
1พระยาห์เวห์ตรัสว่า ““เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษโมอับ เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาได้เผากระดูกของกษัตริย์เอโดมจนกลายเป็นผงปูน
2 ดังนั้น เราจะส่งไฟลงมายังโมอับ ไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมต่าง ๆ แห่งเคริโอท โมอับจะตายไปท่ามกลางความวุ่นวาย พร้อมเสียงตะโกนและเสียงแตรเขาแพะผู้
3 เราจะกำจัดผู้พิพากษาจากแผ่นดิน จะประหารเหล่าข้าราชการไปพร้อมกับเขา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนั้น
1:1-2 แม้โมอับจะถูกทำลาย แต่มีคนหนึ่งที่มาจากโมอับและกลายมาเป็นย่าทวดของกษัตริย์ดาวิด นั่นคือนางรูธ
โมอับเป็นชนชาติที่สืบเชื้อสายจากโลทและลูกสาวคนรองของเขา (ปฐมกาล 19:37)
การเผากระดูกจนกลายเป็นผงปูนสำหรับพวกเขาเป็นเรื่องใหญ่ แทนที่จะนำศพไปฝังอย่างสมควร เขากลับแสดงถึงความเกลียดชังอย่างรุนแรงและการไม่มีความเคารพใด ๆ หลงเหลืออยู่ พระเจ้าจะทรงส่งไฟมาผลาญพวกเขา พวกเขาจะพินาศในสงครามนั่นเอง
คนที่พระเจ้าจะทรงลงโทษอย่างรุนแรงคือผู้นำ
เคริโอทเป็นเมืองสำคัญของโมอับ เป็นที่ตั้งเทพโคโมสซึ่งเป็นเทพประจำชาติ
คำพิพากษาเหนือยูดาห์
4 พระยาห์เวห์ตรัสว่า ““เราจะยังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษยูดาห์เพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาปฏิเสธคำสอนของพระยาห์เวห์ และไม่ได้รักษาบทบัญญัติของพระองค์ คำมุสาที่บรรพบุรุษของพวกเขาติดตามนั้น ทำให้เขาหลงทางไป
5 ดังนั้น เราจะส่งไฟมายังยูดาห์ และไฟนั้นจะเผาผลาญป้อมทั้งหลายของเยรูซาเล็ม
2:4-5
ผู้คนได้ฟังคำพิพากษาของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติเพื่อนบ้านจาก อาโมส แล้วในที่สุดพวกเขาก็ได้ยินเองว่า พระเจ้าจะทรงลงโทษที่พวกเขาทำผิดต่อพระองค์เช่นกัน คำพิพากษาก็มาถึงยูดาห์ ชนชาติอิสราเอลทางใต้
พวกเขาทำอะไรที่ทำให้พระเจ้าพิโรธ?
ที่สำคัญคือ เขาไม่ฟังคำบัญชา ไม่ทำตามบทบัญญัติโมเสส แต่หลงไปตามคำโกหกของพวกผู้นำ และผู้เผยพระดำรัสปลอม
(อิสยาห์ 3:12; 28:15; ,มีคาห์ 3:5) ผู้นำฝ่ายวิญญาณทำให้คนหลงทางไปจากพระเจ้า ในเมื่อพวกเขาทำบาป นครเยรูซาเล็มที่พวกเขาเชิดชูจะถูกเผา ซึ่งเกิดขึ้นจริงในเวลาต่อมาเมื่อเนบูคัดเนสซาร์เข้ามาบุกและกวาดคนไปเป็นเชลย
คำพิพากษาเหนืออิสราเอล
6 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เรายังไม่เปลี่ยนใจการลงโทษอิสราเอลเพราะเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า(สามครั้ง สี่ครั้ง) เพราะเขาได้ขายคนเที่ยงธรรมแลกกับเงิน และคนที่ขัดสนแลกกับรองเท้าเพียงคู่เดียว
7 เขาได้เหยียบย่ำศีรษะของคนยากจนราวกับเดินย่ำฝุ่น และขัดขวางความยุติธรรมกับคนที่ถูกข่มเหง
พ่อกับลูก เข้าหาผู้หญิงคนเดียวกัน เป็นการดูหมิ่นพระนามบริสุทธิ์ของเรา
8 พวกเขานอนลงข้างแท่นบูชาทุกแห่ง โดยยังสวมเสื้อผ้าที่ยึดมาเป็นประกัน และในวิหารเทพของเขา เขาก็ดื่มเหล้าองุ่นที่ยึดมาเป็นค่าปรับ
2:6-8 อิสราเอลกับยูดาห์แยกกันมากว่าสองร้อยปีแล้ว และมีการรบพุ่งกันเนือง ๆ ( 1 พงศ์กษัตริย์ 14:30; 15:7, 16-21; 2 พงศ์กษัตริย์ 14:8-14) จึงมีความรู้สึกเป็นศัตรูต่อกันทั้ง ๆ ที่เป็นชนชาติเดียวกัน พระเจ้าทรงแยกความผิดของทั้งสอง
เหตุผลที่พระเจ้าจะทรงลงโทษอิสราเอลนั้นชัดเจน อาโมสได้บรรยายความผิดของอิสราเอลอย่างชัดเจน ที่สำคัญพวกเขาทำร้ายพี่น้องของตนเอง ชนชาติของตนเอง
-พวกเขาค้ามนุษย์ ! เขาขายคนเที่ยงธรรมให้เป็นทาส คนยากจนก็เช่นกันไม่ยอมให้เวลาที่คนเหล่านั้นจะหาเงินมาไถ่ถอน
-เขาดูหมิ่นเหยียบย่ำ คนยากจน (อิสยาห์ 3:15) ราวเดินย่ำฝุ่นคือ เขาจะเอาทุกอย่างทั้งที่ดิน บ้าน ของคนยากจนที่เป็นหนี้เขา เอาแม้กระทั่งฝุ่นบนศีรษะของพวกเขา!!
-ไม่ยอมช่วยคนถูกข่มเหง
-เขาทำผิดทางเพศ เป็นการดูหมิ่นพระนามบริสุทธิ์ ทำให้ผู้คนไม่ได้มองเห็นว่าพระเจ้าทรงอยู่สูงส่ง บริสุทธิ์
-การประกันเสื้อผ้านั้น เมื่อคนเอาเงินมาคืน เขาควรจะคืนเสื้อผ้าในวันนั้น แต่กลับเอาไปสวมใส่ทำสิ่งน่าขยะแขยง แทนที่คนยากจนนั้นจะใช้คลุมตัวยามค่ำที่หนาวเหน็บ (อพยพ 22:25-27)
-พวกเขายังดื่มเหล้าองุ่นที่ขโมยมาจากคลังซึ่งเป็นเหล้าองุ่นที่ประชาชนจ่ายเป็นภาษี เขานอนทำสิ่งน่าชังข้างแท่นบูชา ทำสิ่งน่ารังเกียจในวิหารเทพที่พระเจ้าทรงชัง
ทั้ง ๆ ที่พวกเขารู้จักพระบัญญัติของพระเจ้าแต่เขาไม่ใส่ใจที่จะรักษาเลย
9 “เป็นเราเองที่ได้ทำลาย ชนอาโมไรต์ต่อหน้าต่อตา ขณะที่อิสราเอลบุกเข้าไปพวกเขาสูงตระหง่านดั่งต้นสนซีดาร์ และแข็งแรงราวต้นโอ๊ก เราได้ทำลายผลซึ่งอยู่ข้างบน และรากซึ่งอยู่ด้านล่าง
10 และเราพาพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ นำเจ้าผ่านถิ่นกันดารตลอด 40 ปี เพื่อเจ้าจะได้ครอบครองดินแดนของชาวอาโมไรต์
2:9-10 ชนอาโมไรต์เป็นคนที่อยู่ในดินแดนคานาอัน มีกษัตริย์ ที่เข้มแข็งมาก อาโมสได้บอกว่า เขาเป็นคนตัวโต ตัวใหญ่แข็งแรงมาก และพระเจ้าทรงทำลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิง พระเจ้าทรงเอาชนะเขาโดยไม่เหลือ พระเจ้าประทานดินแดนนี้ให้อิสราเอล คนของพระองค์ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นพระพรแก่ประชาชาติ
ข้อสิบนี้พระเจ้ากำลังตรัสว่า พระองค์ทรงไถ่เขาออกมาจากการเป็นทาส ทรงซื่อตรงต่อพวกเขาอย่างที่ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัม พระองค์ทรงเอาเขาออกมาจากถิ่นกันดาร คือที่ ๆ ไม่มีอะไรเลยทรงนำพวกเขาสี่สิบปี จากสถานที่ซึ่งมีแต่ความว่างเปล่า มายังดินแดนที่สมบูรณ์ ที่ ๆ มั่นคง ไม่ต้องพเนจร เร่ร่อนอีกต่อไป
11 เราได้ตั้งลูกชายของบางคนให้เป็นผู้เผยพระดำรัส และชายหนุ่มบางคนให้เป็นนาศีร์ โอ อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม?” องค์พระยาห์เวห์ทรงประกาศ
12 “แต่เจ้ากลับบังคับให้นาศีร์ดื่มเหล้าองุ่น
และยังสั่งผู้เผยพระดำรัสว่า “อย่าเผยพระดำรัส”
13 ดูเถิด เรากำลังจะขยี้เจ้าในที่ของเจ้า
เหมือนเกวียนที่บรรทุกข้าวเต็มบดขยี้ข้าว”
14 แม้แต่คนที่ว่องไวก็จะหนีไม่ทัน
คนที่แข็งแกร่งไม่อาจสู้ได้ด้วยกำลังของตน
คนที่กล้าหาญไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้
15 นักแม่นธนูไม่อาจยืนหยัดได้
คนที่ขาว่องไวรวดเร็วไม่อาจรักษาตัวเองไว้ได้
และคนที่ขี่ม้าจะเอาชีวิตไม่รอด
16 แม้นักรบที่กล้าหาญที่สุด
ยังต้องเปลือยกายหนีออกไปในวันนั้น”
พระยาห์เวห์ทรงประกาศ
2:11-13 พระเจ้าจะทรงนำให้บางคนเป็นผู้เผยพระดำรัสของพระเจ้า และบางคนเป็นนาศีร์ ซึ่งเป็นคนที่จะไม่ตัดผม ไม่ดื่มเหล้าองุ่น จะใช้ชีวิตอุทิศแด่พระเจ้า ไม่ยอมรับสิ่งใดที่ต่อต้านพระทัยของพระเจ้า และจะเชื่อฟังพระองค์ แต่อิสราเอลกลับไม่ยอมฟังคนเหล่านี้ ไม่ยอมฟังพระดำรัสของพระเจ้าที่ผ่านคนเหล่านี้ บังคับให้นาศีร์ทำผิดต่อพระเจ้า บังคับให้ผู้เผยพระดำรัสปิดปาก การลงโทษที่จะลงมานั้น จะทำให้พวกเขาพังพินาศ เหมือนข้าวที่ถูกขยี้จนแหลกละเอียด
2:14-16 ในวันที่พระเจ้าทรงพิพากษา ไม่มีใครจะหนีพ้นไปได้ คนที่เก่งที่สุดในแต่ละด้าน กองทัพที่แข็งแกร่งยังหนีไม่รอด แล้วคนที่เหลือจะเป็นอย่างไร
พระคำเชื่อมโยง
อาโมส 2
1* เศฟันยาห์ 2:8-11; 2 พงศ์กษัตริย์ 3:26-27
2* เยเรมีย์ 48:24, 41
3* กันดารวิถี 24:17
4* โฮเชยา 12:2; เลวีนิติ 26:14; เยเรมีย์ 16:9; เอเสเคียล 20:13, 16, 18
5* โฮเชยา 8:14
6* 2 พงศ์กษัตริย์ 17:7-18; 18:2; อิสยาห์ 29:21; อาโมส 4:1; 5:11; 8:6
7* อาโมส 5:12; เอเสเคียล 22:11; เลวีนิติ 20:3
8* 1โครินธ์ 8:10; อพยพ 22:26
9* กันดารวิถี 2:25; เอเสเคียล 11:3; มาลาคี 4:1
10* อพยพ 12:51; เฉลยธรรมบัญญัติ 2:7
11* กันดารวิถี 12:6; 6:2-3
12* อิสยาห์ 30:10
13* อิสยาห์ 1:14
14* เยเรมีย์ 46:6; สดุดี 33:16