
ผลองุ่นและลูกวัว
1 อิสราเอลเป็นเถาองุ่นดก
ออกผลแผ่ออกไป ยิ่งมีผลดกเท่าไร
ก็ยิ่งสร้างแท่นบูชามากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งแผ่นดินอุดมเกิดพืชพันธุ์ดีขึ้นเท่าไร
พวกเขาก็ยิ่งตกแต่งเสาหินมากขึ้นเท่านั้น
2 จิตใจของพวกเขาแบ่งออกไป
บัดนี้ พวกเขาต้องรับโทษ
พระยาห์เวห์จะทรงทำลายแท่นบูชา
และทำลายเสาหินของพวกเขา
3 เวลานี้ พวกเขากำลังกล่าวว่า
“เราไม่มีองค์กษัตริย์!
เพราะเราไม่ได้ยำเกรงพระยาห์เวห์
แต่หากว่าเรามีกษัตริย์ ท่านจะทำอะไรให้เราได้เล่า?
4 พวกเขาใช้คำพูด
กล่าวคำสาบานลวงขณะที่ทำสัญญาร่วมมือกัน
ดังนั้น จึงเกิดการฟ้องร้องขึ้น
ราวกับวัชพืชพิษในทุ่งนาที่ไถแล้ว
5 ผู้ที่อาศัยในสะมาเรีย
ต่างกลัว”รูปลูกโคแห่งเบธอาเวน”
ความจริงคือ
ผู้คนจะร้องคร่ำครวญถึงความอลังการของมัน
พวกปุโรหิตคลั่งไคล้รูปนั้นจนตัวสั่น
เพราะพวกมันจะต้องจากพวกเขาไปเป็นแน่
6 เทวรูปนั้นจะถูกนำไปยังอัสซีเรีย
เป็นเครื่องบรรณาการถวายให้กับกษัตริย์นักรบ
เอฟราอิมจะต้องอับอาย
อิสราเอลจะต้องละอายที่ไปปรึกษากับเทวรูปนั้น
ผลองุ่นและลูกวัว
10:1 การเริ่มต้นของชนชาติอิสราเอลนั้นดูงดงาม พระเจ้าทรงเปรียบพวกเขาเหมือนองุ่นลูกดก
พระเจ้าทรงอวยพระพรเขา แต่แล้ว สิ่งที่พลิกคือ
ยิ่งรวย กลับยิ่งไปสร้างแท่นบูชาถวายบาอัล ปักเสาหิน แทนที่จะรักพระเจ้ากลับห่างพระองค์ เขาตอบแทนพระเจ้าอย่างน่ารังเกียจมาก
10:2 นี่เป็นการบ่งบอกใจที่ไม่ซื่อตรงต่อพระเจ้า มีความหมายว่าใจที่แยกออก สองใจ แต่พระเจ้าทรงแจ้งชัดเจนว่า จะทรงทำลายสิ่งก่อสร้างเหล่านั้น
10:3 ช่วงนั้นน่าจะเป็นการล้มเหลวของกษัตริย์อิสราเอล กษัตริย์องค์สุดท้ายที่พวกเขาแต่งตั้งขึ้นมาเองคือ โฮเชยาโอรสของเอลาห์ (ไม่ใช่โฮเขยาที่เขียนหนังสือเล่มนี้) (อ่าน 2 พงศ์กษัตริย์ 17)
10:4 โดยรวมแล้ว ประชาชนไม่ถือสัจจะเป็นหลักในการทำธุรกิจ ติดต่อกัน พวกเขาทำสัญญาแต่แล้วก็โกง หักหลังกัน พระเจ้าทรงเปรียบพฤติกรรมเหล่านี้เหมือนกับวัชพืชที่เกิดในทุ่งที่ไถแล้ว ซึ่งไม่ควรจะเกิด การคดโกงเป็นเหมือนวัชพืชที่ลามเข้าไปในสังคม
10:5 เทวรูปลูกโคแห่งเบธอาเวนเป็นสิ่งที่ผู้คนคลั่งไคล้ เหมือนกับเหล่าคนชอบเช่าพระ พวกเขามองเห็นว่ามันงดงาม น่าดู ใจของพวกเขาก็กระสันหารูปเหล่านี้
10:6 เมื่ออัสซีเรียเข้ามาโจมตีอิสราเอล สิ่งที่พวกเขาสนใจจะเอาไปคือเทวรูปต่าง ๆ
พวกเขาเป็นคนที่สนใจรูปเคารพอยู่แล้ว และถือว่าเป็นของบรรณาการด้วย และสิ่งที่น่าอับอายสุดๆ ก็คือ พวกเขาละทิ้งพระเจ้าไปปรึกษารูปเคารพที่ถูกแบกไปอัสซีเรีย และยังถูกอัสซีเรียกวาดไปเป็นเชลยอีก (โฮเชยา 5:13; 7:8-11; 8:9-10)
หากอิสราเอลไปแบกแอกร่วมกับใคร พวกเขาก็ต้องตามความเชื่อของคนเหล่านั้นด้วย เพราะความเชื่อกับการเมืองนั้นแทบจะเป็นเรื่องเดียวกันในสมัยโบราณ การไปเป็นไมตรีกับพวกเขาเท่ากับก้มหัวให้กับพวกเทพที่ประเทศเหล่านั้นนับถือ
กษัตริย์ที่หายไป
7 กษัตริย์แห่งสะมาเรียจะถูกตัดออกไป
เหมือนกิ่งไม้ที่ล่องลอยไปบนผิวน้ำ
8 สถานบูชาบนที่สูงแห่งอาเวน
ซึ่งเป็นบาปของอิสราเอล จะต้องถูกทำลาย
จะมีพืชหนาม พุ่มหนามเกิดเลื้อยขึ้นคลุมแท่นบูชาของพวกเขา พวกเขาจะกล่าวแก่ภูเขาว่า “จงปกคลุมเราไว้”
พูดกับเนินเขาว่า “ช่วยล้มทับเราเถิด
กษัตริย์ที่หายไป
10:7 ราชวงศ์ที่เคยโด่งดัง เป็นที่นับถือจะหายไปราวกับกิ่งไม้ ไม่มีใครจำได้อีก ไม่ใช่หายไปช้า ๆ แต่ไปอย่างรวดเร็ว
10:8 อัสซีเรียจะเป็นผู้ทำลายที่สูงซึ่งอิสราเอลสร้างไว้ที่อาเวน พระเจ้าเคยบัญชาให้พวกเขาทำลายที่สูงเหล่านี้ แต่พวกเขาไม่เชื่อฟัง (เฉลยธรรมบัญญัติ 12:2-3) อัสซีเรียจึงทำให้ตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ ที่เหล่านี้จะกลายเป็นที่ร้างเปล่า อิสราเอลจะเห็นและเริ่มกลัวการลงโทษของพระเจ้า เรียกร้องให้ช่วยปกปิดพวกเขาไว้ (ลูกา 23:30; วิวรณ์ 9:6)
อิสราเอลแพ้เพราะบาป
9 “อิสราเอลเอ๋ย เจ้าทำบาปมาตั้งแต่สมัยกิเบอาห์
และเจ้าก็ยังทำแบบนั้นไม่หยุด
สงครามไม่ได้จัดการคนที่ทำการอธรรมในกิเบอาห์หรือ?
10 เราจะลงโทษพวกเขาตามที่เราเห็นควร
ชาติต่าง ๆ จะรวมตัวกันต่อสู้พวกเขา
และจับเขาจำจองเพราะความผิดบาปสองกระทงของพวกเขา”
11 เอฟราอิมเป็นลูกวัวที่ถูกฝึกอย่างดี มันชอบนวดข้าว
แต่เราจะวางแอกลงบนคออันงดงามของมัน
เราจะให้เอฟราอิมแบกแอกไป
ยูดาห์เป็นผู้ไถดิน ยาโคบจะเป็นผู้ไถกลับหน้าดิน
10:9 ตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัย อิสราเอลได้ทำบาปชั่วมากและก็ชินชากับการทำบาปนั้น (ผู้วินิจฉัย 19-20; โฮเชยา 9:9) พระเจ้าทรงสอนพวกเขาในสงครามครั้งนี้ แต่พวกเขาไม่จำ
10:10 พระเจ้าจะทรงลงโทษเขาในเวลาของพระองค์ ทรงใช้ชาติอื่น ๆ เข้ามาจัดการกับบาปของพวกเขา มีความเห็นเรื่องบาปผิดสองกระทงนี้ อาจจะเป็นบาปที่กิเบอาห์ และที่เบเธล หรือเป็นบาปผิดที่ละทิ้งพระเจ้า แล้วหันไปหารูปเคารพ ซึ่งส่งผลให้เกิดบาปอีกมากมาย
10:11 ลูกวัวชอบนวดข้าวเพราะเป็นงานเบา และได้กินข้าวไปด้วยเวลานวด แต่มันจะมีแอกมาวางไว้..เป็นภาพของอิสราเอลที่จะถูกต่างชาติบังคับให้ทำงานหนัก ไม่เว้นแม้ยูดาห์และที่ใช้คำว่ายาโคบคือหมายถึงทั้งชาติ
ในบริบทนี้ การนวดข้าวคือการรับใช้พระเจ้า ส่วนการไถดินคือการลงวินัยจากพระเจ้าที่พวกเขาต้องเผชิญผ่านหายนะของชาติและการเป็นเชลย
12 จงหว่านความเที่ยงธรรมให้พวกเจ้าเอง
และเกี่ยวเก็บรักมั่นคง
จงไถพรวนดินที่ถูกทิ้งเอาไว้
นี่เป็นเวลาที่จะแสวงหาองค์พระยาห์เวห์
จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
และเทความเที่ยงธรรมลงมาให้เจ้าเหมือนกับสายฝน
13 เจ้าได้ปลูกความชั่วช้า
และเก็บเกี่ยวความอธรรม
เจ้าได้กินผลของความมุสา
เพราะเจ้าเชื่อวางใจทางของตนเอง
และทหารจำนวนมากของเจ้า
14 เสียงกระหึ่มของสงครามดังขึ้นต่อสู้ประชากรของเจ้า
และป้อมปราการทั้งสิ้นของเจ้า
จะถูกทลายลงในวันแห่งสงคราม
เหมือนกับที่ชัลมันทำลายเบธอาร์เบลในการต่อสู้
แม่ ๆ และลูก ๆ ของพวกเธอถูกฟาดจนกลายเป็นชิ้น ๆ !
15 เบธเอลเอ๋ย มันจะเกิดกับเจ้าเช่นนั้น
เพราะความชั่วสุดขั้วของพวกเจ้า
ยามรุ่งอรุณ
กษัตริย์แห่งอิสราเอลจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
10:12 ในขณะที่พระเจ้าทรงกล่าวโทษพวกเขานั่นเอง ความห่วงใยของพระองค์ก็พลุ่งขึ้น พระองค์ทรงบอกวิธีการที่พวกเขาจะไม่พินาศ
ให้กระทำสิ่งที่เที่ยงธรรม คือหว่านสิ่งดีทุกอย่างต่อกันและกัน เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับรักมั่นคง หรือพระกรุณาคุณของพระเจ้าคืนมา โฮเชยาเตือนให้พวกเขากลับใจ (ภาษาฮีบรูสำหรับการหว่าน การปลูก คือ ซารา זָרַע)
ดินที่ยังไม่ไถนั้น เป็นดินแข็ง ที่แห้งแล้งมานาน เป็นดินที่ไม่อาจซึมซับความชื้นจากฝนได้ดี ดังนั้นพระเจ้าทรงเตือนให้เขาไถพรวน กลับดินนั้น ซึ่งก็หมายถึง หัวใจของพวกเขาเองที่ต้องจัดการ หัวใจที่แห้งแล้ง แข็งกระด้างต่อพระเจ้า (เยเรมีย์ 4:3) ใจที่ห่างเหินจากฝนแห่งรักมั่นคงของพระเจ้า ใจที่ไม่สารภาพบาป แต่เก็บสะสมบาปไว้นั้น ทำให้ใจกระด้างเหมือนดินแห้ง การไถพรวนจิตใจคือ การแสวงหาพระเจ้า แสวงหาพระองค์อย่างสุดใจ และเมื่อนั้น พระเจ้าจะทรงช่วยให้พวกเขารับสิ่งดีจากพระองค์ ไม่ใช่น้อย ๆ แต่เหมือนกับสายฝนที่ตกเทลงมา (โฮเชยา 2:19, 6:3)
(ภาษาฮีบรูสำหรับการไถพรวนดิน คือ เนียร נִיר เป็นการไถ ทำร่องดิน พรวนดิน)
10:13แทนที่จะปลูกดีเพื่อเก็บเกี่ยวผลที่ดี พวกเขากลับหว่านลม เก็บเกี่ยวพายุ (โฮชยา 8:7) การที่พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองทำถูกต้อง เชื่อว่าทหารจะช่วยได้ เป็นความเชื่อในความไม่แน่นอน ไม่ได้วางใจพระเจ้าสำหรับความอยู่รอดของชาติ ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะวางใจพระองค์ นี่เป็นบทเรียนของทั้งระดับชาติ ระดับบุคคล ทั้งในโลกโบราณ และปัจจุบันวันนี้!
10:14 ความพ่ายแพ้เกิดขึ้นอย่างทันควัน เห็นได้ชัด โฮเชยาบอกมาแล้วว่า ถ้าเขาไม่วางใจพระเจ้า จะเกิดอะไรขึ้น ชัลมันที่กล่าวถึงไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นคนไหน อาจเป็นกษัตริย์ของอัสซีเรีย หรือของโมอับ แต่สงครามครั้งนั้นเป็นสงครามที่น่าสะพรึงกลัวมากเพราะศัตรูทำร้ายประชากรอย่างโหดเหี้ยม
10:15 โฮเชยาเตือนอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีกษัตริย์ของอิสราเอล (อาณาจักรเหนือ) หลงเหลืออยู่เลย พวกเขาหายไปอย่างรวดเร็วด้วย เป็นเพราะพวกเขาทำบาปซ้อนบาป ทำแล้วทำเล่าโดยไม่คิดจะกลับตัวกลับใจ คำว่าเบธเอลในที่นี้หมายความรวมถึงอิสราเอลทางเหนือทั้งหมด และสิ่งที่โฮเชยากล่าวก็เป็นความจริงในเวลาต่อมา (แม้กษัตริย์ทางใต้ต่อมาจะถูกกวาดไปบาบิโลน แต่ก็ยังมีบางคนในพวกเขาที่หลงเหลือและยังสืบเชื้อสายมาจนกระทั่งพระเยซูคริสต์ )
พระคำเชื่อมโยง
1* เนหะมีย์ 2:2; เยเรมีย์ 2:28
2* 1 พงศ์กษัตริย์ 18:21
4* อาโมส 5:7
5* โฮเชยา 8:5-6; 13:2; 9:11
6* โฮเชยา 5:13
8* โฮเชยา 4:15; 1 พงศ์กษัตริย์ 13:34; ลูกา 23:30
9* โฮเชยา 9:9
10* เยเรมีย์ 16:16
11* มีคาห์ 4:13
12* เยเรมีย์ 4:3; โฮเชยา 6:3
13* สุภาษิต 22:8; โยบ 4:8; กาลาเทีย 6:7-8
14* โฮเชยา 13:6
15* โฮเชยา 10:5,7