
คำบัญชาให้ไถ่โกเมอร์
1 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“จงไปอีกครั้ง
ไปแสดงความรักต่อภรรยาของเจ้า
ที่มีคนอื่นมารักเธออยู่ และเธอเป็นคนมีชู้
ทำเหมือนอย่างที่พระยาห์เวห์ทรงรักชนอิสราเอล
แม้ว่าพวกเขาหันไปหาพระอื่น
และรักขนมลูกเกด
(เอาสักการะเทพเพราะคิดว่าจะได้เก็บเกี่ยวผลมาก)
2 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงซื้อตัวเธอคืนมา
เป็นเงิน 15 เชเขล
และข้าวบาร์เลย์อีก 330 ลิตร
(หรือ 5 บูเชลหรือ 1โฮเมอร์
มี 220 ลิตร กับหนึ่ง เลเทค มี 110 ลิตร)
3 ข้าพเจ้ากล่าวกับเธอว่า
“เธอจะต้องอยู่กับเราอีกหลายวัน
จะต้องไม่ทำตัวเป็นหญิงโสเภณี
ไม่ไปเป็นของชายใด
และเราจะทำอย่างนั้นกับเธอด้วย”
4 เพราะชนอิสราเอลจะต้องอยู่
โดยไม่มีกษัตริย์หรือเจ้านายเป็นเวลาหลายวัน
ไม่มีการถวายเครื่องบูชาหรือเสาหิน
หรือ เสื้อปุโรหิต หรือเทวรูปประจำบ้าน
5 หลังจากนั้น ชนอิสราเอลจะกลับมา
และแสวงหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขา
และดาวิด กษัตริย์ของพวกเขา
พวกเขาจะมาด้วยความยำเกรงพระยาห์เวห์
และมารับพระพรพระคุณของพระองค์
ในวาระสุดท้าย
คำบัญชาให้ไถ่โกเมอร์
3:1 เพราะพระเจ้าทรงตั้งพระทัยที่จะไถ่อิสราเอลจากความชั่วร้าย การวิ่งไล่ตามรูปเคารพ และพระเท็จ พระองค์จึงทรงสั่งให้โฮเชยาไปไถ่โกเมอร์ออกจากการเป็นหญิงโสเภณี พระองค์ทรงให้กลับไปรักโกเมอร์อีกครั้ง
เหมือนกับว่า โฮเชยาไม่ไหวแล้ว แต่พระเจ้าทรงให้เขาทำ เขาจะต้องจ่ายค่าตัวของเธอเพื่อแต่งงานกับเธออีกครั้ง เป็นครั้งที่สอง เพราะดูเหมือนว่าเธอกลับกลายไปเป็นทาสของชายชู้
3:2 “ข้าพเจ้าไปซื้อตัวเธอคืนมา” นี่เป็นการกระทำที่หมิ่นเกียรติของโฮเชยาเอง เมื่อพระเจ้าทรงไถ่พวกเราออกจากความบาป ขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่ก็เช่นกัน พระองค์ทรงถ่อมพระทัยเกินที่เราจะเข้าใจได้ในการที่ทรงทำเช่นนั้น “ทรงถ่อมพระองค์ลง” (ฟิลิปปี 2:8)เป็นการถ่อมพระองค์เพื่อมนุษย์ เพื่อพระบิดาจะได้ไถ่มนุษย์กลับคืนมาเป็นครอบครัวของพระองค์
3:3-4 การต้องแยกตัวออกนั้น จะทำให้โกเมอร์ไม่ตามชู้ของเธอไป เธอจะต้องอยู่ในขอบเขต ไม่มีอิสระจะทำอะไรตามใจได้อีก โกเมอร์จะต้องทำตามคำสั่งของสามีที่ไถ่ตัวเธอกลับมา ต้องหยุดความสัมพันธ์กับชายชู้นั้นอย่างสิ้นเชิง
เรื่องนี้สื่อถึงการที่พวกเขาจะต้องตกไปเป็นเชลย ไม่มีอำนาจที่จะปกครองตนเองหรือทำตามใจตัวเอง ไม่มีกษัตริย์ ไม่มีปุโรหิต ไม่มีพระวิหารในแผ่นดินที่พวกเขาตกไปเป็นเชลย
เครื่องบูชา เป็นของถวาย เสาหิน (อพยพ 23:24)เป็นสิ่งที่พวกเขาตั้งไว้ตามที่สูงเพื่อกราบไหว้ร่ายรำเหมือนกับที่คนคานาอันทำ เสื้อปุโรหิต เป็นดั่งรูปเคารพของพวกเขา ส่วนเทวรูปประจำบ้าน ก็เป็นการใช้เพื่อการทำคาถาอาคม
3:5 การไม่มีปุโรหิต ไม่มีกษัตริย์ แต่ต้องไปเป็นทาสรับใช้คนต่างชาติ คือการดัดหลังคนอิสราเอลที่ลุ่มหลงในเทวรูป หลังจากนั้น อิสราเอลจะกลับมาจากการเป็นเชลย เขาจะเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนทัศนคติ เขาจะแสวงหาพระเจ้า จะยำเกรงพระองค์ และไดัรับพระพร จะแสวงหาพระเมสสิยาห์ซึ่งอยู่ในวงศ์วานดาวิด (เวลาผู้เผยพระดำรัสกล่าวถึงดาวิดมักจะหมายถึงพระเยซู) และเราได้เห็นคำว่า วาระสุดท้ายนี้ ชัดเจนว่าโฮเชยากำลังกล่าวถึงอนาคตที่ไกลจากพวกเขาหลายพันปี
คำว่า วาระสุดท้าย มาจากคำรากศัพท์ฮิบรูว่า อะคาริธ אַחֲרִית หมายถึงจุดจบ หรือส่วนสุดท้ายของเวลา เป็นการกล่าวถึงผลสุดท้าย หรือผลของสถานการณ์หนึ่ง ๆ เป็นอนาคต หรือวันสุดท้าย
สำหรับชาวฮีบรูแล้ว คำว่า อะคาริธ สำคัญมากที่ทำให้เข้าใจ แผนการ พระประสงค์ของพระเจ้า ชาวอิสราเอลมักมองประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์ในอนาคต ผ่านการจัดเตรียมของพระเจ้า ซึ่งจุดจบ จุดสุดท้ายนี้ เป็นการจบของพระสัญญา หรือการพิพากษาของพระองค์ มุมมองแบบนี้ เราจะเห็นชัดเจนในหนังสือของผู้พยากรณ์ ดังนั้น วาระสุดท้ายหรือวันสุดท้ายนี้จะเป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตของโลก
https://biblehub.com/hebrew/319.htm
ในอนาคต พวกเขาจะทำอย่างนี้ (เยเรมีย์ 30:9) พวกเขาจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และดาวิดพระราชาของเขาผู้ซึ่งเราจะให้เกิดมาเพื่อเขา เห็นชัดว่า พระคัมภีร์บทนี้กำลังกล่าวถึงองค์พระเยซูคริสต์อย่างชัดเจน
อ่านมาสามบท คิดได้ว่า เรื่องของโกเมอร์ คือเรื่องของชีวิตเราทุกคนนี่นา!
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด ทรงรักมาก ทรงไม่ต้องการให้ใครสักคนพินาศเลย พระองค์จึงทรงทำสิ่งที่พวกเราคาดไม่ถึง!