ฮีบรู 9 พระโลหิตคือคำตอบ

ฮีบรู 9:1-2 ในพันธสัญญาแรกนั้น มีกฎเกณฑ์ต่างๆเรื่องการนมัสการ และยังมีสถานบริสุทธิ์บนแผ่นดินโลก พลับพลาถูกเตรียมไว้ในห้องแรกคือคันประทีป โต๊ะ และขนมปังบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์ ณ ที่นี้ เรียกว่า สถานบริสุทธิ์ (วิสุทธิสถาน)




ฮีบรู 9:3-4 หลังจากม่านชั้นที่สอง เป็นห้องที่เรียกว่า สถานบริสุทธิ์ที่สุด (อภิสุทธิสถาน)ในห้องนี้ มีแท่นบูชาทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม และหีบพันธสัญญาหุ้มทองคำ ข้างในหีบมีโถทองคำใส่มานาไว้รวมทั้งไม้เท้าที่ผลิดอกตูมของอาโรนและแผ่นศิลาแห่งพันธสัญญา

ฮีบรู 9:5 บนหีบพันธสัญญามีรูปเครูบแสดงถึงพระเกียรติสิริของพระเจ้า โดยเครูบกางปีกปกคลุมฝาหีบของพระที่นั่งแห่งพระกรุณา แต่เรายังไม่อาจกล่าวถึงรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ ในเวลานี้


ฮีบรู 9:6-7 ในเมื่อทุกสิ่งถูกจัดเตรียมดังกล่าว เหล่าปุโรหิตก็จะเข้าไปยังส่วนแรกเป็นประจำเพื่อปฏิบัติหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์มีเพียงมหาปุโรหิตที่เข้าไปในส่วนที่สองได้และเข้าได้เพียงปีละครั้ง พร้อมกับนำเลือดเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นเลือดที่ถวายเพื่อตนเอง และเพื่อบาปที่ประชาชนซึ่งทำลงไปโดยไม่เจตนา

ฮีบรู 9:8 องค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสำแดงจากการทำทุกสิ่ง (คือระบบปุโรหิต)ตามที่กล่าวมา ให้รู้ว่าทางเข้าสถานที่บริสุทธิ์ที่สุดก็ยังไม่เปิดออกมา ตราบใดที่พลับพลาแรกยังคงตั้งอยู่

ฮีบรู 9:9-10 นี่เป็นภาพอธิบายเพื่อปัจจุบัน เพราะทั้งของถวายและเครื่องบูชาที่ถวายไป ไม่อาจชำระให้มโนธรรมของผู้นมัสการให้บริสุทธิ์ได้เลย ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม พิธีการชำระล้าง ซึ่งเป็นข้อปฏิบัตินอกกาย ที่ใช้ไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนระบบใหม่

ฮีบรู 9:11 แต่เมื่อพระคริสต์ทรงปรากฏในฐานะมหาปุโรหิตเหนือสิ่งดีที่มาก่อนหน้านี้พระองค์ทรงเข้าสู่พลับพลาที่ยิ่งใหญ่สมบูรณ์เพียบพร้อมกว่า ซึ่งเป็นพลับพลาที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์และไม่ได้เป็นส่วนของสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง

ฮีบรู 9:12 พระองค์มิได้เข้าไปด้วยเลือดของแพะ และวัว แต่ทรงเข้าไปยังที่บริสุทธิ์ที่สุดครั้งเดียวเป็นพอพร้อมกับพระโลหิตของพระองค์เองทำให้ได้มาซึ่งการไถ่บาปชั่วนิรันดร์

ภาพวาดโดย Leon Joseph Florentin Bonnat

ฮีบรู 9:13-14 เพราะหากเลือดแกะและโคผู้ และเถ้าจากลูกโคเมียที่ประพรมลงบนคนที่มีมลทิน สามารถชำระให้ร่างกายมนุษย์ให้สะอาดบริสุทธิ์ได้ ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด ที่พระโลหิตของพระคริสต์ผู้ทรงสละพระองค์เองอย่างไร้ตำหนิแด่พระเจ้าโดยทางพระวิญญาณนิรันดร์ จะชำระจิตสำนึกของเราจากการกระทำที่นำสู่ความตาย เพื่อว่าเราจะได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

ฮีบรู 9:15 เพราะเหตุนี้เอง พระคริสต์จึงทรงเป็นคนกลางของพันธสัญญาใหม่ เพื่อว่าคนที่ได้รับทรงเรียกจะได้รับมรดกนิรันดร์ที่ทรงสัญญาไว้ เพราะบัดนี้ พระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่พวกเขาจากการล่วงละเมิดที่ได้กระทำลงไปภายใต้พันธสัญญาแรก 

ฮีบรู 9:16-18 ในกรณีของหนังสือพินัยกรรม จำเป็นต้องพิสูจน์ว่า ผู้ทำพินัยกรรมได้สิ้นชีวิตแล้ว เพราะพินัยกรรมจะไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าคนที่ทำพินัยกรรมสิ้นชีวิตไป หากเขายังมีชีวิตอยู่พินัยกรรมก็ไม่มีผลใด ๆ ดังนั้น พันธสัญญาแรกก็ไม่มีผลใด ๆ จนกว่าจะต้องมีโลหิตเสียก่อน

ฮีบรู 9:19 เพราะเมื่อโมเสสประกาศคำสั่งทุกข้อของบทบัญญัติแก่ประชาชน ท่านได้นำเลือดของลูกโคและแพะผสมน้ำพร้อมขนแกะสีแดง ไม้หุสบมาประพรมทั้งหนังสือม้วนและประชาชน

ฮีบรู 9:20-21 กล่าวว่า “นี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งพระเจ้าทรงสั่งให้ท่านทั้งหลายรักษาไว้” และด้วยวิธีเดียวกัน ท่านก็ได้ประพรมพลับพลาและอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ในการนมัสการด้วยโลหิตนั้น

ฮีบรู 9:22 ความจริง ตามบทบัญญัติ ทุกสิ่งได้รับการชำระให้สะอาดด้วยโลหิต! และหากไม่มีการหลั่งโลหิตก็จะไม่มีการให้อภัยบาป

ฮีบรู 9:23-24 ดังนั้น การที่ของจำลองตามแบบสวรรค์จะได้รับการชำระด้วยพิธีบูชาแบบนี้จึงจำเป็นแต่สิ่งที่อยู่ในสวรรค์นั้น มีเครื่องถวายบูชาที่ดีกว่า เพราะพระคริสต์ไม่ได้ทรงเข้ามายังสถานนมัสการซึ่งถูกสร้างด้วยมือโดยจำลองตามสถานนมัสการแท้ แต่เสด็จสู่สวรรค์โดยตรง บัดนี้ทรงปรากฏพระองค์ต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อพวกเรา



ฮีบรู 9:25 ทั้งพระองค์ไม่ได้เข้าไปยังสวรรค์เพื่อถวาย
พระองค์เอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกับมหาปุโรหิตที่เข้าไปยังอภิสุทธิสถานทุกปีพร้อมกับโลหิตที่ไม่ใช่เป็นของตัวเขา

ฮีบรู 9:26 หากเป็นเช่นนั้น พระคริสต์คงต้องทนทุกข์ทรมานซ้ำ ๆ มาตั้งแต่การเริ่มต้นของโลก แต่เวลานี้พระองค์ทรงปรากฏเพียงครั้งเดียวเป็นพอในปลายยุค เพื่อกำจัดบาปโดยการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา


9:27-28 เหมือนมนุษย์ทุกคนที่ถูกกำหนดให้ตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นจะพบการพิพากษา พระคริสต์ทรงถวายพระองค์เองครั้งเดียว เป็นเครื่องลบบาปของคนจำนวนมาก และพระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อนำความรอดสู่คนที่จดจ่อรอคอยพระองค์

อธิบายเพิ่มเติม

ฮีบรู 9:1-2
บทที่ 8 ที่ผ่านมา ผู้เขียนฮีบรูอธิบายว่า จำเป็นต้องมีพันธสัญญาใหม่ เพราะพันธสัญญาเดิมนั้นมีข้อบกพร่องอยู่ ในบทที่ 9 นี้ ท่านได้บอกว่า
สิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏในพันธสัญญาเดิมเป็นเครื่องหมายที่ชี้มายังพันธสัญญาใหม่ เป็นเงาของสิ่งที่จะมาในอนาคต และสิ่งที่สำคัญคือ พระเยซูทรง
เหนือกว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ผู้เขียนได้เริ่มให้เราเห็นภาพว่าในพลับพลานั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง

ถอดความจาก ฮีบรู 9:3-4
ในเมื่ออุปกรณ์ทุกชิ้นมีความหมาย ผู้เขียนจึงเริ่มทำให้ชาวยิวที่อ่านเรื่องราวนี้ ได้กลับไประลึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในพลับพลา ในห้องชั้นในสุดมีหีบพันธสัญญาอยู่ หีบนี้เป็นหีบทองคำ ท่านไม่ได้ให้รายละเอียดมาก บอกคร่าว ๆ ให้ผู้อ่านได้เข้าใจ มานาบ่งบอกการที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูในถิ่นกันดาร ศิลาแห่งพันธสัญญาระลึกถึงบัญญัติที่พระเจ้าประทานผ่านโมเสส และไม้เท้าที่สื่อหน้าที่ปุโรหิต

ถอดความจาก ฮีบรู 9:5
เมื่อกล่าวถึงของที่มี่อยู่ในหีบพันธสัญญาแล้วผู้เขียนก็เล่าว่า บนหีบพันธสัญญาซึ่งเป็นหีบไม้ที่มีทองคำปิดทับไว้ ส่วนเครูปคือ ทองคำที่ทำเป็น
รูปเลียนแบบของเครูบซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดบัลลังก์ของพระเจ้าในสวรรค์ โดยที่เครูปเอาปีกปกคลุมเหนือหีบพันธสัญญา พระเจ้า
จะทรงพบกับปุโรหิต ณ ที่ตรงนี้ เพื่อบอกสิ่งที่ทรงประสงค์จะบอกคนอิสราเอล อพยพ 25:22

ฮีบรู 9:6-7
ตอนนี้ ผู้เขียนเริ่มที่จะอธิบายความว่า ปุโรหิตทำหน้าที่ในห้องชั้นแรกเป็นประจำทุกวัน แต่ในห้องบริสุทธิ์ที่สุดนั้น จะมีหนึ่งท่านที่เข้าไปเพียงปีละครั้งเท่านั้น และที่เข้าไปก็เพื่อถวายเลือดเป็นเครื่องบูชาเพื่อลบบาปของตนเอง ของประชาชน การทำเช่นนี้ เป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่า การทำบาปทำให้เราแยกออกจากพระเจ้า และเราต้องได้รับการอภัยเพื่อกลับเข้ามาสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์

ฮีบรู 9:8
รูปแบบพันธสัญญาเดิมที่อธิบายมานี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด แต่ยังไม่สมบูรณ์เพียบพร้อม ความผิดบาปของมนุษย์จะต้องถูกจัดการซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หากเรายังใช้ระบบเดิมของพลับพลานี้อยู่ หากยังใช้ระบบปุโรหิตคนกลางที่เป็นมนุษย์แล้ว ทางเข้าสถานที่บริสุทธิ์ที่สุด คือ ทางที่จะเข้าไปหาพระเจ้าและสื่อสารกับพระองค์โดยตรงก็ไม่เปิดได้อย่างอิสระ ระบบเดิมกับใหม่ใช้ไปพร้อมกันไม่ได้

ฮีบรู 9:9-10
ระบบเดิมนั้น ไม่อาจชำระชีวิตของผู้ที่เข้ามาหาพระเจ้าได้อย่างถาวร สิ่งต่าง ๆ ที่ใช้ในพิธี และพิธีกรรมต่าง ๆ นั้น ไม่ได้เป็นแผนการสุดท้าย
ของพระเจ้า เป็นเพียงวิธีการที่พระเจ้าทรงช่วยให้มนุษย์ได้เข้าใจถึงวิธีการที่จะจัดการกับบาปอย่างแท้จริงและยั่งยืนในองค์พระเยซูคริสต์​ผู้ทรงเป็นคนกลางเดียวเท่านั้นที่จะนำความรอดมาให้ พระเจ้าทรงแจ้งให้รู้ว่า ชีวิตบาปต้องมีการกำจัด

ฮีบรู 9:11
ข้อความตอนนี้ ได้สรุปชัดว่า ในสวรรค์มีพลับพลาที่ดีกว่า เพียบพร้อมกว่า ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ ไม่ได้อยู่ในส่วนของธรรมชาติที่พระเจ้า
ทรงสร้าง เป็นเรื่องของอีกโลกหนึ่ง เป็นพลับพลาที่เหมาะกับองค์มหาปุโรหิต ซึ่งเราไม่ทราบว่ามีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง ในพระคัมภีร์ไม่ได้บอกไว้ และก็ไม่ได้มีบันทึกในที่อื่น ๆ ที่สำคัญคือพลับพลาสวรรค์สมบูรณ์แบบกว่าพลับพลาในโลก

ฮีบรู 9:12
วิธีการของพลับพลาสวรรค์นี้แตกต่างจากระบบของพลับพลาในโลก ตรงที่ว่า เลือดที่เข้าไปเพื่อรับการไถ่บาปให้มนุษย์ไม่ใช่เป็นเลือดสัตว์
แต่เป็นพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ที่ทรงสละพระชนม์ชีพของพระองค์บนไม้กางเขน ในการถวายเครื่องบูชาของปุโรหิตในโลกเป็นการทำซ้ำ
แต่สำหรับพระเยซูแล้ว ทรงทำครั้งเดียวเท่านั้นแล้วคนที่เชื่อวางใจก็ได้รับการไถ่บาปเลย

ฮีบรู 9:13-14
ตอนนี้ผู้เขียนก็ยังเล่าว่า ขนาดเลือดของโคและแกะยังมีพลังช่วยให้มนุษย์สะอาด บริสุทธิ์ได้ แม้จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็ยังมีพลังตามที่
พระเจ้าทรงกำหนดให้ ดังนั้น พระโลหิตของพระบุตรพระเจ้าจะยิ่งมีพลังเหลือล้นมากมายกว่านั้นขนาดไหน ​เป็นพระโลหิตที่ชำระเราจากชีวิต
เก่าที่วนเวียนอยู่กับการกระทำที่นำสู่ความตายกลายเป็นคนมีชีวิตใหม่ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแต่มุ่งรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์

ฮีบรู 9:15
เมื่อเห็นคำว่า “มรดกนิรันดร์” ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ เราสรุปได้ว่า พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะให้มนุษย์ได้รับมรดกนิรันดร์ซึ่งทรงเตรียมไว้ให้
พวกเขามาแต่ไหนแต่ไร สำหรับพี่น้องยิวที่อ่านข้อความตอนนี้ ทำให้พวกเขาได้รู้ว่า พระเยซูทรงเป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับพวกเขา ไม่ใช่
พิธีกรรมใด ๆ ในพระวิหารหรือพลับพลาที่ต้องผ่านเหล่าปุโรหิตอีกต่อไป

ฮีบรู 9:16-18
คำว่าพินัยกรรม กับคำว่าพันธสัญญามีการใช้สลับกัน แต่ในภาษากรีกเป็นคำ ๆ เดียวกัน เสปอร์เจียนให้ความเห็นว่า ถ้าเรามีหลักฐานว่า
ผู้ทำสัญญาหรือผู้ทำพินัยกรรมได้สิ้นชีวิตไปแล้วสัญญาหรือพินัยกรรมนั้นจะส่งผลบังคับใช้ เช่นเดียวกับข่าวประเสริฐ ถ้าพระเยซูมิได้สิ้นพระชนม์ข่าวประเสริฐนั้นก็จะใช้ไม่ได้ ในพันธสัญญาเดิมต้องมีการใช้เลือดประพรมทุกอย่าง

ฮีบรู 9:19
อย่างที่ได้เล่าในข้อ 18 แล้วว่าพันธสัญญาเดิมนั้นต้องการเลือดของโค แพะ แกะมาเป็นตัวแสดงให้เห็นว่า มีการอภัยบาปเกิดขึ้น บาปเป็น
เรื่องจริง เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เล่น ๆ เพราะว่ามันทำให้คนที่ทำบาปนั้น รับโทษถึงตาย จะเกิดการอภัยให้บาปนั้นก็ต้องมีการรับโทษถึงตายเสียก่อน ในพันธสัญญาเดิมได้เลือกให้เป็นการตายของสัตว์เพื่ออภัยบาปตามที่พระเจ้าทรงสั่งโมเสสเอาไว้โดยต้องมีการฆ่าเอาเลือดกันเป็นประจำทุกวัน

ฮีบรู 9:20-21
ประชาชนจะต้องทำตามอย่างที่พระเจ้าทรงสั่งผ่านโมเสสในเรื่องเลือด ภายใต้พันธสัญญาเดิมนั้น อุปกรณ์ทุกชิ้นในพลับพลา จะได้รับการชำระให้สะอาดด้วยการประพรมเลือดลงไป การทำเช่นนี้ชี้ให้เห็นถึง ในมาระโก 14:24 พระเยซูตรัสในคืนสุดท้ายกับศิษย์ โดยทรงหยิบถ้วยน้ำองุ่นและตรัสว่า นี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาของเรา ซึ่งต้องเทออกเพื่อคนเป็นอันมาก ชี้ให้เห็นถึงพระโลหิตที่จะมาชำระเราให้สะอาด

ฮีบรู 9:22
พระเจ้าทรงจัดการกับความบาปของมนุษย์ด้วยสิ่งที่มนุษย์เองคาดไม่ถึง ความดี ด้วยการขอโทษ หรือรับโทษที่ได้ทำไปแต่หลักพื้นฐานของการที่พระเจ้าจะทรงจัดการกับความบาปของมนุษย์คือ การหลั่งเลือด ซึ่งในสมัยโบราณ พระองค์ทรงให้ประชาชนรับการอภัยบาปผ่านพิธีต่าง ๆ ที่ต้องมีการหลั่งเลือดของสัตว์ แต่ที่สุด พระองค์ทรงใช้พระโลหิตพระเยซู!

ฮีบรู 9:23-24
พลับพลา พิธีต่าง ๆ ซึ่งทำในสมัยโมเสสนั้น ช่วยให้คนรับการชำระด้วยเลือดสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชาซึ่งไม่สมบูรณ์แบบเต็มร้อย นี่เป็นพิธีในโลก
แต่ในสวรรค์ พระเยซูทรงเข้าไปในสถานนมัสการต้นแบบในสวรรค์ ซึ่งเป็นของแท้ที่ยั่งยืนเป็นนิตย์พระเยซูทรงปรากฏพระองค์ต่อพระพักตร์พระเจ้าในฐานะองค์ปุโรหิตเพื่อช่วยให้เราพ้นจากความบาป นี่เป็นเกียรติอันสูงส่งของผู้ที่เชื่อในพระองค์เป็นความล้ำเลิศที่ไม่มีใครให้ได้

ฮีบรู 9:25
การเข้าเฝ้าพระบิดาในฐานะปุโรหิตของมนุษยชาตินั้น เป็นการเข้าเฝ้าที่ยังคงทำเพื่อเราเสมอ คือพระองค์ทรงอธิษฐานเพื่อเรา แต่พระองค์ไม่ต้อง
ถวายพระองค์บนไม้กางเขนอีกเลย สิ้นพระชนม์ครั้งเดียวนั้น เป็นพอ สิ่งที่ปุโรหิตในสมัยก่อนทำหรือแม้กระทั่งในกลุ่มศาสนาที่ต้องมีตัวแทนติดต่อระหว่างมนุษย์กับพระเจ้านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนชีวิตใครได้เลย มีพระเยซูเท่านั้นที่ทรงลบบาปให้และยังทรงเปลี่ยนชีวิตเราจากมืดเป็นสว่างอย่างเห็นได้ชัด

ฮีบรู 9:26
เลือดของสัตว์ที่ปุโรหิตใช้เป็นสิ่งที่ต้องหามาใหม่ทุกครั้งที่ทำพิธีลบล้างบาป เพราะเป็นระบบการถวายเครื่องบูชาที่จำกัด แต่พระโลหิตของพระเยซูนั้นสมบูรณ์แบบที่จะทำลายอำนาจและการลงโทษบาปได้ พระองค์ไม่ต้องทรงสิ้นพระชนม์ซ้ำแล้วซ้ำอีก พระเยซูทรงปรากฏพระองค์ในปลายยุคก็คือ เมื่อพระเยซูเสด็จมา พระองค์ทรงเป็นผู้ขีดเส้นให้รู้ว่า ยุคของพันธสัญญาเดิมนั้นจบลงไปแล้ว ต่อไปคือยุคของพันธสัญญาใหม่

ฮีบรู 9:27-28
ชีวิตเดียว และตายครั้งเดียว พวกเราซึ่งพระเจ้าทรงเมตตาให้เกิดมานั้น มีโอกาสครั้งเดียวของชีวิตที่จะรับเอาพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเราทุกคนจะพบการพิพากษาของพระเจ้า เราต้องให้การกับพระองค์ด้วยตัวของเราเอง นี่เป็นสิ่งที่เราต้องไม่ลืม เพื่อเราจะได้ไม่อายในวันที่พระองค์เสด็จกลับมาครั้งที่สอง พระเยซูทรงตายเพื่อคนเป็นจำนวนมาก เราจึงไม่หยุดยั้งที่จะชวนคนอื่นให้มาพบพระองค์เช่นกัน

พระคำเชื่อมโยง

1* อพยพ 25:8
3* อพยพ 26:31-35; 40:3
4* อพยพ 25:10; 16:33; กันดารวิถี 17:1-10; อพยพ 25:16; 34:29
5* เลวีนิติ 16:2
6* กันดารวิถี 18:2-6; 28:3
7* อพยพ 30:10; ฮีบรู 5:3
8* ยอห์น 14:6
9* ฮีบรู 7:19
10* โคโลสี 2:16; กันดารวิถี 19:7;
เอเฟซัส 2:15

11* ฮีบรู 10:1
12* ฮีบรู 10:4; เอเฟซัส 1:7; เศคาริยาห์ 3:9; ดาเนียล 9:24
13* เลวีนิติ 16:14-15; กันดารวิถี 19:2
14* อิสยาห์ 53:2; 1 ยอห์น 1:7; ฮีบรู 6:1;
ลูกา 1:74
15* โรม 3:25; ฮีบรู 3:117* กาลาเทีย 3:15
18* อพยพ 24:6
19* อพยพ 24:5-6; เลวีนิติ 14:4,7

20* มัทธิว 26:28; อพยพ 24:3-8
21* อพยพ 29:12, 36
22* เลวีนิติ 17:11
23* ฮีบรู 8:5
24* ฮีบรู 6:20; 8:2; 8:34
25* ฮีบรู 9:7
27* ปฐมกาล 3:19; 2 โครินธ์ 5:10
28* โรม 6:10; 1 เปโตร 2:24; มัทธิว 26:28; ทิตัส 2:13