6:6)
30 เพราะแอกของเรานั้นพอเหมาะ และภาระของเราก็เบา 

อธิบายเพิ่มเติม

พระเยซูกับยอห์นผู้ให้บัพติศมา
11:1-3 ขณะที่พระเยซูทรงไปตามเมืองต่าง ๆ ในกาลิลีเพื่อสอน และเทศนานั้น เหล่าศิษย์ก็เดินทางไปในกาลิลีเช่นกัน   แสดงว่า ตอนนี้อาณาจักรของพระเจ้าถูกประกาศออกไปอย่างเข้มข้น  ผู้คนได้ยินคำที่เชิญให้กลับใจใหม่ และเวลานั้นเอง ยอห์นซึ่งถูกเฮโรดจำจองไว้ (น่าจะอยู่ในเยรูซาเล็ม)   ก็ได้ข่าวเรื่องพระเยซูจากหลาย ๆ คน  ยอห์นจึงส่งศิษย์มาถามพระเยซูตรง ๆ  ว่าทรงเป็นพระเมสสิยาห์ใช่หรือไม่ หรือจะต้องรออีก ทั้ง ๆ ที่ยอห์นเองได้ประกาศว่า พระเมสสิยาห์จะเป็นผู้ที่นำไฟมาเผาผลาญ แต่เมื่อได้ยินข่าวว่าทรงแค่สอน เทศนา รักษาโรค  เขาก็เกิดลังเล

11:4-6  พระเยซูทรงเข้าใจเขาดี และสั่งให้ศิษย์รายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงกับที่มีพระดำรัสผ่านอิสยาห์   (อิสยาห์  29:18-19; 35:5-6; 61:1-2)  และคำตรัสที่ว่า “คนที่ไม่สะดุดจากความเชื่อเพราะเราก็เป็นสุข”  พระองค์ทรงอวยพระพรยอห์นที่ยังคงยืนหยัดในความเชื่อแม้กำลังถูกคุมขัง กำลังทนทุกข์

11:7-8  คำว่า “ต้นอ้อลู่ลม” หมายถึงคนที่มีความคิดเห็นความเชื่อ โอนเอนไปตามความคิดของสังคม หรือตามคำชักชวนของคนอื่น (ดูตัวอย่าง 1 พงศ์กษัตริย์ 13:11-24) และยอห์นไม่ได้หลงตามความคิดหรือพูดในสิ่งที่เฮโรดอยากจะฟัง เขาพูดพระดำรัสของพระเจ้าแก่เฮโรด ซึ่งทำให้เขาต้องถูกจำจอง

11:9  พระเยซูทรงให้เกียรติยอห์นเป็นอย่างยิ่ง  พระเยซูตรัสเพิ่มเติมว่า ท่านเป็นผู้สื่อสารจากพระเจ้ามาเตรียมทางล่วงหน้า  มาเตรียมใจให้ผู้คนได้รับพระเยซูคริสต์ ( อิสยาห์ 40:3 )

11:10 อย่าลืมว่า พระเจ้าไม่ได้ตรัสผ่านผู้เผยพระดำรัสอย่างยอห์นนี้มานานถึง 400 ปี ผู้คนจึงตื่นเต้นที่จะได้ยินคนที่เป็นเหมือนเอลียาห์  พระเยซูตรัสชัดเจนว่า ยอห์นเป็นคนที่มาลาคีกล่าวถึง

11:11 และที่ยอห์นยิ่งใหญ่กว่าใคร ๆ ในโลกเป็นเพราะเขาเป็นผู้เตรียมทางให้พระบุตรของพระเจ้าที่เสด็จมา เขาเป็นคนที่ผู้เผยพระดำรัสกล่าวถึง เป็นผู้เผยพระดำรัสคนเดียวที่ได้รับเกียรตินี้ ยอห์นเป็นคนที่ชี้ให้คนอื่นได้เห็นว่า พระเยซูคือใคร.. (ยอห์น 1:19; 26-27; 3:25-30)
เป็นคนเดียวที่เข้าใจว่า พระเยซูองค์นี้ เป็นพระเมสสิยาห์แท้

David Guzig จาก EnduringWordให้ความเห็นว่า ยอห์นเป็นคนในยุคพันธสัญญาเดิม เขาสิ้นชีวิตก่อนการสิ้นพระชนม์ และการคืนพระชนม์ของพระเยซู (พันธสัญญาใหม่) เขาจึงไม่ได้รับผลประโยชน์ดี ๆ จาก พันธสัญญาใหม่ (พระเยซูตรัสถึงโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ใน 1 โครินธ์ 11:25 และพันธสัญญาใหม่นั้น ไม่มีข้อบกพร่องเหมือนพันธสัญญาเดิม อ่านฮีบรู 8:6-13) ส่วน Spurgeon ได้สรุปให้ว่า แม้ยอห์นเป็นคนที่ใหญ่สุดใต้พันธสัญญาเดิม แต่ก็กลายเป็นคนที่เล็กน้อยที่สุดใต้พันธสัญญาใหม่
นั่นคือ คนที่เล็กน้อยที่สุดใต้ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ยังมีฐานะเหนือคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภายใต้กฎบัญัติ!


สงครามที่ยึดเยื้อ
11:12  ข้อนี้มีความหมายได้ว่า  ผู้ที่จะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ได้ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก นั่นคือ แผ่นดินของพระเจ้ากำลังก้าวหน้าอย่างเข้มแข็ง แต่ยังมีอุปสรรคอีกมากมายขวางอยู่     การที่มีคนต่อต้านพระเยซูมากนั้น บอกให้รู้ว่า อย่างไร แผ่นดินสวรรค์ก็ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงอยู่แล้ว (ซึ่งก็เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัยมาจนปัจจุบัน) เราจึงพบคนที่ถูกต่อต้านจากครอบครัว สังคมที่เขาอยู่ หรือจากมารโดยตรงเมื่อเขาเข้ามาหาพระเจ้า  
ในยุคของพระเยซูนั้น การต่อต้าน ความรุนแรงที่เห็นชัดคือ ยอห์นถูกจำจองและถูกฆ่า พระเยซูถูกจับและประหาร

11:13-15 แผ่นดินสวรรค์มีศัตรูอยู่มาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อแผ่นดินสวรรค์จะเข้ามาตั้งในโลกนี้ โดยมีพระบุตรของพระเจ้าเป็นผู้ครอง ศัตรูก็โกรธจัด ไม่ยอม  ถ้าเรามองดูในประวัติศาสตร์อิสราเอล ก็จะเห็นว่า มีการต่อสู้ระหว่างสองแผ่นดินแห่งความสว่างและความมืดมาโดยตลอด    มีการพยากรณ์ถึงท่านยอห์นมาก่อนเช่น อิสยาห์  40:3  มาลาคี  3:1​​  ส่วน มาลาคี 4:5-6  พระเจ้าจะทรงส่งคนอย่างเอลียาห์มาก่อนวันของพระเจ้า พระเยซูทรงย้ำว่า ยอห์นเป็นคนที่ผู้เผยพระดำรัสทั้งหลายได้กล่าวถึงในชื่อของเอลียาห์ 

11:15.  เป็นข้อความที่บอกให้รู้ว่า สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นสำคัญมาก

คำเปรียบเรื่องความเห็นของคน
11:16-17  คนในยุคนี้ คือ เหล่าคนยิวที่พระเยซูทรงประกาศแผ่นดินของพระเจ้าให้ฟังแต่ไม่ยอมรับพระองค์   พระองค์ทรงใช้ปฏิกริยาของเด็ก ๆ ที่เล่นดนตรีสนุกสนาน หรือร้องเพลงเศร้า แต่ก็ไม่มีใครตอบสนองต่อสิ่งนั้น  เมื่อพระเยซูตรัสสิ่งใดก็น่าจะมีปฏิกริยาตอบโต้มาในทางที่ดีบ้าง แต่พวกเขาไม่ยอมรับพระเยซูเลย  แถมยังจับผิดทุกเรื่อง  พวกเขาคิดว่าผู้ที่เป็นพระเมสสิยาห์ต้องอยู่ในกรอบที่เขาวางไว้  แผ่นดินสวรรค์ของพวกเขาแตกต่างจากที่พระองค์ทรงสอน
 
11:18-19 ยอห์นถูกกล่าวหาว่า เป็นคนผีสิงเพราะทำตัวแปลกไปจากคนอื่น  แต่พระเยซูกลับถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขี้เมา คบคนบาป ตะกละ  … ทั้งยอห์นและพระเยซูไม่ได้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแบบที่พวกเขาต้องการ  แต่พระปัญญา(คือพระเจ้าเอง)ทรงพอพระทัยกับชีวิตของทั้งยอห์นและพระเยซู

พระเยซูทรงเตือนคนที่ไม่กลับใจ
11:20   พระเยซูทรงไปที่เมืองหลายแห่ง และทรงทำการอัศจรรย์ รักษาโรคให้ประชาชน มีบางเมืองนั้นกลับใจ เมืองในสะมาเรียที่พระเยซูทรงนั่งริมบ่อน้ำก็กลับใจทั้งที่พระองค์ไม่ได้ทำการอัศจรรย์เลย  แต่คนในเมืองโคราซิน เบธไซดา ไม่ได้กลับใจทั้งที่เห็นการอัศจรรย์หลายอย่าง  พวกเขาไม่ได้ต่อสู้พระองค์ เพียงแต่ไม่เชื่อ ไม่ยอมกลับใจจากบาป นี่ก็เป็นเหตุให้พระเยซูทรงพิโรธ 

11:21-22  พระเยซูทรงใช้คำว่าวิบัติ แก่พวกเขา ความหมายคือทั้งทรงกล่าวโทษ ทั้งทรงสมเพชพวกเขา  คำว่าวิบัตินี้ ใช้ในพระคัมภีร์เดิมหลายต่อหลายครั้ง   เมืองทั้งสองอยู่ทางเหนือของอิสราเอล  ส่วนไทระและไซดอนอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางเหนือเช่นเดียวกัน 
พระเจ้าทรงทราบว่า หากมีการประกาศในเมืองไทระและไซดอนนี้ พวกเขาก็จะกลับใจเหมือนกับตอนที่นีนะเวห์กลับใจเพราะการประกาศของโยนาห์  การที่พวกเขาซึ่งเป็นยิว ได้รับการเยี่ยมเยียนจากพระเจ้า แต่ไม่เกิดการกลับใจนี้เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นที่สุด  ที่น่าสังเกตคือ เราจะเห็นจากคำตรัสของพระเยซูตอนนี้ชัดว่า  ในการพิพากษานั้น มีระดับของการลงโทษด้วย!

11:25-26 สิ่งที่น่าแปลก ที่แตกต่างจากความคิดของคนทั้งโลกคือ พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองกับเด็กเล็ก ในที่นี้คือคนที่ถ่อมตน คนที่ยอมสยบต่อพระองค์  พระดำริของพระเจ้า พระกิตติคุณถูกปิดบังไว้จากคนที่เก่งด้วยเอง ฉลาดในสายตาของตนเอง   คนที่คิดว่าตัวเองดี เป็นคนใจบุญ เมตตา  มีทรัพย์มาก  เป็นคนไม่ต้องการความช่วยเหลือ  คนที่มีศีลธรรมของตนเอง มันเป็นความเย่อหยิ่งที่ซ่อนไว้ใต้ความรู้สักว่าตัวเองเป็นคนดี คนเหล่านี้มีความดีของตัวเองเป็นม่านบังตา   ไม่ให้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
คนที่รู้ตัวว่าเดินทางผิด  รู้ตัวว่าต้องมีผู้ช่วยเหลือ คน ๆ นั้นจะได้พบพระเจ้าง่ายกว่าคนที่เข้าใจว่าตัวเองเป็นคนดี
ในพระคัมภีร์บอกชัดเจนว่า ความเย่อหยิ่งยโส มาก่อนการล้มลง  คนที่จะมาหาพระเจ้าได้นั้น ต้องถ่อมใจลงก่อน  ยอมกับพระองค์ แล้วจะได้รับสิ่งประเสริฐ ที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้มากมาย 

11:27 พระเจ้าทรงมอบสิ่งทั้งปวงให้พระเยซูแล้ว  พระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งจักรวาล
ถึงตรงนี้ อย่างพวกเราจะทราบไหมว่า พระเจ้าประทานอะไรให้พระเยซูบ้าง… เรื่องนี้เกินความเข้าใจ  อาจรู้บ้างอย่างที่พระเยซูตรัสในมัทธิว 28 ว่า ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในโลกและสวรรค์ทรงมอบให้พระองค์แล้ว   พระองค์ยังทรงเป็นพระผู้เลี้ยง ทรงเป็นน้ำและอาหารแห่งชีวิต  ทรงเป็นทางเดียวที่จะไปหาพระบิดาได้ ทรงเป็นความจริง ทรงเป็นองค์อิมมานูเอล พระเจ้าที่สถิตกับเรา พระองค์ยังทรงเป็นอะไรอีกหลายอย่างมากมาย เราต้องค้นดู แล้วจะรู้ว่า … ทรงเป็นทุกสิ่งของชีวิตเราจริง ๆ 

11:28-30  แล้วคนที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะเปิดเผยให้รู้จักพระองค์ คือคนที่เหน็ดเหนื่อย แบกภาระหนัก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดก็ตาม  เราต่างมีภาระหนักในชีวิตที่แตกต่างกัน พระเจ้าไม่ได้ทรงบอกให้เราไปสู้ วิ่งไปแถวหน้า แต่ทรงชวนให้มาหาและพักสงบในพระองค์ก่อน   จะมีใครเห็นใจคนที่เหน็ดเหนื่อย แบกภาระหนักอย่างไรพระองค์?
พระองค์ไม่ได้เชิญคนที่รู้สึก มีคุณค่าในตัวเอง แต่ทรงเชิญคนที่มีความรู้สึกตรงกันข้าม
โลกเราไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการพัก มีแต่การพุ่งไปข้างหน้า รีบด่วน อยู่ตลอดเวลา แต่แล้วพระเยซูกลับชวนให้คนได้เข้ามาพัก รับแอกของพระองค์ เรียนจากพระองค์ นี่หมายความว่าอย่างไร  นี่คือการหันเข้ามาหาพระองค์เหมือนอย่างเด็ก ๆ เข้ามาเรียนรู้จากพระองค์  พัก รับแอกจากพระองค์ เป็นการรับแอกที่มีพระองค์ช่วยแบก ไม่ต้องแบกคนเดียว 
แล้วเราก็มาพบว่า พระเยซูทรงบอกว่าทรงอ่อนโยนและถ่อมสุภาพในพระทัยของพระองค์  ผู้คนที่เข้ามาหาพระองค์ จึงไม่ได้เจอเจ้านายที่โหดร้าย ให้เราทำสิ่งที่เกินตัวแต่มาหาพระองค์ผู้ทรงปลอบใจ
ทรงย้ำเตือนว่า แอกที่พระองค์ทรงเสนอให้แบกนั้นเป็นแอกที่ง่าย และเบา (ทั้ง ๆ ที่การติดตามพระองค์อาจจะยากกว่าที่คิด) แต่เราคิดดูว่า แอกที่ศาสนาทั้งหลายโถมทับมาให้มนุษย์นั้นยากกว่ามากมาย ตัวอย่าง.. การหลุดพ้นจากบาปนั้น ก็ไม่แน่นอนด้วยว่า ทำไปแล้วจะได้ผลอย่างที่คิดหรือเปล่า  ต้องทำสารพัดอย่างเพื่อให้เป็นคนดี  ต้องทำตามพิธีกรรมต่าง ๆ  ต้องเชื่อฟังผู้นำที่เราไม่รู้เลยว่า จริง ๆ แล้วเขาเป็นตัวปลอมหรือตัวจริง

คนใดที่อยู่ในพระคริสต์ พระองค์ทรงสร้างเขาขึ้นใหม่ (2 โครินธ์  5:17-18) เขาจะได้รับรักมั่นคงใหม่ทุกเวลาเช้า (เพลงคร่ำครวญ  3:22-23)  สิ่งที่เราทำได้คือ เข้ามาใกล้พระองค์มากขึ้นทุกวัน  ทุกคนที่เข้ามาใกล้พระองค์จะไม่ถูกสลัดออกไป (ยอห์น  6:37)


พระคำเชื่อมโยง

มัทธิว 11
1* ลูกา 23:5
2* ลูกา 7:18-35; มัทธิว 4:12; 14:3
3* ยอห์น 6:14
5* อิสยาห์ 29:18
7* ลูกา 7:24; เอเฟซัส 4:14
9* ลูกา 1:76; 20:6
10* มาลาคี 3:1

12* ลูกา 16:16
13* มาลาคี 4:4-6
14* ลูกา 1:17
15* ลูกา 8:8
16* ลูกา 7:31
19* มัทธิว 9:10; ลูกา 7:35
20* ลูกา 10:13-15, 18
21* ยอห์น 3:6-8

22* มัทธิว 10:15; 11:24
23* อิสยาห์ 14:13
24* มัทธิว 10:15
25* ลูกา 10:21-22; สดุดี 8:2 ; มัทธิว 16:17
27* มัทธิว 28:18; ยอห์น 10:15
28* ยอห์น 6:35-37
29* ฟีลิปปี 2:5; เศคาริยาห์ 9:9; เยเรมีย์ 6:16
30* 1 ยอห์น 5:3

นาฮูม 3 วิบัติแก่นครโลหิต!

ขุนนางทั้งหลายเป็นเหมือนฝูงตั๊กแตน

ภาพการถูกโจมตี
1 วิบัติแก่นครแห่งโลหิต
เต็มด้วยการหลอกลวง เต็มด้วยการปล้นสะดม 
มันไม่เคยขาดผู้คนที่เป็นเหยื่อเลย
2  เสียงแส้หวดลงไป และเสียงล้อรถศึกขยี้ถนน
เสียงม้าควบกุบกับพร้อมรถม้าศึกที่ทยานออกไป
3  พลม้าบุกทะลวงเข้าไป
ดาบส่องประกายวับวาบ หอกสะท้อนแสง
ผู้คนล้มตายเป็นเบือ  ศพกองเป็นพะเนิน
ศพนอนตายไม่จบสิ้น
พวกเขาเดินสะดุดร่างไร้ชีวิตของพี่น้องร่วมชาติ 
4  เป็นเพราะการยั่วยวนของเหล่าหญิงโสเภณีที่ไม่หยุด 
ผู้หญิงที่มีเสน่ห์ด้วยคาถาแห่งความตาย
นางทรยศชาติต่าง ๆ ด้วยความเร่าร้อน
นางทรยศผู้คนด้วยมนต์แม่มด 
5  พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศว่า
“เราต่อต้านพวกเจ้า (2:13)
เราจะถลกกระโปรงของเจ้าไปคลุมหน้าของเจ้า
และทำให้ชาติต่าง ๆ ได้เห็นความเปลือยเปล่าของเจ้า 
ให้อาณาจักรต่าง ๆ ได้เห็นความอัปยศอดสูของเจ้า
6  เราจะสาดสิ่งโสโครกใส่เจ้า
และจัดการกับเจ้าด้วยความรังเกียจ
เราจะประจานเจ้า
7  แล้วคนทั้งหลายที่เห็นเจ้าจะหนีห่างไปจากเจ้า กล่าวว่า
“นีนะเวห์พังพินาศไปแล้ว ใครจะมาสงสารเล่า?
เราจะไปหาใครมาปลอบโยนเจ้าเล่า?

ภาพการถูกโจมตี
3:1 นาฮูมได้ทำให้เรารู้ว่า อัสซีเรียมีชื่อเสียงในโลกโบราณว่าเป็นชาติแห่งการหลอกลวง เที่ยวปล้นไปทั่ว พวกเขาพร้อมที่จะเอาประโยชน์จากชนชาติอื่นด้วยความรุนแรง
3:2 อัสซีเรียเป็นชาติที่เข้าไปบุกประเทศต่าง ๆ เชี่ยวชาญการใช้ม้าศึก
3:3 นี่เป็นภาพเหตุการณ์ของการที่กองทัพอัสซีเรียบุกเข้าไปโจมตีประเทศนั้นประเทศนี้ พวกเขาฆ่าคนตายอย่างไม่มีความปรานี
มีการค้นพบแผ่นจารึกนับพันแผ่น ในหุบเขาเมโสโปเตเมียแสดงให้เห็นถึงความเชื่อทางไสยศาสตร์อันน่าสะพรึงกลัว เวทมนตร์คาถาหลายร้อยบทถูกเปิดเผยออกมาให้คนในปัจจุบันได้เห็นด้วย
3:4 การยั่วยวนของโสเภณี ไม่ได้หมายความแค่กิจกรรมทางเพศ แต่รวมไปถึงความเชื่อในเทพต่าง ๆ ที่มีพิธีกรรมอุบาทว์ น่าเกลียดน่าชัง
3:5 พระเจ้าตรัสอีกว่า พระองค์ทรงต่อต้านอัสซีเรีย น่ากลัวไหมหากพระเจ้าตรัสกับประเทศใด หรือผู้นำของประเทศใดเช่นนี้?
พระองค์จะทรงเปิดโปงความชั่วร้าย ความน่าเกลียดน่าชังของพวกเขาให้ทั้งโลกได้เห็น ที่ว่าเก่งนั้น เบื้องหลังคืออะไร
3:6 อัสซีเรียจะถูกประจาน กลายเป็นที่น่ารังเกียจของชนชาติต่าง ๆ ภาพนี้คือ พวกเขาถูกสาดด้วยอุจาระและต้องยืนต่อหน้าคนทั่วไป
3:7 ไม่มีใครเสียดายกับหายนะของอัสซีเรีย และนครนีนะเวห์ ต่างสมน้ำหน้า ปกติแล้วในงานศพของผู้คนก็สามารถจ้างคนมาร้องไห้โหยหวนแสดงความอาลัยได้ แต่หายนะของนีนะเวห์นั้น ไม่อาจจ้างใครมาปลอบใจได้เลย ไม่มีใครรับจ้างคร่ำครวญเผื่อเมืองนั้น!


เปรียบเทียบให้เห็น
8  เจ้าดีกว่า เธเบสซึ่งตั้งริมฝั่งแม่น้ำไนล์
ซึ่งมีน้ำล้อมรอบอย่างนั้นหรือ?
เธเบสมีน้ำทะเลเป็นปราการและมีแม่น้ำเป็นกำแพง
 9 คูชและอียิปต์เป็นกำลังที่ไม่มีวันหมดสำหรับเธอ 
พูตและลิเบียก็เป็นพันธมิตรของเธอด้วย 
10  ถึงอย่างนั้น เธอกลับต้องถูกเนรเทศ
และจะไปเป็นเชลย
ลูก ๆ ถูกฟาดแหลกเป็นชิ้น ๆ ที่หัวถนนทุกสาย
เขาจับฉลากตัดสินเลือกคนที่มีเกียรติ
และคนสูงศักดิ์ต่างถูกล่ามโซ่

เปรียบเทียบให้เห็น
3:8 นาฮูมเปรียบเทียบการล่มสลายของนีนะเวห์กับเมืองเธเบส เมืองนี้ยิ่งใหญ่ และมีศักยภาพสูงมาก เมืองนี้มีสภาพทางภูมิศาสตร์คล้ายนีนะเวห์ 663 ปีก่อนคริสตศักราช เมืองเธเบสในอียิปต์ล่มลงด้วยการบุกของจักรพรรดิซาร์กอนแห่งอัสซีเรีย
3:9-10 นาฮูมบอกให้รู้ว่า แม้จะมีพันธมิตร แต่พวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ และสิ่งที่อัสซีเรียทำกับเธเบสก็โหดเหี้ยม รุนแรง ไร้มนุษยธรรมอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น นีนะเวห์ก็จะไม่สามารถหลบเลี่ยงเหตุกาณณ์อย่างเดียวกันได้


แผ่นดินที่เปิดให้ศัตรู
11 เจ้าเองจะเมามาย เจ้าจะหลบซ่อนตัว
และหาที่ลี้ภัยจากศัตรูของตนเอง 
12 ป้อมปราการทั้งหมดของเจ้า
เป็นเหมือนต้นมะเดื่อ ที่มีผลสุกรุ่นแรก
ถ้าหากไปเขย่า ผลนั้นจะร่วงเข้าปากของผู้ที่มากิน!
13  ดูสิ กองทัพของเจ้าเป็นเหมือนผู้หญิง
แล้วประตูเมืองในแผ่นดินของเจ้าก็เปิดกว้างให้ศัตรู
ไฟจะเผาผลาญลูกกรงประตูเมืองของเจ้า
14 จงเตรียมเก็บน้ำไว้เพราะเมืองจะถูกล้อม
จงเสริมกำแพงป้องกันเมืองให้แข็งแรง 
เตรียมดินเหนียว ย่ำปูนผสมทราย น้ำ
เตรียมแบบหล่อสำหรับทำอิฐ  
15 ไฟจะเผาผลาญเจ้าที่นั่น
ดาบจะฟาดฟันเจ้า
มันจะขย้ำกินเจ้าเหมือนอย่างตั๊กแตน 
จงทวีจำนวนคนให้มากเหมือนอย่างตั๊กแตน 
ทวีจำนวนคนให้มาเป็นฝูงตั๊กแตน

แผ่นดินที่เปิดให้ศัตรู
3:11 ขณะที่ศัตรูบุก ชาวนีนะเวห์กำลังเมาไม่รู้เรื่อง เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น แทนที่จะหนี กลับพยายามหลบซ่อนตัว แม้กระทั่งขอร้องศัตรูว่าช่วยเป็นที่กำบังให้ฉัน! เป็นภาพที่น่าสมเพชมากสำหรับเมืองและกองทัพที่เก่งกล้า
3:12-13 ป้อมปราการที่แข็งแรงในสายตาของใครต่อใคร (ซึ่งเป็นป้อมที่หนามาก ๆ ) แข็งแกร่งเพียงใด นาฮูมก็บอกว่า กลับกลายเป็นเหมือนต้นมะเดื่อที่ถูกทำลายได้ง่าย ๆ ประตูเมืองไม่ได้ปิดไว้ สิ่งที่ใช้ในสงครามเพื่อการทำลายในโลกโบราณคือไฟ และไม่ได้ต่างอะไรกับสงครามในปัจจุบันเลย
3:14-15 นาฮูมพูดเหมือนเยาะเย้ยให้รีบเสริมกำแพงเมืองให้แข็งแรงทั้งที่ ไม่มีเวลาเหลือแล้ว ศัตรูใช้เวลาสองปีในการยึดเมืองทั้งหมด นักโบราณคดีได้ค้นพบว่า เมืองนีนะเวห์ถูกเผาเพราะมีซากของเถ้าถ่านให้เห็นอย่างชัดเจน

ส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองนีนะเวห์
ภาพจากวิกิมีเดีย



ไว้ใจใครไม่ได้เลย
16 เจ้าได้เพิ่มจำนวนพ่อค้าให้มากกว่าดาวบนท้องฟ้า
แต่พวกเขากัดกินแผ่นดินจนโล่งเตียนราวกับตั๊กแตน
จากนั้น ก็บินจากไป
17 เหล่าขุนนางทั้งหลายเป็นเหมือนฝูงตั๊กแตน 
อาลักษณ์ของเจ้าเป็นเหมือนฝูงตั๊กแตนที่เกาะบนกำแพง
ในวันหนาวเย็น ​ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น มันก็บินหนีไป
ไม่มีใครรู้ว่า พวกมันอยู่ที่ไหน
18 โอ กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย
เหล่าคนเลี้ยงแกะของเจ้านอนหลับใหลอยู่
ขุนนางของเจ้าก็ง่วงอยู่ 
ประชากรของเจ้ากระจัดกระจายไปตามภูเขา
โดยไม่มีใครช่วยรวบรวมพวกเขาให้อยู่ด้วยกัน
19 ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยรักษาบาดแผลของเจ้า 
บาดแผลนั้นสาหัสนัก
คนที่ได้ยินเรื่องราวของเจ้า
จะตบมือดีใจกับการล้มลงของเจ้า
มีใครบ้าง
ที่ไม่ได้พบเจอกับความโหดร้ายอันไม่จบสิ้นของเจ้า?


ไว้ใจใครไม่ได้เลย
3:16 แม้ว่าการเงิน การค้าจะคล่องตัว แต่ก็ไม่ให้ประโยชน์ใด ๆ กับนครเลย เพราะพวกเขาต่างเอาประโยชน์เข้าตัวแล้วก็หนีจากไปเมื่อได้อย่างที่ต้องการ
3:17 ข้าราชการทั้งหลายของอัสซีเรียก็เช่นกัน พวกเขามาแค่เกาะกินสิ่งที่ต้องการ จากนั้น เมื่อได้ประโยชน์จนไม่มีอะไรเหลือแล้ว พวกเขาก็ไม่อยู่รับใช้อีกต่อไป กษัตริย์จะเป็นคนสุดท้ายที่รู้ว่า ใคร ๆ ก็หนีไปหมดแล้ว อย่างไรก็จะพบหายนะแน่นอน
3:18 หากคนเลี้ยงแกะหลับ แกะก็จะมีอันตรายไม่มีใครปกป้องได้ ดังนั้น จะเห็นว่า ขุนนางไม่ได้ทำงาน เอาแต่มีความสุขไปวัน ๆ
3:19 ไม่มีประเทศไหนจะมาเห็นใจอัสซีเรีย ทุกประเทศจะดีใจ ร่าเริงกับหายนะของนีนะเวห์ ภาพที่นาฮูมเล่านั้น ชัดเจนมาก พวกเขาจะตบมือให้เมื่อนีนะเวห์ล่ม เพราะทุกคนต่างผ่านความโหดเหี้ยมของพวกเขามาทั้งสิ้น

พระคำเชื่อมโยง

นาฮูม 3
1* ฮาบากุก 2:12
4* อิสยาห์ 47:9-12
5*นาฮูม 2:13; อิสยาห์ 42:2-3
6* นาฮูม 1:14; ฮีบรู 10:33
7* วิวรณ์ 18:10; โยนาห์ 3:3; 4:11 ;
เยเรมีย์ 15:5


8*อาโมส 6:2; เยเรมีย์ 46:25
9* เอเสเคียล 27:10
10* โฮเชยา 13:16;
เพลงคร่ำครวญ 2:19;โยเอล 3:3
11* นาฮูม 1:10
12* วิวรณ์ 6:12-13
13* อิสยาห์ 19:16; เยเรมีย์ 51:30

14* นาฮูม 1:10
15* โยเอล 1:4
16* วิวรณ์ 18:3; 11-19
17* วิวรณ์ 9:7
18* สดุดี 76:5-6; เยเรมีย์ 50:18; 1 พงศ์กษัตริย์ 22:17
19* มีคาห์ 1:9; เพลงคร่ำครวญ 2:15

นาฮูม 2 เราต่อต้านเจ้า!

รถศึกควบอย่างบ้าคลั่งไปตามถนน !

หายนะของนีนะเวห์
1 มีผู้หนึ่งที่จะทำให้เจ้ากระจัดกระจายไป
กำลังบุกเข้ามา
จงเสริมกำลังคนป้องกันป้อมปราการ
เฝ้าถนนให้ดี
เตรียมตัวพร้อมสู้ 
รวมพลังทั้งหมดที่มี
2 เพราะพระยาห์เวห์
จะ ทรงฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของยาโคบ 
ให้เหมือนกับความยิ่งใหญ่ของอิสราเอล

แม้ผู้ที่มาปล้นได้ปล้นพวกเขา
และทำลายเถาองุ่นของพวกเขา
3 โล่ของนักรบเขาเป็นสีแดง
และนักรบผู้กล้าก็สวมชุดแดงเข้ม
รถศึกนั้น ส่องประกายดั่งเปลวไฟ 
ในวันที่พวกเขาเตรียมพร้อมทำศึก
และนักรบกวัดแกว่งหอกไม้สน 
4 รถศึกควบอย่างบ้าคลั่งไปตามถนน 
มันวิ่งไปผ่านลานเมือง
มองดูเหมือนคบเพลิงลุกโชติช่วง
มันวิ่งไปมาดั่งสายฟ้าแลบ
5 เขาสั่งการเหล่าทหาร
พวกเขาสะดุดล้มขณะที่กำลังบุกไป
พวกเขาวิ่งไปยังกำแพงเมือง
เพื่อตั้งโล่ป้องกันในที่ของมัน

หายนะของนีนะเวห์
2:1 คำสั่งเหล่านี้ เหมือนเป็นคำสั่งที่จะเย้ยหยันว่า
นีนะเวห์รอดไปได้หรือ? เพราะตอนนี้ มีกองทัพใหญ่บุกเข้ามาแล้ว เป็นกองทัพที่พระเจ้าทรงส่งมาเอง ผู้ที่บุกเข้ามาจะเป็นคนที่ทำให้อัสซีเรียกระจัดกระจายไป ดังนั้นคนที่สำคัญ ผู้บัญชาการแท้จริงที่ทำให้อัสซีเรียพินาศคือพระยาห์เวห์ของอิสราเอล!
อัสซีเรียเองได้เตรียมกองทัพใหญ่ไว้ก่อนหน้าทั้งเพื่อจะโจมตีและรับมือศัตรู
(เอเสเคียล 23:24 บอกให้รู้ว่าสรรพาวุธของกองทัพอัสซีเรียมีอะไรบ้าง)

2:2 พระเจ้าทรงแจ้งให้อิสราเอลรู้ว่า แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่วันหนึ่งพระองค์จะทรงนำเขากลับมาสู่การรื้อฟื้นอีกครั้ง ขณะที่นีนะเวห์กำลังจะล่มจม คนของพระเจ้าจะรับการฟื้นฟูใหม่ ที่กล่าวถึงยาโคบก็เพื่อให้ระลึกถึงประสบการณ์ชีวิตต่าง ๆ ที่ยาโคบ และบรรพบุรุษได้ผ่านมา ส่วนคำอิสราเอลก็หมายถึงความงดงาม ยิ่งใหญ่ที่จะกลับมาอีกครั้งยังลูกหลานของบรรพบุรุษเหล่านั้น

2:3-4 ต่อจากนี้ไปเป็นภาพการยึดนครนีนะเวห์ เป็นภาพที่ชัดเจนราวกับภาพยนต์ นักรบของศัตรูใส่เสื้อแดงเข้ม โล่ก็สีแดง รถศึกเหมือนเพลิงไฟ นักรบแกว่งหอกอย่างน่ากลัว การบุกเข้ามานั้น ไม่ใช่ช้าเชื่องแต่รวดเร็ว ปราดเปรียว พร้อมประจัญบาน อัสซีเรียจะสู้ได้หรือเปล่า?  

2:5 นักรบพยายามที่จะวิ่งไปที่กำแพงเมืองเพื่อตั้งรับ แต่ก็สะดุดล้ม ไม่ใช่คนเดียวแต่หลายคนพร้อม ๆ กัน
ยิ่งเป็นอย่างนี้ ยิ่งกลัวลาน



การทำลายที่ท่วมท้น
6 ประตูแม่น้ำถูกเปิดออก
และราชวังก็พังไปกับสายน้ำ 
7 หญิงงามถูกปลดอาภรณ์ 
เธอถูกจับตัวไป
เหล่าหญิงรับใช้ก็ร้องครวญเหมือนนกพิราบ
และตีอกของตนเอง 
8 นีนะเวห์
เป็นเหมือนบ่อที่น้ำกำลังทะลักไหลออก 
พวกเขาร้องว่า “หยุด หยุด”
แต่ไม่มีใครหันหลังกลับมา
9  “จงปล้นเงิน และปล้นทอง!”
ทรัพย์สมบัติมีมากมายไม่มีหมดสิ้น
สิ่งที่มีค่านั้นมีเหลือเฟือ 
10 ที่รกร้าง ความวิบัติ ความหายนะ! 
ใจหวาดผวา เข่าสั่นระรัว
ทรมานไปทุกส่วนของร่างกาย
ใบหน้าของทุกคนซีดเผือด

การทำลายที่ท่วมท้น
2:6 นักโบราณคดีพบว่า มีร่องรอยของน้ำท่วมที่น่าจะเกี่ยวพันกับหายนะของเมืองในครั้งนี้ และการบุกของศัตรูก็น่าจะเป็นการเข้ามาในประตูแม่น้ำ ในช่วงน้ำหลากด้วย
2:7-8 พวกผู้หญิงถูกปล้นเครื่องประดับเงินทอง อัญมณีต่าง ๆ ทุกอย่างถูกจับไปเป็นเชลย ไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเป็นอย่างไร นีนะเวห์ถูกปล้นไปอย่างรวดเร็ว แม้จะมีคนร้องให้หยุด แต่ศัตรูที่ไหนจะฟัง

2:9-10 ทรัพย์สินที่นีนะเวห์มีอยู่นั้น ก็ต่างได้มาจากการยึด การปล้นประเทศชาติต่าง ๆ เข้ามา พวกเขามีทรัพย์มากมายให้ศัตรูมาขนไป
อัสซีเรียได้สร้างความหวาดกลัวให้ผู้อื่น ตอนนี้พวกเขาเองหวาดกลัวยิ่งกว่าอีก

เราต่อต้านเจ้า
11 ไหนล่ะ ถ้ำของสิงห์
ที่ ๆ มันใช้เลี้ยงดูลูก ๆ ของมัน?
ที่ ๆ พ่อแม่สิงโตหาเหยื่อ
ที่ ๆ ลูกของมันอยู่อย่างไม่มีใครรบกวน อยู่ที่ไหนกัน?
12 สิงโตได้ล่าเหยื่อมาให้ลูกของมัน 
มันขย้ำคอเหยื่อเพื่อให้สิงห์ตัวเมีย
มันเติมถ้ำของมันด้วยเหยื่อที่หามาจนเต็ม
และเติมที่อยู่ของมันด้วยเหยื่อที่มันฉีกเนื้อสด ๆ  
13 องค์พระยาห์เวห์องค์จอมทัพทรงประกาศดังนี้
“เราต่อต้านเจ้า เราจะเผารถศึกของเจ้าจนควันคลุ้ง
และดาบจะฟันฟาดลูกสิงโตของเจ้า
เราจะเอาเหยื่อของเจ้าออกไปจากโลกนี้
และจะไม่มีใครได้ยินเสียงของพวกผู้ส่งข่าวของเจ้าอีกต่อไป”

เราต่อต้านเจ้า 
2:11 นีนะเวห์เป็นเมืองที่มีสิงโตเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าเป็นเจ้าแห่งโลกนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะทำตัวเหมือนสิงโตที่กัด ฉีก ขย้ำ จนเหยื่อตายเป็นเบือ แต่ตอนนี้ นาฮูมถามว่า พ่อ แม่สิงโตอยู่ที่ไหน ? ที่ว่าเก่งนัก ตอนนี้ไม่เหลืออำนาจแล้ว

2:12 นาฮูมเปรียบนีนะเวห์เหมือนกับถ้ำสิงห์ ที่สามารถเติมความมั่งคั่งให้กับตนเองไม่หยุดหย่อน

2:13 บาบิโลน ได้ทำลายนครนีนะเวห์จนสิ้นซาก แต่ผู้ที่ส่งบาบิโลนมาคือ พระยาห์เวห์ผู้ประกาศประกาศิตสุดท้าย พระองค์ตรัสชัดเจนว่า พระองค์ทรงต่อต้านอัสซีเรีย เป็นคำตรัสที่น่ากลัวสำหรับอัสซีเรีย และสำหรับทุกคนที่จะได้ยินคำนี้


พระคำเชื่อมโยง

นาฮูม 2
9* เศฟันยาห์ 1:18
10* เปรียบเทียบ โยเอล 2:6
11* โยบ 4:10-11
12* เยเรมีย์ 51:34
13* นาฮูม 3:5; 2

นาฮูม 1 พระเจ้าแห่งอิสราเอล!

พระองค์จะทรงทำลายปฏิปักษ์ของพระองค์ ด้วยมวลน้ำท่วม

1 คำพยากรณ์ที่หนักใจเกี่ยวข้องกับนครนีนะเวห์
หนังสือนิมิตของนาฮูม ชาวเอลโขช

พระเจ้าทรงเป็นผู้ใด? ใครรู้บ้าง?
2  พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน และทรงแก้แค้น พระองค์ทรงพิโรธอย่างแรงกล้า
พระยาห์เวห์ทรงแก้แค้นเหล่าศัตรูของพระองค์
พระองค์ทรงพิโรธต่อศัตรูของพระองค์
3 พระยาห์เวห์ทรงกริ้วช้า
แต่ทรงฤทธิ์เต็มด้วยอานุภาพมหาศาล 
พระยาห์เวห์จะไม่ทรงให้คนผิดลอยนวล 
หนทางของพระองค์อยู่ในพายุหมุนและลมพายุกล้า
และหมู่เมฆคือผงฝุ่นใต้ฝ่าพระบาทของพระองค์
4 พระองค์ทรงกำราบทะเลให้แห้ง
และทรงทำให้แม่น้ำทั้งหลายแห้งเหือดลง
บาชาน และคารเมลก็เหี่ยวเฉา
รวมไปถึงดอกไม้แห่งเลบานอน
5 ภูเขาทั้งหลายสั่นสะเทือนต่อพระพักตร์พระองค์
และเนินเขาทั้งหลายก็ละลายไป
แผ่นดินโลกสั่นไหวหวาดหวั่นต่อพระพักตร์พระองค์ 
ทั้งโลกและทุกสิ่งที่อาศัยในโลก
6 ใครจะทนทานต่อความเดือดดาลของพระองค์ได้?
ใครจะทนต่อความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ได้?
พระพิโรธถูกเทออกมาดั่งกองไฟ
แม้กระทั่งหินก็ยังแหลกละเอียดต่อพระพักตร์พระองค์

1:1  ชื่อของนาฮูม มีความหมายว่า ปลอบใจ แต่ท่านกำลังต้องกล่าวคำพยากรณ์ที่ทำให้หนักใจ เป็นกังวลมากต่อเมื่อนีนะเวห์ ซึ่งไม่ใช่คนของพระเจ้า แต่เป็นศัตรูที่พระเจ้าเคยใช้มากวาดคนทั้งสิบเผ่าทางเหนือไปเป็นเชลย พวกเขาเคยได้รับคำเทศนาจากโยนาห์ประมาณปี 792-753 ปีก่อนคริสตศักราช ส่วนนาฮูมน่าจะกล่าวคำเหล่านี้ประมาณ 612 ปีก่อนคริสตศักราช ซึ่งต่อมานีนะเวห์ล่มเมื่อประมาณ 609 ปีก่อนคริสตศักราช (เป็นช่วงรัชสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์ กษัตริย์ของยูดาห์ ทางใต้)
พระเจ้าทรงเป็นผู้ใด? ใครรู้บ้าง?
1:2 ที่พระเจ้าทรงพิโรธต่อนีนะเวห์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอัสซีเรียเป็นอย่างมากเพราะความโหดร้าย รุนแรงของกษัตริย์ และกองทัพของอัสซีเรีย ที่มีต่อประเทศชาติทั่วไป และที่ทำต่อคนอิสราเอลด้วย ก่อนอื่นใด นาฮูมได้ทำให้เห็นว่า พระเจ้าทรงรู้สึกโกรธเพียงใด ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ความหวงแหนของพระเจ้าไม่เหมือนของมนุษย์ที่เป็นคนบาป แต่ความหวงของพระองค์คือ พระองค์ทรงเป็นห่วงสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นว่ามีค่า และพระองค์ทรงประสงค์จะรักษาไม่ให้มันเสียไป หรือเป็นมลทิน
1:3 แม้ว่าพระเจ้าจะทรงกริ้วช้า (ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อชาวโลกที่ทำบาปต่อพระองค์) แต่พระองค์ทรงฤทธิ์ยิ่งนัก ถ้าเราอ่านอพยพ 34:6-7 ก็จะเห็นว่า พระองค์ทรงอธิบายให้โมเสสเห็นชัดว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าอย่างไร แบบไหน
ในขณะที่ผู้คนโลกโบราณถือว่า พายุ ลม ทะเล เมฆ และดาวต่าง ๆ เป็นพระเจ้า แต่พระเจ้าของอิสราเอลทรงเป็นพระเจ้าเหนือสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น
1:4 ทะเล แม่น้ำ ภูเขา ผืนป่า ต่างเป็นของพระองค์ทั้งสิ้น เมื่อทรงกำราบ
สิ่งเหล่านั้น มันก็เหี่ยวแห้ง หมดท่าไป
1:5 ตอนที่คนอิสราเอลอยู่เชิงเขาซีนาย พวกเขาได้เห็นภูเขาสั่นสะเทือน พวกเขาพบเจอกับแผ่นดินไหวเพราะพระเจ้าสถิตที่นั่น คนอิสราเอลที่ได้ยินคำของนาฮูม เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้ที่พ่อแม่เล่าให้ฟัง ทำให้พวกเขาเข้าใจจริงว่า พระเจ้าของเขาคือผู้ใด … (อพยพ 19)
ดังนั้น อาณาจักรอัสซีเรียนั้น เป็นเรื่องเล็กสำหรับพระองค์
1:6 ภาพที่นาฮูมทำให้เราเห็นนั้น น่าสยดสยองยิ่งนัก ไม่มีใครจะรอดได้จากความกริ้วของพระเจ้า คำว่าเดือดดาลในภาษาไทยเทียบได้กับคำฮีบรูว่า זַעַם (ซาอัม) แปลว่า โกรธมากจนเดือดเหมือนน้ำเดือด ไม่มีใครสามารถยืนหยัดทนได้เลย

หายนะของนีนะเวห์
7  พระเจ้าทรงประเสริฐ
ทรงเป็นที่ป้อมปราการในวันร้าย
พระองค์ทรงดูแลคนที่หลบภัยในพระองค์
8  แต่พระองค์จะทรงทำลายปฏิปักษ์ของพระองค์
อย่างสิ้นเชิงด้วยมวลน้ำท่วม
และจะทรงไล่ศัตรูของพระองค์เข้าไปสู่ความมืด
9 ไม่ว่าพวกเจ้าจะวางแผนต่อต้านพระยาห์เวห์แบบใดก็ตาม พระองค์จะทรงทำให้มันถึงจุดจบแน่
การกดขี่ข่มเหงจะไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง
10 เพราะพวกเขาเป็นเหมือนกับดงหนามที่รัดกัน
เหมือนกับคนเมาเป๋ขณะดื่มเหล้า
เหมือนกับตอฟางถูกเผาผลาญจนแห้งสนิท 
11  มีผู้หนึ่งออกมาจากเจ้า
เป็นคนที่วางแผนชั่วต่อต้านองค์พระยาห์เวห์
เป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ชั่วช้าไร้ค่า  

หายนะของนีนะเวห์
1:7 แต่เมื่อพระเจ้าทรงหันมายังคนที่เข้ามาหลบภัยในพระองค์ คือคนที่ยอมรับพระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเขา คนที่เป็นของพระเจ้า พระเจ้าคือข่าวดี สำหรับคนที่เป็นคนชั่วร้าย พระเจ้าคือข่าวร้ายของพวกเขา
1:8 สองอย่างที่ศัตรูของพระเจ้าจะพบคือ พวกเขาจะเจอกับน้ำท่วมมิด และความมืดสนิท นั่นคือความตายทั้งฝ่ายร่างกายและฝ่ายวิญญาณ พวกเขาหนีไม่พ้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จากการขุดค้นทางโบราณคดี เราได้พบว่า บาบิโลนได้เข้ามาและโจมตี เผาเมือง แล้วยังมีมวลน้ำจากแม่น้ำไทกริสเข้ามาท่วมเมืองด้วย น่าเสียดายในช่วงปีที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายไอสิส (Isis)(2004-2019) กำลังมีอำนาจทางความรุนแรงในอิรักนั้น พวกเขาได้ทำลายสถานสำคัญทางโบราณคดีไปไม่น้อย
1:9 มีคนที่วางแผนต่อต้านพระเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณจนปัจจุบัน พวกเขาไม่อาจทนความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้ แต่ยังคิดว่าตัวเองสามารถจัดการกับพระเจ้าด้วยการพยายามทำลายคนของพระองค์ และทำลายคนที่อ่อนแอกว่า พวกเขาลืมไปว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และสามารถทำให้พวกเขาถึงความพินาศได้ในชั่วพริบตา
1:10 จากคนที่โอ่อ่าตระการ จากกองทัพที่ยิ่งใหญ่ นีนะเวห์จะกลายเป็นเหมือนดงหนาม คนเมา และตอฟางไหม้ …
1:11 ผู้หนึ่งที่ออกมาจากนีนะเวห์ หรือประเทศใด ๆ ก็ตามที่ต่อต้านพระเจ้านั้น เป็นคนที่ไร้ค่าแบบสุด ๆ คนชั่วนี้เป็นศัตรูของพระเจ้าโดยตรง “”}}}}

พระสัญญาเพื่อการช่วยกู้
12 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ 
“แม้พวกเขาเข้มแข็งและมีจำนวนมาก
ก็ยังจะถูกโค่นลงจนสิ้นซากไป 
แม้เราจะทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมาน
เราจะไม่ทำอย่างนั้นต่อเจ้าอีก
13  เพราะบัดนี้เราจะหักแอกของพวกเขาจากเจ้า
และหักโซ่ตรวนที่มัดตัวเจ้าออก

1:12-13 แล้วพระเจ้าทรงหันมาตรัสกับคนของพระองค์คือชนอิสราเอล พวกเขาเป็นเชลยของอัสซีเรีย และถูกกระทำ ถูกกดขี่ข่มเหงหนัก แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงทำลายอำนาจของอัสซีเรีย (นีนะเวห์) ที่มีเหนือพวกเขาให้สิ้นเหมือนกับเอาแอกและโซ่ออกจากนักโทษหรือวัวควาย The มีบันทึกว่าอัสซีเรียได้ข่มเหงอิสราเอลอย่างรุนแรง ทั้งเก็บภาษีสูงด้วย
(อ่าน 2 พงศ์กษัตริย์ 19:20-37, 2 พงศาวดาร 32:1-23; อิสยาห์ 37:27-38)
อัสซีเรียสิ้นซากไปนานเลย เพราะกว่านักโบราณคดีจะขุดค้นพบว่า นีนะเวห์อยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไรก็ใช้เวลานานกว่าที่อื่น ๆ ถ้าสนใจให้ดูจากนักโบราณคดี เครเมอร์ที่
https://www.youtube.com/watch?v=34XBkm4QiLo

สุดปลายทางของสองประเทศ
14 พระยาห์เวห์ทรงบัญชาถึงเจ้าดังนี้ 
“เจ้าจะไม่มีลูกหลานสืบวงศ์วานของเจ้าอีกต่อไป
เราจะทำลายรูปเคารพสลัก
และรูปหล่อจากวิหารของเทพทั้งหลายของเจ้า
เราจะเตรียมหลุมศพของเจ้า เพราะเจ้าชั่วช้ายิ่งนัก”
15 จงมองไปยังภูเขาเถิด
เท้าของผู้นำข่าวดี และเป็นผู้ประกาศสันติ
โอยูดาห์ จงฉลองเทศกาลต่าง ๆ ของเจ้า
จงทำตามที่เจ้าเคยปฏิญาณไว้
เพราะคนชั่วจะไม่บุกรุกเข้ามาอีกต่อไป
พวกเขาจะถูกทำลายจนสิ้นซาก

สุดปลายทางของสองประเทศ
1:14 แล้วต่อมาพระเจ้าตรัสกับกษัตริย์แห่งอัสซีเรียให้ชัดเจนว่า พระองค์จะทรงทำอะไรกับพวกเขา วงศ์วานของกษัตริย์ จะสูญพันธุ์ไป นับเป็นความน่าอับอายอย่างยิ่ง พระองค์ทรงยืนยันว่าจะทำลายศาสนา ความเชื่อของพวกเขา เตรียมลงหลุมไปได้ เวลาอัสซีเรียไปโจมตีที่ไหน ก็มักจะนำพวกรูปเคารพกลับมาเพื่อแสดงว่า พวกเขาใหญ่กว่าเทพเหล่านั้น
(นี่เป็นสิ่งที่ประเทศในโลกโบราณนิยมทำกัน)
แต่ชาวมีเดียนที่เข้ามาโจมตีเป็นพวกที่ไม่ชอบรูปเคารพ เลยทำลายรูปเคารพที่นีนะเวห์มีอยู่

1:15 ย้อนกลับไปดูอิสยาห์ 52:7 กล่าวถึงเท้าของผู้นำข่าวดีว่างามยิ่ง พระเจ้าทรงสัญญาให้พวกเขาพ้นจากการข่มเหง นาฮูมขอให้พวกเขามั่นใจโดยที่ให้ฉลองเทศกาลต่าง ๆ อย่างที่เคยทำ พวกเขาจะไม่พบการบุกรุกจากศัตรูอีก เพราะพวกเขาถูกทำลายสิ้นไปแล้ว

พระคำเชื่อมโยง

นาฮูม 1
1* เศฟันยาห์ 2:13
2* อพยพ 20:5
3* อพยพ 34:6-7; โยบ 9:4; สดุดี 18:17
4* มัทธิว 8:26; อิสยาห์ 33:9
6* มาลาคี 3:2

7* เยเรมีย์ 33:11; 2 ทิโมธี 2:19
9* สดุดี 2:1; 1 ซามูเอล 3:12
10* 2 ซามูเอล 23:6; นาฮูม 3:11; มาลาคี 4:1
12* อิสยาห์ 10:16-19, 33-34
14* เอเสเคียล 32:22-23; นาฮูม 3:6
15* โรม 10:15; อิสยาห์ 29:7-8